(Yaoi) พักใจกับนายรูมเมท 2-21

Now you are reading (Yaoi) พักใจกับนายรูมเมท Chapter 2-21 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.
ตอนที่ 2-21 แผลฉกรรจ์

 

 

 

 

ซองจูโปรย ‘ยิ้มทรงเสน่ห์’ ทันทีที่คำว่าข่าวดีหลุดออกมาจากปาก สีหน้าของพ่อแม่ก็เต็มตื้นไปด้วยรอยยิ้มแห่งความภาคภูมิใจ ใครมองก็คงคิดว่าเป็นครอบครัวที่สมบูรณ์แบบกันทั้งนั้น 

 

 

ซองฮีที่ได้เห็นใบหน้าชวนให้ระคายใจแบบนั้น จึงค่อยยกน้ำขึ้นมาดื่มอึกหนึ่ง พร้อมกับถอนหายใจออกมา ท่าทีของพี่ชายที่ได้เห็นภายในบ้านหลังนี้ มีเขาเพียงคนเดียวที่รู้ ไม่สิ ในเวลานี้ ซองฮีกลายเป็นมนุษย์เพียงหนึ่งเดียวที่ไม่พอใจกับการแสดงอย่างไม่เต็มใจของซองจูต่อหน้าพ่อแม่แบบนั้น 

 

 

“หืม แต่ว่าทำไมซองฮีทำหน้าไม่ชอบใจแบบนั้นล่ะ นี่เป็นครั้งแรกที่ครอบครัวเราได้มารวมตัวกันหลังจากงานแต่งงานของลูกนะ” 

 

 

“ผมแค่รู้สึกไม่สบายท้องนิดหน่อยน่ะครับ ไม่ต้องกังวลไปหรอกครับแม่” 

 

 

เพื่อให้พ่อและแม่ละความสนใจที่ไม่มีความจำเป็นนั้นไปเสีย เขาจึงต้องฝืนยิ้ม แล้วก็ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ซองจูที่รับรู้ได้ถึงความไม่พอใจของอีกคนตั้งแต่เมื่อสักครู่ จึงยกยิ้มออกมาพร้อมกับช่วยพูดเสริมให้อีกคน 

 

 

“ก่อนหน้านี้ซองฮีเพิ่งจะมีการแสดงไป แล้วก็ยังไม่ได้พักผ่อนเลยนี่ครับ เพราะฉะนั้นถึงได้ดูเพลียๆ แบบนี้น่ะครับแม่” 

 

 

“เฮ้อ ถ้ารู้ว่าจะเป็นแบบนี้ ก็น่าจะเลือกนัดวันหลังแทนไปแล้ว แม่ผิดเอง เจ้าลูกชาย” 

 

 

“ไม่หรอกครับ ให้ปฏิเสธครอบครัวด้วยข้ออ้างแบบนั้น ผมเองก็คงทำไม่ได้” 

 

 

“ถึงอย่างนั้นก็ต้องคิดถึงสุขภาพก่อนสิ เข้าใจไหมลูก” 

 

 

“ครับ เข้าใจแล้วครับ” 

 

 

ระหว่างพี่น้องที่ไม่มีใครพูดอะไรออกมาอีก ต่างหันกลับไปยกยิ้มให้กับพ่อและแม่ สามัคคีกันแสดงว่าเป็นครอบครัวตัวอย่าง สุดท้ายแล้ว พวกเขาก็ได้แต่สมรู้ร่วมคิดกันเช่นนี้ ซองจูหันไปมองผู้สมรู้ร่วมคิดคนใหม่อย่างน้องสะใภ้ ก่อนจะยกยิ้มมุมปาก แล้วจัดการหั่นสเต๊กออกมาเป็นชิ้น แม้จะเป็นอาหารของภัตตาคารขึ้นชื่อระดับมิชลินสตาร์ แต่ในเวลานี้เขากลับไม่รับรู้ถึงรสชาติใดๆ อยากจะรีบๆ กลับห้องสักที วันนี้ทั้งวันซองจูยังไม่ได้เจอหน้าจองอูเลย 

 

 

หลังงานแต่งงานของซองฮี นี่ก็ผ่านมาได้เกือบครึ่งปีแล้ว เพราะอย่างนั้นการใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันอย่างแปลกประหลาดของซองจูกับจองอูก็ผ่านมาได้เกือบครึ่งปีเช่นกัน ตลอดช่วงเวลานั้น ชีวิตของซองจูไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปมากมาย 

 

 

ผลกระทบจากข่าวลือกับคิมซอยอนที่น่ารังเกียจนั่น จบสิ้นลงและไม่ได้มีผลอะไรอีกต่อไปแล้ว พวกนักข่าวต่างก็แยกย้ายออกไปทำข่าวซุบซิบอย่างอื่นต่อ หลังจากสถานการณ์ทุกอย่างเรียบร้อย ซองจูก็ไม่ได้ทำอะไรอย่างอื่น ยังคงเก็บตัวอยู่ในบ้าน เพราะเมื่อเกิดปัญหานั่นขึ้นมา เรื่องทุกอย่างก็ดูน่ารำคาญไปหมด สิ่งที่เปลี่ยนไปคงมีเพียงความสัมพันธ์ระหว่างเขากับจองอูเท่านั้น 

 

 

ตอนนี้ซองจูใช้ชีวิตส่วนใหญ่ร่วมกับจองอูไปแล้ว 

 

 

ทันทีที่นักข่าวรอบบ้านถอนทัพกลับไป เขาก็งดเว้นการไปออกกำลังกายข้างนอก เขาใช้เวลาอยู่ในบ้านอ่านหนังสือ หรือไม่ก็ดูหนัง ในเวลานั้นข้างๆ ซองจูก็มักจะมีจองอูอยู่ด้วยเสมอ 

 

 

แม้จะไม่ได้แนบชิดกันบ่อยเท่าตอนแรกๆ แต่ร่างกายที่คุ้นเคยกันอย่างดีแบบนั้น กลับยิ่งทำให้ความต้องการมันมีมากขึ้น ความรู้สึกที่ได้รับก็มากยิ่งขึ้นเช่นกัน เหมือนกับว่าเขากำลังเสพติดคิมจองอู ซองจูอยากรีบออกจากสถานที่อันน่าอึดอัดนี่ แล้วกลับไปแบ่งปันความอบอุ่นที่คุ้นเคยกับจองอู และในตอนนั้นเอง 

 

 

“ว่าแต่ซองจู เรื่องครั้งที่แล้วมันเป็นยังไงกันล่ะ” 

 

 

แม่แสดงความสนใจกับซองจูอีกครั้ง 

 

 

“…ครับ?” 

 

 

“อ้าว ก็เรื่องซอยอนไงล่ะ เรายังไม่ได้คุยกับแม่ให้เรียบร้อยเลยนะ” 

 

 

“คุณต้องมาพูดอะไรตอนนี้ด้วยรึไง? นี่เรากำลังทานข้าวกันอยู่นะ” 

 

 

“ทำไมล่ะ? ตอนนั้นฉันถามนู่นนี่ไป แต่ก็ไม่ได้ตอบอะไรชัดเจนเลยสักอย่าง เพราะเห็นว่ายังเหนื่อยๆ อยู่หรอก ถึงได้ยอมรอมาเจอกันพร้อมหน้าอีกครั้งนี่ไง มันก็ต้องถามเอาตอนนี้ล่ะ” 

 

 

“ผมไม่เป็นไรครับพ่อ พูดมาได้เลยครับ” 

 

 

ทันทีที่บรรยากาศเปลี่ยนไป พ่อแม่เริ่มหันมาแสดงความสนใจเขาอย่างจริงจัง ซองจูยิ่งอยากรีบออกไปจากที่นี่ ในสถานการณ์ที่ชวนกระอักกระอ่วน เพราะทุกสายตาของคนในครอบครัวมารวมกันอยู่ที่ตัวเขาเป็นจุดเดียว ในช่วงเวลาเดียวกันนั้น มันทำให้เขาต้องเปิดปากพูดออกมา 

 

 

“ก็แค่ความสัมพันธ์ของผมกับซอยอนมันไม่เหมือนเดิมอีกแล้วน่ะครับ คบกันไปนานๆ นิสัยก็เริ่มเข้ากันไม่ได้ ก็เลยต้องถอยออกมา นิสัยของซอยอนกับผมมันต่างกันมากๆ น่ะครับ” 

 

 

“อย่างนั้นสินะ แต่ว่านอกจากซอยอนก็ไม่มีใครแล้วนี่” 

 

 

คำพูดต่อมาของแม่ทำให้คิ้วของซองฮีขมวดมุ่นอย่างน่ากลัว 

 

 

จะบอกว่าคำพูดขของเขามันไม่สมเหตุสมผลสินะ ซองจูชำเลืองมองไปยังซองฮี ก่อนจะบังคับตัวเองให้ยกยิ้มออกมา 

 

 

“ถึงยังไงคนที่พูดขึ้นมาก่อนว่าเลิกกัน มันก็ไม่ใช่ผมอยู่ดี ผมก็แค่คิดว่าควรจัดการให้มันเรียบร้อยไปซะ จบกันไปในตอนที่ยังพูดคุยกันได้อยู่คงดีกว่า แต่ว่าพอมีข่าวลือแบบนั้นออกมา ผมก็ทำอะไรไม่ถูก พอรู้ว่าอีกคนส่งเรื่องให้นักข่าว…” 

 

 

“ถ้ามีเรื่องอะไรแบบนั้น ก็ควรจะบอกพวกเราบ้างไม่ใช่รึไง ถึงซองฮีจะคอยบอกอยู่ตลอดว่าไม่เป็นไร มันก็น่าตกใจอยู่ดีนี่ลูก ลูกเองก็ไม่ได้ติดต่อมาเลย ประธานชินก็บอกแค่ไม่มีอะไร ให้แกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ไปแค่นั้น แม่ทุกข์ใจแค่ไหนรู้ไหม” 

 

 

“ขอโทษครับ ผมรู้ดีว่าควรติดต่อไปก่อน แต่สถานการณ์ตอนนั้นมันไม่ได้มีอะไรจริงๆ ครับ” 

 

 

เขายังคงพูดเช่นเดิมซ้ำๆ ว่าขอโทษ แต่แม่ก็ยังคงแสดงออกว่าไม่พอใจอยู่เช่นเดิม ถึงอย่างไรการรวมตัวกันวันนี้ ก็ไม่ได้เพื่อจะมาถามเกี่ยวกับเรื่องนี้ ความอดทนของซองจูค่อยๆ ลดลง ตรงข้ามกับการพยายามซักไซ้ด้วยความสงสัยนั่น ซองฮีจึงช่วยทำให้แม่สงบลง 

 

 

“ยังไงซะ คนที่เสียหายที่สุดในเหตุการณ์นี้ก็คือพี่นะครับ ประธานชินอาจจะยึดโทรศัพท์ไปด้วยก็ได้นี่ครับ อย่าไปว่าอะไรเลยครับแม่” 

 

 

“ก็ ถ้าเป็นแบบนั้นมันก็ช่วยไม่ได้นี่นะ แต่แม่ก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี” 

 

 

“ขอโทษจริงๆ ครับแม่” 

 

 

สุดท้าย กระทั่งลูกคนที่สองก็ยังเข้าข้างซองจู คนเป็นแม่เองก็ไม่คิดที่จะซักไซ้ถามอะไรต่อไปอีก แต่ว่าในตอนที่ได้ยินชื่อของซอยอน ความอยากอาหารที่ไม่ค่อยจะมีอยู่แล้วก็ยิ่งลดฮวบลงไปอีก เวลาทานอาหารที่เหลืออยู่จึงเหมือนเป็นขุมนรกสำหรับซองจู เขาส่งสายตาแสดงความขอบคุณไปให้ซองฮี แล้วจึงทนเคี้ยวๆ และกลืนอาหารตรงหน้าต่อไปเหมือนเป็นเครื่องจักร 

 

 

“นานๆ ได้มาเจอลูกชายแบบนี้ดีจังเลยนะ เอาไว้คราวหน้าเรามาเจอกันอีกนะลูก” 

 

 

“ลำบากแย่เลยสินะลูก ที่ต้องแบ่งเวลามาแบบนี้ แต่ยังไงก็ติดต่อมาบ้างล่ะ โดยเฉพาะซองจูน่ะ เข้าใจไหม” 

 

 

“ครับ เข้าใจแล้วครับ ดึกมากแล้วรีบกลับไปพักผ่อนเถอะครับ” 

 

 

การพบเจอของครอบครัวที่ไม่ได้เจอกันมานานจบลงเร็วกว่าที่คิด เพียงแค่ทานอาหารแล้วก็แยกย้ายกันไป แม้จะทำให้พ่อแม่ไม่พอใจ แต่ทันทีที่จบการทานข้าว ซองฮีก็ต้องรีบกลับไปอัดเสียงที่ห้องซ้อม แม่ที่แสดงสีหน้าเสียดายมองส่งซองจูที่ติดเครื่องยนต์รอแล้ว 

 

 

“กลับดีๆ ล่ะ ขับรถดีๆ ฉันไปก่อนนะ” 

 

 

“อื้อ…โอเค” 

 

 

ซองจูรับคำบอกลาของซองฮีที่ดูไม่ค่อยจะเข้ากับเจ้าตัวสักเท่าไหร่ด้วยสีหน้าเจื่อนๆ สายตาที่มองมาเหมือนมีอะไรจะพูดด้วย ซองจูก็ทำเพียงไม่รับรู้แล้วรีบขับรถออกไป 

 

 

“น่าเบื่อชะมัด รีบกลับไปอาบน้ำดีกว่า” 

 

 

พอขึ้นมาบนรถ เขาก็ขับรถออกมาทันที ใบหน้าของซองจูในตอนนี้ ยิ่งขึ้นสีแดงมากขึ้น 

 

 

 

 

 

เนื่องจากเลยเวลาเลิกงานมาพอสมควร รถจึงไม่ได้ติดมากอย่างที่คิด เผื่อเอาไว้แล้วว่าคงจะไปถึงห้องได้ภายในสามสิบนาที เมื่อรถมาติดไฟแดงอยู่แถวที่ไม่ได้ไกลจากวิลล่ามากนัก ซองจูก็ขยับกายบิดขี้เกียจพร้อมกับพึมพำออกมา 

 

 

“โอ๊ย จริงๆ เลย จู่ๆ ก็พูดแบบนั้นออกมาได้ยังไง” 

 

 

เมื่อนึกถึงเรื่องราวตอนอยู่ที่ภัตตาคาร ก็พาลทำให้รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาอีกทันที แม้จะรู้ดีว่าอย่างไรแม่ก็ต้องถามเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่ดี แต่ก็ไม่ได้คิดว่ามันจะต้องเป็นวันนี้ 

 

 

“ยังไงมันก็ไม่ถูกต้อง…พ่อแม่ก็คิดถึงแต่ตัวเองเท่านั้นแหละ” 

 

 

ในตอนที่พึมพำออกมาแบบนั้น สัญญาณไฟก็เปลี่ยนให้รถเคลื่อนตัวต่อไปได้ 

 

 

แม่ก็เป็นแบบนั้นตลอด คิดถึงแต่ตัวเอง มองว่าสองพี่น้องยังคงเป็นเด็กอยู่เสมอ และสามีก็ยังคอยเห็นด้วยไปกับทุกอย่าง พอพ่อเห็นด้วยกับความคิดของแม่ ซองจูจึงต้องเสแสร้งแสดงละครออกมา ซองฮีก็ต้องทำตัวให้เป็นเด็กดีพอ แสดงท่าทางให้ฝ่ายตัวเองได้กำไร มองอย่างนี้แล้วก็ทำให้เห็นแล้วว่าครอบครัวนี้แปลกประหลาด และคอยแต่จะทำให้ต้องว้าวุ่นใจ 

 

 

“เหนื่อย เหนื่อยชะมัด” 

 

 

เขายังคงขับรถต่อไป พร้อมกับบ่นพึมพำออกมา  

 

 

แม้ว่าตัวตนที่แท้จริงของเขาจะเป็นพวกอวดดีและนิสัยเลวร้าย แต่ว่าเมื่ออยู่ในเขตรั้วบ้าน เขาก็ตระหนักได้เองว่า ตนไม่สามารถทำอะไรตามอารมณ์ได้ เขาค่อยๆ ขับรถเข้าไปในซอยที่พาไปสู่ทางเข้าวิลล่าที่เขาพักอยู่ 

 

 

ทันทีที่มาถึงที่จอดรถ เขาก็จอดรถด้วยความรวดเร็ว แล้วจึงขึ้นลิฟต์ไปทันที อยากจะรีบเข้าไปในห้อง เจอหน้าจองอูแล้วก็จบวันนี้ไปอย่างสงบสุขเสีย เมื่อตัวเลขในลิฟต์เปลี่ยนเป็นเลขเจ็ด เขาก็ยกนิ้วหัวแม่มือขึ้นมาขบด้วยความกระวนกระวาย 

 

 

ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด 

 

 

พอประตูลิฟต์เปิดออก เขาก็พุ่งตรงไปที่ประตูแล้วกดรหัสผ่านลงไปในทันที รู้สึกราวกับคนที่กระหายน้ำอย่างมาก ซองจูรีบร้อนเปิดประตูหน้าออก แล้วแทรกตัวเข้าไปในห้องอย่างรวดเร็ว  

 

 

“นี่ ฉันกลับมาแล้ว” 

 

 

เขาค่อยๆ เคลื่อนตัวไปข้างหน้าอย่างช้าๆ ต่างกับจิตใจที่กระวนกระวาย แต่ทว่ากลับไม่มีคำตอบรับกลับมา 

 

 

“นี่ ฉันกลับมาแล้วไง?” 

 

 

เขาถอดรองเท้าออก พร้อมกับเอ่ยเรียกอีกคนเป็นหนที่สอง แต่ก็ยังไม่มีการตอบรับกลับมา ซองจูยกนาฬิกาที่ใส่อยู่ที่ข้อมือขึ้นมา เอียงหัวมองดูเวลาที่ปรากฎบนหน้าปัด อย่างไรเสียเวลาตอนนี้มันก็ได้เปลี่ยนจากกลางวันเป็นกลางคืนไปเรียบร้อยแล้ว กิจวัตรปกติของจองอู ไม่มีทางที่อีกคนจะเข้านอนตั้งแต่ช่วงสองทุ่มแน่ ซองจูกลืนน้ำลายอย่างฝืดเฝื่อนลงคอโดยไม่ทันรู้ตัว ความห่วงใยที่ปะทุออกมาคล้ายกับอาการกระหายน้ำเหลือเกิน 

 

 

“ไอ้เจ้านี่ ยังนอนอยู่รึไง? ไม่หรอก จะเป็นไปได้ยังไง” 

 

 

พึมพำออกมาแบบนั้น ส่วนสายตาของซองจูที่เคยมองจ้องภายในห้องที่เงียบสนิท ก็เบือนกลับไปยังบริเวณประตูหน้าห้อง รองเท้าผ้าใบเก่าๆ ที่มักจะวางอยู่หน้าประตู ตอนนี้มันได้หายไปแล้ว 

 

 

จองอูไม่อยู่ที่ห้อง 

 

 

“อะไรเนี่ย ไปซื้อของงั้นเหรอ” 

 

 

ตามนิสัยของอีกคน ก่อนทำงานมักจะชอบออกไปร้านสะดวกซื้อ ซื้อพวกโคล่าหรือขนมต่างๆ มาทิ้งเอาไว้ นั่นคือสาเหตุที่อีกคนมักจะชอบออกไปซื้อของข้างนอกอยู่เสมอ แต่เพราะก่อนหน้านี้ถูกกักบริเวณให้อยู่แต่ในห้องมาตลอด ส่วนตอนนี้ไม่มีเรื่องที่ต้องระวังแล้วจึงออกไปข้างนอกได้ปกติ ซองจูที่เข้าใจเรื่องนั้นเป็นอย่างดี จึงเพียงยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจออกมา แล้วจึงขยับเดินเข้าไปภายในห้อง 

 

 

“ถึงยังไงเจ้านั่นก็ขี้เกียจพอตัว ร้านสะดวกซื้อน่ะ รีบออกไปซะตั้งแต่ตอนกลางวันก็ได้นี่นา วันนี้ทั้งวันก็เอาแต่นอนอยู่ในห้องเฉยๆ อยู่แล้วแท้ๆ หรือไม่งั้น ถ้าจะออกไปข้างนอกก็ควรจะบอกกันก่อนที่ฉันจะออกไปสิ เพื่อให้การใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันนั้นสุขสงบก็ควรจะทำแบบนั้นไหม เห็นฉันเป็นคนง่ายๆ สบายๆ รึไงกัน” 

 

 

ซองจูบ่นพึมพำออกมาเสียงเบา ก่อนจะตรงเข้าไปที่ห้องของตัวเอง 

 

 

วันนี้ทั้งวันยังไม่ได้เจอหน้ากันเลยสักครั้ง ทั้งที่คิดว่าทันทีที่กลับมาถึงบ้าน ก็จะออกมาคอยต้อนรับกัน แต่นี่กลับมีเพียงห้องว่างเปล่ายิ่งทำให้เขาหงุดหงิดเข้าไปอีก สถานที่อย่างพวกร้านสะดวกซื้อก็น่าจะไปเสียตั้งแต่ตอนช่วงกลางวันที่เขาไม่อยู่ห้อง แล้วก็ค่อยกลับมาทำงาน แต่ทำไมถึงมาออกไปเอาป่านนี้ก็ไม่รู้ แม้จองอูจะกลับเข้ามา แต่เขาก็ไม่สามารถแสดงความรู้สึกน้อยใจนี้ออกไปได้ จึงได้ตัดสินใจเข้าไปเปลี่ยนชุดในห้องอาบน้ำ 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด