(Yaoi) พักใจกับนายรูมเมท 2-4

Now you are reading (Yaoi) พักใจกับนายรูมเมท Chapter 2-4 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.
ตอนที่ 2-4 แผลฉกรรจ์

 

 

 

 

ทันทีที่งานแต่งงานจบลงเขาก็ตรงดิ่งมาที่ห้องตัวเองทันที 

 

 

หลังจากจัดการทุกอย่างเรียบร้อยก็ไปรวมตัวกันที่บ้านพ่อแม่เจ้าสาว แล้วจึงได้กลับมาที่นี่ ใบหน้าของพ่อแม่ที่ส่งยิ้มให้แขกเหรื่อตลอดงานแต่งงานมีแววเหนื่อยล้าโดยไม่รู้ตัว ซองจูปลอบใจพ่อแม่อยู่หลายครั้ง แต่ตัวเขาเองก็แอบซ่อนความรู้สึกโหวงเหวงเอาไว้เช่นกัน 

 

 

ทำไมมันถึงรู้สึกโหวงเหวงแบบนี้นะ 

 

 

เขากลับออกมาจากบ้านของผู้มีสายเลือดเดียวกัน ในสถานที่ซึ่งครอบครัวพร้อมหน้า แต่กลับให้ความรู้สึกแปลกประหลาด แล้วยังการบอกลากับอดีตคนรักนั่นอีก มันเหมือนว่าตัวเขาไม่ได้เป็นอะไรสำหรับคนพวกนั้นเลย ชั่วครู่ที่รู้สึกสิ้นหวังต่อความจริงนั้น ทำเอาซองจูรู้สึกอยากจะสำรอกมันออกมา แล้วเขาจึงเริ่มขับรถออกไปอีกครั้ง 

 

 

ร่างกายที่ราวกับจมลึกสู่ใต้ดิน เขาก้าวเข้ามาภายในห้องด้วยความรู้สึกอ้างว้างจับใจ ปิดประตูอย่างแรงและทันทีที่เหยียบย่างเข้ามาภายใน ซองจูก็รับรู้ถึงความว่างเปล่า 

 

 

เพียงไม่กี่เดือน เขากลับเคยชินกับการมีตัวตนของแขกไม่ได้รับเชิญเสียอย่างนั้น ซองจูหัวเราะให้กับสิ่งที่คาดไม่ถึงนี้ แล้วจึงก้าวเดินเข้าไปอย่างช้าๆ 

 

 

หลังจากชำระล้างร่างกายที่เต็มไปด้วยความอ่อนล้าด้วยน้ำอุ่น และจัดการเปลี่ยนชุดเรียบร้อย ซองจูก็ตรงไปคว้าขวดแมคคัลแลน คราก สเตรง มาจากโฮมบาร์ที่อยู่ในห้องชุดทันที แล้วจึงย้ายตัวเองไปยังห้องนั่งเล่น วางขวดเหล้าลงบนโต๊ะอย่างไม่เบามือนัก ก่อนจะเดินเซไปข้างโทรทัศน์ ตรงนั้นมีเครื่องเล่นบลูเรย์และบรรดาแผ่นภาพยนตร์ดีวีดีที่เขาสะสมเอาไว้วางอยู่ 

 

 

ด้วยอาชีพนักแสดง เขาจึงสร้างห้องโฮมเธียเตอร์ไว้ในห้องอ่านหนังสือ แต่ตอนนี้เขาก็ไม่ได้มีอารมณ์จะมานั่งดูภาพยนตร์อะไรแบบนั้น อย่างไรเสีย ก็ไม่ได้มีใจอยากดูภาพยนตร์อยู่แล้ว เขาเพียงต้องการลบความรู้สึกสับสนและไม่อาจเข้าใจได้พวกนี้ออกไปเท่านั้น  ซองจูคุ้ยหาไปได้ไม่เท่าไหร่ เขาก็เจอกล่องซีดีใสที่ไม่มีชื่อเรื่องกำกับอยู่  

 

 

“นี่มัน…” 

 

 

ทันทีที่ค้นพบสิ่งนั้น เขารู้สึกราวกับถูกตีเข้าที่ท้ายทอยอย่างจัง หากจำไม่ผิด นี่คงเป็นแผ่นซีดีที่บันทึกเรื่องราวส่วนหนึ่งสมัยมหาวิทยาลัย ช่วงที่พวกเขาและดงฮยอนถ่ายทำภาพยนตร์สั้นด้วยกัน ซองจูใส่แผ่นซีดีเข้าไปในเครื่องเล่นบลูเรย์ แล้วกดปุ่มเพลย์ทันที ภาพที่ฉายอยู่บนจอในตอนนี้ก็คือ 

 

 

 

 

 

‘เอาล่ะ คุณจะพูดถึงเรื่องการแสดงของนักแสดงฮันซองจูให้เราฟังกันใช่ไหมครับ คุณมุนเซจอง?’ 

 

 

‘ผมยังไม่เคยได้เห็นแบบเต็มๆ เลย แล้วจะให้เอาอะไรมาพูดกันล่ะครับ’ 

 

 

‘โธ่ แบบนี้อีกแล้ว ดูก็รู้ คงจะเขินสินะครับ’ 

 

 

‘ก็มันจริงนี่ครับ รุ่นพี่ครับ ผมแค่ผ่านมานั่งเล่นฆ่าเวลาที่ห้องชมรมนี่แค่ไม่กี่ครั้งเองนะครับ’ 

 

 

 

 

 

ไม่รู้เมื่อไหร่ ที่บนหน้าจอเต็มไปด้วยภาพของเซจองที่กำลังถูกดงฮยอนเย้าแหย่แบบนั้น ซองจูคว้าขวดเหล้าที่วางอยู่บนโต๊ะอย่างไม่พูดพร่ำทำเพลง ก่อนจะรินเหล้าลงในแก้ว นี่ก็แก้วที่สามแล้ว แต่ไม่ว่าเขาจะดื่มไปมากเท่าไหร่ มันก็เปล่าประโยชน์ ไม่มีทีท่าว่าจะเมาเลยสักนิด 

 

 

เขาแกว่งแก้วที่บรรจุของเหลวสีอำพันเอาไว้ไปมา กลิ่นเข้มข้นของวิสกี้ลอยฟุ้งมากระทบประสาทส่วนรับกลิ่น เขายกแก้วขึ้นทาบแตะที่ริมฝีปากอย่างช้าๆ และในตอนนั้นเอง เสียงปลดล็อกดังแกร๊กจากประตูหน้าก็ทำเอาเขาหันไปมองยังทิศทางนั้นโดยไม่รู้ตัว  

 

 

“อ้า…” 

 

 

ที่สุดทางเดินซึ่งเชื่อมต่อกับส่วนประตูหน้านั้น จองอูกำลังจ้องมองมายังซองจู 

 

 

 

 

 

“กลับมาเร็วกว่าที่คิดนะ” 

 

 

จองอูเอ่ยขึ้นก่อนจะเดินเข้ามาภายในห้องอย่างช้าๆ เขาอยู่ในชุดสูทเนี้ยบดูเรียบร้อย ให้ความรู้สึกที่เป็นธรรมชาติไร้การเสริมแต่ง สดชื่นจัง 

 

 

จองอูกำลังเดินผ่านไปยังห้องของตัวเองด้วยท่าทางระมัดระวัง แต่กลับถูกน้ำเสียงแผ่วเบาของซองจูรั้งตัวเอาไว้ 

 

 

“อยากดื่มสักแก้วไหม” 

 

 

จองอูหันกลับมาทันทีด้วยท่าทางราวกับว่าตนนั้นคงหูฝาดไป ในดวงตาสีน้ำตาลเข้มคู่นั้นมีแววของความไม่แน่ใจสะท้อนออกมา 

 

 

“ถ้าไม่อยากดื่มก็แล้วแต่” 

 

 

ซองจูที่ได้เห็นแววตาเช่นนั้น ถึงกับส่งเสียงคิกคักแผ่วเบาออกมา จองอูที่กำลังทอดสายตามองมาที่เขา เพียงพยักหน้าเล็กน้อย โดยไม่ได้แสดงสีหน้าผิดแปลกอะไรออกมาเลย 

 

 

“ก็เอาสิ” 

 

 

ทันทีที่เอ่ยปากออกมา อีกคนก็นั่งลงที่ด้านข้างซองจู แรงยุบฮวบและการขยับตัวของอีกฝ่ายทำให้ไออุ่นของเจ้าตัวส่งผ่านออกมา ไม่รู้ทำไมซองจูถึงได้รู้สึกดีกับไออุ่นนั้น ซองจูค่อยๆ ลุกจากที่นั่ง 

 

 

“เดี๋ยวเอาแก้วมาให้” 

 

 

เขาเดินไปที่ครัวราวกลับต้องการหลีกหนีจองอูเสียอย่างนั้น ขณะที่เดินออกมา เขายังรู้สึกได้ถึงสายตาที่จ้องมายังตัวเองตลอดเวลา เป็นเขาที่เอ่ยชวนอีกฝ่ายออกไปก่อน จะแกล้งทำเป็นเนียนหนีไปเสียคงจะไม่ได้แน่ ได้แต่คว้าแก้ววิสกี้ออกมา แล้วกลับไปยังห้องนั่งเล่น ในเวลานั้นบนจอภาพยังคงปรากฎภาพที่เขาและเซจองถกเถียงกัน ด้วยท่าทางที่ดูก็รู้ว่าคงไม่ได้เป็นเพียงเพื่อนกันเท่านั้น 

 

 

 

 

 

‘โธ่ พอได้แล้ว หันกล้องกลับไปเลยนะ!’ 

 

 

‘ไม่ได้ถ่ายทำจริงสักหน่อย… ก็แค่ถ่ายเบื้องหลังเอง ทำไมนายต้องเรื่องคิดมากด้วย’ 

 

 

‘เบื้องหลังมันก็คือการถ่ายทำไม่ใช่รึไง เป็นดาราหรือไงถึงทำงั้นน่ะ’ 

 

 

‘ว้าว พูดไม่มีหางเสียงแล้วด้วย กับรุ่นพี่เลยนะ’ 

 

 

‘เป็นรุ่นพี่ก็หัดทำตัวให้มันเหมือนรุ่นพี่ซะบ้าง! ทำอะไรตามใจชอบอยู่เรื่อย…’ 

 

 

 

 

 

ภาพตัวเขาคงหยอกล้อกับเซจองที่กัดฟันกรอด แต่ก็ยังรู้สึกได้ว่าอีกคนดูสดใส ซองจูเบิกตาขึ้นเล็กน้อย 

 

 

ซองจูคาดไว้ตั้งแต่ตอนนั้นแล้วว่า ความสัมพันธ์ของเขากับเซจองไม่มีทางยืนยาว แม้เขาจะชอบอีกคนมากขนาดไหน แต่ถึงอย่างไรเซจองก็เป็นผู้ชาย ความสัมพันธ์ของพวกเขาไม่มีทางราบรื่น มันไม่ใช่สิ่งที่สามารถเปิดเผยออกไปได้ ยิ่งซองจูได้เป็นนักแสดงดั่งที่ตั้งความหวังไว้ ช่วงเวลานั้นการพบเจอกับเซจองกลายเป็นเรื่องที่ทำให้เขาลำบากใจอย่างที่สุด 

 

 

เราคบหากันตอนอายุยี่สิบห้าและเลิกรากันตอนอายุยี่สิบแปด ช่วงที่สดใสที่สุดในชีวิต ระยะเวลาสามปีที่ได้คบหากันนั้น เขาทั้งคู่ไม่ได้เชื่อใจในกันและกัน และไม่ได้เปิดเผยทุกสิ่งต่อกัน 

 

 

ท้ายที่สุดพวกเราก็คบหากันต่อไปไม่ได้ การเลิกรากันไประหว่างคนทั้งคู่นั้น มันไม่ได้มีอะไรสวยงามเลย และคนที่ทำให้เรื่องราวทุกอย่างกลับกลายเป็นเช่นนั้นก็คือตัวซองจูเอง 

 

 

“เวรเอ๊ย…” 

 

 

คำสบถเล็ดลอดออกมาพร้อมกับการกระแทกแก้วเหล้าลงบนโต๊ะ ทั้งที่ควรตกใจกับการกระทำที่ก้าวร้าวนั่น แต่จองอูกลับยังนิ่งเฉย อีกคนทำราวกับไม่ได้ใส่ใจซองจูมากนัก เพียงยื่นมือออกไปรับแก้วเหล้ามา ดื่มเข้าไปอึกหนึ่ง แล้วเบนสายตาไปยังจอโทรทัศน์เบื้องหน้าเท่านั้น 

 

 

“คนนั้นน่ะ คือคนที่คุยด้วยเมื่อกี้ใช่ไหม” 

 

 

จองอูที่มองภาพซองจูกับเซจองถกเถียงกันไปมาตั้งแต่เมื่อครู่ เอ่ยปากขึ้น หากเป็นเวลาปกติ เมื่ออีกคนเอ่ยถามอย่างสงสัยว่านี่มันคืออะไร ซองจูคงหาเรื่องกวนอารมณ์อีกคนกลับไปแล้ว หากเขากลับไม่ได้ตอบโต้อะไรกลับไป เพียงพยักหน้ารับเท่านั้น 

 

 

“…ดูจะชอบมากเลยสินะ” 

 

 

เขาไม่ได้ตอบคำถามนั้น ไม่มีแม้แต่การเคลื่อนไหวใดๆ เพียงแค่จ้องเขม็งไปที่จอโทรทัศน์ด้วยแววตาที่ราวกับมีเปลวไฟลุกโชนอยู่ จองอูที่เห็นอีกฝ่ายกัดปากราวกับไม่ต้องการตอบสิ่งใด เขาก็ได้แต่ถอนหายใจออกมาอย่างแผ่วเบา 

 

 

“ขอโทษ ฉันคงล้ำเส้นมากไป” 

 

 

“…รู้ก็ดีแล้วนี่” 

 

 

ในที่สุดซองจูก็เอ่ยปาก 

 

 

เขาเอื้อมไปคว้าแก้วเหล้าที่วางบนโต๊ะมาถือไว้ 

 

 

ยกขึ้นดื่มรวดเดียว ภายในร้อนขึ้นราวกับถูกเผาผลาญด้วยรสเหล้าดีกรีแรงที่ไหลผ่านเข้าไป เขาทิ้งตัวลงนั่งที่โซฟา พิงศรีษะไปบนนั้น ร่างกายที่เย็นเยียบสั่นสะท้าน สายตาเริ่มพร่ามัว ดวงตาเอ่อคลอไปด้วยหยาดน้ำใส ซึ่งค่อยๆ หยาดหยดลงมา บนจอภาพยังคงฉายภาพร่องรอยของวันคืนเหล่านั้นออกมา เขาจ้องไปบนจอภาพนั่นอีกครั้งแล้วก็ได้เห็นใบหน้าของเซจอง 

 

 

ดวงตาที่เป็นประกายสีเขียวอ่อนนั่นช่างดูห่างไกลเหลือเกิน 

 

 

ตอนนี้เขาได้ลิ้มรสของความเสียใจแล้ว แม้จะรู้ดีว่ามันไม่ทางเปลี่ยนแปลงอะไรได้อีกก็ตาม ซองจูกัดฟันกรอด หมดหวัง เขาหลับตาลงชั่วขณะ เมื่อไม่อาจปรับสายตาที่เลือนรางให้กลับเป็นปกติได้ น้ำเสียงทุ้มต่ำนั้นดึงซองจูให้กลับมาอีกครั้ง 

 

 

“ถ้านายไม่ถือสาอะไรที่เป็นฉันละก็ ลองระบายมันออกมาบ้างดีไหมล่ะ น่าจะทำให้นายสบายใจกว่าที่ทำอยู่” 

 

 

คำพูดที่เขาไม่เคยคาดคิดว่าจะได้ยินมัน ทำเอาซองจูต้องกะพริบตาถี่ ๆ 

 

 

“สงสารฉันอยู่งั้นเหรอ?” 

 

 

“ไม่ใช่แบบนั้น” 

 

 

“งั้นคืออะไรล่ะ” 

 

 

“เก็บเอาไว้ในใจแบบนั้น อาจจะป่วยเป็นโรคตรอมใจ…เหมือนแม่” 

 

 

“อะไรกัน เรื่องแบบนั้น” 

 

 

คำตอบที่ไม่คาดคิดทำให้ซองจูถึงกับหลุดหัวเราะออกมาโดยไม่รู้ตัว เขาเข้าใจว่าอีกคนเป็นพวกเถรตรงและไม่แยแสต่อสิ่งใด แต่ไม่คิดว่าจะมีด้านแบบนี้กับเขาด้วย 

 

 

“นายน่ะ ชื่อว่าอะไรนะ” 

 

 

“…คิมจองอู” 

 

 

“งั้นเหรอ” 

 

 

ซองจูตอบรับกลับไปเหมือนไม่มีเรื่องอะไร แล้วจึงผงกศรีษะที่พิงโซฟาเอาไว้เมื่อครู่กลับขึ้นมา 

 

 

“นายมีความสัมพันธ์ยังไงกับฮันซองฮีงั้นเหรอ? รู้จักกันมานานแล้วเหรอ?” 

 

 

“หา?” 

 

 

“ก็ไอ้คนที่มันแต่งงานวันนี้ไง” 

 

 

เมื่อครู่ยังทำราวกับจะเป็นจะตาย แต่จู่ๆ กลับพูดเรื่องนี้ขึ้นมาแทนเสียอย่างนั้น กระทั่งดวงตาคู่นั้น ก็กลับสดใสขึ้นมาด้วย จองอูเหม่อมองอีกฝ่ายที่แปรปรวนไปมาแล้วถึงกับเกาศรีษะแกรกๆ ก่อนจะถอนหายใจออกมาเล็กน้อย 

 

 

“นายรู้ตัวไหมว่าเป็นคนที่เอาแน่เอานอนไม่ได้เลยน่ะ เมื่อกี้ยังทำท่าจะเป็นจะตาย จู่ๆ ทำไมมาถามถึงเรื่องของพี่ซองฮีซะอย่างนั้นล่ะ” 

 

 

“พี่? นายเด็กกว่าฮันซองฮีอีกเหรอ? นายบอกว่าอายุเท่าไหร่กันนะ?” 

 

 

“สามสิบสอง ทั้งชื่อ ทั้งอายุ ฉันว่าฉันตอบไปตั้งแต่วันแรกแล้วนะ นี่นายเป็นพวกที่ไม่ใส่ใจอะไรใครเลยอย่างนั้นสินะ” 

 

 

ซองจูไม่ได้ใส่ใจสักนิด ถึงแม้อีกฝ่ายจะบอกว่าเคยแนะนำตัวไปตั้งแต่วันแรก ตอนนี้ยังจะมาถามคำถามพวกนั้นซ้ำอีกเหรอ 

 

 

“แล้วทำไมฉันต้องให้ความสนใจกับนายด้วยล่ะ แขกไม่ได้รับเชิญที่แอบเข้ามาในห้องฉันเนี่ย รู้สึกว่าต้องการนู่นนี่เยอะจังนะ” 

 

 

จองอูถึงกับหลุดหัวเราะออกมา เหมือนตอนนี้ซองจูจะกลับไปเป็นคนเดิมแล้ว 

 

 

“คิดไม่ถึงว่านายก็เป็นคนตลกกับเขาด้วย” 

 

 

“อย่ามาพูดเรื่องไร้สาระ ตอบคำถามมาสักที สนิทกับฮันซองฮีเหรอ” 

 

 

“ก็นะ ตามประสาคนที่ทำงานด้วยกันอยู่หลายปี แต่ถึงอย่างนั้นฉันก็ไม่รู้หรอกนะว่านายเป็นคนในครอบครัวพี่ซองฮีด้วย ไม่เห็นจะเหมือนกันเลยสักนิด” 

 

 

“ก็เพราะฉันเหมือนแม่ ส่วนไอ้นั่นเหมือนพ่อไงละ” 

 

 

นิสัยก็ต่างกันโดยสิ้นเชิงด้วย เขาบ่นพึมพำออกมาราวกับไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไรนัก จองอูที่จ้องมองซองจูซึ่งกำลังเทเหล้าลงในแก้วอยู่นั้น ก็ได้ยื่นแก้วในมือตัวเองออกมา 

 

 

“ขออีกแก้ว” 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด