(Yaoi) รุ่งอรุณเคียงหทัยตอนพิเศษ 3-2 ค่ำคืนจันทร์กระจ่าง

Now you are reading (Yaoi) รุ่งอรุณเคียงหทัย Chapter ตอนพิเศษ 3-2 ค่ำคืนจันทร์กระจ่าง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.
ตอนพิเศษ 3-2 ค่ำคืนจันทร์กระจ่าง

 

จาฮอนอุ้มโซกังขึ้นพร้อมกับหยัดกายลุกจากที่นั่ง 

 

 

“อื้อ!” 

 

 

เมื่อร่างกายถูกยกขึ้นอย่างกะทันหัน เจ้าตัวจึงร้องอุทานจนร่างสูงขบขัน ก่อนจะก้าวไปยังแท่นบรรทมอย่างเนิบช้าแล้ววางตัวอีกฝ่ายลง ส่วนตนก็นั่งลงข้างๆ ใช้ท่อนแขนโอบรอบลาดไหล่บอบบาง ทันทีที่โซกังเอนน้ำหนักพิงอย่างเคยชิน จาฮอนจึงเอ่ยขึ้นอย่างแผ่วเบา 

 

 

“นึกถึงอดีตขึ้นมาน่ะ ครั้งแรกที่ได้พบเจ้า ถึงกับเข้าใจว่าเป็นเทพธิดาฮังอาลงมาจากดวงจันทร์” 

 

 

“ขนาดนั้นเลยหรือพ่ะย่ะค่ะ” 

 

 

“ข้าไม่เคยบอกเจ้าหรอกหรือ” 

 

 

“ไม่เคยพ่ะย่ะค่ะ ทรงกล่าวแต่ว่าใช้อุบายหญิงงามกับพวกคนชุดดำ” 

 

 

“ไม่ใช่ ถึงไม่ใช่ตอนนั้น แต่ข้าก็แน่ใจว่าเคยบอกแล้ว” 

 

 

“กระหม่อมเห็นจำได้ว่าเคยได้ยิน” 

 

 

ทันทีที่โซกังเอ่ยอย่างมั่นใจเช่นนั้น จาฮอนเลยกระแอมออกมาแล้วเปลี่ยนคำพูด ในเมื่ออีกฝ่ายบอกว่าไม่เคยได้ยิน ดังนั้นคนจดจำได้เลือนรางอย่าตนจึงต้องยอมแพ้อย่างเสียมิได้ 

 

 

“จำได้หรือไม่ที่ข้าเคยกล่าวว่าหากอยู่ใต้แสงจันทร์ ผิวพรรณของเจ้าคล้ายมีประกายแสงดวงจันทร์?” 

 

 

“นึกไม่ออกเลยพ่ะย่ะค่ะ” 

 

 

กระทั่งครานี้ก็ยังตอบเช่นเดิม สุดท้ายแทนที่จะกล่าวชื่นชมความงามของอีกฝ่าย จาฮอนจึงต้องกลับมาพูดถึงเรื่องชีวิตประจำวัน 

 

 

“เช่นนั้นก็ช่างมันเถอะ… แล้วเจ้าอาบน้ำแล้วหรือ คิดจะเปลี่ยนเป็นชุดนอนเมื่อใดกัน” 

 

 

ขณะเอ่ยถามก็แอบสอดมือเข้าไปด้านในอาภรณ์ของโซกัง ร่างบางหัวเราะแผ่วเบาและดึงมือใหญ่ของออกมาด้านนอกอาภรณ์ตน ก่อนจะหยัดตัวลุกจากแท่นบรรทม 

 

 

“จะไปเปลี่ยนเดี๋ยวนี้พ่ะย่ะค่ะ” 

 

 

“อย่างนั้นหรือ ดีเลย เช่นนั้นเราก็ไปด้วยกันเถิด” 

 

 

เมื่อจาฮอนหยัดตัวลุกขึ้นตาม ใบหน้าหวานก็พลันขึ้นสีระเรื่อ ระยะเวลากว่าห้าปีที่อยู่ด้วยกัน การอาบน้ำพร้อมกันนับได้ไม่ถ้วน ทว่าทุกคราก็เป็นต้องหน้าแดงด้วยความเขินอายเช่นนี้เสมอ ร่างสูงรู้สึกว่าท่าทางของโซกังนั้นช่างน่าเอ็นดู จึงประทับริมฝีปากลงบนแก้มนุ่ม จากนั้นพาออกไปแช่ตัวในถังอาบน้ำกลางแจ้งด้วยกัน 

 

 

โซกังยิ่งหน้าแดงมากขึ้นไปอีก ขณะก้าวตามด้านหลังของจาฮอนที่เปิดประตูออกอย่างแผ่วเบา 

 

 

ส่วนในสุดของตำหนักยอฮยัง ด้านหลังของประตูสี่ชั้นนั้น บนเพดานเป็นหินแกะสลักอย่างประณีตบรรจง และมีอ่างอาบน้ำขนาดใหญ่ทำขึ้นจากการคว้านเนื้อตรงกลางของไม้หอมขนาดใหญ่ออกอย่างพอเหมาะ นางกำนัลเข้ามาตระเตรียมน้ำให้ล่วงหน้าเรียบร้อยแล้ว 

 

 

จาฮอนและโซกังก้าวเข้าไปด้านในตามลำดับ ก่อนผู้มีฐานันดรสูงกว่าจะเอ่ยแก่เหล่านางกำนัลและขันทีที่ตามเข้ามาด้านใน 

 

 

“ไม่จำเป็นต้องอยู่คอยปรนนิบัติ ไม่ต้องเข้ามาจนกว่าข้าจะเรียก” 

 

 

“ทราบแล้วเพคะ” 

 

 

“ทราบแล้วพ่ะย่ะค่ะ” 

 

 

หลังจากคนไม่เกี่ยวข้องออกไปจนหมด พวกเขาสองคนจึงช่วยถอดอาภรณ์ของกันและกัน 

 

 

จาฮอนก้าวเข้าไปในอ่างอาบน้ำก่อน ส่วนร่างบางจำต้องรวบผมจึงต้องใช้เวลาอยู่บ้าง ก่อนจะก้าวตามลงในอ่าง จากนั้นเขาก็ดึงโซกังเข้ามาในอ้อมกอดจนแผ่นหลังแนบชิดกับแผ่นอก ศีรษะเล็กซบอิงไม่ห่าง 

 

 

ทว่าด้วยท่วงท่าโอบกอดจากทางด้านหลัง เส้นผมที่ยกรวบขึ้นจึงเกะกะสำหรับจาฮอนพอควร เขาจึงแตะสัมผัสมวยผมครู่หนึ่งแล้วปลดมันลงเสีย เส้นผมเรียงตัวสวยพลันร่วงสยายตกลงมาคล้ายสายน้ำทะลักไหล 

 

 

การกระทำเช่นนั้นทำให้เสียงอุทานดังออกมาจากปากของโซกัง 

 

 

“อ๊ะ! เปียกหมดแล้ว” 

 

 

“ดูงดงามขึ้นเป็นเท่าตัวเชียว” 

 

 

จาฮอนรวบเส้นผมยาวสลวยพาดลาดไหล่ด้านหนึ่ง ก่อนจะดึงอีกฝ่ายเข้ามากอดแนบชิดอีกหน ทั้งสัมผัสหน้าอกเปียกชื้น เสียงระบายลมหายใจราวกับรู้สึกดีเล็ดลอดดังแว่วให้ได้ยินจนมีอารมณ์ตามไปด้วย แน่นอนว่าช่วงล่างเริ่มแข็งขืนขึ้นเช่นกัน 

 

 

มันคืออะไรกันนะ 

 

 

เขาลูบสัมผัสแผ่นอกบางด้วยฝ่ามือ กดนวดยอดถันชูชันหลังถูกตนรังแกมาตลอดหลายปี 

 

 

 “อา ฮา จาฮอน…” 

 

 

เมื่อได้ยินเสียงคราง ส่วนกลางกายของจาฮอนที่กำลังแข็งขืนก็ตั้งชันทิ่มถูกบั้นท้ายอีกฝ่ายทันที โซกังเบือนหน้าไปด้านข้างและเอ่ยเสียงเบา 

 

 

“ที่นี่ไม่ได้พ่ะย่ะค่ะ” 

 

 

“มิใช่ว่าไม่เคยทำเสียหน่อย เหตุใดจึงไม่ได้เล่า” 

 

 

“ความลับพ่ะย่ะค่ะ” 

 

 

“หืม? ข้าไม่ได้พร่ำบอกเจ้าหรอกหรือว่าระหว่างสามีภรรยาไม่ควรมีความลับต่อกันน่ะ” 

 

 

ว่าจบก็กอบกำส่วนอ่อนไหวของอีกคนแน่น เรียกเสียงครางอื้ออ้าเล็ดลอดออกมาจากปากเจ้าตัว  

 

 

จาฮอนนวดเฟ้นแกนกายของโซกังจนแข็งขืนได้ครึ่งหนึ่ง ก่อนจะจับใบหน้าหวานให้หันมาแล้วก้มหน้าลงงับติ่งหู ทั้งกระซิบกล่าว 

 

 

“หากไม่ยอมบอกเหตุผลอันสมควรว่าเพราะเหตุใดจึงทำไม่ได้ล่ะก็ ข้าจะรังแกเจ้าอยู่เช่นนี้” 

 

 

“อื้อ อ๊ะ ฮา… ช่างเอาแต่ใจเสียจริง” 

 

 

“เป็นความโลภเพราะอยากรู้ทุกเรื่องของเจ้าต่างหาก” 

 

 

“ช่างโลภมากยิ่งนัก คนเราจะรู้จักคนผู้หนึ่งในทุกๆ เรื่องได้อย่างไร” 

 

 

“หากเจ้ารู้อยู่ผู้เดียวมันก็ไม่ยุติธรรมสิ ข้าเองก็อยากรู้จักเจ้าเช่นกัน” 

 

 

“ทรงหมายความว่าอย่างไร” 

 

 

“ที่เจ้าเห็น คือตัวตนแท้จริงของข้า คล้ายเด็กเล็กๆ เต็มไปด้วยความต้องการ เป็นบุรุษเอาแต่ใจ เมื่อออกจากตำหนักยอฮยัง ก็กลายเป็นจักรพรรดิผู้เข้มงวด แต่ก็ถือว่ามีเมตตา ทว่าตัวตนของข้ากลับเป็นเช่นนั้นไม่ ข้าไม่ใช่บุรุษที่ดีเช่นนั้น” 

 

 

“เอามือออกก่อนพ่ะย่ะค่ะ” 

 

 

ร่างสูงยังคงกระซิบอยู่ข้างหูด้วยน้ำเสียงเจือความหยอกเย้า ทว่าโซกังกลับแกล้งสั่งให้อีกฝ่ายเอามือออกด้วยน้ำเสียงคล้ายมีโทสะ 

 

 

จาฮอนคิดว่าอีกฝ่ายน่าจะรับรู้ว่าน้ำเสียงของตนแฝงการหยอกเย้า แต่เมื่อสัมผัสถึงโทสะของโซกัง คิ้วก็พลันขมวดมุ่น ก่อนจะจับหมุนตัวหันมานั่งเผชิญหน้า การกระทำนั้นส่งผลให้น้ำกระฉอกไหว พอโซกังหันกลับมาก็เกิดระลอกคลื่นกระทบกับผนังอ่าง เขายกยิ้มแหยเมื่อเห็นคนรักจ้องมองกันอย่างเครียดขึง 

 

 

“คำกล่าวเมื่อครู่ มีสิ่งใดทำให้เจ้าโกรธเคืองขึ้นมาหรือ” 

 

 

“ใช่พ่ะย่ะค่ะ” 

 

 

“ไหนว่ามาสิ คำใดทำให้เจ้าโกรธเคืองเช่นนั้น” 

 

 

“สวามีของกระหม่อมปราดเปรื่อง ละเอียดรอบคอบ ไม่เคยให้กระหม่อมต้องอดอยาก ยามค่ำคืนก็…คือ อืม แต่เมื่อได้ฟังฝ่าบาทตรัสเมื่อครู่ ดูเหมือนพระองค์จะไม่ใช่สวามีของกระหม่อมเสียแล้ว” 

 

 

โซกังไม่สามารถเอ่ยชมว่ายามค่ำคืนก็เก่งกาจออกมาได้เพราะเขินอาย จึงละคำพูดส่วนนั้นไว้จนแก้มขึ้นลามกระทั่งใบหู จาฮอนมองปฏิกิริยานั้นพลางหัวเราะ โซกังใช้มือปิดบังใบหน้าร้อนผ่าวพร้อมเอ่ยพึมพำ 

 

 

“ใยถึงหัวเราะเช่นนี้” 

 

 

“ก็เจ้าน่ารัก จะห้ามไม่ให้ข้ายิ้มได้หรือ อย่าเอาแต่หลบหน้ากันเลย แล้วก็เลิกทำเป็นโมโหได้แล้ว เจ้าก็รู้ว่าข้าไม่ชอบได้ยินคำว่าฝ่าบาทจากเจ้า ข้าจะไม่พูดอีกแล้วนะ” 

 

 

จาฮอนจับข้อมือเล็กให้ละออกจากใบหน้างดงาม มันแดงจัดสะท้อนสีหน้าเหมือนประสบความยุ่งยาก ช่างน่าเอ็นดูอย่างยิ่ง ก่อนจะปล่อยมือออกและโอบเอวบางดึงรั้งมาทางตน ทว่าเปลี่ยนจากหันหลังเป็นหันหน้ากลับเท่านั้น ขณะถูกดึงเข้าสู่อ้อมกอดแกร่ง โซกังก็นึกว่าอีกฝ่ายรู้สึกไม่พอใจจริงๆ จึงหลุบสายตาลงต่ำ ทว่าผ่านไปครู่หนึ่งก็ได้ยินเสียงหัวเราะแผ่วเบาก็ดังขึ้น 

 

 

ตอนนั้นถึงตระหนักว่าจาฮอนไม่ได้โกรธจึงเงยหน้าขึ้น แล้วก็พบว่าจาฮอนจ้องมองกันพลางยกยิ้มล้อ 

 

 

“อา…” 

 

 

“เจ้ารู้สึกว่ายามค่ำคืนมันน่าพึงพอใจมากเกินไปอย่างนั้นหรือ” 

 

 

“ท่านจาฮอน! ไม่ใช่อย่างนั้น เอ่อ คือว่า…” 

 

 

“ไม่ใช่อย่างนั้นหรือ เช่นนั้นก็หมายความว่าค่ำคืนที่อยู่ร่วมกับข้า ไม่อาจทำให้เจ้าพึงพอใจได้หรือ” 

 

 

“ไม่ใช่แบบนั้น เฮ้อ… ข้าแค่ล้อเล่น” 

 

 

“เห็นเป็นเช่นนี้แล้ว มิใช่ว่าข้ากลายเป็นบุรุษถูกรังแกหรอกหรือ” 

 

 

โซกังซุกใบหน้าแดงจัดราวกับจะระเบิดออกมาเข้ากับอกของจาฮอน ก่อนจะทักท้วงพึมพำในลำคอ 

 

 

“ถึงอย่างไรสวามีของกระหม่อมก็ดีที่สุด” 

 

 

จาฮอนหลุดหัวเราะออกมาอีกคราและกระชับอ้อมกอด แม้เวลาจะผ่านมาถึงห้าปีแล้วก็ตาม แต่ทุกวันยังคงหวานชื่นเฉกเช่นวันอภิเษก วันนี้ก็ยิ่งหอมหวานมากขึ้นไปอีก ทั้งคู่โอบกอดกันและกันเช่นนั้นอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็จัดการอาบน้ำชำระกายเสียก่อนจะเย็น เสร็จแล้วก็ลุกออกมาจากอ่างอาบน้ำ 

 

 

หากเมื่อใดพวกเขาอาบน้ำด้วยกัน จะสั่งไม่ให้ผู้ใดเข้ามารับใช้จวบจนกระทั่งก่อนจะสวมอาภรณ์เต็มยศ ทั้งสองต่างเช็ดถูให้กันและกันแล้วสวมอาภรณ์ลำลอง หลังจากผูกปมเรียบร้อยแล้ว จาฮอนจึงกล่าวกับโซกัง 

 

 

“วันนี้ยามเดินทางมาตำหนักยอฮยัง ด้านนอกมีลมพัดเย็นสบาย เราออกไปดื่มชาอบเชยกันในอุทยานหลวง แล้วค่อยกลับเข้าห้องบรรทมเป็นอย่างไร” 

 

 

“ดีพ่ะย่ะค่ะ” 

 

 

เมื่ออีกฝ่ายเอ่ยเห็นชอบ จาฮอนจึงใช้ผ้าเช็ดเส้นผมเปียกชื้นของคนรักและแจ้งด้านนอกทันที 

 

 

“จงนำของว่างไปจัดเตรียมในอุทยานหลวง” 

 

 

“เพคะฝ่าบาท” 

 

 

“ไม่ทรงรับสั่งให้นำชาอบเชยมาด้วยหรือพ่ะย่ะค่ะ” 

 

 

คำสั่งอันแสนเรียบง่ายของจาฮอนทำให้โซกังผินหน้าเอ่ยถาม ด้วยเป็นความชมชอบของตนจึงนำมาแต่ชาขาวและชาทองประดับตำหนักเท่านั้น หากรับสั่งเรียบง่ายเช่นนั้น ผู้อื่นจะทราบได้อย่างไรว่าจะให้นำชาอบเชยมาด้วย 

 

 

ทว่าจาฮอนเพียงยกยิ้มน้อยๆ พลางตบลาดไหล่บางสองหน และเช็ดหยาดน้ำออกจากเส้นผมอีกครั้งแล้วตอบกลับ 

 

 

“คงจะพอมีไหวพริบอยู่บ้าง เจ้าอย่าได้กังวลไปเลย หรือหากพวกเขาไร้ไหวพริบนำชาอื่นมาด้วย ก็หาเป็นไรไม่ ได้ดื่มร่วมกับโฉมงามเช่นเจ้า ไม่ว่าชาใดก็ล้วนไร้รสชาติทั้งสิ้น” 

 

 

เขาจัดแจงช่วยเช็ดเส้นผมเปียกชื้นของโซกังอย่างเต็มกำลัง 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด