(Yaoi) รุ่งอรุณเคียงหทัย 6-2 บุปผาในอ้อมกอด

Now you are reading (Yaoi) รุ่งอรุณเคียงหทัย Chapter 6-2 บุปผาในอ้อมกอด at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.
ตอนที่ 6-2 บุปผาในอ้อมกอด

 

ตัวอักษรเขียนอย่างเป็นระเบียบด้วยสีย้อม ราวกับตำราของนักปราชญ์ที่ได้รับการคัดลอกเอาไว้ ลายมือของโซกังเรียบร้อยและสละสลวยตามที่กล่าว ทว่าเนื้อหาแท้จริงนั้นกลับเป็นจดหมายรักที่มอบให้แก่เขา จาฮอนอ่านจดหมายรักพลางปลดเปลื้องอาภรณ์ของโซกัง แม้ว่าอีกฝ่ายจะไม่ได้เอ่ยคำใดๆ แต่ก็สัมผัสได้ว่าปรารถนาในตัวเขา ใบหน้าร้อนผ่าวขึ้นสีกำลังวาดยิ้มน้อยๆ ด้วยท่าทางต่างจากปกติ ยอดถันทั้งสองข้างชูชันคล้ายเชื้อเชิญให้ช่วยดูดดึง จนกระทั่งส่วนกลางกายของตนแข็งขืน 

 

 

ผู้เป็นคนรักทำถึงเพียงนี้แล้ว หากยังไม่จู่โจมก็คงเป็นขันทีเท่านั้นล่ะ ช่วงล่างของจาฮอนแข็งเกร็งไปหมด มันก็สามารถประกาศชัดได้แล้ว เมื่อไม่อาจฝืนทนนิ่งเฉยต่อไปได้ เขาจึงยื่นมือไปปลดเปลื้องอาภรณ์ออกจนสิ้น ผ้าแพรเคลื่อนผ่านลาดไหล่บางเรียบลื่นแล้วไหลตกลงบนพื้น จาฮอนอุ้มตัวโซกังขึ้นมาก่อนจะวางลงบนแท่นบรรทม จากนั้นจะเริ่มถอดอาภรณ์ของตนออกบ้าง แต่ทันใดนั้นโซกังก็รีบเอ่ยขึ้นอย่างรวดเร็ว 

 

 

“ฝ่าบาท กระหม่อมจะถอดให้เองพ่ะย่ะค่ะ” 

 

 

“ช่างเถอะ ข้าลองทำเองแล้วก็พอทำได้” 

 

 

“แต่ว่า” 

 

 

“ไม่มีอะไรให้ต้องกังวลหรอก ตั้งแต่พาเจ้ามาตำหนักคอนรยุง ข้าก็ทำเองมาโดยตลอด ข้ามีสองมือครบถ้วน เจ้าทำสีหน้าลำบากใจเช่นนี้จะว่าอย่างไร อีกอย่างเจ้าต้องช่วยข้าเรื่องอื่นอีกมิใช่หรือ แค่นั้นก็เกินกำลังแล้ว ข้าไม่ใช่บุรุษที่จะมอบบทลงโทษให้คนรักได้หรอกนะ” 

 

 

ไม่มีวาจาใดโต้ตอบใดๆ กลับมาอีก เพราะเจ้าตัวปิดปากอีกฝ่ายด้วยริมฝีปากของตน จาฮอนดูดกลืนกลีบปากของโซกัง ก่อนจะก้มไล้เลียยอดถันอย่างรีบร้อน ขณะเดียวกันก็ชะโลมมือด้วยน้ำมันหอมที่ตระเตรียมรอเอาไว้เรียบร้อย การขยับมืออย่างรีบร้อนของร่างสูง ทำให้โซกังขยับตัวเพื่อรองรับให้สะดวกมากยิ่งขึ้นอีกนิด 

 

 

แม้จะมาด้วยข้ออ้างว่ามางีบกลางวัน แต่เขาก็ยังต้องไปพบเหล่าบัณฑิตที่ตำหนักอุนฮยอนในยามซิน และเสด็จตำหนักฮวังรยงต่อทันที ทว่าหากอยากอยู่กับโซกังต่อ คงจะต้องปล่อยการประชุมขุนนางเลื่อนไปยามบ่าย เพราะอยากใช้เวลากับคนรัก ร่วมแบ่งปันความยินดีต่อกัน แต่เวลากลับมีไม่มากนัก 

 

 

นิ้วเรียวชะโลมน้ำมันหอมถูกส่งผ่านเข้าไปในร่างบอบบาง ไม่ใช่เพียงความรู้สึกเท่านั้นที่ค่อยๆ คุ้นเคยกับการร่วมรัก ช่องทางรักยังหดตัว ไม่ปฏิเสธนิ้วกับตัวตนของอีกฝ่าย ทั้งยังดูดกลืนมันเข้าไปอีก 

 

 

“อา ท่าน…จาฮอน จาฮอน ฮะ อื้อ” 

 

 

จาฮอนอารมณ์ดี เอ่ยถามด้วยเสียงแผ่วเบากับผู้เรียกชื่อตนพร้อมร่อนสะโพกราวกับโบกพัด 

 

 

“ของขวัญวันนี้ช่างควรค่านัก” 

 

 

“ของขวัญ… อา อะไร อ๊ะ! ทรงพูด อื้อ…” 

 

 

“ก็การยั่วยวนด้วยจดหมายรักนั่นอย่างไร ดียิ่งนัก ข้าลุ่มหลงเสียจนอยากทิ้งขว้างการประชุมขุนนาง” 

 

 

“ได้ยินเรื่องไถ่ตัวพ่ะ…ย่ะค่ะ อึก จึงรู้สึกว่าตนถูก…ปลดโซ่ตรวนแล้ว” 

 

 

จาฮอนตอบรับด้วยเสียงในลำคอเล็กน้อย จากนั้นก็กางขาโซกังออกกว้าง แล้วยกตัวอีกฝ่ายขึ้นมาทาบทับคร่อมตัวตนของเขาอย่างเชื่องช้า แก่นกายอุ่นร้อนของจาฮอนรุกรานแทรกตัวเข้าไปในช่องทางระหว่างบั้นท้าย ร่างบางกลืนกินตัวตนของเขาเข้าไปจนหมด ก่อนจะใช้แขนโอบรอบลำคอแกร่ง จาฮอนก็ใช้สองมือจับเอวบางไว้พลางหายใจหอบเช่นกัน 

 

 

“กอดข้าเอาไว้ หากปล่อยให้ขาตก ข้าจะตีก้นเจ้า” 

 

 

“จะทรงทำอะไร…อะ อ๊ะ! อึก!” 

 

 

หลังจากจับเอวของโซกังเอาไว้แน่นจนเข้าที่ก็เริ่มยกขยับโยกขึ้นลง โซกังได้แต่คว้าไหล่คนตรงหน้า โยกตัวรับตามอย่างแรงโดยไร้หนทางขัดขืน เส้นผมยาวสยายพลิ้วไหวไปมาบนแผ่นหลัง ความกระสันทำให้ต้องเชิดหน้าขึ้นจนร่องกระดูกไหปลาร้าเว้าลึก ผิวเนื้อขาวกระจ่างกระตุ้นทั้งความต้องการและความกระหายในเวลาเดียวกัน 

 

 

จาฮอนลดจังหวะโยกกระแทกลงเล็กน้อย จากนั้นก็แนบริมฝีปากลงบริเวณใกล้ๆ กับกระดูกไหปลาร้า ดูดดึงผิวเนื้อตรงนั้นอย่างแรง ส่งผลให้เสียงออดอ้อนของโซกังหวีดแหลมขึ้นมาทันที 

 

 

“อื้อ! อา จาฮอน ฮือ อึก…” 

 

 

เนื่องจากการเสียดสีอย่างหนักภายในหยุดชะงักลงถึงร้อนใจเช่นนี้ ร่างสูงผละริมฝีปากออกมา ก่อนจะใช้ลิ้นเลียบนรอยที่เพิ่งทำขึ้นใหม่ แล้วเริ่มขยับโยกอย่างแรงอีกครา 

 

 

“อ๊ะ! ดี อึก! จาฮอน!” 

 

 

เฝ้ามองโซกังร้องครางออกมาด้วยความกระสันซ่าน จาฮอนจึงวาดรอยยิ้มพึงพอใจ แน่นอนว่านั่นเป็นความลับ 

 

 

โซกังมอบของขวัญพิเศษเช่นนี้เพื่อแสดงความขอบคุณที่เขาช่วยปล่อยคนเหล่านั้นออกมา แต่หากรู้ความจริง แทนที่จะขอบคุณคงจะตกใจมากกว่า เพราะท่ามกลางผู้คนเหล่านั้น คนที่เคยย่ำยี ‘ยูโซกัง’ หรือเคยนิ่งเฉยยามเห็นอีกคนถูกกระทำเช่นนั้น ล้วนไม่ได้อยู่บนโลกใบนี้แล้ว 

 

 

‘ทราบแล้วพ่ะย่ะค่ะ ว่ามีผู้ใดบ้างกระทำเช่นนั้นกับคนผู้นั้น’ 

 

 

‘ไถ่ถามพวกมันดู ถามว่าเขาต้องใช้ชีวิตอยู่ในเรือนทาสอย่างไร แล้วอย่าให้เหลือแม้แต่เพียงคนเดียว เข้าใจหรือไม่’ 

 

 

‘พ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท’ 

 

 

และเมื่อวานก็ได้รับรายงานอย่างลับๆ ว่าจัดการทั้งหมดเรียบร้อยแล้ว กระทั่งศพก็จัดการอย่างดี  

 

 

จาฮอนพึงพอใจอย่างมาก ยิ่งวันนี้โซกังทำตัวน่ารักเช่นนี้อีก จึงยิ่งเพียงพอใจกับทุกสิ่งทุกอย่าง 

 

 

“อ๊า!!” 

 

 

โซกังกรีดร้องออกมาหนึ่งครั้งพร้อมกับร่างกายกระตุกเกร็ง ของเหลวขาวขุ่นกระเด็นเปรอะเปื้อนช่วงหน้าท้องพวกเขาทั้งคู่ จาฮอนเองก็ปลดปล่อยน้ำรักเข้าไปในตัวอีกฝ่าย 

 

 

“หากได้เอนนอนอยู่เช่นนี้จนยามเย็น ก็จะคงดี” 

 

 

“ไม่ได้นะพ่ะย่ะค่ะ ต้องทรงเข้าร่วมประชุมขุนนาง” 

 

 

“ยังไม่หนำใจข้าเลย ใยต้องกล่าวอย่างเย็นชาเช่นนี้ด้วย” 

 

 

“ถึงอย่างไรการประชุมขุนนางก็ไม่ควรละเลยนะพ่ะย่ะค่ะ” 

 

 

“เจ้าเป็นคนเริ่มเองมิใช่หรือ เช่นนั้นก็ควรต้องรับผิดชอบสิ” 

 

 

“อาภรณ์ที่เขียนเป็นจดหมายรักวันนี้ พรุ่งนี้กระหม่อมก็จะนำมาสวมอีก โปรดทรงช่วยอ่านจนจบทุกวันด้วยพ่ะย่ะค่ะ” 

 

 

“จริงหรือ” 

 

 

“จริงพ่ะย่ะค่ะท่านจาฮอน” 

 

 

โซกังหลบสายตา เอ่ยตอบเสียงเบาอย่างเนียมอาย รอยยิ้มสดใสพลันปรากฏบนริมฝีปากของจาฮอน หลังเข้าใจถึงความนัยในประโยคหนึ่งของอีกฝ่าย รอยยิ้มก็ยิ่งกว้างขึ้นไปอีก ก่อนจะยอมถอนตัวตนของออกจากภายในช่องทางอบอุ่นจนรุ่มร้อน 

 

 

“รักษาสัญญาด้วยล่ะ” 

 

 

“ทราบแล้วพ่ะย่ะค่ะ” 

 

 

เนื่องจากไม่ชอบให้มือของผู้ใดมาแตะต้องร่างกายของผู้เป็นที่รัก ด้วยเหตุนั้น วันนี้จาฮอนก็จัดการทำความสะอาดช่องทางด้านหลังให้โซกังด้วยตนเอง อาภรณ์ก็สวมใส่ด้วยตนเอง อีกทั้งยังสั่งให้ร่างบางลงแช่ตัวในนํ้าแล้วช่วยชำระกายจนสะอาด 

 

 

และเมื่อถึงยามอยู่ในห้องบรรทมตามลำพังกับอีกฝ่าย โซกังก็ทำตามสัญญาด้วยการสวมอาภรณ์ชุดนั้นอีกครา คํ่าคืนนั้นความปรารถนาจึงลุกโชนเสียจนแทบไม่ได้หลับได้นอน 

 

 

 

 

 

ไม่กี่วันหลังจากนั้น เรื่องเล่าแปลกประหลาดบางอย่างเกี่ยวกับสนมยูโซอีก็แพร่สะพัดในทั่ววังหลวง โดยมีเนื้อความเช่นนี้… 

 

 

ยูโซอีเป็นคณิกาผู้คอยบำเรอความปรารถนาของเหล่าทาสหลวงในกรมฝ่ายใต้โดยไม่รับเงิน ระหว่างคํ่าคืนที่ไม่อาจควบคุมความรุ่มร้อนจึงได้โอกาสมาปรนนิบัติฝ่าบาท ทั้งที่ยามกลางวันคอยบำเรอแก่พวกทาสหลวง ฝ่าบาททรงหลงใหลในรูปโฉมต้อยตํ่าและลุ่มหลงในตัวคณิกาโสมมนั่นอยู่ทุกคํ่าคืน โดยไม่ทราบถึงข้อเท็จจริงในเรื่องนั้น 

 

 

ไม่รู้ว่าข่าวลือเช่นนั้นเริ่มต้นมาจากที่ใด ทว่ามันเริ่มแพร่สะพัดไปทั่วด้วยการเล่าแบบปากต่อปาก ชีวิตอันแสนน่าเบื่อในวังหลวง ไม่มีอะไรเป็นความสำราญไปกว่าการกระจายข่าวลือแล้ว มันลุกลามจากปากของเหล่านางกำนัลห้องเครื่องอย่างรวดเร็ว ก่อนจะแพร่ไปถึงเหล่านางกำนัลและเหล่าขันที จากนั้นผ่านไปเพียงไม่กี่วัน ข่าวลือนั่นก็ไปถึงหูของเหล่านางกำนัลในตำหนักฮงฮวา 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด