(Yaoi) รุ่งอรุณเคียงหทัย 6-9 บุปผาในอ้อมกอด

Now you are reading (Yaoi) รุ่งอรุณเคียงหทัย Chapter 6-9 บุปผาในอ้อมกอด at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.
ตอนที่ 6-9 บุปผาในอ้อมกอด

 

ขณะนั้นเสียงระฆังแจ้งเวลาว่าล่วงเข้ากลางยามมีแล้วก็ดังแว่วจากด้านนอก จาฮอนจึงปล่อยตัวโซกังก่อนจะทอดถอนใจเล็กน้อย 

 

 

“เหมือนล่วงพ้นหมดวันไปแล้ว ทว่าเพิ่งผ่านมาเพียงครึ่งวันเองสินะ เจ้ารับมื้อเที่ยงแล้วหรือ” 

 

 

“มามาทั้งสามมาประจวบเวลาพอดิบพอดี กระหม่อมจึงยังไม่ได้ทานพ่ะย่ะค่ะ” 

 

 

“นั่นสิ มื้อกลางวันของข้าก็ดูเหมือนจะยังอยู่ที่ห้องตำราเช่นเดิม” 

 

 

“เสด็จมาโดยที่ยังไม่ได้เสวยสำรับหรือพ่ะย่ะค่ะ” 

 

 

“ใช่ หน้าซ้ำข้ายังละทิ้งธรรมเนียม รีบเร่งวิ่งมาด้วยล่ะ” 

 

 

ดวงตาของจาฮอนวาดโค้งลงอย่างชอบใจ ขณะเดียวกันก็เป็นตัวเขาเองที่ใจเต้นระรัวราวกับตกเป็นเป้ายิง 

 

 

ด้วยใคร่อยากรู้ว่าอีกฝ่ายจะรับมือเช่นไรกับคำกล่าวว่าตนยอมละทิ้งสำรับแล้วรีบเร่งมาที่นี่ 

 

 

หากแสดงความซาบซึ้ง ก็จะดียิ่งนัก 

 

 

ทว่ากลับต่างจากคาดการณ์ เพราะโซกังขมวดคิ้วมุ่น แววตาเต็มไปด้วยความกังวล ย่อมเป็นเช่นนี้แหละ ช่างสมกับเป็นยูโซกังเสียจริง บุรุษผู้เปี่ยมด้วยความซื่อตรง แต่น่าเอ็นดูถึงที่สุด 

 

 

จาฮอนไม่อาจซ่อนรอยยิ้มเอาไว้ได้จนมุมปากยกสูงขึ้น ร่างบางจึงเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงกังวลเมื่อเห็นท่าทีเช่นนั้น 

 

 

“ทรงละเลยการเสวยได้อย่างไรพ่ะย่ะค่ะ ทรงเป็นบิดาของราษฎร ทั้งยังทรงเป็นพระสวามีด้วย” 

 

 

“หืม เท่านั้นเองหรือ” 

 

 

“พ่ะย่ะค่ะ?” 

 

 

“เป็นบิดาของราษฎร แล้วก็เป็นสวามีเท่านั้นเองหรือ” 

 

 

“ทรงเป็น…พระสวามีของกระหม่อม ละเลยการเสวยเช่นนี้ มะ…ไม่ได้นะพ่ะย่ะค่ะ” 

 

 

โซกังกล่าวคำพูดออกมาอย่างตะกุกตะกักด้วยใบหน้าขึ้นสีแดงจัด ช่างน่าเอ็นดูเสียเหลือเกิน… ร่างสูงหัวเราะออกมาอีกคราก่อนจะเอ่ยคำสั่งไปยังด้านนอก 

 

 

“มีผู้ใดอยู่หรือไม่” 

 

 

“เพคะฝ่าบาท” 

 

 

“ยกสำรับอาหารง่ายๆ เข้ามาที” 

 

 

“เพคะ” 

 

 

จากนั้นก็ผละจากเก้าอี้ไปนั่งบนแท่นบรรทมแทน แน่นอนว่าโซกังก็ถูกคว้ามือจับจูงให้เดินตามและนั่งลงบนหน้าขาแกร่งอีกที 

 

 

จาฮอนทำการคลายอาภรณ์ที่ผูกเอาไว้อย่างดีออกหลวมๆ พร้อมกับพร่ำบ่น 

 

 

“ผูกแน่นเสียจนไม่อาจสอดมือเข้าไปได้ ช่างใจร้ายเสียจริง” 

 

 

“ฝ่าบาท เอ่อ เพราะท่านจาฮอนไม่อยู่ด้วย ย่อมต้องผูกให้แน่นๆ ไม่มีผู้ใดต้องเผยให้ดู ไม่มีผู้ใดที่จะยอมให้สัมผัส เช่นนั้น กระหม่อมจะปลดเอาไว้เพื่ออะไรกันพ่ะย่ะค่ะ” 

 

 

“ตอนนี้ข้าก็อยู่ที่นี่แล้วมิใช่หรือ” 

 

 

“หากเป็นของของตน จะทำเช่นไรกับมัน ก็เป็นหน้าที่ของตนเองมิใช่หรอกหรือพ่ะย่ะค่ะ” 

 

 

โซกังหลุบสายตาลง แก้มแดงระเรื่ออย่างขัดเขินพร้อมเอ่ยกระซิบ ด้วยเป็นถ้อยคำบ่งบอกเป็นนัยๆ ว่ายินยอมให้ปลดเปลื้องอาภรณ์ จาฮอนจึงเข้าใจได้ไม่ยาก 

 

 

เขาเลิกดึงรั้ง แต่เปลี่ยนเป็นเคลื่อนมือไปยังปมเชือกของสายรัดเอว คลายปมและปลดมันออก ก่อนจะสอดมือเข้าไปภายในอย่างระมัดระวังแทนการเปลื้องอาภรณ์ 

 

 

ทันทีที่มือสัมผัสผิวเนื้ออ่อนนุ่ม ความปรารถนาก็พุ่งทะยานขึ้นมา เพียงแค่สัมผัสเท่านั้น ไม่สิ แม้จะเพียงแค่มองดูก็ตาม 

 

 

ลูบไล้แผ่วเบาตามผิวเนื้อเรียบลื่น มื้อกลางวันหรืออะไรก็ช่าง เขาอยากจะกดอีกฝ่ายลงแล้วโอบกอดเสียเดี๋ยวนั้น ทว่าไม่อาจทำได้ เดิมทีโซกังก็ไม่ค่อยทานอะไรมากนัก หากฝืนครอบครองทั้งยังทำให้อดอาหาร ใครจะรู้ได้ว่าเนื้อหนังที่เพิ่มขึ้นมาอาจหายไปทันใดในวันรุ่งขึ้นก็ได้ 

 

 

จาฮอนจึงเมินเฉยต่อสัญญาณที่ส่งมาจากช่วงล่าง แม้มันจะเต้นตุบพร้อมขยายใหญ่แล้ว เขาฝืนทนต่อความต้องการขณะสัมผัสลูบไล้กายของอีกฝ่ายอย่างอ่อนโยน 

 

 

ก่อนจะพลันเกิดความสงสัยขึ้นมาจึงเอ่ยถาม 

 

 

“โซกัง เจ้าเคยลองกอดสตรีหรือไม่” 

 

 

“ใยถึงทรงถามเช่นนั้นพ่ะย่ะค่ะ ไม่ใช่ว่ากระหม่อมรักท่านจาฮอน และเป็นของท่านจาฮอนผู้เดียวหรอกหรือ” 

 

 

“หากการถูกโอบกอดเพียงอย่างเดียวมันไม่เพียงพอ จะทำอย่างไรได้เล่า ข้าจึงกังวลขึ้นมาเสียอย่างนั้น” 

 

 

“หาต้องกังวลอันใดไม่พ่ะย่ะค่ะ อ้อมกอดของท่านจาฮอนดียิ่ง จนข้าไม่อาจนึกถึงสิ่งใดได้อีกเลย” 

 

 

คำตอบของโซกัง ทำให้ลมหายใจแผ่วเบาพ่นออกมาจากปากจาฮอน ขณะเดียวกันก็รู้สึกถึงความแข็งขืนตรงบั้นท้าย ร่างสูงสัมผัสยอดอกของโซกังพลางกระซิบแผ่ว 

 

 

“หากเจ้ากล่าวเช่นนี้ ข้าจะอดทนอดกลั้นได้อย่างไรเล่า” 

 

 

“ต้องอดทนไว้ก่อนพ่ะย่ะค่ะ สำรับยังไม่ได้ถูกยกเข้ามาเลย ทว่าหากไม่ทรงถือ เมื่อต้องเผยสภาพไม่เรียบร้อยของกระหม่อมยามถูกพระองค์โอบกอดให้พวกนางกำนัลเห็น เช่นนั้นกระหม่อมเองก็หาเป็นไรไม่” 

 

 

คำกล่าวนั้น ทำเอาจาฮอนต้องยอมละมือจากยอดอกที่ตนสัมผัสอยู่ เพราะหากยังลูบคลำต่อ คงจะได้กลายร่างเป็นสัตว์ป่าอย่างไม่อาจควบคุมตนเองได้ และการให้ผู้อื่นได้เชยชมเรือนกายของอีกฝ่าย ก็เป็นเรื่องที่ตนไม่มีทางยอมรับได้เด็ดขาด 

 

 

หลังจากนั้นครู่หนึ่งก็ได้ยินรายงานว่าจะยกสำรับเข้ามา โซกังจึงตั้งใจจะขยับลงจากตัก ทว่าเจ้าตัวกลับไม่ยินยอม 

 

 

ด้วยเหตุนั้นเหล่านางกำนัลจึงต้องยกสำรักเข้ามา พลางลอบมองท่าทีรักใคร่ระหว่างฝ่าบาทกับมามาแห่งตำหนักฮงฮวา กระทั่งจัดเตรียมแล้วเสร็จก็พากันออกมาจากห้องบรรทมตามปกติ หากตำหนักใดฝ่าบาทเสด็จมาเยือนบ่อยครั้ง ความทะนงตนของเหล่านางกำนัลผู้ดูแลบรรดาสนมผู้นั้นย่อมสูงตาม ทว่าหาได้เกิดกับตำหนักฮงฮวาไม่ ฝ่าบาทรับสั่งให้ดูแลโซอีมามาให้ดี ทั้งยังพระราชทานทองคำให้แก่นางกำนัลและขันทีของตำหนักอีก การเป็นบุรุษหาได้เป็นปัญหาใดไม่ เมื่อสองพระองค์รักใคร่ปรองดองกันเช่นนี้ ฝ่าบาทยังเอ็นดูมามาถึงเพียงนั้นอีกด้วย 

 

 

เหล่านางกำนัลลดความหยิ่งทะนงอันสูงลิ่วลง ทั้งยังในใจยังรู้สึกปลาบปลื้มอย่างถึงที่สุด 

 

 

 

 

 

* * * 

 

 

 

 

 

“มีใครอยู่บ้าง!” 

 

 

บุรุษผู้หนึ่งเคาะประตูบานใหญ่พร้อมตะโกนเสียงดังลั่น ไม่นานนัก ก็มีสตรีถือตะเกียงโผล่หน้าออกมาย้อนถาม 

 

 

“ผู้ใดกันเจ้าคะ มีเรื่องอันใดถึงมาเยือนในยามดึกดื่นเช่นนี้” 

 

 

“ข้ามาพบโซยง” 

 

 

“คุณหนูหรือ จะให้แจ้งว่าเป็นผู้ใดหรือเจ้าคะ” 

 

 

“บอกว่ามูกิล นางจะเข้าใจเอง แจ้งว่าเป็นเรื่องสำคัญ ต้องพบให้ได้” 

 

 

“ทราบแล้วเจ้าค่ะ” 

 

 

สาวใช้ปิดประตูลงแล้วกลับเข้าไปด้านใน ได้ยินเสียงฝีเท้าย่ำบนพื้นดินทรายไกลห่างออกไป ขณะเดียวกันความสงบยามค่ำคืนก็กู่ร้องทดแทน ผ่านไปเพียงชั่วครู่ เสียงเหยียบย่างพื้นก็ดังใกล้เข้ามาอีกครั้ง ประตูเปิดออกอย่างแผ่วเบา โดยมีโซยงก้าวออกมาข้างนอก มือข้างหนึ่งของนางถือตะเกียงไว้ ก่อนจะปิดประตูลงจนสนิท นางเข้าไปยืนอยู่ใต้กำแพงและเอ่ยกับบุรุษตรงหน้าโดยไม่เก็บซ่อนความไม่สบอารมณ์ 

 

 

“ข้าปฏิเสธชัดเจนเช่นนั้นแล้ว ท่านยังมาหาเช่นนี้ นับเป็นมารยาทอันใดกันเจ้าคะ” 

 

 

“เป็นภรรยารองเลวร้ายเช่นนั้นเชียวหรือ มีบุรุษมากมายที่ดูแลสตรีในปกครองหลายคน พวกนางเหล่านั้นก็ดูสุขสบายดี สามีก็สุขสบายเช่นกัน บิดาของข้าก็มีอนุตั้งสี่คน พวกอนุก็ไม่เคยทะเลาะกันเลยสักครั้ง” 

 

 

“ไม่ใช่เพราะข้ารังเกียจการเป็นอนุหรอกเจ้าค่ะ ข้าบอกท่านไปแล้วมิใช่หรือว่าข้ามีผู้ผูกใจแล้ว” 

 

 

“ไอ้คนหัวดื้ออ้อนแอ้นราวกับสตรีเช่นนั้น มันดีนักหรืออย่างไร” 

 

 

โซยงมุ่นหัวคิ้วเป็นปมพร้อมจ้องมองอีกฝ่าย ใบหน้าไม่สบอารมณ์ที่มองเห็นท่ามกลางแสงสลัวก็ยังงดงาม บุรุษผู้นั้นทอดถอนใจพลางทุบหน้าอกตนเองด้วยความผิดหวังเพราะไม่อาจครอบครองสตรีตรงหน้า โซยงผ่อนลมหายใจช้าๆ ตั้งใจจะไม่แสดงโทสะใดๆ จนเมื่อสงบใจได้แล้วจึงเอ่ยปากขึ้นอีกครา 

 

 

“ได้โปรดอย่ากล่าวร้ายท่านพี่ เขาเป็นบุรุษที่ซื่อตรงที่สุด สง่างามและน่าเอ็นดูสำหรับข้า นอกจากท่านพี่แล้ว ข้าก็ไม่คิดผูกใจต่อผู้ใดอีก เชิญท่านกลับไปเถิดเจ้าค่ะ!” 

 

 

“โซยง! ประเดี๋ยว! ที่ข้ามาหาเจ้าวันนี้ หาใช่ด้วยเรื่องนั้นไม่ ข้ามีเรื่องสำคัญจะบอก เดิมทีแล้วข้าไม่ควรมาด้วยซ้ำ แต่…เพราะอยากช่วยชีวิตเจ้าเท่านั้นจึงฝืนคำสั่งมาหาเช่นนี้ ดังนั้นโปรดฟังข้า” 

 

 

คำพูดนั้นทำให้โซยงหมุนตัวกลับมาหาและจ้องมองอีกฝ่ายไม่วางตา 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด