(Yaoi) รุ่งอรุณเคียงหทัย 9-2 ไล่ล่ากระต่าย

Now you are reading (Yaoi) รุ่งอรุณเคียงหทัย Chapter 9-2 ไล่ล่ากระต่าย at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.
ตอนที่ 9-2 ไล่ล่ากระต่าย

 

ระหว่างอ่านตำราอยู่ โซกังก็วางตำราลงแล้วถอนหายใจ 

 

 

“จาฮอน” 

 

 

หลังจากเข้ามาในวังก็ไม่เคยห่างกันเช่นนี้มาก่อน แน่นอนว่าหมายถึงยามอยู่ด้วยกันอย่างสติครบถ้วน มันใกล้จะถึงปลายเชือกแล้ว ตนคือผู้ที่สามารถลากตัวคนผู้นั้นออกจากใต้จมูกจักรพรรดิ แต่ไม่คิดว่าเพียงสิบวันที่ไม่ได้เจอ จะทำให้จิตใจไม่สงบเช่นนี้เสียแล้ว 

 

 

ร่างบางปิดตำราและยกโต๊ะลงจากแท่นบรรทม เพราะถึงทำเช่นนี้ต่อไปก็ไม่เกิดผลอันใด คิดถึงแต่อีกฝ่ายเท่านั้น 

 

 

“เอาล่ะ นอนเสียน่าจะดีกว่า” 

 

 

บ่นพึมพำกับตนเอง เนื่องจากอาบน้ำชำระกายตั้งแต่ก่อนขึ้นแท่นบรรทมแล้ว เขาจึงดับแสงตะเกียงลงจนกลายเป็นค่ำคืนมืดมิดไร้ที่สิ้นสุด โซกังเอนตัวนอนลงและดึงผ้าห่มขึ้นมาห่มคลุมถึงคอ ปรับลมหายใจเข้าออกให้สม่ำเสมอ เอาแต่คอยคิดถึงจาฮอนอยู่เรื่อย รีบนอนเสียจะดีกว่า และหากจะมีผู้ใดเริ่มลงมือก็คงต้องให้เขาหลับไปเสียก่อน 

 

 

ด้วยเหตุนั้นโซกังจึงค่อยๆ หายใจเข้าออกสม่ำเสมอแล้วเข้าสู่ห้วงนิทรา ภายในห้องบรรทมแหงนี้ นอกจากเสียงของตนแล้วก็ไม่ได้ยินเสียงอื่นใดอีก 

 

 

ทว่าโดยทันไม่รู้ตัว ก็มีคนสวมชุดดำปกปิดใบหน้าสองคนยืนมาอยู่ข้างๆ แน่นอนว่าไม่มีร่องรอยการเคลื่อนไหวใดๆ ราวกับว่ายืนอยู่ตรงนี้มาตั้งแต่ต้น จากความสูง จากรูปร่าง ทั้งสองล้วนเป็นบุรุษ พวกเขาทำการสำรวจผู้หลับใหล ถึงกระนั้น เพื่อให้แน่ใจยิ่งขึ้นจึงส่งยาเม็ดเล็กๆ เข้าปากโซกังและรอเวลาอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็อุ้มตัวขึ้นเพื่อหลบหนีออกจากตำหนักฮงฮวา  

 

 

เส้นทางที่ใช้ลักพาตัวโซกังกลับไม่มีผู้ใดไล่ติดตามมาสักคน ราวกับเปิดทางไว้ให้โดยเฉพาะ 

 

 

 

 

 

พวกเขาวิ่งเข้าป่ามุ่งหน้าไปยังสถานที่ซ่อนตัว ซึ่งอยู่ในส่วนลึกลับเป็นอย่างมาก ก่อนจะวางตัวโซกังลงบนเสื่อฟางภายในนั้น และผ่านไปไม่นาน นายท่านผู้สูงวัยก็มาถึงที่นั่น 

 

 

“นายท่านมาแล้วหรือขอรับ” 

 

 

“อืม ยูโซกังฟื้นหรือยัง” 

 

 

“ให้กินยาถอนไปแล้ว อีกประเดี๋ยวคงจะฟื้นขอรับ” 

 

 

“ดี เข้าไปกันเถอะ” 

 

 

เมื่อแพคมีกัง มหาเสนาบดีฝ่ายตุลาการก้าวเข้าไปด้านในสถานที่ซ่อนตัว บุรุษชุดดำก็ปิดประตูไม้บานหนาลงแล้วคล้องแม่กุญแจเอาไว้ ขณะนั้นโซกังก็ส่งเสียงครางพร้อมยกมือขยี้ตาพอดี 

 

 

“ยูโซกัง ในที่สุดก็ได้พบกันเสียที” 

 

 

“…ผู้ใดกันหรือขอรับ” 

 

 

“นั่นสินะ เป็นเพียงบุตรของขุนนางกรมราชเลขา ก็คงจะไม่ได้เห็นข้าบ่อยนักหรอก ข้าไม่เหมือนมหาเสนาบดีฝ่ายพลาธิการ เอาแต่ทำตัวเป็นกันเองกับพวกข้ารับใช้จนเป็นที่คุ้นหน้าคุ้นตาไปทั่ว จะไม่พูดอะไรให้มากความแล้วกัน ข้าคือแพคมีกัง มหาเสนาบดีฝ่ายตุลาการ ข้ารู้มาว่ากบฏคยองยูลทิ้งบันทึกลับไว้กับเจ้า จงมอบมันมาเสีย แล้วข้าจะช่วยส่งให้เจ้าไปสบายๆ” 

 

 

แน่นอนว่าส่งให้กับจักรพรรดิยุน… ทว่าชายชราไม่ได้เอ่ยถ้อยคำสุดท้ายออกมา 

 

 

โซกังทำเพียงจ้องมองแพคมีกังเท่านั้น เมื่อมองดูสักพักก็คล้ายจะนึกบางอย่างขึ้นมาได้ 

 

 

 

 

 

ด้วยเป็นสหายสนิทของมูฮยอน จนกระทั่งได้รับการหมั้นหมายกับโซยง เขาจึงได้เข้าออกจวนของท่านมหาเสนาบดีฝ่ายพลาธิการบ่อยครั้ง ครานั้นคล้ายจะเคยพบเห็นอยู่บ้าง เมื่อใดกันนะ… แล้วก็พลันนึกถึงสีหน้าเดี๋ยวดำเดี๋ยวแดงยามก้าวปึงปังออกจากจวนไป 

 

 

การนึกขึ้นได้เช่นนี้ หากจะกล่าวว่าเหลือเชื่อก็ย่อมได้ และมันตามมาด้วยคำพูดของอีกฝ่ายในตอนนั้น 

 

 

‘ข้าจะหาจุดอ่อนแล้วกดดันพวกมัน พวกกลุ่มซอน พวกปีศาจลิ้นสองแฉกนั่น คิดว่าข้าจะปล่อยไปง่ายๆ เช่นนั้นหรือ’ 

 

 

ท่าทางกระหืดกระหอบอย่างถึงที่สุด ทั้งยังเอาแต่เอ่ยว่าคอยดูเถอะจนก้าวพ้นจากจวน เวลานั้นเขากำลังชมดอกไม้อยู่ในสวนด้านหนึ่งพลางครุ่นคิดกับตัวเอง 

 

 

 

 

 

โซกังยกยิ้มบางๆ ก่อนจะค้อมศีรษะแสดงความเคารพ 

 

 

“ข้านึกออกแล้วขอรับ ท่านมหาเสนาบดีฝ่ายตุลาการ ข้าเคยเห็นท่านจากที่ไกลๆ วันนั้นท่านดูหัวเสียมากทีเดียว” 

 

 

“ข้าไม่ได้สั่งให้เจ้านึกถึงเรื่องเช่นนั้น จงบอกที่ซ่อนของบันทึกนั่นมาเดี๋ยวนี้” 

 

 

“กล่าวถึงบันทึก เป็นบันทึกแบบใดกันขอรับ พวกบันทึกรวบรวมคำสอนของเหล่าวิญญูชนในอดีต หรือแนวทางจิตใจโดยพื้นฐานสำหรับชี้นำหนทางของชีวิตเช่นนั้นหรือขอรับ ท่านมหาเสนาบดีฝ่ายพลาธิการมอบบันทึกบนชั้นหนังสือเหล่านั้นเป็นของขวัญให้ข้าทุกสัปดาห์ แน่นอนว่าเป็นเพียงของขวัญนามธรรม หากอ่านจบแล้ว ข้าก็คืนให้กับท่านมหาเสนาบดีเช่นเดิมนะขอรับ” 

 

 

ช่างซื่อตรง… เขาตอบโต้กลับด้วยการแสดงนิสัยเฉกเช่นบัณฑิตอย่างที่เคยเป็น ยกยิ้มอย่างมีน้ำใจและกล่าวต่อ 

 

 

“หัวข้อของบันทึกที่ได้ผ่านตา ข้าล้วนจดจำได้ทั้งหมด หัวข้อพ้องเสียงกันก็มีอยู่มาก บรรดาบันทึกที่มีการใช้หัวข้อตามจุดประสงค์ก็มีอยู่มากเช่นกัน ดังนั้น หากมอบกระดาษและพู่กันให้ ข้าก็สามารถคัดลอกตามความจำให้ท่านได้ขอรับ” 

 

 

“มิใช่ว่ามีบันทึกที่มหาเสนาบดีพลาธิการบอกแก่เจ้าโดยส่วนตัวหรอกหรือ เพียงแค่บอกมาว่ามันอยู่ที่ใดก็พอ” 

 

 

“แม้ท่านจะถามเช่นนั้น แต่ข้าก็ไม่มีคำตอบที่สามารถบอกแก่ท่านได้หรอกขอรับ ท่านมหาเสนาบดีฝ่ายตุลาการ ในบันทึกการไต่สวนคดีก่อกบฏของท่านมหาเสนาบดีพลาธิการ ระบุว่าบุตรของขุนนางกรมราชเลขายูจินมยองได้ตายในคุกหลวงแล้วมิใช่หรือ ขุนนางกรมราชเลขายูจินมยองเป็นบิดาของข้าไม่ผิดแน่… ทว่าข้าเองก็ค่อนข้างป่วยหนัก แต่ไม่รู้เพราะเหตุใดถึงยังมีชีวิตอยู่ ยามนั้นข้าได้รับความกระทบกระเทือนจึงสูญเสียความทรงจำบางส่วน ดังนั้นเรื่องที่ซ่อนบันทึกลับของท่านมหาเสนาบดีพลาธิการ ข้าไม่มีทางนึกออกเลยขอรับ” 

 

 

คำตอบของโซกังทำให้หัวคิ้วของแพคมีกังขมวดมุ่น เหล่านักฆ่ายาอึมภายในห้อง รวมถึงหัวหน้ากลุ่มยาอึมผู้เป็นเจ้าของร้านผ้าไหมที่รออยู่ด้านนอกล้วนมีสีหน้าไม่เชื่อถือ แม้จะพูดวกไปวนมา แต่สุดท้ายแล้วสิ่งที่ยูโซกังต้องการกล่าวก็คือเรื่องนั้น 

 

 

‘หากจงใจไว้ชีวิตข้าเพราะบันทึก ข้าก็จะเอาบันทึกนั่นมาต่อรอง’ 

 

 

เมื่อไม่ยอมบอกที่ซ่อนของบันทึกออกมา ระหว่างสอบสวนหรือจะทำอะไรก็ตาม อีกฝ่ายก็จะไม่มีทางฆ่าตนทิ้ง โซกังรู้ถึงความจริงข้อนั้นดีจึงนำมาใช้ และถึงจะถูกลงมือไต่สวน เขาก็ไม่ได้นึกหวาดกลัวนัก 

 

 

ช่วงเวลาสองปีที่ใช้ชีวิตในฐานะทาสของเรือนทาสกรมฝ่ายใต้ ด้วยหนึ่งปีหลังต้องทนใช้ชีวิตด้วยการถูกข่มเหงจากเหล่าทาสชายมากมายทั้งกลางวันกลางคืน ถูกเหยียบย่ำศักดิ์ความเป็นคน ถูกฉีกทึ้งเกียรติของบุรุษ ข้ามผ่านความตายจากอาการอักเสบในกายและสภาพตัวร้อนเป็นไฟ เขาอ้อนวอนอยู่ในใจทุกวันว่าขอให้ตายๆ ไปเสียยังจะดีกว่า ทว่าถึงอย่างไรก็ยังมีชีวิตอยู่มาจนถึงเวลานี้ 

 

 

ยังจะมีอะไรให้เจ็บปวดยิ่งกว่านี้อีกหรือ… 

 

 

โซกังยกยิ้มพรายให้มหาเสนาบดีปกครองที่มีสีหน้าเครียดขึง ราวกับท้าทายให้ลองดูสักครา และด้วยเข้าใจถึงความนัยนั้น สีหน้าของชายชราจึงบูดเบี้ยวยิ่งกว่าเดิม 

 

 

“เหอะ! พวกข้ารับใช้ฝ่ายซอนล้วนมีลิ้นลื่นไหล มีร่างกายอ่อนแอเช่นเดียวกับเจ้าสินะ กล่าวว่าเป็นคณิกาก็พอให้เชื่อได้ อ้อนแอ้นเช่นนี้ หากเป็นบุรุษชื่นชอบเสพสมกับบุรุษด้วยกันก็คงจะลุ่มหลงอย่างยิ่ง” 

 

 

“ดูเหมือนการมีร่างกายกำยำและแข็งแรง จะส่งผลให้สำนึกคุณธรรมเลือนราง ไม่อาจขบคิดอย่างผู้มีปัญญา ข้าทราบว่าท่านคือผู้อาวุโสของฝ่ายเช รวบรวมผู้คนเข้ามาเป็นคนแรก ทั้งยังถือเป็นแม่ทัพของกองทัพฝ่ายเชในยามนี้ เหล่าผู้เข้าร่วมส่วนใหญ่ก็ล้วนอยู่ในตำแหน่งสำคัญ แต่หากเป็นผู้เข้าร่วมโดยทั่วไป ก็ต้องมีใจกล้าหาญ คอยปกป้องผู้อ่อนแอมิใช่หรือขอรับ แต่ข้ากลับไม่เห็นผู้กล้าเช่นนั้นเลย ช่างน่าเสียดายนัก” 

 

 

มูฮยอน สหายสนิทและเป็นศิษย์สำนักเดียวกันเคยกล่าวว่า ‘แม้วิวาทกับเจ้าด้วยเรื่องเพียงเล็กน้อย ก็ไม่อาจกระชากต้นคอเจ้าได้เลย’ เพราะเดิมทีโซกังมั่นใจในฝีปากตนเองยิ่งนัก 

 

 

ทว่ายามใช้ชีวิตในเรือนทาส ด้วยผู้คนส่วนใหญ่เป็นผู้ไม่รู้หนังสือ การใช้ฝีปากคมคายจึงไร้ความหมายและเลือกใช้กำลังก่อนเสมอ ทว่าเวลานี้มันต่างกัน ถึงจะเป็นเพียงตำแหน่งที่ปรึกษาอาวุโส ทว่ามหาเสนาบดีฝ่ายตุลาการก็ถือเป็นตำแหน่งผู้จัดการความเป็นอยู่ของอาณาจักร และได้เรียนรู้อะไรมามากมาย ด้วยเป็นคนเช่นนั้น จึงไม่มีทางไม่เข้าใจความนัยจากถ้อยคำจากร่างบาง 

 

 

ด้วยเหตุนั้น อีกฝ่ายจึงตกอยู่ในสภาพเต้นเร่าด้วยโทสะที่อัดแน่น 

 

 

“เจ้า เจ้า เจ้ามัน! …เห็นทีคงจะต้องให้ลิ้มรสคราบคาวของพวกบุรุษทั้งบนล่าง เอาให้เลือดออก คอพังไปเลยสินะ ถึงจะยอมสงบเสงี่ยมได้!” 

 

 

“ท่านมหาเสนาบดีฝ่ายตุลาการ ผู้ที่นำข้าไปทิ้งยังเรือนทาสกรมฝ่ายใต้คงไม่ใช่ท่านหรอกกระมัง เรื่องเล็กๆ น้อยๆ พวกนั้น ข้าล้วนเคยผ่านมาแล้วทั้งสิ้น ถูกกระทำทั้งคืนมิได้หยุดพัก ทั้งยังถูกปลดปล่อยสิ่งน่ารังเกียจเหล่านั้นใส่จนหุบขาไม่ลง รุกล้ำร่างกายจนไม่อาจนอนหลับ ร่างกายเหม็นเน่าเพราะกลิ่นคาวผสมกลิ่นหนอง ข้าสัมผัสมาหมดแล้ว ไม่ว่าจะกลั้วปากอย่างไร ก็ยังรู้สึกถึงกลิ่นคาวขืนของบุรุษพวกนั้น แล้วท่านรู้ได้อย่างไรหรือ เมื่อครู่ก็กล่าวว่าข้าเป็นบุรุษที่ชมชอบการเสพสมกับบุรุษด้วยกันอีกต่างหาก ท่านได้ยินมาจากที่ใดกันขอรับ… ทว่าท่านก็คงจะต้องจำใส่ใจไว้ ไม่ว่าฝ่าบาทจะเสด็จมาหาข้าหรือไม่ อย่างไรข้าก็ได้รับแต่งตั้งเป็นสนมของพระองค์ หากกล้าลงมือต่อสนมของฝ่าบาทเช่นนั้น ก็ไม่อาจรู้ได้ว่าพวกท่านจะได้รับบทลงโทษเช่นไร” 

 

 

คำกล่าวของโซกังล้วนถูกต้องทั้งสิ้น มหาเสนาบดีฝ่ายตุลาการจึงไม่สามารถตอบโต้อะไรได้ แม้จะได้รับความเมตตาเพียงครั้งแล้วไม่เสด็จมาหาอีก ก็ต้องอยู่ในฐานะสนมของฝ่าบาทไปชั่วชีวิต ไม่มีทางจะได้รับการหยามเกียรติจากผู้อื่น นอกเหนือจากองค์จักรพรรดิเด็ดขาด นั่นนับเป็นกฎอันเคร่งครัดของวังหลวง ไม่ว่าจะได้รับการแต่งเพียงครั้งเดียวหรือเป็นสิบครั้งก็ตาม หากฝ่าบาทมีรับสั่งแต่งตั้งแล้ว คนผู้นั้นก็นับเป็นสมบัติของพระองค์ตลอดไป 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด