เซียนหมากข้ามมิติ 53 ลมสารทพัดมาชั่วข้ามคืน

Now you are reading เซียนหมากข้ามมิติ Chapter 53 ลมสารทพัดมาชั่วข้ามคืน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 53 ลมสารทพัดมาชั่วข้ามคืน

เว่ยอู๋เว่ยพลันนึกย้อนถึงเมื่อก่อนตอนถูกผู้อาวุโสแต่งตั้งเป็นผู้นำตระกูลเว่ยคนใหม่ ตนเคยสนทนากับผู้อาวุโสเป็นการส่วนตัว

ตอนนั้นผู้อาวุโสถามเขา ‘รู้หรือไม่ว่าเหตุใดถึงเป็นเจ้า’

เว่ยอู๋เว่ยตอบอย่างหน้าไม่อายนัก ‘แน่นอนว่าเป็นเพราะข้าเฉลียวฉลาดมากความรู้ วิชายุทธ์เป็นเลิศ ทั้งยังไม่มีใครรู้ว่าข้าฝึกยุทธ์ เก่งทั้งบุ๋นและบู๊ เปี่ยมปัญญามากแผนการ ซ้ำยังรู้จักซ่อนเร้นแสร้งอ่อนแอ หากไม่เลือกข้าจะเลือกใครเล่า’

‘ฮ่าๆๆๆๆๆ… แน่นอนว่าเรื่องพวกนั้นเป็นปัจจัยพื้นฐาน แต่ความจริงยังมีเหตุผลสำคัญอีกอย่าง!’

‘เหตุผลอะไรหรือ’

ตอนนั้นผู้อาวุโสมองเว่ยอู๋เว่ยพลางกล่าวอย่างจริงจัง

‘เจ้าวาสนาดี!’

ยามนี้เมื่อหวนนึกถึงขึ้นมา เว่ยอู๋เว่ยรู้สึกแค่ผู้อาวุโสกล่าวถูกต้องแล้ว ตนแม่งวาสนาดีจริงๆ!

ตอนนี้ภายในเรือนเล็ก เว่ยอู๋เว่ยยังคงตื่นเต้น ส่วนจี้หยวนกำลังสังเกตหยกประดับนี้โดยละเอียด หลังจากปราณวิญญาณไหลวนในหยกฟ้ารอบหนึ่งแล้วค่อยกลับสู่ปลายนิ้ว แสงสีบนหยกประดับมืดสลัวลงทีละน้อยจนกลับเป็นปกติ

‘มีช่องทางอยู่ภายในดังคาด!’

เมื่อครู่ยามตรวจสอบ เขาสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่าภายในหยกประดับนี้ยังมีของบางอย่างซึ่งเขามองไม่ออก บางทีอาจเหมือนสิ่งที่เรียกว่าผนึกในนิยายเมื่อชาติก่อน

ไม่เพียงเท่านี้ ด้วยปราณวิญญาณบางส่วนถูกหยกประดับดูดซับ จี้หยวนอาศัยการรับรู้ชั่วพริบตานี้ คล้ายสัมผัสถึงแรงแม่เหล็กเล็กน้อย เห็นชัดว่าทิศทางโน้มเอียงไปทางเว่ยอู๋เว่ย

ดูท่าว่าหยกฟ้านี้ต่อให้มีคนชิงไปก็ไม่แน่ว่าจะเจอวาสนาเซียน แต่ไม่รู้ว่าเมื่อวานคนชุดดำนั่นมีวิธีสร้างหนทางใหม่หรือไม่รู้เรื่องนี้เลย

‘ถึงอย่างไรก็ไม่เกี่ยวกับเรา!’

จี้หยวนนึกถึงตรงนี้แล้วยิ้มเล็กน้อย คืนหยกประดับให้เว่ยอู๋เว่ย ทำให้เขารับมาด้วยสองมืออย่างระวัง ทั้งถือไว้ในมือพลางมองโดยละเอียด

มองจี้หยวนที่เริ่มวางหมากอีกครั้ง เว่ยอู๋เว่ยปากแห้งลิ้นฝืดอยู่บ้างทั้งเอ่ยถามอย่างระวังเป็นพิเศษ

“ท่านจี้ เขาล้อมหยกนี้คือที่ใดกัน ชะ ใช่ แดนเซียนสวรรค์หรือไม่”

ความจริงตอนนี้ในใจเว่ยอู๋เว่ยเกือบยืนยันแล้วว่าจี้หยวนเป็นผู้สูงส่งเร้นกายเหนือธรรมดาคนหนึ่งแน่ ถึงขั้นมีโอกาสเป็นเซียน แต่กลับไม่กล้าพูดหมดเปลือก แค่กล่าวถึงเรื่องตระกูลตนเท่านั้น

เผชิญหน้ากับคนหูผึ่งสามรายภายในลาน จี้หยวนรู้สึกขบขันเช่นกัน แต่เรื่องเช่นนี้รู้ก็คือรู้ ไม่รู้ก็คือไม่รู้ สิ่งที่เขาพูดได้มีไม่มาก ทั้งไม่มีความคิดแสร้งฉลาดพูดส่งเดชอะไร

“เขาล้อมหยกเป็นอย่างไรข้าก็ไม่เคยเห็น ใช่เซียนหรือไม่ สำหรับปุถุชนอย่างพวกเราคิดว่าคงใช่กระมัง”

เว่ยอู๋เว่ยพยายามทำให้ตนไม่ตื่นเต้นจนเกินไป เอ่ยถามเสียงเบาอย่างคาดหวัง

“ไม่ทราบว่าคนตระกูลเว่ยของข้าควรทำอย่างไรจึงจะสามารถอาศัยหยกนี้ตามหาวาสนาเซียนจนพบได้ ท่านโปรดสอนชี้แนะด้วย!”

นี่คือการถามตรงประเด็นแล้ว แต่จี้หยวนเองก็ไม่รู้ ชื่อเขาล้อมหยกนี้รู้มาจากเทพหลักเมืองแห่งหนิงอัน

“ท่านเว่ย ข้าคนแซ่จี้เป็นแค่ปุถุชนคนธรรมดา เพียงแต่มุมมองกว้างขวางกว่าคนทั่วไปอยู่บ้างเท่านั้น ส่วนแดนเทพเซียนอย่างเขาล้อมหยกอยู่ที่ใด หึๆ… ข้าคนแซ่จี้ไม่ทราบ!”

จี้หยวนยิ้มพลางวางหมาก มองเว่ยอู๋เว่ยซึ่งทำอะไรไม่ถูกอยู่บ้าง

“แต่ได้ยินว่าเขาล้อมหยกอยู่ในเขตรัฐจีของพวกเรา น่าจะอยู่ตอนเหนือ ข้าคนแซ่จี้ขอกล่าวเพียงเท่านี้ ท่านเว่ยดูแลตัวเองให้ดีเถอะ!”

เมื่อพูดเรื่องพวกนี้จบ จี้หยวนคิดว่าจะไม่สนใจเว่ยอู๋เว่ยอีก ถึงอย่างไรก็ไม่มีอะไรจะกล่าวต่ออีกแล้ว เขาล้อมหยกนี้เขาคนแซ่จี้เองยังอยากไปดูเลย

‘เฮ้อ บรรพบุรุษปกปักษ์อวยพรเช่นนี้น่าอิจฉาชะมัด ใครใช้ให้ชาตินี้ตนไม่มีพ่อรวยเล่า!’

เว่ยอู๋เว่ยไม่ใช่คนไม่รู้จักดีชั่ว เห็นชัดว่าท่านจี้คนนี้บอกเขาอย่างคลุมเครือแล้ว กล่าวมามากขนาดนี้ หากเขายังไม่รู้จักพอ นั่นก็คงโง่ยิ่งนัก คิดจริงหรือว่าผู้สูงส่งไม่มีโทสะ

เว่ยอู๋เว่ยลุกขึ้นจากที่นั่ง ถอยห่างจากโต๊ะหินสองก้าว ยืนตัวตรง มือซ้ายกุมมือขวา โค้งตัวเก้าสิบองศาไปข้างหน้าช้าๆ ประสานมือคารวะอย่างนอบน้อม

“บุญคุณที่ท่านจี้ชี้แนะวันนี้ ตระกูลเว่ยของข้าไม่ลืมตลอดชีวิต วันหน้าหากมีอะไรสามารถเรียกใช้ได้ โปรดสั่งความโดยตรง ขอแค่รู้ฐานะของท่าน ตระกูลเว่ยจังหวัดเต๋อเซิ่งย่อมพยายามเต็มกำลัง!”

เว่ยอู๋เว่ยครุ่นคิดเล็กน้อยก่อนปลดหยกชิ้นหนึ่งตรงเอววางลงบนโต๊ะ

“นี่คือหลักฐานยืนยัน! ท่านจี้โปรดรับไว้ ถ้าขัดสนสามารถแลกเป็นเงินได้บ้าง!”

คารวะจี้หยวนพร้อมวางหยกประดับเสร็จ เว่ยอู๋เว่ยประสานมือไปทางอาจารย์อิ๋นอย่างมีมารยาท จากนั้นค่อยก้าวออกจากเรือนสันติไปด้วยความรู้สึกตื่นเต้น ทั้งยังไม่ลืมที่จะปิดประตูให้

เมื่อออกมาข้างนอก ความตื่นเต้นนี้ไม่อาจควบคุมอีก เว่ยอู๋เว่ยซึ่งใจเต้นตึกตักซอยเท้าวิ่งทั้งอย่างนั้น การวิ่งนี้ตรงไปจนถึงป้ายทางเข้าตรอกเทียนหนิวจึงลูบหน้าอกผ่อนคลายลง เปลี่ยนทีท่าเป็นพ่อค้าอ้วนท้วนสมบูรณ์คนนั้นอีกครั้ง

เรื่องวันนี้เว่ยอู๋เว่ยคิดว่านอกจากคนเชื่อถือได้ในตระกูลแล้ว เขาจะไม่บอกใคร ยิ่งไม่มีทางป่าวประกาศ

ในเมื่อท่านจี้พร่ำบอกว่าตนเป็นแค่ ‘ปุถุชน’ เท่ากับบอกเขาเว่ยอู๋เว่ยตามตรงว่าไม่อยากให้รบกวน แน่นอนว่าเขาเข้าใจว่าควรทำอย่างไร ไม่อย่างนั้นเรื่องดีเป็นเรื่องร้ายวาสนาเป็นอาฆาตก็แย่แน่

ภายในลานของเรือนสันติ หลังจากเว่ยอู๋เว่ยจากไป อิ๋นชิงเอ่ยถามจี้หยวนอย่างอยากรู้อยากเห็น

“ท่านจี้ ท่านไม่รู้ว่าเขาล้อมหยกนั่นอยู่ที่ไหนจริงหรือ เทพเซียนเป็นอย่างไรข้ายังไม่เคยเจอเลย!!”

“ใช่แล้ว เทพเซียนเป็นอย่างไรข้าท่านจี้ก็อยากเจอ หวังว่าจะคล้ายกับที่ข้าคิด ส่วนเรื่องข้าไม่รู้จักเขาล้อมหยกจริงหรือไม่ เสี่ยวอิ๋นชิง เจ้าเคยเห็นข้าโหกเมื่อไหร่หรือ”

จี้หยวนพูดพลางหยิบกล่องอาหารขึ้นมาจากพื้น คว้าห่อขนมด้านในมากมายออกมาวางข้างโต๊ะหิน ยิ้มเบิกบานพลางถามอิ๋นชิงกลับ

“แต่ข้าเพิ่งรู้จักท่านจี้แค่สองสามเดือน ก่อนหน้านี้ถ้าท่านจี้โกหกข้าคงไม่เห็น!”

“ชิงเอ๋อร์!”

ครั้งนี้อิ๋นจ้าวเซียนถูกบุตรชายตนทำให้ตกใจจริงๆ เจ้าเด็กเฮงซวยนี้กล้าพูดเสียทุกเรื่อง

“ฮ่าๆๆๆๆ… เสี่ยวอิ๋นชิงพูดถูก ใช่ว่าท่านจี้ไม่เคยโกหกใคร แต่เรื่องนี้ไม่พูดปด! อีกอย่างเด็กพูดจาต้องห่วงความรู้สึกคนอื่น ข้าไม่เป็นไร แต่ภายหน้าเมื่อเจ้าออกไปข้างนอกต้องระวังปากพาซวย!”

อิ๋นชิงน่ารักอยู่ แต่ไม่อาจปล่อยให้เขามีแนวโน้มพัฒนาเป็นเด็กนิสัยเสีย

“ท่านจี้กล่าวถูกต้องยิ่ง เด็กคนนี้ต้องอมรมเข้มงวด การกระทำอย่าลืมมารยาท คำพูดอย่าทำร้ายคน!”

จี้หยวนเคร่งขรึมอย่างหาได้ยากทั้งเห็นด้วยที่อาจารย์อิ๋นอบรมบุตร พยักหน้าอย่างจริงจังนัก

“อาจารย์อิ๋นกล่าวถูกต้องยิ่ง โลกภายนอกไม่ราบเรียบไร้คลื่นลมเหมือนอำเภอหนิงอันแห่งนี้ เมืองใหญ่เป็นเช่นนี้ ยุทธภพเป็นเช่นนี้ ราชการเป็นเช่นนี้ ภูตผีปีศาจพวกนั้นยิ่งถูกเรียกมาด้วยคำพูด จำต้องระวัง!”

‘เจ้าหนูแม้แต่ท่านจี้ยังกล้าตอบโต้ เราใจกว้างอยู่หรอก แต่พอเอาจริงขึ้นมาก็ไม่ใช่เล่น!’

จี้หยวนตีหน้าซื่อคิดชั่วร้าย จากนั้นค่อยวางหมากโดยไม่แสดงอารมณ์

“อ้อ ขนมของหอนอกศาลนี้ อย่าทิ้งเสียของ มากินด้วยกัน!”

“ไม่อาจขัดศรัทธา!”

อิ๋นจ้าวเซียนไม่เกรงใจอีก กินขนมพร้อมจี้หยวน มีแค่เสี่ยวอิ๋นชิงทำหน้าขื่นขม มองบิดาตนข่มอารมณ์ รู้สึกอมทุกข์อยู่บ้าง

สิ่งที่จี้หยวนชื่นชมอิ๋นจ้าวเซียนยิ่งก็คือ แม้ว่าเมื่อครู่เกิดเรื่องอัศจรรย์เช่นนี้ ในเวลาอันสั้นหลังตกตะลึงก็พูดคุยเดินหมากกินขนมกับตนด้วยท่าทีค่อนข้างปกติ ต่อให้มีความปรารถนามุ่งหวังอิจฉาเหมือนคนทั่วไป แต่กลับรักษาแนวปฏิบัติประพฤติตามจารีต

หายากนัก จี้หยวนรู้สึกว่าสิ่งนี้หายากยิ่งกว่าการเพิกเฉยลาภยศใจสะอาดปราศจากกิเลสอย่างแท้จริง ทั้งเป็นสาเหตุที่เขาเรียนรู้เรื่องบางอย่างจากตัวอิ๋นจ้าวเซียนหลายครั้ง

จี้หยวนกินขนมเล่นหมากกับอิ๋นจ้าวเซียนสืบเนื่องจนถึงช่วงก่อนพลบค่ำ ทั้งสองฝ่ายผลัดกันแพ้ชนะ คนหนึ่งความมั่นใจเพิ่มขึ้นมาก อีกคนคิดว่าอีกฝ่ายรักษาหน้าตน ทั้งหมดล้วนจิตใจเบิกบาน

หมากกระดานสุดท้ายปิดฉาก ทั้งสองฝ่ายต่างคนต่างเก็บตัวหมาก อิ๋นชิงช่วยเก็บหมากดำพลางดีดหมากขาวอยู่ด้านข้าง

“อาจารย์อิ๋น อีกไม่กี่วันข้าคนแซ่จี้จะจากหนิงอันออกเดินทางไกลแล้ว!”

เรื่องนี้ยามรู้ข้อมูลจากเทียบเจตกระบี่เมื่อคืนกับไขความลับเทียบเจตกระบี่เช้าวันนี้แล้วจึงตัดสินใจ สุสานของจอมยุทธ์จั่วคนนั้นไม่ได้อยู่ใกล้แน่ ตอนนี้จี้หยวนแค่บอกกล่าวล่วงหน้า

อิ๋นจ้าวเซียนชะงัก ประโยคนี้มากะทันหันเกินไปแล้ว ทำให้มือซึ่งเก็บตัวหมากของเขาช้าลงไม่น้อย

อิ๋นชิงเพิ่งคิดจะเอะอะโวยวาย แต่กลับถูกอิ๋นจ้าวเซียนซึ่งครั้งนี้ตอบสนองรวดเร็วถลึงตาข่มกลับไป

“ท่านจี้คิดจากไปเมื่อไหร่”

“ยังไม่แน่ใจ อย่างเร็วสามถึงห้าวัน อย่างช้าหกถึงเจ็ดวันกระมัง!”

สิ่งสำคัญคือต้องคิดหาวิธีทำความคุ้นเคยกับแผนที่ทุกรัฐทุกจังหวัดของต้าเจินโดยคร่าวสักหน่อยก่อน และต้องนัดบอกลาเทพหลักเมืองประจำอำเภอด้วย

ภายในเรือนเล็กเงียบไปครู่หนึ่ง อิ๋นชิงหมอบบนโต๊ะหินอย่างหมดอาลัยตายอยากอยู่บ้าง อิ๋นจ้าวเซียนเก็บหมากขาวสองตัวสุดท้ายเข้าไปในกล่องตัวหมากจึงกล่าวต่อ

“ข้าคนแซ่อิ๋นรู้ว่าท่านจี้ไม่ใช่คนธรรมดา จากไปย่อมมีเหตุผลการลาจาก ข้าคนแซ่อิ๋นไม่ถามมากความ หากถึงตอนนั้นบอกกล่าวข้าคนแซ่อิ๋นสักคำ ย่อมไปส่งท่านแน่นอน หากไม่สะดวกคงได้แต่ขอให้เมื่อถึงตอนนั้นท่านเดินทางราบรื่น!”

“ได้ ขอบคุณสำหรับความหวังดีของอาจารย์อิ๋น!”

จี้หยวนยิ้มพลางประสานมือ ทั้งลูบหัวอิ๋นชิงซึ่งเซื่องซึมเงื่องหงอย

คล้ายนึกอะไรขึ้นมาได้ เขาเงยหน้ามองต้นพุทรากลางลาน กล่าวทอดถอนใจประโยคหนึ่ง

“ผลพุทราปีนี้เกรงว่าข้าคงไม่ได้กินแล้ว ถึงตอนนั้นหวังว่าอาจารย์อิ๋นกับเสี่ยวอิ๋นชิงจะมาเก็บผลสุก แจกจ่ายแบ่งกันกินกับเพื่อนบ้านเถอะ!”

“ข้าคนแซ่อิ๋นทำได้แน่นอน โปรดวางใจ!”

ยามอิ๋นจ้าวเซียนกล่าวตอบก็มองต้นพุทราเช่นกัน ทั้งสองคนกลับไม่คารวะกันไปมาเหมือนปกติแล้ว

หลังจากพูดคุยต่ออีกสองสามประโยค เห็นชัดว่าพ่อลูกตระกูลอิ๋นไม่ร่าเริงนัก กอปรกับใกล้เวลาอาหาร ไม่นานก็ขอลาจากไป

รอพ่อลูกตระกูลอิ๋นจากไป จี้หยวนทำงานพักผ่อนตามปกติ ออกไปกินข้าวข้างนอกแล้วกลับบ้านฝึกปราณ ทั้งเข้าห้องนอนหลับตรงเวลา

กลางดึกดอกพุทรากลางลานแห้งเหี่ยวร่วงหล่น แผ่กิ่งก้านออกผลพุทราเขียวตรงปลายยอดทีละน้อย เมื่อฟ้าใกล้สางต้นพุทราในลานเรือนสันติเส้นใบเฉาเหลือง แต่กิ่งก้านกลับออกผลดกเป็นพวง

เช้าตรู่เมื่อจี้หยวนตื่นมาแล้วเปิดประตูห้อง เขาถูกภาพเบื้องหน้าทำให้ตกใจ จ้องมองต้นพุทราอยู่นานกว่าจะรู้สึกตัวเอ่ยปาก

“ลมสารทพัดมาชั่วข้ามคืน ออกผลเต็มลานรอคนเก็บ! ขอบคุณ!”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด