ข้าสามารถตรวจสอบได้ทุกสรรพสิ่ง I Can Track Everything 134: ฝันไปเถอะ!

Now you are reading ข้าสามารถตรวจสอบได้ทุกสรรพสิ่ง I Can Track Everything Chapter 134: ฝันไปเถอะ! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

Chapter 134: ฝันไปเถอะ!

 

ฮัดชิว!

 

เฉินเฉินจามด้วยความสับสน

 

ระดับการฝึกตนของเขาไปถึงขั้นแก่นทองคําแล้ว ทําไมเขาถึงยังจามอยู่ล่ะ? หรือว่ามีคนจากสํานักอู๋ซินกําลังสาปแช่งเขา?

 

“ดูเหมือนว่าในอนาคตข้าจะต้องระวังตัวให้มากกว่านี้สินะ ของอย่างพวกคําสาปมันมีอยู่จริงๆ”

 

“การตรวจจับแสดงให้เห็นว่าระดับการฝึกตนของท่านเจ้าของไปถึงแก่นทองคําแล้ว ระยะการตรวจจับเพิ่มขึ้นเป็น 50 เมตร นอกจากนี้ ท่านจะได้รับรางวัลด้วยการตรวจจับเสี่ยงโชคหนึ่งโอกาส”

 

ในจังหวะนี้เอง ระบบก็ได้ส่งแจ้งเตือนเข้ามาในหัวของเฉินเฉินอย่างกะทันหัน

 

“ตอนนี้เป็นห้าสิบเมตรแล้วเหรอ? ระยะการตรวจจับมันเพิ่มขึ้นมากเลยนี่!”

 

เฉินเฉินตกใจเล็กน้อย ถึงแม้ว่าความแตกต่างระหว่าง 30 เมตรกับ 50 เมตรจะห่างกันแค่ 20 เมตร แต่พื้นที่ตรวจจับจริงๆมันเพิ่มขึ้นเกือบสามเท่าเลย!

 

พื้นที่ของวงกลมนั้นมันเทียบเท่ากับรากที่สองของค่าพาย สิ่งที่เขาเรียนรู้มาในชีวิตก่อนของเขา

 

“เปิดใช้โอกาสตรวจจับเสี่ยงโชค! ตรวจจับคนเพศตรงข้ามที่มีแนวคิด คุณค่า และสรีระร่างกายตรงกับความต้องการของท่านเจ้าของ”

 

“ตรวจจับของเล่นที่ท่านเจ้าของโปรดปราณที่สุด”

 

“ตรวจจับวิธีฝึกตนที่เหมาะสมกับร่างกายของท่านเจ้าของมากที่สุด”

 

เมื่อได้ฟังการแจ้งเตือนนี้ในหัว หางตาของเฉินเฉินก็กระ

 

ก่อนหน้านี้ ระบบตรวจจับเสี่ยงโชคบอกว่าเขาจะมีความสุขถ้าได้กินหอยจากทะเลไร้ก้น และมันก็จบลงที่เขารู้สึกใจลอยไปหลายวันหลังจากนั้นเพราะเขาอดคิดไม่ได้ว่ารสชาติของหอยที่ว่ามันเป็นยังไง

 

ระบบเริ่มส่งแจ้งเตือนอีกครั้ง

 

“ขอร้องล่ะอย่าทําร้ายความรู้สึกข้าอีกนะ ไม่อย่างนั้น ข้าได้หมกมุ่นเพราะระบบไปทั้งวันแน่”

 

“เปิดใช้การตรวจจับเสี่ยงโชค ตรวจจับวัตถุเสริมแกร่งที่มีความเข้ากันกับท่านเจ้าของมากที่สุดในระยะ 50,000 กิโลเมตร

 

“มีภูเขาไฟยาวเหยียดอยู่ทางตะวันตกที่ทอดยาวไปถึง 120,000 กิโลเมตร และภูเขาไฟลูกที่ 32 นั้นได้เก็บวัตถุสําหรับเสริมแกร่งอาวุธที่ล้ําค่าที่สุดเอาไว้ ซึ่งมันเป็นวัตถุที่มีความเข้ากันได้มากที่สุดในการเสริมแกร่งอาวุธสําหรับท่านเจ้าของ”

“การตรวจจับเสร็จสิ้น”

 

ระบบหยุดส่งแจ้งเตือน และเฉินเฉินก็พูดไม่ออกไปพักใหญ่ๆ

 

ในที่สุดเขาก็ได้ในสิ่งที่เขาต้องการมากที่สุด ตอนนี้ทั้งหมดที่เขาต้องการ ก็คือการได้สมบัติประจําตัว!”

 

วัตถุเสริมแกร่งธรรมดาไม่สามารถดึงดูดความสนใจของเขาได้เลย

 

เขาได้รับสมบัติมามากมายในห้องสมบัติของสํานักอู๋ซิน แต่เขาก็ไม่ได้ชอบชิ้นไหนเป็นพิเศษ

 

แล้วสมบัติประจําตัวคืออะไรล่ะ? สมบัติประจําตัวก็หมายถึงสิ่งที่ต้องอยู่กับเขาไปเป็นเวลานาน หรือแม้กระทั่งตลอดชีวิต

 

แล้วสมบัติแบบนั้นจะอ่อนแอได้ยังไงกัน? นอกจากนี้ ยอดฝีมืออย่างเขาก็จําเป็นต้องมีสมบัติชั้นยอดเช่นนั้นบ้าง! มีแค่การได้พวกมันมาถึงจะเหมาะสมกับตัวตนของเขา!

 

“ทองศักดิ์สิทธิ์แห่งปัญญาเหรอ? ฟังดูเยี่ยมเลยน หีหี!”

 

เฉินเฉินอดหัวเราะคิกคักไม่ได้ในตอนนี้เอง เซี่ยวอู่โยวก็ได้เข้ามาขัดขวางจินตนาการของเขาอย่างกะทันหัน

 

“ศิษย์เอ๋ย เจ้ายังอยากไปที่สํานักอสูรจริงๆเหรอ?”

 

เมื่อได้ฟังเช่นนี้ สีหน้าของเฉินเฉินก็จริงจังขึ้นมา

 

“ครับ ท่านอาจารย์ ตอนนี้สํานักอู๋ซินได้รับความเสียหายหนักและสํานักอสูรก็คงจะไม่ยอมพลาดโอกาสนี้แน่ ถ้าพวกเราไม่คิดจะยอมเข้ากับสํานักอสูร พวกมันจะต้องเพ่งเล็งสํานักเทียนหยุนอย่างแทนแน่นอน เพราะฉะนั้น ข้าต้องไปที่สํานักอสูรเพื่อสร้างปัญหาและซื้อเวลาให้สํานักเทียนหยุน”

 

เซี่ยวอู่โยวอับอายและรู้สึกผิดเมื่อได้ฟังเช่นนี้ เฉินเฉินจะไปจุดชนวนปัญหาเพื่อสร้างโอกาสให้สํานักเทียนหยุนที่อ่อนแอได้ผงาดขึ้นมา

 

เขาสามารถเดาได้อย่างง่ายดายว่ามันอันตรายขนาดไหน

 

นอกจากนี้ ในฐานะอาจารย์ มันแทบไม่มีอะไรที่เขาสามารถช่วยเหลือศิษย์คนนี้ได้เลย แต่เขากลับได้รับผลประโยชน์มากมายจากศิษย์ของเขาแทน

 

ในตอนนี้ เขารู้สึกอิจฉาไป๋จานอีกครั้ง

 

อย่างน้อยไปจานก็มีโอกาสได้ทําหน้าที่ในส่วนของอาจารย์ แถมยังได้สละชีวิตเพื่อช่วยเหลือเย่หวู่เชิงด้วย

 

ในอีกด้านหนึ่ง เขาไม่สามารถทําอะไรเพื่อเฉินเฉินได้เลย

 

เมื่อเห็นว่าเซี่ยวอู่โยวดูหมดกําลังใจ เฉินเฉินก็ปลอบเขา “ฮ่าฮ่า ท่านอาจารย์ อย่าคิดมากเลยครับ นี่ถือเป็นประสบการณ์อย่างหนึ่งสําหรับข้า ข้าก็เปรียบเสมือนเพชรที่ยังไม่ได้ผ่านการเจียรนัยและขอบของข้าก็ยังต้องทําให้เนียนกว่านี้ จะว่าไปแล้ว ท่านอาจารย์ มีหน้ากากพิเศษของสํานักภรรยาท่านอาจารย์อยู่รึเปล่าครับ? ข้าขอซักอันได้ไหม”

 

เมื่อเห็นว่าในที่สุดศิษย์ของเขาก็ร้องขออะไรบางอย่าง เซี่ยวอู่โยวจึงกระปรี้กระเปร่าขึ้นมาในทันทีและแหวนเก็บของของเขาก็สว่างขึ้นด้วย จากนั้นหน้ากากสิบอันของสํานักโยวฉุยก็ได้มาถึงมือของเฉินเฉินเช่นกัน

 

เมื่อมองกองหน้ากากที่อยู่ในมือของเขา เฉินเฉินก็อึ้งเล็กน้อย

 

วิธีที่เธอปฏิบัติต่อคนรักกับศิษย์ของคนรักมันมีความแตกต่างกันอยู่สินะ ในตอนนั้น ภรรยาของท่านอาจารย์บอกว่าหน้ากากที่เธอมอบให้นั้นล้ําค่าจริงๆ”

 

“แต่ว่าเธอกลับมอบให้อาจารย์ตั้งมากมาย นี่มันแทบจะเหมือนกับโรงงานผลิตค้าส่งแล้ว”

 

ด้วยความคิดนี้เอง เฉินเฉินก็ถอนหายใจแล้วพูดขึ้นมา “ท่านอาจารย์ ข้าไม่ควรจะพูดเรื่องพวกนี้มากนักแต่ภรรยาของท่านอาจารย์ดีกับท่านไม่ใช่น้อยเลยนะครับ เพราะฉะนั้นท่านไม่ควรจะลังเล…”

 

เมื่อได้ฟังเช่นนี้ สีหน้าของเซี่ยวอู่โยวก็แดงขึ้นมาแล้วเขาก็ส่ายหัว “ข้ารู้ว่าเจ้าสํานักวิหคสีชาดแค่หลงข้าฝ่ายเดียวเท่านั้นล่ะ ในอนาคตข้าจะเว้นระยะห่างจากเธอ แต่เจ้าไม่ต้องเอาเรื่องนี้ไปบอกคนรักของข้านะ”

 

“ข้ารู้แล้วครับ”

 

พวกเขาทั้งสองคนมองหน้ากัน และทั้งคู่ก็ได้เห็นความจริงใจในสายตาของอีกฝ่าย

 

ในตอนนี้เอง ศิษย์คนหนึ่งของสํานักพยัคฆ์ขาวก็เดินเข้ามาจากข้างนอกและทําความเคารพเซี่ยวอู่โยว

 

“ท่านเจ้าสํานักเซี่ยว มีคนนอกสํานักสองคนที่อ้างตัวว่า เป็นเจ้าสํานักกับเซียนหญิงของสํานักชิงหลิง ชิงเฮง กับชิงเฉียนครับ พวกเขาอยากจะเจอท่าน”

 

เมื่อได้ฟังเช่นนี้ สีหน้าของเฉินเฉินก็เปลี่ยนไปและเขาก็รีบพูดขึ้นมา “ท่านอาจารย์ นี่เป็นเรื่องเร่งด่วน ข้าต้องไปก่อนนะครับ!”

 

“หา? ต้องรีบเร่งขนาดนั้นเลยเหรอ?” เซี่ยวอู่โยวถามอย่างสับสน

 

“ครับ! เรื่องนี้จะมัวช้าอยู่ไม่ได้!” เฉินเฉินอุทานและหันหลังออกไปแต่ครู่ต่อมา เขาก็นึกขึ้นได้อย่างกะทันหันและออกผ่านประตูหลังแทน

 

ในขณะที่มองแผ่นหลังของเฉินเฉิน เซี่ยวอู่โยวก็รู้สึกปลาบปลื้ม

 

ถึงแม้ว่าศิษย์ของเขามักจะทําเรื่องไร้สาระในสํานักตลอดทั้งวัน แต่เขาก็ทุ่มเทมากกว่าคนอื่นในตอนที่สํานักเจอกับวิกฤตอย่างแท้จริง

 

ถ้าไม่ใช่เขาจะมีใครที่เหมาะสมกับตําแหน่งเจ้าสํานักอีกล่ะ?

 

หลังจากที่ออกมาจากสํานักพยัคฆ์ขาว เฉินเฉินก็สวมหน้ากากและเปลี่ยนรูปลักษณ์เป็นจางเฉิน ในตอนที่เขาไปถึงชายแดนของรัฐจินกับรัฐโจว เขาก็สวมหน้ากากทองแดงที่ดูชั่วร้ายและกลายเป็นนายน้อยของสาขาที่หนึ่งแห่งสํานักอสูรอีกครั้ง

 

“หึหึ ด้วยความสําเร็จของข้าในครั้งนี้ เจ้าสํานักจะต้องให้โอกาสในการเข้ารับการทดสอบและให้ข้าได้ท้าทายนายน้อยสํานักขอองอีก 35 สํานักที่เหลือใช่ไหม?”

 

เฉินเฉินคิดอย่างเริงร่าในขณะที่เขาบินอยู่ ถ้าเขากลายเป็นนายน้อยของ 36 สํานักแห่งสํานักอสูรและเจ้าชายของรัฐโจว เขาก็จะเคลื่อนไหวได้สะดวกขึ้นมาก

 

อย่างไรก็ตาม ในตอนที่เขามาถึงสาขาที่หนึ่งของสํานักอสูร เขาก็ตัวแข็งที่อด้วยความตกใจ

 

มันเป็นเพราะทุกอย่างในสาขาที่หนึ่งดูอึมครึมไปหมด และใบหน้าของพวกเขาก็เต็มไปด้วยความเศร้าหมอง

 

เมื่อเห็นภาพนี้ หัวใจของเฉินเฉินก็หดหู

 

“เจ้าสํานักตายแล้วเหรอ? ไม่นะ! ช่วยรอจนกว่าข้าจะกลายเป็นนายน้อยสํานักเถอะแล้วค่อยตาย!”

 

เฉินเฉินบินไปยังสถานที่ที่มีคนอยู่เยอะที่สุด

 

มันใช้เวลาไม่นานก่อนที่เขาจะมาอยู่เหนือแท่นขนาดยักษ์ของสาขาที่หนึ่ง

 

ในตอนนี้ มีคนเป็นพันได้มารวมตัวกันอยู่บนแท่นใหญ่ด้านล่าง พวกเขาทุกคนแต่งกายสีขาว

 

ที่ตรงกลางของแท่น หยวนฉิงเทียนกําลังถือภาพหน้าตรงขนาดใหญ่และเดินซวนเซไปข้างหน้าทั้งน้ําตา ในแต่ละก้าวที่เขาเดิน เขาจะคร่ําครวญออกมาอย่างน่าสังเวช

 

“ศิษย์พี่! การตายของท่านช่างน่ารันทดยิ่งนัก! ศพของท่านยังไม่เหลือให้เห็นเลยด้วยซ้ํา!”

 

“ศิษย์พี่ ถึงแม้ว่าท่านจะตายไปแล้ว สํานักอสูรก็จะจดจําความสําเร็จที่ท่านสร้างไว้ตลอดไป!”

 

ในทันทีที่เขาพูดเรื่องพวกนี้ออกมา ผู้คนนับพันที่อยู่รอบๆก็เริ่มร้องโอดครวญเสียงดัง!

 

“พักผ่อนให้สงบนะครับ ศิษย์พี่จางเฉิน! ท่านจะใช้ชีวิตอยู่ในใจของเราตลอดไป!”

 

ด้วยคําประกาศนี้ ศิษย์สํานักอสูรกลุ่มหนึ่งก็เดินออกมา โยนหินจํานวนหนึ่งขึ้นฟ้า

 

ทันใดนั้นเอง เฉินเฉินยักษ์ที่สูงหลายสิบเมตรก็ปรากฏขึ้นบนแท่น

 

แม้ว่ายักษ์เฉินเฉินนี้จะสวมหน้ากากอยู่ แต่มันก็สามารถมองเห็นจากการแกะสลักที่ปากและสายตาที่จริงใจของเขา ได้ว่าเขากําลังยิ้มอย่างสงบ

 

นอกจากนั้น เฉินเฉินยักษ์นี้กําลังโบกมือให้ศิษย์นับพัน ของสํานักอสูรด้วยรอยยิ้ม ทําให้มันดูเหมือนกับว่าเขากําลังบอกลา

 

หลังจากที่ฝูงชนมองมันจนพอใจแล้ว ร่างขนาดยักษ์ก็เริ่มลอยไปทางตะวันตก และออกไปไกลขึ้นเรื่อยๆ อย่างไรก็ตาม รอยยิ้มของเขายังเป็นเช่นเคย แม้ว่าจะมีความฝันอยู่ในดวงตาของเขา

 

เมื่อเห็นเช่นนี้ หยวนฉิงเทียนก็ร้องห่มร้องไห้ออกมาและคุกเข่าลงกับพื้น “ลาก่อนครับ ศิษย์พี่!”

 

“ลาก่อน ศิษย์พี่!” ศิษย์สํานักอสูรคนอื่นๆพูดตาม

 

เมื่อเห็นภาพนี้ สีหน้าของเฉินเฉินก็หม่นหมอง

 

“อะไรกัน? พวกเจ้าทุกคนนั่นล่ะไปตายซะ”

 

โดยลังเล เฉินเฉินก็บินตรงไปหาหยวนฉิงเทียน และจับเขาขึ้นมา

 

“เจ้าโง่ ข้ายังไม่ตายซักหน่อย! เจ้าจะร้องไห้หาอะไร!?!”

 

ณ จุดนี้หยวนฉิงเทียนน้ําตาไหลอย่างไม่สามารถควบคุมได้แล้วและเขาก็ไม่สามารถคิดตรงๆได้อีก เขาพึมพําออกมา “เอ๊ะ? นี่เป็นผลงานของสาขาหุ่นเชิดหรือสาขาดัดแปลงศพใช่ไหม? มันดูเหมือนจริงมาก! ข้าจะเผามันในภายหลัง…”

 

ผัวะ!

 

เฉินเฉินตบหน้าเขาแล้วตะคอก “ฝันไปเถอะ ข้ายังมีชีวิตอยู่ดี!”

 

หลังจากที่พูดแบบนั้น เขาก็มองดูรูปหน้าตรงที่อยู่บนพื้น แล้วเริ่มใช้เท้าขยี้มันจนเละเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ข้าสามารถตรวจสอบได้ทุกสรรพสิ่ง I Can Track Everything 134: ฝันไปเถอะ!

Now you are reading ข้าสามารถตรวจสอบได้ทุกสรรพสิ่ง I Can Track Everything Chapter 134: ฝันไปเถอะ! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

Chapter 134: ฝันไปเถอะ!

 

ฮัดชิว!

 

เฉินเฉินจามด้วยความสับสน

 

ระดับการฝึกตนของเขาไปถึงขั้นแก่นทองคําแล้ว ทําไมเขาถึงยังจามอยู่ล่ะ? หรือว่ามีคนจากสํานักอู๋ซินกําลังสาปแช่งเขา?

 

“ดูเหมือนว่าในอนาคตข้าจะต้องระวังตัวให้มากกว่านี้สินะ ของอย่างพวกคําสาปมันมีอยู่จริงๆ”

 

“การตรวจจับแสดงให้เห็นว่าระดับการฝึกตนของท่านเจ้าของไปถึงแก่นทองคําแล้ว ระยะการตรวจจับเพิ่มขึ้นเป็น 50 เมตร นอกจากนี้ ท่านจะได้รับรางวัลด้วยการตรวจจับเสี่ยงโชคหนึ่งโอกาส”

 

ในจังหวะนี้เอง ระบบก็ได้ส่งแจ้งเตือนเข้ามาในหัวของเฉินเฉินอย่างกะทันหัน

 

“ตอนนี้เป็นห้าสิบเมตรแล้วเหรอ? ระยะการตรวจจับมันเพิ่มขึ้นมากเลยนี่!”

 

เฉินเฉินตกใจเล็กน้อย ถึงแม้ว่าความแตกต่างระหว่าง 30 เมตรกับ 50 เมตรจะห่างกันแค่ 20 เมตร แต่พื้นที่ตรวจจับจริงๆมันเพิ่มขึ้นเกือบสามเท่าเลย!

 

พื้นที่ของวงกลมนั้นมันเทียบเท่ากับรากที่สองของค่าพาย สิ่งที่เขาเรียนรู้มาในชีวิตก่อนของเขา

 

“เปิดใช้โอกาสตรวจจับเสี่ยงโชค! ตรวจจับคนเพศตรงข้ามที่มีแนวคิด คุณค่า และสรีระร่างกายตรงกับความต้องการของท่านเจ้าของ”

 

“ตรวจจับของเล่นที่ท่านเจ้าของโปรดปราณที่สุด”

 

“ตรวจจับวิธีฝึกตนที่เหมาะสมกับร่างกายของท่านเจ้าของมากที่สุด”

 

เมื่อได้ฟังการแจ้งเตือนนี้ในหัว หางตาของเฉินเฉินก็กระ

 

ก่อนหน้านี้ ระบบตรวจจับเสี่ยงโชคบอกว่าเขาจะมีความสุขถ้าได้กินหอยจากทะเลไร้ก้น และมันก็จบลงที่เขารู้สึกใจลอยไปหลายวันหลังจากนั้นเพราะเขาอดคิดไม่ได้ว่ารสชาติของหอยที่ว่ามันเป็นยังไง

 

ระบบเริ่มส่งแจ้งเตือนอีกครั้ง

 

“ขอร้องล่ะอย่าทําร้ายความรู้สึกข้าอีกนะ ไม่อย่างนั้น ข้าได้หมกมุ่นเพราะระบบไปทั้งวันแน่”

 

“เปิดใช้การตรวจจับเสี่ยงโชค ตรวจจับวัตถุเสริมแกร่งที่มีความเข้ากันกับท่านเจ้าของมากที่สุดในระยะ 50,000 กิโลเมตร

 

“มีภูเขาไฟยาวเหยียดอยู่ทางตะวันตกที่ทอดยาวไปถึง 120,000 กิโลเมตร และภูเขาไฟลูกที่ 32 นั้นได้เก็บวัตถุสําหรับเสริมแกร่งอาวุธที่ล้ําค่าที่สุดเอาไว้ ซึ่งมันเป็นวัตถุที่มีความเข้ากันได้มากที่สุดในการเสริมแกร่งอาวุธสําหรับท่านเจ้าของ”

“การตรวจจับเสร็จสิ้น”

 

ระบบหยุดส่งแจ้งเตือน และเฉินเฉินก็พูดไม่ออกไปพักใหญ่ๆ

 

ในที่สุดเขาก็ได้ในสิ่งที่เขาต้องการมากที่สุด ตอนนี้ทั้งหมดที่เขาต้องการ ก็คือการได้สมบัติประจําตัว!”

 

วัตถุเสริมแกร่งธรรมดาไม่สามารถดึงดูดความสนใจของเขาได้เลย

 

เขาได้รับสมบัติมามากมายในห้องสมบัติของสํานักอู๋ซิน แต่เขาก็ไม่ได้ชอบชิ้นไหนเป็นพิเศษ

 

แล้วสมบัติประจําตัวคืออะไรล่ะ? สมบัติประจําตัวก็หมายถึงสิ่งที่ต้องอยู่กับเขาไปเป็นเวลานาน หรือแม้กระทั่งตลอดชีวิต

 

แล้วสมบัติแบบนั้นจะอ่อนแอได้ยังไงกัน? นอกจากนี้ ยอดฝีมืออย่างเขาก็จําเป็นต้องมีสมบัติชั้นยอดเช่นนั้นบ้าง! มีแค่การได้พวกมันมาถึงจะเหมาะสมกับตัวตนของเขา!

 

“ทองศักดิ์สิทธิ์แห่งปัญญาเหรอ? ฟังดูเยี่ยมเลยน หีหี!”

 

เฉินเฉินอดหัวเราะคิกคักไม่ได้ในตอนนี้เอง เซี่ยวอู่โยวก็ได้เข้ามาขัดขวางจินตนาการของเขาอย่างกะทันหัน

 

“ศิษย์เอ๋ย เจ้ายังอยากไปที่สํานักอสูรจริงๆเหรอ?”

 

เมื่อได้ฟังเช่นนี้ สีหน้าของเฉินเฉินก็จริงจังขึ้นมา

 

“ครับ ท่านอาจารย์ ตอนนี้สํานักอู๋ซินได้รับความเสียหายหนักและสํานักอสูรก็คงจะไม่ยอมพลาดโอกาสนี้แน่ ถ้าพวกเราไม่คิดจะยอมเข้ากับสํานักอสูร พวกมันจะต้องเพ่งเล็งสํานักเทียนหยุนอย่างแทนแน่นอน เพราะฉะนั้น ข้าต้องไปที่สํานักอสูรเพื่อสร้างปัญหาและซื้อเวลาให้สํานักเทียนหยุน”

 

เซี่ยวอู่โยวอับอายและรู้สึกผิดเมื่อได้ฟังเช่นนี้ เฉินเฉินจะไปจุดชนวนปัญหาเพื่อสร้างโอกาสให้สํานักเทียนหยุนที่อ่อนแอได้ผงาดขึ้นมา

 

เขาสามารถเดาได้อย่างง่ายดายว่ามันอันตรายขนาดไหน

 

นอกจากนี้ ในฐานะอาจารย์ มันแทบไม่มีอะไรที่เขาสามารถช่วยเหลือศิษย์คนนี้ได้เลย แต่เขากลับได้รับผลประโยชน์มากมายจากศิษย์ของเขาแทน

 

ในตอนนี้ เขารู้สึกอิจฉาไป๋จานอีกครั้ง

 

อย่างน้อยไปจานก็มีโอกาสได้ทําหน้าที่ในส่วนของอาจารย์ แถมยังได้สละชีวิตเพื่อช่วยเหลือเย่หวู่เชิงด้วย

 

ในอีกด้านหนึ่ง เขาไม่สามารถทําอะไรเพื่อเฉินเฉินได้เลย

 

เมื่อเห็นว่าเซี่ยวอู่โยวดูหมดกําลังใจ เฉินเฉินก็ปลอบเขา “ฮ่าฮ่า ท่านอาจารย์ อย่าคิดมากเลยครับ นี่ถือเป็นประสบการณ์อย่างหนึ่งสําหรับข้า ข้าก็เปรียบเสมือนเพชรที่ยังไม่ได้ผ่านการเจียรนัยและขอบของข้าก็ยังต้องทําให้เนียนกว่านี้ จะว่าไปแล้ว ท่านอาจารย์ มีหน้ากากพิเศษของสํานักภรรยาท่านอาจารย์อยู่รึเปล่าครับ? ข้าขอซักอันได้ไหม”

 

เมื่อเห็นว่าในที่สุดศิษย์ของเขาก็ร้องขออะไรบางอย่าง เซี่ยวอู่โยวจึงกระปรี้กระเปร่าขึ้นมาในทันทีและแหวนเก็บของของเขาก็สว่างขึ้นด้วย จากนั้นหน้ากากสิบอันของสํานักโยวฉุยก็ได้มาถึงมือของเฉินเฉินเช่นกัน

 

เมื่อมองกองหน้ากากที่อยู่ในมือของเขา เฉินเฉินก็อึ้งเล็กน้อย

 

วิธีที่เธอปฏิบัติต่อคนรักกับศิษย์ของคนรักมันมีความแตกต่างกันอยู่สินะ ในตอนนั้น ภรรยาของท่านอาจารย์บอกว่าหน้ากากที่เธอมอบให้นั้นล้ําค่าจริงๆ”

 

“แต่ว่าเธอกลับมอบให้อาจารย์ตั้งมากมาย นี่มันแทบจะเหมือนกับโรงงานผลิตค้าส่งแล้ว”

 

ด้วยความคิดนี้เอง เฉินเฉินก็ถอนหายใจแล้วพูดขึ้นมา “ท่านอาจารย์ ข้าไม่ควรจะพูดเรื่องพวกนี้มากนักแต่ภรรยาของท่านอาจารย์ดีกับท่านไม่ใช่น้อยเลยนะครับ เพราะฉะนั้นท่านไม่ควรจะลังเล…”

 

เมื่อได้ฟังเช่นนี้ สีหน้าของเซี่ยวอู่โยวก็แดงขึ้นมาแล้วเขาก็ส่ายหัว “ข้ารู้ว่าเจ้าสํานักวิหคสีชาดแค่หลงข้าฝ่ายเดียวเท่านั้นล่ะ ในอนาคตข้าจะเว้นระยะห่างจากเธอ แต่เจ้าไม่ต้องเอาเรื่องนี้ไปบอกคนรักของข้านะ”

 

“ข้ารู้แล้วครับ”

 

พวกเขาทั้งสองคนมองหน้ากัน และทั้งคู่ก็ได้เห็นความจริงใจในสายตาของอีกฝ่าย

 

ในตอนนี้เอง ศิษย์คนหนึ่งของสํานักพยัคฆ์ขาวก็เดินเข้ามาจากข้างนอกและทําความเคารพเซี่ยวอู่โยว

 

“ท่านเจ้าสํานักเซี่ยว มีคนนอกสํานักสองคนที่อ้างตัวว่า เป็นเจ้าสํานักกับเซียนหญิงของสํานักชิงหลิง ชิงเฮง กับชิงเฉียนครับ พวกเขาอยากจะเจอท่าน”

 

เมื่อได้ฟังเช่นนี้ สีหน้าของเฉินเฉินก็เปลี่ยนไปและเขาก็รีบพูดขึ้นมา “ท่านอาจารย์ นี่เป็นเรื่องเร่งด่วน ข้าต้องไปก่อนนะครับ!”

 

“หา? ต้องรีบเร่งขนาดนั้นเลยเหรอ?” เซี่ยวอู่โยวถามอย่างสับสน

 

“ครับ! เรื่องนี้จะมัวช้าอยู่ไม่ได้!” เฉินเฉินอุทานและหันหลังออกไปแต่ครู่ต่อมา เขาก็นึกขึ้นได้อย่างกะทันหันและออกผ่านประตูหลังแทน

 

ในขณะที่มองแผ่นหลังของเฉินเฉิน เซี่ยวอู่โยวก็รู้สึกปลาบปลื้ม

 

ถึงแม้ว่าศิษย์ของเขามักจะทําเรื่องไร้สาระในสํานักตลอดทั้งวัน แต่เขาก็ทุ่มเทมากกว่าคนอื่นในตอนที่สํานักเจอกับวิกฤตอย่างแท้จริง

 

ถ้าไม่ใช่เขาจะมีใครที่เหมาะสมกับตําแหน่งเจ้าสํานักอีกล่ะ?

 

หลังจากที่ออกมาจากสํานักพยัคฆ์ขาว เฉินเฉินก็สวมหน้ากากและเปลี่ยนรูปลักษณ์เป็นจางเฉิน ในตอนที่เขาไปถึงชายแดนของรัฐจินกับรัฐโจว เขาก็สวมหน้ากากทองแดงที่ดูชั่วร้ายและกลายเป็นนายน้อยของสาขาที่หนึ่งแห่งสํานักอสูรอีกครั้ง

 

“หึหึ ด้วยความสําเร็จของข้าในครั้งนี้ เจ้าสํานักจะต้องให้โอกาสในการเข้ารับการทดสอบและให้ข้าได้ท้าทายนายน้อยสํานักขอองอีก 35 สํานักที่เหลือใช่ไหม?”

 

เฉินเฉินคิดอย่างเริงร่าในขณะที่เขาบินอยู่ ถ้าเขากลายเป็นนายน้อยของ 36 สํานักแห่งสํานักอสูรและเจ้าชายของรัฐโจว เขาก็จะเคลื่อนไหวได้สะดวกขึ้นมาก

 

อย่างไรก็ตาม ในตอนที่เขามาถึงสาขาที่หนึ่งของสํานักอสูร เขาก็ตัวแข็งที่อด้วยความตกใจ

 

มันเป็นเพราะทุกอย่างในสาขาที่หนึ่งดูอึมครึมไปหมด และใบหน้าของพวกเขาก็เต็มไปด้วยความเศร้าหมอง

 

เมื่อเห็นภาพนี้ หัวใจของเฉินเฉินก็หดหู

 

“เจ้าสํานักตายแล้วเหรอ? ไม่นะ! ช่วยรอจนกว่าข้าจะกลายเป็นนายน้อยสํานักเถอะแล้วค่อยตาย!”

 

เฉินเฉินบินไปยังสถานที่ที่มีคนอยู่เยอะที่สุด

 

มันใช้เวลาไม่นานก่อนที่เขาจะมาอยู่เหนือแท่นขนาดยักษ์ของสาขาที่หนึ่ง

 

ในตอนนี้ มีคนเป็นพันได้มารวมตัวกันอยู่บนแท่นใหญ่ด้านล่าง พวกเขาทุกคนแต่งกายสีขาว

 

ที่ตรงกลางของแท่น หยวนฉิงเทียนกําลังถือภาพหน้าตรงขนาดใหญ่และเดินซวนเซไปข้างหน้าทั้งน้ําตา ในแต่ละก้าวที่เขาเดิน เขาจะคร่ําครวญออกมาอย่างน่าสังเวช

 

“ศิษย์พี่! การตายของท่านช่างน่ารันทดยิ่งนัก! ศพของท่านยังไม่เหลือให้เห็นเลยด้วยซ้ํา!”

 

“ศิษย์พี่ ถึงแม้ว่าท่านจะตายไปแล้ว สํานักอสูรก็จะจดจําความสําเร็จที่ท่านสร้างไว้ตลอดไป!”

 

ในทันทีที่เขาพูดเรื่องพวกนี้ออกมา ผู้คนนับพันที่อยู่รอบๆก็เริ่มร้องโอดครวญเสียงดัง!

 

“พักผ่อนให้สงบนะครับ ศิษย์พี่จางเฉิน! ท่านจะใช้ชีวิตอยู่ในใจของเราตลอดไป!”

 

ด้วยคําประกาศนี้ ศิษย์สํานักอสูรกลุ่มหนึ่งก็เดินออกมา โยนหินจํานวนหนึ่งขึ้นฟ้า

 

ทันใดนั้นเอง เฉินเฉินยักษ์ที่สูงหลายสิบเมตรก็ปรากฏขึ้นบนแท่น

 

แม้ว่ายักษ์เฉินเฉินนี้จะสวมหน้ากากอยู่ แต่มันก็สามารถมองเห็นจากการแกะสลักที่ปากและสายตาที่จริงใจของเขา ได้ว่าเขากําลังยิ้มอย่างสงบ

 

นอกจากนั้น เฉินเฉินยักษ์นี้กําลังโบกมือให้ศิษย์นับพัน ของสํานักอสูรด้วยรอยยิ้ม ทําให้มันดูเหมือนกับว่าเขากําลังบอกลา

 

หลังจากที่ฝูงชนมองมันจนพอใจแล้ว ร่างขนาดยักษ์ก็เริ่มลอยไปทางตะวันตก และออกไปไกลขึ้นเรื่อยๆ อย่างไรก็ตาม รอยยิ้มของเขายังเป็นเช่นเคย แม้ว่าจะมีความฝันอยู่ในดวงตาของเขา

 

เมื่อเห็นเช่นนี้ หยวนฉิงเทียนก็ร้องห่มร้องไห้ออกมาและคุกเข่าลงกับพื้น “ลาก่อนครับ ศิษย์พี่!”

 

“ลาก่อน ศิษย์พี่!” ศิษย์สํานักอสูรคนอื่นๆพูดตาม

 

เมื่อเห็นภาพนี้ สีหน้าของเฉินเฉินก็หม่นหมอง

 

“อะไรกัน? พวกเจ้าทุกคนนั่นล่ะไปตายซะ”

 

โดยลังเล เฉินเฉินก็บินตรงไปหาหยวนฉิงเทียน และจับเขาขึ้นมา

 

“เจ้าโง่ ข้ายังไม่ตายซักหน่อย! เจ้าจะร้องไห้หาอะไร!?!”

 

ณ จุดนี้หยวนฉิงเทียนน้ําตาไหลอย่างไม่สามารถควบคุมได้แล้วและเขาก็ไม่สามารถคิดตรงๆได้อีก เขาพึมพําออกมา “เอ๊ะ? นี่เป็นผลงานของสาขาหุ่นเชิดหรือสาขาดัดแปลงศพใช่ไหม? มันดูเหมือนจริงมาก! ข้าจะเผามันในภายหลัง…”

 

ผัวะ!

 

เฉินเฉินตบหน้าเขาแล้วตะคอก “ฝันไปเถอะ ข้ายังมีชีวิตอยู่ดี!”

 

หลังจากที่พูดแบบนั้น เขาก็มองดูรูปหน้าตรงที่อยู่บนพื้น แล้วเริ่มใช้เท้าขยี้มันจนเละเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+