คุณซาโกะผู้เพียบพร้อมอยากจะเป็นเหมือนอย่างผม 4: อร่อยมั้ย?

Now you are reading คุณซาโกะผู้เพียบพร้อมอยากจะเป็นเหมือนอย่างผม Chapter 4: อร่อยมั้ย? at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

หลังจากเริ่มทำข้าวกล่องมาตั้งแต่ราวๆตี 5 ครึ่ง ในที่สุดก็ถึงขั้นสุดท้ายสักที ทำเครื่องเคียงเสร็จแล้ว เหลือแค่เอาไปใส่ในกล่องเท่านั้น

 

ส่วนใหญ่ฉันจะทำข้าวกล่องแค่ส่วนของตัวเอง แต่ครั้งนี้ฉันทำเผื่อส่วนของสึโยชิคุงด้วย และเพื่อการนั้นฉันเลยยืมกล่องข้าวของคุณพ่อมา

 

ถึงจะกังวลว่าการใช้ข้าวกล่องเพื่อไปล่อซื้อแบบนี้มันดูโบราณไปหน่อยก็เถอะ แต่คนอื่นจะมองยังไงก็ช่าง เพราะวันนี้แหละเหมาะกับแผนการนี้ที่สุด 

 

ปกติสึโยชิคุงกับอิซากะคุงจะไปกินข้าวด้วยกันที่โรงอาหาร แต่วันอิซากะคุงติดธุระกับชมรมพอดี ก็เลยเป็นโอกาสเหมาะที่จะให้ข้าวกล่องสึโยชิคุง

 

และแล้วผลงานของฉันก็เสร็จสมบูรณ์ ข้าวกล่องสีกรมท่านี่เป็นของสึโยชิคุง ส่วนกล่องสีเหลืองเล็กๆนี่เป็นของฉัน แต่การทำข้าวกล่องแบบนี้จะแสดงถึงความเป็นแม่ศรีเรือนมากเกินไป ซึ่งฉันไม่ต้องการแบบนั้น ก็เลยใส่อะไรแปลกๆลงไปนิดหน่อย เพื่อแสดงให้เห็นถึงความซุ่มซ่ามในตัวฉัน

 

 

“เฮะๆๆ”

 

 

พอจินตนาการว่าสึโยชิคุงจะมีปฏิกิริยายังไง ก็ทำอดหัวเราะคิกคักไม่ได้เลยแฮะ

 

ถ้าเขาได้กินข้าวกล่องนี้ล่ะก็ เขาจะเลิกคิดว่าฉันสมบูรณ์แบบแน่นอน ขณะที่กำลังรู้สึกตื่นเต้น ฉันก็เอาพวกข้าวกล่องใส่ถุงผ้า

 

 

 

 

 

 

ออดส่งเสียงดังเป็นสัญญาณว่าคาบที่ 4 จบลงแล้ว ทันทีที่อาจารย์ออกไปจากห้องเรียน ทุกคนไม่เอาข้าวกล่องออกมา ก็ไปโรงอาหารหรือร้านค้าของทางโรงเรียนเพื่อซื้อของกิน

 

 

“ทาคุมิ หมดคาบแล้วนะ ไปโรงอาหารกันเถอะ”
“อืม…อาา”

 

 

เจ้าทาคุมิเซียนเรื่องการแอบงีบในห้องเรียน ไม่เคยถูกครูเตือนเลยสักครั้งและพอโดนขานเรียกก็ขานตอบได้

เขาขยี้ตาที่ง่วงเหงาหาวนอนพร้อมกับยืนขึ้น

 

 

“ฉันต้องไปที่สนามกีฬาน่ะ โทษที”

“อ้อ เรื่องระบายน้ำสินะ”

“อา เมื่อวานฝนตกหนักไปหน่อย”

 

 

การระบายน้ำสำหรับชมรมกีฬาก็คือการเอาฟองน้ำไม่ก็ผ้าขี้ริ้วมาจัดการแอ่งน้ำ เพื่อใช้เวลาฝึกช่วงหลังเรียนให้เกิดผลสูงสุด 

เห็นได้ชัดเลยว่าครั้งนี้พวกเขาเลือกที่จะใช้เวลาช่วงพักเที่ยงแทน

การอยู่ชมรมเบสบอลนี่ก็ลำบากใช่เล่นนะเนี่ย

 

พอเจ้าทาคุมิออกไป ก็เหลือแค่ผมคนเดียว ยังไงซะนี่ก็เป็นเรื่องที่ต้องทำหลังวันที่ฝนตกอยู่แล้ว จะคิดมากไปก็ไม่ได้อะไร ไปซื้อขนมปังที่ร้านค้ากินประทังชีวิตเอาก็ได้

 

ตัดสินใจได้แบบนั้น ผมก็ลุกขึ้นจากที่นั่งแล้วจะออกจากห้อง แต่ก็มีเสียงนึงฉุดผมไว้

 

 

“เดี๋ยวสิ สึโยชิคุง”

 

 

พอหันกลับไป ก็เห็นคุณซาโกะถือข้าวกล่องเดินตรงมาหาผม จากนั้นเธอก็ยื่นมือขวามาทางผมพร้อมกับข้าวกล่องที่ถูกห่อไว้

 

 

“ฉันทำมื้อเที่ยงมาให้น่ะ มากินด้วยกันนะ?”

 

 

ข้าวกล่องทำมือวุ้ย!? 

 

คนเขาลือกันให้แซ่ดว่าคุณซาโกะเนี่ยทำอาหารเก่งสุดๆ นี่เรากินอะไรแบบนี้ได้จริงอะ? แต่ก่อนอื่น เมื่อผมมองไปรอบตัว ก็พบว่าสายตาของเพื่อนร่วมชั้นต่างจับจ้องมาที่ผม โดยเฉพาะพวกผู้ชายที่จ้องราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ เป็นสายตาที่เต็มไปด้วยความริษยาและความเกลียดชัง

 

ขณะเดียวกันพวกผู้หญิงก็จ้องด้วยความอยากรู้อยากเห็นซะเต็มที่ ผมห่วงเรื่องข่าวลือแปลกๆจะงอกมาจากเรื่องนี้นี่ล่ะ แล้วก็ตอนนี้ผมอยากจะออกจากห้องให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ด้วย เพราะถ้าเจอบรรยากาศแบบนี้ใครมันจะไปกินข้าวลง 

 

ผมเลยรับข้าวกล่องมา จากนั้นก็ออกห้องอย่างรวดเร็วแล้วกวักมือเรียกคุณซาโกะ

 

 

“มาทางนี้สิ ผมพอจะรู้ที่ที่เหมาะกับกินข้าวแบบสงบๆอยู่”

 

 

โชคดีที่ห้องแนะแนวอนาคตยังว่างอยู่ช่วงเที่ยงนี้ อาจารย์ชิบาโตะคงจะไปกินข้าวอยู่ที่ไหนสักที่ล่ะมั้ง

 

ผมเปิดไฟในห้องซ้อมสัมภาษณ์แล้วไปนั่งที่โซฟา ส่วนคุณซาโกะนั่งที่ตรงข้ามผม ปล.ดูเหมือนคุณซาโกะจะกลับมาใส่กระโปรงแบบเดิมแล้ว ทั้งๆที่ครั้งก่อนประกาศว่าจะใส่แบบสั้นแท้ๆ

 

 

“เรากินมื้อเที่ยงที่นี่ได้จริงๆเหรอ?”

 

 

คุณซาโกะมองไปรอบห้อง

 

 

“ไม่เป็นไรหรอก”

 

 

จริงๆการมากินข้าวที่นี่มันก็ผิดอะนะ แต่อาจารย์ชิบาโตะเป็นพวกไม่โกรธกับเรื่องเล็กๆน้อยแบบนี้ ฉะนั้นคงไม่เป็นไร แล้วผมก็ระวังพวกอาจารย์คนอื่นๆแล้ว เขาคงมาบ่นผมไม่ได้หรอก

 

 

“ถ้าไม่เป็นล่ะก็ รีบมากินกันเถอะ!”

 

 

คุณซาโกะที่ดูตื่นเต้นรีบแกะห่อข้าวกล่องของตัวเอง

 

แต่ก่อนผมจะแกะในส่วนของผม ผมเลือกถามถึงสิ่งที่ผมสงสัยก่อน

 

 

“เจ้านี่นะ กินได้จริงๆใช่ไหม?”

 

 

แน่นอนว่าผมดีใจที่ได้ข้าวกล่องทำมือมาแบบนี้ แต่ผมก็รู้สึกแย่ที่ได้จากผู้หญิงที่ผมปฏิเสธ เพราะงั้นผมเลยอยากถามเจ้าตัวอีกสักครั้ง อย่างไรก็ตาม มือของคุณซาโกะหยุดกึก  แล้วมองมาที่ผมด้วยสายตาเศร้าสร้อย

 

 

“ไม่อยากได้เหรอ…?”

 

 

คิ้วของเธอตอนนี้ให้ความรู้สึกราวกับตนพ่ายแพ้

 

 

“ไม่ใช่นะ! น้อมรับด้วยความยินดีเลยล่ะ!”

 

 

ใช่แล้ว คุณซาโกะทำข้าวกล่องกล่องนี้ให้กับผม ถ้าไม่กินมันก็ออกจะเสียมารยาท เพราะงั้นผมจะกินเหมือนของที่อร่อยที่สุดที่เคยกินมาเลย

 

พอแก้ห่อออกก็พบกับข้าวกล่องสองชั้น

 

 

“โว้ว…!”

 

 

ข้าวกล่องของคุณซาโกะทำผมน้ำลายไหล มีทั้งไก่ทอด ไข่ม้วน ผักต้มราดซีอิ๊ว แซลม่อนย่าง สลัดมันฝรั่ง เป็นเครื่องเคียงดีๆทั้งนั้น รู้สึกเหมือนเจอกับกล่องสมบัติเลย ข้าวก็ถูกห่อด้วยสาหร่ายกลายเป็นข้าวห่อสาหร่าย ดูน่าอร่อยสุดๆ

 

 

“คุณซาโกะทำเองเลยเหรอ?”

“อื้ม”

“โห้…! ไม่เคนเห็นข้าวกล่องที่น่าอร่อยขนาดนี้มาก่อนเลย”

“เฮะๆ ขอบคุณน้า งั้นเชิญกินได้เลยจ้า”

“จะกินแล้วนะครับ!”

 

 

ผมหยิบตะเกียบขึ้นมาและมุ่งไปที่สิ่งที่ผมเล็งไว้เป็นอย่างแรก นั่นคือไก่ทอด ถึงคุณซาโกะจะจ้องไม่วางตาเลยทำให้อึดอัดนิดหน่อย แต่คงแค่เพราะเจ้าตัวตื่นเต้นเฉยๆล่ะมั้งนะ

 

ด้วยหน้าตาของอาหารทั้งหลายที่ดูดีน่ากินขนาดนี้ รสชาติจะต้องดีไม่แพ้กันแน่นอน เจ้าไก่ทอดนี่ก็ถูกปากผมมากเลยทีเดียว ทุกครั้งที่เคี้ยวจะสัมผัสได้ถึงความชุ่มฉ่ำราวของเนื้อทะลักข้ามาในปาก รสชาตินี้มันช่างอะ…ร่อย ก็ไม่อร่อยขนาดนั้นหรอก แต่ก็ไม่เลว

 

ปกติเวลาที่กัดเนื้อเราจะได้เจอกับน้ำตัวเนื้อที่รสชาติขมหยั่งกับยาแล้วทั้งที่มันเป็นน้ำจากตัวเนื้อแท้ๆแต่มันก็กลับไม่ได้มีรสชาติแบบนั้น

 นี่เรากินอะไรอยู่กันเนี่ย? ผมสวาปามไก่ทอดทั้งหมดอย่างสุดความสามารถ แต่รสขมก็เติมเต็มปากผมเป็นที่เรียบร้อยแล้วรู้สึกเหมือนกับเผลอกินยาทั้งขวดรวดเดียวไม่มีผิด

 

“แล้ว? รสชาติเป็นไงบ้าง?”

 

 

คุณซาโกะยิ้มสดใส

 

จริงๆมันห่วยจนผมต้องฝืนเอามันเข้าปากเลยล่ะ แต่จะบอกไม่ได้เด็ดขาด คุณซาโกะต้องตั้งใจทำข้าวกล่องนี้มากๆแน่ เพราะงั้นจะทำร้ายจิตใจเธอไม่ได้

 

“อร่อยมากเลย”

 

 

ยังดีที่ถึงไก่ทอดจะไม่ค่อยได้เรื่อง แต่พวกที่เหลือคงจะไม่เป็นไร งั้นไปอย่างต่อไปเลยดีกว่า งั้น…เอาเป็นไข่ม้วนแล้วกัน พวกมันส่องประกายสีทองอร่าม รูปร่างสมบูรณ์แบบ ดูดีเป็นที่สุด

 

จังหวะที่ผมกำลังคีบเอาไข่ม้วนเข้าปาก ผมก็ต้องหยุดชะงัก เพราะกลิ่นมันเหม็นเน่าสุดๆ แค่เอาไว้ใกล้ๆก็พอรู้ได้แล้ว อะไรกัน? นี่คุณซาโกะใช้ไข่เน่าทำรึไง? ตั้งใจจะฆ่าผมงั้นเหรอ?

 

 

“เป็นอะไรไป ทำไมจู่ๆก็หยุดแบบนั้นล่ะ?”

 

 

คุณซาโกะมีท่าทีงงงวย

 

ถ้าไม่กินล่ะก็โดนจับไต่ได้แน่! ไม่มีทางเลือกอื่นอีกแล้ว ผมฝืนกลืนมันลงคอ แล้วก็เป็นอย่างที่คาด กลิ่นเหม็นเน่ามันทำเอาผมแทบสำรอก ทั้งที่หน้าตาก็ปกติดีแท้ๆ แต่ทำไมถึงมีรสชาติห่วยขนาดนี้เนี่ย

 

“ขะ ไข่นี่ก็…อร่อยเหมือนกัน”

“จริงเหรอ? ดีใจจังเลย!”

 

 

สิ่งเดียวที่เหนี่ยวรั้งผมไว้คือรอยยิ้มอันเจิดจรัสของคุณซาโกะ ผมพยายามสุดชีวิตที่จะไม่มีพิรุธเพื่อให้รอยยิ้มนั้นยังอยู่ต่อไปได้ แล้วพวกเครื่องเคียงก็ยังเหลืออีกเพียบ บางอย่างอาจจะอร่อยก็ได้ ผมเลยหันไปลองกินข้าวเปล่าบ้าง ไอ้นี่นะไม่ว่ายังไงรสชาติก็ไม่มีทางแย่แน่นอน 

 

แต่แล้ว วินาทีที่ผมตักมันเข้าปาก ผมสัมผัสถึงรสหวานอย่างไม่น่าเชื่อ แถมยังมีกลิ่นแปลกๆอีกจะเรียกว่ากลิ่นทุ่งหญ้าหรือทะเลดีล่ะ ในบริบทตรงนี้ผมว่ามันก็เป็นกลิ่นที่ผมไม่ควรที่จะหยิบมาขึ้นมาเลย ผมจำใจกลั้นอาการขย่อน   แล้วจ้วงข้าวใส่ปาก ภาพของเสียที่ถูกระบายลงทะเลได้เข้ามาในหัวผม เป็นกลิ่นของกองขยะที่ถูกทิ้งอยู่ตามชายหาด

 

ขนาดข้าวเปล่ายังรสชาติห่วยแตกดูเหมือนการกินข้าวเปล่าเฉยๆก็ไม่ช่วยให้ผมรอดจากขุมนรกนี่

 

ผมไม่อยากให้คุณซาโกะต้องรู้สึกเศร้า เพราะงั้นผมน่ะ เตรียมตัวเตรียมใจที่จะสวาปามทุกอย่างตรงหน้าไว้แล้ว แต่มันกลับหนักขึ้นและหนักขึ้น หลังจากกัดไป 3 คำ ทองผมก็ส่งเสียงดังกึกก้อง แน่นอนว่ามันไม่ได้มาจากความหิว

 

“ฮุๆ ดูเหมือนจะหิวมากเลยนะเนี่ย สึโยชิคุง”

“อะ อิม หิวโซเลยล่ะ…”

 

 

ผมโกหกหน้าตายไปอย่างนั้นแหละ จริงๆไอ้เสียงโครกคราก เมื่อกี้มันเสียงขอความช่วยเหลือต่างหาก ถ้าถึงบ้านเมื่อไรได้ปลดทุกข์ยาวแน่

 

 

“แล้วประมาณนี้พอจะทำให้อิ่มได้รึเปล่า? ฉันไม่รู้ว่าปกติสึโยชิคุงกินเยอะขนาดไหนน่ะ”

“อะ อา กำลังดีเลย ไม่ขาดไม่เกิน”

 

 

เป็นไปได้ผมก็ไม่ขอเอาเข้าปากอีกแม้แต่คำเดียว ถ้าบอกว่าข้าวกล่องนี่เคยทำให้คนตายมาก่อนผมก็เชื่อ แต่ว่าถ้าผมทำให้คุณซาโกะเศร้าล่ะก็ แบบนั้นจะทำผมทรมานยิ่งกว่าอะไรซะอีก ผมเคยปฏิเสธเธอมาแล้วครั้งนึง เพราะงั้นผมจะทำซ้ำสองไม่ได้ ผมเตรียมตัวเตรียมใจและจับตะเกียบขึ้นมาอีกครั้ง

 

ผมยัดข้าวกับเครื่องเคียงเข้าปาก แล้วยิ่งกินมากเท่าไร ท้องผมก็ยิ่งกรีดร้องมากขึ้นเท่านั้น ผมไม่อาจแยกรสชาติอะไรได้อีกต่อไป ลิ้นผมมันชาไปหมด 

 

น้ำตาผมเริ่มไหลออกมา หายใจก็ติดๆขัดๆ หลังจากกินไปจนเหลือประมาณ1 ใน 3 ส่วนของกล่องร่างกายผมก็ถึงขัดจำกัด ความเจ็บปวดแผ่ซ่านไปทั่วท้อง

 

ไม่ใช่แค่ปวดท้องธรรมดา แต่ผมรู้สึกเหมือนกระเพาะผมถูกแยกเป็นเสี่ยงๆ เป็นสัมผัสที่ผมไม่เคยประสบพบเจอมาก่อน เหงื่อผมไหลบนหน้าผากเป็นเม็ดๆ ขณะที่ผมกัดฟันแน่น

 

 

“ไม่อร่อยเหรอ?”’

 

 

สันหลังเสียววาบ ดูเหมือนอาการจะออกทางสีหน้าสินะ

 

 

“เปล่าสักหน่อย อร่อยสุดๆเลย”

“แต่สีหน้าสึโยชิคุงดูทรมานมากเลยนะ จริงๆมันไม่อร่อยเลย…ใช่ไหมล่ะ?”

“มะ-ไม่ใช่นะ ผมชอบมากๆเลย กินเท่าไรก็ไม่รู้สึกอิ่มสักนิด”

 

 

ผมพยายามยิ้มให้ไม่มีพิรุธที่สุดเท่าที่จะทำได้

 

แต่คุณซาโกะก็ยังส่งยิ้มให้ผม

 

 

“ไม่เป็นไรหรอก ตอบมาตามตรงเถอะ”

 

 

ว่าแต่ทำไมถึงยิ้มเนี่ย? ถ้ารู้ว่าอาหารที่ตัวเองทำไม่อร่อยปกติต้องเสียใจสิ

 

 

“มันอร่อยจริงๆนะ”

“หืม…ไม่ว่ายังไงก็ไม่ยอมรับงั้นสินะ”

 

 

คุณซาโกะดูเหมือนกำลังสนุกอยู่ ท่าทางเธอจะรู้ว่าผมกำลังทำเป็นว่าตัวเองยังไหวอยู่เธอ ก็เลยหยอกผมเล่นซะเลย

แล้วพอมองที่โต๊ะข้างหน้าผม ผมก็นึกถึงเรื่องอะไรบางอย่างออก

นั่นคือคุณซาโกะยังไม่ได้แตะต้องข้าวกล่องของตัวเองเลยแม้แต่ปลายนิ้ว

 

 

“คุณซาโกะจะไม่กินอะไรเลยเหรอ? คาบพักเที่ยงจะหมดแล้วนะ”

 

 

จะว่าไปแล้ว ถ้าคุณซาโกะกินข้าวกล่องของตัวเองล่ะก็ ก็ต้องรู้ว่ารสชาติมันห่วยขนาดไหน แต่เธอก็ยังตอบกลับผมด้วยรอยยิ้มสดใส

 

 

“เอาไว้ทีหลังก็ได้ ตอนนี้ฉันอยากจำภาพที่สึโยชิคุงกินอาหารของฉันอย่างเอร็ดอร่อยให้ขึ้นตามากกว่า”

 

 

ไม่ต้องขนาดนั้นก็ด้ายย! ขอล่ะลองชิมอาหารฝีมือตัวเองหน่อยเถอะ

 

 

“หลังจากนี้เราก็ยังมีเรียนกันอยู่นา ถ้าไม่กินล่ะก็ระวังจะทนไม่ไหวเอานะ”

“ปกติฉันกินน้อยอยู่แล้วล่ะ ไม่เป็นไรหรอก”

 

 

คือท้องผมมันไม่ไหวแล้วไง แต่ก็ลองกันสักตั้งแล้วกัน! 

 

ถึงจะเหลืออยู่ประมาณแค่ 1 ใน 3 ส่วนท้องผมมันก็ส่งเสียงกรีดร้องออกมารัวๆแล้ว ผมสั่งให้แขนผมขยับ แต่ร่างกายกลับไม่ทำตาม แล้วขณะที่ผมกำลังแข็งเป็นหิน คุณซาโกะก็ถอนหายใจออกมา

 

 

“เฮ ไม่อยากจะกินต่อแล้วไม่ใช่เหรอนั่น?”

 

 

ผมรู้สึกถึงความซาดิสต์จากรอยยิ้มนั่นของคุณซาโกะนิดๆแฮะ

 

 

“ไม่จริงสักหน่อย อยากกินต่อจะแย่แล้วเนี่ย”

 

 

ปากบอกแบบนั่นแต่มือผมมันไม่ขยับเขยื้อนแม้แต่มิลเดียว

 

 

“ถ้าอย่างนั้น…”

 

 

ริมฝีปากของคุณซาโกะปรากฏรอยยิ้ม พร้อมกับแก้มที่เริ่มแดงเรื่อ

 

 

“เดี๋ยวฉันป้อนนะ”

“ห๊ะ?”

 

 

เธอขโมยตะเกียบจากมือผมแล้วคีบไข่ม้วนขึ้นมา

 

 

“เอ้านี่ อ้ามมม”

 

 

คุณซาโกะยื่นไข่ม้วนมาให้ผมด้วยรอยยิ้ม

 

ไอ้นี่มันก็เป็นเรื่องที่ปกติพวกคู่รักเขาทำกันอะนะ แล้วในฐานะผู้ชายคนนึง ผมก็ปราถนาถึงฉากนี้มาโดยตลอด แต่ไอ้ไข่ม้วนนั้นมันของอันตรายไง ใช้ไอ้นั่นมาล่อผมไม่ได้หรอก

 

 

“นี่เป็นเรื่องที่ควรทำกับแฟนไม่ใช่รึไง?”

“ไม่มีใครมองสักหน่อย ช่างเถอะน่า เอ้า อ้ามมม”

 

 

ไอ้ไข่ม้วนนั้นถูกยื่นเข้ามาใกล้จมูกผม กลิ่นเหม็นลอยโชยมาจนขึ้นสมอง

 

 

 

“เพราะสึโยชิคุงเป็นคนใจดี คงจะยอมกินเพื่อฉันอยู่แล้วใช่ไหมล่ะ เนอะ?”

“ผมมันก็ไม่ใช่คนใจดีอะไรขนาดนั้นหรอก”

“แต่ตอนปฏิเสธฉัน นายก็ไม่ได้ปฏิเสธทันทีนี่นา”

“อึก…”

 

 

หยุดทีเถอะ ถ้าเอาเรื่องนั้นมาพูดล่ะก็…

 

 

“เอ้า อ้ามมม”

 

 

ทั้งๆที่นี่เป็นสถานการณ์ที่ชายทั้งหลายต่างต้องอิจฉาแท้ๆ แต่ผมกลับรู้สึกสับสนกับกังวลมากกว่า แล้วจู่ๆรอยยิ้มของคุณซาโกะก็ดูอันตรายขึ้นมา ราวกับรอยยิ้มของนักวิทยาศาสตร์สติเฟื่องไม่มีผิด

 

 

“เถอะน่า อ้าปากเร็วเข้าซี้”

 

 

คุณซาโกะยังคงยื่นไข่ม้วนมาทางผมอย่างไม่ลดละราวกับจะรบเร้าผมเล่น ผมเลยกัดฟันกลืนมันลงไปทั้งอย่างนั้นโดยไม่เคี้ยว ขณะเดียวกันอาการท้องผมก็เข้าขั้นวิกฤต

 

 

“ต่อไปเอาอันไหนดีน้า?”

 

 

ดูเหมือนคุณซาโกะจะยังไม่พอใจ แล้วยังคีบเอาเครื่องเคียงอันอื่นมาให้ผมอีก สิ่งที่ผมทำได้คืออดทนต่อความปวดท้องเท่านั้น ทำให้มันรู้สึกโล่งที่สุดเท่าที่จะโล่งได้ แล้วพอเห็นแบบนั้น รอยยิ้มของคุณซาโกะก็กว้างกว่าเดิม

 

ตอนนี้ผมคงทำได้แค่เพ่งสมาธิไม่ให้ตัวเองอ้วกทุกอย่างออกมาเท่านั้น รู้สึกยังกับร่างกายจะแตกเป็นเสี่ยงๆก็มิปาน สิ่งเดียวที่ทำให้ผมยังไม่ตายก็เพื่อไม่ให้คุณซาโกะเห็นสภาพน่าสมเพชของผม และในที่สุดก็ถึงคำสุดท้าย คุณซาโกะรวมเศษอาหารในข้าวกล่องแล้วป้อนมันให้ผม

 

 

“อ้ามมมม”

“อะ-อ้ามม…”

 

 

ผมกลืนมันให้ไวเหมือนกับกลืนยา ในที่สุดข้าวกล่องมันก็หมดสักที การต่อสู้ของผมสิ้นสุดลงแล้ว จบแบบที่ไม่ร้ายความรู้สึกคุณซาโกะด้วย…พอคิดแบบนั้นก็โล่งใจหลังทรมานมานานแสนนาน ความเจ็บปวดหายไปราวกับปาฏิหาริย์ หรือจะบอกว่าผมกลายพวกด้านชาต่อความเจ็บปวดแล้วดีนะ

 

พร้อมกันนั้นต่อมรับรสของผมก็ด้านชาไปด้วยคงอีกไม่นานที่ผมจะสลบไป

 เพราะตอนนี้แค่ขยับตัวไปมาก็ยังไม่ไหวเลยแล้วผมก็สลบเหมือดคาโซฟาไปทั้งอย่างนั้น

 

 

 

 

 

 

ถ้าจะให้สรุปคร่าวๆล่ะก็ สึโยชิคุงยังรอดมาได้ ยังไม่ถึงขั้นที่ต้องเรียกรถพยายาล อย่างไรก็ตาม หลังจากใช่เวลาคาบ 5 ทั้งคาบในการทำกิจในห้องน้ำ เขาก็ขอตัวไปพักที่ห้องพยาบาลต่อในช่วงคาบ 6 แต่สุดท้ายแล้วจบเลิกเรียนอาการก็ยังไม่สู้ดี ฉันกับมายุโกะเลยตัดสินใจไปเยี่ยมเขา

 

หลังจากที่สึโนชิคุงสลบไป มายุโกะกับฉันก็ลองชิมข้าวกล่องนั่นดู ซึ่งรสชาติมันแย่ยิ่งกว่าแย่ซะอีก จริงๆถ้าให้มนุษย์กินนี่นับเป็นอาชญากรรมอย่างนึงได้เลยด้วยซ้ำ อาหารสัตว์ยังกินลงได้กว่าอีก 

 

พวกเราเดินลงมาที่โถงทางเดินอันเย็นเฉียบ ส่วนมายุโกะก็เก็บความโกรธไม่อยู่อีกต่อไป

 

 

“แล้วสึโยชิคุงก็กินไอ้นั่นจนหมดเลยอะนะ?”

“อืม…”

 

 

ยิ่งกว่านั้นคือ ฉันบังคับให้เขากินด้วย ตอนนั้นฉันดีใจที่เขาพยายามกินต่อ แต่ไม่นึกเลยว่าจะเป็นถึงขนาดนี้

 

 

“มาจิกะ คงจะรู้ใช่ไหมว่ามันแย่แค่ไหน?”

“รู้…”

 

 

ตอนมายุโกะกับฉันชิมข้าวกล่องนั่น พวกเราแทบจะโยนมันทิ้งเลยด้วยซ้ำไป ถึงขนาดต้องรีบพากันวิ่งไปล้างปากกันที่ห้องน้ำ แต่ทำขนาดนั้นแล้วรสชาติน่ารังเกียจนั้นก็ยังติดปากอยู่ดี และเพราะแบบนั้นเลยโดนมายุโกะสวดมาตลอดมาง

 

 

“ฉันว่าเธอต้องรู้ขอบเขตเรื่องแบบนี้บ้างนะ มาจิกะ”

“ก็ไม่นึกว่ามันจะย่ขนาดนี้นี่…ขอโทษนะ…”

 

 

พอถึงห้องพยาบาล อิซาดะคุงก็ออกมาพอดี

 

 

“ซาโกะกับนิชิดะเองเหรอ? โทษทีนะแต่ฉันติดชมรม ลาล่ะ”

 

 

เขาพูดพร้อมดินหันหลังให้พวกเรา

ฉันคงทำเรื่องแย่ๆลงไป ถึงขนาดที่ทำให้อิซาดะคุงมาโดนร่างแหด้วย

 

 

“เข้าไปสิ คุณว่าที่ฆาตกร”

 

 

มายุโกะชี้ไปที่ประตู

 

ฉันสูดหายใจเข้าแล้วเปิดประตู ทันใดนั้นฉันก็ได้กลิ่นจำพวกยาต่างๆ

 

 

“เออ อยากจะเยี่ยมสึโยชิคุงหน่อยน่ะค่ะ”

“อา เขานอนอยู่ตรงโน้นน่ะ”

“ขอบคุณมากนะคะ”

 

 

ครูพยาบาลบอกที่ๆสึโยชิคุงอยู่ ฉันเลยมาหยุดที่หน้าผ้าม่าน เขาคงจะโกรธไม่ก็โทษฉันสำหรับเรื่องที่เกิดขึ้น แต่ถึงอย่านั้นฉันก็ต้องขอโทษเขาให้ได้ ฉันหลับตาแล้วเรียกชื่อของผู้ชายที่อยู่หลังม่านนี้

 

 

“สึโยชิคุง ฉันเองนะ ขอเข้าไปได้ไหม?”

“เชิญเลย”

 

 

ฉันเปิดม่านออก แล้วก็ได้พบกับสึโยชิคุงที่หน้าซีดเผือด ไม่เหลือเรี่ยวแรงอะไรเลยบนใบหน้า ภาพที่เข้าอ่อนแอลงขนาดนี้ทำให้ฉันรู้สึกเหมือนมีมีดมาแทงที่หน้าอก

 

 

“สึโยชิคุง ฉันมีบางอย่างต้องบอก-”

“ไม่เป็นไรหรอก มันอร่อยสุดๆเลย”

 

 

สึโยชิคุงตอบด้วยน้ำเสียงอบอุ่น

 

ความใจดีของสึโยชิคุงไม่มีคำว่าจำกัดเลย ทั้งๆที่ฉันเกือบจะฆ่าเขาด้วยข้าวกล่องนั้นแท้ๆ แต่เขาก็ยังอภัยให้ฉัน แต่ฉันก็ยังต้องขอโทษอยู่ดี จะมาพึ่งพิงความใจดีของเขาไม่ได้

 

“ข้าวกล่องนั้นมันมีอะไรดีงั้นเหรอ…?”

“ไก่ทอดเย็นไปหน่อยแต่ก็กรุบกรอบมาก ไข่ม้วนก็ม้วนสวยด้วย”

“มีอะไรอีกไหม?”

“มันฝรั่งในสลัดถูกบดอย่างดีเลยล่ะ”

“มีอะไรอีกไหม?”

“พอไม่มีก้าง แซลม่อนย่างก็กินง่ายสุดๆ”

 

 

ไม่ได้พูดเรื่องรสชาติเลยนี่นา! แต่ฉันก็ยังทึ่งอยู่ดีที่เขาหาข้อดีมาพูดได้ กะแล้วเชียว สึโยชิคุงเป็นพวกมองออกยันรายละเอียดปลีกย่อยสินะ

 

ความโลภในใจฉันเริ่มก่อตัว อยากให้สึโยชิคุงกินอาหารของฉันที่ตั้งใจทำ อยากให้เขารู้ว่าฉันก็ทำอาหารอร่อยๆเป็น อยากให้เขาพูดว่า’อร่อย’จากก้นบึ้งของหัวใจ

 

ฉันก้าวเข้าไปข้างหน้า เข้าไปใกล้ๆหูของเขา ตอนนี้เราอยู่ในม่านนี่แค่ 2 คน จะซื่อสัตย์กับตัวเองก็ไม่เป็นไร

 

“ฉันอยากได้โอกาสอีกครั้งน่ะ”

“โอกาส…?”

“ใช่แล้วล่ะ ฉันอยากทำข้าวกล่องให้สึโยชิคุงอีกสักครั้งน่ะ”

 

 

วินาทีที่ฉันถามออกไป สีหน้าของสึโยชิคุงก็ซีดยิ่งกว่าเดิม เขาเอามือมาป้องปากและร่างกายก็เริ่มสั่น

 

 

“ขะ-ข้าวกล่องแบบนั้น…อีกรอบ…งั้นเหรอ…?”

 

 

ฟันของเขากระทบกันด้วยความกลัว จนดูเหมือนจะแตกหักได้ทุกเมื่อ เห็นแบบนั้นแล้ว ฉันก็รู้ตัวว่าข้าวกล่องของฉันมันสร้างบาดแผลทางใจให้เขาขนาดไหน เขาคงไม่อยากกินอาหารของฉันอีกเป็นครั้งที่สอง พวกเราคงไม่มีทางได้กินข้าวกันอย่างสนุกสนานแล้ว ภาพแสนสุขในหัวันพังลงราวกับปราสาททราย

 

 

“ขอโทษ…ขอโทษนะ…”

 

 

ฉันหันหลังแล้ววิ่งออกจากห้องพยาบาล

 

 

“มาจิกะ?! เกิดอะไรขึ้น?!”

 

 

ถึงจะได้ยินเสียงของมายุโกะจากด้านหลัง ฉันก็ไม่คิดจะหันหลังกลับไปมองและวิ่งต่อไป

 

 

“ฮือออออ!”

 

 

เสียงกู่ร้องที่เต็มไปด้วยน้ำตาของฉันดังก้องกังวาลไปทั่วโถงทางเดิน

 

 

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

คุณซาโกะผู้เพียบพร้อมอยากจะเป็นเหมือนอย่างผม 4: อร่อยมั้ย?

Now you are reading คุณซาโกะผู้เพียบพร้อมอยากจะเป็นเหมือนอย่างผม Chapter 4: อร่อยมั้ย? at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

หลังจากเริ่มทำข้าวกล่องมาตั้งแต่ราวๆตี 5 ครึ่ง ในที่สุดก็ถึงขั้นสุดท้ายสักที ทำเครื่องเคียงเสร็จแล้ว เหลือแค่เอาไปใส่ในกล่องเท่านั้น

 

ส่วนใหญ่ฉันจะทำข้าวกล่องแค่ส่วนของตัวเอง แต่ครั้งนี้ฉันทำเผื่อส่วนของสึโยชิคุงด้วย และเพื่อการนั้นฉันเลยยืมกล่องข้าวของคุณพ่อมา

 

ถึงจะกังวลว่าการใช้ข้าวกล่องเพื่อไปล่อซื้อแบบนี้มันดูโบราณไปหน่อยก็เถอะ แต่คนอื่นจะมองยังไงก็ช่าง เพราะวันนี้แหละเหมาะกับแผนการนี้ที่สุด 

 

ปกติสึโยชิคุงกับอิซากะคุงจะไปกินข้าวด้วยกันที่โรงอาหาร แต่วันอิซากะคุงติดธุระกับชมรมพอดี ก็เลยเป็นโอกาสเหมาะที่จะให้ข้าวกล่องสึโยชิคุง

 

และแล้วผลงานของฉันก็เสร็จสมบูรณ์ ข้าวกล่องสีกรมท่านี่เป็นของสึโยชิคุง ส่วนกล่องสีเหลืองเล็กๆนี่เป็นของฉัน แต่การทำข้าวกล่องแบบนี้จะแสดงถึงความเป็นแม่ศรีเรือนมากเกินไป ซึ่งฉันไม่ต้องการแบบนั้น ก็เลยใส่อะไรแปลกๆลงไปนิดหน่อย เพื่อแสดงให้เห็นถึงความซุ่มซ่ามในตัวฉัน

 

 

“เฮะๆๆ”

 

 

พอจินตนาการว่าสึโยชิคุงจะมีปฏิกิริยายังไง ก็ทำอดหัวเราะคิกคักไม่ได้เลยแฮะ

 

ถ้าเขาได้กินข้าวกล่องนี้ล่ะก็ เขาจะเลิกคิดว่าฉันสมบูรณ์แบบแน่นอน ขณะที่กำลังรู้สึกตื่นเต้น ฉันก็เอาพวกข้าวกล่องใส่ถุงผ้า

 

 

 

 

 

 

ออดส่งเสียงดังเป็นสัญญาณว่าคาบที่ 4 จบลงแล้ว ทันทีที่อาจารย์ออกไปจากห้องเรียน ทุกคนไม่เอาข้าวกล่องออกมา ก็ไปโรงอาหารหรือร้านค้าของทางโรงเรียนเพื่อซื้อของกิน

 

 

“ทาคุมิ หมดคาบแล้วนะ ไปโรงอาหารกันเถอะ”
“อืม…อาา”

 

 

เจ้าทาคุมิเซียนเรื่องการแอบงีบในห้องเรียน ไม่เคยถูกครูเตือนเลยสักครั้งและพอโดนขานเรียกก็ขานตอบได้

เขาขยี้ตาที่ง่วงเหงาหาวนอนพร้อมกับยืนขึ้น

 

 

“ฉันต้องไปที่สนามกีฬาน่ะ โทษที”

“อ้อ เรื่องระบายน้ำสินะ”

“อา เมื่อวานฝนตกหนักไปหน่อย”

 

 

การระบายน้ำสำหรับชมรมกีฬาก็คือการเอาฟองน้ำไม่ก็ผ้าขี้ริ้วมาจัดการแอ่งน้ำ เพื่อใช้เวลาฝึกช่วงหลังเรียนให้เกิดผลสูงสุด 

เห็นได้ชัดเลยว่าครั้งนี้พวกเขาเลือกที่จะใช้เวลาช่วงพักเที่ยงแทน

การอยู่ชมรมเบสบอลนี่ก็ลำบากใช่เล่นนะเนี่ย

 

พอเจ้าทาคุมิออกไป ก็เหลือแค่ผมคนเดียว ยังไงซะนี่ก็เป็นเรื่องที่ต้องทำหลังวันที่ฝนตกอยู่แล้ว จะคิดมากไปก็ไม่ได้อะไร ไปซื้อขนมปังที่ร้านค้ากินประทังชีวิตเอาก็ได้

 

ตัดสินใจได้แบบนั้น ผมก็ลุกขึ้นจากที่นั่งแล้วจะออกจากห้อง แต่ก็มีเสียงนึงฉุดผมไว้

 

 

“เดี๋ยวสิ สึโยชิคุง”

 

 

พอหันกลับไป ก็เห็นคุณซาโกะถือข้าวกล่องเดินตรงมาหาผม จากนั้นเธอก็ยื่นมือขวามาทางผมพร้อมกับข้าวกล่องที่ถูกห่อไว้

 

 

“ฉันทำมื้อเที่ยงมาให้น่ะ มากินด้วยกันนะ?”

 

 

ข้าวกล่องทำมือวุ้ย!? 

 

คนเขาลือกันให้แซ่ดว่าคุณซาโกะเนี่ยทำอาหารเก่งสุดๆ นี่เรากินอะไรแบบนี้ได้จริงอะ? แต่ก่อนอื่น เมื่อผมมองไปรอบตัว ก็พบว่าสายตาของเพื่อนร่วมชั้นต่างจับจ้องมาที่ผม โดยเฉพาะพวกผู้ชายที่จ้องราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ เป็นสายตาที่เต็มไปด้วยความริษยาและความเกลียดชัง

 

ขณะเดียวกันพวกผู้หญิงก็จ้องด้วยความอยากรู้อยากเห็นซะเต็มที่ ผมห่วงเรื่องข่าวลือแปลกๆจะงอกมาจากเรื่องนี้นี่ล่ะ แล้วก็ตอนนี้ผมอยากจะออกจากห้องให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ด้วย เพราะถ้าเจอบรรยากาศแบบนี้ใครมันจะไปกินข้าวลง 

 

ผมเลยรับข้าวกล่องมา จากนั้นก็ออกห้องอย่างรวดเร็วแล้วกวักมือเรียกคุณซาโกะ

 

 

“มาทางนี้สิ ผมพอจะรู้ที่ที่เหมาะกับกินข้าวแบบสงบๆอยู่”

 

 

โชคดีที่ห้องแนะแนวอนาคตยังว่างอยู่ช่วงเที่ยงนี้ อาจารย์ชิบาโตะคงจะไปกินข้าวอยู่ที่ไหนสักที่ล่ะมั้ง

 

ผมเปิดไฟในห้องซ้อมสัมภาษณ์แล้วไปนั่งที่โซฟา ส่วนคุณซาโกะนั่งที่ตรงข้ามผม ปล.ดูเหมือนคุณซาโกะจะกลับมาใส่กระโปรงแบบเดิมแล้ว ทั้งๆที่ครั้งก่อนประกาศว่าจะใส่แบบสั้นแท้ๆ

 

 

“เรากินมื้อเที่ยงที่นี่ได้จริงๆเหรอ?”

 

 

คุณซาโกะมองไปรอบห้อง

 

 

“ไม่เป็นไรหรอก”

 

 

จริงๆการมากินข้าวที่นี่มันก็ผิดอะนะ แต่อาจารย์ชิบาโตะเป็นพวกไม่โกรธกับเรื่องเล็กๆน้อยแบบนี้ ฉะนั้นคงไม่เป็นไร แล้วผมก็ระวังพวกอาจารย์คนอื่นๆแล้ว เขาคงมาบ่นผมไม่ได้หรอก

 

 

“ถ้าไม่เป็นล่ะก็ รีบมากินกันเถอะ!”

 

 

คุณซาโกะที่ดูตื่นเต้นรีบแกะห่อข้าวกล่องของตัวเอง

 

แต่ก่อนผมจะแกะในส่วนของผม ผมเลือกถามถึงสิ่งที่ผมสงสัยก่อน

 

 

“เจ้านี่นะ กินได้จริงๆใช่ไหม?”

 

 

แน่นอนว่าผมดีใจที่ได้ข้าวกล่องทำมือมาแบบนี้ แต่ผมก็รู้สึกแย่ที่ได้จากผู้หญิงที่ผมปฏิเสธ เพราะงั้นผมเลยอยากถามเจ้าตัวอีกสักครั้ง อย่างไรก็ตาม มือของคุณซาโกะหยุดกึก  แล้วมองมาที่ผมด้วยสายตาเศร้าสร้อย

 

 

“ไม่อยากได้เหรอ…?”

 

 

คิ้วของเธอตอนนี้ให้ความรู้สึกราวกับตนพ่ายแพ้

 

 

“ไม่ใช่นะ! น้อมรับด้วยความยินดีเลยล่ะ!”

 

 

ใช่แล้ว คุณซาโกะทำข้าวกล่องกล่องนี้ให้กับผม ถ้าไม่กินมันก็ออกจะเสียมารยาท เพราะงั้นผมจะกินเหมือนของที่อร่อยที่สุดที่เคยกินมาเลย

 

พอแก้ห่อออกก็พบกับข้าวกล่องสองชั้น

 

 

“โว้ว…!”

 

 

ข้าวกล่องของคุณซาโกะทำผมน้ำลายไหล มีทั้งไก่ทอด ไข่ม้วน ผักต้มราดซีอิ๊ว แซลม่อนย่าง สลัดมันฝรั่ง เป็นเครื่องเคียงดีๆทั้งนั้น รู้สึกเหมือนเจอกับกล่องสมบัติเลย ข้าวก็ถูกห่อด้วยสาหร่ายกลายเป็นข้าวห่อสาหร่าย ดูน่าอร่อยสุดๆ

 

 

“คุณซาโกะทำเองเลยเหรอ?”

“อื้ม”

“โห้…! ไม่เคนเห็นข้าวกล่องที่น่าอร่อยขนาดนี้มาก่อนเลย”

“เฮะๆ ขอบคุณน้า งั้นเชิญกินได้เลยจ้า”

“จะกินแล้วนะครับ!”

 

 

ผมหยิบตะเกียบขึ้นมาและมุ่งไปที่สิ่งที่ผมเล็งไว้เป็นอย่างแรก นั่นคือไก่ทอด ถึงคุณซาโกะจะจ้องไม่วางตาเลยทำให้อึดอัดนิดหน่อย แต่คงแค่เพราะเจ้าตัวตื่นเต้นเฉยๆล่ะมั้งนะ

 

ด้วยหน้าตาของอาหารทั้งหลายที่ดูดีน่ากินขนาดนี้ รสชาติจะต้องดีไม่แพ้กันแน่นอน เจ้าไก่ทอดนี่ก็ถูกปากผมมากเลยทีเดียว ทุกครั้งที่เคี้ยวจะสัมผัสได้ถึงความชุ่มฉ่ำราวของเนื้อทะลักข้ามาในปาก รสชาตินี้มันช่างอะ…ร่อย ก็ไม่อร่อยขนาดนั้นหรอก แต่ก็ไม่เลว

 

ปกติเวลาที่กัดเนื้อเราจะได้เจอกับน้ำตัวเนื้อที่รสชาติขมหยั่งกับยาแล้วทั้งที่มันเป็นน้ำจากตัวเนื้อแท้ๆแต่มันก็กลับไม่ได้มีรสชาติแบบนั้น

 นี่เรากินอะไรอยู่กันเนี่ย? ผมสวาปามไก่ทอดทั้งหมดอย่างสุดความสามารถ แต่รสขมก็เติมเต็มปากผมเป็นที่เรียบร้อยแล้วรู้สึกเหมือนกับเผลอกินยาทั้งขวดรวดเดียวไม่มีผิด

 

“แล้ว? รสชาติเป็นไงบ้าง?”

 

 

คุณซาโกะยิ้มสดใส

 

จริงๆมันห่วยจนผมต้องฝืนเอามันเข้าปากเลยล่ะ แต่จะบอกไม่ได้เด็ดขาด คุณซาโกะต้องตั้งใจทำข้าวกล่องนี้มากๆแน่ เพราะงั้นจะทำร้ายจิตใจเธอไม่ได้

 

“อร่อยมากเลย”

 

 

ยังดีที่ถึงไก่ทอดจะไม่ค่อยได้เรื่อง แต่พวกที่เหลือคงจะไม่เป็นไร งั้นไปอย่างต่อไปเลยดีกว่า งั้น…เอาเป็นไข่ม้วนแล้วกัน พวกมันส่องประกายสีทองอร่าม รูปร่างสมบูรณ์แบบ ดูดีเป็นที่สุด

 

จังหวะที่ผมกำลังคีบเอาไข่ม้วนเข้าปาก ผมก็ต้องหยุดชะงัก เพราะกลิ่นมันเหม็นเน่าสุดๆ แค่เอาไว้ใกล้ๆก็พอรู้ได้แล้ว อะไรกัน? นี่คุณซาโกะใช้ไข่เน่าทำรึไง? ตั้งใจจะฆ่าผมงั้นเหรอ?

 

 

“เป็นอะไรไป ทำไมจู่ๆก็หยุดแบบนั้นล่ะ?”

 

 

คุณซาโกะมีท่าทีงงงวย

 

ถ้าไม่กินล่ะก็โดนจับไต่ได้แน่! ไม่มีทางเลือกอื่นอีกแล้ว ผมฝืนกลืนมันลงคอ แล้วก็เป็นอย่างที่คาด กลิ่นเหม็นเน่ามันทำเอาผมแทบสำรอก ทั้งที่หน้าตาก็ปกติดีแท้ๆ แต่ทำไมถึงมีรสชาติห่วยขนาดนี้เนี่ย

 

“ขะ ไข่นี่ก็…อร่อยเหมือนกัน”

“จริงเหรอ? ดีใจจังเลย!”

 

 

สิ่งเดียวที่เหนี่ยวรั้งผมไว้คือรอยยิ้มอันเจิดจรัสของคุณซาโกะ ผมพยายามสุดชีวิตที่จะไม่มีพิรุธเพื่อให้รอยยิ้มนั้นยังอยู่ต่อไปได้ แล้วพวกเครื่องเคียงก็ยังเหลืออีกเพียบ บางอย่างอาจจะอร่อยก็ได้ ผมเลยหันไปลองกินข้าวเปล่าบ้าง ไอ้นี่นะไม่ว่ายังไงรสชาติก็ไม่มีทางแย่แน่นอน 

 

แต่แล้ว วินาทีที่ผมตักมันเข้าปาก ผมสัมผัสถึงรสหวานอย่างไม่น่าเชื่อ แถมยังมีกลิ่นแปลกๆอีกจะเรียกว่ากลิ่นทุ่งหญ้าหรือทะเลดีล่ะ ในบริบทตรงนี้ผมว่ามันก็เป็นกลิ่นที่ผมไม่ควรที่จะหยิบมาขึ้นมาเลย ผมจำใจกลั้นอาการขย่อน   แล้วจ้วงข้าวใส่ปาก ภาพของเสียที่ถูกระบายลงทะเลได้เข้ามาในหัวผม เป็นกลิ่นของกองขยะที่ถูกทิ้งอยู่ตามชายหาด

 

ขนาดข้าวเปล่ายังรสชาติห่วยแตกดูเหมือนการกินข้าวเปล่าเฉยๆก็ไม่ช่วยให้ผมรอดจากขุมนรกนี่

 

ผมไม่อยากให้คุณซาโกะต้องรู้สึกเศร้า เพราะงั้นผมน่ะ เตรียมตัวเตรียมใจที่จะสวาปามทุกอย่างตรงหน้าไว้แล้ว แต่มันกลับหนักขึ้นและหนักขึ้น หลังจากกัดไป 3 คำ ทองผมก็ส่งเสียงดังกึกก้อง แน่นอนว่ามันไม่ได้มาจากความหิว

 

“ฮุๆ ดูเหมือนจะหิวมากเลยนะเนี่ย สึโยชิคุง”

“อะ อิม หิวโซเลยล่ะ…”

 

 

ผมโกหกหน้าตายไปอย่างนั้นแหละ จริงๆไอ้เสียงโครกคราก เมื่อกี้มันเสียงขอความช่วยเหลือต่างหาก ถ้าถึงบ้านเมื่อไรได้ปลดทุกข์ยาวแน่

 

 

“แล้วประมาณนี้พอจะทำให้อิ่มได้รึเปล่า? ฉันไม่รู้ว่าปกติสึโยชิคุงกินเยอะขนาดไหนน่ะ”

“อะ อา กำลังดีเลย ไม่ขาดไม่เกิน”

 

 

เป็นไปได้ผมก็ไม่ขอเอาเข้าปากอีกแม้แต่คำเดียว ถ้าบอกว่าข้าวกล่องนี่เคยทำให้คนตายมาก่อนผมก็เชื่อ แต่ว่าถ้าผมทำให้คุณซาโกะเศร้าล่ะก็ แบบนั้นจะทำผมทรมานยิ่งกว่าอะไรซะอีก ผมเคยปฏิเสธเธอมาแล้วครั้งนึง เพราะงั้นผมจะทำซ้ำสองไม่ได้ ผมเตรียมตัวเตรียมใจและจับตะเกียบขึ้นมาอีกครั้ง

 

ผมยัดข้าวกับเครื่องเคียงเข้าปาก แล้วยิ่งกินมากเท่าไร ท้องผมก็ยิ่งกรีดร้องมากขึ้นเท่านั้น ผมไม่อาจแยกรสชาติอะไรได้อีกต่อไป ลิ้นผมมันชาไปหมด 

 

น้ำตาผมเริ่มไหลออกมา หายใจก็ติดๆขัดๆ หลังจากกินไปจนเหลือประมาณ1 ใน 3 ส่วนของกล่องร่างกายผมก็ถึงขัดจำกัด ความเจ็บปวดแผ่ซ่านไปทั่วท้อง

 

ไม่ใช่แค่ปวดท้องธรรมดา แต่ผมรู้สึกเหมือนกระเพาะผมถูกแยกเป็นเสี่ยงๆ เป็นสัมผัสที่ผมไม่เคยประสบพบเจอมาก่อน เหงื่อผมไหลบนหน้าผากเป็นเม็ดๆ ขณะที่ผมกัดฟันแน่น

 

 

“ไม่อร่อยเหรอ?”’

 

 

สันหลังเสียววาบ ดูเหมือนอาการจะออกทางสีหน้าสินะ

 

 

“เปล่าสักหน่อย อร่อยสุดๆเลย”

“แต่สีหน้าสึโยชิคุงดูทรมานมากเลยนะ จริงๆมันไม่อร่อยเลย…ใช่ไหมล่ะ?”

“มะ-ไม่ใช่นะ ผมชอบมากๆเลย กินเท่าไรก็ไม่รู้สึกอิ่มสักนิด”

 

 

ผมพยายามยิ้มให้ไม่มีพิรุธที่สุดเท่าที่จะทำได้

 

แต่คุณซาโกะก็ยังส่งยิ้มให้ผม

 

 

“ไม่เป็นไรหรอก ตอบมาตามตรงเถอะ”

 

 

ว่าแต่ทำไมถึงยิ้มเนี่ย? ถ้ารู้ว่าอาหารที่ตัวเองทำไม่อร่อยปกติต้องเสียใจสิ

 

 

“มันอร่อยจริงๆนะ”

“หืม…ไม่ว่ายังไงก็ไม่ยอมรับงั้นสินะ”

 

 

คุณซาโกะดูเหมือนกำลังสนุกอยู่ ท่าทางเธอจะรู้ว่าผมกำลังทำเป็นว่าตัวเองยังไหวอยู่เธอ ก็เลยหยอกผมเล่นซะเลย

แล้วพอมองที่โต๊ะข้างหน้าผม ผมก็นึกถึงเรื่องอะไรบางอย่างออก

นั่นคือคุณซาโกะยังไม่ได้แตะต้องข้าวกล่องของตัวเองเลยแม้แต่ปลายนิ้ว

 

 

“คุณซาโกะจะไม่กินอะไรเลยเหรอ? คาบพักเที่ยงจะหมดแล้วนะ”

 

 

จะว่าไปแล้ว ถ้าคุณซาโกะกินข้าวกล่องของตัวเองล่ะก็ ก็ต้องรู้ว่ารสชาติมันห่วยขนาดไหน แต่เธอก็ยังตอบกลับผมด้วยรอยยิ้มสดใส

 

 

“เอาไว้ทีหลังก็ได้ ตอนนี้ฉันอยากจำภาพที่สึโยชิคุงกินอาหารของฉันอย่างเอร็ดอร่อยให้ขึ้นตามากกว่า”

 

 

ไม่ต้องขนาดนั้นก็ด้ายย! ขอล่ะลองชิมอาหารฝีมือตัวเองหน่อยเถอะ

 

 

“หลังจากนี้เราก็ยังมีเรียนกันอยู่นา ถ้าไม่กินล่ะก็ระวังจะทนไม่ไหวเอานะ”

“ปกติฉันกินน้อยอยู่แล้วล่ะ ไม่เป็นไรหรอก”

 

 

คือท้องผมมันไม่ไหวแล้วไง แต่ก็ลองกันสักตั้งแล้วกัน! 

 

ถึงจะเหลืออยู่ประมาณแค่ 1 ใน 3 ส่วนท้องผมมันก็ส่งเสียงกรีดร้องออกมารัวๆแล้ว ผมสั่งให้แขนผมขยับ แต่ร่างกายกลับไม่ทำตาม แล้วขณะที่ผมกำลังแข็งเป็นหิน คุณซาโกะก็ถอนหายใจออกมา

 

 

“เฮ ไม่อยากจะกินต่อแล้วไม่ใช่เหรอนั่น?”

 

 

ผมรู้สึกถึงความซาดิสต์จากรอยยิ้มนั่นของคุณซาโกะนิดๆแฮะ

 

 

“ไม่จริงสักหน่อย อยากกินต่อจะแย่แล้วเนี่ย”

 

 

ปากบอกแบบนั่นแต่มือผมมันไม่ขยับเขยื้อนแม้แต่มิลเดียว

 

 

“ถ้าอย่างนั้น…”

 

 

ริมฝีปากของคุณซาโกะปรากฏรอยยิ้ม พร้อมกับแก้มที่เริ่มแดงเรื่อ

 

 

“เดี๋ยวฉันป้อนนะ”

“ห๊ะ?”

 

 

เธอขโมยตะเกียบจากมือผมแล้วคีบไข่ม้วนขึ้นมา

 

 

“เอ้านี่ อ้ามมม”

 

 

คุณซาโกะยื่นไข่ม้วนมาให้ผมด้วยรอยยิ้ม

 

ไอ้นี่มันก็เป็นเรื่องที่ปกติพวกคู่รักเขาทำกันอะนะ แล้วในฐานะผู้ชายคนนึง ผมก็ปราถนาถึงฉากนี้มาโดยตลอด แต่ไอ้ไข่ม้วนนั้นมันของอันตรายไง ใช้ไอ้นั่นมาล่อผมไม่ได้หรอก

 

 

“นี่เป็นเรื่องที่ควรทำกับแฟนไม่ใช่รึไง?”

“ไม่มีใครมองสักหน่อย ช่างเถอะน่า เอ้า อ้ามมม”

 

 

ไอ้ไข่ม้วนนั้นถูกยื่นเข้ามาใกล้จมูกผม กลิ่นเหม็นลอยโชยมาจนขึ้นสมอง

 

 

 

“เพราะสึโยชิคุงเป็นคนใจดี คงจะยอมกินเพื่อฉันอยู่แล้วใช่ไหมล่ะ เนอะ?”

“ผมมันก็ไม่ใช่คนใจดีอะไรขนาดนั้นหรอก”

“แต่ตอนปฏิเสธฉัน นายก็ไม่ได้ปฏิเสธทันทีนี่นา”

“อึก…”

 

 

หยุดทีเถอะ ถ้าเอาเรื่องนั้นมาพูดล่ะก็…

 

 

“เอ้า อ้ามมม”

 

 

ทั้งๆที่นี่เป็นสถานการณ์ที่ชายทั้งหลายต่างต้องอิจฉาแท้ๆ แต่ผมกลับรู้สึกสับสนกับกังวลมากกว่า แล้วจู่ๆรอยยิ้มของคุณซาโกะก็ดูอันตรายขึ้นมา ราวกับรอยยิ้มของนักวิทยาศาสตร์สติเฟื่องไม่มีผิด

 

 

“เถอะน่า อ้าปากเร็วเข้าซี้”

 

 

คุณซาโกะยังคงยื่นไข่ม้วนมาทางผมอย่างไม่ลดละราวกับจะรบเร้าผมเล่น ผมเลยกัดฟันกลืนมันลงไปทั้งอย่างนั้นโดยไม่เคี้ยว ขณะเดียวกันอาการท้องผมก็เข้าขั้นวิกฤต

 

 

“ต่อไปเอาอันไหนดีน้า?”

 

 

ดูเหมือนคุณซาโกะจะยังไม่พอใจ แล้วยังคีบเอาเครื่องเคียงอันอื่นมาให้ผมอีก สิ่งที่ผมทำได้คืออดทนต่อความปวดท้องเท่านั้น ทำให้มันรู้สึกโล่งที่สุดเท่าที่จะโล่งได้ แล้วพอเห็นแบบนั้น รอยยิ้มของคุณซาโกะก็กว้างกว่าเดิม

 

ตอนนี้ผมคงทำได้แค่เพ่งสมาธิไม่ให้ตัวเองอ้วกทุกอย่างออกมาเท่านั้น รู้สึกยังกับร่างกายจะแตกเป็นเสี่ยงๆก็มิปาน สิ่งเดียวที่ทำให้ผมยังไม่ตายก็เพื่อไม่ให้คุณซาโกะเห็นสภาพน่าสมเพชของผม และในที่สุดก็ถึงคำสุดท้าย คุณซาโกะรวมเศษอาหารในข้าวกล่องแล้วป้อนมันให้ผม

 

 

“อ้ามมมม”

“อะ-อ้ามม…”

 

 

ผมกลืนมันให้ไวเหมือนกับกลืนยา ในที่สุดข้าวกล่องมันก็หมดสักที การต่อสู้ของผมสิ้นสุดลงแล้ว จบแบบที่ไม่ร้ายความรู้สึกคุณซาโกะด้วย…พอคิดแบบนั้นก็โล่งใจหลังทรมานมานานแสนนาน ความเจ็บปวดหายไปราวกับปาฏิหาริย์ หรือจะบอกว่าผมกลายพวกด้านชาต่อความเจ็บปวดแล้วดีนะ

 

พร้อมกันนั้นต่อมรับรสของผมก็ด้านชาไปด้วยคงอีกไม่นานที่ผมจะสลบไป

 เพราะตอนนี้แค่ขยับตัวไปมาก็ยังไม่ไหวเลยแล้วผมก็สลบเหมือดคาโซฟาไปทั้งอย่างนั้น

 

 

 

 

 

 

ถ้าจะให้สรุปคร่าวๆล่ะก็ สึโยชิคุงยังรอดมาได้ ยังไม่ถึงขั้นที่ต้องเรียกรถพยายาล อย่างไรก็ตาม หลังจากใช่เวลาคาบ 5 ทั้งคาบในการทำกิจในห้องน้ำ เขาก็ขอตัวไปพักที่ห้องพยาบาลต่อในช่วงคาบ 6 แต่สุดท้ายแล้วจบเลิกเรียนอาการก็ยังไม่สู้ดี ฉันกับมายุโกะเลยตัดสินใจไปเยี่ยมเขา

 

หลังจากที่สึโนชิคุงสลบไป มายุโกะกับฉันก็ลองชิมข้าวกล่องนั่นดู ซึ่งรสชาติมันแย่ยิ่งกว่าแย่ซะอีก จริงๆถ้าให้มนุษย์กินนี่นับเป็นอาชญากรรมอย่างนึงได้เลยด้วยซ้ำ อาหารสัตว์ยังกินลงได้กว่าอีก 

 

พวกเราเดินลงมาที่โถงทางเดินอันเย็นเฉียบ ส่วนมายุโกะก็เก็บความโกรธไม่อยู่อีกต่อไป

 

 

“แล้วสึโยชิคุงก็กินไอ้นั่นจนหมดเลยอะนะ?”

“อืม…”

 

 

ยิ่งกว่านั้นคือ ฉันบังคับให้เขากินด้วย ตอนนั้นฉันดีใจที่เขาพยายามกินต่อ แต่ไม่นึกเลยว่าจะเป็นถึงขนาดนี้

 

 

“มาจิกะ คงจะรู้ใช่ไหมว่ามันแย่แค่ไหน?”

“รู้…”

 

 

ตอนมายุโกะกับฉันชิมข้าวกล่องนั่น พวกเราแทบจะโยนมันทิ้งเลยด้วยซ้ำไป ถึงขนาดต้องรีบพากันวิ่งไปล้างปากกันที่ห้องน้ำ แต่ทำขนาดนั้นแล้วรสชาติน่ารังเกียจนั้นก็ยังติดปากอยู่ดี และเพราะแบบนั้นเลยโดนมายุโกะสวดมาตลอดมาง

 

 

“ฉันว่าเธอต้องรู้ขอบเขตเรื่องแบบนี้บ้างนะ มาจิกะ”

“ก็ไม่นึกว่ามันจะย่ขนาดนี้นี่…ขอโทษนะ…”

 

 

พอถึงห้องพยาบาล อิซาดะคุงก็ออกมาพอดี

 

 

“ซาโกะกับนิชิดะเองเหรอ? โทษทีนะแต่ฉันติดชมรม ลาล่ะ”

 

 

เขาพูดพร้อมดินหันหลังให้พวกเรา

ฉันคงทำเรื่องแย่ๆลงไป ถึงขนาดที่ทำให้อิซาดะคุงมาโดนร่างแหด้วย

 

 

“เข้าไปสิ คุณว่าที่ฆาตกร”

 

 

มายุโกะชี้ไปที่ประตู

 

ฉันสูดหายใจเข้าแล้วเปิดประตู ทันใดนั้นฉันก็ได้กลิ่นจำพวกยาต่างๆ

 

 

“เออ อยากจะเยี่ยมสึโยชิคุงหน่อยน่ะค่ะ”

“อา เขานอนอยู่ตรงโน้นน่ะ”

“ขอบคุณมากนะคะ”

 

 

ครูพยาบาลบอกที่ๆสึโยชิคุงอยู่ ฉันเลยมาหยุดที่หน้าผ้าม่าน เขาคงจะโกรธไม่ก็โทษฉันสำหรับเรื่องที่เกิดขึ้น แต่ถึงอย่านั้นฉันก็ต้องขอโทษเขาให้ได้ ฉันหลับตาแล้วเรียกชื่อของผู้ชายที่อยู่หลังม่านนี้

 

 

“สึโยชิคุง ฉันเองนะ ขอเข้าไปได้ไหม?”

“เชิญเลย”

 

 

ฉันเปิดม่านออก แล้วก็ได้พบกับสึโยชิคุงที่หน้าซีดเผือด ไม่เหลือเรี่ยวแรงอะไรเลยบนใบหน้า ภาพที่เข้าอ่อนแอลงขนาดนี้ทำให้ฉันรู้สึกเหมือนมีมีดมาแทงที่หน้าอก

 

 

“สึโยชิคุง ฉันมีบางอย่างต้องบอก-”

“ไม่เป็นไรหรอก มันอร่อยสุดๆเลย”

 

 

สึโยชิคุงตอบด้วยน้ำเสียงอบอุ่น

 

ความใจดีของสึโยชิคุงไม่มีคำว่าจำกัดเลย ทั้งๆที่ฉันเกือบจะฆ่าเขาด้วยข้าวกล่องนั้นแท้ๆ แต่เขาก็ยังอภัยให้ฉัน แต่ฉันก็ยังต้องขอโทษอยู่ดี จะมาพึ่งพิงความใจดีของเขาไม่ได้

 

“ข้าวกล่องนั้นมันมีอะไรดีงั้นเหรอ…?”

“ไก่ทอดเย็นไปหน่อยแต่ก็กรุบกรอบมาก ไข่ม้วนก็ม้วนสวยด้วย”

“มีอะไรอีกไหม?”

“มันฝรั่งในสลัดถูกบดอย่างดีเลยล่ะ”

“มีอะไรอีกไหม?”

“พอไม่มีก้าง แซลม่อนย่างก็กินง่ายสุดๆ”

 

 

ไม่ได้พูดเรื่องรสชาติเลยนี่นา! แต่ฉันก็ยังทึ่งอยู่ดีที่เขาหาข้อดีมาพูดได้ กะแล้วเชียว สึโยชิคุงเป็นพวกมองออกยันรายละเอียดปลีกย่อยสินะ

 

ความโลภในใจฉันเริ่มก่อตัว อยากให้สึโยชิคุงกินอาหารของฉันที่ตั้งใจทำ อยากให้เขารู้ว่าฉันก็ทำอาหารอร่อยๆเป็น อยากให้เขาพูดว่า’อร่อย’จากก้นบึ้งของหัวใจ

 

ฉันก้าวเข้าไปข้างหน้า เข้าไปใกล้ๆหูของเขา ตอนนี้เราอยู่ในม่านนี่แค่ 2 คน จะซื่อสัตย์กับตัวเองก็ไม่เป็นไร

 

“ฉันอยากได้โอกาสอีกครั้งน่ะ”

“โอกาส…?”

“ใช่แล้วล่ะ ฉันอยากทำข้าวกล่องให้สึโยชิคุงอีกสักครั้งน่ะ”

 

 

วินาทีที่ฉันถามออกไป สีหน้าของสึโยชิคุงก็ซีดยิ่งกว่าเดิม เขาเอามือมาป้องปากและร่างกายก็เริ่มสั่น

 

 

“ขะ-ข้าวกล่องแบบนั้น…อีกรอบ…งั้นเหรอ…?”

 

 

ฟันของเขากระทบกันด้วยความกลัว จนดูเหมือนจะแตกหักได้ทุกเมื่อ เห็นแบบนั้นแล้ว ฉันก็รู้ตัวว่าข้าวกล่องของฉันมันสร้างบาดแผลทางใจให้เขาขนาดไหน เขาคงไม่อยากกินอาหารของฉันอีกเป็นครั้งที่สอง พวกเราคงไม่มีทางได้กินข้าวกันอย่างสนุกสนานแล้ว ภาพแสนสุขในหัวันพังลงราวกับปราสาททราย

 

 

“ขอโทษ…ขอโทษนะ…”

 

 

ฉันหันหลังแล้ววิ่งออกจากห้องพยาบาล

 

 

“มาจิกะ?! เกิดอะไรขึ้น?!”

 

 

ถึงจะได้ยินเสียงของมายุโกะจากด้านหลัง ฉันก็ไม่คิดจะหันหลังกลับไปมองและวิ่งต่อไป

 

 

“ฮือออออ!”

 

 

เสียงกู่ร้องที่เต็มไปด้วยน้ำตาของฉันดังก้องกังวาลไปทั่วโถงทางเดิน

 

 

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+