ผมเกิดใหม่เป็นจิ้งจอกสาวเก้าหาง 27: ผ่านไปอีกหนึ่งปี

Now you are reading ผมเกิดใหม่เป็นจิ้งจอกสาวเก้าหาง Chapter 27: ผ่านไปอีกหนึ่งปี at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

                และแล้วเวลาก็ผ่านพ้นไป ปัจจุบันผมอยู่ชั้นต้นปีสามแล้ว ส่วนใหญ่ก็จะเป็นการเรียนอันแสนสุดจะเซ็ง

                ก็นะแค่คำนวณเลขน่ะมันไม่คณามือผมหรอก การคูณเลขหลักสิบหลักร้อยน่ะ

                เพราะว่าตั้งแต่ขึ้นปีสองมาผมก็ได้ลงเรียนวิชาเองเลยรู้สึกสนุกกับการเรียนมากขึ้นนิดหน่อย แต่วิชาบังคับก็ยังคงน่าเบื่ออยู่ดี

                วิชาเลขน่ะ ไม่ว่าจะที่โลกไหนก็เหมือนจะมีแค่คนเกลียดล่ะนะ

                และเพราะว่าลงวิชาเรียนเองได้ ผมก็เลยได้ไปลงวิชาที่น่าสนใจอยู่ตัวนึงนั่นก็คือ วิชาการแสดง

                ไม่รู้ว่าจะได้ออกงานของตระกูลหรือเปล่า แต่ต้องเตรียมตัวให้แสดงเก่งเอาไว้ก่อนเพราะน่าจะใช้ประโยชน์ได้อย่างเช่น

                “เจ้าชายคะ ชั้นอบคุกกี้มาเกินน่ะค่ะ ถ้าหากไม่ว่าอะไรช่วยรับเอาไว้ได้หรือเปล่าคะ”

                การแสดงของผมนั้นช่างงดงามจริงๆ บทพูดนี้ผมจำมาจากนิยายในชาติก่อนที่เคยอ่านน่ะ ถึงเรื่องนั้นจะเป็นแนวตายแล้วไปเกิดในโลกของเกมจีบหนุ่มแถมยังกลายเป็นนางร้ายแล้วนางร้ายได้คู่กับคนที่ตัวเองรักจริงๆ แน่นอนว่าเพราะอย่างนั้นบทที่ผมพูดไปเมื่อกี้มันเป็นของนางเอกที่ชอบใส่ความนางร้ายล่ะนะ น่าจะทำคนหมั่นไส้ได้เยอะพอดู

                หรือจะเป็นบทนี้ดี

                “นี่อาเมส! นายจะไปเข้าค่ายแล้วทำไมถึงต้องพกขนมไปเยอะอย่างนี้ล่ะ!”

                แหม รู้สึกเข้าใจคุณซาเรียขึ้นมาเลยว่าทำไมถึงต้องโกรธขนาดนั้น ถ้าผมเป็นซัคคิวบัสผมน่าจะเป็นซาเรียจังภาคสองแล้วล่ะ

                เพราะการแสดงพวกนี้ทำให้ผมฝึกการแสดงสีหน้าได้ดีจนเหมือนกับว่ารู้สึกอย่างนั้นจริงๆ เผื่อจะโดนลูกหลงเกมการเมืองของโลกนี้จะได้เอาตัวรอดได้ ฝึกไว้ก่อนแต่ก็หวังว่าจะไม่โดนล่ะนะ

                แต่จริงๆการแสดงนี้ก็ช่วยผมในเรื่องการต่อสู้ได้เหมือนกันนะ ตั้งแต่หลังจากที่รุ่นพี่ผู้หญิงที่ชื่อเมร่าเขาคิดจะมาเข้าคาเอลทางผม แต่โดนผมปฏิเสธทำให้สุดท้ายถึงขั้นลงมือก็มีรุ่นพี่อีกหลายคนเลยที่คิดจะทำแบบเดียวกัน

                คือตอนปีสองน่ะ ถ้าผมแยกกับคาเอลเมื่อไหร่ รุ่นพี่ก็จะโผล่มาเต็มไปหมดเลยล่ะ

                และวิชาการแสดงก็ช่วยผมเอาไว้ เพราะผมใช้เวทย์หวาดกลัวกับฝันร้ายใส่พวกรุ่นพี่จากนั้นก็แสดงบท…เอ่อ…

                ราชินีใจร้ายสายโหด ล่ะมั้ง เรียกง่ายๆว่าสาวยันนั่นแหละ ทำให้หลังๆมาไม่ค่อยมีใครจะมายุ่งกับผมแล้ว

                จะจีบคาเอลก็เข้าไปจีบเลยก็ได้ทำไมต้องคิดจะตบตีกับผมกันด้วยนะ ถึงสุดท้ายก็ต้องผ่านผมก่อนจริงๆอยู่ดีก็เถอะ

                เพราะมันเป็นหน้าที่ของเพื่อนสมั—

                “เอาอีกแล้วเหรอครับมากิ”

                “โถ่ นายจะขัดชั้นทำไมเนี่ย กำลังเข้าถึงบทบาทเลย”

                “ก็บอกว่าซ้อมหน้ากระจกมันไม่ค่อยเห็นผลไงครับ จะซ้อมก็ให้ใครสักคนมาดูว่าสมจริงหรือเปล่าไม่ดีกว่าเหรอครับ”

                “นายจะดูเหรอ”

                “ผมไปหาไคก่อนนะครับ”

                ก็เป็นซะอย่างเนี้ย

                นี่ชั้นกำลังทำเพื่อนายอยู่นะเนี่ย ไม่น่ารักเลย

                ไม่สิ สงสัยจะอินกับบทมากเกินไปหน่อย

                ส่วนคาเอลลงวิชาเลือกวิชาอื่นที่ไม่ใช่การแสดงรู้สึกว่าจะเป็น…วิชาหอก เห็นบอกว่าเผื่อฉุกเฉินจะได้หักกิ่งไม้มาใช้แทนดาบอะไรทำนองนี้ ผมก็ว่าดีนะ อันที่จริงมีอาวุธอยู่หลายชนิดมากๆเลยล่ะ เพราะอย่างนั้นคาเอลก็เลยอยากจะฝึกอาวุธหลายๆชนิดไว้ก่อน

                แต่เหมือนเจ้าตัวก็จะทุ่มเทให้กับการฝึกดาบกว่ามากล่ะนะ เห็นคาเอลบอกว่าฝึกหอกแค่ในคาบ แต่นอกเวลาผมก็จะฝึกแต่ดาบ ว่างั้นแหนะ

                อันที่จริงผมก็สนใจวิชาการต่อสู้ด้วยมือเปล่า วิชาการใช้ธนู วิชาปรุงยา อะไรพวกนี้อยู่เหมือนกัน แต่วิชาการแสดงถ้าจะไปให้สุดต้องเรียนสองปีน่ะ ไว้ปีสี่ค่อยเรียนพวกนั้นเพิ่มก็แล้วกัน

                แต่วิชาการแสดง ถ้าให้พูดถึงก็จะต้องมีการแสดงกันเป็นกลุ่มใช่ไหมล่ะ

                แต่ว่าไม่มี

                อันที่จริงก็มี เป็นการแสดงสวมบทบาทกันเฉพาะคนที่เรียน ไม่มีการเปิดให้คนที่ไม่ได้ลงวิชานี้ได้รับชมล่ะนะ

                ไม่รู้ทำไมถึงได้ชวดบทนางเอกตลอดเลยได้แต่บทพูดน้อยๆ ง่ายๆก็คือตัวประกอบนั่นแหละ ถามว่าทำไมน่ะเหรอ

                “เอาล่ะค่ะนักเรียน เดือนหน้าจะให้ทุกคนแสดงเรื่องเจ้าหญิงสีเขียวนะคะ เลือกให้ ทิไมอัสเป็นพระเอกยกมือ เสียงเกินครึ่งเลย ถ้าอยากนั้นก็ตกลง บทต่อไปนางเอกใครเลือกมาฮิโระบ้างคะ”

                “อืม…ก็อยากให้คุณมากิเป็นนางเอกอยู่นะครับอาจารย์แต่ความงามระดับนี้ต้องเป็นเทพธิดาเท่านั้นแหละ”

                “ใช่แล้วค่ะอาจารย์! การจะให้มากิจังแสดงคู่กับผู้ชายแบบนี้เป็นเรื่องต้องห้ามนะคะ ถ้าหากเกิดกระแสคู่จิ้นขึ้นมาล่ะก็! พวกผู้ชายได้ฆ่ากันตายแน่นอนเลยค่ะ!”

                “อืม…นั่นสินะถ้าอย่างนั้นบทเทพีไกอาเป็นของคุณมาฮิโระแล้วกันนะ”

                ผมก็ไม่รู้ว่าเจตนาดีหรืออยากแกล้งผมกันแน่ถึงได้เป็นอย่างนี้เสมอและกลายเป็นว่าบทเทพีหรือเทพธิดาจะเป็นของผมเสมอ สวยน่ารักเกินไปนี่ช่างเป็นบาป

                บาปหนาจริงๆเลยนะตัวชั้น กระซิกๆ

                ว่าไปนั่น

                แต่ก็นั่นแหละนะเพราะแบบนี้ก็เลยรู้สึกเสียดายนิดหน่อย ปีก่อนผมก็แสดงดีจนอาจารย์ให้รางวัลเป็นค่าขนมเล็กๆน้อยๆตั้งสิบเหรียญเงินแหนะ ถามว่าทำอะไรน่ะเหรอ

                ยืนยิ้มนิ่งๆ หรือไม่ก็ให้พรกับพวกตัวเอก นั่นแหละสิ่งที่ผมทำ

                ผมก็ค่อนข้างพอใจนะที่สวมบทบาทได้ดี ขนาดตอนซ้อมบทอื่นๆเผื่อเพื่อนมาไม่ได้แล้วให้ผมแทน ผมก็ทำได้ดีนะ แต่อาจารย์บอกว่า

                “มาฮิโระ หนูน่ะแสดงสีหน้าและน้ำเสียงเข้าถึงบทบาทได้ดีมากเลยจ้ะ แต่อาจารย์ว่ามันจะเด่นเกินนางเอกเอานะ”

                ก็นั่นแหละนะ ผมก็ไม่ค่อยเข้าใจว่าทำไมถึงเป็นแบบนี้ได้ แต่ถ้าผู้กำกับบอกว่าไม่ได้ก็คือไม่ได้ล่ะนะ

                ต่อมาก็เรื่องความสัมพันธ์ของผมกับคนในห้องอย่างนั้นสินะ ก็ปกติดี ดีเกินไปด้วยซ้ำ

                “มากิจัง ทำเปียมงกุฎให้หน่อยค่า!”

                “ค่าๆ”

                เพราะว่าผมเป็นพวกตื่นเช้าก็เลยมาที่ห้องเรียนได้ไว เหล่าผู้หญิงในห้องก็เลยมักจะใช้บริการทำผมจากผมเพื่อตอนที่ฝึกวิชาดาบจะได้ดูดีและก็…ทำให้ผู้ชายที่ตัวเองชอบสนใจ

                เก้าขวบกันอยู่เลยแท้ๆ

                “ครั้งก่อนที่มากิจังทำผมให้ชั้นเอนก้าหันมองชั้นเกือบตลอดเลยล่ะค่ะ!”

                “ผู้ชายห้องอื่นๆก็มองที่ไลม์จังเยอะนะคะ แบบนี้เอนก้าต้องหวงแล้วล่ะค่ะ”

                “ใช่ม้า ต้องขอขอบคุณมากิจังด้วยนะคะ”

                “แต่ไลม์จังเองก็น่ารักอยู่แล้วชั้นแทบไม่ได้ทำอะไรเลยค่ะ”

                “ชั้นทำผมไม่ค่อยเก่ง วันหลังมากิจังต้องสอนแล้วล่ะค่ะแบบนี้ ว่าแต่นี่ๆมากิจังรู้ไหมคะว่า เอนก้าน่ะ…”

                แล้วผมก็สวมบทเป็นผู้รับฟังที่ดี อาจจะดูเหมือนว่าผมแสดงเป็นเพื่อนสาวที่ดีนะ แต่เปล่าเลย การได้คุยเรื่องอะไรแบบนี้หรือเล่นสนุกกับเพื่อนๆในเรื่องแบบนี้เองก็ดีเหมือนกัน

                มันสนุกดีนะเวลาทำผมให้เพื่อนแล้วเพื่อนออกมาดูดีแล้วคนที่เพื่อนชอบก็ออกอาการชอบเพื่อนน่ะ

                แต่ก็เป็นห่วงไลม์อยู่เหมือนกัน คลั่งรักสุดๆ พอเอนก้าเดินมาหาก็จะแบบ นี่เป็นไงบ้างจากนั้นก็จะทำหน้าแบบสาวน้อยคลั่งรักจากนั้นก็จะถามไถ่ๆๆๆ แล้วก็เอามาเล่าให้ผมฟัง อีกนิดนึงผมก็จะรู้ตำแหน่งปานในตัวของเอนก้าแล้ว ไม่รู้จะถามอะไรขนาดนั้น และก็ไม่รู้ทำไมถึงตอบออกมาได้

                คบกันสักทีเถอะสองคนนี้น่ะ

                ถ้าพูดถึงไลม์แล้วเราก็จะลืมคนนี้ไม่ได้ ไอร่านั่นเอง ความสัมพันธ์ของไอร่ากับเพื่อนในห้องก็คือ…เอ่อ…

                “อาา พวกเธอเนี่ยเสียงดังกันชะมัดเลย”

                “แล้วคุณไอร่าคิดว่าผมทรงนี้เป็นไงบ้างเหรอคะ”

                “อืม ก็…ดี สวยดี”

                “ว่าแต่คุณไอร่ามีใครที่คิดว่าดูดีในสายตาบ้างไหมคะ”

                “อืม…ก็มีอยู่ ถึงจะน่ารำคาญกับหัวแข็งไปบ้างแต่ก็เท่ดี”

                “พอจะบอกชื่อได้หรือเปล่าคะ…”

                “ไม่ล่ะ เอนก้ามาแล้วนั่น ชั้นไปก่อนนะ ไปเถอะมากิ”

                “…ไคค่ะ…”             

                ผมกระซิบข้างหูไลม์ก่อนจะเดินตามไอร่าไป

                “มากิ!”

                “มะ..ไม่เป็นไรค่ะคุณไอร่า! ชั้นจะเก็บไว้ไม่บอกใครแน่นอนค่ะ!”

                เวลาไลม์คุยกับไอร่าก็จะเกร็งๆหน่อย แต่ก็พอจะชวนคุยกันได้ ส่วนไอร่าเองก็คุยได้แต่กลัวพูดไปแล้วทำคนอื่นเสียความรู้สึกจากนิสัยซึนเดเระของเจ้าตัว

                หลังจากผ่านไปสองปีไคกับไอร่าก็ทะเลาะกันบ่อยๆแต่ก็ดั่งคำกล่าวของ…ของใครสักคนนี่แหละ

                ยิ่งทะเลาะกันยิ่งรักกัน

                คำนี้ก็เหมือนจะใช้ได้แม้กระทั่งกับคนโสดที่ยังไม่ได้ชอบกัน คือไอร่ากับไคก็ไม่ได้ชอบกันหรอก แต่มันก็เป็นคู่ที่น่าเชียร์ล่ะนะ

                พูดถึงเพื่อนกันทะเลาะกัน ผมกับคาเอลก็ไม่ค่อยได้ทะเลาะกันเท่าไหร่ คือผมไม่รู้จะเรียกทะเลาะได้หรือเปล่าน่ะ

                ก็จะมีอย่างเช่น

                “นี่คาเอล ชั้นบอกว่าสำหรับสามวัน แล้วนายจะขอเพิ่มมันก็จะเหลือแค่สองวัน หรือว่านายจะอดเอามื้อนึง”

                “ขะ..ขอโทษครับ ก็ข้าวฝีมือมากิมันอร่อยมากเลยนี่นา”

                “อืม…ถ้าอย่างนั้นก็แบ่งจากของชั้นไปก็แล้วกัน”

                “งั้นมากิเอาเค้กผมไปเลยครับ”

                หรือ

                “มากิครับ ผมบอกว่าฟันผมได้เลยไม่ถึงตายก็พอไม่ต้องออมมือครับ”

                “กะ..ก็ชั้นกลัวนายเจ็บนี่นา”

                “เรเปียร์มันใช้ยาก ให้ผมเจ็บนิดหน่อยแต่มากิเก่งขึ้นก็พอแล้ว แทงไหล่ผมแล้วเดี๋ยวผมฮีลตัวเองได้ไม่ต้องกลัว”

                “แต่แบบนั้นนายจะพรุนเอานะ”

                “ผมระดับสูงน่า โอ๊ย…”

                “อย่าร้องสิ!!”

                ก็อะไรประมาณนั้น

                

                หรือจะเป็นความสัมพันธ์ของไค

                ไคเข้ากับพวกผู้ชายได้ดีเลยล่ะ คาเอลเองก็ด้วยล่ะนะ

                เพราะไคเป็นนักดาบที่ตอนนี้เรียกได้ว่าเก่งที่สุดถ้าเรื่องดาบพวกชั้นต้นไม่น่าจะมีใครชนะแล้ว อาจจะไปถึงชั้นปลายเลยด้วยซ้ำ

                แต่นั่นคือแค่ทางด้านดาบล่ะนะ เพราะร่างกายของไคแข็งแกร่งกว่าคนปกติเยอะมากๆ บางคนต่อให้รีดพลังเวทย์มาเสริมร่างกายก็ยังเอาชนะไคไม่ได้

                แต่ถ้าเกิดว่าอีกฝ่ายใช้เวทย์ไปด้วยใช้ดาบไปด้วย ยิ่งถ้าเป็นพวกใช้เวทย์เพื่อหลอกล่อไคเองก็อาจจะตามไม่ทันบ้าง

                และด้วยเหตุนั้นเลยเป็นที่เคารพและที่ปรึกษาที่ดีของเพื่อนๆ

                ส่วนความนิยมในหมู่ผู้หญิงก็…พอตัวเลยนะ เพราะไคเป็นคนที่แข็งแกร่ง เก่งวิชาดาบมาก ยิ่งตอนซ้อมใครๆก็มองว่าเท่

                แต่อย่างที่เห็นไคน่ะ…สมองกล้าม ใครรักใครชอบไม่รู้เรื่อง แถมยังเป็นคนที่คุยด้วยยาก พูดจาห้วนๆถ้าหากพูดจาไม่ถูกใจก็จะเผลอทำหน้าถมึงถึงออกมาโดยไม่รู้ตัวทำให้พวกผู้หญิงไม่กล้าคุยด้วยเท่าไหร่

                และไม่รู้ทำไมตำแหน่งเด็กสุดฮอตถึงไปตกที่คาเอลเวลาจะทำอะไรก็สาวๆก็จะ

                “ดีค่า”

                บิดขี้เกียจก็

                “เริ่ดค่า”

                ทำของตกก็

                “เอาของชั้นไหมคะท่านคาเอล”

                คือบางทีมันก็มากเกินไปนะ แต่ก็ดีหน่อยที่เขาก็ยังเกรงใจผมกันเพราะผมนั่งข้างๆคาเอลล่ะนะ

                หรือบางทีอาจจะเป็นเพราะการแกล้งคนอื่นๆของผมกับคาเอลหรือเปล่าก็ไม่รู้เลยทำให้คนอื่นๆเขาเกรงใจกัน

                คือเมื่อตอนปีสองน่ะพวกเพื่อนๆน่ะเขาชอบแกล้งคนอื่นๆด้วยการแซวคนนั้นชอบกันคนนี้ชอบกัน ตามประสาเด็กนั่นแหละนะ

                และแน่นอนว่าผมกับคาเอลน่ะต้องตกเป็นเป้าแน่นอนอยู่แล้ว พอโดนแซวเข้าบ่อยๆผมกับคาเอลก็เลยแกล้งคนอื่นด้วยการแกล้งทำเป็นเหมือนคู่รักซะเลยก็อย่างเช่น

                “ฮั่นแน่ ท่านคาเอลกับมากิจังมาแอบกินข้าวอะไรกันสองคนตรงนี้กันเนี่ย”

                “แหม มิ้นท์จังนี่ล่ะก็ ปกติพวกเราสองคนก็อยู่ด้วยกันตลอดอยู่แล้วนะคะ”

                “ใช่แล้วครับ ผมน่ะขอแค่มากิก็ไม่ต้องการใครอีกแล้วครับ”

                “คาเอล…ชั้นก็เหมือนกัน”

                ผมพูดเสร็จก็ขยับกระเถิบไปนั่งตัวติดกับคาเอลแล้วเอาหัวซบไหล่ส่วนคาเอลก็โอบตัวผมเอาไว้

                “อุหวาหวาหวา ทะ..ทั้งสองคนสะ..สวีท…กะ..กะ..กันเกินไปแล้วนะคะ!”

                “ทำตัวไม่ถูกเลยใช่ไหมล่ะคะ”

                “เอ๋!?”

                “สำเร็จอย่างงดงามเลยนะครับมากิ เยส!”

                “เยส!”

                ผมแปะมือกันกับคาเอล แหมสะใจจริงๆเลยแฮะ

                “เอ๋!?!?!?”

                มันก็อะไรทำนองนั้นแหละ พอไล่ย้อนคิดดูแล้วเวลาผ่านไปแค่สองปีหลายๆเรื่องก็เกิดขึ้นเยอะเหมือนกันนะเนี่ย

                ก็หวังว่าการเรียนของผมจะสบายๆอย่างนี้ไปเรื่อยๆล่ะนะ และพอคิดแบบนี้จู่ๆก็มีคนมาเคาะประตูห้องผม

                ไอร่าไม่ก็ไคแน่เลย สงสัยจะเกิดเรื่องอีกแล้วสิ

                “ค่าๆ มาฮิโระผู้ใจดียินดีรั—สวัสดีค่ะผู้อำนวยการ”

                ให้ตายสิเขินชะมัดเลยแฮะ ผมก็นึกว่าไอร่าซะอีก เพราะถ้าเป็นคาเอลน่ะไม่เคาะหรอก แล้วก็ดันไปพูดอะไรแปลกๆใส่ซะด้วยสิตัวผม น่าอายชะมัด

                “คิดว่าเพื่อนล่ะสิ ไม่เป็นไร ชั้นมีจดหมายมาให้ อ่านแล้วเดี๋ยวก็รู้เอง”

                “อ่า…ค่ะ”

                ผู้อำนวยการลิลลี่ยื่นจดหมายให้ผมก่อนที่จะ…จะเดินเข้ามา เข้ามาทำไมล่ะเนี่ย!

                “แอปเปิ้ลลูกนี้ขอละกัน หิวพอดีเลย ขอบใจนะ ไปล่ะ”

                แล้วผู้อำนวยการก็เดินออกไปอย่างรวดเร็วเหลือเพียงแต่ผมที่กำลังยืนงงอยู่

                ผู้อำนวยการคนนี้กวนประสาทชะมัด! แอปเปิ้ลน่ะถึงมันจะไม่แพงแต่ก็เงินนะ!

                ช่างเถอะ ผู้อำนวยการถึงกับเอาจดหมายมาให้เองคงจะสำคัญน่าดู ปิดประตูแล้วไปนั่งอ่านดีๆดีกว่า

                ไหนดูซิ

                

                ว่าไงมากิ ถ้าหากลูกได้อ่านจดหมายฉบับนี้นั่นหมายความว่าแม่ไม่อยู่แล้ว

                “หา…”

                แม่ก็อยากจะเขียนแบบนี้ดูสักครั้งเหมือนกัน ลูกคงจะตกใจใช่ไหมล่ะ

                “อาฮะฮะ…”

                แม่เดินทางไปทำธุระที่พรอนเทเรียวันที่แปดและจะไปหาลูกในวันที่สิบสองถ้าหากไม่มีเหตุการณ์ผิดพลาดเกิดขึ้น แน่นอนว่าแม่ไม่ได้ไปคนเดียว เพราะคุณคาลพ่อของคาเอลเองก็จะไปด้วยเช่นกัน ลูกอย่าเพิ่งบอกคาเอลล่ะ เพราะคุณคาลเขากำชับมาน่ะว่าห้ามบอก แม่จะเอาของโปรดกับค่าขนมไปฝาก รออย่างคาดหวังได้เลย

                ปล.อ่านเสร็จแล้วเผาได้เลยถ้าเก็บไว้เดี๋ยวแฟนลูกอาจจะหยิบมาอ่านโดยไม่รู้ตัว

                ด้วยรัก จากแม่ผู้ชอบแกล้งลูกสาว 

                “คือแม่ก็รู้ตัวสินะคะว่าชอบแกล้ง…แต่หนูไม่มีแฟนนะคะ…”

                ถึงแม่จะไม่ได้ยินก็เถอะ แต่ผมก็พูดเพื่อความสบายใจของผมล่ะนะ ว่าแล้วก็เผาเลยแล้วกัน

                ได้ค่าขนมเพิ่มล่ะ จะมีเงินเพิ่ม! ที่สำคัญเหนือสิ่งอื่นใด ผมจะได้เค้กส้ม! รักแม่นะคะ

                คุณน้าคาลก็จะมาด้วยสินะ คาเอลคงจะดีใจมากแน่ๆเลย

                แต่วันนี้เพิ่งจะวันที่…ที่สิบเอ็ด ก็วันพรุ่งนี้นี่นา ทำไมผู้อำนวยการถึงเอามาให้วันนี้ล่ะเนี่ย! แล้วทำไมจดหมายผมถึงมาจากผู้อำนวยการได้ล่ะเนี่ย แปลกชะมัดเลยแฮะ

                จะว่าไป…นี่ก็หัวค่ำแล้ว มัวคิดเรื่องอดีตเพลินเลยแฮะยังไม่ได้เตรียมอาหารเลย ไม่เป็นไรไหนๆก็ได้ตังแล้ว ใช้บริการส่งอาหารดีกว่า

                “คาเอล วันนี้ไปซื้อข้าวมาให้หน่อยสิ ชั้นรู้สึกเหนื่อยๆน่ะ”

                ผมเปิดประตูห้องไอร่าเรียกคาเอลไปซื้อข้าว นี่ล่ะบริการส่งอาหารของผม ว่าแต่ทำอะไรกันอยู่ล่ะนั่น

                “อ่า…ครับ เอาเยอะไหมครับ”

                คาเอลลุกจากการวิดพื้นก่อนจะเดินมาหาผม

                “ชั้นเอาเหมือนนายละกัน วันนี้อยากกินกี่กล่องนายก็ซื้อมาเลย ของชั้นเอาอันเดียวกับแพนเค้กชุดนึง นี่เงินค่ะ”

                “โห! จริงเหรอครับเนี่ยผมไม่ได้ฝันไปสินะครับ”

                “ค่ะ ฝันไปค่ะ”

                ผมพูดพร้อมตบหน้าคาเอลเบาๆซ้ายขวาไปมา

                “โอเคครับ นั่งเล่นบนโซฟารอได้เลย”

                “อือ เจอกันพรุ่งนี้นะคะไอร่า ไค”

                “โอ้ส”

                “อื้อ เจอกัน”

                หลังจากนั้นผมก็กลับไปที่ห้องตัวเอง อาบน้ำรอจนคาเอลกลับมาแล้วกินข้าวจากนั้นก็เข้านอนโดยที่ไม่ได้บอกคาเอลว่าพรุ่งนี้แม่ของผมกับพ่อของคาเอลจะมาหา

                “ถึงวันนี้จะได้กินของอร่อยไปมาก แต่พรุ่งนี้นายจะดีใจยิ่งกว่านี้อีกนะ”

                “มากิจะทำอาหารให้ผมกินแบบเยอะๆสินะครับ ตั้งตารอเลย”

                “อือ ให้สักวันก็แล้วกัน”

                “เยส”

                ไหนๆก็จะได้ค่าขนมเพิ่มนี่นะ

 

 

 

—-
ถ้ารู้สึกว่าผมลงช้าก็…นั่นแหละครับ พอดีผมลงสลับกับในเด็กดีน่ะ ไว้ผมทำจบชั้นต้นเมื่อไหร่น่าจะลงรัวๆ

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ผมเกิดใหม่เป็นจิ้งจอกสาวเก้าหาง 27: ผ่านไปอีกหนึ่งปี

Now you are reading ผมเกิดใหม่เป็นจิ้งจอกสาวเก้าหาง Chapter 27: ผ่านไปอีกหนึ่งปี at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

                และแล้วเวลาก็ผ่านพ้นไป ปัจจุบันผมอยู่ชั้นต้นปีสามแล้ว ส่วนใหญ่ก็จะเป็นการเรียนอันแสนสุดจะเซ็ง

                ก็นะแค่คำนวณเลขน่ะมันไม่คณามือผมหรอก การคูณเลขหลักสิบหลักร้อยน่ะ

                เพราะว่าตั้งแต่ขึ้นปีสองมาผมก็ได้ลงเรียนวิชาเองเลยรู้สึกสนุกกับการเรียนมากขึ้นนิดหน่อย แต่วิชาบังคับก็ยังคงน่าเบื่ออยู่ดี

                วิชาเลขน่ะ ไม่ว่าจะที่โลกไหนก็เหมือนจะมีแค่คนเกลียดล่ะนะ

                และเพราะว่าลงวิชาเรียนเองได้ ผมก็เลยได้ไปลงวิชาที่น่าสนใจอยู่ตัวนึงนั่นก็คือ วิชาการแสดง

                ไม่รู้ว่าจะได้ออกงานของตระกูลหรือเปล่า แต่ต้องเตรียมตัวให้แสดงเก่งเอาไว้ก่อนเพราะน่าจะใช้ประโยชน์ได้อย่างเช่น

                “เจ้าชายคะ ชั้นอบคุกกี้มาเกินน่ะค่ะ ถ้าหากไม่ว่าอะไรช่วยรับเอาไว้ได้หรือเปล่าคะ”

                การแสดงของผมนั้นช่างงดงามจริงๆ บทพูดนี้ผมจำมาจากนิยายในชาติก่อนที่เคยอ่านน่ะ ถึงเรื่องนั้นจะเป็นแนวตายแล้วไปเกิดในโลกของเกมจีบหนุ่มแถมยังกลายเป็นนางร้ายแล้วนางร้ายได้คู่กับคนที่ตัวเองรักจริงๆ แน่นอนว่าเพราะอย่างนั้นบทที่ผมพูดไปเมื่อกี้มันเป็นของนางเอกที่ชอบใส่ความนางร้ายล่ะนะ น่าจะทำคนหมั่นไส้ได้เยอะพอดู

                หรือจะเป็นบทนี้ดี

                “นี่อาเมส! นายจะไปเข้าค่ายแล้วทำไมถึงต้องพกขนมไปเยอะอย่างนี้ล่ะ!”

                แหม รู้สึกเข้าใจคุณซาเรียขึ้นมาเลยว่าทำไมถึงต้องโกรธขนาดนั้น ถ้าผมเป็นซัคคิวบัสผมน่าจะเป็นซาเรียจังภาคสองแล้วล่ะ

                เพราะการแสดงพวกนี้ทำให้ผมฝึกการแสดงสีหน้าได้ดีจนเหมือนกับว่ารู้สึกอย่างนั้นจริงๆ เผื่อจะโดนลูกหลงเกมการเมืองของโลกนี้จะได้เอาตัวรอดได้ ฝึกไว้ก่อนแต่ก็หวังว่าจะไม่โดนล่ะนะ

                แต่จริงๆการแสดงนี้ก็ช่วยผมในเรื่องการต่อสู้ได้เหมือนกันนะ ตั้งแต่หลังจากที่รุ่นพี่ผู้หญิงที่ชื่อเมร่าเขาคิดจะมาเข้าคาเอลทางผม แต่โดนผมปฏิเสธทำให้สุดท้ายถึงขั้นลงมือก็มีรุ่นพี่อีกหลายคนเลยที่คิดจะทำแบบเดียวกัน

                คือตอนปีสองน่ะ ถ้าผมแยกกับคาเอลเมื่อไหร่ รุ่นพี่ก็จะโผล่มาเต็มไปหมดเลยล่ะ

                และวิชาการแสดงก็ช่วยผมเอาไว้ เพราะผมใช้เวทย์หวาดกลัวกับฝันร้ายใส่พวกรุ่นพี่จากนั้นก็แสดงบท…เอ่อ…

                ราชินีใจร้ายสายโหด ล่ะมั้ง เรียกง่ายๆว่าสาวยันนั่นแหละ ทำให้หลังๆมาไม่ค่อยมีใครจะมายุ่งกับผมแล้ว

                จะจีบคาเอลก็เข้าไปจีบเลยก็ได้ทำไมต้องคิดจะตบตีกับผมกันด้วยนะ ถึงสุดท้ายก็ต้องผ่านผมก่อนจริงๆอยู่ดีก็เถอะ

                เพราะมันเป็นหน้าที่ของเพื่อนสมั—

                “เอาอีกแล้วเหรอครับมากิ”

                “โถ่ นายจะขัดชั้นทำไมเนี่ย กำลังเข้าถึงบทบาทเลย”

                “ก็บอกว่าซ้อมหน้ากระจกมันไม่ค่อยเห็นผลไงครับ จะซ้อมก็ให้ใครสักคนมาดูว่าสมจริงหรือเปล่าไม่ดีกว่าเหรอครับ”

                “นายจะดูเหรอ”

                “ผมไปหาไคก่อนนะครับ”

                ก็เป็นซะอย่างเนี้ย

                นี่ชั้นกำลังทำเพื่อนายอยู่นะเนี่ย ไม่น่ารักเลย

                ไม่สิ สงสัยจะอินกับบทมากเกินไปหน่อย

                ส่วนคาเอลลงวิชาเลือกวิชาอื่นที่ไม่ใช่การแสดงรู้สึกว่าจะเป็น…วิชาหอก เห็นบอกว่าเผื่อฉุกเฉินจะได้หักกิ่งไม้มาใช้แทนดาบอะไรทำนองนี้ ผมก็ว่าดีนะ อันที่จริงมีอาวุธอยู่หลายชนิดมากๆเลยล่ะ เพราะอย่างนั้นคาเอลก็เลยอยากจะฝึกอาวุธหลายๆชนิดไว้ก่อน

                แต่เหมือนเจ้าตัวก็จะทุ่มเทให้กับการฝึกดาบกว่ามากล่ะนะ เห็นคาเอลบอกว่าฝึกหอกแค่ในคาบ แต่นอกเวลาผมก็จะฝึกแต่ดาบ ว่างั้นแหนะ

                อันที่จริงผมก็สนใจวิชาการต่อสู้ด้วยมือเปล่า วิชาการใช้ธนู วิชาปรุงยา อะไรพวกนี้อยู่เหมือนกัน แต่วิชาการแสดงถ้าจะไปให้สุดต้องเรียนสองปีน่ะ ไว้ปีสี่ค่อยเรียนพวกนั้นเพิ่มก็แล้วกัน

                แต่วิชาการแสดง ถ้าให้พูดถึงก็จะต้องมีการแสดงกันเป็นกลุ่มใช่ไหมล่ะ

                แต่ว่าไม่มี

                อันที่จริงก็มี เป็นการแสดงสวมบทบาทกันเฉพาะคนที่เรียน ไม่มีการเปิดให้คนที่ไม่ได้ลงวิชานี้ได้รับชมล่ะนะ

                ไม่รู้ทำไมถึงได้ชวดบทนางเอกตลอดเลยได้แต่บทพูดน้อยๆ ง่ายๆก็คือตัวประกอบนั่นแหละ ถามว่าทำไมน่ะเหรอ

                “เอาล่ะค่ะนักเรียน เดือนหน้าจะให้ทุกคนแสดงเรื่องเจ้าหญิงสีเขียวนะคะ เลือกให้ ทิไมอัสเป็นพระเอกยกมือ เสียงเกินครึ่งเลย ถ้าอยากนั้นก็ตกลง บทต่อไปนางเอกใครเลือกมาฮิโระบ้างคะ”

                “อืม…ก็อยากให้คุณมากิเป็นนางเอกอยู่นะครับอาจารย์แต่ความงามระดับนี้ต้องเป็นเทพธิดาเท่านั้นแหละ”

                “ใช่แล้วค่ะอาจารย์! การจะให้มากิจังแสดงคู่กับผู้ชายแบบนี้เป็นเรื่องต้องห้ามนะคะ ถ้าหากเกิดกระแสคู่จิ้นขึ้นมาล่ะก็! พวกผู้ชายได้ฆ่ากันตายแน่นอนเลยค่ะ!”

                “อืม…นั่นสินะถ้าอย่างนั้นบทเทพีไกอาเป็นของคุณมาฮิโระแล้วกันนะ”

                ผมก็ไม่รู้ว่าเจตนาดีหรืออยากแกล้งผมกันแน่ถึงได้เป็นอย่างนี้เสมอและกลายเป็นว่าบทเทพีหรือเทพธิดาจะเป็นของผมเสมอ สวยน่ารักเกินไปนี่ช่างเป็นบาป

                บาปหนาจริงๆเลยนะตัวชั้น กระซิกๆ

                ว่าไปนั่น

                แต่ก็นั่นแหละนะเพราะแบบนี้ก็เลยรู้สึกเสียดายนิดหน่อย ปีก่อนผมก็แสดงดีจนอาจารย์ให้รางวัลเป็นค่าขนมเล็กๆน้อยๆตั้งสิบเหรียญเงินแหนะ ถามว่าทำอะไรน่ะเหรอ

                ยืนยิ้มนิ่งๆ หรือไม่ก็ให้พรกับพวกตัวเอก นั่นแหละสิ่งที่ผมทำ

                ผมก็ค่อนข้างพอใจนะที่สวมบทบาทได้ดี ขนาดตอนซ้อมบทอื่นๆเผื่อเพื่อนมาไม่ได้แล้วให้ผมแทน ผมก็ทำได้ดีนะ แต่อาจารย์บอกว่า

                “มาฮิโระ หนูน่ะแสดงสีหน้าและน้ำเสียงเข้าถึงบทบาทได้ดีมากเลยจ้ะ แต่อาจารย์ว่ามันจะเด่นเกินนางเอกเอานะ”

                ก็นั่นแหละนะ ผมก็ไม่ค่อยเข้าใจว่าทำไมถึงเป็นแบบนี้ได้ แต่ถ้าผู้กำกับบอกว่าไม่ได้ก็คือไม่ได้ล่ะนะ

                ต่อมาก็เรื่องความสัมพันธ์ของผมกับคนในห้องอย่างนั้นสินะ ก็ปกติดี ดีเกินไปด้วยซ้ำ

                “มากิจัง ทำเปียมงกุฎให้หน่อยค่า!”

                “ค่าๆ”

                เพราะว่าผมเป็นพวกตื่นเช้าก็เลยมาที่ห้องเรียนได้ไว เหล่าผู้หญิงในห้องก็เลยมักจะใช้บริการทำผมจากผมเพื่อตอนที่ฝึกวิชาดาบจะได้ดูดีและก็…ทำให้ผู้ชายที่ตัวเองชอบสนใจ

                เก้าขวบกันอยู่เลยแท้ๆ

                “ครั้งก่อนที่มากิจังทำผมให้ชั้นเอนก้าหันมองชั้นเกือบตลอดเลยล่ะค่ะ!”

                “ผู้ชายห้องอื่นๆก็มองที่ไลม์จังเยอะนะคะ แบบนี้เอนก้าต้องหวงแล้วล่ะค่ะ”

                “ใช่ม้า ต้องขอขอบคุณมากิจังด้วยนะคะ”

                “แต่ไลม์จังเองก็น่ารักอยู่แล้วชั้นแทบไม่ได้ทำอะไรเลยค่ะ”

                “ชั้นทำผมไม่ค่อยเก่ง วันหลังมากิจังต้องสอนแล้วล่ะค่ะแบบนี้ ว่าแต่นี่ๆมากิจังรู้ไหมคะว่า เอนก้าน่ะ…”

                แล้วผมก็สวมบทเป็นผู้รับฟังที่ดี อาจจะดูเหมือนว่าผมแสดงเป็นเพื่อนสาวที่ดีนะ แต่เปล่าเลย การได้คุยเรื่องอะไรแบบนี้หรือเล่นสนุกกับเพื่อนๆในเรื่องแบบนี้เองก็ดีเหมือนกัน

                มันสนุกดีนะเวลาทำผมให้เพื่อนแล้วเพื่อนออกมาดูดีแล้วคนที่เพื่อนชอบก็ออกอาการชอบเพื่อนน่ะ

                แต่ก็เป็นห่วงไลม์อยู่เหมือนกัน คลั่งรักสุดๆ พอเอนก้าเดินมาหาก็จะแบบ นี่เป็นไงบ้างจากนั้นก็จะทำหน้าแบบสาวน้อยคลั่งรักจากนั้นก็จะถามไถ่ๆๆๆ แล้วก็เอามาเล่าให้ผมฟัง อีกนิดนึงผมก็จะรู้ตำแหน่งปานในตัวของเอนก้าแล้ว ไม่รู้จะถามอะไรขนาดนั้น และก็ไม่รู้ทำไมถึงตอบออกมาได้

                คบกันสักทีเถอะสองคนนี้น่ะ

                ถ้าพูดถึงไลม์แล้วเราก็จะลืมคนนี้ไม่ได้ ไอร่านั่นเอง ความสัมพันธ์ของไอร่ากับเพื่อนในห้องก็คือ…เอ่อ…

                “อาา พวกเธอเนี่ยเสียงดังกันชะมัดเลย”

                “แล้วคุณไอร่าคิดว่าผมทรงนี้เป็นไงบ้างเหรอคะ”

                “อืม ก็…ดี สวยดี”

                “ว่าแต่คุณไอร่ามีใครที่คิดว่าดูดีในสายตาบ้างไหมคะ”

                “อืม…ก็มีอยู่ ถึงจะน่ารำคาญกับหัวแข็งไปบ้างแต่ก็เท่ดี”

                “พอจะบอกชื่อได้หรือเปล่าคะ…”

                “ไม่ล่ะ เอนก้ามาแล้วนั่น ชั้นไปก่อนนะ ไปเถอะมากิ”

                “…ไคค่ะ…”             

                ผมกระซิบข้างหูไลม์ก่อนจะเดินตามไอร่าไป

                “มากิ!”

                “มะ..ไม่เป็นไรค่ะคุณไอร่า! ชั้นจะเก็บไว้ไม่บอกใครแน่นอนค่ะ!”

                เวลาไลม์คุยกับไอร่าก็จะเกร็งๆหน่อย แต่ก็พอจะชวนคุยกันได้ ส่วนไอร่าเองก็คุยได้แต่กลัวพูดไปแล้วทำคนอื่นเสียความรู้สึกจากนิสัยซึนเดเระของเจ้าตัว

                หลังจากผ่านไปสองปีไคกับไอร่าก็ทะเลาะกันบ่อยๆแต่ก็ดั่งคำกล่าวของ…ของใครสักคนนี่แหละ

                ยิ่งทะเลาะกันยิ่งรักกัน

                คำนี้ก็เหมือนจะใช้ได้แม้กระทั่งกับคนโสดที่ยังไม่ได้ชอบกัน คือไอร่ากับไคก็ไม่ได้ชอบกันหรอก แต่มันก็เป็นคู่ที่น่าเชียร์ล่ะนะ

                พูดถึงเพื่อนกันทะเลาะกัน ผมกับคาเอลก็ไม่ค่อยได้ทะเลาะกันเท่าไหร่ คือผมไม่รู้จะเรียกทะเลาะได้หรือเปล่าน่ะ

                ก็จะมีอย่างเช่น

                “นี่คาเอล ชั้นบอกว่าสำหรับสามวัน แล้วนายจะขอเพิ่มมันก็จะเหลือแค่สองวัน หรือว่านายจะอดเอามื้อนึง”

                “ขะ..ขอโทษครับ ก็ข้าวฝีมือมากิมันอร่อยมากเลยนี่นา”

                “อืม…ถ้าอย่างนั้นก็แบ่งจากของชั้นไปก็แล้วกัน”

                “งั้นมากิเอาเค้กผมไปเลยครับ”

                หรือ

                “มากิครับ ผมบอกว่าฟันผมได้เลยไม่ถึงตายก็พอไม่ต้องออมมือครับ”

                “กะ..ก็ชั้นกลัวนายเจ็บนี่นา”

                “เรเปียร์มันใช้ยาก ให้ผมเจ็บนิดหน่อยแต่มากิเก่งขึ้นก็พอแล้ว แทงไหล่ผมแล้วเดี๋ยวผมฮีลตัวเองได้ไม่ต้องกลัว”

                “แต่แบบนั้นนายจะพรุนเอานะ”

                “ผมระดับสูงน่า โอ๊ย…”

                “อย่าร้องสิ!!”

                ก็อะไรประมาณนั้น

                

                หรือจะเป็นความสัมพันธ์ของไค

                ไคเข้ากับพวกผู้ชายได้ดีเลยล่ะ คาเอลเองก็ด้วยล่ะนะ

                เพราะไคเป็นนักดาบที่ตอนนี้เรียกได้ว่าเก่งที่สุดถ้าเรื่องดาบพวกชั้นต้นไม่น่าจะมีใครชนะแล้ว อาจจะไปถึงชั้นปลายเลยด้วยซ้ำ

                แต่นั่นคือแค่ทางด้านดาบล่ะนะ เพราะร่างกายของไคแข็งแกร่งกว่าคนปกติเยอะมากๆ บางคนต่อให้รีดพลังเวทย์มาเสริมร่างกายก็ยังเอาชนะไคไม่ได้

                แต่ถ้าเกิดว่าอีกฝ่ายใช้เวทย์ไปด้วยใช้ดาบไปด้วย ยิ่งถ้าเป็นพวกใช้เวทย์เพื่อหลอกล่อไคเองก็อาจจะตามไม่ทันบ้าง

                และด้วยเหตุนั้นเลยเป็นที่เคารพและที่ปรึกษาที่ดีของเพื่อนๆ

                ส่วนความนิยมในหมู่ผู้หญิงก็…พอตัวเลยนะ เพราะไคเป็นคนที่แข็งแกร่ง เก่งวิชาดาบมาก ยิ่งตอนซ้อมใครๆก็มองว่าเท่

                แต่อย่างที่เห็นไคน่ะ…สมองกล้าม ใครรักใครชอบไม่รู้เรื่อง แถมยังเป็นคนที่คุยด้วยยาก พูดจาห้วนๆถ้าหากพูดจาไม่ถูกใจก็จะเผลอทำหน้าถมึงถึงออกมาโดยไม่รู้ตัวทำให้พวกผู้หญิงไม่กล้าคุยด้วยเท่าไหร่

                และไม่รู้ทำไมตำแหน่งเด็กสุดฮอตถึงไปตกที่คาเอลเวลาจะทำอะไรก็สาวๆก็จะ

                “ดีค่า”

                บิดขี้เกียจก็

                “เริ่ดค่า”

                ทำของตกก็

                “เอาของชั้นไหมคะท่านคาเอล”

                คือบางทีมันก็มากเกินไปนะ แต่ก็ดีหน่อยที่เขาก็ยังเกรงใจผมกันเพราะผมนั่งข้างๆคาเอลล่ะนะ

                หรือบางทีอาจจะเป็นเพราะการแกล้งคนอื่นๆของผมกับคาเอลหรือเปล่าก็ไม่รู้เลยทำให้คนอื่นๆเขาเกรงใจกัน

                คือเมื่อตอนปีสองน่ะพวกเพื่อนๆน่ะเขาชอบแกล้งคนอื่นๆด้วยการแซวคนนั้นชอบกันคนนี้ชอบกัน ตามประสาเด็กนั่นแหละนะ

                และแน่นอนว่าผมกับคาเอลน่ะต้องตกเป็นเป้าแน่นอนอยู่แล้ว พอโดนแซวเข้าบ่อยๆผมกับคาเอลก็เลยแกล้งคนอื่นด้วยการแกล้งทำเป็นเหมือนคู่รักซะเลยก็อย่างเช่น

                “ฮั่นแน่ ท่านคาเอลกับมากิจังมาแอบกินข้าวอะไรกันสองคนตรงนี้กันเนี่ย”

                “แหม มิ้นท์จังนี่ล่ะก็ ปกติพวกเราสองคนก็อยู่ด้วยกันตลอดอยู่แล้วนะคะ”

                “ใช่แล้วครับ ผมน่ะขอแค่มากิก็ไม่ต้องการใครอีกแล้วครับ”

                “คาเอล…ชั้นก็เหมือนกัน”

                ผมพูดเสร็จก็ขยับกระเถิบไปนั่งตัวติดกับคาเอลแล้วเอาหัวซบไหล่ส่วนคาเอลก็โอบตัวผมเอาไว้

                “อุหวาหวาหวา ทะ..ทั้งสองคนสะ..สวีท…กะ..กะ..กันเกินไปแล้วนะคะ!”

                “ทำตัวไม่ถูกเลยใช่ไหมล่ะคะ”

                “เอ๋!?”

                “สำเร็จอย่างงดงามเลยนะครับมากิ เยส!”

                “เยส!”

                ผมแปะมือกันกับคาเอล แหมสะใจจริงๆเลยแฮะ

                “เอ๋!?!?!?”

                มันก็อะไรทำนองนั้นแหละ พอไล่ย้อนคิดดูแล้วเวลาผ่านไปแค่สองปีหลายๆเรื่องก็เกิดขึ้นเยอะเหมือนกันนะเนี่ย

                ก็หวังว่าการเรียนของผมจะสบายๆอย่างนี้ไปเรื่อยๆล่ะนะ และพอคิดแบบนี้จู่ๆก็มีคนมาเคาะประตูห้องผม

                ไอร่าไม่ก็ไคแน่เลย สงสัยจะเกิดเรื่องอีกแล้วสิ

                “ค่าๆ มาฮิโระผู้ใจดียินดีรั—สวัสดีค่ะผู้อำนวยการ”

                ให้ตายสิเขินชะมัดเลยแฮะ ผมก็นึกว่าไอร่าซะอีก เพราะถ้าเป็นคาเอลน่ะไม่เคาะหรอก แล้วก็ดันไปพูดอะไรแปลกๆใส่ซะด้วยสิตัวผม น่าอายชะมัด

                “คิดว่าเพื่อนล่ะสิ ไม่เป็นไร ชั้นมีจดหมายมาให้ อ่านแล้วเดี๋ยวก็รู้เอง”

                “อ่า…ค่ะ”

                ผู้อำนวยการลิลลี่ยื่นจดหมายให้ผมก่อนที่จะ…จะเดินเข้ามา เข้ามาทำไมล่ะเนี่ย!

                “แอปเปิ้ลลูกนี้ขอละกัน หิวพอดีเลย ขอบใจนะ ไปล่ะ”

                แล้วผู้อำนวยการก็เดินออกไปอย่างรวดเร็วเหลือเพียงแต่ผมที่กำลังยืนงงอยู่

                ผู้อำนวยการคนนี้กวนประสาทชะมัด! แอปเปิ้ลน่ะถึงมันจะไม่แพงแต่ก็เงินนะ!

                ช่างเถอะ ผู้อำนวยการถึงกับเอาจดหมายมาให้เองคงจะสำคัญน่าดู ปิดประตูแล้วไปนั่งอ่านดีๆดีกว่า

                ไหนดูซิ

                

                ว่าไงมากิ ถ้าหากลูกได้อ่านจดหมายฉบับนี้นั่นหมายความว่าแม่ไม่อยู่แล้ว

                “หา…”

                แม่ก็อยากจะเขียนแบบนี้ดูสักครั้งเหมือนกัน ลูกคงจะตกใจใช่ไหมล่ะ

                “อาฮะฮะ…”

                แม่เดินทางไปทำธุระที่พรอนเทเรียวันที่แปดและจะไปหาลูกในวันที่สิบสองถ้าหากไม่มีเหตุการณ์ผิดพลาดเกิดขึ้น แน่นอนว่าแม่ไม่ได้ไปคนเดียว เพราะคุณคาลพ่อของคาเอลเองก็จะไปด้วยเช่นกัน ลูกอย่าเพิ่งบอกคาเอลล่ะ เพราะคุณคาลเขากำชับมาน่ะว่าห้ามบอก แม่จะเอาของโปรดกับค่าขนมไปฝาก รออย่างคาดหวังได้เลย

                ปล.อ่านเสร็จแล้วเผาได้เลยถ้าเก็บไว้เดี๋ยวแฟนลูกอาจจะหยิบมาอ่านโดยไม่รู้ตัว

                ด้วยรัก จากแม่ผู้ชอบแกล้งลูกสาว 

                “คือแม่ก็รู้ตัวสินะคะว่าชอบแกล้ง…แต่หนูไม่มีแฟนนะคะ…”

                ถึงแม่จะไม่ได้ยินก็เถอะ แต่ผมก็พูดเพื่อความสบายใจของผมล่ะนะ ว่าแล้วก็เผาเลยแล้วกัน

                ได้ค่าขนมเพิ่มล่ะ จะมีเงินเพิ่ม! ที่สำคัญเหนือสิ่งอื่นใด ผมจะได้เค้กส้ม! รักแม่นะคะ

                คุณน้าคาลก็จะมาด้วยสินะ คาเอลคงจะดีใจมากแน่ๆเลย

                แต่วันนี้เพิ่งจะวันที่…ที่สิบเอ็ด ก็วันพรุ่งนี้นี่นา ทำไมผู้อำนวยการถึงเอามาให้วันนี้ล่ะเนี่ย! แล้วทำไมจดหมายผมถึงมาจากผู้อำนวยการได้ล่ะเนี่ย แปลกชะมัดเลยแฮะ

                จะว่าไป…นี่ก็หัวค่ำแล้ว มัวคิดเรื่องอดีตเพลินเลยแฮะยังไม่ได้เตรียมอาหารเลย ไม่เป็นไรไหนๆก็ได้ตังแล้ว ใช้บริการส่งอาหารดีกว่า

                “คาเอล วันนี้ไปซื้อข้าวมาให้หน่อยสิ ชั้นรู้สึกเหนื่อยๆน่ะ”

                ผมเปิดประตูห้องไอร่าเรียกคาเอลไปซื้อข้าว นี่ล่ะบริการส่งอาหารของผม ว่าแต่ทำอะไรกันอยู่ล่ะนั่น

                “อ่า…ครับ เอาเยอะไหมครับ”

                คาเอลลุกจากการวิดพื้นก่อนจะเดินมาหาผม

                “ชั้นเอาเหมือนนายละกัน วันนี้อยากกินกี่กล่องนายก็ซื้อมาเลย ของชั้นเอาอันเดียวกับแพนเค้กชุดนึง นี่เงินค่ะ”

                “โห! จริงเหรอครับเนี่ยผมไม่ได้ฝันไปสินะครับ”

                “ค่ะ ฝันไปค่ะ”

                ผมพูดพร้อมตบหน้าคาเอลเบาๆซ้ายขวาไปมา

                “โอเคครับ นั่งเล่นบนโซฟารอได้เลย”

                “อือ เจอกันพรุ่งนี้นะคะไอร่า ไค”

                “โอ้ส”

                “อื้อ เจอกัน”

                หลังจากนั้นผมก็กลับไปที่ห้องตัวเอง อาบน้ำรอจนคาเอลกลับมาแล้วกินข้าวจากนั้นก็เข้านอนโดยที่ไม่ได้บอกคาเอลว่าพรุ่งนี้แม่ของผมกับพ่อของคาเอลจะมาหา

                “ถึงวันนี้จะได้กินของอร่อยไปมาก แต่พรุ่งนี้นายจะดีใจยิ่งกว่านี้อีกนะ”

                “มากิจะทำอาหารให้ผมกินแบบเยอะๆสินะครับ ตั้งตารอเลย”

                “อือ ให้สักวันก็แล้วกัน”

                “เยส”

                ไหนๆก็จะได้ค่าขนมเพิ่มนี่นะ

 

 

 

—-
ถ้ารู้สึกว่าผมลงช้าก็…นั่นแหละครับ พอดีผมลงสลับกับในเด็กดีน่ะ ไว้ผมทำจบชั้นต้นเมื่อไหร่น่าจะลงรัวๆ

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+