มีฉันเต็มไปหมด [Yuri/Selfcest] 5.2 ผู้เล่นเบต้า (2)

Now you are reading มีฉันเต็มไปหมด [Yuri/Selfcest] Chapter 5.2 ผู้เล่นเบต้า (2) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

      [อือ… อยากได้…] แม้แต่บลูกับเยลโล่ก็พาลคิดไปในทางเดียวกัน

      มือที่จับพาหนะไว้เริ่มอ่อนแรง ฉันประคองสติอย่างยากลำบาก และยิ่งทรมานขึ้นตอนเรดเปลี่ยนจุดสัมผัส

      ฉันรีบเก็บเรดเข้ามาในตัวก่อนลงมือไปมากกว่านั้น แม้ผลของคำสาปจากแอสโมเดียสจะหมดไปตามร่างต้องมนตร์ แต่อารมณ์ซึ่งตกค้างอยู่ก็ยังชวนให้รู้สึกแย่สุดๆ แถมสัตว์ประหลาดตัวยักษ์ไล่กวดตามมาติดๆ

      บ้าบอชะมัด… ถ้าดึงร่างแยกกลับมาแต่แรกคงทิ้งระยะห่างจากบอสได้มากกว่านี้แล้ว

      “จะไม่ไหวแล้วนะ!?” ฉันตะโกนลั่น

      เพชรช่วยสนับสนุนด้วยการยิงดวงตาอีกข้างของมันเมื่อวนมาถึงมุมใกล้บ้าน แม้จะเปลืองกระสุนโคตรๆ กว่าจะเข้าเป้าก็เถอะ

      ตอนนี้เหลือดวงตาแค่สองเท่านั้น… แถมบอสก็เปลี่ยนเป้าหมายไปหาเขาแทนแล้ว

      ฉันได้พักหายใจขึ้นมาบ้าง แต่เพราะไม่มีแรงจะขี่บิ๊กไบค์ต่อเลยปล่อยยานพาหนะไว้กับที่และกลิ้งตัวไปทางฟ่างซึ่งอยู่ไม่ไกลจากจุดเดิมนัก

      “นิล…” สาวแว่นตัวเล็กเข้ามาช่วยประคอง “ในเครือข่ายมีคลิปของคนที่จัดการสำเร็จแล้ว พวกเขาโยนระเบิดเข้าไปในปากบอส”

      “พวกเราไม่มีระเบิด” ฉันหอบหายใจระหว่างตอบไปด้วย

      อีกฟากหนึ่งแอสโมเดียสพ่นลมหายใจไล่ตามเพชรไปติดๆ

      เขาสะดุดขาตัวเองล้มลงบนพื้นถนน คางฟาดยางมะตอยเข้าอย่างแรงก่อนจะปล่อยให้ปืนไถลไปอีกเกือบเมตร “อ๊ากกก!!”

      บลูยิงมันจากมุมด้านหลัง แต่ก็ไม่ระคายผิวของสัตว์ประหลาดนัก มันยังคงจดจ่ออยู่กับเด็กหนุ่มและพ่นลมหายใจสีน้ำเงินออกมา

      “ไม่นะ… เพชร!!” ฟ่างตะโกนเรียกเพื่อนทันที

      ฉันตะครุบปากเจ้าตัวและดันให้เข้าไปซ่อนในมุมอับก่อน

      [ไฟลุกทั้งตัว คงช่วยไม่ทันแล้วแหละ] เยลโล่รายงานจากด้านนอก

      ผู้ที่ชวนมาฆ่าบอสกลับตายคนแรก

      เดิมทีจัดการบอสด้วยสามคนทั้งเลเวลแค่นี้มันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้วแหละ… ถึงฉันจะมีร่างแยกก็เถอะ

      [มันกำลังหันมาทางนี้] บลูว่าอย่างตื่นตระหนก จากนั้นเสียงปืนก็ดังขึ้นติดๆ หลายกระสุน [เหลืออีกหนึ่งเท่านั้น…!]

      ฉันใช้โอกาสที่มันมุ่งความสนใจไปทางอื่น ทำใจกล้าวิ่งไปทางศพของเพชรและคว้าไรเฟิลจู่โจมมาถือไว้

      แต่พอเก็บกู้อาวุธได้ก็รู้สึกแสบร้อนอย่างรุนแรง

      [นิล!!] เสียงเรียกของพวกเยลโล่พร้อมอาการบาดเจ็บซึ่งเชื่อมถึงกันนั้นทำให้ฉันต้องรีบเก็บทั้งสองคนกลับเข้ามา

      หากร่างแยกมีแผลจะเรียกออกมาไม่ได้ชั่วขณะราวกับต้องพักฟื้น

      …บอสตัวนี้เล่นงานฉันหนักทีเดียว ไม่เหลือร่างแยกไว้ใช้งานแล้ว ตอนนี้มีพลังและข้อจำกัดพอแค่สร้างเพิ่มได้บุคลิกเดียวเท่านั้น

      นึกความสามารถใหม่ๆ ไม่ออกเลยสักนิด และไม่รู้ว่าบาดแผลทางกายภาพของร่างแยกจะใช้เวลาแค่ไหนถึงจะพาออกมาได้อีกครั้ง

      “โฮกกก!” แอสโมเดียสแผดเสียงคำรามด้วยความโกรธเมื่อเหลือดวงตาเพียงแค่หนึ่งข้าง

      มันหยุดนิ่งและกระทืบเท้าอีกครั้งราวกับเตรียมใช้งานคำสาปราคะ แถมยังเล็งเป้ามาทางฉันอีกแล้ว… ก็รู้แหละว่าตอนนี้มีแค่ฉันที่มองเห็นได้เพราะอยู่กลางถนนโล่งน่ะ

      แต่จังหวะนั้นเองทำให้ฉันสบโอกาสยิงกระสุนเข้าหัวสุดท้าย ดวงตาของมันได้รับบาดเจ็บหนักจนเลือดไหลออกมาท่วมไปหมด และการโจมตีนี้เองก็ขัดสกิลลำแสงทำให้วงเวทซึ่งกำลังปรากฏขึ้นสลายไป

      มันตาบอดหมดแล้ว ทั้งฉันและบอสมอนสเตอร์ต่างก็หยุดนิ่ง ทว่ายังหายใจอยู่ ต่อให้จัดการจุดอ่อนที่ดวงตาไปทั้งหมดแล้วก็ยังฆ่าไม่ได้ อีกทั้งกระสุนในแม็กกาซีนนี่น่าจะเหลือไม่ถึงห้านัดด้วยซ้ำ…

      การอ้าปากของทั้งสามหัวทำให้ฉันสะดุ้งแต่กลับไม่เหลือแรงต่อกร

      จะถูกไฟสีน้ำเงินคลอกจนเกรียมแล้วมาจบลงตรงนี้งั้นเหรอ… ทั้งที่เป็นผู้เล่นเบต้าน่ะนะ… ทั้งที่หลุดพ้นจากการควบคุมของแม่แล้วด้วย…

      ไม่!!

      ฉันหันหลังหนี ทุกอย่างเหมือนหยุดนิ่งในวินาทีแห่งความเป็นตาย

      ตอนกระโจนออกจากจุดเดิมปืนก็ลอยคว้างกลางอากาศไปด้วย

      ขอร่างแยกอีกสักคน… ใครก็ได้… สร้างขึ้นมาสิ คนเดียวเท่านั้น… ขอแค่ช่วยปกป้องฉันที!

      เร็วเท่าความคิด อะไรบางอย่างออกมาจากด้านหลัง คว้าไรเฟิลซึ่งกำลังร่วงหล่นตามแรงโน้มถ่วงไปถือไว้อย่างมั่นคง และสไลด์ตัวยิงเข้าไปในปากของแอสโมเดียสด้วยกระสุนที่เหลือทั้งหมด

      มันผ่านไฟสีน้ำเงิน เจาะเสยเข้าไปในเพดานเหงือก และคงทะลุเข้าสมองของศีรษะตรงกลาง

      <ยินดีด้วย คุณจัดการแอสโมเดียสได้สำเร็จ โปรดรับโบนัสจากหน้าต่างระบบภายในยี่สิบสี่ชั่วโมง>

      ฉันล้มลงกับพื้น ถอนหายใจมองหน้าต่างอย่างโล่งอก และดูแถบสถานะที่กลายเป็นเลเวลเจ็ดในครั้งเดียวจากการกำจัดแอสโมเดียส

      อะไรก็ช่าง… ตีสามแล้ว ขอนอนก่อนเถอะ

      เปลือกตาอันแสนหนักอึ้งปิดลงทั้งอย่างนั้น

 

      เสียงหั่นอาหารและกลิ่นหอมเรียกสติให้ฟื้นคืนกลับมาในยามเช้า

      ถึงจะบอกว่าเช้า แต่ท้องฟ้าก็ถูกปราการลอยฟ้าบังแสงสว่างจนดูมืดมิดอยู่ดี

      นาฬิกามือถือบ่งบอกช่วงเวลาเก้าโมงตรง พอขยับตัวลุกขึ้นยังปวดเมื่อยตามแขนขา ยิ่งเห็นตัวฉันอีกคนนั่งเฝ้าข้างโซฟายิ่งรู้สึกประหลาด

      ร่างแยกจะยังอยู่ตราบที่ฉันไม่เรียกกลับมา… ข้อมูลนี้ต้องบันทึกไว้ในใจซะแล้วสิ อนาคตคงผลัดกันเฝ้ายามได้ดีหากอยู่ในพื้นที่อันตราย

      “ตื่นแล้วเหรอ” ตัวฉันผู้มีผมสีขาวหลบในเป็นฝ่ายเรียก “ขอโทษนะที่ไม่ได้แบกไปนอนบนเตียงด้านบน เพราะชั้นสองมันเละจากไฟสีน้ำเงินไปหมดแล้วน่ะ”

      นั่นสินะ… สภาพภายนอกที่จำได้ก็ดำปี๋ไปหมด ชั้นหนึ่งยังอยู่ในสภาพพอใช้งานไหวก็ดีแค่ไหนแล้ว

      “เธอแบกฉันมาเหรอ” เพราะยังไม่ได้ดูความสามารถของร่างแยกคนใหม่เลยไม่รู้ว่าควรจะตั้งชื่อเรียกอีกฝ่ายว่าอะไร แต่เรื่องนั้นต้องลำดับความสำคัญไว้ทีหลัง

      “อืม ถ้านอนบนถนนจะอันตราย”

      “ขอบคุณนะ” ถึงจะรู้สึกแปลกๆ ตอนพูดเพราะคู่สนทนาเป็นส่วนหนึ่งของตัวฉัน แต่ให้ความช่วยเหลือกันแบบนี้ก็ควรได้รับคำขอบคุณ

      “ไม่เป็นไร” อีกฝ่ายเปลี่ยนจากนั่งพื้นมาอยู่บนเบาะข้างๆ “หิวรึยัง ฟ่างทำอาหารอยู่ในครัวน่ะ”

      ว่าตามตรงก็ไม่หิวเลยสักนิด ถึงจะรู้สึกท้องว่างแต่พอผ่านศึกหนักมาแล้วดันกินอะไรไม่ลง

      “นิล เราทำสเต๊กมาอีกมื้อ… หวังว่าจะไม่เบื่อนะ” สาวแว่นตัวน้อยยกจานเนื้อซึ่งตัดแยกชิ้นพอดีคำอย่างสวยงามไว้แล้วมาวางตรงหน้าโต๊ะ

      “อืม ขอบคุณนะ” ฉันจำใจเขมือบเพื่อให้ร่างกายมีแรง

      ในเมื่อเพชรตายไปแล้วจึงไม่มีอะไรต้องปิดบังความสามารถ พอท้องอิ่มก็เรียกร่างแยกทั้งหมดออกมาช่วยจัดข้าวของได้เลย

      ต้องให้บลูไปเก็บปืนกับแม็กกาซีนที่เหลือมาก่อนด้วย…

      [นิล… ฉันขอโทษ ตอนโดนคำสาปมันห้ามตัวเองไม่ได้] เรดพุ่งเข้ามากอดทั้งความรู้สึกเสียใจ [แต่นุ่มมือมากเลย ขอจับนมอีกที…]

      ยัยเวรนี่!

      ฉันดันร่างแยกผมแดงออกห่างโดยมีบุคลิกล่าสุดช่วยดึงตัวไปอีกที

      [นี่เด็กใหม่เหรอ] เยลโล่เข้ามาสำรวจ [ตั้งชื่อแล้วมาให้พวกเราช่วยย้อมผมเร็ว]

      ผู้ที่ได้รับความสนใจปล่อยหลังคอเรดและหันไปเปิดแถบสถานะขึ้นมาจากสายรัดข้อมือ ภายในนั้นเขียนทักษะพิเศษไว้ว่าการแยกร่าง…

      [แบบนี้ก็เหมือนต้นแบบไม่มีผิดเลยน่ะสิ] เยลโล่กอดอกเท้าคาง

      มันก็น่าแปลกจริงๆ นั่นแหละ ร่างแยกที่สร้างขึ้นมาโดยไม่ได้คิดถึงอะไรเลย กลับเป็นบุคลิกซึ่งมีความสามารถแบบเดียวกับฉันทุกประการ

      แบบนี้ถ้าอีกฝ่ายใช้ความสามารถ เสียงในหัวจะทวีเพิ่มขึ้นเป็นเครือข่ายทับซ้อนกันไหม และถ้าสร้างร่างแยกทักษะเดียวกันอีกล่ะ…

      ยิ่งคิดยิ่งเวียนหัว เหมือนกระจกที่สะท้อนกระจกจนเกิดเงาซ้อนกันไม่สิ้นสุด… เอาเป็นว่า อย่าเพิ่งสร้างอะไรขึ้นมาแล้วกัน ขอเรียบเรียงสถานการณ์ตอนนี้ก่อน

      “นิล… ในระบบมีรายชื่อคนฆ่าบอสของแต่ละเมืองด้วย” ฟ่างเลื่อนมือกลางอากาศเหมือนกำลังดูรายละเอียดหน้าต่างสถานะอยู่

      พวกเราเปิดดูตามและมีอะไรคล้ายแถบหอเกียรติยศอยู่จริงๆ

      มันคอยอัปเดตผู้ฆ่าแอสโมเดียสจากแต่ละเมืองขึ้นมา โดยรายชื่อแรกๆ ล้วนเป็นเมืองที่มีประชากรหนาแน่น ทำเวลาจากประกาศปล่อยตัวบอสเพียงชั่วโมงเดียว

      สิ่งที่สะดุดตาฉันมากที่สุดคือ ชื่อซีกเกอร์ติดอยู่ในสิบอันดับแรกเพราะสังหารแอสโมเดียสในเขตหนึ่งของกรุงเทพมหานครไปได้ เลื่อนลงมาถึงเจอชื่อของฉันเองอยู่ในร้อยอันดับ แต่ยังมีอีกหลายเมืองซึ่งไม่อาจจำกัดบอสสำเร็จในคืนที่ผ่านมา

      แถบรางวัลจากการฆ่าแอสโมเดียสขึ้นว่าฉันจะได้รับของพิเศษเป็นแร่เคลือบอาวุธ

      ของสิ่งนี้ไม่เคยปรากฏในเกมขุมนรกแห่งสัจธรรม หรือไม่ก็เพราะฉันไม่ได้เก็บฉากลับของบอสแอสโมเดียส…

      ฉันกดรับมัน แล้วก้อนแร่สะท้อนแสงก็หล่นจากกลางอากาศใส่มือ

      บลูหยิบไปเก็บเอาไว้ในทักษะช่องเก็บของก่อนเพราะยังตัดสินใจไม่ได้ว่าจะทำอย่างไรกับรางวัลนี้

      หลังจากพวกเราเลเวลอัปก็มีพื้นที่เพิ่มขึ้นอีกเพียบจึงได้รวบรวมอะไรหลายๆ อย่างในบ้านเข้าไปในคลังด้วย

      <คุณได้รับข้อความใหม่จาก ซีกเกอร์>

      การติดต่อจากผู้เล่นเบต้าเทสต์ไม่อาจมองข้ามได้

      พอฉันเปิดอ่านรายละเอียด เขาก็ส่งที่อยู่และเวลานัดรวมตัวมา พร้อมกับทิ้งท้ายไว้ว่า จะรอชมร่างแยก

      [เจ้านั่นรู้ได้ยังไง!?] เรดสะดุ้งทันที

      [ไม่มีข้อมูลอะไรรั่วไหลได้เลยนะ ถึงในระบบจะอนุญาตให้ติดต่อกับผู้เล่นคนอื่นได้แต่ไม่สามารถดูทักษะพิเศษได้ถ้าคนคนนั้นไม่แสดงให้เห็นเอง] เยลโล่ช่วยส่องหาในระบบอีกทาง [เป็นไปได้ยังไง…]

      ซีกเกอร์มีความสามารถหรือวิธีการทำให้ล่วงรู้รายละเอียดของฉันได้จากระยะไกลงั้นเหรอ… ตัวอันตรายชะมัด

      บลูเก็บของกลับมาเรียบร้อยแล้วทั้งปืน กระสุน กับบิ๊กไบค์ แต่ก็มีสีหน้ากังวลไม่แพ้กันจากการแบ่งปันความคิดในหัว

      “เอ่อ… เกิดอะไรขึ้นเหรอคะ” ฟ่างกะพริบตาปริบๆ

      “พรุ่งนี้พวกเราต้องเข้าเมือง” ฉันเม้มริมฝีปากเมื่อนึกถึงเรื่องเครียดที่ต้องเจอหลังจากนี้ มันเหมือนกับวิ่งเต้นบนฝ่ามือของซีกเกอร์

      แม่ฉันนี่ช่างสุขสบายจริงๆ ชิงตายก่อนเกิดปัญหา กายกับเพชรก็ตามไปด้วยแล้ว… พวกเราจะรอดในสภาพนี้ไปได้อีกกี่วันกันนะ

      “นิล… คือว่า… ถ้าไม่สบายใจ พวกเรามากอดกันไหม” พวงแก้มของฟ่างขึ้นสีระเรื่อ “เรารู้ว่าเราช่วยอะไรไม่ได้เลย เมื่อคืนก็ได้แค่มองดู… แต่อย่างน้อยการกอดกันน่าจะทำให้รู้สึกดีขึ้นนะ”

      จะว่าไป ฟ่างก็ปรับตัวได้เร็วเหมือนกัน ทั้งที่เพื่อนสนิทอีกคนเพิ่งตายไปต่อหน้า… ทั้งที่ดูอ่อนแอ แต่จิตใจกลับเยียวยาได้อย่างรวดเร็ว

      ฉันตอบรับคำพูดของอีกฝ่ายและโอบสองแขนรอบคนตัวเล็กกว่า

      ความอบอุ่นซึ่งแผ่ซ่านจากสัมผัสมันชวนให้รู้สึกดีกว่าที่คิด

      ใช่แล้ว ไม่ได้มีแค่ฉันเพียงคนเดียวที่เผชิญกับเรื่องนี้… ฟ่างและทุกคนบนโลกก็มีชะตาเดียวกัน

      “ขอกอดด้วยนะ” ร่างแยกใหม่เข้ามาแนบชิดจากด้านหลัง

      เอาล่ะ นี่มันร้อนแล้ว… อย่าบีบเข้ามาสิ…

      อา พอเถอะ

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

มีฉันเต็มไปหมด [Yuri/Selfcest] 5.2 ผู้เล่นเบต้า (2)

Now you are reading มีฉันเต็มไปหมด [Yuri/Selfcest] Chapter 5.2 ผู้เล่นเบต้า (2) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

      [อือ… อยากได้…] แม้แต่บลูกับเยลโล่ก็พาลคิดไปในทางเดียวกัน

      มือที่จับพาหนะไว้เริ่มอ่อนแรง ฉันประคองสติอย่างยากลำบาก และยิ่งทรมานขึ้นตอนเรดเปลี่ยนจุดสัมผัส

      ฉันรีบเก็บเรดเข้ามาในตัวก่อนลงมือไปมากกว่านั้น แม้ผลของคำสาปจากแอสโมเดียสจะหมดไปตามร่างต้องมนตร์ แต่อารมณ์ซึ่งตกค้างอยู่ก็ยังชวนให้รู้สึกแย่สุดๆ แถมสัตว์ประหลาดตัวยักษ์ไล่กวดตามมาติดๆ

      บ้าบอชะมัด… ถ้าดึงร่างแยกกลับมาแต่แรกคงทิ้งระยะห่างจากบอสได้มากกว่านี้แล้ว

      “จะไม่ไหวแล้วนะ!?” ฉันตะโกนลั่น

      เพชรช่วยสนับสนุนด้วยการยิงดวงตาอีกข้างของมันเมื่อวนมาถึงมุมใกล้บ้าน แม้จะเปลืองกระสุนโคตรๆ กว่าจะเข้าเป้าก็เถอะ

      ตอนนี้เหลือดวงตาแค่สองเท่านั้น… แถมบอสก็เปลี่ยนเป้าหมายไปหาเขาแทนแล้ว

      ฉันได้พักหายใจขึ้นมาบ้าง แต่เพราะไม่มีแรงจะขี่บิ๊กไบค์ต่อเลยปล่อยยานพาหนะไว้กับที่และกลิ้งตัวไปทางฟ่างซึ่งอยู่ไม่ไกลจากจุดเดิมนัก

      “นิล…” สาวแว่นตัวเล็กเข้ามาช่วยประคอง “ในเครือข่ายมีคลิปของคนที่จัดการสำเร็จแล้ว พวกเขาโยนระเบิดเข้าไปในปากบอส”

      “พวกเราไม่มีระเบิด” ฉันหอบหายใจระหว่างตอบไปด้วย

      อีกฟากหนึ่งแอสโมเดียสพ่นลมหายใจไล่ตามเพชรไปติดๆ

      เขาสะดุดขาตัวเองล้มลงบนพื้นถนน คางฟาดยางมะตอยเข้าอย่างแรงก่อนจะปล่อยให้ปืนไถลไปอีกเกือบเมตร “อ๊ากกก!!”

      บลูยิงมันจากมุมด้านหลัง แต่ก็ไม่ระคายผิวของสัตว์ประหลาดนัก มันยังคงจดจ่ออยู่กับเด็กหนุ่มและพ่นลมหายใจสีน้ำเงินออกมา

      “ไม่นะ… เพชร!!” ฟ่างตะโกนเรียกเพื่อนทันที

      ฉันตะครุบปากเจ้าตัวและดันให้เข้าไปซ่อนในมุมอับก่อน

      [ไฟลุกทั้งตัว คงช่วยไม่ทันแล้วแหละ] เยลโล่รายงานจากด้านนอก

      ผู้ที่ชวนมาฆ่าบอสกลับตายคนแรก

      เดิมทีจัดการบอสด้วยสามคนทั้งเลเวลแค่นี้มันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้วแหละ… ถึงฉันจะมีร่างแยกก็เถอะ

      [มันกำลังหันมาทางนี้] บลูว่าอย่างตื่นตระหนก จากนั้นเสียงปืนก็ดังขึ้นติดๆ หลายกระสุน [เหลืออีกหนึ่งเท่านั้น…!]

      ฉันใช้โอกาสที่มันมุ่งความสนใจไปทางอื่น ทำใจกล้าวิ่งไปทางศพของเพชรและคว้าไรเฟิลจู่โจมมาถือไว้

      แต่พอเก็บกู้อาวุธได้ก็รู้สึกแสบร้อนอย่างรุนแรง

      [นิล!!] เสียงเรียกของพวกเยลโล่พร้อมอาการบาดเจ็บซึ่งเชื่อมถึงกันนั้นทำให้ฉันต้องรีบเก็บทั้งสองคนกลับเข้ามา

      หากร่างแยกมีแผลจะเรียกออกมาไม่ได้ชั่วขณะราวกับต้องพักฟื้น

      …บอสตัวนี้เล่นงานฉันหนักทีเดียว ไม่เหลือร่างแยกไว้ใช้งานแล้ว ตอนนี้มีพลังและข้อจำกัดพอแค่สร้างเพิ่มได้บุคลิกเดียวเท่านั้น

      นึกความสามารถใหม่ๆ ไม่ออกเลยสักนิด และไม่รู้ว่าบาดแผลทางกายภาพของร่างแยกจะใช้เวลาแค่ไหนถึงจะพาออกมาได้อีกครั้ง

      “โฮกกก!” แอสโมเดียสแผดเสียงคำรามด้วยความโกรธเมื่อเหลือดวงตาเพียงแค่หนึ่งข้าง

      มันหยุดนิ่งและกระทืบเท้าอีกครั้งราวกับเตรียมใช้งานคำสาปราคะ แถมยังเล็งเป้ามาทางฉันอีกแล้ว… ก็รู้แหละว่าตอนนี้มีแค่ฉันที่มองเห็นได้เพราะอยู่กลางถนนโล่งน่ะ

      แต่จังหวะนั้นเองทำให้ฉันสบโอกาสยิงกระสุนเข้าหัวสุดท้าย ดวงตาของมันได้รับบาดเจ็บหนักจนเลือดไหลออกมาท่วมไปหมด และการโจมตีนี้เองก็ขัดสกิลลำแสงทำให้วงเวทซึ่งกำลังปรากฏขึ้นสลายไป

      มันตาบอดหมดแล้ว ทั้งฉันและบอสมอนสเตอร์ต่างก็หยุดนิ่ง ทว่ายังหายใจอยู่ ต่อให้จัดการจุดอ่อนที่ดวงตาไปทั้งหมดแล้วก็ยังฆ่าไม่ได้ อีกทั้งกระสุนในแม็กกาซีนนี่น่าจะเหลือไม่ถึงห้านัดด้วยซ้ำ…

      การอ้าปากของทั้งสามหัวทำให้ฉันสะดุ้งแต่กลับไม่เหลือแรงต่อกร

      จะถูกไฟสีน้ำเงินคลอกจนเกรียมแล้วมาจบลงตรงนี้งั้นเหรอ… ทั้งที่เป็นผู้เล่นเบต้าน่ะนะ… ทั้งที่หลุดพ้นจากการควบคุมของแม่แล้วด้วย…

      ไม่!!

      ฉันหันหลังหนี ทุกอย่างเหมือนหยุดนิ่งในวินาทีแห่งความเป็นตาย

      ตอนกระโจนออกจากจุดเดิมปืนก็ลอยคว้างกลางอากาศไปด้วย

      ขอร่างแยกอีกสักคน… ใครก็ได้… สร้างขึ้นมาสิ คนเดียวเท่านั้น… ขอแค่ช่วยปกป้องฉันที!

      เร็วเท่าความคิด อะไรบางอย่างออกมาจากด้านหลัง คว้าไรเฟิลซึ่งกำลังร่วงหล่นตามแรงโน้มถ่วงไปถือไว้อย่างมั่นคง และสไลด์ตัวยิงเข้าไปในปากของแอสโมเดียสด้วยกระสุนที่เหลือทั้งหมด

      มันผ่านไฟสีน้ำเงิน เจาะเสยเข้าไปในเพดานเหงือก และคงทะลุเข้าสมองของศีรษะตรงกลาง

      <ยินดีด้วย คุณจัดการแอสโมเดียสได้สำเร็จ โปรดรับโบนัสจากหน้าต่างระบบภายในยี่สิบสี่ชั่วโมง>

      ฉันล้มลงกับพื้น ถอนหายใจมองหน้าต่างอย่างโล่งอก และดูแถบสถานะที่กลายเป็นเลเวลเจ็ดในครั้งเดียวจากการกำจัดแอสโมเดียส

      อะไรก็ช่าง… ตีสามแล้ว ขอนอนก่อนเถอะ

      เปลือกตาอันแสนหนักอึ้งปิดลงทั้งอย่างนั้น

 

      เสียงหั่นอาหารและกลิ่นหอมเรียกสติให้ฟื้นคืนกลับมาในยามเช้า

      ถึงจะบอกว่าเช้า แต่ท้องฟ้าก็ถูกปราการลอยฟ้าบังแสงสว่างจนดูมืดมิดอยู่ดี

      นาฬิกามือถือบ่งบอกช่วงเวลาเก้าโมงตรง พอขยับตัวลุกขึ้นยังปวดเมื่อยตามแขนขา ยิ่งเห็นตัวฉันอีกคนนั่งเฝ้าข้างโซฟายิ่งรู้สึกประหลาด

      ร่างแยกจะยังอยู่ตราบที่ฉันไม่เรียกกลับมา… ข้อมูลนี้ต้องบันทึกไว้ในใจซะแล้วสิ อนาคตคงผลัดกันเฝ้ายามได้ดีหากอยู่ในพื้นที่อันตราย

      “ตื่นแล้วเหรอ” ตัวฉันผู้มีผมสีขาวหลบในเป็นฝ่ายเรียก “ขอโทษนะที่ไม่ได้แบกไปนอนบนเตียงด้านบน เพราะชั้นสองมันเละจากไฟสีน้ำเงินไปหมดแล้วน่ะ”

      นั่นสินะ… สภาพภายนอกที่จำได้ก็ดำปี๋ไปหมด ชั้นหนึ่งยังอยู่ในสภาพพอใช้งานไหวก็ดีแค่ไหนแล้ว

      “เธอแบกฉันมาเหรอ” เพราะยังไม่ได้ดูความสามารถของร่างแยกคนใหม่เลยไม่รู้ว่าควรจะตั้งชื่อเรียกอีกฝ่ายว่าอะไร แต่เรื่องนั้นต้องลำดับความสำคัญไว้ทีหลัง

      “อืม ถ้านอนบนถนนจะอันตราย”

      “ขอบคุณนะ” ถึงจะรู้สึกแปลกๆ ตอนพูดเพราะคู่สนทนาเป็นส่วนหนึ่งของตัวฉัน แต่ให้ความช่วยเหลือกันแบบนี้ก็ควรได้รับคำขอบคุณ

      “ไม่เป็นไร” อีกฝ่ายเปลี่ยนจากนั่งพื้นมาอยู่บนเบาะข้างๆ “หิวรึยัง ฟ่างทำอาหารอยู่ในครัวน่ะ”

      ว่าตามตรงก็ไม่หิวเลยสักนิด ถึงจะรู้สึกท้องว่างแต่พอผ่านศึกหนักมาแล้วดันกินอะไรไม่ลง

      “นิล เราทำสเต๊กมาอีกมื้อ… หวังว่าจะไม่เบื่อนะ” สาวแว่นตัวน้อยยกจานเนื้อซึ่งตัดแยกชิ้นพอดีคำอย่างสวยงามไว้แล้วมาวางตรงหน้าโต๊ะ

      “อืม ขอบคุณนะ” ฉันจำใจเขมือบเพื่อให้ร่างกายมีแรง

      ในเมื่อเพชรตายไปแล้วจึงไม่มีอะไรต้องปิดบังความสามารถ พอท้องอิ่มก็เรียกร่างแยกทั้งหมดออกมาช่วยจัดข้าวของได้เลย

      ต้องให้บลูไปเก็บปืนกับแม็กกาซีนที่เหลือมาก่อนด้วย…

      [นิล… ฉันขอโทษ ตอนโดนคำสาปมันห้ามตัวเองไม่ได้] เรดพุ่งเข้ามากอดทั้งความรู้สึกเสียใจ [แต่นุ่มมือมากเลย ขอจับนมอีกที…]

      ยัยเวรนี่!

      ฉันดันร่างแยกผมแดงออกห่างโดยมีบุคลิกล่าสุดช่วยดึงตัวไปอีกที

      [นี่เด็กใหม่เหรอ] เยลโล่เข้ามาสำรวจ [ตั้งชื่อแล้วมาให้พวกเราช่วยย้อมผมเร็ว]

      ผู้ที่ได้รับความสนใจปล่อยหลังคอเรดและหันไปเปิดแถบสถานะขึ้นมาจากสายรัดข้อมือ ภายในนั้นเขียนทักษะพิเศษไว้ว่าการแยกร่าง…

      [แบบนี้ก็เหมือนต้นแบบไม่มีผิดเลยน่ะสิ] เยลโล่กอดอกเท้าคาง

      มันก็น่าแปลกจริงๆ นั่นแหละ ร่างแยกที่สร้างขึ้นมาโดยไม่ได้คิดถึงอะไรเลย กลับเป็นบุคลิกซึ่งมีความสามารถแบบเดียวกับฉันทุกประการ

      แบบนี้ถ้าอีกฝ่ายใช้ความสามารถ เสียงในหัวจะทวีเพิ่มขึ้นเป็นเครือข่ายทับซ้อนกันไหม และถ้าสร้างร่างแยกทักษะเดียวกันอีกล่ะ…

      ยิ่งคิดยิ่งเวียนหัว เหมือนกระจกที่สะท้อนกระจกจนเกิดเงาซ้อนกันไม่สิ้นสุด… เอาเป็นว่า อย่าเพิ่งสร้างอะไรขึ้นมาแล้วกัน ขอเรียบเรียงสถานการณ์ตอนนี้ก่อน

      “นิล… ในระบบมีรายชื่อคนฆ่าบอสของแต่ละเมืองด้วย” ฟ่างเลื่อนมือกลางอากาศเหมือนกำลังดูรายละเอียดหน้าต่างสถานะอยู่

      พวกเราเปิดดูตามและมีอะไรคล้ายแถบหอเกียรติยศอยู่จริงๆ

      มันคอยอัปเดตผู้ฆ่าแอสโมเดียสจากแต่ละเมืองขึ้นมา โดยรายชื่อแรกๆ ล้วนเป็นเมืองที่มีประชากรหนาแน่น ทำเวลาจากประกาศปล่อยตัวบอสเพียงชั่วโมงเดียว

      สิ่งที่สะดุดตาฉันมากที่สุดคือ ชื่อซีกเกอร์ติดอยู่ในสิบอันดับแรกเพราะสังหารแอสโมเดียสในเขตหนึ่งของกรุงเทพมหานครไปได้ เลื่อนลงมาถึงเจอชื่อของฉันเองอยู่ในร้อยอันดับ แต่ยังมีอีกหลายเมืองซึ่งไม่อาจจำกัดบอสสำเร็จในคืนที่ผ่านมา

      แถบรางวัลจากการฆ่าแอสโมเดียสขึ้นว่าฉันจะได้รับของพิเศษเป็นแร่เคลือบอาวุธ

      ของสิ่งนี้ไม่เคยปรากฏในเกมขุมนรกแห่งสัจธรรม หรือไม่ก็เพราะฉันไม่ได้เก็บฉากลับของบอสแอสโมเดียส…

      ฉันกดรับมัน แล้วก้อนแร่สะท้อนแสงก็หล่นจากกลางอากาศใส่มือ

      บลูหยิบไปเก็บเอาไว้ในทักษะช่องเก็บของก่อนเพราะยังตัดสินใจไม่ได้ว่าจะทำอย่างไรกับรางวัลนี้

      หลังจากพวกเราเลเวลอัปก็มีพื้นที่เพิ่มขึ้นอีกเพียบจึงได้รวบรวมอะไรหลายๆ อย่างในบ้านเข้าไปในคลังด้วย

      <คุณได้รับข้อความใหม่จาก ซีกเกอร์>

      การติดต่อจากผู้เล่นเบต้าเทสต์ไม่อาจมองข้ามได้

      พอฉันเปิดอ่านรายละเอียด เขาก็ส่งที่อยู่และเวลานัดรวมตัวมา พร้อมกับทิ้งท้ายไว้ว่า จะรอชมร่างแยก

      [เจ้านั่นรู้ได้ยังไง!?] เรดสะดุ้งทันที

      [ไม่มีข้อมูลอะไรรั่วไหลได้เลยนะ ถึงในระบบจะอนุญาตให้ติดต่อกับผู้เล่นคนอื่นได้แต่ไม่สามารถดูทักษะพิเศษได้ถ้าคนคนนั้นไม่แสดงให้เห็นเอง] เยลโล่ช่วยส่องหาในระบบอีกทาง [เป็นไปได้ยังไง…]

      ซีกเกอร์มีความสามารถหรือวิธีการทำให้ล่วงรู้รายละเอียดของฉันได้จากระยะไกลงั้นเหรอ… ตัวอันตรายชะมัด

      บลูเก็บของกลับมาเรียบร้อยแล้วทั้งปืน กระสุน กับบิ๊กไบค์ แต่ก็มีสีหน้ากังวลไม่แพ้กันจากการแบ่งปันความคิดในหัว

      “เอ่อ… เกิดอะไรขึ้นเหรอคะ” ฟ่างกะพริบตาปริบๆ

      “พรุ่งนี้พวกเราต้องเข้าเมือง” ฉันเม้มริมฝีปากเมื่อนึกถึงเรื่องเครียดที่ต้องเจอหลังจากนี้ มันเหมือนกับวิ่งเต้นบนฝ่ามือของซีกเกอร์

      แม่ฉันนี่ช่างสุขสบายจริงๆ ชิงตายก่อนเกิดปัญหา กายกับเพชรก็ตามไปด้วยแล้ว… พวกเราจะรอดในสภาพนี้ไปได้อีกกี่วันกันนะ

      “นิล… คือว่า… ถ้าไม่สบายใจ พวกเรามากอดกันไหม” พวงแก้มของฟ่างขึ้นสีระเรื่อ “เรารู้ว่าเราช่วยอะไรไม่ได้เลย เมื่อคืนก็ได้แค่มองดู… แต่อย่างน้อยการกอดกันน่าจะทำให้รู้สึกดีขึ้นนะ”

      จะว่าไป ฟ่างก็ปรับตัวได้เร็วเหมือนกัน ทั้งที่เพื่อนสนิทอีกคนเพิ่งตายไปต่อหน้า… ทั้งที่ดูอ่อนแอ แต่จิตใจกลับเยียวยาได้อย่างรวดเร็ว

      ฉันตอบรับคำพูดของอีกฝ่ายและโอบสองแขนรอบคนตัวเล็กกว่า

      ความอบอุ่นซึ่งแผ่ซ่านจากสัมผัสมันชวนให้รู้สึกดีกว่าที่คิด

      ใช่แล้ว ไม่ได้มีแค่ฉันเพียงคนเดียวที่เผชิญกับเรื่องนี้… ฟ่างและทุกคนบนโลกก็มีชะตาเดียวกัน

      “ขอกอดด้วยนะ” ร่างแยกใหม่เข้ามาแนบชิดจากด้านหลัง

      เอาล่ะ นี่มันร้อนแล้ว… อย่าบีบเข้ามาสิ…

      อา พอเถอะ

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+