ราชิณีเลือด 11: หมู่บ้านสีเลือด

Now you are reading ราชิณีเลือด Chapter 11: หมู่บ้านสีเลือด at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

อธิบายต้นตอน

 ไม่มี

 

ณ เมืองหลวงของราชอาณาจักรเอรีบัส

ทันทีที่ ลูคัสและทหารมือดี 2 กองพันเดินทางมาถึงเมืองหลวงพวกเขาก็ได้พบกับ สภาพของประชาชนที่กำลังอดอยากและ เหน็ดหนาว 

“เกิดอะไรขึ้นที่นี่กัน นี่มันแย่กว่าที่คิดเสียอีก” ลูคัสคิดภายในใจ

ลูคัสและกองอัศวินเดินไปตามเส้นทางเพื่อจะไปยังประตูทางตะวันตกของเมืองหลวง ในขณะที่เดินไปนั้นพวกเขาก็พบเห็นความยากลำบากของเหล่าผู้คนรอบๆเมืองหลวง

“ทำไมถึงมีกลุ่มอัศวินมาที่เมืองหลวงกัน พวกเขาตั้งใจจะมาทำอะไรกันที่นี่” ชาวบ้านกระซิบคุยกัน

ลูคัสเห็นสีหน้าของชาวบ้านที่กำลังแปลกใจ แต่เขาก็มไม่ได้สนใจอะไรและเดินทางต่อไป  จนถึงประตูเมืองหลวง..

กลุ่มอัศวินที่กำลังนั่งเฝ้าอยู่หน้าประตู ก็วิ่งมาด้านหน้าของกองอัศวิน

“หยุด!!” อัศวินเฝ้าประตูตะโกนพร้อมหันปลายหอกอันคมกริบมาทางด้านกลุ่มอัศวิน 

“พวกท่านเป็นใครกันเหตุใดจึงพากลุ่มคนติดอาวุธขนาดใหญ่มายังเมืองหลวง” อัศวินเมืองหลวงกล่าว

“ข้าคือลูคัสแห่งกลุ่มอัศวินเรเว่น ข้ามาทีนี่เพื่อแวะเติมสะเบียงและกลับไปยังแนวหน้า” ลูคัสกล่าวเพื่อให้อัศวินเมืองหลวงไม่สงสัยเกี่ยวกับการปฏิวัติ

“แนวหน้างั้นรึ? เกิดอะไรขึ้นกับแนวหน้า พวกท่านควรจะอยู่ชายแดนมิใช่หรือ” อัศวินถามด้วยความสงสัย?

ลูคัสได้ยินดังนั้น จึงแสดงสีหน้าตกใจเป็นอย่างมากพร้อมกับตะโกนถามอัศวิน “นี่เจ้า!!ไม่รู้เกี่ยวกับสงครามงั้นรึ!! ทั้งที่พวกข้าต่อสู้จนเสียพี่น้องไปหลายพันแต่พวกเจ้ากับไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเกิดอะไรขึ้น” ลูคัสกล่าวด้วยความโกรธ

“สงครามงั้นรึ? พวกข้าไม่ได้รับข่าวใดๆ หรือคำสั่งใดๆเกี่ยวกับสงครามเลย พวกท่านกลุ่มอัศวินเรเว่น เป็นมือดีที่สุด ข้าไม่คิดว่าท่านจะโกหกแน่นอน ข้าว่าเรื่องนี้ไม่ชอบมาพากลเสียแล้ว” หัวหน้าอัศวินเฝ้าประตูกล่าว

“พวกเจ้าไม่รู้เกี่ยวกับสงครามเหตุใดสภาพของประชาชนด้านนอกถึงเป็นเช่นนั้นกันละ?” ลูคัสพยามใจเย็นและถามด้วยความสงสัย

“องค์ราชาสั่งลงมาว่า ให้ประหยัดในช่วงฤดูหนาว เพราะไม่สามารถทำการค้าขายกับอาณาจักรไมลอนได้ นอกนั้นข้าเองก็ไม่รู้” อัศวินกล่าว

“ขอบใจท่านมากข้าจะต้องรีบไปเตรียมสะเบียง ข้าขอผ่านไปได้หรือไม่” ลูคัสกล่าวและโชว์เหรียญตราที่ลุงยิ้มให้มา

“ได้ครับท่าน ให้พวกเขาผ่านไป นี่คือกลุ่มอัศวินเรเว่น!!” อัศวินเฝ้าประตูกล่าว

หลังสิ้นเสียง กลุ่มอัศวินเรเว่นก็เริ่มเคลื่อนทัพเข้าไปภายในเมืองหลวงเพื่อไปพบกับขุนนางมารีต้า

ทางด้านมิร่า
ณ ป่าใกล้หมู่บ้านแห่งหนึ่ง

มิร่าหลังจากควบม้ามานานถึง 5 ชั่วโมงนางก็ได้ตัดสินใจจะหยุดพักเพื่อให้ม้าได้กินน้ำและอาหาร นางได้นั่งลงและคิดกับตัวเองว่าสิ่งที่นางทำนั้นถูกต้องหรือไม่ แต่นางก็ได้เลือกแล้ว..

ทันใดนั้นก็มีใครบางคนเดินเข้าใกล้มิร่ามาจากด้านหลัง

“ฮ่าๆ” เสียงเด็กหัวเราะใกล้เข้ามา

“หยุดนั้นใครกัน!” มิร่ากล่าวและชี้ดาบไปยังต้นตอของเสียง

“ใจเย็นท่านอัศวินข้าก็แค่มาเดินเล่นพอดีข้าเห็นม้าของท่านเลยสงสัยว่าท่านเป็นใคร” เด็กน้อยกล่าว

“เจ้าไม่ควรเข้ามาข้างหลังคนอื่นเช่นนี้” มิร่ากล่าว

“ข้าขอโทษ.. ท่านอัศวิน เหตุใดเสียงท่านจึงคล้ายหญิงสาวนัก” เด็กน้อยกล่าวขอโทษและถามด้วยความสงสัย

“ข้าก็แค่ยังหนุ่ม” มิร่าตอบปัดๆ

“อ่อ เป็นเช่นนั้นเอง” เด็กน้อยกล่าวและยิ้ม

“ท่านอัศวินหมู่บ้านของข้าอยู่ใกล้ๆนี่เอง ท่านอยากเข้าไปหลับหนาวที่นั้นมั้ย?” เด็กน้อยกล่าวถาม

“ข้าไม่เป็นไร” มิร่ากล่าวและส่ายหน้า

“แต่ม้าของท่าน ต้องพักนะ” เด็กน้อยกล่าว

มิร่ามองไปที่ม้าและพบว่ามันหนาวและต้องการพัก

“โอเคเข้าใจแล้วเจ้านำทางไปเลย” มิร่ากล่าว

มิร่าและเด็กน้อยพากันเดินไปยังหมู่บ้าน ในขณะที่ทั้งสองกำลังเดินไปยังหมู่บ้านทั้งคู่ก็ได้พูดคุยกันถึงเรื่องต่างๆ

“ท่านมาจากไหนกันหรือท่านอัศวิน” เด็กน้อยกล่าวถาม

“ข้ามาจากป้อมดรากูล ข้าเป็นอัศวินของกองอัศวินเรเว่น” มิร่ากล่าวตอบ

“เอ๋ ท่านคือกองอัศวินเรเว่นหรอ ท่านพ่อของเค้าเคยเล่าว่าพวกท่านเก่งมากเลย” เด็กน้อยกล่าว

“ใช่ข้าเป็นอัศวินเรเว่น แต่ข้าเองก็ไม่ได้เก่งขนาดนั้นหรอก” มิร่ากล่าวและยิ้ม

“จริงหรือ” เด็กน้อยกล่าวและยิ้ม

ทั้งสองคุยกันจนเดินมาถึงหมู่บ้าน

เด็กน้อยเดินนำทางมิร่าจนไปถึงบ้านของตน ในขณะที่ชาวบ้านจ้องมองมายังมิร่า

“ทางนี้เลยท่านอัศวินนี่บ้านของข้าเอง” กล่าวและเดินนำมิร่าไปยังบ้านของตน

เด็กน้อยและมิร่าเข้าไปยังบ้านของเด็กน้อย มิร่าได้พบกับแม่ของเด็กน้อยและยายของเธอ ทั้งสองตกใจเป็นอย่างมากเมื่อได้เห็นมิร่าในชุดอัศวิน แต่ทัั้งสองก็ไม่ได้แสดงออกมาชัดเจนมากนัก 

“เครียร์ ลูกแม่เจ้าไปที่ไหนมา ข้าบอกเจ้าแล้วว่า ถึงจะเป็นฤดูหนาวแต่สงครามก็ยังมีอยู่ ข้าเป็นห่วงเจ้ามากนะรู้ไหม?” แม่ของเด็กน้อยพุ่งเข้ามากอดเด็กน้อยและกล่าว

“ข้าแค่ออกไปเดินเล่นค่ะท่านแม่ ขอโทษ” เครียร์กล่าว

“แล้วอัศวินผู้นี้คือใครงั้นรึ” แม่ของเด็กน้อยกล่าวด้วยความสงสัยพร้อมมองไปยังมิร่า

“เขาเป็นอัศวินของกลุ่มเรเว่นค่ะท่านแม่พอดีข้าไปเจอเขาและม้าของเขากลางป่า ข้าคิดว่าม้าของเขาใกล้จะไม่ไหวแล้ว ข้าเลยชวนนางมาพักที่บ้านของเรา” เครียร์กล่าว

“ข้าเข้าใจแล้ว เชิญท่านอัศวินตามสบายข้าจะไปเตรียมอาหารให้กับท่าน” แม่ของเด็กน้อยกล่าว

“ขอบคุณท่านมากข้าขอตัวออกไปดูม้าของข้าก่อน” มิร่ากล่าวและเดินออกไป

มิร่าปลอบม้าของตนและนำอาหารกับน้ำให้มันกิน

“ข้าขอบคุณเจ้ามาที่พาข้ามาไกลขนาดนี้” มิร่ากล่าวกับม้า

“แม่หนู..” เสียงของหญิงแก่เรียกมิร่า

“ท่าน! รู้ได้เช่นไรว่าข้าเป็นหญิง” มิร่ากล่าวด้วยความตกใจ

“ข้าเองก็อยู่มานาน..แล้วเหตุใดเจ้าจึงมาที่นี่เพียงผู้เดียวกันละ” ยายของสาวน้อยกล่าวถาม

“ข้า..มาเพื่อตามหาใครบางคนเขาสำคัญกับข้ามาก” มิร่ากล่าวด้วยใบหน้าเศร้า

“เจ้าตามหาใครกันรึ?” ยายของสาวน้อยถาม

“ข้ามาตามหาคนผู้ซึ่งเป็นเหมือนพ่อของข้า ข้าต้องเสียคนที่เหมือนพี่สาวของข้าไปแล้ว หากข้าต้องเสียเขาไปอีกคนโดยที่ข้าทำอะไรไม่ได้ข้าคงรู้สึกผิดไปจนตาย” มิร่ากล่าว

“เอาเถอะ เจ้าค่อยออกไปตามหาต่อข้ารู้ว่าเจ้ารีบ แต่พายุหิมะกำลังจะมาเจ้าควรพักอยู่ที่นี่จนกว่าพายุจะสงบ” ยายแก่กล่าวและเดินนำมิร่าเข้าไปในบ้าน

มิร่ายืนมองไปยังด้านนอก .. และนางก็ตัดสินใจเดินเข้าไปในบ้านเพื่อพักตามคำแนะนำของยายแก่

มิร่าเดินเข้ามาภายในบ้าน และถอดหมวกเกราะของนางออก..ในขณะที่นางถอดหมวกเกราะผมสีแดงสดของนางก็ค่อยๆปล่อยลงมา ใบหน้าอันแสนงดงามของนางทำให้ คนภายในบ้านถึงกับตะลึงและยืนตัวแข็งตามกันไป

“นะ นะ นี่ท่านเป็นหญิงงั้นรึ!!” เด็กน้อยกล่าวด้วยความตกใจ

“ใช่ข้าเป็นหญิง” มิร่ากล่าวและยิ้ม

“ท่านงดงามมาก..” แม่ของสาวน้อยกล่าว

“ข้างดงามงั้นหรอ..คนที่เป็นดั่งพี่สาวของข้างดงามกว่าข้าเป็นร้อยเท่า” มิร่ากล่าว

“พี่สาวของท่านงั้นหรอ นางอยู่ไหนงั้นหรอ” เด็กน้อยกล่าวถามด้วยความเดียงสา

“นาง..จากไปแล้ว..โดยที่ข้าทำอะไรไม่ได้เลย” มิร่่ากล่าวด้วยใบหน้าเศร้า

เด็กน้อยที่ได้ยินดังนั้น นางรู้สึกผิดกับสิ่งที่ตนพูดออกไปเป็นอย่างมาก

“ข้าขอโทษ.. และข้าเสียใจข้าไม่น่าถามท่านเลย” เด็กน้อยกล่าว

“ไม่เป็นไรหรอก เด็กน้อยเจ้าไม่รู้นี่” มิร่ากล่าวและยิ้ม

“เครียร์ มาช่วยแม่เตรียมอาหารสิ” แม่ของเครียร์เรียกและกวักมือ

มิร่าเห็นดังนั้นนางจึงอยากอาสาช่วยทำอาหาร

“ขะ ข้าขอช่วยด้วยคน” มิร่ากล่าวและลุกขึ้นไปช่วยเตรียมอาหาร

“ข้าขอถอดชุดเกราะก่อน” มิร่าเดินไปยังมุมห้องและถอดเสื้อเกราะและผ้าคลุมออก

หลังจากมิร่าถอดชุดเกราะเสร็จ มิร่า เครียร์และแม่ของนางก็ช่วยกันเตรียมอาหารสำหรับเย็นนี้..

ทั้ง 3 คนช่วยกันเตรียมอาหารและพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน…และพายุหิมะก็มาถึง

ในระหว่างที่ทัั้ง 3 คนกำลังเตรียมอาหารอยู่นั้น ประตูบ้านก็ถูกเปิดออก..มิร่าที่ได้ยินเสียงประตูก็หันไปมองภาพตรงหน้าเธอคือชายหนุ่ม และชายวัยกลางเดินเข้ามาภายในตัวบ้าน

“ท่านพ่อ!! ท่านพี่!!” เครียร์เรียกพ่อและพี่ของนางอย่างดีอกดีใจ

“ว่าไงหนูน้อยของพ่อ” พ่อของเครียร์กล่าวและอุ้มเครียร์ขึ้นมา

“ทำไมท่านถึงกลับมาไวจัง ท่านไม่ได้ไปซื้ออาหารหรือท่านพ่อ” เครียร์ถามด้วยความสงสัย

“นั้นสิเหตุใดท่านจึงกลับมาไวนัก” แม่ของเครียร์กล่าว

“เพราะว่าระหว่างทาง ข้าไปพบกับอัศวินของกลุ่มพัธมิตร กำลังปล้นชาวบ้านอยู่ และพายุหิมะก็กำลังจะมา ข้าเลยคิดว่าเราควรกลับมาที่นี่ก่อน” พ่อของเครียร์กล่าว

“ใช่แล้วท่านแม่พวกมันทำตัวเยี่ยงสัตว์เดรัจฉาน ปล้นชิงชาวบ้านอย่างพวกเราซ้ำยังทำร้ายคนที่ไม่ยอมเชื่อฟังมัน ข้าและท่านพ่อโชคดีมากแล้วที่หนีมาได้” พี่ชายของเครียร์กล่าว

ในขณะนั้นพ่อและพี่ชายของเครียร์ก็มองไปเห็นมิร่า พวกเขาทั้งสองคนตะลึงกับความงดงามของนาง..พี่ชายของเครียร์ดูเหมือนจะตกหลุมรักเธอเข้าเสียแล้ว

“ว่าแต่สาวงามท่านนี้คือใครกัน?” พ่อของเครียร์กล่าวด้วยความสงสัย

“เธอชื่อมิร่าเป็นอัศวินของกลุ่มเรเว่นค่ะท่านพ่อ” เด็กน้อยกล่าวและยิ้ม

“โอะกลุ่มเรเว่น ไม่คิดว่าจะมีสาวงามเช่นนี้อยู่ด้วยนะเนี้ย” พ่อของเครียร์กล่าว

พี่ชายของเครียร์ไม่กล้ากล่าวใดๆ เขาได้แต่ยืนแอบมองมิร่าอยู่ห่างๆ ในใจเขาอยากจะเข้าไปชวนนางคุย แต่เขาก็ไม่รู้จะเริ่มยังไงดี

“ท่านพ่อมาทันข้าวเย็นพอดีเลยค่ะ” เครียร์กล่าว

“ท่านมิร่าเองก็ช่วยเราเตรียมอาหารด้วย นางทำอาหารเก่งมากเลยค่ะท่านพ่อ” เครียร์กล่าว

“อย่างงั้นเองหรอ อัศวินเองก็ทำอาหารเป็นสินะ โฮะๆๆ” พ่อของเครียร์กล่าวและหัวเราะ

“ก่อนที่ข้าจะได้มาฝึกและเป็นอัศวิน ข้าเองก็เคยเป็นสาวใช้มาก่อน..” มิร่ากล่าว

“…” พี่ชายของเครียร์มอง

ทุกคนพูดคุยกันเกี่ยวกับเรื่องต่างๆ จนถึงเวลาทานอาหาร ทุกคนร่วมโต๊ะทานอาหาร กันอย่างสนุกสนาน

“แล้วเจ้าจะไปไหนต่องั้นรึท่านมิร่า” พ่อของเครียร์ถาม

“ข้าต้องออกไปตามหาคนต่อ เมื่อพายุสงบข้าก็จะไปแล้ว” มิร่ากล่าว

“เจ้าจะไปแล้วงั้นหรอ!?” พี่ชายของเครียร์ถามด้วยความตกใจ

“แหม่ๆดูท่าจะมีคนไม่อยากให้เจ้าไปนะเนี่ย” แม่ของเครียร์กล่าว

“ท่านแม่! ขะ..ข้าก็แค่กลัวนางไปเจอพวกศัตรูกลางทางเท่านั้นเอง” พี่ชายของเครียร์กล่าว

“เจ้าเป็นห่วงคนที่เป็นถึงอัศวินเรเว่นงั้นหรอฮ่าๆ” พ่อของเครียร์กล่าว

“อัศวินเรเว่น พวกเขาเก่งขนาดนั้นเชียวหรอ?” มิร่าคิดในใจ

พวกเขาทานข้าวไปพูดคุยกันไปจน พายุหิมะเริ่มสงบลง…

มิร่าที่เห็นพายุสงบลงก็เตรียมตัวออกเดินทางต่อ นางปล่อยผมออกและมัดผมใหม่อีกครั้ง เพื่อเตรียมพร้อม

“นางงดงามมาก ข้าละสายตาจากนางไม่ได้เลย” พี่ชายของเครียร์คิดในใจ

มิร่าส่วมเกราะและหมวกเกราะเตรียมพร้อมออกเดินทาง

ในขณะที่มิร่ากำลังจะออกเดินทาง พี่ชายของเครียร์ก็เดินมาหานางเพื่อจะบอกบางสิ่ง

“มิร่า ข้าขอไปส่งเจ้าจนกว่าจะออกเขตหมู่บ้านได้หรือไม่?” พี่ชายของเครียร์กล่าว

“..” มิร่าไม่ตอบอะไร

“ข้าแค่ อยากทำ..เจ้าคงลำบากใจสินะ” พี่ชายของเครียร์กล่าว

“ไม่ ข้าก็แค่กลัวว่าขากลับจะมีอันตราย” มิร่ากล่าว

“ไม่เป็นไรเห็นอย่างงี้ข้าก็พอมีวิชาดาบติดตัวอยู่บ้าง..” พี่ชายของเครียร์กล่าว

“โอเคข้าเข้าใจ..แล้ว” มิร่ากล่าวไม่ทันจะจบก็มีเสียงควบม้าจำนวนมากดังใกล้เข้ามา

มิร่าที่ได้ยินเสียงควบม้า นางจึงเดินออกมาดู ภาพตรงหน้าของนางคือกลุ่มอัศวินของศัตรูจำนวน 20 กว่าคนกำลังควบม้ามาทางหมู่บ้าน

มิร่าที่เห็นดังนั้นนางจึงรีบหลบซ่อนตัวไว้เพื่อไม่ให้ศัตรูเห็นนางพวกมันอยู่บนม้านั้นจะทำให้นางสู้ลำบาก

“นาย นายชื่ออะไร” มิร่าพูดกับพี่ชายของเครียร์

“ข้าหรอข้าชื่อเว็นเดอร์” พี่ชายของเครียร์กล่าว

“เอาล่ะเว็นเดอร์ฟังข้า เจ้าพาครอบครัวของเจ้าไปซ่อนส่ะ” มิร่ากล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง

“กะ..เกิดอะไรขึ้น?” เว็นเดอร์กล่าวด้วยความตกใจ

“พวกศัตรูมันมาถึงแล้ว ไม่มีเวลาแล้วเจ้ารีบไปส่ะ” มิร่ากล่าวและพลักเว็นเดอร์ไปในบ้าน

เว็นเดอร์พาเครียร์และครอบครัวไปแอบในห้องเก็บอาหารใต้บ้านและซ่อนตัว พวกเขาแอบมองศัตรูผ่านช่องเล็กๆ

ไม่กี่นาทีต่อมาศัตรูมาถึงหมู่บ้านพวกมันลงจากม้าและเริ่มมองไปรอบๆเพื่อดูว่าบ้านหลังได้พอจะมีอาหารและของมีค่า

พวกศัตรูเริ่มกระจายตัวและเริ่มค้นสิ่งของต่างๆ ชาวบ้านทุกคนต่างหวาดกลัวไม่มีใครลุกขึ้นต่อสู้กับศัตรูแม้แต่คนเดียว 

ในวินาทีนั้น อัศวินของศัตรูคนหนึ่งมองมาเห็นม้าของมิร่า เขาต้องการที่จะนำมันกลับไปด้วยเขาเดินตรงมายังม้าของมิร่า แต่ในวินาทีนัั้นเองมิร่าที่แอบอยู่หลังคอกก็ชักดาบสัั้นของเธอออกมาและแทงไปที่คอหอยของอัศวินคนนั้น มิร่าฆ่าอัศวินคนนั้นโดยที่ไม่มีความหวาดกลัวได้ๆ สิ่งที่เธอฝึกมาและการสูญเสีย สกาเล็ตทำให้เธอเข้าใจว่าเธอต้องแข็งแกร่งขึ้น

มิร่าลากร่างของอัศวินคนนั้นมาซ่อน และทำเสียงดังเพื่อเรียกร้องความสนใจของอัศวินอีกคน อัศวินคนที่สองได้ยินและตกหลุมพรางของมิร่า.. เขาเดินเข้ามาแต่อัศวินคนนั้นกลับมองเห็นเลือดที่พื้นเสียก่อน

มิร่าเองก็รู้ตัวแล้วว่าอัศวินคนนั้นรู้ตัวเสียแล้ว เธอชักดาบยาวของเธอ ออกมาพร้อมกับเดินออกมาเผชิญหน้ากับศัตรู

มิร่ากวัดแกว่งดาบของเธอด้วยเพลงดาบอันงดงาม นางตัดคออัศวินศัตรูที่ใกล้ที่สุด ตอนนี้จำนวนศัตรูเหลือเพียง 18 คน

พวกมันมองเห็นเธอและเข้ามาจู่โจมนาง มิร่านางใช้ดาบและวิชาดาบของนางกวัดแกว่งต่อสู้ เสียงดาบปะทะดุเดือดดังอยู่หลายนาที นางใช้ความคล่องตัวและหยิบดาบสั้นของนางขึ้นมาใช้อีกมือ นางสามารถสังหารศัตรูไปได้ถึง 5 คนแต่นั้นเองก็ไม่อาจมากพอ

มิร่าได้พยามต่อสู้อยู่หลายนาทีจนกระทั่ง นางเสียหลักและล้มลง..

“เจ้าสู้ได้ดีทีเดียวสำหรับตัวคนเดียว” อัศวินฝ่ายศัตรูกล่าว

“ข้าขอดูหน้าเจ้าหน่อยเถอะ” อัศวินฝ่ายศัตรูกล่าวและดึงหมวกของมิร่าออก

“เจ้าเป็นหญิงนิ หน้าตาเจ้าก็ถือว่าสวย ข้าว่าข้าจับเจ้ากลับไป บำเรอเหล่าเพื่อนข้าที่ค่ายดีกว่า” อัศวินฝ่ายศัตรูกล่าวและยิ้ม

“เจ้าฆ่า ข้าเสียเถอะ ไอชา*หม*เอ้ย” มิร่ากล่าวและต่อยไปที่หน้าของมัน

“หน่อยแก กล้านัก” อัศวินศัตรูยกดาบขึ้นมาและฟาดลงอย่างรวดเร็ว

ในขณะที่มิร่ากำลังจะถูกฟัน เครียร์และเว็นเดอร์ก็มองเธออยู่พวกเขากำลังเสียใจเป็นอย่างมากที่ไม่สามารถช่วยอะไรเธอได้

“อั้ก..” เสียงของมิร่าที่ถูกฟัดไหล่ โชคยังดีที่เกราะป้องกันเธอจากคมดาบ ทำให้เธอได้รับบาดเจ็บถึงเช่นนั้นมันก็ลึกพอจะทำให้เธอเสียเลือดจนตายได้

“ไหนดูซิ๊ว่าเจ้าจะเก่งได้สักแค่ไหนกันเชียว” อัศวินศัตรูเดินเข้ามาและเริ่มกระชากเสื้อและชุดเกราะของนางออก

มิร่าที่บาดเจ็บกำลังหมดแรงนางไม่มีแรงมากพอที่จะขัดขืนได้

ทันใดนั้น เว็นเดอร์ก็เดินออกมาและชักดาบของเขาเพื่อพร้อมต่อสู้ อัศวินที่กำลังจะข่มขืนนางลุกเพื่อไปฆ่าเขา

มิร่าที่กำลังจะหมดสติ ภาพสุดท้ายตรงหน้าของนางคือภาพของ เว็นเดอร์พุ่งเข้ามาต่อสู้กับเหล่าศัตรู

“นี่มันช่างเป็นการต่อสู้ที่ไม่คุ้มค่า เจ้าน่าซ่อนอยู่ที่นั้น เจ้าออกมาทำไม” มิร่าคิดสิ่งนี้ในหัวตลอดในขณะที่สติของเธอกำลังจะหมดไป

 

จบตอน

 

 

 

 

 

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ราชิณีเลือด 11: หมู่บ้านสีเลือด

Now you are reading ราชิณีเลือด Chapter 11: หมู่บ้านสีเลือด at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

อธิบายต้นตอน

 ไม่มี

 

ณ เมืองหลวงของราชอาณาจักรเอรีบัส

ทันทีที่ ลูคัสและทหารมือดี 2 กองพันเดินทางมาถึงเมืองหลวงพวกเขาก็ได้พบกับ สภาพของประชาชนที่กำลังอดอยากและ เหน็ดหนาว 

“เกิดอะไรขึ้นที่นี่กัน นี่มันแย่กว่าที่คิดเสียอีก” ลูคัสคิดภายในใจ

ลูคัสและกองอัศวินเดินไปตามเส้นทางเพื่อจะไปยังประตูทางตะวันตกของเมืองหลวง ในขณะที่เดินไปนั้นพวกเขาก็พบเห็นความยากลำบากของเหล่าผู้คนรอบๆเมืองหลวง

“ทำไมถึงมีกลุ่มอัศวินมาที่เมืองหลวงกัน พวกเขาตั้งใจจะมาทำอะไรกันที่นี่” ชาวบ้านกระซิบคุยกัน

ลูคัสเห็นสีหน้าของชาวบ้านที่กำลังแปลกใจ แต่เขาก็มไม่ได้สนใจอะไรและเดินทางต่อไป  จนถึงประตูเมืองหลวง..

กลุ่มอัศวินที่กำลังนั่งเฝ้าอยู่หน้าประตู ก็วิ่งมาด้านหน้าของกองอัศวิน

“หยุด!!” อัศวินเฝ้าประตูตะโกนพร้อมหันปลายหอกอันคมกริบมาทางด้านกลุ่มอัศวิน 

“พวกท่านเป็นใครกันเหตุใดจึงพากลุ่มคนติดอาวุธขนาดใหญ่มายังเมืองหลวง” อัศวินเมืองหลวงกล่าว

“ข้าคือลูคัสแห่งกลุ่มอัศวินเรเว่น ข้ามาทีนี่เพื่อแวะเติมสะเบียงและกลับไปยังแนวหน้า” ลูคัสกล่าวเพื่อให้อัศวินเมืองหลวงไม่สงสัยเกี่ยวกับการปฏิวัติ

“แนวหน้างั้นรึ? เกิดอะไรขึ้นกับแนวหน้า พวกท่านควรจะอยู่ชายแดนมิใช่หรือ” อัศวินถามด้วยความสงสัย?

ลูคัสได้ยินดังนั้น จึงแสดงสีหน้าตกใจเป็นอย่างมากพร้อมกับตะโกนถามอัศวิน “นี่เจ้า!!ไม่รู้เกี่ยวกับสงครามงั้นรึ!! ทั้งที่พวกข้าต่อสู้จนเสียพี่น้องไปหลายพันแต่พวกเจ้ากับไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเกิดอะไรขึ้น” ลูคัสกล่าวด้วยความโกรธ

“สงครามงั้นรึ? พวกข้าไม่ได้รับข่าวใดๆ หรือคำสั่งใดๆเกี่ยวกับสงครามเลย พวกท่านกลุ่มอัศวินเรเว่น เป็นมือดีที่สุด ข้าไม่คิดว่าท่านจะโกหกแน่นอน ข้าว่าเรื่องนี้ไม่ชอบมาพากลเสียแล้ว” หัวหน้าอัศวินเฝ้าประตูกล่าว

“พวกเจ้าไม่รู้เกี่ยวกับสงครามเหตุใดสภาพของประชาชนด้านนอกถึงเป็นเช่นนั้นกันละ?” ลูคัสพยามใจเย็นและถามด้วยความสงสัย

“องค์ราชาสั่งลงมาว่า ให้ประหยัดในช่วงฤดูหนาว เพราะไม่สามารถทำการค้าขายกับอาณาจักรไมลอนได้ นอกนั้นข้าเองก็ไม่รู้” อัศวินกล่าว

“ขอบใจท่านมากข้าจะต้องรีบไปเตรียมสะเบียง ข้าขอผ่านไปได้หรือไม่” ลูคัสกล่าวและโชว์เหรียญตราที่ลุงยิ้มให้มา

“ได้ครับท่าน ให้พวกเขาผ่านไป นี่คือกลุ่มอัศวินเรเว่น!!” อัศวินเฝ้าประตูกล่าว

หลังสิ้นเสียง กลุ่มอัศวินเรเว่นก็เริ่มเคลื่อนทัพเข้าไปภายในเมืองหลวงเพื่อไปพบกับขุนนางมารีต้า

ทางด้านมิร่า
ณ ป่าใกล้หมู่บ้านแห่งหนึ่ง

มิร่าหลังจากควบม้ามานานถึง 5 ชั่วโมงนางก็ได้ตัดสินใจจะหยุดพักเพื่อให้ม้าได้กินน้ำและอาหาร นางได้นั่งลงและคิดกับตัวเองว่าสิ่งที่นางทำนั้นถูกต้องหรือไม่ แต่นางก็ได้เลือกแล้ว..

ทันใดนั้นก็มีใครบางคนเดินเข้าใกล้มิร่ามาจากด้านหลัง

“ฮ่าๆ” เสียงเด็กหัวเราะใกล้เข้ามา

“หยุดนั้นใครกัน!” มิร่ากล่าวและชี้ดาบไปยังต้นตอของเสียง

“ใจเย็นท่านอัศวินข้าก็แค่มาเดินเล่นพอดีข้าเห็นม้าของท่านเลยสงสัยว่าท่านเป็นใคร” เด็กน้อยกล่าว

“เจ้าไม่ควรเข้ามาข้างหลังคนอื่นเช่นนี้” มิร่ากล่าว

“ข้าขอโทษ.. ท่านอัศวิน เหตุใดเสียงท่านจึงคล้ายหญิงสาวนัก” เด็กน้อยกล่าวขอโทษและถามด้วยความสงสัย

“ข้าก็แค่ยังหนุ่ม” มิร่าตอบปัดๆ

“อ่อ เป็นเช่นนั้นเอง” เด็กน้อยกล่าวและยิ้ม

“ท่านอัศวินหมู่บ้านของข้าอยู่ใกล้ๆนี่เอง ท่านอยากเข้าไปหลับหนาวที่นั้นมั้ย?” เด็กน้อยกล่าวถาม

“ข้าไม่เป็นไร” มิร่ากล่าวและส่ายหน้า

“แต่ม้าของท่าน ต้องพักนะ” เด็กน้อยกล่าว

มิร่ามองไปที่ม้าและพบว่ามันหนาวและต้องการพัก

“โอเคเข้าใจแล้วเจ้านำทางไปเลย” มิร่ากล่าว

มิร่าและเด็กน้อยพากันเดินไปยังหมู่บ้าน ในขณะที่ทั้งสองกำลังเดินไปยังหมู่บ้านทั้งคู่ก็ได้พูดคุยกันถึงเรื่องต่างๆ

“ท่านมาจากไหนกันหรือท่านอัศวิน” เด็กน้อยกล่าวถาม

“ข้ามาจากป้อมดรากูล ข้าเป็นอัศวินของกองอัศวินเรเว่น” มิร่ากล่าวตอบ

“เอ๋ ท่านคือกองอัศวินเรเว่นหรอ ท่านพ่อของเค้าเคยเล่าว่าพวกท่านเก่งมากเลย” เด็กน้อยกล่าว

“ใช่ข้าเป็นอัศวินเรเว่น แต่ข้าเองก็ไม่ได้เก่งขนาดนั้นหรอก” มิร่ากล่าวและยิ้ม

“จริงหรือ” เด็กน้อยกล่าวและยิ้ม

ทั้งสองคุยกันจนเดินมาถึงหมู่บ้าน

เด็กน้อยเดินนำทางมิร่าจนไปถึงบ้านของตน ในขณะที่ชาวบ้านจ้องมองมายังมิร่า

“ทางนี้เลยท่านอัศวินนี่บ้านของข้าเอง” กล่าวและเดินนำมิร่าไปยังบ้านของตน

เด็กน้อยและมิร่าเข้าไปยังบ้านของเด็กน้อย มิร่าได้พบกับแม่ของเด็กน้อยและยายของเธอ ทั้งสองตกใจเป็นอย่างมากเมื่อได้เห็นมิร่าในชุดอัศวิน แต่ทัั้งสองก็ไม่ได้แสดงออกมาชัดเจนมากนัก 

“เครียร์ ลูกแม่เจ้าไปที่ไหนมา ข้าบอกเจ้าแล้วว่า ถึงจะเป็นฤดูหนาวแต่สงครามก็ยังมีอยู่ ข้าเป็นห่วงเจ้ามากนะรู้ไหม?” แม่ของเด็กน้อยพุ่งเข้ามากอดเด็กน้อยและกล่าว

“ข้าแค่ออกไปเดินเล่นค่ะท่านแม่ ขอโทษ” เครียร์กล่าว

“แล้วอัศวินผู้นี้คือใครงั้นรึ” แม่ของเด็กน้อยกล่าวด้วยความสงสัยพร้อมมองไปยังมิร่า

“เขาเป็นอัศวินของกลุ่มเรเว่นค่ะท่านแม่พอดีข้าไปเจอเขาและม้าของเขากลางป่า ข้าคิดว่าม้าของเขาใกล้จะไม่ไหวแล้ว ข้าเลยชวนนางมาพักที่บ้านของเรา” เครียร์กล่าว

“ข้าเข้าใจแล้ว เชิญท่านอัศวินตามสบายข้าจะไปเตรียมอาหารให้กับท่าน” แม่ของเด็กน้อยกล่าว

“ขอบคุณท่านมากข้าขอตัวออกไปดูม้าของข้าก่อน” มิร่ากล่าวและเดินออกไป

มิร่าปลอบม้าของตนและนำอาหารกับน้ำให้มันกิน

“ข้าขอบคุณเจ้ามาที่พาข้ามาไกลขนาดนี้” มิร่ากล่าวกับม้า

“แม่หนู..” เสียงของหญิงแก่เรียกมิร่า

“ท่าน! รู้ได้เช่นไรว่าข้าเป็นหญิง” มิร่ากล่าวด้วยความตกใจ

“ข้าเองก็อยู่มานาน..แล้วเหตุใดเจ้าจึงมาที่นี่เพียงผู้เดียวกันละ” ยายของสาวน้อยกล่าวถาม

“ข้า..มาเพื่อตามหาใครบางคนเขาสำคัญกับข้ามาก” มิร่ากล่าวด้วยใบหน้าเศร้า

“เจ้าตามหาใครกันรึ?” ยายของสาวน้อยถาม

“ข้ามาตามหาคนผู้ซึ่งเป็นเหมือนพ่อของข้า ข้าต้องเสียคนที่เหมือนพี่สาวของข้าไปแล้ว หากข้าต้องเสียเขาไปอีกคนโดยที่ข้าทำอะไรไม่ได้ข้าคงรู้สึกผิดไปจนตาย” มิร่ากล่าว

“เอาเถอะ เจ้าค่อยออกไปตามหาต่อข้ารู้ว่าเจ้ารีบ แต่พายุหิมะกำลังจะมาเจ้าควรพักอยู่ที่นี่จนกว่าพายุจะสงบ” ยายแก่กล่าวและเดินนำมิร่าเข้าไปในบ้าน

มิร่ายืนมองไปยังด้านนอก .. และนางก็ตัดสินใจเดินเข้าไปในบ้านเพื่อพักตามคำแนะนำของยายแก่

มิร่าเดินเข้ามาภายในบ้าน และถอดหมวกเกราะของนางออก..ในขณะที่นางถอดหมวกเกราะผมสีแดงสดของนางก็ค่อยๆปล่อยลงมา ใบหน้าอันแสนงดงามของนางทำให้ คนภายในบ้านถึงกับตะลึงและยืนตัวแข็งตามกันไป

“นะ นะ นี่ท่านเป็นหญิงงั้นรึ!!” เด็กน้อยกล่าวด้วยความตกใจ

“ใช่ข้าเป็นหญิง” มิร่ากล่าวและยิ้ม

“ท่านงดงามมาก..” แม่ของสาวน้อยกล่าว

“ข้างดงามงั้นหรอ..คนที่เป็นดั่งพี่สาวของข้างดงามกว่าข้าเป็นร้อยเท่า” มิร่ากล่าว

“พี่สาวของท่านงั้นหรอ นางอยู่ไหนงั้นหรอ” เด็กน้อยกล่าวถามด้วยความเดียงสา

“นาง..จากไปแล้ว..โดยที่ข้าทำอะไรไม่ได้เลย” มิร่่ากล่าวด้วยใบหน้าเศร้า

เด็กน้อยที่ได้ยินดังนั้น นางรู้สึกผิดกับสิ่งที่ตนพูดออกไปเป็นอย่างมาก

“ข้าขอโทษ.. และข้าเสียใจข้าไม่น่าถามท่านเลย” เด็กน้อยกล่าว

“ไม่เป็นไรหรอก เด็กน้อยเจ้าไม่รู้นี่” มิร่ากล่าวและยิ้ม

“เครียร์ มาช่วยแม่เตรียมอาหารสิ” แม่ของเครียร์เรียกและกวักมือ

มิร่าเห็นดังนั้นนางจึงอยากอาสาช่วยทำอาหาร

“ขะ ข้าขอช่วยด้วยคน” มิร่ากล่าวและลุกขึ้นไปช่วยเตรียมอาหาร

“ข้าขอถอดชุดเกราะก่อน” มิร่าเดินไปยังมุมห้องและถอดเสื้อเกราะและผ้าคลุมออก

หลังจากมิร่าถอดชุดเกราะเสร็จ มิร่า เครียร์และแม่ของนางก็ช่วยกันเตรียมอาหารสำหรับเย็นนี้..

ทั้ง 3 คนช่วยกันเตรียมอาหารและพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน…และพายุหิมะก็มาถึง

ในระหว่างที่ทัั้ง 3 คนกำลังเตรียมอาหารอยู่นั้น ประตูบ้านก็ถูกเปิดออก..มิร่าที่ได้ยินเสียงประตูก็หันไปมองภาพตรงหน้าเธอคือชายหนุ่ม และชายวัยกลางเดินเข้ามาภายในตัวบ้าน

“ท่านพ่อ!! ท่านพี่!!” เครียร์เรียกพ่อและพี่ของนางอย่างดีอกดีใจ

“ว่าไงหนูน้อยของพ่อ” พ่อของเครียร์กล่าวและอุ้มเครียร์ขึ้นมา

“ทำไมท่านถึงกลับมาไวจัง ท่านไม่ได้ไปซื้ออาหารหรือท่านพ่อ” เครียร์ถามด้วยความสงสัย

“นั้นสิเหตุใดท่านจึงกลับมาไวนัก” แม่ของเครียร์กล่าว

“เพราะว่าระหว่างทาง ข้าไปพบกับอัศวินของกลุ่มพัธมิตร กำลังปล้นชาวบ้านอยู่ และพายุหิมะก็กำลังจะมา ข้าเลยคิดว่าเราควรกลับมาที่นี่ก่อน” พ่อของเครียร์กล่าว

“ใช่แล้วท่านแม่พวกมันทำตัวเยี่ยงสัตว์เดรัจฉาน ปล้นชิงชาวบ้านอย่างพวกเราซ้ำยังทำร้ายคนที่ไม่ยอมเชื่อฟังมัน ข้าและท่านพ่อโชคดีมากแล้วที่หนีมาได้” พี่ชายของเครียร์กล่าว

ในขณะนั้นพ่อและพี่ชายของเครียร์ก็มองไปเห็นมิร่า พวกเขาทั้งสองคนตะลึงกับความงดงามของนาง..พี่ชายของเครียร์ดูเหมือนจะตกหลุมรักเธอเข้าเสียแล้ว

“ว่าแต่สาวงามท่านนี้คือใครกัน?” พ่อของเครียร์กล่าวด้วยความสงสัย

“เธอชื่อมิร่าเป็นอัศวินของกลุ่มเรเว่นค่ะท่านพ่อ” เด็กน้อยกล่าวและยิ้ม

“โอะกลุ่มเรเว่น ไม่คิดว่าจะมีสาวงามเช่นนี้อยู่ด้วยนะเนี้ย” พ่อของเครียร์กล่าว

พี่ชายของเครียร์ไม่กล้ากล่าวใดๆ เขาได้แต่ยืนแอบมองมิร่าอยู่ห่างๆ ในใจเขาอยากจะเข้าไปชวนนางคุย แต่เขาก็ไม่รู้จะเริ่มยังไงดี

“ท่านพ่อมาทันข้าวเย็นพอดีเลยค่ะ” เครียร์กล่าว

“ท่านมิร่าเองก็ช่วยเราเตรียมอาหารด้วย นางทำอาหารเก่งมากเลยค่ะท่านพ่อ” เครียร์กล่าว

“อย่างงั้นเองหรอ อัศวินเองก็ทำอาหารเป็นสินะ โฮะๆๆ” พ่อของเครียร์กล่าวและหัวเราะ

“ก่อนที่ข้าจะได้มาฝึกและเป็นอัศวิน ข้าเองก็เคยเป็นสาวใช้มาก่อน..” มิร่ากล่าว

“…” พี่ชายของเครียร์มอง

ทุกคนพูดคุยกันเกี่ยวกับเรื่องต่างๆ จนถึงเวลาทานอาหาร ทุกคนร่วมโต๊ะทานอาหาร กันอย่างสนุกสนาน

“แล้วเจ้าจะไปไหนต่องั้นรึท่านมิร่า” พ่อของเครียร์ถาม

“ข้าต้องออกไปตามหาคนต่อ เมื่อพายุสงบข้าก็จะไปแล้ว” มิร่ากล่าว

“เจ้าจะไปแล้วงั้นหรอ!?” พี่ชายของเครียร์ถามด้วยความตกใจ

“แหม่ๆดูท่าจะมีคนไม่อยากให้เจ้าไปนะเนี่ย” แม่ของเครียร์กล่าว

“ท่านแม่! ขะ..ข้าก็แค่กลัวนางไปเจอพวกศัตรูกลางทางเท่านั้นเอง” พี่ชายของเครียร์กล่าว

“เจ้าเป็นห่วงคนที่เป็นถึงอัศวินเรเว่นงั้นหรอฮ่าๆ” พ่อของเครียร์กล่าว

“อัศวินเรเว่น พวกเขาเก่งขนาดนั้นเชียวหรอ?” มิร่าคิดในใจ

พวกเขาทานข้าวไปพูดคุยกันไปจน พายุหิมะเริ่มสงบลง…

มิร่าที่เห็นพายุสงบลงก็เตรียมตัวออกเดินทางต่อ นางปล่อยผมออกและมัดผมใหม่อีกครั้ง เพื่อเตรียมพร้อม

“นางงดงามมาก ข้าละสายตาจากนางไม่ได้เลย” พี่ชายของเครียร์คิดในใจ

มิร่าส่วมเกราะและหมวกเกราะเตรียมพร้อมออกเดินทาง

ในขณะที่มิร่ากำลังจะออกเดินทาง พี่ชายของเครียร์ก็เดินมาหานางเพื่อจะบอกบางสิ่ง

“มิร่า ข้าขอไปส่งเจ้าจนกว่าจะออกเขตหมู่บ้านได้หรือไม่?” พี่ชายของเครียร์กล่าว

“..” มิร่าไม่ตอบอะไร

“ข้าแค่ อยากทำ..เจ้าคงลำบากใจสินะ” พี่ชายของเครียร์กล่าว

“ไม่ ข้าก็แค่กลัวว่าขากลับจะมีอันตราย” มิร่ากล่าว

“ไม่เป็นไรเห็นอย่างงี้ข้าก็พอมีวิชาดาบติดตัวอยู่บ้าง..” พี่ชายของเครียร์กล่าว

“โอเคข้าเข้าใจ..แล้ว” มิร่ากล่าวไม่ทันจะจบก็มีเสียงควบม้าจำนวนมากดังใกล้เข้ามา

มิร่าที่ได้ยินเสียงควบม้า นางจึงเดินออกมาดู ภาพตรงหน้าของนางคือกลุ่มอัศวินของศัตรูจำนวน 20 กว่าคนกำลังควบม้ามาทางหมู่บ้าน

มิร่าที่เห็นดังนั้นนางจึงรีบหลบซ่อนตัวไว้เพื่อไม่ให้ศัตรูเห็นนางพวกมันอยู่บนม้านั้นจะทำให้นางสู้ลำบาก

“นาย นายชื่ออะไร” มิร่าพูดกับพี่ชายของเครียร์

“ข้าหรอข้าชื่อเว็นเดอร์” พี่ชายของเครียร์กล่าว

“เอาล่ะเว็นเดอร์ฟังข้า เจ้าพาครอบครัวของเจ้าไปซ่อนส่ะ” มิร่ากล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง

“กะ..เกิดอะไรขึ้น?” เว็นเดอร์กล่าวด้วยความตกใจ

“พวกศัตรูมันมาถึงแล้ว ไม่มีเวลาแล้วเจ้ารีบไปส่ะ” มิร่ากล่าวและพลักเว็นเดอร์ไปในบ้าน

เว็นเดอร์พาเครียร์และครอบครัวไปแอบในห้องเก็บอาหารใต้บ้านและซ่อนตัว พวกเขาแอบมองศัตรูผ่านช่องเล็กๆ

ไม่กี่นาทีต่อมาศัตรูมาถึงหมู่บ้านพวกมันลงจากม้าและเริ่มมองไปรอบๆเพื่อดูว่าบ้านหลังได้พอจะมีอาหารและของมีค่า

พวกศัตรูเริ่มกระจายตัวและเริ่มค้นสิ่งของต่างๆ ชาวบ้านทุกคนต่างหวาดกลัวไม่มีใครลุกขึ้นต่อสู้กับศัตรูแม้แต่คนเดียว 

ในวินาทีนั้น อัศวินของศัตรูคนหนึ่งมองมาเห็นม้าของมิร่า เขาต้องการที่จะนำมันกลับไปด้วยเขาเดินตรงมายังม้าของมิร่า แต่ในวินาทีนัั้นเองมิร่าที่แอบอยู่หลังคอกก็ชักดาบสัั้นของเธอออกมาและแทงไปที่คอหอยของอัศวินคนนั้น มิร่าฆ่าอัศวินคนนั้นโดยที่ไม่มีความหวาดกลัวได้ๆ สิ่งที่เธอฝึกมาและการสูญเสีย สกาเล็ตทำให้เธอเข้าใจว่าเธอต้องแข็งแกร่งขึ้น

มิร่าลากร่างของอัศวินคนนั้นมาซ่อน และทำเสียงดังเพื่อเรียกร้องความสนใจของอัศวินอีกคน อัศวินคนที่สองได้ยินและตกหลุมพรางของมิร่า.. เขาเดินเข้ามาแต่อัศวินคนนั้นกลับมองเห็นเลือดที่พื้นเสียก่อน

มิร่าเองก็รู้ตัวแล้วว่าอัศวินคนนั้นรู้ตัวเสียแล้ว เธอชักดาบยาวของเธอ ออกมาพร้อมกับเดินออกมาเผชิญหน้ากับศัตรู

มิร่ากวัดแกว่งดาบของเธอด้วยเพลงดาบอันงดงาม นางตัดคออัศวินศัตรูที่ใกล้ที่สุด ตอนนี้จำนวนศัตรูเหลือเพียง 18 คน

พวกมันมองเห็นเธอและเข้ามาจู่โจมนาง มิร่านางใช้ดาบและวิชาดาบของนางกวัดแกว่งต่อสู้ เสียงดาบปะทะดุเดือดดังอยู่หลายนาที นางใช้ความคล่องตัวและหยิบดาบสั้นของนางขึ้นมาใช้อีกมือ นางสามารถสังหารศัตรูไปได้ถึง 5 คนแต่นั้นเองก็ไม่อาจมากพอ

มิร่าได้พยามต่อสู้อยู่หลายนาทีจนกระทั่ง นางเสียหลักและล้มลง..

“เจ้าสู้ได้ดีทีเดียวสำหรับตัวคนเดียว” อัศวินฝ่ายศัตรูกล่าว

“ข้าขอดูหน้าเจ้าหน่อยเถอะ” อัศวินฝ่ายศัตรูกล่าวและดึงหมวกของมิร่าออก

“เจ้าเป็นหญิงนิ หน้าตาเจ้าก็ถือว่าสวย ข้าว่าข้าจับเจ้ากลับไป บำเรอเหล่าเพื่อนข้าที่ค่ายดีกว่า” อัศวินฝ่ายศัตรูกล่าวและยิ้ม

“เจ้าฆ่า ข้าเสียเถอะ ไอชา*หม*เอ้ย” มิร่ากล่าวและต่อยไปที่หน้าของมัน

“หน่อยแก กล้านัก” อัศวินศัตรูยกดาบขึ้นมาและฟาดลงอย่างรวดเร็ว

ในขณะที่มิร่ากำลังจะถูกฟัน เครียร์และเว็นเดอร์ก็มองเธออยู่พวกเขากำลังเสียใจเป็นอย่างมากที่ไม่สามารถช่วยอะไรเธอได้

“อั้ก..” เสียงของมิร่าที่ถูกฟัดไหล่ โชคยังดีที่เกราะป้องกันเธอจากคมดาบ ทำให้เธอได้รับบาดเจ็บถึงเช่นนั้นมันก็ลึกพอจะทำให้เธอเสียเลือดจนตายได้

“ไหนดูซิ๊ว่าเจ้าจะเก่งได้สักแค่ไหนกันเชียว” อัศวินศัตรูเดินเข้ามาและเริ่มกระชากเสื้อและชุดเกราะของนางออก

มิร่าที่บาดเจ็บกำลังหมดแรงนางไม่มีแรงมากพอที่จะขัดขืนได้

ทันใดนั้น เว็นเดอร์ก็เดินออกมาและชักดาบของเขาเพื่อพร้อมต่อสู้ อัศวินที่กำลังจะข่มขืนนางลุกเพื่อไปฆ่าเขา

มิร่าที่กำลังจะหมดสติ ภาพสุดท้ายตรงหน้าของนางคือภาพของ เว็นเดอร์พุ่งเข้ามาต่อสู้กับเหล่าศัตรู

“นี่มันช่างเป็นการต่อสู้ที่ไม่คุ้มค่า เจ้าน่าซ่อนอยู่ที่นั้น เจ้าออกมาทำไม” มิร่าคิดสิ่งนี้ในหัวตลอดในขณะที่สติของเธอกำลังจะหมดไป

 

จบตอน

 

 

 

 

 

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+