ลำนำพระเจ้าขวดโหล 0 สุญญตา

Now you are reading ลำนำพระเจ้าขวดโหล Chapter 0 สุญญตา at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“เราคือพระเจ้า” เธอกล่าว

“พระเจ้าตายแล้ว” เขาตอบ

“พระเจ้าไม่มีวันตาย” เธอแย้ง

“ผู้ไม่ตายย่อมไร้ชีวิต ผู้ไร้ชีวิตมิใช่พระเจ้า” เขาสวน

“เช่นนั้น เราคือสิ่งใดหากมิใช่พระเจ้า” เธอถาม

“ท่านคือ—”

ผมเคยมีความเชื่อที่ว่า มนุษย์เราเกิดมาเพื่อจุดประสงค์อะไรบางอย่าง เกิดมาพร้อมกับความสามารถพิเศษบางอย่าง และจะต้องสร้างอะไรที่ยิ่งใหญ่ให้กับโลกก่อนตาย

เมื่อโตขึ้นถึงได้รู้ว่าความเชื่อนี้เป็นเพียงเรื่องเพ้อฝัน

โลกกว้างใหญ่เกินกว่าจะให้โอกาสแก่มนุษย์ทุกคน และพระเจ้าก็ไม่ใจดีกับมนุษย์เท่าที่พวกเขาต้องการ หรือไม่ก็คงไม่มีพระเจ้าอะไรนั่นตั้งแต่แรก

ใจจริงก็ควรบอกว่าพระเจ้าเป็นแค่เรื่องโกหก แต่ฐานะของผมในตอนนี้อาจจะพูดอะไรแบบนั้นไม่ได้

“ลัวร์! ไปหยิบเครื่องเซ่นมาให้แม่หน่อย!” เสียงดังมาจากชั้นล่างของบ้าน เป็นเสียงที่มักได้ยินในทุก ๆ เช้า เสียงของคุณแม่ที่กำลังเตรียมของสำหรับพิธีอะไรสักอย่าง

พ่อของผมทำงานเป็นร่างทรง แม่ของผมเป็นผู้ช่วย ส่วนบ้านก็เปิดเป็นศาลเจ้า อาจกล่าวได้ว่าเป็นธุรกิจครอบครัวก็คงไม่ผิดนัก ส่วนผมเป็นคนที่ต้องรอสืบทอดกิจการต่อจากคุณพ่อ ตอนนี้ก็เลยต้องศึกษาดูงานไว้ก่อน ว่ากันว่าพ่อผมทำหน้าที่ร่างทรงได้น่าเลื่อมใสมาก ใครมาขออะไรก็ได้สมปรารถนา ศาลเจ้าก็เลยมีชื่อเสียงในด้านดี ถ้าพ่อตายไป งานนี้ก็จะตกเป็นของผม อย่างน้อยก็น่าจะเป็นแหล่งเงินได้ระยะสั้นยามที่เงินหมด แต่ถ้าโดนจับไต๋ได้ก็จบเห่ คนจะรู้ว่าผมเป็นพวกต้มตุ๋น สุดท้ายก็จะได้ไปนอนในซังเต

แต่ก็ช่างนั่นปะไร ไม่ใช่เรื่องที่ต้องกังวลในตอนนี้

ผมเริ่มเตรียมเครื่องเซ่นตามที่แม่สั่ง เริ่มจากรินน้ำแร่ใส่จอกสามจอก เคลือบริมจอกด้วยพิษกลิ่นแอลมอนด์ ผสมรากบัวบดละเอียดลงไปในน้ำ ปรุงรสด้วยสมุนไพรอีกเจ็ดชนิดและยาพิษอีกหกอย่าง ได้ออกมาเป็นเครื่องดื่มที่ไม่มีทางดื่มได้ เพราะแบบนี้ถึงได้เป็นแค่เครื่องเซ่นให้กับเทพเจ้า

สูตรผสมเครื่องเซ่นสืบทอดกันมาตามตำราที่ตกทอดมาของตระกูล ไม่มีต้นตอแน่ชัดว่าทำไมถึงต้องเป็นแบบนี้ แต่พ่อก็กำชับว่าต้องทำตามสูตรทุกอย่าง ห้ามผิดไปแม้แต่ประการเดียว ผมก็เลยต้องรับปากไปอย่างปฏิเสธไม่ได้

พูดกันตามตรง ผมไม่คิดว่าสิ่งที่เขียนอยู่ในตำราเล่มนั้นจะหมายความตามตัวอักษร แต่น่าจะเป็นความเปรียบอะไรบางอย่างเสียมากกว่า ปัญหาคือเปรียบกับอะไรนี่สิ

ตำราเล่มนั้นถูกเรียกว่า จันทรคีตา หรือ ลำนำแห่งจันทรา เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับเทพแห่งดวงจันทร์ที่ครองรักกับมนุษย์ จนถึงวันที่มนุษย์นั้นสิ้นอายุขัย เทพแห่งดวงจันทร์จึงกลับไปยังดวงจันทร์และไม่ปรากฏตัวออกมาอีกเลย คนที่ได้รับเชื้อสายสืบทอดจากเทพแห่งดวงจันทร์จะสามารถใช้พลังของเทพได้เมื่อเกิดจันทรุปราคา โดยต้องดื่มเครื่องเซ่นที่อาบแสงสุริยุปราคาภายใต้เงาของจันทรุปราคา แล้วจึงจะสามารถทำให้สิ่งที่ปรารถนาเป็นจริงได้หนึ่งข้อ

พ่อของผมตัดส่วนยุ่งยากออกทั้งหมดเหลือแค่เรื่องการทำเครื่องเซ่น แต่ก็เหมือนจะทำให้ความปรารถนาของคนเป็นจริงได้อยู่ ผมก็เลยไม่คิดว่าเรื่องในตำราเล่มนั้นจะเชื่อถือได้เท่าไหร่นัก คงจะเป็นแค่นิทานปรัมปราไว้หลอกเด็กหรืออะไรแบบนั้น ส่วนพ่อผมน่าจะแค่โชคดีหรือมีวาทศิลป์ทำให้คนเชื่อว่าเป้าหมายของตัวเองบรรลุแล้ว ไม่มีเรื่องเทพอะไรมาเกี่ยวข้องทั้งสิ้น พิธีก็มีไว้หลอกให้คนเชื่อเฉย ๆ

แต่ในฐานะของคนที่ใช้เงินจากผู้ศรัทธาแบบผมคงไม่มีสิทธิ์ทุบหม้อข้าวตัวเอง

ผมยกเครื่องเซ่นทั้งสามจอกลงไปยังโถงประกอบพิธี ด้วยความที่พ่อใช้บ้านทั้งหลังเป็นศาลเจ้า พื้นที่ของบ้านก็เลยมีค่อนข้างมาก โถงประกอบพิธีก็เป็นหนึ่งในนั้น ถ้าบริเวณสำหรับอยู่อาศัยนับเป็นหลังบ้าน โถงประกอบพิธีก็นับเป็นหน้าบ้าน เป็นโถงปิดที่มีประตูเลื่อนมือขนาดใหญ่กั้นไว้จากโลกภายนอก

“ชาวันนี้กลิ่นไม่ดีเลยนะ” พ่อของผมทักขึ้นมาระหว่างที่ผมกำลังวางเครื่องเซ่น ไม่รู้ว่าพ่อต้องการจะสื่ออะไร แต่ผมไม่มีทางผสมเครื่องเซ่นผิดแน่นอน 

“ลูกไม่ได้หยดน้ำผึ้งเหรอ” เป็นคำที่พ่อพูดขึ้นมาหลังจากที่ผมคิดเช่นนั้น ผมไม่ได้หยดน้ำผึ้งลงไปก็จริง แต่นั่นก็เพราะว่าสูตรไม่ได้เขียนไว้ “ช่างเถอะ ชาขมหน่อยก็ไม่เป็นไร” พ่อถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย จะขมหรือไม่ขมก็ไม่น่าจะเกี่ยวกับเครื่องเซ่นหรือเปล่านะ ปกติเครื่องเซ่นก็ไม่ได้มีไว้ดื่มอยู่แล้ว

 

และนั่นก็เป็นความผิดพลาดครั้งใหญ่ครั้งแรกในชีวิตของผม

 

ความจริงแล้วสิ่งที่ผมต้องปรุงไม่ใช่เครื่องเซ่นที่เต็มไปด้วยยาพิษ แต่เป็นชาสมุนไพรสำหรับต้อนรับแขกที่เป็นคนใหญ่คนโต ส่วนเครื่องเซ่นนั่นก็ต้องเอาไปให้แม่ ไม่ใช่พ่อ

กว่าจะรู้ตัวก็สายไปเสียแล้ว

ผมเผลอวางยาพิษขั้นรุนแรงกับคนใหญ่คนโตของประเทศโดยไม่ตั้งใจ

และในวันต่อมา ทั้งตำรวจและทหารก็กรูเข้ามาจับพ่อและแม่ของผมไปเข้าเรือนจำในข้อหาฆาตกรรมโดยไตร่ตรองไว้ก่อน

 

เป็นอันปิดทำการศาลเจ้าชื่อดังไว้ ณ เหตุนี้

 

ผมเคยมีความเชื่อที่ว่า มนุษย์เราเกิดมาเพื่อจุดประสงค์อะไรบางอย่าง เกิดมาพร้อมกับความสามารถพิเศษบางอย่าง และจะต้องสร้างอะไรที่ยิ่งใหญ่ให้กับโลกก่อนตาย

เมื่อโตขึ้นถึงได้รู้ว่าการพยายามมากเกินไปก็สร้างความบรรลัยได้เหมือนกัน

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ลำนำพระเจ้าขวดโหล 0 สุญญตา

Now you are reading ลำนำพระเจ้าขวดโหล Chapter 0 สุญญตา at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“เราคือพระเจ้า” เธอกล่าว

“พระเจ้าตายแล้ว” เขาตอบ

“พระเจ้าไม่มีวันตาย” เธอแย้ง

“ผู้ไม่ตายย่อมไร้ชีวิต ผู้ไร้ชีวิตมิใช่พระเจ้า” เขาสวน

“เช่นนั้น เราคือสิ่งใดหากมิใช่พระเจ้า” เธอถาม

“ท่านคือ—”

ผมเคยมีความเชื่อที่ว่า มนุษย์เราเกิดมาเพื่อจุดประสงค์อะไรบางอย่าง เกิดมาพร้อมกับความสามารถพิเศษบางอย่าง และจะต้องสร้างอะไรที่ยิ่งใหญ่ให้กับโลกก่อนตาย

เมื่อโตขึ้นถึงได้รู้ว่าความเชื่อนี้เป็นเพียงเรื่องเพ้อฝัน

โลกกว้างใหญ่เกินกว่าจะให้โอกาสแก่มนุษย์ทุกคน และพระเจ้าก็ไม่ใจดีกับมนุษย์เท่าที่พวกเขาต้องการ หรือไม่ก็คงไม่มีพระเจ้าอะไรนั่นตั้งแต่แรก

ใจจริงก็ควรบอกว่าพระเจ้าเป็นแค่เรื่องโกหก แต่ฐานะของผมในตอนนี้อาจจะพูดอะไรแบบนั้นไม่ได้

“ลัวร์! ไปหยิบเครื่องเซ่นมาให้แม่หน่อย!” เสียงดังมาจากชั้นล่างของบ้าน เป็นเสียงที่มักได้ยินในทุก ๆ เช้า เสียงของคุณแม่ที่กำลังเตรียมของสำหรับพิธีอะไรสักอย่าง

พ่อของผมทำงานเป็นร่างทรง แม่ของผมเป็นผู้ช่วย ส่วนบ้านก็เปิดเป็นศาลเจ้า อาจกล่าวได้ว่าเป็นธุรกิจครอบครัวก็คงไม่ผิดนัก ส่วนผมเป็นคนที่ต้องรอสืบทอดกิจการต่อจากคุณพ่อ ตอนนี้ก็เลยต้องศึกษาดูงานไว้ก่อน ว่ากันว่าพ่อผมทำหน้าที่ร่างทรงได้น่าเลื่อมใสมาก ใครมาขออะไรก็ได้สมปรารถนา ศาลเจ้าก็เลยมีชื่อเสียงในด้านดี ถ้าพ่อตายไป งานนี้ก็จะตกเป็นของผม อย่างน้อยก็น่าจะเป็นแหล่งเงินได้ระยะสั้นยามที่เงินหมด แต่ถ้าโดนจับไต๋ได้ก็จบเห่ คนจะรู้ว่าผมเป็นพวกต้มตุ๋น สุดท้ายก็จะได้ไปนอนในซังเต

แต่ก็ช่างนั่นปะไร ไม่ใช่เรื่องที่ต้องกังวลในตอนนี้

ผมเริ่มเตรียมเครื่องเซ่นตามที่แม่สั่ง เริ่มจากรินน้ำแร่ใส่จอกสามจอก เคลือบริมจอกด้วยพิษกลิ่นแอลมอนด์ ผสมรากบัวบดละเอียดลงไปในน้ำ ปรุงรสด้วยสมุนไพรอีกเจ็ดชนิดและยาพิษอีกหกอย่าง ได้ออกมาเป็นเครื่องดื่มที่ไม่มีทางดื่มได้ เพราะแบบนี้ถึงได้เป็นแค่เครื่องเซ่นให้กับเทพเจ้า

สูตรผสมเครื่องเซ่นสืบทอดกันมาตามตำราที่ตกทอดมาของตระกูล ไม่มีต้นตอแน่ชัดว่าทำไมถึงต้องเป็นแบบนี้ แต่พ่อก็กำชับว่าต้องทำตามสูตรทุกอย่าง ห้ามผิดไปแม้แต่ประการเดียว ผมก็เลยต้องรับปากไปอย่างปฏิเสธไม่ได้

พูดกันตามตรง ผมไม่คิดว่าสิ่งที่เขียนอยู่ในตำราเล่มนั้นจะหมายความตามตัวอักษร แต่น่าจะเป็นความเปรียบอะไรบางอย่างเสียมากกว่า ปัญหาคือเปรียบกับอะไรนี่สิ

ตำราเล่มนั้นถูกเรียกว่า จันทรคีตา หรือ ลำนำแห่งจันทรา เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับเทพแห่งดวงจันทร์ที่ครองรักกับมนุษย์ จนถึงวันที่มนุษย์นั้นสิ้นอายุขัย เทพแห่งดวงจันทร์จึงกลับไปยังดวงจันทร์และไม่ปรากฏตัวออกมาอีกเลย คนที่ได้รับเชื้อสายสืบทอดจากเทพแห่งดวงจันทร์จะสามารถใช้พลังของเทพได้เมื่อเกิดจันทรุปราคา โดยต้องดื่มเครื่องเซ่นที่อาบแสงสุริยุปราคาภายใต้เงาของจันทรุปราคา แล้วจึงจะสามารถทำให้สิ่งที่ปรารถนาเป็นจริงได้หนึ่งข้อ

พ่อของผมตัดส่วนยุ่งยากออกทั้งหมดเหลือแค่เรื่องการทำเครื่องเซ่น แต่ก็เหมือนจะทำให้ความปรารถนาของคนเป็นจริงได้อยู่ ผมก็เลยไม่คิดว่าเรื่องในตำราเล่มนั้นจะเชื่อถือได้เท่าไหร่นัก คงจะเป็นแค่นิทานปรัมปราไว้หลอกเด็กหรืออะไรแบบนั้น ส่วนพ่อผมน่าจะแค่โชคดีหรือมีวาทศิลป์ทำให้คนเชื่อว่าเป้าหมายของตัวเองบรรลุแล้ว ไม่มีเรื่องเทพอะไรมาเกี่ยวข้องทั้งสิ้น พิธีก็มีไว้หลอกให้คนเชื่อเฉย ๆ

แต่ในฐานะของคนที่ใช้เงินจากผู้ศรัทธาแบบผมคงไม่มีสิทธิ์ทุบหม้อข้าวตัวเอง

ผมยกเครื่องเซ่นทั้งสามจอกลงไปยังโถงประกอบพิธี ด้วยความที่พ่อใช้บ้านทั้งหลังเป็นศาลเจ้า พื้นที่ของบ้านก็เลยมีค่อนข้างมาก โถงประกอบพิธีก็เป็นหนึ่งในนั้น ถ้าบริเวณสำหรับอยู่อาศัยนับเป็นหลังบ้าน โถงประกอบพิธีก็นับเป็นหน้าบ้าน เป็นโถงปิดที่มีประตูเลื่อนมือขนาดใหญ่กั้นไว้จากโลกภายนอก

“ชาวันนี้กลิ่นไม่ดีเลยนะ” พ่อของผมทักขึ้นมาระหว่างที่ผมกำลังวางเครื่องเซ่น ไม่รู้ว่าพ่อต้องการจะสื่ออะไร แต่ผมไม่มีทางผสมเครื่องเซ่นผิดแน่นอน 

“ลูกไม่ได้หยดน้ำผึ้งเหรอ” เป็นคำที่พ่อพูดขึ้นมาหลังจากที่ผมคิดเช่นนั้น ผมไม่ได้หยดน้ำผึ้งลงไปก็จริง แต่นั่นก็เพราะว่าสูตรไม่ได้เขียนไว้ “ช่างเถอะ ชาขมหน่อยก็ไม่เป็นไร” พ่อถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย จะขมหรือไม่ขมก็ไม่น่าจะเกี่ยวกับเครื่องเซ่นหรือเปล่านะ ปกติเครื่องเซ่นก็ไม่ได้มีไว้ดื่มอยู่แล้ว

 

และนั่นก็เป็นความผิดพลาดครั้งใหญ่ครั้งแรกในชีวิตของผม

 

ความจริงแล้วสิ่งที่ผมต้องปรุงไม่ใช่เครื่องเซ่นที่เต็มไปด้วยยาพิษ แต่เป็นชาสมุนไพรสำหรับต้อนรับแขกที่เป็นคนใหญ่คนโต ส่วนเครื่องเซ่นนั่นก็ต้องเอาไปให้แม่ ไม่ใช่พ่อ

กว่าจะรู้ตัวก็สายไปเสียแล้ว

ผมเผลอวางยาพิษขั้นรุนแรงกับคนใหญ่คนโตของประเทศโดยไม่ตั้งใจ

และในวันต่อมา ทั้งตำรวจและทหารก็กรูเข้ามาจับพ่อและแม่ของผมไปเข้าเรือนจำในข้อหาฆาตกรรมโดยไตร่ตรองไว้ก่อน

 

เป็นอันปิดทำการศาลเจ้าชื่อดังไว้ ณ เหตุนี้

 

ผมเคยมีความเชื่อที่ว่า มนุษย์เราเกิดมาเพื่อจุดประสงค์อะไรบางอย่าง เกิดมาพร้อมกับความสามารถพิเศษบางอย่าง และจะต้องสร้างอะไรที่ยิ่งใหญ่ให้กับโลกก่อนตาย

เมื่อโตขึ้นถึงได้รู้ว่าการพยายามมากเกินไปก็สร้างความบรรลัยได้เหมือนกัน

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+