ศึกสยิวเกราะศาสตรา 6

Now you are reading ศึกสยิวเกราะศาสตรา Chapter 6 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

 

ตอนที่หก อีเว้นสอนเล่นที่รอคอยมั้ง? 

 

ผมที่ต่อแถวลงทะเบียนผู้ใช้อาร์มอยู่นั้น ก็สังเกตเห็นเด็กสาวหน้าตาน่ารักที่น่าจะเป็นหนึ่งในนางเอกของเกมอีกคนนึง เธอมันรูปลักษณ์ที่เรียกได้ว่าสง่างามถึงแม้ว่าจะมีใบหน้าที่น่ารักก็ตาม 

 

ร่างระหงษ์มีเรือนผมสีบลอนด์ทองยาวถึงกลางหลัง และดวงตาสีฟ้ากลมโต เด็กสาวที่อยู่ในชุดกระโปรงยาวมีบรรยากาศราวกับเจ้าหญิงในนิทาน ถ้าคุณน้องสาวเปรียบได้กับตุ๊กตาญี่ปุ่น เด็กคนนี้ก็เหมือนตุ๊กตากระเบื้องที่แต่งกายในชุดเจ้าหญิง 

 

ทั้งดูน่ารักและสูงส่ง ทุกท้วงท่ากิริยาการเดินการยืนของเด็กสาวก็บ่งบอกราศีชัดเจนว่าเด็กคนนี้ไม่ธรรมดาแน่นอน แต่น่าเสียดายที่คิวของเธอห่างจากผมไปมากเลยไม่น่าจะมีโอกาสได้พูดคุยกัน 

 

ช่วยไม่ได้ล่ะนะผมรุกคุณน้องสาวไปตั้งขนาดนั้นรูทคนอื่นคงหมดสิทธิ์แล้วล่ะ 

 

“สวัสดีค่ะ มาลงทะเบียนผู้ใช้อาร์มใช่ไหมคะ? มีสังกัดอยู่แล้วหรืออิสระคะ?” 

 

หลังจากต่อแถวจนแทบจะยืนหลับในที่สุดก็ถึงคิวของผม ว่าแต่ไอ้มีสังกัดกับอิสระนี่มันอะไรกัน 

 

“ทำหน้าแบบนั้นไม่รู้จักสินะคะ ไม่เป็นไรค่ะเพราะหลังสงครามจบ อาร์มก็กลายเป็นกีฬาชนิดนึงดังนั้นตอนนี้จึงมีพวกลูกคนมีเงินหรือขุนนางมาสมัครโดยไม่ทราบรายละเอียดเยอะเหมือนกัน ปล่อยให้เป็นหน้าที่ฉันอธิบายเองค่ะ” คุณพนักงานสาวส่งยิ้มกว้างและชูนิ้วโป้งมาให้ผม 

 

จากที่ฟังคุณพนักงานอธิบายซะยืดยาวจนผมเลิกสงสัยเลยว่าทำไมการต่อแถวลงทะเบียนมันนานนัก สรุปความได้ว่าปัจจุบันอาร์มถูกใช้ในภารกิจและเกมประลองรูปแบบต่างๆ โดยในหมู่ผู้ใช้อาร์มเองก็มีคนจับกลุ่มกันเพื่อทำกิจกรรมในรูปแบบต่างๆได้ง่ายขึ้น โดยสองถึงสี่คนเรียกว่าปาร์ตี้(Party) และมากกว่านั้นจะเรียกว่าแคลน(Clan) การสังกัดแคลนก็เหมือนการอยู่ภายใต้บริษัทเอกชนยิ่งแคลนโด่งดังก็ยิ่งมีความน่าเชื่อถือ 

 

“อิสระมั้งครับ?” 

 

ผมไม่แน่ใจเท่าไหร่เพราะดูๆไปแล้วคุณน้องสาวนั้นสังกัดรัฐบาลกลาง ผมเลยไม่แน่ใจว่าผมต้องลงทะเบียนยังไงกันแน่ 

 

“มั้งเหรอคะ? ทำไมถึงไม่แน่ใจล่ะคะมีใครแนะนำมาเหรอคะ?” 

 

“น้องสาวครับ” 

 

“ขอทราบชื่อคุณน้องสาวได้ไหมคะ?” 

 

“เวนดี้ครับ เวนดี้ครอสโอเวอร์” 

 

“งั้นคุณก็คือคุณชายครูส งั้นคงต้องลงทะเบียนเป็นอิสระแหละค่ะจะเข้ากองทัพต้องไปสมัครที่กระทรวงอีกทีนะคะ เอาล่ะแตะมือสแกนที่แผ่นเหล็กสีดำตรงนั้นได้เลยค่ะ” 

 

ผมวางมือลงบนแผ่นเหล็กสีดำอยู่ครู่นึงเป็นอันลงทะเบียนเสร็จ แล้วเมื่อผมเดินออกมาจากจุดลงทะเบียน ผมก็ตระหนักได้ว่าคนที่ทำให้การลงทะเบียนนั้นมันนานก็คือคุณพนักงานประชาสัมพันธ์นั่นเอง 

 

“เฮ้ น้องสาวสนใจมาเข้าแคลนพี่ไหมจ้ะ” 

 

“มะ..ไม่ค่ะ”

 

ระหว่างผมที่กำลังยืนทำหน้างง กวาดสายตามองหาคุณน้องสาวที่เกิดอาการขี้อายฉับพลันแล้วทิ้งผมไว้ที่นี่ ผมก็ดันไปได้ยินบทสนทนาสุดแสนจะน่าสนใจเข้าให้ 

 

ในฐานะที่ผมเป็นคนที่มีนิสัยใฝ่รู้(?)มาตั้งแต่เด็กผมจึงขยับเข้าไปฟังใกล้ๆเพื่อให้ความรู้รอบตัว ฮ่าๆ บทสนทนาของเอ็นพีซีเกมส่วนใหญ่มักจะเป็นไกด์ไม่ก็เควสลับที่ให้ของเด็ดๆทั้งนั้นแหละเพราะงั้น เข้าไปเสื…เฮ้ย!!หาความรู้โลด!! 

 

“แคลนพวกพี่น่ะดังระเบิดแถมยังมีทีมพาเด็กใหม่ทำภารกิจด้วยนะแรงค์อัพไวสุดๆ” 

 

“ไม่เข้าค่ะ” 

 

“น่าๆน้องสาวใจเย็นๆคุยกับพวกพี่ให้มากกว่านี้เดี๋ยวก็อยากเข้าเอง” 

 

“ไม่เข้าค่ะหลีกไปนะคะ” 

 

“เฮ้ยๆ มาผลักกันแบบนี้หาเรื่องกันนี่น้องสาวอยากเจอดีรึไง” 

 

ผมเจอมันแล้วล่ะครับ อีเว้นเริ่มเกมที่มีอันตพาลกระจอกๆมาให้ลองสกิล โดยปกติแล้วพวกนี้มักจะอ่อนแอสินะเพื่อให้ตัวเอกโชว์เท่ ผมลุยเลยแล้วกันไหนๆก็น่าจะเป็นการสอนเล่น 

 

“พวกคุณครับ” 

 

“อะไรวะไอ้หน้าอ่อนแคลนเราไม่รับผู้ชายหน้าอ่อนไร้น้ำยาอย่างแกหรอกไส้หัวไปไหนก็ไป” 

 

ปิ๊ด! 

 

ไอ้เวรตอนแรกอยากจะมาแบบสุภาพชน แบบนี้ผมคงต้องทำให้พวกตัวประกอบพวกนี้สำนึกถึงจุดยืนของมันบ้างแล้วจงเป็นเป้าลองสกิลซะพวกแก…เอ๋ลืมไปซะสนิทเลยผมไม่มีสกิลนี่หว่า 

 

ปึก! 

 

“หยาบคายที่สุดเลยค่ะ พวกคุณมันแย่ที่สุด” 

 

ดูเหมือนจะมีคนเดือดก่อนผมซะแล้ว คุณผู้หญิงที่อยู่ท่ามกลางวงล้อมเมื่อครู่ พอมาสังเกตดีๆเป็นคุณนางเอกที่ต่อแถวอยู่หน้าผมตะกี้นี่เอง แต่จะไม่เป็นไรเรอะคุณหนูเธอเองก็เพิ่งลงทะเบียนนะไปเตะหน้าแข้งหัวหน้าพวกมันอย่างนั้น 

 

“แก..” 

 

หัวหน้าของแก๊งอันตพาลกระจอกคำรามในลำคอด้วยความเดือดดาล 

 

“เป็นลูกแมวน้อยที่ซนจริงๆนะ แล้วก็บ็อกกาเจ้าอย่าถือสาเด็กใหม่เลย” 

 

แต่ก่อนที่เจ้าหัวหน้าแก๊งจะได้ทำอะไรก็ปรากฏร่างของหญิงสาวคนหนึ่งเดินเข้ามาแทรกเสียก่อนเธอคือคุณพนักงานประชาสัมพันธ์ที่จุดลงทะเบียนนั่นเอง 

 

“เจ๊แต่เธอเตะข้าก่อนนะ” 

 

“ใช่ๆลูกพี่รีเบกก้า ลูกพี่บ็อกกาโดนเตะก่อน” 

 

“ลูกพี่รีเบกก้าต้องให้ความเป็นธรรมกับลูกพี่บ็อกกานะ” 

 

เจ้าหัวโจกและเหล่าลิ่วล้อลงไปชักดิ้นชักงอโหวกเหวกโวยวายให้ประชาสัมพันธ์สาวฟังอย่างกับเด็กเล็กๆ 

 

เจ้าพวกบ้านี่มันอะไรกันนักกันหนานะแค่โดนผู้หญิงเตะเบาๆเรียกร้องราวกับโดนมีดแทง โตแต่ตัวกันแท้ๆ 

 

“เอางี้ล่ะกันไหนๆก็เป็นผู้ใช้อาร์มก็ไปวัดกันในสนามประลองแล้วกันให้ต่างฝ่ายส่งคนของตัวเองออกมาสู้ฝ่ายละคน ใครแพ้ก็ต้องทำตามผู้ชนะบอก” 

 

“โอเคตกลงครับเจ๊” 

 

“ฉันรับคำท้าค่ะ” 

 

เท่าเทียมก็บ้าแล้วไม่รู้ว่าคุณประชาสัมพันธ์สาวที่ชื่อรีเบกก้านั่นคิดอะไรอยู่ คุณนางเอกนั่นก็ด้วยตอบรับเร็วไปแล้วเฟ้ย 

 

ถ้าผมไม่รู้ว่านี่เป็นอีเว้นสอนเล่นนะคงวิ่งหนีไปแล้วล่ะ เพราะผมกับคุณนางเอกเพิ่งลงทะเบียนวันนี้ก็ต้องแรงค์หนึ่งกันทั้งคู่น่ะสิจะเอาอะไรไปสู้พวกแก๊งเด็กเกเรที่รวมตัวกันเป็นแคลนมานานแล้ว 

 

“ฝากด้วยนะคะ” 

 

คุณนางเอกหันมาแตะไหล่ผมและยิ้มให้ อื้ม!ดูจากสายตาแล้วคงไม่รู้ว่าผมแรงค์หนึ่งสินะ เอาล่ะทุกอย่างก็เหมือนที่คาดการไว้ล่ะนะ น่าจะพอไหวแหละมั้ง? 

 

ไม่ต้องห่วงนะน้องสาวเดี๋ยวพี่ชาย..ไม่สิคุณลุงสุดหล่อคนนี้จะตีก้นพวกเด็กเกเรให้ลายเอง 

 

ผมส่งยิ้มที่คิดว่าหล่อที่สุดในชีวิตกลับไป  

 

*ปล.เธอต่อแถวอยู่ข้างหน้าเลยไม่รู้ว่าตัวพระเอกเพิ่งลงทะเบียน

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ศึกสยิวเกราะศาสตรา 6

Now you are reading ศึกสยิวเกราะศาสตรา Chapter 6 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

 

ตอนที่หก อีเว้นสอนเล่นที่รอคอยมั้ง? 

 

ผมที่ต่อแถวลงทะเบียนผู้ใช้อาร์มอยู่นั้น ก็สังเกตเห็นเด็กสาวหน้าตาน่ารักที่น่าจะเป็นหนึ่งในนางเอกของเกมอีกคนนึง เธอมันรูปลักษณ์ที่เรียกได้ว่าสง่างามถึงแม้ว่าจะมีใบหน้าที่น่ารักก็ตาม 

 

ร่างระหงษ์มีเรือนผมสีบลอนด์ทองยาวถึงกลางหลัง และดวงตาสีฟ้ากลมโต เด็กสาวที่อยู่ในชุดกระโปรงยาวมีบรรยากาศราวกับเจ้าหญิงในนิทาน ถ้าคุณน้องสาวเปรียบได้กับตุ๊กตาญี่ปุ่น เด็กคนนี้ก็เหมือนตุ๊กตากระเบื้องที่แต่งกายในชุดเจ้าหญิง 

 

ทั้งดูน่ารักและสูงส่ง ทุกท้วงท่ากิริยาการเดินการยืนของเด็กสาวก็บ่งบอกราศีชัดเจนว่าเด็กคนนี้ไม่ธรรมดาแน่นอน แต่น่าเสียดายที่คิวของเธอห่างจากผมไปมากเลยไม่น่าจะมีโอกาสได้พูดคุยกัน 

 

ช่วยไม่ได้ล่ะนะผมรุกคุณน้องสาวไปตั้งขนาดนั้นรูทคนอื่นคงหมดสิทธิ์แล้วล่ะ 

 

“สวัสดีค่ะ มาลงทะเบียนผู้ใช้อาร์มใช่ไหมคะ? มีสังกัดอยู่แล้วหรืออิสระคะ?” 

 

หลังจากต่อแถวจนแทบจะยืนหลับในที่สุดก็ถึงคิวของผม ว่าแต่ไอ้มีสังกัดกับอิสระนี่มันอะไรกัน 

 

“ทำหน้าแบบนั้นไม่รู้จักสินะคะ ไม่เป็นไรค่ะเพราะหลังสงครามจบ อาร์มก็กลายเป็นกีฬาชนิดนึงดังนั้นตอนนี้จึงมีพวกลูกคนมีเงินหรือขุนนางมาสมัครโดยไม่ทราบรายละเอียดเยอะเหมือนกัน ปล่อยให้เป็นหน้าที่ฉันอธิบายเองค่ะ” คุณพนักงานสาวส่งยิ้มกว้างและชูนิ้วโป้งมาให้ผม 

 

จากที่ฟังคุณพนักงานอธิบายซะยืดยาวจนผมเลิกสงสัยเลยว่าทำไมการต่อแถวลงทะเบียนมันนานนัก สรุปความได้ว่าปัจจุบันอาร์มถูกใช้ในภารกิจและเกมประลองรูปแบบต่างๆ โดยในหมู่ผู้ใช้อาร์มเองก็มีคนจับกลุ่มกันเพื่อทำกิจกรรมในรูปแบบต่างๆได้ง่ายขึ้น โดยสองถึงสี่คนเรียกว่าปาร์ตี้(Party) และมากกว่านั้นจะเรียกว่าแคลน(Clan) การสังกัดแคลนก็เหมือนการอยู่ภายใต้บริษัทเอกชนยิ่งแคลนโด่งดังก็ยิ่งมีความน่าเชื่อถือ 

 

“อิสระมั้งครับ?” 

 

ผมไม่แน่ใจเท่าไหร่เพราะดูๆไปแล้วคุณน้องสาวนั้นสังกัดรัฐบาลกลาง ผมเลยไม่แน่ใจว่าผมต้องลงทะเบียนยังไงกันแน่ 

 

“มั้งเหรอคะ? ทำไมถึงไม่แน่ใจล่ะคะมีใครแนะนำมาเหรอคะ?” 

 

“น้องสาวครับ” 

 

“ขอทราบชื่อคุณน้องสาวได้ไหมคะ?” 

 

“เวนดี้ครับ เวนดี้ครอสโอเวอร์” 

 

“งั้นคุณก็คือคุณชายครูส งั้นคงต้องลงทะเบียนเป็นอิสระแหละค่ะจะเข้ากองทัพต้องไปสมัครที่กระทรวงอีกทีนะคะ เอาล่ะแตะมือสแกนที่แผ่นเหล็กสีดำตรงนั้นได้เลยค่ะ” 

 

ผมวางมือลงบนแผ่นเหล็กสีดำอยู่ครู่นึงเป็นอันลงทะเบียนเสร็จ แล้วเมื่อผมเดินออกมาจากจุดลงทะเบียน ผมก็ตระหนักได้ว่าคนที่ทำให้การลงทะเบียนนั้นมันนานก็คือคุณพนักงานประชาสัมพันธ์นั่นเอง 

 

“เฮ้ น้องสาวสนใจมาเข้าแคลนพี่ไหมจ้ะ” 

 

“มะ..ไม่ค่ะ”

 

ระหว่างผมที่กำลังยืนทำหน้างง กวาดสายตามองหาคุณน้องสาวที่เกิดอาการขี้อายฉับพลันแล้วทิ้งผมไว้ที่นี่ ผมก็ดันไปได้ยินบทสนทนาสุดแสนจะน่าสนใจเข้าให้ 

 

ในฐานะที่ผมเป็นคนที่มีนิสัยใฝ่รู้(?)มาตั้งแต่เด็กผมจึงขยับเข้าไปฟังใกล้ๆเพื่อให้ความรู้รอบตัว ฮ่าๆ บทสนทนาของเอ็นพีซีเกมส่วนใหญ่มักจะเป็นไกด์ไม่ก็เควสลับที่ให้ของเด็ดๆทั้งนั้นแหละเพราะงั้น เข้าไปเสื…เฮ้ย!!หาความรู้โลด!! 

 

“แคลนพวกพี่น่ะดังระเบิดแถมยังมีทีมพาเด็กใหม่ทำภารกิจด้วยนะแรงค์อัพไวสุดๆ” 

 

“ไม่เข้าค่ะ” 

 

“น่าๆน้องสาวใจเย็นๆคุยกับพวกพี่ให้มากกว่านี้เดี๋ยวก็อยากเข้าเอง” 

 

“ไม่เข้าค่ะหลีกไปนะคะ” 

 

“เฮ้ยๆ มาผลักกันแบบนี้หาเรื่องกันนี่น้องสาวอยากเจอดีรึไง” 

 

ผมเจอมันแล้วล่ะครับ อีเว้นเริ่มเกมที่มีอันตพาลกระจอกๆมาให้ลองสกิล โดยปกติแล้วพวกนี้มักจะอ่อนแอสินะเพื่อให้ตัวเอกโชว์เท่ ผมลุยเลยแล้วกันไหนๆก็น่าจะเป็นการสอนเล่น 

 

“พวกคุณครับ” 

 

“อะไรวะไอ้หน้าอ่อนแคลนเราไม่รับผู้ชายหน้าอ่อนไร้น้ำยาอย่างแกหรอกไส้หัวไปไหนก็ไป” 

 

ปิ๊ด! 

 

ไอ้เวรตอนแรกอยากจะมาแบบสุภาพชน แบบนี้ผมคงต้องทำให้พวกตัวประกอบพวกนี้สำนึกถึงจุดยืนของมันบ้างแล้วจงเป็นเป้าลองสกิลซะพวกแก…เอ๋ลืมไปซะสนิทเลยผมไม่มีสกิลนี่หว่า 

 

ปึก! 

 

“หยาบคายที่สุดเลยค่ะ พวกคุณมันแย่ที่สุด” 

 

ดูเหมือนจะมีคนเดือดก่อนผมซะแล้ว คุณผู้หญิงที่อยู่ท่ามกลางวงล้อมเมื่อครู่ พอมาสังเกตดีๆเป็นคุณนางเอกที่ต่อแถวอยู่หน้าผมตะกี้นี่เอง แต่จะไม่เป็นไรเรอะคุณหนูเธอเองก็เพิ่งลงทะเบียนนะไปเตะหน้าแข้งหัวหน้าพวกมันอย่างนั้น 

 

“แก..” 

 

หัวหน้าของแก๊งอันตพาลกระจอกคำรามในลำคอด้วยความเดือดดาล 

 

“เป็นลูกแมวน้อยที่ซนจริงๆนะ แล้วก็บ็อกกาเจ้าอย่าถือสาเด็กใหม่เลย” 

 

แต่ก่อนที่เจ้าหัวหน้าแก๊งจะได้ทำอะไรก็ปรากฏร่างของหญิงสาวคนหนึ่งเดินเข้ามาแทรกเสียก่อนเธอคือคุณพนักงานประชาสัมพันธ์ที่จุดลงทะเบียนนั่นเอง 

 

“เจ๊แต่เธอเตะข้าก่อนนะ” 

 

“ใช่ๆลูกพี่รีเบกก้า ลูกพี่บ็อกกาโดนเตะก่อน” 

 

“ลูกพี่รีเบกก้าต้องให้ความเป็นธรรมกับลูกพี่บ็อกกานะ” 

 

เจ้าหัวโจกและเหล่าลิ่วล้อลงไปชักดิ้นชักงอโหวกเหวกโวยวายให้ประชาสัมพันธ์สาวฟังอย่างกับเด็กเล็กๆ 

 

เจ้าพวกบ้านี่มันอะไรกันนักกันหนานะแค่โดนผู้หญิงเตะเบาๆเรียกร้องราวกับโดนมีดแทง โตแต่ตัวกันแท้ๆ 

 

“เอางี้ล่ะกันไหนๆก็เป็นผู้ใช้อาร์มก็ไปวัดกันในสนามประลองแล้วกันให้ต่างฝ่ายส่งคนของตัวเองออกมาสู้ฝ่ายละคน ใครแพ้ก็ต้องทำตามผู้ชนะบอก” 

 

“โอเคตกลงครับเจ๊” 

 

“ฉันรับคำท้าค่ะ” 

 

เท่าเทียมก็บ้าแล้วไม่รู้ว่าคุณประชาสัมพันธ์สาวที่ชื่อรีเบกก้านั่นคิดอะไรอยู่ คุณนางเอกนั่นก็ด้วยตอบรับเร็วไปแล้วเฟ้ย 

 

ถ้าผมไม่รู้ว่านี่เป็นอีเว้นสอนเล่นนะคงวิ่งหนีไปแล้วล่ะ เพราะผมกับคุณนางเอกเพิ่งลงทะเบียนวันนี้ก็ต้องแรงค์หนึ่งกันทั้งคู่น่ะสิจะเอาอะไรไปสู้พวกแก๊งเด็กเกเรที่รวมตัวกันเป็นแคลนมานานแล้ว 

 

“ฝากด้วยนะคะ” 

 

คุณนางเอกหันมาแตะไหล่ผมและยิ้มให้ อื้ม!ดูจากสายตาแล้วคงไม่รู้ว่าผมแรงค์หนึ่งสินะ เอาล่ะทุกอย่างก็เหมือนที่คาดการไว้ล่ะนะ น่าจะพอไหวแหละมั้ง? 

 

ไม่ต้องห่วงนะน้องสาวเดี๋ยวพี่ชาย..ไม่สิคุณลุงสุดหล่อคนนี้จะตีก้นพวกเด็กเกเรให้ลายเอง 

 

ผมส่งยิ้มที่คิดว่าหล่อที่สุดในชีวิตกลับไป  

 

*ปล.เธอต่อแถวอยู่ข้างหน้าเลยไม่รู้ว่าตัวพระเอกเพิ่งลงทะเบียน

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ศึกสยิวเกราะศาสตรา 6

Now you are reading ศึกสยิวเกราะศาสตรา Chapter 6 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

 

ตอนที่หก อีเว้นสอนเล่นที่รอคอยมั้ง? 

 

ผมที่ต่อแถวลงทะเบียนผู้ใช้อาร์มอยู่นั้น ก็สังเกตเห็นเด็กสาวหน้าตาน่ารักที่น่าจะเป็นหนึ่งในนางเอกของเกมอีกคนนึง เธอมันรูปลักษณ์ที่เรียกได้ว่าสง่างามถึงแม้ว่าจะมีใบหน้าที่น่ารักก็ตาม 

 

ร่างระหงษ์มีเรือนผมสีบลอนด์ทองยาวถึงกลางหลัง และดวงตาสีฟ้ากลมโต เด็กสาวที่อยู่ในชุดกระโปรงยาวมีบรรยากาศราวกับเจ้าหญิงในนิทาน ถ้าคุณน้องสาวเปรียบได้กับตุ๊กตาญี่ปุ่น เด็กคนนี้ก็เหมือนตุ๊กตากระเบื้องที่แต่งกายในชุดเจ้าหญิง 

 

ทั้งดูน่ารักและสูงส่ง ทุกท้วงท่ากิริยาการเดินการยืนของเด็กสาวก็บ่งบอกราศีชัดเจนว่าเด็กคนนี้ไม่ธรรมดาแน่นอน แต่น่าเสียดายที่คิวของเธอห่างจากผมไปมากเลยไม่น่าจะมีโอกาสได้พูดคุยกัน 

 

ช่วยไม่ได้ล่ะนะผมรุกคุณน้องสาวไปตั้งขนาดนั้นรูทคนอื่นคงหมดสิทธิ์แล้วล่ะ 

 

“สวัสดีค่ะ มาลงทะเบียนผู้ใช้อาร์มใช่ไหมคะ? มีสังกัดอยู่แล้วหรืออิสระคะ?” 

 

หลังจากต่อแถวจนแทบจะยืนหลับในที่สุดก็ถึงคิวของผม ว่าแต่ไอ้มีสังกัดกับอิสระนี่มันอะไรกัน 

 

“ทำหน้าแบบนั้นไม่รู้จักสินะคะ ไม่เป็นไรค่ะเพราะหลังสงครามจบ อาร์มก็กลายเป็นกีฬาชนิดนึงดังนั้นตอนนี้จึงมีพวกลูกคนมีเงินหรือขุนนางมาสมัครโดยไม่ทราบรายละเอียดเยอะเหมือนกัน ปล่อยให้เป็นหน้าที่ฉันอธิบายเองค่ะ” คุณพนักงานสาวส่งยิ้มกว้างและชูนิ้วโป้งมาให้ผม 

 

จากที่ฟังคุณพนักงานอธิบายซะยืดยาวจนผมเลิกสงสัยเลยว่าทำไมการต่อแถวลงทะเบียนมันนานนัก สรุปความได้ว่าปัจจุบันอาร์มถูกใช้ในภารกิจและเกมประลองรูปแบบต่างๆ โดยในหมู่ผู้ใช้อาร์มเองก็มีคนจับกลุ่มกันเพื่อทำกิจกรรมในรูปแบบต่างๆได้ง่ายขึ้น โดยสองถึงสี่คนเรียกว่าปาร์ตี้(Party) และมากกว่านั้นจะเรียกว่าแคลน(Clan) การสังกัดแคลนก็เหมือนการอยู่ภายใต้บริษัทเอกชนยิ่งแคลนโด่งดังก็ยิ่งมีความน่าเชื่อถือ 

 

“อิสระมั้งครับ?” 

 

ผมไม่แน่ใจเท่าไหร่เพราะดูๆไปแล้วคุณน้องสาวนั้นสังกัดรัฐบาลกลาง ผมเลยไม่แน่ใจว่าผมต้องลงทะเบียนยังไงกันแน่ 

 

“มั้งเหรอคะ? ทำไมถึงไม่แน่ใจล่ะคะมีใครแนะนำมาเหรอคะ?” 

 

“น้องสาวครับ” 

 

“ขอทราบชื่อคุณน้องสาวได้ไหมคะ?” 

 

“เวนดี้ครับ เวนดี้ครอสโอเวอร์” 

 

“งั้นคุณก็คือคุณชายครูส งั้นคงต้องลงทะเบียนเป็นอิสระแหละค่ะจะเข้ากองทัพต้องไปสมัครที่กระทรวงอีกทีนะคะ เอาล่ะแตะมือสแกนที่แผ่นเหล็กสีดำตรงนั้นได้เลยค่ะ” 

 

ผมวางมือลงบนแผ่นเหล็กสีดำอยู่ครู่นึงเป็นอันลงทะเบียนเสร็จ แล้วเมื่อผมเดินออกมาจากจุดลงทะเบียน ผมก็ตระหนักได้ว่าคนที่ทำให้การลงทะเบียนนั้นมันนานก็คือคุณพนักงานประชาสัมพันธ์นั่นเอง 

 

“เฮ้ น้องสาวสนใจมาเข้าแคลนพี่ไหมจ้ะ” 

 

“มะ..ไม่ค่ะ”

 

ระหว่างผมที่กำลังยืนทำหน้างง กวาดสายตามองหาคุณน้องสาวที่เกิดอาการขี้อายฉับพลันแล้วทิ้งผมไว้ที่นี่ ผมก็ดันไปได้ยินบทสนทนาสุดแสนจะน่าสนใจเข้าให้ 

 

ในฐานะที่ผมเป็นคนที่มีนิสัยใฝ่รู้(?)มาตั้งแต่เด็กผมจึงขยับเข้าไปฟังใกล้ๆเพื่อให้ความรู้รอบตัว ฮ่าๆ บทสนทนาของเอ็นพีซีเกมส่วนใหญ่มักจะเป็นไกด์ไม่ก็เควสลับที่ให้ของเด็ดๆทั้งนั้นแหละเพราะงั้น เข้าไปเสื…เฮ้ย!!หาความรู้โลด!! 

 

“แคลนพวกพี่น่ะดังระเบิดแถมยังมีทีมพาเด็กใหม่ทำภารกิจด้วยนะแรงค์อัพไวสุดๆ” 

 

“ไม่เข้าค่ะ” 

 

“น่าๆน้องสาวใจเย็นๆคุยกับพวกพี่ให้มากกว่านี้เดี๋ยวก็อยากเข้าเอง” 

 

“ไม่เข้าค่ะหลีกไปนะคะ” 

 

“เฮ้ยๆ มาผลักกันแบบนี้หาเรื่องกันนี่น้องสาวอยากเจอดีรึไง” 

 

ผมเจอมันแล้วล่ะครับ อีเว้นเริ่มเกมที่มีอันตพาลกระจอกๆมาให้ลองสกิล โดยปกติแล้วพวกนี้มักจะอ่อนแอสินะเพื่อให้ตัวเอกโชว์เท่ ผมลุยเลยแล้วกันไหนๆก็น่าจะเป็นการสอนเล่น 

 

“พวกคุณครับ” 

 

“อะไรวะไอ้หน้าอ่อนแคลนเราไม่รับผู้ชายหน้าอ่อนไร้น้ำยาอย่างแกหรอกไส้หัวไปไหนก็ไป” 

 

ปิ๊ด! 

 

ไอ้เวรตอนแรกอยากจะมาแบบสุภาพชน แบบนี้ผมคงต้องทำให้พวกตัวประกอบพวกนี้สำนึกถึงจุดยืนของมันบ้างแล้วจงเป็นเป้าลองสกิลซะพวกแก…เอ๋ลืมไปซะสนิทเลยผมไม่มีสกิลนี่หว่า 

 

ปึก! 

 

“หยาบคายที่สุดเลยค่ะ พวกคุณมันแย่ที่สุด” 

 

ดูเหมือนจะมีคนเดือดก่อนผมซะแล้ว คุณผู้หญิงที่อยู่ท่ามกลางวงล้อมเมื่อครู่ พอมาสังเกตดีๆเป็นคุณนางเอกที่ต่อแถวอยู่หน้าผมตะกี้นี่เอง แต่จะไม่เป็นไรเรอะคุณหนูเธอเองก็เพิ่งลงทะเบียนนะไปเตะหน้าแข้งหัวหน้าพวกมันอย่างนั้น 

 

“แก..” 

 

หัวหน้าของแก๊งอันตพาลกระจอกคำรามในลำคอด้วยความเดือดดาล 

 

“เป็นลูกแมวน้อยที่ซนจริงๆนะ แล้วก็บ็อกกาเจ้าอย่าถือสาเด็กใหม่เลย” 

 

แต่ก่อนที่เจ้าหัวหน้าแก๊งจะได้ทำอะไรก็ปรากฏร่างของหญิงสาวคนหนึ่งเดินเข้ามาแทรกเสียก่อนเธอคือคุณพนักงานประชาสัมพันธ์ที่จุดลงทะเบียนนั่นเอง 

 

“เจ๊แต่เธอเตะข้าก่อนนะ” 

 

“ใช่ๆลูกพี่รีเบกก้า ลูกพี่บ็อกกาโดนเตะก่อน” 

 

“ลูกพี่รีเบกก้าต้องให้ความเป็นธรรมกับลูกพี่บ็อกกานะ” 

 

เจ้าหัวโจกและเหล่าลิ่วล้อลงไปชักดิ้นชักงอโหวกเหวกโวยวายให้ประชาสัมพันธ์สาวฟังอย่างกับเด็กเล็กๆ 

 

เจ้าพวกบ้านี่มันอะไรกันนักกันหนานะแค่โดนผู้หญิงเตะเบาๆเรียกร้องราวกับโดนมีดแทง โตแต่ตัวกันแท้ๆ 

 

“เอางี้ล่ะกันไหนๆก็เป็นผู้ใช้อาร์มก็ไปวัดกันในสนามประลองแล้วกันให้ต่างฝ่ายส่งคนของตัวเองออกมาสู้ฝ่ายละคน ใครแพ้ก็ต้องทำตามผู้ชนะบอก” 

 

“โอเคตกลงครับเจ๊” 

 

“ฉันรับคำท้าค่ะ” 

 

เท่าเทียมก็บ้าแล้วไม่รู้ว่าคุณประชาสัมพันธ์สาวที่ชื่อรีเบกก้านั่นคิดอะไรอยู่ คุณนางเอกนั่นก็ด้วยตอบรับเร็วไปแล้วเฟ้ย 

 

ถ้าผมไม่รู้ว่านี่เป็นอีเว้นสอนเล่นนะคงวิ่งหนีไปแล้วล่ะ เพราะผมกับคุณนางเอกเพิ่งลงทะเบียนวันนี้ก็ต้องแรงค์หนึ่งกันทั้งคู่น่ะสิจะเอาอะไรไปสู้พวกแก๊งเด็กเกเรที่รวมตัวกันเป็นแคลนมานานแล้ว 

 

“ฝากด้วยนะคะ” 

 

คุณนางเอกหันมาแตะไหล่ผมและยิ้มให้ อื้ม!ดูจากสายตาแล้วคงไม่รู้ว่าผมแรงค์หนึ่งสินะ เอาล่ะทุกอย่างก็เหมือนที่คาดการไว้ล่ะนะ น่าจะพอไหวแหละมั้ง? 

 

ไม่ต้องห่วงนะน้องสาวเดี๋ยวพี่ชาย..ไม่สิคุณลุงสุดหล่อคนนี้จะตีก้นพวกเด็กเกเรให้ลายเอง 

 

ผมส่งยิ้มที่คิดว่าหล่อที่สุดในชีวิตกลับไป  

 

*ปล.เธอต่อแถวอยู่ข้างหน้าเลยไม่รู้ว่าตัวพระเอกเพิ่งลงทะเบียน

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+