สาวงามตัวร้าย : ท่านจอมมารได้โปรดโดนตกซะทีเถอะ!บทที่ 142 เพียงป้องกันตัวเท่านั้น

Now you are reading สาวงามตัวร้าย : ท่านจอมมารได้โปรดโดนตกซะทีเถอะ! Chapter บทที่ 142 เพียงป้องกันตัวเท่านั้น at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 142 เพียงป้องกันตัวเท่านั้น

ได้ยินน้ำเสียงหยอกเย้าของเขาแล้ว ชิงอวี่ก็มองเขานิ่ง ไม่คิดหลงกล แต่กลับเอนร่างพิงไหล่เขาต่อแล้วเอ่ยเสียงเรียบเรื่อย “ท่านอย่าคิดว่าเพียงช่วยไม่ให้ข้าล้มแล้วข้าจะซาบซึ้งกับการกระทำของท่าน”

โหลวจวินเหยาหัวเราะก่อนตอบ “อย่างน้อยข้าก็ควรทำเช่นนั้น ไม่จำเป็นต้องรู้สึกซาบซึ้งกระมัง”

หลังจากใช้เวลาพักสักครู่ สีหน้าชิงอวี่ก็เริ่มกลับเป็นปกติ เป็นตอนนั้นเองที่นางเห็นว่าคนชิงเป่ยและคนอื่น ๆ ต่างก็หลับใหลไม่รู้ความ ยังไม่อาจหลุดออกมาได้ สีหน้าก็แปรเปลี่ยนไปต่าง ๆ นานา

โหลวจวินเหยาพลันเอ่ย “ไม่ต้องห่วงพวกเขา เจ้าทำให้คนที่อยู่เบื้องหลังถูกพลังตีกลับ บาดเจ็บสาหัส คนอื่น ๆ ติดอยู่ในฝันคงไม่เป็นอันตรายมากแล้ว อย่างมากก็ถูกทำร้ายจิตใจ ช่วยทำให้จิตแข็งขึ้น”

ได้ยินดังนั้น กลิ่นอายรอบกายชิงอวี่พลันเย็นยะเยือกลงหลายเท่า

ไม่ว่าจะทำไปเพื่อทดสอบพวกนางหรือไม่ แต่ความทรงจำที่ถูกปิดผนึกเอาไว้เนินนาน นางใช้เวลาหลายปีจึงค่อย ๆ วางมันลงได้ แต่คนผู้นั้นกลับขุดอดีตที่เจ็บปวดที่สุดของนางขึ้นมาอีกครั้ง

ชื่อชิงเทียนหลินทำให้นางอารมณ์พลุ่งพล่านได้ทุกครั้งไป

ใบหน้างามของเด็กสาวเย็นชาจนราวกับมีชั้นน้ำแข็งหุ้ม เยียบเย็นกว่าพายุหิมะด้านนอก นางเผยอปากเอ่ยเสียงเรียบไร้อารมณ์ “โหลวจวินเหยา ช่วยข้าหาเขาที”

เขาเคยเห็นนางยิ้มอย่างยินดี โกรธ หรือยิ้มเจ้าเล่ห์แสนกลมาแล้ว แต่ยิ้มของนางที่คล้ายกับจะไปถล่มสวรรค์แยกผืนพสุธาเช่นนี้ โหลวจวินเหยาเพิ่งจะเคยเห็น เขาอดนึกย้อนไปถึงใบหน้าที่เขาเห็นในลูกแก้วที่ดูบอบบางจนแทบแตกสลายไม่ได้ อะไรที่ทำให้นางตกอยู่ในสภาพนั้นกันแน่?

แม้จะไม่รู้ว่านางเห็นอะไร แต่เมื่อนึกถึงใบหน้าของนางเมื่อตอนนั้นแล้ว เขาก็ไม่อยากเห็นมันอีกเป็นครั้งที่สอง

เด็กสาวคนนี้เกิดมาเพื่อมีท่าทีเย่อหยิ่งเช่นนี้ ใบหน้างามของนางไม่สมควรมีรอยน่าเวทนาเช่นนั้น

คนที่กล้าออกคำสั่งกับโหลวจวินเหยาตามตรงเช่นนี้ เกรงว่าใต้หล้านี้คงจะมีแต่ชิงอวี่เท่านั้น

เขามีท่าทางทำอะไรไม่ถูกอยู่เล็กน้อย หากแต่ที่นัยน์ตากลับมีเพียงความยินยอมอย่างเต็มที่

ด้านนอกยังเห็นพายุหิมะซัดหนักหน่วง ต้นไม้ไร้ใบถูกหิมะหนาปกคลุม ลมแรงพัดมันไหวไปมาน่าประหลาดท่ามกลางความมืดยามค่ำคืน

คนผู้หนึ่งซ่อนตนอยู่ในห้องลับที่อยู่ชั้นล่าง กำลังเอ่ยอันใดกับเฉียวเว่ยอยู่แล้วพลันชะงักไป นัยน์ตาจ้องตรงไปที่ประตู คนอื่น ๆ ในห้องก็เงียบไปเช่นกัน พริบตาต่อมาประตูก็เปิดออก ลมหนาวด้านนอกพัดผ่านเข้ามาด้านใน

ร่างสูงใหญ่เดินซวนเซเข้ามาในห้อง ดูท่าจะพยายามประคองตนมานานแล้ว ฉับพลันทรุดลงชันเข่ากับพื้น ในที่สุดก็ทนไม่ไหว พ่นเลือดคำหนึ่งออกมา

เฉียวเว่ยและคนอื่น ๆ เบิกตากว้างอย่างไม่อยากเชื่อ “ฉือม๋ออิง! เจ้าบาดเจ็บได้อย่างไรกัน!? เป็นฝีมือใคร!?”

ร่างฉือม๋ออิงถูกหุ้มด้วยผ้าคลุมยาวชุ่มไปด้วยเหงื่อเย็น ความเจ็บปวดจากพลังตีกลับทำให้เส้นพลังในร่างยืดออกจนเขาเกือบเอ่ยความใดไม่ได้ แต่ถึงกระนั้นก็ยังอุตส่าห์เอ่ยคำออกมา “รีบ….. หนีไป…..”

ฟังดี ๆ แล้วเสียงเขาดูเหมือนจะสั่นเสียด้วยซ้ำ

ในหมู่พวกเขา แม้พลังบำเพ็ญของฉือม๋ออิงจะต่ำที่สุด แต่ก็รับมือกับเจ้าเด็กเหล่านี้ได้เหลือเฟือ อีกทั้งเขายังมีความสามารถพิเศษ นั่นคือการเป็นนักทอฝัน

เมื่อลงมือแล้ว ภายในระยะร้อยลี้ กระทั่งสัตว์หรืออสูรใดก็ไม่อาจหนีไปจากฝันที่เขาถักทอขึ้นมาได้ และเขาจะกลายเป็นผู้ควบคุมมันโดยสมบูรณ์

แล้วเหตุใด….. จึงบาดเจ็บกลับมาเช่นนี้ได้? อีกทั้งยังบอกให้หนีไปอีก?

หรือว่าในหมู่เด็กพวกนี้จะมียอดอัจฉริยะที่พวกเขามองพลาดไปอยู่จริง ๆ?

คนอื่น ๆ ยืนอึ้งอยู่ไม่นาน แต่กลับเสียจังหวะหลบหนีไปสิ้นแล้ว

สีหน้าฉือม๋ออิงยิ่งแย่ลง กระอักเลือดออกมาอีกคำ ที่นอกประตูพลันได้ยินน้ำเสียงแผ่วดังแว่วมา “พวกท่านทั้งหลายทำให้ข้าชื่นชมนัก”

เสียงนั้นมัน…..

เฉียวเว่ยเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย เบื้องหลังฉือม๋ออิงคือเงาร่างสองเงา พวกเขากำลังเดินตรงเข้ามา ร่างบางส่วนยังเห็นเป็นเงามืด

เบื้องหน้าคือร่างเล็กของเด็กสาวที่นางค่อนข้างจะชื่นชอบ ส่วนร่างสูงด้านหลัง….. เฉียวเว่ยรู้สึกราวกับวิญญาณถูกฉุดออกจากร่าง พลันหันหน้าหนีทันที

นัยน์ตาของเขาน่ากลัวเกินกว่าจะจ้องมองได้จริง ๆ

เด็กสาวยังคงมีใบหน้าสุภาพอ่อนโยนดั่งครั้งแรกที่พบกัน แต่ครั้งนี้มันกลับแฝงไปด้วยความเย็นชาล้ำลึก

เฉียวเว่ยยังคงรอยยิ้มไว้แล้วเอ่ยขึ้น “ยินดีด้วยแม่นางน้อย เจ้าเป็นคนแรกที่ผ่านการทดสอบ”

“งั้นหรือ?” ชิงอวี่ไม่เผยอารมณ์ใดบนใบหน้า หากแต่กวาดสายตามองคนไม่กี่คนในห้อง น้ำเสียงยามเอ่ยสงบเยือกเย็น มือเรียวคว้าเสื้อฉือม๋ออิงไว้ ฉุดชายที่ตัวใหญ่กว่านางหลายเท่าให้ลุกขึ้นมาจากพื้นโดยง่าย

“ในเมื่อข้าผ่านแล้ว เช่นนั้นข้าจะนำตัวเขากลับไปด้วย”

รอยยิ้มบนหน้าเฉียวเว่ยแข็งค้างไป “เจ้าหมายความว่าอย่างไร?”

ชิงอวี่พ่นลมหายใจเย้ยหยัน “แอบแฝงเข้ามาในจิตใจข้า ขังข้าไว้ในความฝัน แค่เท่านี้ก็ไม่มีเหตุผลให้เขาต้องมีชีวิตอยู่อีกต่อไปแล้ว”

“เด็กน้อย เย่อหยิ่งเกินควรจะประสบผลร้ายนะ” เฉียวเว่ยว่าพลางหัวเราะเบา

“นี่เป็นสิ่งที่เจ้าสำนักละอองหมอกต้องการ เพราะฉะนั้นถึงเจ้าจะไม่พอใจก็ลงผิดคนแล้ว อีกอย่าง…. ไม่ว่าเจ้าจะแกร่งเพียงไหน พวกข้าที่เหลือก็ไม่ใช่คนที่เจ้าจะข้องเกี่ยวด้วยง่าย”

นางเอ่ยคำเจือแววขู่ ชิงอวี่เลิกคิ้วขึ้น จากนั้นโต้นางกลับ “ข้าย่อมรู้ว่าพวกท่านไม่ใช่คนที่เกี่ยวข้องด้วยได้ง่าย ไม่เห็นหรือว่าข้านำคนมาด้วย? ข้าจะยืมพลังเขาทำลายที่นี่เสียให้สิ้นซากเสียวันนี้เลย”

นำคนมาช่วย?

เฉียวเว่ยพลันเงยหน้ามองบุรุษเบื้องหลังแม่นางน้อย เขาสูงมาก ร่างครึ่งหนึ่งยังอยู่ในเงามืด หากแต่นัยน์ตาสีม่วงกลับส่องประกายสว่างจากในความมืด ส่งผลให้ใจนางเต้นระรัว

เสวี่ยอวี้หูคือบุรุษร่างผอมท่าทางฉลาดเฉลียว เมื่อได้ยินอีกฝ่ายกล่าวคล้ายเหน็บแนม เขาก็อดตอกเด็กสาวกลับไปไม่ได้ “แม่นางน้อย เจ้ารนหาที่ตายกระมัง!”

พูดจบ ร่างเขาก็เคลื่อนที่รวดเร็วจนไม่อาจมองทัน พุ่งเข้าใส่ชิงอวี่ทันที

“หยุด!” เฉียวเว่ยเบิกตากว้าง รีบร้องเรียกเขาไว้ แต่ก็สายไปแล้ว

นิ้วมือเสวี่ยอวี้หูซัดออกไป หมายโจมตีที่ลำคอบางของเด็กสาว ในใจเขาก่อเกิดไอสังหารพวยพุ่ง

ชิงอวี่ยืนนิ่งไม่หลบไม่หนี เพียงต้องการโจมตีที่กำลังพุ่งเข้ามาเท่านั้น ทันใดนั้นวงแขนแกร่งด้านหลังก็ดึงนางเข้าไปในอ้อมแขน

เสวี่ยอวี้หูยังไม่ทันได้เข้าใกล้นาง กลับถูกพลังระเบิดจนร่างกระเด็นออกไปกระแทกเสาใหญ่ที่อยู่หลังห้องลับ กระอักเลือดสดคำใหญ่ออกมาทันที ก่อนจะนอนนิ่งอยู่กับพื้น ไม่อาจเคลื่อนกายได้อีก

“เหล่าซาน!” จินเฉียนเป้าหน้าซีดลง รีบพุ่งไปหาสหายแล้วจับชีพจรที่ข้อมือ ใบหน้าพลันซีดลงกว่าเดิม

เขาเงยหน้าสบเข้ากับสายตาเป็นกังวลของเฉียวเว่ย ก่อนจะค่อย ๆ เอ่นคำ “เส้นพลังทั่วร่างของเหล่าซาน….. ถูกสะบั้นแล้ว”

เฉียวเว่ยรู้สึกราวกับร่วงลงในธารเย็นยะเยือก นัยน์ตาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว นางจ้องบุรุษหนุ่มลึกลับที่กำลังก้มหน้าลงมองเด็กสาวในอ้อมแขน ตรวจตราดูว่านางเป็นอะไรหรือไม่

เมื่อครู่นางเห็นชัดเจน เขา….. ยังไม่ทันได้ลงมือด้วยซ้ำ ยามเสวี่ยอวี้หูเข้าใกล้เข้า อีกฝ่ายเพียงเหลือบมองคราหนึ่ง เท่านั้นเอง พลังบำเพ็ญของเสวี่ยอวี้หูก็ถูกทำลายจนสิ้น จนกลายไปคนไร้ค่าไปเสียแล้ว

น่าเกรงขามนัก…..

แม้หลายปีมานี้ในแดนมุกหยกจะมียอดยุทธ์เกิดขึ้นมากมาย แต่กลับไม่มีใครที่เก่งกาจได้เท่าบุรุษผู้นี้

เขาเป็นใครกันแน่!?

ชิงอวี่ที่กำลังจะลงมือก็ชะงักไปเมื่อมองภาพตรงหน้า นางพลันเงยหน้า สายตาฉายแววไม่พอใจ “ท่านคิดจะทำอะไร?”

โหลวจวินเหยามองใบหน้านางนิ่ง “ข้าทำเพียงป้องกันตัวเท่านั้น มีคนพุ่งเข้ามา จะให้ข้ายืนให้เขาโจมตีใส่งั้นหรือ?”

“ป้องกันตัวแรงไปหรือไม่? อีกทั้งเขาพุ่งมาหาข้าชัด ๆ!”

เขาโต้กลับคราเดียวกลับทำให้อีกฝ่ายต้องพิการไปตลอดชีวิต นางเพียงนำเขามาเพื่อแสดงความยิ่งใหญ่เท่านั้นแต่เขากลับลงมือทำคนให้พิการไปคนหนึ่ง

เมื่อเห็นเด็กสาวท่าทางโกรธ โหลวจวินเหยาก็เอ่ยเสียงเบา “ข้าสัญญากับตนเองว่าจะดูแลเจ้าแทนอาหลาน ดังนั้นข้าย่อมไม่ปล่อยให้เจ้าบาดเจ็บ”

ท่าทางจริงจังของเขาทำเอาชิงอวี่พูดไม่ออก ได้แต่ไม่พอใจเล็ก ๆ อยู่ภายใน นางเพียงอยากสั่งสอนฉือม๋ออิงสักหน่อย แต่เขากลับทำลายพลังบำเพ็ญของเสวี่ยอวี้หูจนสิ้น นางจึงรู้สึกว่าไม่อยากทำอะไรพวกเขาแล้ว

เห็นเฉียวเว่ยกระวนกระวายใจ คนอื่น ๆ ก็โกรธแต่ไม่กล้าส่งเสียง ชิงอวี่ก็เริ่มสงสาร โหลวจวินเหยาผู้นี้โหดร้ายเกินไปจริง ๆ ไม่คิดเลยว่าเขาโจมตีคราเดียวจะรุนแรงเช่นนี้

ซึ่งรุนแรงอย่างเดียวไม่พอ แต่อีกฝ่าย ตอนนี้แทบจะไม่หายใจแล้ว!

“นี่คือยาเสริมวิญญาณ คงช่วยเขาได้บ้าง” ชิงอวี่ว่าพลางมอบขวดแก้วสีแดงให้เฉียวเว่ย “เดิมทีข้าไม่คิดทำร้ายคนถึงเพียงนี้ คนเราย่อมมีอดีตที่ไม่อยากกลับไปหวนมอง แต่ในเมื่อเรื่องกลายเป็นเช่นนี้ ข้าก็จะไม่ลงมืออีก”

สองวันที่ผ่านมา เฉียวเว่ยดูแลนางดีเป็นพิเศษ ห้องที่นางกับเพื่อน ๆ พักก็เป็นห้องที่ดีที่สุด ดังนั้นเมื่อหิมะโปรยจึงหนาวเหน็บน้อยกว่าคนอื่น ๆ นัก

แม้อาจกล่าวได้ว่าเฉียวเว่ยรับประโยชน์จากเด็กสาว แต่นางก็ปฏิบัติกับเด็กสาวได้ไม่เลวจริง ๆ

เฉียวเว่ยชะงักไป จากนั้นรับขวดยาขวดเล็กมา รีบส่งมันให้จินเฉียนเป้าเพื่อป้อนให้เสวี่ยอวี้หู

นัยน์ตานางดูสับสนก่อนเอ่ยถามชิงอวี่ “เจ้ามีพลังถึงเพียงนี้ เหตุใดจึงคิดเข้าสำนักละอองหมอกอีกเล่า?”

แม้นางจะยังไม่เห็นเด็กสาวลงมือ แต่กลิ่นอายที่แผ่ออกจากร่างของผู้เยี่ยมยุทธ์ย่อมไม่อาจปกปิดได้มิด อีกทั้งนางยังเป็นสหายกับบุรุษที่มีพลังน่าเกรงขามถึงเพียงนั้น แล้วนางจะธรรมดาได้อย่างไร?

เดินทางไปแดนธาราขาวยังดีเสียกว่า

ชิงอวี่ยิ้มมุมปาก นัยน์ตาลุ่มลึก “การเข้าสำนักละอองหมอก….. ไม่ใช่เพื่อบำเพ็ญเพียรให้แกร่งขึ้น แต่เป็นสิ่งที่ข้าจำเป็นต้องทำ”

เมื่อเข้าสำนักได้แล้วจะไม่ได้รับอนุญาตให้เดินทางออกมาภายในเวลา 2 ปี นางไม่มีเวลาให้เสียอีกต่อไป เพราะเป้าหมายของนางคือแดนเมฆาสวรรค์

สถานที่ที่เต็มไปด้วยเรื่องประหลาด

เสวี่ยอวี้หูบาดเจ็บหนัก ย่อมไม่อาจควบคุมสภาพอากาศได้อีกต่อไป หิมะที่ตกมากว่าค่อนคืนจึงหยุดและละลายหายไป

หลาย ๆ คนไม่อาจหลุดจากฝันที่ฉือม๋ออิงถักทอขึ้นมาได้ มนุษย์ย่อมถูกหลอกหลอนด้วยความละโมบและบาปกรรมชั่วช้าในอดีต ภายในค่ำคืนเดียว คนหลายร้อยที่หมายจะเข้าร่วมการประลองก็เหลือเพียงครึ่งเท่านั้น

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *