สุดยอดรัชทายาท 25 เรียกข้าว่า ซวนห่าว

Now you are reading สุดยอดรัชทายาท Chapter 25 เรียกข้าว่า ซวนห่าว at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 25 เรียกข้าว่า ซวนห่าว

 

แม้เล้งหยูเฟิงและฮวนมอเฉอต่างก็กังวลอย่างมาก แต่พวกเขายังคงนั่งอยู่ที่เดิมหลังจากพบดวงตาที่เคร่งขรึมขององค์รัชทายาท อย่างไรก็ตามเล้งหยูเฟิงได้เปิดปากพูด “องค์รัชทายาทโปรดอยู่ใกล้ ๆ บริเวณนี้ แม้เรามีทหารมากมายแต่อันตรายนับไม่ถ้วน อมแฝงตัวอยู่ในถิ่นทุรกันดารเช่นนี้”

 

ชางอู๋ซินพยักหน้าและจากไป โดยที่นางไม่แยแสความกังวลของพวกเขา

 

“หยูเฟิง ดูเหมือนท่านจะห่วงใยองค์รัชทายาทมาก!” ฮวนมอเฉอถามโดยรู้ว่า แม้เพื่อนที่ดีที่สุดของตนจะเป็นผู้ที่มีความรับผิดชอบโดยตรง แต่แม่ทัพหนุ่มไม่จำเป็นต้องแสดงออกเช่นนี้

 

หมายความว่าเขามีความห่วงใยในตัวองค์ชาย

 

อย่างไรก็ตามฮวนมอเฉอไม่ต้องการให้เพื่อนสนิทของเขาแสดงความสนใจต่อองค์รัชทายาท เนื่องจากเขา….

 

เล้งหยูเฟิงเหลือบมองไปยังรูปลักษณ์ที่ผิดปกติบนใบหน้าของเพื่อนสนิท “ท่านก็ใส่ใจองค์ชายมากเช่นกันมิใช่รึ? ลักษณะขององค์รัชทายาทมีความโดดเด่น ยิ่งกว่านั้นเรายังเป็นที่ปรึกษาของพระองค์ ดังนั้นการเอาใจใส่ย่อมเป็นหน้าที่ของเรา! แต่ดูเหมือนท่านจะสนใจองค์รัชทายาทมากเกินไป”

 

แม้จะพูดอย่างนั้น เล้งหยูเฟิงย่อมรู้อยู่ในใจว่า ตัวเขาเองก็ห่วงใยองค์รัชทายาทมากกว่าที่ควรจะเป็น

 

ฮวนมอเฉอเลิกคิ้วและดึงอารมณ์กลับไปเป็นท่าทางที่อ่อนโยนและอบอุ่นโดยเขาไม่พูดอะไรอีก เพราะแม้แต่ตัวเขาเองยังไม่เข้าใจความคิดของตัวเอง

 

เมื่อชางอู่ซินมาถึงทะเลสาบ นางกล่าวด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวลและประณีตราวกับเสียงไม้ไผ่ที่เสียดสีกัน “ท่านตามข้ามาตั้งนาน แล้วเหตุใดถึงยังไม่ออกมาเล่า?”

 

จากนั้นชายคนหนึ่งเดินออกมาจากต้นไม้ใหญ่ เขาสวมเสื้อคลุมสีแดงและผมสีดำของเขาถูกมัดไว้ด้านหลังอย่างหลวม ๆ ซึ่งกำหนดใบหน้าที่เรียวของเขามากยิ่งขึ้น หากใครบอกว่าคิ้วที่โค้งมนของเขาทำให้เขาดูเย่อหยิ่ง อีกคนหนึ่งอาจโต้แย้งว่าส่วนโค้งของจมูกที่สมบูรณ์แบบนั้นได้ขจัดความเย่อหยิ่งไปอย่างสิ้นเชิง

 

“ท่านค้นพบข้าทุกครั้ง จริง ๆ แล้วมันไม่สนุกเลย!” ฮันซวนห่าวเดินไปที่ด้านข้างของชางอู่ซินพร้อมมองไปยังร่างที่อยู่ถัดจาก ตนด้วยความรู้สึกพึงพอใจอย่างมาก ทว่าเมื่อเห็นความสูงของเด็กหนุ่มเพียงหน้าอกของเขาและร่างกายที่ผอมบางเกินไป ฮันซวนห่าวพลันอารมณ์เสียในทันที

 

หลายวันมานี้เขามักจะครุ่นคิดว่า เหตุใดตนจึงห่วงใยองค์รัชทายาทอย่างมาก และเหตุใดความรู้สึกของเขาจึงดูคล้ายกับความรัก ใครที่อ่อนหวาน

 

ถูกต้อง! เขาแน่ใจว่าตนชอบองค์รัชทายาท แต่เพราะอะไรเขายังไม่รู้ ฮันซวนห่าวเป็นคนเรียบง่าย ดังนั้นตอนนี้เมื่อตระหนักถึงความรู้สึกที่มีต่อองค์รัชทายาท เขาจึงตัดสินใจอยู่เคียงข้างพระองค์และค้นหาว่าความรู้สึกของเขาคืออะไร

 

“เห็นได้ชัดว่าท่านต้องการตามข้ามา แต่ท่านมีจุดประสงค์อันใด?” น้ำเสียงของชางอู่ซินเย็นชา นางไม่เข้าใจอย่างแท้จริงว่าเหตุใด หัวหน้าพรรคฮันชิงถึงตามนางมา แต่สามารถบอกได้เพียงว่าเขาไม่มีพิษภัยแต่อย่างใด

 

ฮันซวนห่าวเลิกคิ้วขึ้น “ท่านฉลาดนักมิใช่รึ ? ไหนลองเดาดูสิ” ขณะที่พูดเขาเริ่มขยับเข้าใกล้ แต่เขาแทบจะไม่สามารถก้าวเท้าได้ เมื่อพบว่าแสงสะท้อนราวน้ำแข็งจากชางอู๋ซินได้หยุดยั้งเขา

 

โดยฮันซวนห่าวสามารถพูดได้ว่า ถ้าเขาเข้าไปใกล้อีกก้าวหนึ่งชางอู๋ซินจะเคลื่อนไหวเพื่อฆ่าตนอย่างแน่นอน

 

“เอาล่ะ! เช่นนั้นข้ามีงานให้ท่านทำเ” ชางอู๋ซินจ้องไปที่ดวงจันทร์ขณะน้ำเสียงของนางแปลกไป “นี่จะทำให้หนึ่งในสามของสัญญาระหว่างเรา ที่ท่านติดค้างข้าอยู่”

 

เดิมที่นางกำลังครุ่นคิดว่าจะส่งใครออกไปทำภารกิจนั้น และตอนนี้มีคนมาหานางถึงที่แล้ว

 

ฮันซวนห่าวพูดด้วยความสนใจทันที “ไม่ว่าท่านต้องการจะทำอะไร ขอเพียงพูดมันออกมา ท่านไม่จำเป็นต้องพูดถึงสัญญาของเราถึงอย่างไรเราก็เป็นเพื่อนกันมิใช่รึ?”

 

ภายในเขารู้ว่าหากสัญญาทั้งสามที่เขาติดค้างทำเสร็จสิ้น เขาจะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับชางอู๋ซินอีกต่อไป แล้วเขาจะปล่อยให้สิ่งนั้นเกิดขึ้นได้อย่างไร?

 

“สำหรับงานนี้ ข้าต้องการให้ท่านกลับไปที่เมืองหลวง!” นางรู้สึกไม่มั่นใจกับถ้อยแถลงที่บ่งบอกถึงความใจกว้างของเขา แต่เนื่องจากอีกฝ่ายเป็นคนบอกเองว่าสัญญาทั้งสามจะไม่เกี่ยวข้อง เหตุใดจึงพยายามโน้มน้าวให้เขาคิดเป็นอย่างอื่น ถ้านางทำ นางจะไม่สูญเสียผลประโยชน์หรอกหรือ?

 

“เพื่ออะไร?” ฮันซวนห่าวเอ่ยถามอย่างไม่เชื่อ เขาซ่อนเงาไว้ตลอดทางเพราะเขาต้องการอยู่เคียงข้างชางอู๋ซิน แต่ตอนนี้เขากลับถูกขอให้กลับไป มันทำให้หัวใจของเขาตึงเครียดและยังสงสัยว่าชางอู๋ซินตั้งใจจะทำอันใดกันแน่

 

ชางอู๋ซินเหลือบมองไปที่ฮันซวนห่าวซึ่งมีความไม่เต็มใจ ขณะริมฝีปากของนางกระตุก “ไม่อยากไปรึ?” ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความขุ่นเคือง ชายคนนี้เป็นหนี้บุญท่านนางสามประการ แต่เขากลับปฏิเสธการใช้หนี้ของเขา แล้วนางควรจะกำจัดเขาหรือไม่?

 

ตอนนี้ฮันซวนห่าวจะไม่สังเกตเห็นเจตนาฆ่าที่รุนแรงในดวงตาของชางอู๋ซินได้อย่างไร แม้ความขมขื่นจะหลั่งไหลเข้ามาในหัวใจของชายหนุ่ม แต่ยังคงกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “งานนี้ ถ้าท่านต้องการ ให้ข้าทำให้เสร็จข้าย่อมทำได้ อย่างไรก็ตามข้ามีเงื่อนไขข้อหนึ่ง” เมื่อคำพูดเหล่านั้นจางหายไป เขาได้ขยิบตาไปที่ชางอู๋ซิน

 

และท่าทางที่นุ่มนวลนี้ทำให้นางหยุดนิ่ง ขณะหัวใจของนางชะงักงันด้วยความชื่นชม

 

ชางอู๋ซินกล่าวกับเขาด้วยน้ำเสียงสนใจ “โอ้? มันคืออะไรรึ?” สำหรับสิ่งที่เขาเสนอเงื่อนไขไม่ได้เกินความคาดหมายของนางเลย เพราะนางควรจะทำเช่นเดียวกัน

 

ฮันซวนห่าวจับจ้องดวงตาเขม็งของชางอู๋ซินและค่อย ๆ ขยับเข้ามาใกล้ แต่เขารู้ขอบเขตของตนดี ดังนั้นเขาจึงประสานมือของเขาไว้กับตัว

 

และเมื่ออยู่ใกล้กัน เขาสัมผัสได้ถึงกลิ่นจาง ๆ แต่ช่างหอมกรุ่น ทำให้เขาอดไม่ได้ที่จะสูดดมอยู่หลายครั้ง โดยรู้ว่ามันเป็นกลิ่นตัวตามธรรมชาติของชางอู๋ซิน และพบว่ามันแปลกที่ชายหนุ่มจะมีกลิ่นหอมเช่นนี้ อย่างไรก็ตามเขาชอบมันมาก

 

“จากนี้ไป ข้าอยากให้ท่านเรียกข้าด้วยชื่อของข้า ซวนห่าว!” เขาระงับความรู้สึกอยากเข้าใกล้ “ถ้าท่านตกลง ข้าจะกลับไปที่เมืองหลวงและช่วยท่านทำงาน ได้หรือไม่? และเมื่อถึงจุดนี้ ข้าไม่คิดว่าเราเป็นแค่คนรู้จักกันอีกต่อไปแล้ว แต่เราเป็นเพื่อนกัน!”

 

ชางอู๋ซินก้าวถอยหลังเพื่อขยายระยะห่างระหว่างพวกเขาเล็กน้อย ส่งผลให้ฮันซวนห่าวไม่สามารถตรวจจับกลิ่นอันน่าประทับใจนั้นได้อีกต่อไปและรู้สึกถึงการสูญเสีย แต่กระนั้นเขายังคงเผยรอยยิ้มต่อไปขณะที่จ้องมองที่ชางอู๋ซิน เขารู้ว่าเด็กหนุ่มคนนี้เป็นผู้ที่ชาญฉลาดมาก ทว่าคำขอของเขาไม่ได้ล้ำเส้นใด ๆ

 

แน่นอนว่าชางอู๋ซินไตร่ตรองเพียงชั่วครู่ก่อนจะกล่าวว่า “ถ้าอย่างนั้น ซวนห่าวข้าขอขอบคุณสำหรับความช่วยเหลือของท่าน!” ความหมายเบื้องหลังคำพูดของนางนั้นมีความชัดเจนว่าเต็มใจที่จะทำตามคำขอ…

 

อย่างน้อยในระดับพื้นผิวยังยอมรับฮันซวนห่าวเป็นเพื่อน ในทางกลับกันเขาไม่มีทางรู้ความคิดที่แท้จริงของนางได้เลย

 

ฮันซวนห่าวดีใจที่ได้ยินชื่อของเขาออกจากปากของชางอู๋ซินดัง นั้นริมฝีปากสีแดงของเขาได้โค้งเป็นรอยยิ้มกว้างด้วยดวงตาที่เป็นประกาย โดยเป็นการแสดงความยินดีที่ไร้การยับยั้งอย่างสมบูรณ์

 

ทำให้การแสดงออกทิ้งงงวยปรากฏขึ้นบนใบหน้าของชางอู่ซินขณะที่นางจ้องมาที่เขา…. มันเป็นแค่ชื่อเท่านั้น เหตุใดชายตรงหน้าถึงมีความสุขมากถึงเพียงนี้?

 

ทว่านางมิได้ใส่ใจมากนัก ตราบใดที่นางบรรลุจุดประสงค์ เขาย่อมไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับนางอีกแล้ว

 

“แล้วจะให้ข้ากลับไปเพื่ออะไร?” สีหน้าของฮันซวนห่าวแสด งถึงความกระตือรือร้น เมื่อคิดว่าจากที่ตั้งปัจจุบันคงใช้เวลาไม่นาน ในการไปถึงเมืองหลวง ถ้างานเสร็จเร็ว เขายังกลับมาทัน

 

ชางอู๋ซินเอนตัวเข้ามาพลางวางริมฝีปากของนางไว้ข้างหูของเขา และใช้น้ำเสียงเป็นกันเองเพื่อเปิดเผยแผนการของนาง

 

แต่อนิจจา! เขารับรู้เพียงกลิ่นหอมหวานที่ฟุ้งกระจายออกมาจากร่างกายของชางอู๋ซิน และลมหายใจอุ่น ๆ ที่กระทบหูนั้นทำให้จิตใจของเขาวุ่นวาย

 

“เข้าใจไหม?” หลังจากแจ้งความประสงค์แล้ว นางสังเกตเห็นแก้มสีแดงระเรื่อของฮันซวนห่าวจึงรีบก้าวถอยหลัง

 

“เอ่อ.?” เขาค่อนข้างสับสน “เมื่อครู่ท่านพูดอะไร?”

 

ท่าทีของชางอู่ซินแสดงให้เห็นว่านางไม่ได้ขบขัน แต่นางได้ขยับเข้ามาใกล้อีกครั้งและกล่าวซ้ำความต้องการของนาง

 

คราวนี้แม้การเต้นของหัวใจฮันซวนห่าวจะยังคงเต้นแรงอย่างควบคุมไม่ได้ แต่เขาพยายามอย่างมากที่จะตั้งใจฟัง และเมื่อได้ยินชัดเจน เขากลับสงบลง

 

“อู๋ซิน เจ้ามั่นใจได้ ข้าจะทำผลงานได้ดีอย่างแน่นอน!” เขาระงับรอยยิ้มที่กำลังจะเบ่งบานบนใบหน้าของเขา “ข้าจะไปแล้ว โปรดดูแลตัวเองด้วย!”

 

หลังกล่าวจบ ชายผู้นั้นหายตัวไปพร้อมกับรอยยิ้มที่มั่นใจ และเมื่อชางอู่ซินเห็นเขาหายตัวไป มุมริมฝีปากของนางพลันยกขึ้นด้วยความชั่วร้าย

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

สุดยอดรัชทายาท 25 เรียกข้าว่า ซวนห่าว

Now you are reading สุดยอดรัชทายาท Chapter 25 เรียกข้าว่า ซวนห่าว at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 25 เรียกข้าว่า ซวนห่าว

 

แม้เล้งหยูเฟิงและฮวนมอเฉอต่างก็กังวลอย่างมาก แต่พวกเขายังคงนั่งอยู่ที่เดิมหลังจากพบดวงตาที่เคร่งขรึมขององค์รัชทายาท อย่างไรก็ตามเล้งหยูเฟิงได้เปิดปากพูด “องค์รัชทายาทโปรดอยู่ใกล้ ๆ บริเวณนี้ แม้เรามีทหารมากมายแต่อันตรายนับไม่ถ้วน อมแฝงตัวอยู่ในถิ่นทุรกันดารเช่นนี้”

 

ชางอู๋ซินพยักหน้าและจากไป โดยที่นางไม่แยแสความกังวลของพวกเขา

 

“หยูเฟิง ดูเหมือนท่านจะห่วงใยองค์รัชทายาทมาก!” ฮวนมอเฉอถามโดยรู้ว่า แม้เพื่อนที่ดีที่สุดของตนจะเป็นผู้ที่มีความรับผิดชอบโดยตรง แต่แม่ทัพหนุ่มไม่จำเป็นต้องแสดงออกเช่นนี้

 

หมายความว่าเขามีความห่วงใยในตัวองค์ชาย

 

อย่างไรก็ตามฮวนมอเฉอไม่ต้องการให้เพื่อนสนิทของเขาแสดงความสนใจต่อองค์รัชทายาท เนื่องจากเขา….

 

เล้งหยูเฟิงเหลือบมองไปยังรูปลักษณ์ที่ผิดปกติบนใบหน้าของเพื่อนสนิท “ท่านก็ใส่ใจองค์ชายมากเช่นกันมิใช่รึ? ลักษณะขององค์รัชทายาทมีความโดดเด่น ยิ่งกว่านั้นเรายังเป็นที่ปรึกษาของพระองค์ ดังนั้นการเอาใจใส่ย่อมเป็นหน้าที่ของเรา! แต่ดูเหมือนท่านจะสนใจองค์รัชทายาทมากเกินไป”

 

แม้จะพูดอย่างนั้น เล้งหยูเฟิงย่อมรู้อยู่ในใจว่า ตัวเขาเองก็ห่วงใยองค์รัชทายาทมากกว่าที่ควรจะเป็น

 

ฮวนมอเฉอเลิกคิ้วและดึงอารมณ์กลับไปเป็นท่าทางที่อ่อนโยนและอบอุ่นโดยเขาไม่พูดอะไรอีก เพราะแม้แต่ตัวเขาเองยังไม่เข้าใจความคิดของตัวเอง

 

เมื่อชางอู่ซินมาถึงทะเลสาบ นางกล่าวด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวลและประณีตราวกับเสียงไม้ไผ่ที่เสียดสีกัน “ท่านตามข้ามาตั้งนาน แล้วเหตุใดถึงยังไม่ออกมาเล่า?”

 

จากนั้นชายคนหนึ่งเดินออกมาจากต้นไม้ใหญ่ เขาสวมเสื้อคลุมสีแดงและผมสีดำของเขาถูกมัดไว้ด้านหลังอย่างหลวม ๆ ซึ่งกำหนดใบหน้าที่เรียวของเขามากยิ่งขึ้น หากใครบอกว่าคิ้วที่โค้งมนของเขาทำให้เขาดูเย่อหยิ่ง อีกคนหนึ่งอาจโต้แย้งว่าส่วนโค้งของจมูกที่สมบูรณ์แบบนั้นได้ขจัดความเย่อหยิ่งไปอย่างสิ้นเชิง

 

“ท่านค้นพบข้าทุกครั้ง จริง ๆ แล้วมันไม่สนุกเลย!” ฮันซวนห่าวเดินไปที่ด้านข้างของชางอู่ซินพร้อมมองไปยังร่างที่อยู่ถัดจาก ตนด้วยความรู้สึกพึงพอใจอย่างมาก ทว่าเมื่อเห็นความสูงของเด็กหนุ่มเพียงหน้าอกของเขาและร่างกายที่ผอมบางเกินไป ฮันซวนห่าวพลันอารมณ์เสียในทันที

 

หลายวันมานี้เขามักจะครุ่นคิดว่า เหตุใดตนจึงห่วงใยองค์รัชทายาทอย่างมาก และเหตุใดความรู้สึกของเขาจึงดูคล้ายกับความรัก ใครที่อ่อนหวาน

 

ถูกต้อง! เขาแน่ใจว่าตนชอบองค์รัชทายาท แต่เพราะอะไรเขายังไม่รู้ ฮันซวนห่าวเป็นคนเรียบง่าย ดังนั้นตอนนี้เมื่อตระหนักถึงความรู้สึกที่มีต่อองค์รัชทายาท เขาจึงตัดสินใจอยู่เคียงข้างพระองค์และค้นหาว่าความรู้สึกของเขาคืออะไร

 

“เห็นได้ชัดว่าท่านต้องการตามข้ามา แต่ท่านมีจุดประสงค์อันใด?” น้ำเสียงของชางอู่ซินเย็นชา นางไม่เข้าใจอย่างแท้จริงว่าเหตุใด หัวหน้าพรรคฮันชิงถึงตามนางมา แต่สามารถบอกได้เพียงว่าเขาไม่มีพิษภัยแต่อย่างใด

 

ฮันซวนห่าวเลิกคิ้วขึ้น “ท่านฉลาดนักมิใช่รึ ? ไหนลองเดาดูสิ” ขณะที่พูดเขาเริ่มขยับเข้าใกล้ แต่เขาแทบจะไม่สามารถก้าวเท้าได้ เมื่อพบว่าแสงสะท้อนราวน้ำแข็งจากชางอู๋ซินได้หยุดยั้งเขา

 

โดยฮันซวนห่าวสามารถพูดได้ว่า ถ้าเขาเข้าไปใกล้อีกก้าวหนึ่งชางอู๋ซินจะเคลื่อนไหวเพื่อฆ่าตนอย่างแน่นอน

 

“เอาล่ะ! เช่นนั้นข้ามีงานให้ท่านทำเ” ชางอู๋ซินจ้องไปที่ดวงจันทร์ขณะน้ำเสียงของนางแปลกไป “นี่จะทำให้หนึ่งในสามของสัญญาระหว่างเรา ที่ท่านติดค้างข้าอยู่”

 

เดิมที่นางกำลังครุ่นคิดว่าจะส่งใครออกไปทำภารกิจนั้น และตอนนี้มีคนมาหานางถึงที่แล้ว

 

ฮันซวนห่าวพูดด้วยความสนใจทันที “ไม่ว่าท่านต้องการจะทำอะไร ขอเพียงพูดมันออกมา ท่านไม่จำเป็นต้องพูดถึงสัญญาของเราถึงอย่างไรเราก็เป็นเพื่อนกันมิใช่รึ?”

 

ภายในเขารู้ว่าหากสัญญาทั้งสามที่เขาติดค้างทำเสร็จสิ้น เขาจะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับชางอู๋ซินอีกต่อไป แล้วเขาจะปล่อยให้สิ่งนั้นเกิดขึ้นได้อย่างไร?

 

“สำหรับงานนี้ ข้าต้องการให้ท่านกลับไปที่เมืองหลวง!” นางรู้สึกไม่มั่นใจกับถ้อยแถลงที่บ่งบอกถึงความใจกว้างของเขา แต่เนื่องจากอีกฝ่ายเป็นคนบอกเองว่าสัญญาทั้งสามจะไม่เกี่ยวข้อง เหตุใดจึงพยายามโน้มน้าวให้เขาคิดเป็นอย่างอื่น ถ้านางทำ นางจะไม่สูญเสียผลประโยชน์หรอกหรือ?

 

“เพื่ออะไร?” ฮันซวนห่าวเอ่ยถามอย่างไม่เชื่อ เขาซ่อนเงาไว้ตลอดทางเพราะเขาต้องการอยู่เคียงข้างชางอู๋ซิน แต่ตอนนี้เขากลับถูกขอให้กลับไป มันทำให้หัวใจของเขาตึงเครียดและยังสงสัยว่าชางอู๋ซินตั้งใจจะทำอันใดกันแน่

 

ชางอู๋ซินเหลือบมองไปที่ฮันซวนห่าวซึ่งมีความไม่เต็มใจ ขณะริมฝีปากของนางกระตุก “ไม่อยากไปรึ?” ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความขุ่นเคือง ชายคนนี้เป็นหนี้บุญท่านนางสามประการ แต่เขากลับปฏิเสธการใช้หนี้ของเขา แล้วนางควรจะกำจัดเขาหรือไม่?

 

ตอนนี้ฮันซวนห่าวจะไม่สังเกตเห็นเจตนาฆ่าที่รุนแรงในดวงตาของชางอู๋ซินได้อย่างไร แม้ความขมขื่นจะหลั่งไหลเข้ามาในหัวใจของชายหนุ่ม แต่ยังคงกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “งานนี้ ถ้าท่านต้องการ ให้ข้าทำให้เสร็จข้าย่อมทำได้ อย่างไรก็ตามข้ามีเงื่อนไขข้อหนึ่ง” เมื่อคำพูดเหล่านั้นจางหายไป เขาได้ขยิบตาไปที่ชางอู๋ซิน

 

และท่าทางที่นุ่มนวลนี้ทำให้นางหยุดนิ่ง ขณะหัวใจของนางชะงักงันด้วยความชื่นชม

 

ชางอู๋ซินกล่าวกับเขาด้วยน้ำเสียงสนใจ “โอ้? มันคืออะไรรึ?” สำหรับสิ่งที่เขาเสนอเงื่อนไขไม่ได้เกินความคาดหมายของนางเลย เพราะนางควรจะทำเช่นเดียวกัน

 

ฮันซวนห่าวจับจ้องดวงตาเขม็งของชางอู๋ซินและค่อย ๆ ขยับเข้ามาใกล้ แต่เขารู้ขอบเขตของตนดี ดังนั้นเขาจึงประสานมือของเขาไว้กับตัว

 

และเมื่ออยู่ใกล้กัน เขาสัมผัสได้ถึงกลิ่นจาง ๆ แต่ช่างหอมกรุ่น ทำให้เขาอดไม่ได้ที่จะสูดดมอยู่หลายครั้ง โดยรู้ว่ามันเป็นกลิ่นตัวตามธรรมชาติของชางอู๋ซิน และพบว่ามันแปลกที่ชายหนุ่มจะมีกลิ่นหอมเช่นนี้ อย่างไรก็ตามเขาชอบมันมาก

 

“จากนี้ไป ข้าอยากให้ท่านเรียกข้าด้วยชื่อของข้า ซวนห่าว!” เขาระงับความรู้สึกอยากเข้าใกล้ “ถ้าท่านตกลง ข้าจะกลับไปที่เมืองหลวงและช่วยท่านทำงาน ได้หรือไม่? และเมื่อถึงจุดนี้ ข้าไม่คิดว่าเราเป็นแค่คนรู้จักกันอีกต่อไปแล้ว แต่เราเป็นเพื่อนกัน!”

 

ชางอู๋ซินก้าวถอยหลังเพื่อขยายระยะห่างระหว่างพวกเขาเล็กน้อย ส่งผลให้ฮันซวนห่าวไม่สามารถตรวจจับกลิ่นอันน่าประทับใจนั้นได้อีกต่อไปและรู้สึกถึงการสูญเสีย แต่กระนั้นเขายังคงเผยรอยยิ้มต่อไปขณะที่จ้องมองที่ชางอู๋ซิน เขารู้ว่าเด็กหนุ่มคนนี้เป็นผู้ที่ชาญฉลาดมาก ทว่าคำขอของเขาไม่ได้ล้ำเส้นใด ๆ

 

แน่นอนว่าชางอู๋ซินไตร่ตรองเพียงชั่วครู่ก่อนจะกล่าวว่า “ถ้าอย่างนั้น ซวนห่าวข้าขอขอบคุณสำหรับความช่วยเหลือของท่าน!” ความหมายเบื้องหลังคำพูดของนางนั้นมีความชัดเจนว่าเต็มใจที่จะทำตามคำขอ…

 

อย่างน้อยในระดับพื้นผิวยังยอมรับฮันซวนห่าวเป็นเพื่อน ในทางกลับกันเขาไม่มีทางรู้ความคิดที่แท้จริงของนางได้เลย

 

ฮันซวนห่าวดีใจที่ได้ยินชื่อของเขาออกจากปากของชางอู๋ซินดัง นั้นริมฝีปากสีแดงของเขาได้โค้งเป็นรอยยิ้มกว้างด้วยดวงตาที่เป็นประกาย โดยเป็นการแสดงความยินดีที่ไร้การยับยั้งอย่างสมบูรณ์

 

ทำให้การแสดงออกทิ้งงงวยปรากฏขึ้นบนใบหน้าของชางอู่ซินขณะที่นางจ้องมาที่เขา…. มันเป็นแค่ชื่อเท่านั้น เหตุใดชายตรงหน้าถึงมีความสุขมากถึงเพียงนี้?

 

ทว่านางมิได้ใส่ใจมากนัก ตราบใดที่นางบรรลุจุดประสงค์ เขาย่อมไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับนางอีกแล้ว

 

“แล้วจะให้ข้ากลับไปเพื่ออะไร?” สีหน้าของฮันซวนห่าวแสด งถึงความกระตือรือร้น เมื่อคิดว่าจากที่ตั้งปัจจุบันคงใช้เวลาไม่นาน ในการไปถึงเมืองหลวง ถ้างานเสร็จเร็ว เขายังกลับมาทัน

 

ชางอู๋ซินเอนตัวเข้ามาพลางวางริมฝีปากของนางไว้ข้างหูของเขา และใช้น้ำเสียงเป็นกันเองเพื่อเปิดเผยแผนการของนาง

 

แต่อนิจจา! เขารับรู้เพียงกลิ่นหอมหวานที่ฟุ้งกระจายออกมาจากร่างกายของชางอู๋ซิน และลมหายใจอุ่น ๆ ที่กระทบหูนั้นทำให้จิตใจของเขาวุ่นวาย

 

“เข้าใจไหม?” หลังจากแจ้งความประสงค์แล้ว นางสังเกตเห็นแก้มสีแดงระเรื่อของฮันซวนห่าวจึงรีบก้าวถอยหลัง

 

“เอ่อ.?” เขาค่อนข้างสับสน “เมื่อครู่ท่านพูดอะไร?”

 

ท่าทีของชางอู่ซินแสดงให้เห็นว่านางไม่ได้ขบขัน แต่นางได้ขยับเข้ามาใกล้อีกครั้งและกล่าวซ้ำความต้องการของนาง

 

คราวนี้แม้การเต้นของหัวใจฮันซวนห่าวจะยังคงเต้นแรงอย่างควบคุมไม่ได้ แต่เขาพยายามอย่างมากที่จะตั้งใจฟัง และเมื่อได้ยินชัดเจน เขากลับสงบลง

 

“อู๋ซิน เจ้ามั่นใจได้ ข้าจะทำผลงานได้ดีอย่างแน่นอน!” เขาระงับรอยยิ้มที่กำลังจะเบ่งบานบนใบหน้าของเขา “ข้าจะไปแล้ว โปรดดูแลตัวเองด้วย!”

 

หลังกล่าวจบ ชายผู้นั้นหายตัวไปพร้อมกับรอยยิ้มที่มั่นใจ และเมื่อชางอู่ซินเห็นเขาหายตัวไป มุมริมฝีปากของนางพลันยกขึ้นด้วยความชั่วร้าย

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+