หัวโจก 17 ฉันจะสมัคร

Now you are reading หัวโจก Chapter 17 ฉันจะสมัคร at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ที่ผ่านมา โจวจิ้งบังคับตัวเองทั้งเรื่องเรียนและเรื่องงาน ทุกอย่างต้องดีที่สุด ความประพฤติห้ามด่างพร้อย

ไม่คิดว่าวันหนึ่งจะต้องวิ่งหนีนักเลงหัวซุกหัวซุน ถ้าโจวจิ้งคนเดิมรู้ว่าเธอใช้ร่างกายนี้ทำเรื่องน่าอับอาย จะรู้สึกอย่างไร

นับเป็นประสบการณ์ใหม่ในชีวิต ถึงจะไม่ใช่เรื่องดี แต่สำหรับเด็กเนิร์ดอย่างเธอก็ถือว่าสนุก

อาจเพราะความต่างของการเป็นผู้ใหญ่กับเป็นวัยรุ่น เธอจึงมองมั่วลี่ที่หลับเป็นตายอยู่บนเตียงด้วยความเอ็นดู

สาวน้อยแต่งหน้าจัดคนนั้นคือ ‘ลู่ฉี’ เด็กเกเรในโรงเรียนพาณิชย์ข้างๆ

เรื่องเกิดจากเธอถากถางมั่วลี่เรื่องความอ้วน อีกฝ่ายจึงโมโหแต่ไม่ได้ตบตีเนื่องจากไม่มีพวกมาด้วย เลยยอมถูกมอมเหล้าและโทรหาโจวจิ้งเพื่อให้มากู้หน้าคืน

ทว่าผิดคาด เจ๊ใหญ่กลับลากเธอวิ่งขึ้นรถแทน

สำหรับโจวจิ้ง การถูกล้อคือเรื่องปกติ ในโลกแห่งความเป็นจริงมีหลายอย่างที่ไม่ได้ดั่งใจ ยิ่งเข้าวัยทำงานก็ต้องถูกเจ้านายด่า ถูกลูกค้าต่อว่า ถึงตอนนั้นมั่วลี่จะเข้าใจว่าคำพูดของลู่ฉีนั้นเล็กน้อยมาก

โจวจิ้งนั่งเฝ้ามั่วลี่และนึกเสียดายบะหมี่เนื้อที่ยังไม่ได้กินไปด้วย

พอถึงวันเสาร์ช่วงเย็น เธอก็ไปเริ่มงานดีเจของรายการสายลมในฤดูร้อนตามที่ตกลงไว้

ทุกอย่างผ่านไปด้วยดี กระทั่งได้ค่าแรงจึงตรงดิ่งไปที่ร้านบะหมี่เนื้อเพื่อชดเชยความอยาก

เป็นสุดสัปดาห์ที่โจวจิ้งใช้เวลาอย่างมีประโยชน์ ไม่ทันไรก็ถึงวันจันทร์อีกแล้ว

เธอลุกขึ้นล้างหน้าแปรงฟัน พอมีเงินติดกระเป๋าก็อารมณ์ดีเป็นพิเศษ ก่อนไปเรียนยังหยิบแอปเปิลที่ซื้อฝากเฝิงเอี้ยนไปลูกหนึ่งด้วย

แค่ตื่นเช้าเฝิงเอี้ยนก็ตะลึงมากแล้ว นี่ยังมีของฝากมาให้อีก

ที่ห้องเรียน โต๊ะของโจวจิ้งถูกเพื่อนนักเรียนล้อมอยู่ พอเห็นเธอพวกเขาก็แยกย้ายกันไปคนละทิศทาง

โต้วหยาที่นั่งติดกันถือแบบฟอร์มบางอย่าง ในนั้นเต็มไปด้วยรายชื่อนักเรียน พอชะโงกดูก็พบว่ามันคือใบสมัครนักกีฬาสำหรับงานกีฬาสี

กีฬาสีเป็นความทรงจำที่ทำให้เธอคิดถึงตู้เฟิง แม้จะไม่ได้รู้สึกอะไรแล้ว แต่ก็ยังเสียดายที่ตอนมีโอกาสไม่ทำให้ดีกว่านั้น

พอลองย้อนคิดดู ช่วงอายุสิบแปดปี เธอมีหลายเรื่องที่น่าเสียดายอยู่เหมือนกัน นอกจากอ่านหนังสือกับแข่งขันทางวิชาการก็ไม่เคยเข้าร่วมกีฬาสีหรืองานสังคมอะไรเลย ความทรงจำสมัยมัธยมของเธอนับว่าจืดชืดมาก จำได้แค่ความขมขื่นกับความเหนื่อยล้า แต่พ่อกับแม่กลับบอกว่าเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุด

คนเรามักคิดได้ต่อเมื่อสายไปแล้ว โจวจิ้งได้แต่หลอกตัวเองว่าเธอมีความสุข แล้วก็วนไปแบบไม่มีที่สิ้นสุด ในเมื่อฟ้าให้โอกาส เธอก็ควรใช้โอกาสนี้ชดเชยสิ่งที่ขาดหายไป เรื่องความรักคงต้องปล่อยไปก่อน อย่างน้อยควรได้ลองทำสิ่งที่คนอื่นทำตอนอายุสิบแปดเสียก่อน

“ฉันจะสมัคร” เธอบอกโต้วหยา

โต้วหยาหันมองโจวจิ้งแบบงงๆ

“ไม่ได้เหรอ?” เธอถามต่อ

“เปล่าๆๆ ไม่ใช่อย่างนั้น” โต้วหยาขยับแว่น “แค่รายชื่อนักกีฬาถูกระบุลงไปหมดแล้ว”

“มีรายการไหนที่ยังไม่เต็ม? อะไรก็ได้”

“เหลือวิ่งแข่งหญิงเดี่ยว 800 เมตร”

“ได้” โจวจิ้งกัดฟันตอบ

โต้วหยานิ่งไปอีกรอบ

“ไม่ต้องตกใจ ฉันจะสมัครอันนี้แหละ” พูดจบก็ดึงใบสมัครมากรอกชื่อเอง

ขณะที่โต้วหยาทำหน้าเหมือนเห็นผี โจวจิ้งกลับรู้สึกตื่นเต้นดีใจ

800 เมตรสำหรับเธอไม่ใช่ปัญหา เพราะวิ่งออกกำลังกายทุกเย็นอยู่แล้ว ตอนท้องก็ไม่เว้น

อีกครึ่งเดือนจะถึงวันกีฬาสี โจวจิ้งจึงตั้งใจจะซ้อมวิ่งทุกคืนนับแต่บัดนี้

เธอเอาแต่จมอยู่กับความคิดของตัวเองจนลืมนึกถึงจิตใจของโต้วหยา

เจ้าเขียวกลับมาเรียนตามปกติแต่ไม่มาเดินตามเธอเหมือนแต่ก่อน เพื่อนๆ รอบข้างจึงจับจ้องว่าคู่นี้จะเอาอย่างไรต่อ โจวจิ้งไม่ใส่ใจมากนัก เพราะเข้าใจความรู้สึกของวัยรุ่นดี เจ้าเขียวคงรู้สึกเสียหน้าที่ด่าเธอสารพัด แต่กลับได้รับการปกป้องช่วยเหลือ รอให้ผ่านไปสักระยะเขาคงดีขึ้นเอง

ที่จริงเธอตั้งใจจะไปหาเจ้าเขียวหลังเลิกเรียน แต่เขาเก็บกระเป๋าออกจากห้องอย่างรวดเร็ว ไม่เหลือโอกาสให้ได้เจอ โจวจิ้งยังไม่คุ้นเคยกับยวู่เต๋อ ด้วยความที่กว้างมากเธอจึงเดินหลงเข้าไปในสวนร้างแห่งหนึ่ง ซึ่งเจ้าเขียวก็นั่งอยู่ในนั้น

ขณะกำลังจะตะโกนเรียก เสียงของใครบางคนก็ดังขึ้นที่ด้านหลัง “โจวจิ้งรึเปล่า?”

พอหันไปมอง เธอก็พบกับแก๊งจิ๊กโก๋สี่ห้าคนในเสื้อผ้าแฟชั่นประหลาด หัวโจกเป็นเด็กหนุ่มร่างบาง ใส่เสื้อคลุมหนัง กางเกงยีนขาดรุ่ย ด้านข้างคือเด็กสาวแต่งหน้าจัด คนที่เธอเคยปาบะหมี่เนื้อใส่หน้า

“คนนี้แหละที่ปาถุงก๋วยเตี๋ยวใส่ฉัน แถมด่าว่าเป็นกะหรี่ด้วย!” ลู่ฉีฟ้อง

“ใครด่า?” โจวจิ้งไม่ยอม “ฉันแค่ปาถุงก๋วยเตี๋ยวใส่แต่ไม่ได้ด่า อายุแค่นี้ไม่น่าตอแหลคล่องปากนะเธอ!”

ลู่ฉีหันไปออดอ้อนหัวหน้าแก๊ง “หล่อนยังบอกด้วยว่าจะตามล้างแค้นฉัน”

“มั่วลี่พูด ไม่ใช่ฉัน!” โจวจิ้งเถียงคอเป็นเอ็น

ตรงนี้คือจุดลับตาคน ที่ถูกปล่อยร้างก็เพราะผู้บริหารโรงเรียนมีแผนจะรื้อสร้างใหม่

“กล้าแตะต้องคนของกู กูเอามึงตายแน่!”

นี่มันบทพูดยอดฮิตในหนังแอ๊คชั่นนี่!

ที่หลังต้นไม้ ผมสีเขียวเริ่มขยับไหว สักพักก็หายไปพร้อมกับเสียงวิ่ง

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

หัวโจก 17 ฉันจะสมัคร

Now you are reading หัวโจก Chapter 17 ฉันจะสมัคร at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ที่ผ่านมา โจวจิ้งบังคับตัวเองทั้งเรื่องเรียนและเรื่องงาน ทุกอย่างต้องดีที่สุด ความประพฤติห้ามด่างพร้อย

ไม่คิดว่าวันหนึ่งจะต้องวิ่งหนีนักเลงหัวซุกหัวซุน ถ้าโจวจิ้งคนเดิมรู้ว่าเธอใช้ร่างกายนี้ทำเรื่องน่าอับอาย จะรู้สึกอย่างไร

นับเป็นประสบการณ์ใหม่ในชีวิต ถึงจะไม่ใช่เรื่องดี แต่สำหรับเด็กเนิร์ดอย่างเธอก็ถือว่าสนุก

อาจเพราะความต่างของการเป็นผู้ใหญ่กับเป็นวัยรุ่น เธอจึงมองมั่วลี่ที่หลับเป็นตายอยู่บนเตียงด้วยความเอ็นดู

สาวน้อยแต่งหน้าจัดคนนั้นคือ ‘ลู่ฉี’ เด็กเกเรในโรงเรียนพาณิชย์ข้างๆ

เรื่องเกิดจากเธอถากถางมั่วลี่เรื่องความอ้วน อีกฝ่ายจึงโมโหแต่ไม่ได้ตบตีเนื่องจากไม่มีพวกมาด้วย เลยยอมถูกมอมเหล้าและโทรหาโจวจิ้งเพื่อให้มากู้หน้าคืน

ทว่าผิดคาด เจ๊ใหญ่กลับลากเธอวิ่งขึ้นรถแทน

สำหรับโจวจิ้ง การถูกล้อคือเรื่องปกติ ในโลกแห่งความเป็นจริงมีหลายอย่างที่ไม่ได้ดั่งใจ ยิ่งเข้าวัยทำงานก็ต้องถูกเจ้านายด่า ถูกลูกค้าต่อว่า ถึงตอนนั้นมั่วลี่จะเข้าใจว่าคำพูดของลู่ฉีนั้นเล็กน้อยมาก

โจวจิ้งนั่งเฝ้ามั่วลี่และนึกเสียดายบะหมี่เนื้อที่ยังไม่ได้กินไปด้วย

พอถึงวันเสาร์ช่วงเย็น เธอก็ไปเริ่มงานดีเจของรายการสายลมในฤดูร้อนตามที่ตกลงไว้

ทุกอย่างผ่านไปด้วยดี กระทั่งได้ค่าแรงจึงตรงดิ่งไปที่ร้านบะหมี่เนื้อเพื่อชดเชยความอยาก

เป็นสุดสัปดาห์ที่โจวจิ้งใช้เวลาอย่างมีประโยชน์ ไม่ทันไรก็ถึงวันจันทร์อีกแล้ว

เธอลุกขึ้นล้างหน้าแปรงฟัน พอมีเงินติดกระเป๋าก็อารมณ์ดีเป็นพิเศษ ก่อนไปเรียนยังหยิบแอปเปิลที่ซื้อฝากเฝิงเอี้ยนไปลูกหนึ่งด้วย

แค่ตื่นเช้าเฝิงเอี้ยนก็ตะลึงมากแล้ว นี่ยังมีของฝากมาให้อีก

ที่ห้องเรียน โต๊ะของโจวจิ้งถูกเพื่อนนักเรียนล้อมอยู่ พอเห็นเธอพวกเขาก็แยกย้ายกันไปคนละทิศทาง

โต้วหยาที่นั่งติดกันถือแบบฟอร์มบางอย่าง ในนั้นเต็มไปด้วยรายชื่อนักเรียน พอชะโงกดูก็พบว่ามันคือใบสมัครนักกีฬาสำหรับงานกีฬาสี

กีฬาสีเป็นความทรงจำที่ทำให้เธอคิดถึงตู้เฟิง แม้จะไม่ได้รู้สึกอะไรแล้ว แต่ก็ยังเสียดายที่ตอนมีโอกาสไม่ทำให้ดีกว่านั้น

พอลองย้อนคิดดู ช่วงอายุสิบแปดปี เธอมีหลายเรื่องที่น่าเสียดายอยู่เหมือนกัน นอกจากอ่านหนังสือกับแข่งขันทางวิชาการก็ไม่เคยเข้าร่วมกีฬาสีหรืองานสังคมอะไรเลย ความทรงจำสมัยมัธยมของเธอนับว่าจืดชืดมาก จำได้แค่ความขมขื่นกับความเหนื่อยล้า แต่พ่อกับแม่กลับบอกว่าเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุด

คนเรามักคิดได้ต่อเมื่อสายไปแล้ว โจวจิ้งได้แต่หลอกตัวเองว่าเธอมีความสุข แล้วก็วนไปแบบไม่มีที่สิ้นสุด ในเมื่อฟ้าให้โอกาส เธอก็ควรใช้โอกาสนี้ชดเชยสิ่งที่ขาดหายไป เรื่องความรักคงต้องปล่อยไปก่อน อย่างน้อยควรได้ลองทำสิ่งที่คนอื่นทำตอนอายุสิบแปดเสียก่อน

“ฉันจะสมัคร” เธอบอกโต้วหยา

โต้วหยาหันมองโจวจิ้งแบบงงๆ

“ไม่ได้เหรอ?” เธอถามต่อ

“เปล่าๆๆ ไม่ใช่อย่างนั้น” โต้วหยาขยับแว่น “แค่รายชื่อนักกีฬาถูกระบุลงไปหมดแล้ว”

“มีรายการไหนที่ยังไม่เต็ม? อะไรก็ได้”

“เหลือวิ่งแข่งหญิงเดี่ยว 800 เมตร”

“ได้” โจวจิ้งกัดฟันตอบ

โต้วหยานิ่งไปอีกรอบ

“ไม่ต้องตกใจ ฉันจะสมัครอันนี้แหละ” พูดจบก็ดึงใบสมัครมากรอกชื่อเอง

ขณะที่โต้วหยาทำหน้าเหมือนเห็นผี โจวจิ้งกลับรู้สึกตื่นเต้นดีใจ

800 เมตรสำหรับเธอไม่ใช่ปัญหา เพราะวิ่งออกกำลังกายทุกเย็นอยู่แล้ว ตอนท้องก็ไม่เว้น

อีกครึ่งเดือนจะถึงวันกีฬาสี โจวจิ้งจึงตั้งใจจะซ้อมวิ่งทุกคืนนับแต่บัดนี้

เธอเอาแต่จมอยู่กับความคิดของตัวเองจนลืมนึกถึงจิตใจของโต้วหยา

เจ้าเขียวกลับมาเรียนตามปกติแต่ไม่มาเดินตามเธอเหมือนแต่ก่อน เพื่อนๆ รอบข้างจึงจับจ้องว่าคู่นี้จะเอาอย่างไรต่อ โจวจิ้งไม่ใส่ใจมากนัก เพราะเข้าใจความรู้สึกของวัยรุ่นดี เจ้าเขียวคงรู้สึกเสียหน้าที่ด่าเธอสารพัด แต่กลับได้รับการปกป้องช่วยเหลือ รอให้ผ่านไปสักระยะเขาคงดีขึ้นเอง

ที่จริงเธอตั้งใจจะไปหาเจ้าเขียวหลังเลิกเรียน แต่เขาเก็บกระเป๋าออกจากห้องอย่างรวดเร็ว ไม่เหลือโอกาสให้ได้เจอ โจวจิ้งยังไม่คุ้นเคยกับยวู่เต๋อ ด้วยความที่กว้างมากเธอจึงเดินหลงเข้าไปในสวนร้างแห่งหนึ่ง ซึ่งเจ้าเขียวก็นั่งอยู่ในนั้น

ขณะกำลังจะตะโกนเรียก เสียงของใครบางคนก็ดังขึ้นที่ด้านหลัง “โจวจิ้งรึเปล่า?”

พอหันไปมอง เธอก็พบกับแก๊งจิ๊กโก๋สี่ห้าคนในเสื้อผ้าแฟชั่นประหลาด หัวโจกเป็นเด็กหนุ่มร่างบาง ใส่เสื้อคลุมหนัง กางเกงยีนขาดรุ่ย ด้านข้างคือเด็กสาวแต่งหน้าจัด คนที่เธอเคยปาบะหมี่เนื้อใส่หน้า

“คนนี้แหละที่ปาถุงก๋วยเตี๋ยวใส่ฉัน แถมด่าว่าเป็นกะหรี่ด้วย!” ลู่ฉีฟ้อง

“ใครด่า?” โจวจิ้งไม่ยอม “ฉันแค่ปาถุงก๋วยเตี๋ยวใส่แต่ไม่ได้ด่า อายุแค่นี้ไม่น่าตอแหลคล่องปากนะเธอ!”

ลู่ฉีหันไปออดอ้อนหัวหน้าแก๊ง “หล่อนยังบอกด้วยว่าจะตามล้างแค้นฉัน”

“มั่วลี่พูด ไม่ใช่ฉัน!” โจวจิ้งเถียงคอเป็นเอ็น

ตรงนี้คือจุดลับตาคน ที่ถูกปล่อยร้างก็เพราะผู้บริหารโรงเรียนมีแผนจะรื้อสร้างใหม่

“กล้าแตะต้องคนของกู กูเอามึงตายแน่!”

นี่มันบทพูดยอดฮิตในหนังแอ๊คชั่นนี่!

ที่หลังต้นไม้ ผมสีเขียวเริ่มขยับไหว สักพักก็หายไปพร้อมกับเสียงวิ่ง

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+