เทพเซียนเจ้านครวิญญาณ 53 ทําลายโครงร่าง

Now you are reading เทพเซียนเจ้านครวิญญาณ Chapter 53 ทําลายโครงร่าง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 53 ทําลายโครงร่าง

ภาพวาดเริ่มปรากฏบนผืนผ้าใบอย่างเชื่องช้ามันแสดงให้เห็นลักษณะทางภูมิประเทศ สิ่งมีชีวิตและทุกสรรพสิ่งที่มีอยู่ทั้งบนสวรรค์และในโลกมนุษย์ การประสานสอดคล้องของภาพวาดเป็นสุดยอดแห่งจินตนาการที่ไร้ขีดจํากัดมากมายจนเกินสายตาของชาย หนุ่มจะรับรู้ได้ทั้งหมดนี่จึงเป็นเหตุผลว่าทําไมครั้งแรกจึงมองเห็นแต่ความว่างเปล่า

 

สู่หยุนนิ่งเงียบงันพยายามหาคําพูดบรรยายให้ได้ใกล้เคียง“หนึ่งเดียวกับเต่าสุดยอดงานศิลปะที่สมบรูณ์แบบอย่างนั้นหรือ”ชายหนุ่มรําพึงกับตนเอง

แสงที่ส่องออกมาจากภาพวาดค่อยเลือนหายไปที่ละน้อยและไหลซึมเข้าสู่ร่างของหนุ่มน้อย ชั่วขณะหนึ่งลู่หยุนเห็นบางอย่างที่ตาส่องประกายแวววาวระยิบระยับมาจากบริเวณหน้าอกของฉิงฮันเขามัวแต่หันไปเอาใจใส่กับอาการของหนุ่มน้อยจึงไม่ ทันสังเกตเห็นแสงประหลาดนั้น

ใบหน้าซีดเซียวเริ่มปรากฏสีซับเลือด

ผิวพรรณกลับมาสดใสแทบไม่เหลือร่องรอยบาดแผลอาการเริ่มทุเลาอย่างเห็นได้ชัดจนลู่หยุนถอนหายใจอย่างโล่งอกที่เขาพ้นขีดอันตรายทว่าหนุ่มน้อยก็ยังไม่ฟื้นขึ้นมา

 

“ต้องไปกันแล้ว!” เขายกร่างของหนุ่มน้อยขึ้นมา รับรู้ถึงร่างกายที่กลับคืนความอ่อนนุ่ม นุ่มกว่าเนื้อนุ่มของว่านเฟิงเสียอีก!

ข้าเป็นอะไรไปละนี่ เขาไม่ได้เป็นสตรีสักหน่อย จริงไหม ทว่ายังอดใจไม่ได้จึงลองเอื้อมมือคลําที่คอของหนุ่มน้อยพบว่ามีลูกกระเดือกแต่เพื่อความไม่แน่ใจยิ่งขึ้นจึงเอื้อมมือไปคลําเบาๆ บริเวณอกเสื้อของเขาอีกครั้ง

“อกแบนราบ” ชายหนุ่มนึกขําตัวเองนี่ข้ากําลังคิดอะไร

“จะ เจ้าจะทําอะไร” เสียงอ่อนแรงของลิ้งฮั่นถามขึ้นอย่างระแวง

“เปล่า” ลูหยุนชักมือกลับทันที ก่อนยกลิ้งฮั่นพาดบนหลังและกระโดดลงจากยอดเขาลอยได้ลูกนั้น

 

“ข้ายังมีชีวิตอยู่อีกหรือ” ฉิงฮั่นถามเสียงเบาหวิว ในหน้าของเขาแดงก่ําอย่างกับผลตําลึงสุก ชิบเป๋ง ดันแอบลูบคลําหน้าอกเมื่อตะกี้!เขาจะรู้ตัวหรือไม่

ฉิงฮั่นพลังอ่อนลงยิ่งกว่าเดิม หากไม่เพราะคู่หยุนใช้มือสัมผัสบริเวณหน้าอกทําให้เด็กหนุ่มเกิดสัญชาตญาณสะท้อนกลับ เขาคงจะ ยังไม่ฟื้นขึ้นมาหากในที่สุดจึงผล็อยหลับไปอีกครั้งก่อนที่คู่หยุนจะ ทันนึกหาคําตอบ

 

“ไอ้เจ้า “ ลู่หยุนชะงัก กลิ่นหอมจากลมหายใจของฉิงฮันลอยมาปะทะจมูกเขาเป็นบุรุษจริงหรือ

ชายหนุ่มถึงกับสมาธิกระเจิดกระเจิง จะต้องยุติความคิดหมกมุ่นเรื่องเป้ากางเกงของลิ้งฮั่นให้ได้ ชักรู้สึกหวั่นใจว่าตนเองจะเบี่ยงเบนหันไปชื่นชมบุรุษเพศด้วยกัน “ข้าไม่ได้ชอบผู้ชาย!”

 

หยุดคิดเรื่องน่าขัน บอกตัวเองให้ตัดความคิดที่สั่นคลอนความรู้สึกนั้นเสียที

 

“เร็วเข้า” เมียวเร่ง “มัวชักช้าประเดี่ยวนางแม่มดผีดิบมันคืนชีพขึ้นมาเสียก่อน”

 

ลู่หยุนผงกหัวก่อนผละออกห่างยอดเขาลอยได้มุ่งหน้าสู่ทางเดินลึกเข้าไปภายใน เมียวล่วงหน้าไปก่อนขณะที่ยอิงและ เฟยหนี่ขนาบซ้ายขวาเยี่ยเงินในร่างหลี่ยวไฉรั้งท้าย

“โครงร่างแห่งมรณะอนิจจจัง!” ลู่หยุนชะงักฝีเท้าทึกเส้นทางในอุโมงค์เบื้องหน้าแคบลง ทั้งยังมีหมอกหนากางกั้นสายตาจนมอง เห็นไม่ชัดเจนหากสัญญาณบางอย่างบอกให้รู้ว่ากําลังเข้าเขตโครง ร่างอีกครั้ง

“เจ้าทั้งสองไปอีกทาง” เขากระซิบ “ในนี้เจ้าช่วยข้าไม่ได้”

ยู่อิงหันมาสบตากับเฟยหนี่พยักหน้าให้กันก่อนจะหายวับไปนายท่านของพวกนางส่งสัญญาณว่าให้กลับเข้าไปยังประตูสู่อเวจี ทันที

“รีบไปต่อเถิดเจ้าอ้วน เยี่ยเงิน!” ขณะที่พยายามรวบรวมสมาธิอย่างยิ่งเพื่อหาหนทางหลบหลีกกลอุบายกันอีกครั้ง

 

เขามีหลักการอยู่ว่า ภาพลวงตาที่เห็นในครั้งแรกเป็นการรับรู้ผ่านจิตของแม่มดผีดิบ ซึ่งมันเคยเป็นเสมือนป้ายผนึกโลงซากศพมองไม่เห็นด้วยตาและกระจายอยู่ทั่วไปภายในหลุมฝังศพเขาจะใช้อํานาจจากมันทําลายความแข็งแกร่งของโครงร่างเสีย

 

ส่วนเมียวผ่านเข้าไปในนั้นได้ เพราะตัวของเขาเสมือนนายท่านแห่งภาพลวงตาดังนั้นโครงร่างจึงไม่สามารถทําอันตรายเขาได้

ลู่หยุนสูดลงหายใจเข้าเต็มปอดและก้าวเท้าออกไป มีอกวัดแกว่งดาบพิฆาตโลกันต์ไปด้วย ฉับพลันบรรยาโดยรอบแปรเปลี่ยน มันปรากฏให้เห็นฝูงอสูรน่าสยดสยองพุ่งทะยานเข้ามาหาเขาบ้างจริงบ้างลวงชายหนุ่มใช้ประสบการณ์ที่ได้พบเจอมาก่อนทําให้สามารถฝ่าภัยคุกคามเหล่านั้นออกไปไม่ยากนัก

 

“ที่นี่ละ” เจ้าเมืองหนุ่มหยุดอย่างลังเล ตรงนี้เป็นจุดที่โครงร่างเปลี่ยนฉิงฮั่นให้เป็นสาวน้อยแสนสวย “นึกแล้วเทียว” คิดปลอบใจตนเอง

ลิ้งฮั่นแปรเปลี่ยนไปอีกครั้ง

 

จากหนุ่มน้อยหน้าตาหมองคล้ํากลายเป็นหญิงสาวผิวขาวผ่องและนุ่มนวลความรู้สึกของลู่หยุนรับรู้ได้เมื่อเนินอกเบียดกับบริเวณ แผ่นหลัง

ฉิงฮั่นรู้สึกตัวตื่นเมื่อรับรู้ว่าร่างกายของตนมีความเปลี่ยนแปลงเขาตัวสั่นระริกด้วยความกลัวสีหน้าทั้งวิตกและไม่แน่ใจ

 

“ไม่ต้องวิตกเป็นเพียงภาพลวงตา โครงร่างแปลงร่างเจ้าให้กลายเป็นหญิงแต่ทําได้เพียงรูปภายนอกเท่านั้นภายในกายเจ้ายังเป็นบุรุษ”ลู่หยุนหอบหายใจความรู้สึกถูกกระตุ้นจากความอ่อนนุ่มที่อยู่ด้านหลัง

ฉิงฮั่นขบกรามแน่น ส่งเสียงเบา ๆ เป็นเชิงรับรู้

ลู่หยุนพยายามควบคุมตัวเอง “คนที่อยู่คือฉิงฮั่น”เขาคําราม“ไม่ใช่หญิงสาวเลอโฉม! นางเคยมาปรากฏให้ข้าเห็นครั้งก่อนโครงร่างจึงจดจําภาพของนางแล้วนํากลับมาทดสอบข้าอีก”

“แต่โครงร่างรู้ได้อย่างไรว่าข้าชอบหญิงสาวคนไหนคอยดูเมื่อใดที่ออกไปจากที่นี่ข้าจะตามหานางแล้วพาอยู่ด้วยกันกับข้าเสีย!”สู่หยุนพล่ามเบี่ยงเบนสมาธิของตนเอง “อย่างไรเสียโครงร่างนี้ถูกสร้างมานานนักหนาปานนี้หญิงสาวคงกลายเป็นนางแม่มดผีดิบไปแล้วกระมัง”พูดจบก็นิ่งเงียบไปด้วยเริ่มไม่แน่ใจ

 

ความคิดของเขาสะดุดลง ขวัญกระเจิงรู้สึกเจ็บแปลบที่ใบหูเมื่อโดนฉงนกัดเข้าเต็มแรง

สาวน้อยฟื้นพลังกลับคืนมาแล้ว ความโกรธพลุ่งขึ้นเมื่อได้ ยินถ้อยวาจาของชายหนุ่มแล้วเปลี่ยนเป็นอับอายเมื่อได้ฟังเจตนารมณ์ต่อมาทว่าทันทีที่ชายหนุ่มสันนิษฐานว่านางกลายเป็นแม่มดผีดิบจึงเกิดโมโหสุดขีด

“ปล่อย ปล่อยข้านะ! ทําไมจึงกัดเจ็บเช่นนี้”ลู่หยุนหน้าบูดเบี้ยวด้วยความเจ็บจึงขยิ้มเข้าอย่างแรงที่ต้นขาของลิ้งฮั่นโดยไม่ทันตั้ง

คิด

นางร้องออกมาอย่างเจ็บปวด จ้องมองลู่หยุนตาขุ่น

ช่างกลมกลึงแถมยังนุ่มนวล! ราคะอัดอั้นในอกจนแทบสําลักออกมาเป็นโลหิต “ไม่ ไม่ ไม่มันคือภาพลวงตา! ความรู้สึกมันหลอกข้า!”พยายามระงับสติอารมณ์ใช้มือบีบเค้นคอตนเองหวังให้ช่วยข่มแรงปรารถนาที่กําลังพลุ่งพล่าน

 

“เจ้าบ้าเอ๊ย! เลิกบ้ากามเสียที่” ลู่หยุนลดมือลงรีบสาวเท้าออกเดินหน้าต่อไป

ลิ้งฮั่นได้แต่จ้องลู่หยุนโดยไม่มีคําพูดใดออกจากปากน้ําตาปเริ่มใกล้จะหยดหน้าแดงระเรื่อ

 

“ไม่ต้องมามองอย่างนั้น” ลู่หยุนหันมาตะคอก หากเมื่อเห็นสีหน้าของหนุ่มน้อย “ยังจะทําท่าเช่นนั้นอีกเจ้าไม่ใช่ผู้หญิงคนนั้นสักหน่อย!”

 

“แล้วเจ้าเชื่อหรือว่าภาพที่เห็นอยู่นี่ไม่ใช่ภาพลวงตาด้วยเช่นกัน”น้ําเสียงกังวานไพเราะนั้นเป็นเสียงของลิ้งฮั่นแน่ทว่าอะไรบางอย่างในน้ําเสียงทําให้ลู่หยุนเสียววาบทั่วสันหลัง

“ถูกแล้ว ไม่มีสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ภายในโครงร่างมรณะอนิจจังข้าไม่มีทางเชื่อในสิ่งที่เห็นแน่นอน!พูดจบหุบปากนิ่งสนิทและไม่มองสิ่งใดอีกเดินหน้าต่อไปละความคิดหมกมุ่นของตนเองลงก่อน

นัยน์ตาสุกใส กลมโตวาววับอย่างน่ากลัว รอยยิ้มบาง ๆ ผุดขี้นมุมปากของฉิงฮั่น สภาพแวดล้อมเช่นนี้สกัดกั้นอํานาจแห่งอัญมณี ดาราจนไม่สามารถทํางานได้

 

นางหลับตาลงพิจารณาอํานาจแห่งอัญมณีดาราเพื่อให้แน่ใจแต่ก็ต้องผิดหวังญาติของนางบอกว่าอัญมณีสามารถสร้างภาพลวงตาได้แม้แต่เซียนเต่ยังไม่อาจมองทะลุทะลวงทว่าในที่นี้มันกลายเป็นเพียงหินธรรมดาก้อนหนึ่งจึงไม่แปลกใจเลยที่ลู่หยุนเคร่งเครียดใช้ความระมัดระวังเช่นนี้

 

เมื่อพ้นออกจากอํานาจแห่งโครงร่างและกลับมาอยู่ในร่างบุรุษลิ้งฮันลอบมองเจ้าเมืองหนุ่มด้วยสายตาพิศวง แปลกเหลือเกินข้ายอมแลกชีวิตเพื่อปลุกอํานาจแห่งอัญมณี ข้าควรจะตายไปแล้วแต่ทําไมจึงยังมีชีวิตอยู่ชายหนุ่มพยายามค้นหาคําตอบให้กับตัวเอง

เขาช่วยชีวิตข้าอีกแล้วหรือ ให้รู้สึกขัดแย้งขณะเหลือบมองลู่หยุนแต่ว่าเขาทําได้อย่างไร

ในเวลานี้พลังของเขายังไม่กล้าแข็งจนไม่อาจค้นหาความจริงแต่มีกลับอัญมณีนี้แขวนอยู่บนคอ อีกทั้งภาพแปลกประหลาดเข้ามาอยู่ภายในร่างกายหากไม่รู้สึกอะไรเลย

“นี่ลิ้งฮั่น ทําไมเจ้าจึงคิดว่าสาวน้อยที่มาปรากฏตัวช่วยเพื่อชีวิตข้า” ลู่หยุนถามขึ้น

เสียงถามมาทําให้ความคิดสะดุดลง กล่าวตอบตะกุกตะกัก“บางที่อาจจะเป็นเพราะการที่เจ้ากําลังเข้าตาจน จึงเกิดพลังบางอย่างที่ทําให้นางออกมา นั่นละทําไม “

 

“เจ้าพูดกับใคร” เสียงลู่หยุนตะโกนขึ้น เมื่อได้ยินเสียงลิ้งฮั่นพูดพึมพํา

“เหอเหอเหอ แม่สาวน้อย ในที่สุดเจ้าก็หลงกลข้าจนได้” หน้าปีศาจชั่วร้ายขนาดใหญ่ลอยมาปรากฏต่อหน้า ยิ้มแสยะของมันชวนให้ขนพองสยองเกล้ามันกําลังโบกมือเรียกเขา “เจ้าเป็นต้องไปกับข้าจงมา”

 

ฉิงฮั่นรู้สึกหนักอึ้งที่เปลือกตา ขณะที่รู้สึกเหมือนกําลังจะออกตามใบหน้านั้นจู่ ๆ อัขระจารึกเล่มหนึ่งทะยานออกมาจากร่างกายพร้อมกับเสียงอําฮัมลําแสงเปล่งประกายออกมาราวกับเวทมนตร์ขับไล่ใบหน้าปีศาจให้ถอยห่างมันผงะส่งเสียงกรีดร้อง โหยหวนก่อนหนีหายไป

 

“คัมภีร์องค์เทพเซียนผู้ชี้นํา! ทําไมจึงมาอยู่กับเจ้า”

 

เสียงฮัมยังคงดังออกมาจากคัมภีร์ แสงสว่างของเวทมนตร์แผ่รัศมีครอบคลุมทั้งโครงร่างใบหน้าปีศาจเลือนหายไปคงเหลือแต่เสียงโหยหวนตามหลัง

 

“เดี๋ยวก่อน มันเกิดอะไรขึ้น!” ลู่หยุนตกอยู่ในอาการตกตะลึงสุดขีดเมื่อโครงร่างถล่มแตกกระจายเป็นเสี่ยง “มันไม่ใช่ภาพลวงตาแต่มันเป็นเรื่องจริง!” เขาตะโกนพลางหันหลังวิ่งออกไปอย่างรวดเร็วสุดฝีเท้า โครงร่างเป็นสิ่งที่มีพลังมหาศาล เมื่อเกิดระเบิดจนแตกออกอานุภาพการทําลายล้างสามารถอาจบดขยี้ทุกสิ่งที่อยู่ใกล้จนกลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย!

ไปทางอุโมงค์ ไม่ได้ บริเวณโดยรอบหลุมฝังศพ สั่นไหวอย่างรุนแรงก้อนหินแตกร่วงหล่นลงจากเพดานที่กําลังแตกร้าวราวกับหลุมฝังศพกําลังจะถล่มกระนั้น

“ต้องไปแล้ว!” ลู่หยุนหาหนทางไป มองเห็นโครงร่างมรณะอนิจจังกําลังถล่มลงต่อหน้า เมื่อฝุ่นควันฟุ้งกระจายเริ่มจางลงศีรษะขนาดใหญ่มหึมาโผล่ขึ้นมาตรงทางเดิน นัยน์ตาซีด ๆ ของมันจ้องมาทางลู่หยุน นางแม่มดผีดิบอสูรยักษ์ ฟื้นแล้วจึงออกไล่ ตามพวกเขาทันที!

ลู่หยุนนึกเอะใจน้ําหนักบนหลังเบาลงเหมือนถูกยกออกแต่แม่มดผีดิบมันสังเกตเห็นเขาเสียแล้วจึงไม่มีเวลามัวพะวงสิ่งใดต่อไป

 

” จะต้องไปที่ซากเมืองโบราณเจิ้นซุยตามหาซากศพอาบโลหิตหนอนหน้าผีของมันสามารถกําจัดแม่มดผีดิบนี่ได้” เขากัดฟันออกวิ่งไปยังจุดหมาย

 

“เจ้าโง่!” เสียงของเมียวตะโกนมาอย่างหงุดหงิด “ไอ้แมลงพวกนั้นตายหมดแล้วใช้ดาบนั่นพาเจ้าหนีออกไปมิฉะนั้นเจ้าโดนซากปรักหักพังหล่นทับตายก่อนจะได้กินนางแม่มดผีดิบแน่!”

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

เทพเซียนเจ้านครวิญญาณ 53 ทําลายโครงร่าง

Now you are reading เทพเซียนเจ้านครวิญญาณ Chapter 53 ทําลายโครงร่าง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 53 ทําลายโครงร่าง

ภาพวาดเริ่มปรากฏบนผืนผ้าใบอย่างเชื่องช้ามันแสดงให้เห็นลักษณะทางภูมิประเทศ สิ่งมีชีวิตและทุกสรรพสิ่งที่มีอยู่ทั้งบนสวรรค์และในโลกมนุษย์ การประสานสอดคล้องของภาพวาดเป็นสุดยอดแห่งจินตนาการที่ไร้ขีดจํากัดมากมายจนเกินสายตาของชาย หนุ่มจะรับรู้ได้ทั้งหมดนี่จึงเป็นเหตุผลว่าทําไมครั้งแรกจึงมองเห็นแต่ความว่างเปล่า

 

สู่หยุนนิ่งเงียบงันพยายามหาคําพูดบรรยายให้ได้ใกล้เคียง“หนึ่งเดียวกับเต่าสุดยอดงานศิลปะที่สมบรูณ์แบบอย่างนั้นหรือ”ชายหนุ่มรําพึงกับตนเอง

แสงที่ส่องออกมาจากภาพวาดค่อยเลือนหายไปที่ละน้อยและไหลซึมเข้าสู่ร่างของหนุ่มน้อย ชั่วขณะหนึ่งลู่หยุนเห็นบางอย่างที่ตาส่องประกายแวววาวระยิบระยับมาจากบริเวณหน้าอกของฉิงฮันเขามัวแต่หันไปเอาใจใส่กับอาการของหนุ่มน้อยจึงไม่ ทันสังเกตเห็นแสงประหลาดนั้น

ใบหน้าซีดเซียวเริ่มปรากฏสีซับเลือด

ผิวพรรณกลับมาสดใสแทบไม่เหลือร่องรอยบาดแผลอาการเริ่มทุเลาอย่างเห็นได้ชัดจนลู่หยุนถอนหายใจอย่างโล่งอกที่เขาพ้นขีดอันตรายทว่าหนุ่มน้อยก็ยังไม่ฟื้นขึ้นมา

 

“ต้องไปกันแล้ว!” เขายกร่างของหนุ่มน้อยขึ้นมา รับรู้ถึงร่างกายที่กลับคืนความอ่อนนุ่ม นุ่มกว่าเนื้อนุ่มของว่านเฟิงเสียอีก!

ข้าเป็นอะไรไปละนี่ เขาไม่ได้เป็นสตรีสักหน่อย จริงไหม ทว่ายังอดใจไม่ได้จึงลองเอื้อมมือคลําที่คอของหนุ่มน้อยพบว่ามีลูกกระเดือกแต่เพื่อความไม่แน่ใจยิ่งขึ้นจึงเอื้อมมือไปคลําเบาๆ บริเวณอกเสื้อของเขาอีกครั้ง

“อกแบนราบ” ชายหนุ่มนึกขําตัวเองนี่ข้ากําลังคิดอะไร

“จะ เจ้าจะทําอะไร” เสียงอ่อนแรงของลิ้งฮั่นถามขึ้นอย่างระแวง

“เปล่า” ลูหยุนชักมือกลับทันที ก่อนยกลิ้งฮั่นพาดบนหลังและกระโดดลงจากยอดเขาลอยได้ลูกนั้น

 

“ข้ายังมีชีวิตอยู่อีกหรือ” ฉิงฮั่นถามเสียงเบาหวิว ในหน้าของเขาแดงก่ําอย่างกับผลตําลึงสุก ชิบเป๋ง ดันแอบลูบคลําหน้าอกเมื่อตะกี้!เขาจะรู้ตัวหรือไม่

ฉิงฮั่นพลังอ่อนลงยิ่งกว่าเดิม หากไม่เพราะคู่หยุนใช้มือสัมผัสบริเวณหน้าอกทําให้เด็กหนุ่มเกิดสัญชาตญาณสะท้อนกลับ เขาคงจะ ยังไม่ฟื้นขึ้นมาหากในที่สุดจึงผล็อยหลับไปอีกครั้งก่อนที่คู่หยุนจะ ทันนึกหาคําตอบ

 

“ไอ้เจ้า “ ลู่หยุนชะงัก กลิ่นหอมจากลมหายใจของฉิงฮันลอยมาปะทะจมูกเขาเป็นบุรุษจริงหรือ

ชายหนุ่มถึงกับสมาธิกระเจิดกระเจิง จะต้องยุติความคิดหมกมุ่นเรื่องเป้ากางเกงของลิ้งฮั่นให้ได้ ชักรู้สึกหวั่นใจว่าตนเองจะเบี่ยงเบนหันไปชื่นชมบุรุษเพศด้วยกัน “ข้าไม่ได้ชอบผู้ชาย!”

 

หยุดคิดเรื่องน่าขัน บอกตัวเองให้ตัดความคิดที่สั่นคลอนความรู้สึกนั้นเสียที

 

“เร็วเข้า” เมียวเร่ง “มัวชักช้าประเดี่ยวนางแม่มดผีดิบมันคืนชีพขึ้นมาเสียก่อน”

 

ลู่หยุนผงกหัวก่อนผละออกห่างยอดเขาลอยได้มุ่งหน้าสู่ทางเดินลึกเข้าไปภายใน เมียวล่วงหน้าไปก่อนขณะที่ยอิงและ เฟยหนี่ขนาบซ้ายขวาเยี่ยเงินในร่างหลี่ยวไฉรั้งท้าย

“โครงร่างแห่งมรณะอนิจจจัง!” ลู่หยุนชะงักฝีเท้าทึกเส้นทางในอุโมงค์เบื้องหน้าแคบลง ทั้งยังมีหมอกหนากางกั้นสายตาจนมอง เห็นไม่ชัดเจนหากสัญญาณบางอย่างบอกให้รู้ว่ากําลังเข้าเขตโครง ร่างอีกครั้ง

“เจ้าทั้งสองไปอีกทาง” เขากระซิบ “ในนี้เจ้าช่วยข้าไม่ได้”

ยู่อิงหันมาสบตากับเฟยหนี่พยักหน้าให้กันก่อนจะหายวับไปนายท่านของพวกนางส่งสัญญาณว่าให้กลับเข้าไปยังประตูสู่อเวจี ทันที

“รีบไปต่อเถิดเจ้าอ้วน เยี่ยเงิน!” ขณะที่พยายามรวบรวมสมาธิอย่างยิ่งเพื่อหาหนทางหลบหลีกกลอุบายกันอีกครั้ง

 

เขามีหลักการอยู่ว่า ภาพลวงตาที่เห็นในครั้งแรกเป็นการรับรู้ผ่านจิตของแม่มดผีดิบ ซึ่งมันเคยเป็นเสมือนป้ายผนึกโลงซากศพมองไม่เห็นด้วยตาและกระจายอยู่ทั่วไปภายในหลุมฝังศพเขาจะใช้อํานาจจากมันทําลายความแข็งแกร่งของโครงร่างเสีย

 

ส่วนเมียวผ่านเข้าไปในนั้นได้ เพราะตัวของเขาเสมือนนายท่านแห่งภาพลวงตาดังนั้นโครงร่างจึงไม่สามารถทําอันตรายเขาได้

ลู่หยุนสูดลงหายใจเข้าเต็มปอดและก้าวเท้าออกไป มีอกวัดแกว่งดาบพิฆาตโลกันต์ไปด้วย ฉับพลันบรรยาโดยรอบแปรเปลี่ยน มันปรากฏให้เห็นฝูงอสูรน่าสยดสยองพุ่งทะยานเข้ามาหาเขาบ้างจริงบ้างลวงชายหนุ่มใช้ประสบการณ์ที่ได้พบเจอมาก่อนทําให้สามารถฝ่าภัยคุกคามเหล่านั้นออกไปไม่ยากนัก

 

“ที่นี่ละ” เจ้าเมืองหนุ่มหยุดอย่างลังเล ตรงนี้เป็นจุดที่โครงร่างเปลี่ยนฉิงฮั่นให้เป็นสาวน้อยแสนสวย “นึกแล้วเทียว” คิดปลอบใจตนเอง

ลิ้งฮั่นแปรเปลี่ยนไปอีกครั้ง

 

จากหนุ่มน้อยหน้าตาหมองคล้ํากลายเป็นหญิงสาวผิวขาวผ่องและนุ่มนวลความรู้สึกของลู่หยุนรับรู้ได้เมื่อเนินอกเบียดกับบริเวณ แผ่นหลัง

ฉิงฮั่นรู้สึกตัวตื่นเมื่อรับรู้ว่าร่างกายของตนมีความเปลี่ยนแปลงเขาตัวสั่นระริกด้วยความกลัวสีหน้าทั้งวิตกและไม่แน่ใจ

 

“ไม่ต้องวิตกเป็นเพียงภาพลวงตา โครงร่างแปลงร่างเจ้าให้กลายเป็นหญิงแต่ทําได้เพียงรูปภายนอกเท่านั้นภายในกายเจ้ายังเป็นบุรุษ”ลู่หยุนหอบหายใจความรู้สึกถูกกระตุ้นจากความอ่อนนุ่มที่อยู่ด้านหลัง

ฉิงฮั่นขบกรามแน่น ส่งเสียงเบา ๆ เป็นเชิงรับรู้

ลู่หยุนพยายามควบคุมตัวเอง “คนที่อยู่คือฉิงฮั่น”เขาคําราม“ไม่ใช่หญิงสาวเลอโฉม! นางเคยมาปรากฏให้ข้าเห็นครั้งก่อนโครงร่างจึงจดจําภาพของนางแล้วนํากลับมาทดสอบข้าอีก”

“แต่โครงร่างรู้ได้อย่างไรว่าข้าชอบหญิงสาวคนไหนคอยดูเมื่อใดที่ออกไปจากที่นี่ข้าจะตามหานางแล้วพาอยู่ด้วยกันกับข้าเสีย!”สู่หยุนพล่ามเบี่ยงเบนสมาธิของตนเอง “อย่างไรเสียโครงร่างนี้ถูกสร้างมานานนักหนาปานนี้หญิงสาวคงกลายเป็นนางแม่มดผีดิบไปแล้วกระมัง”พูดจบก็นิ่งเงียบไปด้วยเริ่มไม่แน่ใจ

 

ความคิดของเขาสะดุดลง ขวัญกระเจิงรู้สึกเจ็บแปลบที่ใบหูเมื่อโดนฉงนกัดเข้าเต็มแรง

สาวน้อยฟื้นพลังกลับคืนมาแล้ว ความโกรธพลุ่งขึ้นเมื่อได้ ยินถ้อยวาจาของชายหนุ่มแล้วเปลี่ยนเป็นอับอายเมื่อได้ฟังเจตนารมณ์ต่อมาทว่าทันทีที่ชายหนุ่มสันนิษฐานว่านางกลายเป็นแม่มดผีดิบจึงเกิดโมโหสุดขีด

“ปล่อย ปล่อยข้านะ! ทําไมจึงกัดเจ็บเช่นนี้”ลู่หยุนหน้าบูดเบี้ยวด้วยความเจ็บจึงขยิ้มเข้าอย่างแรงที่ต้นขาของลิ้งฮั่นโดยไม่ทันตั้ง

คิด

นางร้องออกมาอย่างเจ็บปวด จ้องมองลู่หยุนตาขุ่น

ช่างกลมกลึงแถมยังนุ่มนวล! ราคะอัดอั้นในอกจนแทบสําลักออกมาเป็นโลหิต “ไม่ ไม่ ไม่มันคือภาพลวงตา! ความรู้สึกมันหลอกข้า!”พยายามระงับสติอารมณ์ใช้มือบีบเค้นคอตนเองหวังให้ช่วยข่มแรงปรารถนาที่กําลังพลุ่งพล่าน

 

“เจ้าบ้าเอ๊ย! เลิกบ้ากามเสียที่” ลู่หยุนลดมือลงรีบสาวเท้าออกเดินหน้าต่อไป

ลิ้งฮั่นได้แต่จ้องลู่หยุนโดยไม่มีคําพูดใดออกจากปากน้ําตาปเริ่มใกล้จะหยดหน้าแดงระเรื่อ

 

“ไม่ต้องมามองอย่างนั้น” ลู่หยุนหันมาตะคอก หากเมื่อเห็นสีหน้าของหนุ่มน้อย “ยังจะทําท่าเช่นนั้นอีกเจ้าไม่ใช่ผู้หญิงคนนั้นสักหน่อย!”

 

“แล้วเจ้าเชื่อหรือว่าภาพที่เห็นอยู่นี่ไม่ใช่ภาพลวงตาด้วยเช่นกัน”น้ําเสียงกังวานไพเราะนั้นเป็นเสียงของลิ้งฮั่นแน่ทว่าอะไรบางอย่างในน้ําเสียงทําให้ลู่หยุนเสียววาบทั่วสันหลัง

“ถูกแล้ว ไม่มีสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ภายในโครงร่างมรณะอนิจจังข้าไม่มีทางเชื่อในสิ่งที่เห็นแน่นอน!พูดจบหุบปากนิ่งสนิทและไม่มองสิ่งใดอีกเดินหน้าต่อไปละความคิดหมกมุ่นของตนเองลงก่อน

นัยน์ตาสุกใส กลมโตวาววับอย่างน่ากลัว รอยยิ้มบาง ๆ ผุดขี้นมุมปากของฉิงฮั่น สภาพแวดล้อมเช่นนี้สกัดกั้นอํานาจแห่งอัญมณี ดาราจนไม่สามารถทํางานได้

 

นางหลับตาลงพิจารณาอํานาจแห่งอัญมณีดาราเพื่อให้แน่ใจแต่ก็ต้องผิดหวังญาติของนางบอกว่าอัญมณีสามารถสร้างภาพลวงตาได้แม้แต่เซียนเต่ยังไม่อาจมองทะลุทะลวงทว่าในที่นี้มันกลายเป็นเพียงหินธรรมดาก้อนหนึ่งจึงไม่แปลกใจเลยที่ลู่หยุนเคร่งเครียดใช้ความระมัดระวังเช่นนี้

 

เมื่อพ้นออกจากอํานาจแห่งโครงร่างและกลับมาอยู่ในร่างบุรุษลิ้งฮันลอบมองเจ้าเมืองหนุ่มด้วยสายตาพิศวง แปลกเหลือเกินข้ายอมแลกชีวิตเพื่อปลุกอํานาจแห่งอัญมณี ข้าควรจะตายไปแล้วแต่ทําไมจึงยังมีชีวิตอยู่ชายหนุ่มพยายามค้นหาคําตอบให้กับตัวเอง

เขาช่วยชีวิตข้าอีกแล้วหรือ ให้รู้สึกขัดแย้งขณะเหลือบมองลู่หยุนแต่ว่าเขาทําได้อย่างไร

ในเวลานี้พลังของเขายังไม่กล้าแข็งจนไม่อาจค้นหาความจริงแต่มีกลับอัญมณีนี้แขวนอยู่บนคอ อีกทั้งภาพแปลกประหลาดเข้ามาอยู่ภายในร่างกายหากไม่รู้สึกอะไรเลย

“นี่ลิ้งฮั่น ทําไมเจ้าจึงคิดว่าสาวน้อยที่มาปรากฏตัวช่วยเพื่อชีวิตข้า” ลู่หยุนถามขึ้น

เสียงถามมาทําให้ความคิดสะดุดลง กล่าวตอบตะกุกตะกัก“บางที่อาจจะเป็นเพราะการที่เจ้ากําลังเข้าตาจน จึงเกิดพลังบางอย่างที่ทําให้นางออกมา นั่นละทําไม “

 

“เจ้าพูดกับใคร” เสียงลู่หยุนตะโกนขึ้น เมื่อได้ยินเสียงลิ้งฮั่นพูดพึมพํา

“เหอเหอเหอ แม่สาวน้อย ในที่สุดเจ้าก็หลงกลข้าจนได้” หน้าปีศาจชั่วร้ายขนาดใหญ่ลอยมาปรากฏต่อหน้า ยิ้มแสยะของมันชวนให้ขนพองสยองเกล้ามันกําลังโบกมือเรียกเขา “เจ้าเป็นต้องไปกับข้าจงมา”

 

ฉิงฮั่นรู้สึกหนักอึ้งที่เปลือกตา ขณะที่รู้สึกเหมือนกําลังจะออกตามใบหน้านั้นจู่ ๆ อัขระจารึกเล่มหนึ่งทะยานออกมาจากร่างกายพร้อมกับเสียงอําฮัมลําแสงเปล่งประกายออกมาราวกับเวทมนตร์ขับไล่ใบหน้าปีศาจให้ถอยห่างมันผงะส่งเสียงกรีดร้อง โหยหวนก่อนหนีหายไป

 

“คัมภีร์องค์เทพเซียนผู้ชี้นํา! ทําไมจึงมาอยู่กับเจ้า”

 

เสียงฮัมยังคงดังออกมาจากคัมภีร์ แสงสว่างของเวทมนตร์แผ่รัศมีครอบคลุมทั้งโครงร่างใบหน้าปีศาจเลือนหายไปคงเหลือแต่เสียงโหยหวนตามหลัง

 

“เดี๋ยวก่อน มันเกิดอะไรขึ้น!” ลู่หยุนตกอยู่ในอาการตกตะลึงสุดขีดเมื่อโครงร่างถล่มแตกกระจายเป็นเสี่ยง “มันไม่ใช่ภาพลวงตาแต่มันเป็นเรื่องจริง!” เขาตะโกนพลางหันหลังวิ่งออกไปอย่างรวดเร็วสุดฝีเท้า โครงร่างเป็นสิ่งที่มีพลังมหาศาล เมื่อเกิดระเบิดจนแตกออกอานุภาพการทําลายล้างสามารถอาจบดขยี้ทุกสิ่งที่อยู่ใกล้จนกลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย!

ไปทางอุโมงค์ ไม่ได้ บริเวณโดยรอบหลุมฝังศพ สั่นไหวอย่างรุนแรงก้อนหินแตกร่วงหล่นลงจากเพดานที่กําลังแตกร้าวราวกับหลุมฝังศพกําลังจะถล่มกระนั้น

“ต้องไปแล้ว!” ลู่หยุนหาหนทางไป มองเห็นโครงร่างมรณะอนิจจังกําลังถล่มลงต่อหน้า เมื่อฝุ่นควันฟุ้งกระจายเริ่มจางลงศีรษะขนาดใหญ่มหึมาโผล่ขึ้นมาตรงทางเดิน นัยน์ตาซีด ๆ ของมันจ้องมาทางลู่หยุน นางแม่มดผีดิบอสูรยักษ์ ฟื้นแล้วจึงออกไล่ ตามพวกเขาทันที!

ลู่หยุนนึกเอะใจน้ําหนักบนหลังเบาลงเหมือนถูกยกออกแต่แม่มดผีดิบมันสังเกตเห็นเขาเสียแล้วจึงไม่มีเวลามัวพะวงสิ่งใดต่อไป

 

” จะต้องไปที่ซากเมืองโบราณเจิ้นซุยตามหาซากศพอาบโลหิตหนอนหน้าผีของมันสามารถกําจัดแม่มดผีดิบนี่ได้” เขากัดฟันออกวิ่งไปยังจุดหมาย

 

“เจ้าโง่!” เสียงของเมียวตะโกนมาอย่างหงุดหงิด “ไอ้แมลงพวกนั้นตายหมดแล้วใช้ดาบนั่นพาเจ้าหนีออกไปมิฉะนั้นเจ้าโดนซากปรักหักพังหล่นทับตายก่อนจะได้กินนางแม่มดผีดิบแน่!”

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+