I Know That After School The saint is More Than Just Noble 1.5: เผชิญหน้ากับเซนต์

Now you are reading I Know That After School The saint is More Than Just Noble Chapter 1.5: เผชิญหน้ากับเซนต์ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ณ เวลา 00.30น

 

 

 เวลาได้ผ่านไปเป็นวันใหม่แล้ว

 

นี่ก็นานแล้วที่ผมและเธอออกมาจากอาร์เคด แต่ผมและเธอก็ยังเดินไปรอบๆเมือง

 

เซย์ล่าเป็นคนนําทางผมซึ่งผมไม่รู้เลยว่าเรากําลังจะไปไหน ผมรู้สึกเหมือนกับว่าเราหลงทางอยู่กลางเมืองใหญ่

 

หลังจากเดินเตร่อยู่หลายสิบนาที ในที่สุดพวกเราก็มาถึงร้านคาราโอเกะขนาดใหญ่ ซึ่งห่างจากอาร์เคดประมาณหนึ่ง

 

ขณะที่เรากำลังเดินไปที่ร้าน เธอเอาแต่มองโทรศัพท์เหมือนว่าเธอจะเปิดแผนที่ดูทาง

 

ผมคิดว่าเธอเคยมาที่นี่มาก่อน แต่คงไม่ได้เป็นอย่างที่ผมคิด

 

นอกจากนี้ บริเวณนี้อยู่ใกล้กับโรงเรียนของผมและเธอ นี่เป็นครั้งแรกที่ผมเคยไปในที่ที่ผมรู้เส้นทาง……

 

(จะเป็นอะไรไหมนะถ้าตามเธอต่อไป)

 

 ผมเริ่มไม่ไว้ใจเซย์ล่า เธอไม่ได้พูดอะไรกับผมเลยตอนเราออกจากอาร์เคด

 

ผมไม่แสดงท่าทีกังวลของผมออกไปให้เธอเห็น แต่เธอดูเหมือนจะไม่สนใจผมและกําลังเดินเข้าร้านคาราโอเกะที่มีแสงสีที่แสบตา

 

“รอเดี่ยว! คุณชิราเสะซัง คิดดีแล้วหรอครับที่จะเข้าไป?”

 

ผมจับไหล่ของเซย์ล่าและรั้งเธอไว้ อย่างเป็นกังวล

 

เนื่องจากผมจะต้องแสดงบัตรสมาชิกที่สถานประกอบการเหล่านี้ก่อน และหากผมแสดงบัตร พวกเขาจะทราบอายุของผมว่าไม่ถึงเกณ์ที่กําหนด

 

หากผมไม่มีบัตรสมาชิก ตัวแทนจะต้องเขียนอายุของผมในรายชื่อแขก  ผมอาจถูกสงสัยและขอให้แสดงบัตรประจำตัวให้เขาดู

 

แต่ถ้าเป็นเซย์ล่า เธออาจโกหกเรื่องอายุของเธอได้ แต่ผมคงทําแบบเธอไม่ได้นะสิ

 

อย่างไรก็ตาม ผมรู้สึกไม่ไว้ใจเธอเลยตอนนี้

 

ผมจึงรั้งเธอไว้ แต่เซย์ลาดึงการ์ดออกจากกระเป๋าของเธอ ยกขึ้นแล้วพูดอย่างภาคภูมิใจว่า 

 

“ไม่เป็นไร ฉันมีบัตรสมาชิกของพี่นะ”

 

“อะ….”

 

ความจริงที่ว่าเธอดูเหมือนเซนต์ทำให้การกระทำผิดของเธอโดดเด่นยิ่งขึ้น แต่ดูเหมือนว่าเซย์ล่าจะไม่รู้สึกผิดอะไร

 

เมื่อตัดสินใจว่ามันไม่มีประโยชน์ที่จะรั้งเธอไว้ ผมจึงตัดสินใจเดินตามอย่างเงียบๆ

 

เมื่อเข้าไปในล็อบบี้ ใบหน้าของพนักงานชายที่อ่อนล้าก็รัดกุมขึ้นทันที บางทีรูปลักษณ์ที่สวยงามของ เซย์ล่าคงทำให้เขาตื่นจากอาการง่วงนอน

 

“ยามาโตะคุง นายไปนั่งรอตรงนั้นก่อนนะ”

 

เซย์ล่าชี้ไปตรงที่นั่งปลายห้อง

 

ผมจึงเดินไปนั่งตามที่เซย์ล่าบอกอย่างโดยดี  ผมนั่งลงบนเก้าอี้ปลายห้องและมองดูเซย์ล่าว่าจะทําอย่างไรต่อไป

 

เซย์ล่าแสดงบัตรสมาชิก (ในชื่อพี่สาว) ก่อน ทําให้พนักงานชายไม่รู้สึกสังสัยในอายุของเธอ

 

หลังจากที่เซย์ล่ากรอกแบบฟอร์ม ด้วยมือที่นุ่มนวล พนักงานเสิร์ฟก็พูดว่า “สองคน เวลาว่างในอัตราสมาชิกนะครับ”

 

ผมรู้สึกตื่นเต้นอย่างมากเมื่อรู้ว่าจะได้ร้องคาราโอเกะกับเธอ

 

หลังจากนั้นผมคิดว่าสิ่งที่ผมต้องทำคือย้ายไปห้องคาราโอเกะได้เลย แต่เซย์ล่าก็กวักมือเรียกให้ฉันมา

 

ผมชี้ที่ตัวเองแล้วถามว่า “ผมเหรอ?” เธอพยักหน้าและกวักมือเรียกต่อไป

 

“……ผมไปกับซิราเสะซังได้ใช่ไหม”

 

ขณะที่ผมเดินไปข้างๆ เธอ ผมก็รู้สึกถึงสายตาของพนักงานที่จ้องมาที่ผม บางทีพวกเขาอาจสงสัยว่าทำไมผู้ชายอย่างผมถึงได้อยู่กับผู้หญิงที่สวยเช่นนี้

 

ล็อบบี้เปิดไฟในเวลากลางวัน ดังนั้นผมจึงเห็นหน้าพนักงานได้ชัดเจน ไม่เหมือนกับอาร์เคด ไม่น่าแปลกใจเลยหากพนักงานเห็นว่าผมเป็นนักเรียนมัธยมปลาย

 

นอกจากนี้ใบหน้าของผมยังไม่โตเต็มที่ด้วยสิ

 

ผมสวมเสื้อสเวตเตอร์และกางเกงขาสั้น ผ้าเดนิม และหากพนักงานที่สงสัยผมเข้ามาตรวจดูอายุของผมสักนิด ผมคงเสียใจไม่ใช่น้อยเลย…

 

ดังนั้น ผมที่เต็มไปด้วยความกังวลจึงก้มหน้าลงด้วยเหงื่อเย็นเยียบ รู้สึกราวกับว่าผมกำลังจะอ้วก

 

“เอ่อ เธอกำลังฟังอยู่หรือเปล่าซิราเสะซัง”

 

ดูเหมือนว่าเธอจะไม่ได้ยินที่ผมถาม ผมจึงพูดไปอีกทีอย่างเป็นกังวล

 

“อะ โทษทียามาโตะคุง ได้สิไม่ต้องกังวลหรอก”

 

เซย์ล่าพูดด้วยนํ้าเสียงที่ดูอ่อนหวาน ทําเอาผมไม่กล้าพูดอะไรอีกเลย

 

ผมอดไม่ได้ที่จะชื่นชมใบหน้าของเซย์ล่า ซึ่งดูสวยงามเมื่ออยู่ใกล้ๆ ในห้องที่มีแสงสว่างจ้า

 

ผิวที่ละเอียดอ่อนและอ่อนนุ่มของเธอขาวราวกับหิมะ และการแสดงออกที่อ่อนโยนของเธอทำให้ใบหน้าที่สวยงามของเธอโดดเด่นยิ่งขึ้นไปอีก

 

เธอช่างสวยจริงๆ เมื่อผมมองไปที่ใบหน้าของเธออีกครั้ง 

 

“ยามาโตะคุง อยากได้เครื่องดืมอะไรอีกไหม ที่อยากกิน”

 

“เอาแค่โค้กน่ะ ผมไม่หิวเท่าไรน่ะ ”

 

บอกตามตรง ผมรู้สึกประหม่ามาก จนไม่รู้สึกว่าหิวอะไรเลยตอนนี้

 

“ตกลง. เดี่ยวฉันจะเอาโค้กและเบียร์ขิง พร้อมมันฝรั่งทอด พิซซ่ามาโย และโอโคโนมิยากิเสียบไม้ แครกเกอร์กุ้งชามใหญ่ด้วย”

 

“…….”

 

“นายได้ยินที่ฉันพูดหรือเปล่า……”

 

“อ้อ โทษทีได้ยิน ได้ยิน”

 

“โอเค งั้นเอาตามนี้นะ”

 

พวกเราทั้งสองสั่งเสร็จเรียบร้อย และย้ายไปที่ห้องคาราโอเคะ

 

แม้ว่าจะเป็นเวลาดึกของวันธรรมดา แต่ร้านดูจะค่อนข้างแออัด และเมื่อผมเดินไปตามทางเดิน ผมก็ได้ยินเสียงร้องเพลง บางคนชอบตะโกนเสียงก็เลยรั่วออกมาจากห้อง

 

ความโล่งใจของผมเกิดขึ้นได้ไม่นานเมื่อผมเปิดประตูและตกใจเมื่อพบว่าห้องส่วนตัวของผมอยู่ที่หัวมุม ห่างจากล็อบบี้มากที่สุด

 

เล็กเกินไปไหม โซฟา โต๊ะ และอุปกรณ์คาราโอเกะรูปตัว L ถูกยัดเข้าไปในห้องเสื่อทาทามิขนาด 4 ฟุตครึ่ง และหากพวกผมไม่ระวัง เท้าของพวกเราก็จะชนกัน

[TLN: สี่ครึ่งคือประมาณ 1.76 เมตร คูณ 0.88 เมตร]

 

“โชคดีจัง ห้องเล็กมาก”

 

อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่าเซย์ล่าจะพอใจ ท่าทีตอบสนองที่คาดไม่ถึงจนผมหันไปมองเธอ

 

“มีอะไรรึปล่าว ยามาโตะคุง รีบเข้ามาเถอะ”

 

เซย์ล่าไม่สนใจท่าทีของผม และบอกให้ผมข้าไปข้างในโดยไม่ลังเล

 

“งั้น นั่งละนะ”

 

เมื่อพวกเราเข้ามาในห้องครั้งแรก มันเล็กกว่าที่พวกเราคาดไว้มาก ผมนั่งอยู่ที่หลังห้อง แต่ผมรู้สึกว่าชิดกับเซย์ล่ามากเกินไปแล้วว

 

“โว้ว!?”

 

ผมอุทานออกมา

 

นี่เป็นเพราะว่าเท้าของเราชนกับเธอที่อยู่ใต้โต๊ะ และผมสามารถสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นและเนื้อสัมผัสของน่องที่อ่อนนุ่มของเธอ

 

ตอนนี้หัวใจของผมกำลังเต้นแรง และเหงื่อแปลก ๆ ก็ไหลออกมาทั่วร่างกายของผมอีกครั้ง

 

เมื่อผมมองดูเธอ เหมือนจะไม่สนใจและถามว่า “เกิดอะไรขึ้นหรอ?”

 

(ชิราเสะซังไม่สนใจเลยใช่ไหม ……. ผมไม่แน่ใจว่าผมมีสติเกินไปหรือเปล่า)

 

เนื่องจากความมืดของห้องทำให้ยากต่อการอ่านสีหน้าของกันและกัน

 

ผมคิดว่าสิ่งนี้จะช่วยปกปิดความประหม่าได้ ผมจึงถอยเท้าแล้วตอบด้วยใบหน้าเรียบๆ ว่า “ไม่มีอะไร”

 

“อ้อโอเคร. แล้วคุณอยากร้องเพลงไหนก่อนละ”

 

เซย์ล่าถามด้วยน้ำเสียงไร้กังวลขณะเล่นรีโมตคอนโทรล

 

ผมพยายามสงบสติอารมณ์และตัดสินใจถามสิ่งที่กวนใจ

 

“ผมร้องเพลงก่อนก็ได้นะชิราเสะซัง ผมไม่แน่ใจว่าผ่านมาได้อย่างไรด้วยบัตรสมาชิกของพี่สาวคุณ พี่สาวของชิราเสะซังอายุเท่าไหร่หรอ”

 

“เธออายุ 20 ปีนะ และก็จะ 21 ในปีนี้”

 

“คุณซิราเสะผ่านการตรวจมาได้ยังไงหรอ”

 

“สถานที่นี้ไม่ได้เข้มงวดเกี่ยวกับการตรวจสอบดังกล่าวมากนัก ตราบใดที่ฉันแสดงบัตรสมาชิก พวกเขาจะไม่สังเกตว่าฉันเปลี่ยนแปลงอายุของนาย”

 

เซย์ล่าตอบโดยไม่ละสายตาจากรีโมทคอนโทรล

 

ไม่ว่านักเรียนมัธยมปลายที่อ้างว่าอายุ 20 ปีจะ “เล็กน้อย” หรือไม่ ทั้งหมดก็จบลงด้วยดี อย่างน้อยนั่นคือสิ่งที่ผมมั่นใจ

 

“แล้วทำไมคุณซิราเสะซังถึงชอบห้องเล็กๆแบบนี้นะ”

 

“ห้องยิ่งเล็ก ยิ่งเก็บเสียงได้มาก ฉันจึงได้ยินตัวเองร้องเพลงได้ดีขึ้นนะ”

 

“อ้อ เข้าใจละ..”

 

บี๊บบี๊บ เพลงแรกมาหลังจากตอบคำถามแล้ว

 

เป็นเพลงโวคาลอยด์ที่ผมรู้จัก และผมก็แปลกใจกับการเลือกเพลงของเธอที่คาดไม่ถึง

 

“นี่คือ …….”

 

“ใช่แล้วละ”

 

เซย์ล่าพูดอย่างมีความสุข แล้วหันไปที่หน้าจอเมื่ออินโทรเริ่มเล่น

 

เธอดูมีชีวิตชีวามากเมื่อเธอโยกตัวตามจังหวะเล็กน้อย

 

เมื่อเมโลดี้ A เริ่มเงียบ เสียงของ เซย์ล่าก็ก้องไปทั่วห้อง

 

จู่ๆ ก็ขนลุกไปทั่วร่างของผม

 

เสียงร้องที่เบาของเธอเล็กน้อยก็ไพเราะน่าฟัง และผมก็เริ่มจับจังหวะโดยธรรมชาติ

 

เมื่อเพลงเข้าสู่เมโลดี้ B จังหวะก็เปลี่ยนเป็น up-tempo และคอรัสก็เริ่มขึ้นทันที

 

“เอ่อ… ผมขอผ่านได้ไหม ผมอายเกินกว่าจะร้องเพลงหลังจากฟังเสียงที่น่าฟังของซิราเสะซังนะ เลยอยากตั้งใจฟังมากกว่านะ……”

 

“ฉันอยากฟังนะ นํ้าเสียงของยามาโตะคุงนะ”

 

เธอพูดด้วยใบหน้าที่ตรงไปตรงมา และความรู้สึกที่อายในตัวผมก็เริ่มหายไป

 

ผมรู้สึกว่าผมสามารถร้องเพลงได้แล้ว

 

—ผมคิดอย่างนั้น แต่ก่อนหน้านั้น

 

“ผมขอไปเข้าห้องนํ้าก่อนนะ เดี่ยวกลับมาร้อง”

 

“อ้อ เชิญตามสบายเลย”

 

เซย์ล่ายืนขึ้นและพิงร่างของเธอกับผนังที่ทางเข้า

 

“ขอบคุณนะ.”

 

หลังจากขอบคุณเธอ ผมกำลังจะออกจากห้องเมื่อผมเดินผ่านเธอไปและได้กลิ่นที่นุ่มนวลและมีเสน่ห์

 

“เดี่ยวก่อนยามาโตะคุง”

 

“อะไรหรอ”

 

เซย์ล่าหยิบผ้าระงับกลิ่นกายออกจากกระเป๋าของเธอแล้วยื่นให้กับผม

 

“ใช้นี่ซับเหงื่อของนายสิ ดูเหมือนเหงื่อนายจะเยอะไปนะ”

 

“โอ้ ขอบคุณนะ……”

 

คำพูดนี้พูดด้วยใบหน้าที่เรียบง่าย ดังนั้นจึงไม่ได้ฟังดูเหมือนเป็นการรังเกียจ แต่ผมรู้สึกอายมากเลยรีบวิ่งไปในห้องน้ำ

 

ผมเช็ดตัวด้วยผ้ากลิ่นกายที่ยืมมาเพื่อทำให้ตัวเองสงบลง

 

จากนั้นผมก็สงบสติอารมณ์และตระหนักว่าสถานการณ์ปัจจุบันของผมไม่ปกติ

 

ผมไปที่บาร์คาราโอเกะตอนดึกในวันธรรมดากับผู้หญิงคนหนึ่งที่มีชื่อเล่นว่า “เซนต์” ที่โรงเรียน

 

มันเป็นไปไม่ได้เลยสำหรับผม ที่เคยใช้ชีวิตที่ธรรมดาและน่าเบื่อ

 

มันเป็นสถานการณ์ที่ไม่ธรรมดาจริงๆ แต่ผมมีความรู้สึกว่าสถาการณ์นี้ต้องเป็นภาพลวงตาเพียงคืนเดียวเท่านั้น

 

นั่นเป็นเหตุผลที่ผมคิดว่ามันน่าอายที่จะไม่สนุกกับค่ำคืนอันมีค่านี้

 

อาจเป็นเพราะผมรู้สึกมีกำลังใจขึ้นมากจนไม่รู้สึกเหนื่อยหรือง่วงนอนเลย

 

ผมรู้สึกดีใจที่จะได้ร้องเพลงกับชิราเสะซัง แค่คิดก็ตื่นเต้นแล้ว

 

ไม่เป็นไรน่า…

 

ผมพูดอยู่ในใจราวกับจะสร้างกําลังใจให้ตัวเองและออกจากห้องน้ำไปที่จะตั้งใจะสนุกไปกับค่ำคืนนี้

 

เมื่อผมกลับมาที่ห้องคาราโอเกะ อาหารและเครื่องดื่มที่ผมกับเธอสั่งก็มาถึงแล้ว

 

“ยินดีต้อนรับกลับ.”

 

เซย์ล่ายืนขึ้นทักทายเขา และผมก็กลับไปนั่งที่ด้านข้างของเธอ

 

“อืม แบบนี้ดีกว่าอีก”

 

“ฮ่าฮ่า ต้องขอบคุณเธอละนะ……”

 

ดูเหมือนว่าเซย์ล่าจะตรวจสอบกลิ่นขณะที่ผมกําลังนั่งลง และเธอก็ดูมีความสุข 

 

เมื่อผมนั่งที่โต๊ะแล้ว เซย์ล่าก็พูดว่า “เอาล่ะ กินกันเถอะ อิทะดะคิมัส” และเริ่มกินอาหารบนโต๊ะ

 

“เธอรอผมโดยไม่กินก่อน ขอบคุณนะ เดี่ยวผมจ่ายค่าอาหารช่วย”

 

หลังจากพูดอย่างนั้น ผมก็เอื้อมมือไปที่อาหาร

 

พิซซ่ามายองเนสที่เย็นลงเล็กน้อยมีรสชาติและอร่อยมากกว่าที่ผมคาดไว้เมื่อเอาเข้าปาก

 

“งั้น ผมจะร้องละนะ”

 

ผมเอื้อมมือไปหยิบรีโมทคอนโทรล ใส่เพลงดัง ที่ดังเมื่อนานมาแล้ว

 

“อื้อ ได้เลย”

 

แรงจูงใจของผมยังได้รับแรงหนุนจากความสนใจของเซย์ล่าที่กำลังเคี้ยวพิซซ่าอยู่

 

นี่เป็นครั้งแรกที่ผมร้องคาราโอเกะตั้งแต่วันที่ผมเข้าร่วมงานปาร์ตี้ของชั้นเรียนในโรงเรียนมัธยมต้น แต่เสียงของผมดังกว่าที่เคยเป็นมา และผมเริ่มร้องเพลงด้วยความกระตือรือร้น

 

─ …… 

 

 

 

ผมร้องเพลงจนจบและถอนหายใจ

 

เป็นครั้งแรกในชีวิตที่ผมได้ร้องเพลงต่อหน้าคนอื่นโดยไม่รู้สึกอาย ผมอายเสมอที่จะร้องเพลงต่อหน้าคนอื่นเพราะผมร้องไม่เก่ง

 

รู้สึกดีมากที่ได้ร้องเพลง และผมรู้สึกเหมือนบางสิ่งที่หมุนวนอยู่ในอกของผมเป็นเวลานานได้หายไป

 

ตบมือตบมือตบมือ เซย์ล่าปรบมือ

 

ผมขอบคุณเธออย่างเขินอาย เซย์ล่าก็ยิ้มอย่างอ่อนโยนและนุ่มนวล

 

“นายร้องเพลงเพราะมาก ฉันดีใจนะที่ได้ร้องคู่กับยามาโตะคุง”

 

“ขอบคุณนะ…”

 

พวกผมยังคงร้องเพลงต่อไปจนรุ่งสาง 

 

แต่ละคนร้องเพลงโปรดตามใจชอบ

 

บางครั้ง ถึงแม้จะไม่ใช่เพลงคู่ แต่ เซย์ล่าก็ชอบเข้ามาแทรกผมร้อง ซึ่งทำให้ผมมีความสุข

 

 

 

และแล้วเวลาก็ผ่านไป มีการประกาศการสิ้นสุดโดยการโทรศัพท์จากพนักงานต้อนรับแจ้งเราว่าก่อนสิ้นสุดเวลาสิบนาที

 

“เข้าใจแล้วค่ะ…”

 

ทันทีที่เธอวางสาย เซย์ล่าก็บิดขี้เกียจ 

 

“มันจบแล้วหรอ เกือบตีห้าแล้วเหรอเนี่ย?”

 

“ใช่แล้วละ งั้นก็เตรียมตัวกันเถอะ”

 

ไม่มีอารมณ์ใดค้างเป็นพิเศษ เซย์ล่าก็เริ่มลุกพร้อมที่จะออกไป

 

ผมรู้สึกเศร้าเล็กน้อยเกี่ยวกับเรื่องนี้และลุกจากที่นั่ง

 

“ฉันเดาว่า นายคงเจ็บคอนะยามาโตะคุง”

 

“ฮ่า ฮ่า น่าจะเป็นเพราะผมตะโกนมากไปน่ะ”

 

“นานแล้วละที่ผมไม้ได้ร้องเพลง”

 

“อ้ออย่างงี้ นั่นคงทําให้ยามาโตะคุงไม่อยากร้องเพลงในตอนแรกสินะ”

 

“ตามนั้นละครับ ฮ่า ฮ่า”

 

เธอหัวเราะเล็กๆตามผมไปด้วย

 

บทสนทนาสบายๆ ที่ผมมีกับเธอตอนนี้ดูมีค่าสำหรับมาก

 

ทันทีที่พวกเราออกจากห้อง ไปที่ล็อบบี้และผมพยามยามที่จะออกเงินช่วย

 

แต่เซย์ล่า ปฏิเสธโดยบอกว่าเธอ “ไม่ชอบแบบนั้น” ดังนั้นพวกเราจึงลงเอยด้วยการแยกบิล

 

พอออกจากคาราโอเกะ ท้องฟ้าก็เริ่มสว่างแล้ว

 

วิวเมืองในช่วงเช้าตรู่แตกต่างจากกลางวันกับกลางคืน และมันก็ค่อนข้างเงียบเหงา

 

ผู้ใหญ่ที่เดินผ่านไปมาในชุดสูทดูเคร่งขรึมและดูเหมือนจะเตรียมตัวสำหรับงานในวันนี้

 

นอกจากนี้ ความรู้สึกที่ผมกำลังจะสิ้นสุดเร็วกว่าคนอื่นๆ แต่มันเป็นสิงที่วิเศษมากสัาหรับผมในวันนี้

 

ผมมีความสุขมากที่มีคนยืนเคียงข้างซึ่งแบ่งปันความรู้สึกนี้

 

“นี่ ยามาโตะคุงไปกินซุปมิโซะกันไหม ข้างนอกมันหนาวนะ.”

 

ผมพยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อซ่อนรอยยิ้มตามคำเชิญสั้นๆ ของเซย์ล่า

 

“อ่าได้เลย ไปกันเถอะ”

 

เธอพูดถูก ยังคงเป็นเช้าเดือนเมษายนที่หนาวเย็น

 

เราไปร้านอาหารกินด้งด้วยกัน และผมก็จิบซุปมิโซะจากชุดอาหารเช้า ซึ่งทำให้ร่างกายอบอุ่น

 

เมื่อเราออกไปข้างนอกหลังจากรับประทานอาหารเช้าเสร็จแล้ว ความเย็นก็ลดลงบ้าง

 

ผมกำลังมีช่วงเวลาที่ยากลำบากในการตัดสินใจว่าจะแสดงความขอบคุณต่อเซย์ล่าที่เชิญผมในครั้งนี้

 

มันคงง่ายที่จะกล่าวขอบคุณตรงๆ แต่ผมรู้สึกว่าถ้าทำอย่างนั้น ความสัมพันธ์ของผมกับเธอคงจะจบลง 

 

แต่ในขณะที่ผมลังเล เซย์ล่าซึ่งเดินอยู่ข้างหน้าก็หันกลับมา

 

“เจอกันที่โรงเรียนนะ ยามาโตะคุง”

 

เซย์ล่าโบกมือเล็กๆ ของเธอขณะที่เธอกล่าวคำอำลาอย่างรวดเร็ว

 

“เอ่อ เอ่อ…”

 

ผมตอบกลับด้วยเสียงตะกุกตะกัก และเซย์ล่าก็จากไปโดยไม่หันกลับมามอง

 

“เฮ้อ……”

 

ถอนหายใจออกมาอย่างเป็นธรรมชาติ

 

มีหลายสิ่งที่ผมอยากจะพูดหรือถามเธอ แต่ผมไม่สามารถกำหนดได้อย่างถูกต้องและรู้สึกหงุดหงิดที่ไม่สามารถพูดได้

 

เธอบอกผมว่าเราจะพบกันอีกครั้งที่โรงเรียน แต่ผมไม่คิดว่าเราจะมีอะไรต้องคุยกันอีก

 

ด้วยความเสียใจ ผมจึงเริ่มเดินทางกลับบ้าน

─……

__________________

รบกวนตั้งชื่อไทยที่คิดว่าเหมาะให้หน่อยนะครับ 

จะพยายามอัพลงตอนใหม่ตลอดนะครับ 

ปล. ขอบคุณที่เข้ามาอ่านครับ

 

 

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด