The Demon Prince goes to the Academy 1

Now you are reading The Demon Prince goes to the Academy Chapter 1 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

   ไม่มีเหตุผลว่าทำไมต้องเป็นคุณเซนได จะเป็นคุณอิจิโอะก็ได้ จะเป็นคุณโกโต้ก็ได้ หรือต่อให้เป็นคนแปลกหน้าก็ยังได้

   

   แต่ที่ฉันเลือกคุณเซนไดมาก็เป็นเพราะโชคชะตา… ก็อยากจะบอกแบบนั้นอยู่นะ แต่ที่จริงแล้วมันแค่บังเอิญเท่านั้น ด้วยการที่เรื่องบังเอิญหลาย ๆ อย่างมาประเดประดังกัน ประกอบกับความตั้งใจของฉัน ทำให้ตอนนี้คุณเซนไดมาอยู่ที่ห้องของฉัน

   

   ทุกสัปดาห์ 3 ชั่วโมง

   ฉันจะจ่ายเงินให้เธอ 5,000 เยน

   นั่นคือข้อตกลงของเรา

 

   ไม่สิ ไม่ใช่ว่ามันจะถูกกำหนดไว้ชัดเจนขนาดนั้นหรอก

 

   บางทีก็ 5,000 เยนต่อ 2 ชั่วโมง บางทีก็ 5,000 เยนต่อ 3 ชั่วโมงครึ่ง บางทีก็สัปดาห์ละ 1 ครั้ง บางทีก็สัปดาห์ละ 2 ครั้ง เวลาและจำนวนครั้งมีเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาเรื่อย ๆ แต่ไม่ว่ายังไงจำนวนเงินก็จะเป็น 5,000 เยนตลอด ไม่ว่าเวลาและจำนวนครั้งจะมากแค่ไหน ฉันก็จะซื้อเวลาของคุณเซนไดครั้งละ 5,000 เยนเท่านั้น

   มันเป็นเรื่องง่าย ๆ แบบนั้น

   

“มิยางิ ขอเล่มต่อไปหน่อย”

 

   คุณเซนไดซึ่งนอนอยู่บนเตียงของฉัน พูดออกมาราวกับเป็นเรื่องปกติพร้อมเคาะไหล่ฉัน

   พอฉันหันกลับไปที่เตียง ก็พบว่าเธอกำลังแตะไหล่ฉันพร้อมกับหนังสือการ์ตูนเล่มที่เธอเพิ่งอ่านจบ

 

   วันที่อากาศหนาวเหน็บในเดือนธันวาคม ห้องถูกอุ่นด้วยพัดลมจากฮีตเตอร์เพื่อต้านความหนาวเย็นข้างนอก แต่ดูเหมือนว่าสำหรับเธอมันจะร้อน เธอก็เลยถอดเสื้อเบลเซอร์ออก

 

   เธอใส่เสื้อเบลาส์และเนกไทหลวม ๆ พร้อมด้วยกระโปรงสั้นและนอนเล่นอย่างเละเทะ แถมถ้าอยากดูก็เหมือนจะมองเห็นแม้แต่สิ่งที่อยู่ใต้กระโปรงได้ด้วย

 

   ถ้าเกิดทุกคนในห้องได้เห็นคุณเซนได ที่รักษาภาพลักษณ์เรียบร้อยในในโรงเรียนตลอด อยู่สภาพแบบนี้คงรู้สึกผิดหวัง

 

   “หยิบเองสิ”

 

   ฉันหยิบหนังสือการ์ตูนเล่ม 3 คืนกลับไปด้วยใบหน้าเย็นชา ใส่คุณเซนไดที่กำลังยึดครองเตียง

   

   บนกับล่าง

   ถ้าเป็นฉันต่อให้จะแต่งหน้าบาง ๆ ก็คงแค่เหนือกว่าปานกลางนิดหน่อย แต่คุณเซนไดนั้นมีใบหน้าที่สวยงดงามมาก แถมยังหัวดีและผลการเรียนอยู่ในแถวกลาง ๆ ด้วย

   

   ดังนั้นเธอต้องเป็นที่นิยมแน่…ที่ฉันใช้คำดูคลุมเครือแบบนี้ เพราะฉันไม่เคยเห็นความนิยมของเธอจริง ๆ น่ะนะ

 

   เธอคนนี้คือสิ่งที่เรียกว่าเรียลจู เป็นคนที่อยู่ในชนชั้นสูงสุดของโรงเรียน ส่วนฉันอยู่ในชนชั้นบนถ้าไล่จากล่างมา เอาเถอะ ก็ในห้องเธอเด่นซะขนาดนั้น เพราะงั้นจะเป็นที่นิยมก็คงไม่แปลก

   

   “ขี้ตืด ก็ได้ ฉันไปหยิบเองก็ได้”

 

   ฉันสัมผัสได้ถึงมือของคุณเซนได ที่หยิบหนังสือ 3 เล่มมาวางลงบนตักของฉัน

   

   “คือว่านะ นี่เธอคิดว่าฉันเป็นอะไรกันแน่”

   “คนที่อยู่ใกล้ชั้นหนังสือที่สุด”

   “เอาไปเก็บเองสิยะ”

 

   ฉันกล่าวอย่างเย็นชา และเอาหนังสือ 3 เล่มไปวางไว้ตรงหมอน

   ถ้าเกิดที่นี่เป็นโรงเรียน ฉันที่อยู่ในชนชั้นล่างสุดคงไม่มีวันพูดกับคุณเซนไดแบบนี้

 

   แต่ในห้องนี้ ฉันได้จ่ายเงิน 5,000 เยนเพื่อซื้อตัวคุณเซนไดไปแล้ว ดังนั้นฉันจึงได้รับอนุญาตให้ทำแบบนี้

 

   ถึงอย่างนั้นฉันก็ไม่เข้าใจจริง ๆ ว่าทำไมเธอถึงยอมให้ฉันซื้อเงียบ ๆ ฉันคิดว่าถ้าเป็นคุณเซนไดละก็ หากเธออยากได้ แทนที่จะเป็นเงิน 5,000 เยน จะ 10,000 เยนหรือ 20,000 เยนเธอก็คงเรียกได้

 

   ด้วยยี่ห้อสาว ม.ปลาย ประกอบกับรูปลักษณ์นั้น จะต้องมีคนอยากซื้อต่อให้แพงแค่ไหนก็ตามเป็นแน่

 

   ดังนั้นสถานการณ์ปัจจุบัน ที่ฉันซึ่งมีทั้งสมองและหน้าตาธรรมดา มีสิทธิ์สั่งการคุณเซนไดได้อย่างอิสระ มันคงเป็นสถานการณ์ที่หายากและล้ำค่ามาก

 

   “จ้า~ เอาไปเก็บเองก็ได้”

 

   คุณเซนไดพูดอย่างเนือย ๆ และลุกออกไปจากเตียง

   จากนั้นเมื่อเธอนั่งลงบนชั้นหนังสือ เธอก็เริ่มมองหาหนังสือพร้อมกับพึมพำว่า “เล่ม 4 อยู่ไหน”

 

   ผมของเธอยาวถึงไหล่และถูกมัดเป็นทรงฮารปอัป พร้อมกับถักเปียแล้วมัดไว้ข้างหลังสองข้าง สีผมของเธอใกล้เคียงกับสีน้ำตาลมากกว่าสีดำ แต่คุณครูก็ไม่ได้ว่าอะไร ซึ่งแน่นอนว่าผิดกฎโรงเรียน แต่ฉันกลับไม่เคยเห็นเธอถูกกล่าวเตือนว่าทำผิดกฎโรงเรียนเลย บางทีมันคงเป็นกลยุทธ์ปรับอิมเมจของเธอด้วยเสื้อผ้าเรียบร้อยและทรงผมที่ดูสะอาดตา แถมผลการเรียนของเธอก็ยังดี ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ได้ให้ความสนใจ

 

   ฉันคิดว่าโลกที่มีการแบ่งพรรคแบ่งพวกนี่มันไร้เหตุผลชะมัด

 

   ฉันฟุบหน้าลงกับเตียง

   ฉันไม่ได้อยากเป็นแบบคุณเซนได แต่ถึงอย่างนั้นฉันก็อิจฉาเธอ

 

   วันนี้ฉันเผลอส่งการบ้านผิดและถูกครูดุ ถ้าเกิดคุณเซนไดเป็นคนส่งผิดเธอคงจะไม่โดนดุ

   

   “เดี๋ยวสิมิยางิ ไม่เห็นจะมีเล่ม 4 เลยอะ ถ้าเกิดรู้ว่าไม่มีก็บอกก่อนสิ”

 

   คุณเซนไดผู้ซึ่งใช้ชีวิต ม.ปลาย อย่างสุขสบายกว่าคนอื่น มองมาที่ฉันด้วยใบหน้าบูดบึ้ง

 

   “ก็อยู่นั่นไง”

   “ไม่เห็นมีเลย”

   “โกหกรึเปล่า มีสิ”

   “ก็บอกว่าไม่มีไงล่ะ”

 

   คำพูดที่หนักแน่น  ได้ทำให้ความทรงจำของฉันทวนกลับมา

   ฉันจำได้ว่าเล่ม 1 วางขายวันไหน

   แต่ฉันจำไม่ค่อยได้ว่าซื้อมาด้วยหรือเปล่า

 

   “เล่ม 4 วางขายตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้วนะ เพราะงั้นฉันน่าจะซื้อแล้ว…เอ๊ะ หรือว่าลืมซื้อมานะ”

 

   ฉันจำได้แล้วว่าเหมือนพูดกับตัวเองว่าจะซื้อพรุ่งนี้

 

   ฉันเอาหน้าฟุบลงไปกับฟูก และได้กลิ่นที่ไม่ใช่ของตัวเองมารบกวนประสาทสัมผัส

 

   “เธอเช็กวันวางขายด้วยเหรอ”

   “เช็กสิ”

   “โอตาคุ”

   “หนวกหู”

 

   ฉันเงยหน้ามองคุณเซนได

   วิธีพูดของคุณเซนไดไม่ได้รุนแรงอะไร หรือบางทีคงจะเป็นมุกตลกของเธอ ทว่ามันกลับทำให้ฉันยิ่งหงุดหงิดเป็นทวีคูณ

 

   พอฉันมองออกไปข้างนอกหน้าต่างก็เห็นว่าเริ่มมืด และไฟของอะพาร์ตเมนต์บางหลังกำลังเปิดอยู่

   

   ใกล้มืดแล้ว

   ฉันปิดม่านและนั่งลงบนเตียง

   วันนี้ไม่ใช่วันที่ดีนัก

   หัวใจของฉันมืดมนเหมือนกับท้องฟ้า

 

 

 

   “คุณเซนไดมานี่ แล้วก็นั่งตรงนี้”

 

   ฉันเรียกคุณเซนไดที่อยู่ตรงชั้นหนังสือ

 

   “จะออกคำสั่งแล้วเหรอ”

   “ใช่”

   

   ฉันไขว่ห้างและมองไปที่คุณเซนได

   กระโปรงชุดนักเรียนของฉันยาวกว่าของคุณเซนไดแต่สั้นกว่าของกฎโรงเรียน ขาของฉันไม่ได้เรียวยาวเหมือนเธอ ทำให้ฉันได้แค่ปลงกับมัน

 

   “จะให้ฉันทำอะไรล่ะ”

 

   คุณเซนไดที่นั่งอยู่ข้างหน้าถามคำถามฉัน

   ฉันแยกขาที่เพิ่งไขว่ห้างและพูดออกไปเงียบ ๆ

 

   “ถอดมันซะ”

   

   ฉันวางเท้าขวาลงบนต้นขาของคุณเซนได แล้วชี้ไปที่ถุงเท้าสีน้ำเงิน

 

   “ค่า ๆ”

   “ค่าแค่รอบเดียว”

   “ค่า ๆ”

   

   เธอดูไม่ได้ฟังสักนิด และจงใจพูดคำว่า “ค่า” ซ้ำสองครั้ง แล้วถามว่า “ข้างซ้ายด้วยมั้ย”

 

   “ไม่ต้อง แล้วก็เลียข้างที่เพิ่งถอดออกมาด้วย”

 

   เมื่อฉันแหย่หน้าท้องของคุณเซนไดด้วยเท้าที่เปลือยเปล่า เธอก็จ้องมาที่ฉันอย่างสงสัย

 

   “ที่ขาเหรอ”

   “ใช่”

 

   ฉันจ่ายเงินให้คุณเซนได 5,000 เยนมาตั้งแต่ช่วงต้นฤดูร้อน แต่วันนี้เป็นครั้งแรกที่ฉันออกคำสั่งแบบนี้ ปกติที่สั่งมักจะเป็นแค่อ่านหนังสือ ทำการบ้าน หรือว่าเรื่องเล็กน้อยอะไรแบบนั้น

 

   คุณเซนไดจะฟังที่ฉันพูดด้วยเงิน 5,000 เยนเสมอ

 

   นั่นคือส่วนสำคัญของทั้งหมด นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมเธอถึงไม่เคยถามเลยว่า “ทำไมล่ะ” แต่วันนี้ฉันไม่ได้อยู่ในอารมณ์ที่อยากหาเรื่องเล็กน้อยมาออกคำสั่ง

 

   ฉันอยากจะพูดเรื่องอะไรก็ตามที่เธอไม่อยากทำ

   ทว่าฉันก็ไม่คิดว่าเธอจะทำตามที่ฉันพูดจริง เพราะที่ผ่านมาเธอมักจะทำแค่คำสั่งโง่ ๆ เท่านั้น

 

   “…เข้าใจแล้ว”

 

   ถึงแม้จะไม่ได้ตอบสนองทันที แต่คุณเซนไดก็ยอมรับฟังคำสั่ง ซึ่งอยู่ตรงกันข้ามกับความคิดของฉัน

   เธอวางมือลงบนข้อเท้าและส้นเท้าของฉัน โดยไม่มีแม้แต่เศษเสี้ยวของอารมณ์อยู่ในน้ำเสียง

 

   คุณเซนไดจ้องมาที่เท้าของฉัน

   ฉันรู้สึกหนาวสั่นไปถึงกระดูกสันหลัง

   ฉันยกขาขึ้นช้า ๆ จากนั้นลมอุ่น ๆ ได้พัดมาที่หลังเท้า

 

   ตามด้วยสัมผัสอ่อนนุ่มที่ฉันได้รับ

 

   ลิ้นของคุณเซนไดสัมผัสมาที่ปลายเท้าของฉัน

 

   เงิน 5,000 เยนที่ฉันให้เธอไปล่วงหน้า 

   

   มันเป็นสิ่งที่ผูกมัดคุณเซนไดเอาไว้ ทำให้เธอไม่อาจขัดขืนฉัน

   มีข้อตกลงเช่นนั้นอยู่ภายในห้องนี้ และเธอก็เลือกที่จะทำตามสัญญาที่จะเชื่อฟังฉัน

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

The Demon Prince goes to the Academy 1

Now you are reading The Demon Prince goes to the Academy Chapter 1 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

   ไม่มีเหตุผลว่าทำไมต้องเป็นคุณเซนได จะเป็นคุณอิจิโอะก็ได้ จะเป็นคุณโกโต้ก็ได้ หรือต่อให้เป็นคนแปลกหน้าก็ยังได้

   

   แต่ที่ฉันเลือกคุณเซนไดมาก็เป็นเพราะโชคชะตา… ก็อยากจะบอกแบบนั้นอยู่นะ แต่ที่จริงแล้วมันแค่บังเอิญเท่านั้น ด้วยการที่เรื่องบังเอิญหลาย ๆ อย่างมาประเดประดังกัน ประกอบกับความตั้งใจของฉัน ทำให้ตอนนี้คุณเซนไดมาอยู่ที่ห้องของฉัน

   

   ทุกสัปดาห์ 3 ชั่วโมง

   ฉันจะจ่ายเงินให้เธอ 5,000 เยน

   นั่นคือข้อตกลงของเรา

 

   ไม่สิ ไม่ใช่ว่ามันจะถูกกำหนดไว้ชัดเจนขนาดนั้นหรอก

 

   บางทีก็ 5,000 เยนต่อ 2 ชั่วโมง บางทีก็ 5,000 เยนต่อ 3 ชั่วโมงครึ่ง บางทีก็สัปดาห์ละ 1 ครั้ง บางทีก็สัปดาห์ละ 2 ครั้ง เวลาและจำนวนครั้งมีเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาเรื่อย ๆ แต่ไม่ว่ายังไงจำนวนเงินก็จะเป็น 5,000 เยนตลอด ไม่ว่าเวลาและจำนวนครั้งจะมากแค่ไหน ฉันก็จะซื้อเวลาของคุณเซนไดครั้งละ 5,000 เยนเท่านั้น

   มันเป็นเรื่องง่าย ๆ แบบนั้น

   

“มิยางิ ขอเล่มต่อไปหน่อย”

 

   คุณเซนไดซึ่งนอนอยู่บนเตียงของฉัน พูดออกมาราวกับเป็นเรื่องปกติพร้อมเคาะไหล่ฉัน

   พอฉันหันกลับไปที่เตียง ก็พบว่าเธอกำลังแตะไหล่ฉันพร้อมกับหนังสือการ์ตูนเล่มที่เธอเพิ่งอ่านจบ

 

   วันที่อากาศหนาวเหน็บในเดือนธันวาคม ห้องถูกอุ่นด้วยพัดลมจากฮีตเตอร์เพื่อต้านความหนาวเย็นข้างนอก แต่ดูเหมือนว่าสำหรับเธอมันจะร้อน เธอก็เลยถอดเสื้อเบลเซอร์ออก

 

   เธอใส่เสื้อเบลาส์และเนกไทหลวม ๆ พร้อมด้วยกระโปรงสั้นและนอนเล่นอย่างเละเทะ แถมถ้าอยากดูก็เหมือนจะมองเห็นแม้แต่สิ่งที่อยู่ใต้กระโปรงได้ด้วย

 

   ถ้าเกิดทุกคนในห้องได้เห็นคุณเซนได ที่รักษาภาพลักษณ์เรียบร้อยในในโรงเรียนตลอด อยู่สภาพแบบนี้คงรู้สึกผิดหวัง

 

   “หยิบเองสิ”

 

   ฉันหยิบหนังสือการ์ตูนเล่ม 3 คืนกลับไปด้วยใบหน้าเย็นชา ใส่คุณเซนไดที่กำลังยึดครองเตียง

   

   บนกับล่าง

   ถ้าเป็นฉันต่อให้จะแต่งหน้าบาง ๆ ก็คงแค่เหนือกว่าปานกลางนิดหน่อย แต่คุณเซนไดนั้นมีใบหน้าที่สวยงดงามมาก แถมยังหัวดีและผลการเรียนอยู่ในแถวกลาง ๆ ด้วย

   

   ดังนั้นเธอต้องเป็นที่นิยมแน่…ที่ฉันใช้คำดูคลุมเครือแบบนี้ เพราะฉันไม่เคยเห็นความนิยมของเธอจริง ๆ น่ะนะ

 

   เธอคนนี้คือสิ่งที่เรียกว่าเรียลจู เป็นคนที่อยู่ในชนชั้นสูงสุดของโรงเรียน ส่วนฉันอยู่ในชนชั้นบนถ้าไล่จากล่างมา เอาเถอะ ก็ในห้องเธอเด่นซะขนาดนั้น เพราะงั้นจะเป็นที่นิยมก็คงไม่แปลก

   

   “ขี้ตืด ก็ได้ ฉันไปหยิบเองก็ได้”

 

   ฉันสัมผัสได้ถึงมือของคุณเซนได ที่หยิบหนังสือ 3 เล่มมาวางลงบนตักของฉัน

   

   “คือว่านะ นี่เธอคิดว่าฉันเป็นอะไรกันแน่”

   “คนที่อยู่ใกล้ชั้นหนังสือที่สุด”

   “เอาไปเก็บเองสิยะ”

 

   ฉันกล่าวอย่างเย็นชา และเอาหนังสือ 3 เล่มไปวางไว้ตรงหมอน

   ถ้าเกิดที่นี่เป็นโรงเรียน ฉันที่อยู่ในชนชั้นล่างสุดคงไม่มีวันพูดกับคุณเซนไดแบบนี้

 

   แต่ในห้องนี้ ฉันได้จ่ายเงิน 5,000 เยนเพื่อซื้อตัวคุณเซนไดไปแล้ว ดังนั้นฉันจึงได้รับอนุญาตให้ทำแบบนี้

 

   ถึงอย่างนั้นฉันก็ไม่เข้าใจจริง ๆ ว่าทำไมเธอถึงยอมให้ฉันซื้อเงียบ ๆ ฉันคิดว่าถ้าเป็นคุณเซนไดละก็ หากเธออยากได้ แทนที่จะเป็นเงิน 5,000 เยน จะ 10,000 เยนหรือ 20,000 เยนเธอก็คงเรียกได้

 

   ด้วยยี่ห้อสาว ม.ปลาย ประกอบกับรูปลักษณ์นั้น จะต้องมีคนอยากซื้อต่อให้แพงแค่ไหนก็ตามเป็นแน่

 

   ดังนั้นสถานการณ์ปัจจุบัน ที่ฉันซึ่งมีทั้งสมองและหน้าตาธรรมดา มีสิทธิ์สั่งการคุณเซนไดได้อย่างอิสระ มันคงเป็นสถานการณ์ที่หายากและล้ำค่ามาก

 

   “จ้า~ เอาไปเก็บเองก็ได้”

 

   คุณเซนไดพูดอย่างเนือย ๆ และลุกออกไปจากเตียง

   จากนั้นเมื่อเธอนั่งลงบนชั้นหนังสือ เธอก็เริ่มมองหาหนังสือพร้อมกับพึมพำว่า “เล่ม 4 อยู่ไหน”

 

   ผมของเธอยาวถึงไหล่และถูกมัดเป็นทรงฮารปอัป พร้อมกับถักเปียแล้วมัดไว้ข้างหลังสองข้าง สีผมของเธอใกล้เคียงกับสีน้ำตาลมากกว่าสีดำ แต่คุณครูก็ไม่ได้ว่าอะไร ซึ่งแน่นอนว่าผิดกฎโรงเรียน แต่ฉันกลับไม่เคยเห็นเธอถูกกล่าวเตือนว่าทำผิดกฎโรงเรียนเลย บางทีมันคงเป็นกลยุทธ์ปรับอิมเมจของเธอด้วยเสื้อผ้าเรียบร้อยและทรงผมที่ดูสะอาดตา แถมผลการเรียนของเธอก็ยังดี ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ได้ให้ความสนใจ

 

   ฉันคิดว่าโลกที่มีการแบ่งพรรคแบ่งพวกนี่มันไร้เหตุผลชะมัด

 

   ฉันฟุบหน้าลงกับเตียง

   ฉันไม่ได้อยากเป็นแบบคุณเซนได แต่ถึงอย่างนั้นฉันก็อิจฉาเธอ

 

   วันนี้ฉันเผลอส่งการบ้านผิดและถูกครูดุ ถ้าเกิดคุณเซนไดเป็นคนส่งผิดเธอคงจะไม่โดนดุ

   

   “เดี๋ยวสิมิยางิ ไม่เห็นจะมีเล่ม 4 เลยอะ ถ้าเกิดรู้ว่าไม่มีก็บอกก่อนสิ”

 

   คุณเซนไดผู้ซึ่งใช้ชีวิต ม.ปลาย อย่างสุขสบายกว่าคนอื่น มองมาที่ฉันด้วยใบหน้าบูดบึ้ง

 

   “ก็อยู่นั่นไง”

   “ไม่เห็นมีเลย”

   “โกหกรึเปล่า มีสิ”

   “ก็บอกว่าไม่มีไงล่ะ”

 

   คำพูดที่หนักแน่น  ได้ทำให้ความทรงจำของฉันทวนกลับมา

   ฉันจำได้ว่าเล่ม 1 วางขายวันไหน

   แต่ฉันจำไม่ค่อยได้ว่าซื้อมาด้วยหรือเปล่า

 

   “เล่ม 4 วางขายตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้วนะ เพราะงั้นฉันน่าจะซื้อแล้ว…เอ๊ะ หรือว่าลืมซื้อมานะ”

 

   ฉันจำได้แล้วว่าเหมือนพูดกับตัวเองว่าจะซื้อพรุ่งนี้

 

   ฉันเอาหน้าฟุบลงไปกับฟูก และได้กลิ่นที่ไม่ใช่ของตัวเองมารบกวนประสาทสัมผัส

 

   “เธอเช็กวันวางขายด้วยเหรอ”

   “เช็กสิ”

   “โอตาคุ”

   “หนวกหู”

 

   ฉันเงยหน้ามองคุณเซนได

   วิธีพูดของคุณเซนไดไม่ได้รุนแรงอะไร หรือบางทีคงจะเป็นมุกตลกของเธอ ทว่ามันกลับทำให้ฉันยิ่งหงุดหงิดเป็นทวีคูณ

 

   พอฉันมองออกไปข้างนอกหน้าต่างก็เห็นว่าเริ่มมืด และไฟของอะพาร์ตเมนต์บางหลังกำลังเปิดอยู่

   

   ใกล้มืดแล้ว

   ฉันปิดม่านและนั่งลงบนเตียง

   วันนี้ไม่ใช่วันที่ดีนัก

   หัวใจของฉันมืดมนเหมือนกับท้องฟ้า

 

 

 

   “คุณเซนไดมานี่ แล้วก็นั่งตรงนี้”

 

   ฉันเรียกคุณเซนไดที่อยู่ตรงชั้นหนังสือ

 

   “จะออกคำสั่งแล้วเหรอ”

   “ใช่”

   

   ฉันไขว่ห้างและมองไปที่คุณเซนได

   กระโปรงชุดนักเรียนของฉันยาวกว่าของคุณเซนไดแต่สั้นกว่าของกฎโรงเรียน ขาของฉันไม่ได้เรียวยาวเหมือนเธอ ทำให้ฉันได้แค่ปลงกับมัน

 

   “จะให้ฉันทำอะไรล่ะ”

 

   คุณเซนไดที่นั่งอยู่ข้างหน้าถามคำถามฉัน

   ฉันแยกขาที่เพิ่งไขว่ห้างและพูดออกไปเงียบ ๆ

 

   “ถอดมันซะ”

   

   ฉันวางเท้าขวาลงบนต้นขาของคุณเซนได แล้วชี้ไปที่ถุงเท้าสีน้ำเงิน

 

   “ค่า ๆ”

   “ค่าแค่รอบเดียว”

   “ค่า ๆ”

   

   เธอดูไม่ได้ฟังสักนิด และจงใจพูดคำว่า “ค่า” ซ้ำสองครั้ง แล้วถามว่า “ข้างซ้ายด้วยมั้ย”

 

   “ไม่ต้อง แล้วก็เลียข้างที่เพิ่งถอดออกมาด้วย”

 

   เมื่อฉันแหย่หน้าท้องของคุณเซนไดด้วยเท้าที่เปลือยเปล่า เธอก็จ้องมาที่ฉันอย่างสงสัย

 

   “ที่ขาเหรอ”

   “ใช่”

 

   ฉันจ่ายเงินให้คุณเซนได 5,000 เยนมาตั้งแต่ช่วงต้นฤดูร้อน แต่วันนี้เป็นครั้งแรกที่ฉันออกคำสั่งแบบนี้ ปกติที่สั่งมักจะเป็นแค่อ่านหนังสือ ทำการบ้าน หรือว่าเรื่องเล็กน้อยอะไรแบบนั้น

 

   คุณเซนไดจะฟังที่ฉันพูดด้วยเงิน 5,000 เยนเสมอ

 

   นั่นคือส่วนสำคัญของทั้งหมด นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมเธอถึงไม่เคยถามเลยว่า “ทำไมล่ะ” แต่วันนี้ฉันไม่ได้อยู่ในอารมณ์ที่อยากหาเรื่องเล็กน้อยมาออกคำสั่ง

 

   ฉันอยากจะพูดเรื่องอะไรก็ตามที่เธอไม่อยากทำ

   ทว่าฉันก็ไม่คิดว่าเธอจะทำตามที่ฉันพูดจริง เพราะที่ผ่านมาเธอมักจะทำแค่คำสั่งโง่ ๆ เท่านั้น

 

   “…เข้าใจแล้ว”

 

   ถึงแม้จะไม่ได้ตอบสนองทันที แต่คุณเซนไดก็ยอมรับฟังคำสั่ง ซึ่งอยู่ตรงกันข้ามกับความคิดของฉัน

   เธอวางมือลงบนข้อเท้าและส้นเท้าของฉัน โดยไม่มีแม้แต่เศษเสี้ยวของอารมณ์อยู่ในน้ำเสียง

 

   คุณเซนไดจ้องมาที่เท้าของฉัน

   ฉันรู้สึกหนาวสั่นไปถึงกระดูกสันหลัง

   ฉันยกขาขึ้นช้า ๆ จากนั้นลมอุ่น ๆ ได้พัดมาที่หลังเท้า

 

   ตามด้วยสัมผัสอ่อนนุ่มที่ฉันได้รับ

 

   ลิ้นของคุณเซนไดสัมผัสมาที่ปลายเท้าของฉัน

 

   เงิน 5,000 เยนที่ฉันให้เธอไปล่วงหน้า 

   

   มันเป็นสิ่งที่ผูกมัดคุณเซนไดเอาไว้ ทำให้เธอไม่อาจขัดขืนฉัน

   มีข้อตกลงเช่นนั้นอยู่ภายในห้องนี้ และเธอก็เลือกที่จะทำตามสัญญาที่จะเชื่อฟังฉัน

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+