(WN) เพื่อนร่วมชั้นกำลังจะกระโดดตึกตาย ผมจึงตะโกนออกไปว่า Seggg 10

Now you are reading (WN) เพื่อนร่วมชั้นกำลังจะกระโดดตึกตาย ผมจึงตะโกนออกไปว่า Seggg Chapter 10 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

Tobioriru Chokuzen no Dokyusei ni xxx Shiyo! to Teian Shite mita

ชื่อไทย : เพื่อนร่วมชั้นกำลังจะกระโดดตึกตาย ผมจึงตะโกนออกไปว่า Seggg

Chapter : 10 ไปห้องแนะแนวกับสาวงาม!
.
.
.
เมื่อมาถึงห้องเรียน พวกเราถูกจ้องเขม็งยิ่งกว่าเดิม

“พวกเธอ นี่สายแล้วนะ”
“ขอโทษครับ”
“ข-ขอโทษค่ะ”
“ช่างเถอะ รีบไปนั่งที่ซะ”

เราไปนั่งที่ของตัวเองตามที่อาจารย์โมโนเบะ ซึ่งเป็นอาจารย์ประจำชั้นกล่าว

ระหว่างทางเดินไปที่นั่ง ฉันเดินผ่านนักเรียนคนหนึ่ง ที่จริงก็ไม่ได้อยากเฉียดแตะเท่าไหร่ แต่เส้นทางนี้เป็นระยะทางที่สั้นที่สุดไปยังที่นั่ง ขณะเดินผ่าน ฉันเหลือบมองสาวผมบลอนด์

หญิงสาวที่ฉันเกลียด โอกุระ

วันก่อน ฉันพยายามใช้ความรุนแรงกับเธอ แม้การกระทำนั้นจะจบลงด้วยความล้มเหลว แต่หากฉันทำมันสำเร็จก็ไม่รู้สึกเสียใจเลยแม้แต่น้อย นั่นก็เพราะฉันเกลียดผู้หญิงที่ชื่อโอกุระคนนี้มาก

ขณะที่ฉันเหลือบตามอง——โอกุระก็มองมาที่ฉันเช่นกัน ทันทีที่เราสบสายตา ใบหน้าของโอกุระก็ซีดเผือดและหันหลังกลับ

ไม่ได้จ้องปานจะฆ่าแกงสักหน่อย แต่ก็ยอมรับว่าไหล่ฉันสั่นขณะกำหมัดที่ชุ่มเหงื่อเย็นแน่น

ฉันทำเกินไปไหมนะ?

ฉันคิดแบบนั้นครู่หนึ่ง แต่ถึงอย่างไร เธอก็เป็นหนึ่งในคนที่ต้อนให้คุรุมิซังจนมุม ดังนั้น ฉันจะไม่ระรานไปกว่านี้——แต่ก็จะไม่อ่อนโยนด้วยเช่นกัน เพราะบางทีคุรุมิซังคงไม่ยอมให้ฉันกดดันโอกุระไปมากกว่านี้แล้ว

เธอเป็นคนแบบนั้นแหละ ไม่น่าแปลกใจเลยหากเธอยื่นมือออกไป จะว่าเป็นคนดีเกินไปหรือยังไงล่ะ แต่นั่นก็เป็นจุดที่ฉันชอบเธอนั่นแหละนะ

ฉันละสายตาจากโอกุระและนั่งลงบนเก้าอี้

โฮมรูมแสนน่าเบื่อของอาจารย์โมโนเบะจบลง ทุกคนเริ่มเตรียมตัวสำหรับคาบต่อไป ไม่ก็พูดคุยกับเพื่อนๆ ฉันเองก็คุยกับคุรุมิซังด้วยเช่นกัน

“รักทางไกลเนี่ยลำบากจังเนอะ”
“ห้องเรียนนี่มันไม่กี่เมตรเองนะ”

ขณะพูดคุยกับคุรุมิซังตามปกติ ฉันมองไปรอบๆเพื่อทำความเข้าใจสถานการณ์ปัจจุบันในห้องเรียน ก่อนหน้านี้ฉันไม่รู้เพราะอยู่ระหว่างโฮมรูม แต่ตอนนี้เป็นเวลาพัก『บรรยากาศ』ของชั้นเรียนซึ่งจะไม่ปรากฏต่อหน้าอาจารย์ก็ได้เริ่มขึ้น เดาได้ไม่ยากจากปฏิกิริยาของโอกุระ ว่าเหตุการณ์เมื่อวานต้องมีผลกระทบบางอย่าง ดังนั้นฉันจึงตรวจสอบความเปลี่ยนแปลงนั้น

——ทันใดนั้นฉันก็รู้สึกประหลาด

ขณะกำลังสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น ฉันก็ได้ยินเสียงแว่วจากด้านหลังก่อนจะได้หาคำตอบ นั่นคืออาจารย์โมโนเบะที่ควรจะออกจากห้องเรียนไปแล้ว เขามองลอดผ่านหน้าต่างจากโถงทางเดินโดยถือหนังสือไว้ข้างหนึ่ง

“เฮ้ เจ้าพวกมาสาย ฉันต้องสอบปากเรื่องหนีเรียนเมื่อวาน มาที่ห้องแนะแนวในช่วงพักเที่ยงด้วย”
“คือว่า ขออภัยด้วยจริงๆครับ ผมมีแผนจะสานสัมพันธ์รักกับคุรุมิซังให้ลึกซึ้งยิ่งกว่าเดิมในช่วงพักเที่ยง เพราะงั้นช่วยละเว้นกันหน่อยได้ไหมครับ…”
“ลึกซึ้งอะไร!? ว่าแต่มันไม่ได้มีความสัมพันธ์รักอะไรนั่นมาตั้งแต่แรกแล้วต่างหาก!?”
“จริงเหรอ?”
“อ-อะไรล่ะ?”
“ไม่มีความรักที่ลึกซึ้งกันจริงๆน่ะเหรอ?”

ฉันจ้องมองพลางค่อยๆยื่นใบหน้าเข้าไปใกล้ เธอหน้าแดงระเรื่อและส่ายหน้า

“ม-ไม่มีหรอก! ไม่ได้ต้องการสักหน่อย!”

อย่างกับเด็ก แต่น่ารักเป็นบ้า คุรุมิซังเป็นสาวงามมากกว่าน่ารัก ดังนั้นการแสดงออกแบบเด็กไร้เดียงสาของเธอจึงทำให้หัวใจฉันเต้นแรงอย่างประหลาด หรือที่อยากจะพูดก็คือ——

“คุรุมิซัง สาบานเลยว่าจะทำให้เธอมีความสุขให้ได้อย่างแน่นอน”
“จู่ๆอย่ามาตัดสินใจอะไรประหลาดๆสิยะ!”
“อ่า ขอโทษที่ขัดจังหวะการจู๋จี๋นะ โคกะ เธอก็มาด้วย พวกเธอหนีตามกันไปสองคนนี่นะ?”
“ถ้ากับคุรุมิซังล่ะก็ที่ไหนก็จะบุกน้ำลุยไฟไป ห้องแนะแนวสินะ เข้าใจแล้วครับ”
“ม-แม้แต่อาจารย์ก็ด้วย…น้ำตามัน น้ำตามันนน…”

เมื่อเหลือบไปด้านข้างซึ่งคุรุมิซังกำลังกุมศีรษะลงบนโต๊ะ อาจารย์โมโนเบะทาบมือไว้ระหว่างคิ้วและถอนหายใจ พลางพูดขณะหันหลังให้เราและเดินออกจากห้องเรียนไป

“เฮ้อ…ยังไงก็บอกแล้ว อย่าลืมมาล่ะทั้งสองคน”

ฉันมองอาจารย์โมโนเบะซึ่งโบกมืออย่างหน่ายใจแล้วสนทนากับคุรุมิซังต่อ

***

ในช่วงพักกลางวัน ฉันกับคุรุมิซังเดินไปที่ห้องแนะแนวนักเรียน
เมื่อเคาะประตู อาจารย์โมโนเบะก็ส่งเสียงตอบ ฉันจึงเข้าไปนั่งบนเก้าที่ถูกเตรียมเอาไว้ เขาเริ่มพูดด้วย “อย่างที่พูดไปเมื่อเช้า” และเริ่มสอบถามเกี่ยวกับเหตุการณ์โดดหนีเรียนเมื่อวาน

ครู่หนึ่ง ฉันไม่รู้ว่าจะอธิบายว่ายังไงดี
รู้ดีว่าคุรุมิซังถูกกลั่นแกล้ง แต่ไม่สามารถทำอะไรได้เลย เพียงแค่รู้เท่านั้น ในแง่ของจุดยืน คิดว่าคงใกล้เคียงกับคิริชิมะคุงที่สุด รู้และต้องการหยุดมัน เพียงแต่ไม่สามารถหาวิธีได้

แม้จะพูดว่า “หยุดการกลั่นแกล้งได้แล้ว” กับการกลั่นแกล้งในชั้นเรียน ก็ไม่มีผลแม้แต่น้อย และหากใช้วิธีแปลกๆ การกลั่นแกล้งอาจทวีความรุนแรงมากขึ้นไปอีก ดังนั้นจึงทำได้เพียงเฝ้ามองดูเงียบๆ

หากต้องการจะทำจริงๆ ต้องลงมือด้วยความเตรียมใจที่จะต้องเป็นศัตรูกับทุกคนที่ไม่ใช่บุคคลนั้น อย่างที่ฉันทำอยู่ตอนนี้ แต่ท้ายที่สุดแล้ว ศัตรูกลับไม่ใช่ 『ผู้กลั่นแกล้ง』แต่เป็น『บรรยากาศที่กลั่นแกล้ง』

ฉันควรบอกกับเขาถึงจุดไหนดี?
เรื่องการกลั่นแกล้ง เรื่องโอกุระ เรื่องที่ถูกเทน้ำใส่——หรือเรื่องพยายามฆ่าตัวตาย

เรื่องอะไรควรพูด เรื่องอะไรไม่ควรพูด ขณะที่กำลังคิดเรื่องนั้น คุรุมิซังก็กุมมือฉันไว้ ฉันที่กำลังจะถามว่าเกิดอะไรขึ้น——เธอกลับเปิดปากและเริ่มอธิบาย

เธอไม่ได้พูดอะไรเกี่ยวกับการฆ่าตัวตาย ตัวสั่นเครือขณะพูดเรื่องการกลั่นแกล้ง พลางจับมือฉันแน่น ดังนั้นฉันจึงส่งแรงนั้นกลับไป เป็นสัญญาณว่าฉันอยู่เคียงข้างเธอ

ไม่นานนักการจับก็เปลี่ยนรูปร่าง และก่อนจะรู้ตัว เรียวนิ้วเราก็ประสานกัน——เป็นสิ่งที่เรียกว่าการจับมือแบบคู่รัก

“——เพราะงั้น เขาจึงพาฉันที่ตัวเปียกโชกกลับบ้านค่ะ”

แม้จะได้พูดอะไรมากมาย แต่คุรุมิซังเหนื่อยล้ามาก ฉันจึงพูดได้เพียงปลอบโยน

“พยายามได้ดีมาก”
“…ฉันไม่อยากโดนช่วยเหลืออยู่ฝ่ายเดียวนี่นา”

นี่ล่ะคุรุมิซัง

“ก่อนอื่น ฉันเข้าใจสถานการณ์แล้ว ใช่ว่าทุกอย่างจะได้รับความชื่นชม แต่——โคกะ ขอโทษนะที่ช่วยอะไรเธอไม่ได้เลย”

อาจารย์วางมือลงบนเข่าและก้มโค้งศีรษะลงต่ำ

“ม-ไม่หรอกค่ะ เรื่องนั้น…”

หลังคำนับให้คุรุมิซัง อาจารย์ก็ปรับท่าทางแล้วหันมาทางฉัน

“เธอก็ด้วยนะ ขอบคุณที่ช่วยโคกะไว้”
“…ครับ”

เป็นความรู้สึกที่ซับซ้อน ฉันเป็นเพียงคนที่ทำได้เพียงมองดูคุรุมิซังเสียจุดยืนในห้องเรียน แม้ตอนนี้ฉันตัดสินใจที่จะรักและช่วยเหลือคุรุมิซังมากกว่าสิ่งอื่นใด แต่จนกระทั่งไม่นานมานี้ ฉันก็ไม่ได้ต่างอะไรจากอาจารย์เลย

นั่นเป็นเหตุผลที่ฉันไม่แน่ใจว่าเป็นคนที่สมควรได้รับคำขอบคุณหรือไม่

“…ไม่รู้หรอกนะว่ากำลังคิดอะไรอยู่ แต่อย่างน้อยนายก็ทำได้ดีแล้วล่ะ ไม่อย่างนั้น ผลลัพธ์นี่ในตอนนี้ก็คงไม่เกิดขึ้นหรอกมาจริงไหม?”

อาจารย์เลิกคิ้วข้างหนึ่งแล้วชี้ระหว่างฉันกับคุรุมิซัง
เมื่อมองไปที่จุดนั้นก็พบกับมือที่กุมแน่น ฉันมองแล้วหันไปหาคุรุมิซัง จากนั้นก็สบสายตากับเธอ

“…อะ”

ใบหน้าของคุรุมิซังค่อยๆแปรเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ และพยายามผละมือออกจากฉันอย่างบางเบา แต่ฉันไม่สนใจกลับคว้าไว้แน่นและกล่าวกับอาจารย์

“นั่นสินะครับ…ถ้าอย่างงั้นก็ดีแล้วล่ะ! จะแสดงให้เห็นเองว่าเราสามารถเอาชนะฝ่าฟันวิกฤตินี้ไปได้ ด้วยพลังแห่งความรักของพวกเรา! แล้วจากนั้นเราก็จะแต่งงานกัน! เดี๋ยวจะส่งบัตรเชิญงานแต่งให้ เพราะฉะนั้นต้องมาให้ได้นะครับ!”
“เรานี่อะไร!? ฉ-ฉันไม่ได้รักอะไรสักหน่อย! ว่าแต่ฉันไม่แต่งงานด้วยหรอกย่ะ!”
“ยังขี้อายเหมือนเดิมเลยน้า~”
“มะ ไม่ได้อายสักหน่อย!?”
“เฮ้ย พวกเธอ อย่ามาเป็นคู่รักการเลาะกันแถวนี้สิ”
“อาจารย์!?”

อาจารย์พูดต่อโดยไม่สนใจคุรุมิซังที่กำลังประหลาดใจ

“ยังไงก็ตาม ครั้งนี้ฉันไม่โทษว่าพวกเธอผิดหรอก ทั้งคู่กลับไปที่ห้องเรียนเถอะ”
“ค้าบ”

ขณะขานตอบอย่างยืดยาว ฉันก็ออกมาจากห้องแนะแนวกับคุรุมิซังซึ่งพึมพำกับตัวเองด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาที่ไม่มีใครได้ยิน

“ค-คู่รักทะเลาะกัน…? …ม-ไม่ได้มีความสุขหรอกนะ ไม่ได้มีความสุขอะไรสักหน่อย”

—————
แต่งอย่าลืมส่งบัตรเชิญมาด้วยล่ะ
(╬▔皿▔)╯
 

ปล.ผมอาจจะไม่ค่อยได้อัพบนเว็บเท่าไหร่ อาจจะลงดองในเพจก่อนแล้วลงทีเดียวแบบครั้งนี้ ถ้าถามว่าทำไม ก็เพราะขี้เกี้ยจลงหลายที่ครับ

คนเหงาและง่วง | Facebook

—————

 

แปลผิดตรงไหนขออภัย พอดีไม่ช่ำ

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

(WN) เพื่อนร่วมชั้นกำลังจะกระโดดตึกตาย ผมจึงตะโกนออกไปว่า Seggg 10

Now you are reading (WN) เพื่อนร่วมชั้นกำลังจะกระโดดตึกตาย ผมจึงตะโกนออกไปว่า Seggg Chapter 10 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

Tobioriru Chokuzen no Dokyusei ni xxx Shiyo! to Teian Shite mita

ชื่อไทย : เพื่อนร่วมชั้นกำลังจะกระโดดตึกตาย ผมจึงตะโกนออกไปว่า Seggg

Chapter : 10 ไปห้องแนะแนวกับสาวงาม!
.
.
.
เมื่อมาถึงห้องเรียน พวกเราถูกจ้องเขม็งยิ่งกว่าเดิม

“พวกเธอ นี่สายแล้วนะ”
“ขอโทษครับ”
“ข-ขอโทษค่ะ”
“ช่างเถอะ รีบไปนั่งที่ซะ”

เราไปนั่งที่ของตัวเองตามที่อาจารย์โมโนเบะ ซึ่งเป็นอาจารย์ประจำชั้นกล่าว

ระหว่างทางเดินไปที่นั่ง ฉันเดินผ่านนักเรียนคนหนึ่ง ที่จริงก็ไม่ได้อยากเฉียดแตะเท่าไหร่ แต่เส้นทางนี้เป็นระยะทางที่สั้นที่สุดไปยังที่นั่ง ขณะเดินผ่าน ฉันเหลือบมองสาวผมบลอนด์

หญิงสาวที่ฉันเกลียด โอกุระ

วันก่อน ฉันพยายามใช้ความรุนแรงกับเธอ แม้การกระทำนั้นจะจบลงด้วยความล้มเหลว แต่หากฉันทำมันสำเร็จก็ไม่รู้สึกเสียใจเลยแม้แต่น้อย นั่นก็เพราะฉันเกลียดผู้หญิงที่ชื่อโอกุระคนนี้มาก

ขณะที่ฉันเหลือบตามอง——โอกุระก็มองมาที่ฉันเช่นกัน ทันทีที่เราสบสายตา ใบหน้าของโอกุระก็ซีดเผือดและหันหลังกลับ

ไม่ได้จ้องปานจะฆ่าแกงสักหน่อย แต่ก็ยอมรับว่าไหล่ฉันสั่นขณะกำหมัดที่ชุ่มเหงื่อเย็นแน่น

ฉันทำเกินไปไหมนะ?

ฉันคิดแบบนั้นครู่หนึ่ง แต่ถึงอย่างไร เธอก็เป็นหนึ่งในคนที่ต้อนให้คุรุมิซังจนมุม ดังนั้น ฉันจะไม่ระรานไปกว่านี้——แต่ก็จะไม่อ่อนโยนด้วยเช่นกัน เพราะบางทีคุรุมิซังคงไม่ยอมให้ฉันกดดันโอกุระไปมากกว่านี้แล้ว

เธอเป็นคนแบบนั้นแหละ ไม่น่าแปลกใจเลยหากเธอยื่นมือออกไป จะว่าเป็นคนดีเกินไปหรือยังไงล่ะ แต่นั่นก็เป็นจุดที่ฉันชอบเธอนั่นแหละนะ

ฉันละสายตาจากโอกุระและนั่งลงบนเก้าอี้

โฮมรูมแสนน่าเบื่อของอาจารย์โมโนเบะจบลง ทุกคนเริ่มเตรียมตัวสำหรับคาบต่อไป ไม่ก็พูดคุยกับเพื่อนๆ ฉันเองก็คุยกับคุรุมิซังด้วยเช่นกัน

“รักทางไกลเนี่ยลำบากจังเนอะ”
“ห้องเรียนนี่มันไม่กี่เมตรเองนะ”

ขณะพูดคุยกับคุรุมิซังตามปกติ ฉันมองไปรอบๆเพื่อทำความเข้าใจสถานการณ์ปัจจุบันในห้องเรียน ก่อนหน้านี้ฉันไม่รู้เพราะอยู่ระหว่างโฮมรูม แต่ตอนนี้เป็นเวลาพัก『บรรยากาศ』ของชั้นเรียนซึ่งจะไม่ปรากฏต่อหน้าอาจารย์ก็ได้เริ่มขึ้น เดาได้ไม่ยากจากปฏิกิริยาของโอกุระ ว่าเหตุการณ์เมื่อวานต้องมีผลกระทบบางอย่าง ดังนั้นฉันจึงตรวจสอบความเปลี่ยนแปลงนั้น

——ทันใดนั้นฉันก็รู้สึกประหลาด

ขณะกำลังสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น ฉันก็ได้ยินเสียงแว่วจากด้านหลังก่อนจะได้หาคำตอบ นั่นคืออาจารย์โมโนเบะที่ควรจะออกจากห้องเรียนไปแล้ว เขามองลอดผ่านหน้าต่างจากโถงทางเดินโดยถือหนังสือไว้ข้างหนึ่ง

“เฮ้ เจ้าพวกมาสาย ฉันต้องสอบปากเรื่องหนีเรียนเมื่อวาน มาที่ห้องแนะแนวในช่วงพักเที่ยงด้วย”
“คือว่า ขออภัยด้วยจริงๆครับ ผมมีแผนจะสานสัมพันธ์รักกับคุรุมิซังให้ลึกซึ้งยิ่งกว่าเดิมในช่วงพักเที่ยง เพราะงั้นช่วยละเว้นกันหน่อยได้ไหมครับ…”
“ลึกซึ้งอะไร!? ว่าแต่มันไม่ได้มีความสัมพันธ์รักอะไรนั่นมาตั้งแต่แรกแล้วต่างหาก!?”
“จริงเหรอ?”
“อ-อะไรล่ะ?”
“ไม่มีความรักที่ลึกซึ้งกันจริงๆน่ะเหรอ?”

ฉันจ้องมองพลางค่อยๆยื่นใบหน้าเข้าไปใกล้ เธอหน้าแดงระเรื่อและส่ายหน้า

“ม-ไม่มีหรอก! ไม่ได้ต้องการสักหน่อย!”

อย่างกับเด็ก แต่น่ารักเป็นบ้า คุรุมิซังเป็นสาวงามมากกว่าน่ารัก ดังนั้นการแสดงออกแบบเด็กไร้เดียงสาของเธอจึงทำให้หัวใจฉันเต้นแรงอย่างประหลาด หรือที่อยากจะพูดก็คือ——

“คุรุมิซัง สาบานเลยว่าจะทำให้เธอมีความสุขให้ได้อย่างแน่นอน”
“จู่ๆอย่ามาตัดสินใจอะไรประหลาดๆสิยะ!”
“อ่า ขอโทษที่ขัดจังหวะการจู๋จี๋นะ โคกะ เธอก็มาด้วย พวกเธอหนีตามกันไปสองคนนี่นะ?”
“ถ้ากับคุรุมิซังล่ะก็ที่ไหนก็จะบุกน้ำลุยไฟไป ห้องแนะแนวสินะ เข้าใจแล้วครับ”
“ม-แม้แต่อาจารย์ก็ด้วย…น้ำตามัน น้ำตามันนน…”

เมื่อเหลือบไปด้านข้างซึ่งคุรุมิซังกำลังกุมศีรษะลงบนโต๊ะ อาจารย์โมโนเบะทาบมือไว้ระหว่างคิ้วและถอนหายใจ พลางพูดขณะหันหลังให้เราและเดินออกจากห้องเรียนไป

“เฮ้อ…ยังไงก็บอกแล้ว อย่าลืมมาล่ะทั้งสองคน”

ฉันมองอาจารย์โมโนเบะซึ่งโบกมืออย่างหน่ายใจแล้วสนทนากับคุรุมิซังต่อ

***

ในช่วงพักกลางวัน ฉันกับคุรุมิซังเดินไปที่ห้องแนะแนวนักเรียน
เมื่อเคาะประตู อาจารย์โมโนเบะก็ส่งเสียงตอบ ฉันจึงเข้าไปนั่งบนเก้าที่ถูกเตรียมเอาไว้ เขาเริ่มพูดด้วย “อย่างที่พูดไปเมื่อเช้า” และเริ่มสอบถามเกี่ยวกับเหตุการณ์โดดหนีเรียนเมื่อวาน

ครู่หนึ่ง ฉันไม่รู้ว่าจะอธิบายว่ายังไงดี
รู้ดีว่าคุรุมิซังถูกกลั่นแกล้ง แต่ไม่สามารถทำอะไรได้เลย เพียงแค่รู้เท่านั้น ในแง่ของจุดยืน คิดว่าคงใกล้เคียงกับคิริชิมะคุงที่สุด รู้และต้องการหยุดมัน เพียงแต่ไม่สามารถหาวิธีได้

แม้จะพูดว่า “หยุดการกลั่นแกล้งได้แล้ว” กับการกลั่นแกล้งในชั้นเรียน ก็ไม่มีผลแม้แต่น้อย และหากใช้วิธีแปลกๆ การกลั่นแกล้งอาจทวีความรุนแรงมากขึ้นไปอีก ดังนั้นจึงทำได้เพียงเฝ้ามองดูเงียบๆ

หากต้องการจะทำจริงๆ ต้องลงมือด้วยความเตรียมใจที่จะต้องเป็นศัตรูกับทุกคนที่ไม่ใช่บุคคลนั้น อย่างที่ฉันทำอยู่ตอนนี้ แต่ท้ายที่สุดแล้ว ศัตรูกลับไม่ใช่ 『ผู้กลั่นแกล้ง』แต่เป็น『บรรยากาศที่กลั่นแกล้ง』

ฉันควรบอกกับเขาถึงจุดไหนดี?
เรื่องการกลั่นแกล้ง เรื่องโอกุระ เรื่องที่ถูกเทน้ำใส่——หรือเรื่องพยายามฆ่าตัวตาย

เรื่องอะไรควรพูด เรื่องอะไรไม่ควรพูด ขณะที่กำลังคิดเรื่องนั้น คุรุมิซังก็กุมมือฉันไว้ ฉันที่กำลังจะถามว่าเกิดอะไรขึ้น——เธอกลับเปิดปากและเริ่มอธิบาย

เธอไม่ได้พูดอะไรเกี่ยวกับการฆ่าตัวตาย ตัวสั่นเครือขณะพูดเรื่องการกลั่นแกล้ง พลางจับมือฉันแน่น ดังนั้นฉันจึงส่งแรงนั้นกลับไป เป็นสัญญาณว่าฉันอยู่เคียงข้างเธอ

ไม่นานนักการจับก็เปลี่ยนรูปร่าง และก่อนจะรู้ตัว เรียวนิ้วเราก็ประสานกัน——เป็นสิ่งที่เรียกว่าการจับมือแบบคู่รัก

“——เพราะงั้น เขาจึงพาฉันที่ตัวเปียกโชกกลับบ้านค่ะ”

แม้จะได้พูดอะไรมากมาย แต่คุรุมิซังเหนื่อยล้ามาก ฉันจึงพูดได้เพียงปลอบโยน

“พยายามได้ดีมาก”
“…ฉันไม่อยากโดนช่วยเหลืออยู่ฝ่ายเดียวนี่นา”

นี่ล่ะคุรุมิซัง

“ก่อนอื่น ฉันเข้าใจสถานการณ์แล้ว ใช่ว่าทุกอย่างจะได้รับความชื่นชม แต่——โคกะ ขอโทษนะที่ช่วยอะไรเธอไม่ได้เลย”

อาจารย์วางมือลงบนเข่าและก้มโค้งศีรษะลงต่ำ

“ม-ไม่หรอกค่ะ เรื่องนั้น…”

หลังคำนับให้คุรุมิซัง อาจารย์ก็ปรับท่าทางแล้วหันมาทางฉัน

“เธอก็ด้วยนะ ขอบคุณที่ช่วยโคกะไว้”
“…ครับ”

เป็นความรู้สึกที่ซับซ้อน ฉันเป็นเพียงคนที่ทำได้เพียงมองดูคุรุมิซังเสียจุดยืนในห้องเรียน แม้ตอนนี้ฉันตัดสินใจที่จะรักและช่วยเหลือคุรุมิซังมากกว่าสิ่งอื่นใด แต่จนกระทั่งไม่นานมานี้ ฉันก็ไม่ได้ต่างอะไรจากอาจารย์เลย

นั่นเป็นเหตุผลที่ฉันไม่แน่ใจว่าเป็นคนที่สมควรได้รับคำขอบคุณหรือไม่

“…ไม่รู้หรอกนะว่ากำลังคิดอะไรอยู่ แต่อย่างน้อยนายก็ทำได้ดีแล้วล่ะ ไม่อย่างนั้น ผลลัพธ์นี่ในตอนนี้ก็คงไม่เกิดขึ้นหรอกมาจริงไหม?”

อาจารย์เลิกคิ้วข้างหนึ่งแล้วชี้ระหว่างฉันกับคุรุมิซัง
เมื่อมองไปที่จุดนั้นก็พบกับมือที่กุมแน่น ฉันมองแล้วหันไปหาคุรุมิซัง จากนั้นก็สบสายตากับเธอ

“…อะ”

ใบหน้าของคุรุมิซังค่อยๆแปรเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ และพยายามผละมือออกจากฉันอย่างบางเบา แต่ฉันไม่สนใจกลับคว้าไว้แน่นและกล่าวกับอาจารย์

“นั่นสินะครับ…ถ้าอย่างงั้นก็ดีแล้วล่ะ! จะแสดงให้เห็นเองว่าเราสามารถเอาชนะฝ่าฟันวิกฤตินี้ไปได้ ด้วยพลังแห่งความรักของพวกเรา! แล้วจากนั้นเราก็จะแต่งงานกัน! เดี๋ยวจะส่งบัตรเชิญงานแต่งให้ เพราะฉะนั้นต้องมาให้ได้นะครับ!”
“เรานี่อะไร!? ฉ-ฉันไม่ได้รักอะไรสักหน่อย! ว่าแต่ฉันไม่แต่งงานด้วยหรอกย่ะ!”
“ยังขี้อายเหมือนเดิมเลยน้า~”
“มะ ไม่ได้อายสักหน่อย!?”
“เฮ้ย พวกเธอ อย่ามาเป็นคู่รักการเลาะกันแถวนี้สิ”
“อาจารย์!?”

อาจารย์พูดต่อโดยไม่สนใจคุรุมิซังที่กำลังประหลาดใจ

“ยังไงก็ตาม ครั้งนี้ฉันไม่โทษว่าพวกเธอผิดหรอก ทั้งคู่กลับไปที่ห้องเรียนเถอะ”
“ค้าบ”

ขณะขานตอบอย่างยืดยาว ฉันก็ออกมาจากห้องแนะแนวกับคุรุมิซังซึ่งพึมพำกับตัวเองด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาที่ไม่มีใครได้ยิน

“ค-คู่รักทะเลาะกัน…? …ม-ไม่ได้มีความสุขหรอกนะ ไม่ได้มีความสุขอะไรสักหน่อย”

—————
แต่งอย่าลืมส่งบัตรเชิญมาด้วยล่ะ
(╬▔皿▔)╯
 

ปล.ผมอาจจะไม่ค่อยได้อัพบนเว็บเท่าไหร่ อาจจะลงดองในเพจก่อนแล้วลงทีเดียวแบบครั้งนี้ ถ้าถามว่าทำไม ก็เพราะขี้เกี้ยจลงหลายที่ครับ

คนเหงาและง่วง | Facebook

—————

 

แปลผิดตรงไหนขออภัย พอดีไม่ช่ำ

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+