[WN ]Ore no Oyome-san, Hentai Kamo Shirenai: Zero Kyori datta Osananajimi, Kekkon Shita Totan Sokuochi Shite Ore ni Muchuu desu 1.1 เรามาแต่งงานกันเถอะ! (1)

Now you are reading [WN ]Ore no Oyome-san, Hentai Kamo Shirenai: Zero Kyori datta Osananajimi, Kekkon Shita Totan Sokuochi Shite Ore ni Muchuu desu Chapter 1.1 เรามาแต่งงานกันเถอะ! (1) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 1—เรามาแต่งงานกันเถอะ !

 

 

.

 

.

 

.

 

“นายอยากซื้อลอตเตอรี่กับฉันมั้ย..?”

 

ผมเดาว่าเธอคงมีเงินไม่พอที่จะซื้อลอตเตอรี่ด้วยตัวคนเดียวอย่างแน่นอน

 

มิตะ ซูซูกะ เพื่อนสมัยเด็กที่เอาแต่ใจของผม จู่ๆ ก็ถามขึ้นด้วยท่าทางน่าสงสาร

 

“ฉัน—ไม่ซื้อให้..”

 

“นายลองคิดดูสิ ถ้าเราถูกลอตเตอรี่ใช่มะ ฉันกับยูกิจะได้แบ่งกันคนละครึ่ง เราจะได้รางวัล300ล้าน แล้วก็เราจะได้คนละ150ล้าน! หลังจากนั้นชีวิตที่เหลือของเราสองคนจะมีแต่ความราบรื่นยังไงล่ะ”

 

“ฉันจะตามใจเธอแค่ครั้งนี้ครั้งเดียวนะ…”

 

คำว่า”ครึ่ง”

 

อย่างไรก็ตาม ผมยื่นมือไปหาเธอและมอบเงิน 150 เยนให้—ครึ่งหนึ่งของ 300 เยนต่อล็อต

 

เมื่อได้รับเงินแล้ว ซูซูกะ เพื่อนสมัยเด็กของผมรีบวิ่งไปที่ตู้ลอตเตอรีทันที

 

“ลอตเตอรี่” อันที่จริง มันเป็นของที่แม้แต่นักเรียนมัธยมก็ซื้อได้

 

ผมได้ยินมาว่าร้านค้าบางแห่งปฏิเสธที่จะขายลอตเตอรี่ให้นักเรียนมัธยมปลาย

 

ผมหวังว่าที่นี่เขาคงจะไม่ปฏิเสธเธอนะ —แล้วผมก็รอเป็นเวลาประมาณหนึ่งนาที

 

“ฉันซื้อใบนี้ค่ะ”

 

“รับทราบแล้วค่ะ!”

 

…หลังจากนั้นผมกับซูซุกะก็เดินกลับบ้านด้วยกัน—

 

[เราไม่รู้ว่าการซื้อลอตเตอรี่ในวันนี้เพียงวันเดียวจะเปลี่ยนชีวิตเราไปตลอดกาล…]

 

 

(ในเวลาต่อมา…)

 

เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว กว่าผมจะรู้ตัว ปีใหม่ก็มาถึงแล้ว…

 

ตอนนี้ผมกำลังคิดเกี่ยวกับตั๋วลอตเตอรีที่ซื้อโดยไม่ได้ตั้งใจ

 

ผมเพิ่งกลับมาจากบ้านแม่ แต่อยากทราบผล เลยไปบ้านซูซูกะเพื่อถามเกี่ยวกับเรื่องนั้น

 

“สวัสดีปีใหม่จ้า”

 

“อึม..สวัสดีปีใหม่”

 

ผมเป็นคนค่อนข้าวสุภาพ แล้วพูด “สวัสดี” ตอบกลับไปแบบสบายๆ

 

เราเป็นเพื่อนสมัยเด็ก นี่เป็นเรื่องปกติ..

 

ผมไม่รู้ว่าต้องทำยังไงต่อจากนี้..

 

“โธ่..อย่างน้อยนายก็ควรอวยพรปีใหม่ให้กับฉันหน่อยซี้~”

 

“เธอน่ะเก่งทุกอย่างอยู่แล้ว ไม่ต้องพึ่งอะไรพวกนั้นหรอกรู้มั้ย..”

 

“ตอนนี้ฉันกำลังแข่งกับยูกิเรื่องที่จะเข้ามหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงอยู่นะลืมแล้วรึยัง!”

 

“ครับ-ครับ แล้วลอตเตอรี่ที่ซื้อมาตอนสิ้นปีอยู่ไหนเหรอ…ถึงจะรู้ว่ามันไม่ถูกแต่ยังไงมันก็คาใจอยู่ดี..”

 

หลังจากซูซูกะยิ้มน้อยๆให้ความรู้สึกเหมือนผมเป็นเด็ก—ซูซูกะก็หยิบถุงลอตเตอรีและพูดราวกับว่าเธอพึ่งนึกขึ้นได้

 

“ยังไงก็ซะ วันที่ 5 มกราคม ฉันยังไม่ได้ไปฮัตสึโมเดะเลย..”

 

***ฮัตสึโมเดะ เป็นการไปศาลเจ้าครั้งแรกในปีใหม่ (ประเพณีของญี่ปุ่น)

 

ผมยังเป็นนักเรียนเตรียมสอบ เป็นเรื่องธรรมดาที่อย่างน้อยผมก็ควรขอพรจากเทพเจ้า

 

นั่นเป็นเหตุผลที่ผมตัดสินใจพา ซูซูกะไปที่ ฮัตสึโมเดะ แม้ว่าจะเลยเวลามาแล้วก็ตาม

 

ผมให้ซูซูกะเปลี่ยนชุดเป็นชุดนอน แล้วเราก็เริ่มเดินไปที่ศาลเจ้าใกล้ๆ

 

ขณะที่เราเดิน ซูซูกะเริ่มตรวจสอบหมายเลขที่ออกในโทรศัพท์ของเธอ

 

 

“…!!ฮึ”

 

“ซูซูกะ มีอะไรเหรอ”

 

“ย-ยูกิ..ฉันคิดว่าฉันโดนแล้ว!??”

 

“หึ..ฉันคิดว่าเธอหลอกผิดคนแล้วล่ะ เธอจงใจพูดเกินจริงทำให้ฉันตกใจอยู่รึเปล่า—ไหน..เอามานี่ซิ”

 

ผมหยิบโทรศัพท์ของ ซูซูกะ และตั๋วลอตเตอรีแล้วตรวจดูว่าถูกรางวัลหรือไม่

 

มาดูกัน เลขออก 56 คู่ 123456734…

 

“….”

 

“เห็นอะไรรึเปล่า…”

 

“มันแย่..ใช่มั้ย”

 

“ใช่…มันแย่จริงๆ”

 

ใช่ เราซื้อลอตเตอรีด้วยกัน

 

ใครจะไปคิดว่าเราจะถูกรางวัลสูงสุด…?

 

….

 

 

“ก่อนอื่น เรามาคุยเรื่องนี้กันดีกว่า..”

 

เราตัดสินใจไม่ไปฮัตสึโมเดะ—

 

วันที่ 5 มกราคม เราเดินเข้าไปในร้านอาหารครอบครัวที่เปิดทำการอย่างสมบูรณ์ในวันปีใหม่ และเริ่มพูดถึงเรื่องอนาคต

 

“….เราจะเอายังไงกันดี”

 

“ในเมื่อเราทั้งคู่ซื้อมันมาทำไมเราไม่แบ่งกันคนละ150ล้านล่ะ..”

 

“ไม่..ฉันหมายถึงว่าใครควรจะเป็นเจ้าของมัน นายหรือว่าฉัน..”

 

“เอ๊ะ..เราทั้งคู่ซื้อมันมา ดังนั้นมันสำหรับเราทั้งคู่ อย่าถามอะไรแบบนั้น สิ..”

 

ตอนนี้จิตใจของผมไม่สามารถสงบได้อีกแล้ว

 

“ซูซูกะ… ฉันก็เป็นคนช่วยซื้อลอตเตอรีนั่น! อย่าบอกนะว่าฉันไม่มีสิทธิ์เป็นเจ้าของมัน?”

 

แม้ว่าพวกเขาจะเป็นเพื่อนในวัยเด็ก แต่เราก็เป็นคนแปลกหน้าเช่นกัน หากเป็นเงินจำนวนมาก ก็มีโอกาสถูกหักหลังได้เสมอ

 

ถ้าเกิดว่าเราตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ มันก็เสี่ยง ที่จะโดนมองจากอีกฝ่ายว่าเป็นคนน่าสงสัย

 

“ไม่จริง!! ยูกิคิดแบบนั้นเหรอ..”

 

“เอ๊ะ..”

 

อารมณ์เริ่มขุ่นเคือง

 

จากนั้นผมก็จำบางอย่างขึ้นได้

 

“ภาษี…”

 

ใช่… ถูกตัอง. พวกเราคนใดคนหนึ่งต้องยอมรับของในนามของอีกฝ่ายหนึ่ง และหากต้องมอบของให้อีกคนหนึ่ง อาจต้องจ่ายภาษี ซึ่งนั่นก็คือเงินจำนวนมาก

 

เป็นภาษีที่เราต้องจ่ายเมื่อต้องการให้เงินจำนวนมากแก่ผู้อื่นตามสัดส่วนที่พวกเขาได้รับ

 

ปลอดภาษีสูงถึง 1 ล้านเยนต่อปี ผมได้ยินมาว่าจะได้รับการยกเว้นภาษีสูงสุด 1 ล้านเยนต่อปี แต่ถ้าเกินจำนวนนั้น จะมีการเรียกเก็บภาษีในอัตราที่สูงมาก

 

“ถ้าเราแบ่งกันตามจำนวนนั้น จำนวนภาษีที่เราต้องจ่ายมันก็…เอาเป็นว่าเราเสียเงินจำนวนมาก!”

 

“ฮือ…เราจะทำยังไงกันดี”

 

ซูซูกะ กับผมกำลังพยายามอย่างเต็มที่เพื่อเข้ามหาวิทยาลัยที่ท้าทายที่สุด

 

น่าเสียดายที่ตอนนี้เรายังเป็นเด็ก เรายังไม่ค่อยรู้เรื่องภาษีและเงินมากนัก

 

เราคิดที่จะพูดคุยกับพ่อแม่เกี่ยวกับเรื่องนี้ และตัดสินใจไม่เสียภาษี

 

อายุ18ปี ในสายตาของคนรอบข้างถือว่าพวกเราเติบโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว ในฐานะนักเรียนมัธยมปลาย ซูซูกะกับผมได้ฉลองวันเกิดของเราแล้วและเข้าสู่อายุ 18 ปีอย่างสมบูรณ์

 

….พ่อแม่ของเราแทบไม่มีสิทธิ์จัดการทรัพย์สินของเรา

 

แม้ว่าจะต้องพูดคุยกับพ่อแม่ เห็นได้ชัดว่าเงินจะถูกยึดหรือควบคุมในทางใดทางหนึ่งในอนาคต

 

“ยูกิ เราจะทำยังไงกับภาษีนี่ดี…”

 

 

“ฉันว่าฉันรู้แล้วว่าต้องทำยังไงกับเรื่องนี้..”

 

“อะไรเหรอ…?”

 

ผมไม่ได้พึ่งพาความจริงที่ว่าเรามีอุปกรณ์อำนวยความสะดวกที่เรียกว่าสมาร์ทโฟน และผมคิดสิ่งต่าง ๆ ด้วยความคิดของผมเองโดยไม่คำนึงถึงอะไรก่อน

 

…สุดท้ายผมก็ได้ข้อสรุปที่ไร้สาระเอามากๆ

 

“การแต่งงาน!’

 

“เอ….เอ๊ะ.!!??..”

 

 

“จู่ๆนายก็พูดอะไรออกมาแบบกระทันหันกันน่ะยูกิ—!”

 

“ไม่ ฉันคิดว่าถ้าเราแบ่งเงินด้วยกันหลังจากแต่งงาน เราจะสามารถใช้มันเป็นทรัพย์สินร่วมกันได้โดยอิสระโดยไม่ต้องเสียภาษี”

 

“เอาจริงเหรอ..แต่การแต่งงาน..นายก็รู้ ไม่ใช่ว่าเราเป็นคู่รัก เราเป็นแค่เพื่อนสมัยเด็ก ฉันไม่แน่ใจว่ามันจะดีรึเปล่า..”

 

“แต่ถ้าเราแต่งงานกัน พวกเราคนใดคนหนึ่งก็ไม่สามารถยืนกรานว่าลอตเตอรีนี้เป็นของตัวเอง และเราสามารถหลีกเลี่ยงการโดนหักหลังได้!”

 

มันเป็นความคิดที่อุกอาจ

 

เป็นความคิดที่ดี แต่ก็ไม่ใช่ความคิดที่ดีสำหรับเราสองคนที่ไร้เดียงสาทั้งคู่

 

“ถ้างั้น..ยูกิแต่งงานกับฉันได้ไหม..”

 

“….”

 

“…..”

 

….

 

“อะ..อึม—มาแต่งงานกันเถอะ”

 

[ภาษี…]

 

ผมอดไม่ได้ที่จะนึกถึงคำนั้นที่จู่ๆ ก็ผุดขึ้นมาในหัว

 

ดูเหมือนซูซูกะจะเห็นด้วยกับผม และเราทั้งคู่ก็มองหน้ากันอย่างใกล้ชิด

 

เมื่อเห็นสีหน้าที่ตกลงกันบนใบหน้าของซูซูกะ ผมจผมจึงตัดสินใจประกาศขึ้นอย่างชัดเจน—

 

“มิตะ ซูซูกะ แต่งงานกับฉันเถอะนะ”

 

“อึ้ม!…ตกลงฉันจะแต่งงานกับนาย!”

 

 

 

**ช่วงต้นๆมันก็จะน่าเบื่อหน่อยน้า~ ขอให้ผ่านไปให้ได้สู้ๆ อยู่ด้วยกันก่อน!

 

 

จบ~ตอน!! เรื่องราวจะเป็นอย่างไรต่อไปนั้น..ไม่รู้เหมือนกันอ่านไม่จบ—

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

[WN ]Ore no Oyome-san, Hentai Kamo Shirenai: Zero Kyori datta Osananajimi, Kekkon Shita Totan Sokuochi Shite Ore ni Muchuu desu 1.1 เรามาแต่งงานกันเถอะ! (1)

Now you are reading [WN ]Ore no Oyome-san, Hentai Kamo Shirenai: Zero Kyori datta Osananajimi, Kekkon Shita Totan Sokuochi Shite Ore ni Muchuu desu Chapter 1.1 เรามาแต่งงานกันเถอะ! (1) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 1—เรามาแต่งงานกันเถอะ !

 

 

.

 

.

 

.

 

“นายอยากซื้อลอตเตอรี่กับฉันมั้ย..?”

 

ผมเดาว่าเธอคงมีเงินไม่พอที่จะซื้อลอตเตอรี่ด้วยตัวคนเดียวอย่างแน่นอน

 

มิตะ ซูซูกะ เพื่อนสมัยเด็กที่เอาแต่ใจของผม จู่ๆ ก็ถามขึ้นด้วยท่าทางน่าสงสาร

 

“ฉัน—ไม่ซื้อให้..”

 

“นายลองคิดดูสิ ถ้าเราถูกลอตเตอรี่ใช่มะ ฉันกับยูกิจะได้แบ่งกันคนละครึ่ง เราจะได้รางวัล300ล้าน แล้วก็เราจะได้คนละ150ล้าน! หลังจากนั้นชีวิตที่เหลือของเราสองคนจะมีแต่ความราบรื่นยังไงล่ะ”

 

“ฉันจะตามใจเธอแค่ครั้งนี้ครั้งเดียวนะ…”

 

คำว่า”ครึ่ง”

 

อย่างไรก็ตาม ผมยื่นมือไปหาเธอและมอบเงิน 150 เยนให้—ครึ่งหนึ่งของ 300 เยนต่อล็อต

 

เมื่อได้รับเงินแล้ว ซูซูกะ เพื่อนสมัยเด็กของผมรีบวิ่งไปที่ตู้ลอตเตอรีทันที

 

“ลอตเตอรี่” อันที่จริง มันเป็นของที่แม้แต่นักเรียนมัธยมก็ซื้อได้

 

ผมได้ยินมาว่าร้านค้าบางแห่งปฏิเสธที่จะขายลอตเตอรี่ให้นักเรียนมัธยมปลาย

 

ผมหวังว่าที่นี่เขาคงจะไม่ปฏิเสธเธอนะ —แล้วผมก็รอเป็นเวลาประมาณหนึ่งนาที

 

“ฉันซื้อใบนี้ค่ะ”

 

“รับทราบแล้วค่ะ!”

 

…หลังจากนั้นผมกับซูซุกะก็เดินกลับบ้านด้วยกัน—

 

[เราไม่รู้ว่าการซื้อลอตเตอรี่ในวันนี้เพียงวันเดียวจะเปลี่ยนชีวิตเราไปตลอดกาล…]

 

 

(ในเวลาต่อมา…)

 

เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว กว่าผมจะรู้ตัว ปีใหม่ก็มาถึงแล้ว…

 

ตอนนี้ผมกำลังคิดเกี่ยวกับตั๋วลอตเตอรีที่ซื้อโดยไม่ได้ตั้งใจ

 

ผมเพิ่งกลับมาจากบ้านแม่ แต่อยากทราบผล เลยไปบ้านซูซูกะเพื่อถามเกี่ยวกับเรื่องนั้น

 

“สวัสดีปีใหม่จ้า”

 

“อึม..สวัสดีปีใหม่”

 

ผมเป็นคนค่อนข้าวสุภาพ แล้วพูด “สวัสดี” ตอบกลับไปแบบสบายๆ

 

เราเป็นเพื่อนสมัยเด็ก นี่เป็นเรื่องปกติ..

 

ผมไม่รู้ว่าต้องทำยังไงต่อจากนี้..

 

“โธ่..อย่างน้อยนายก็ควรอวยพรปีใหม่ให้กับฉันหน่อยซี้~”

 

“เธอน่ะเก่งทุกอย่างอยู่แล้ว ไม่ต้องพึ่งอะไรพวกนั้นหรอกรู้มั้ย..”

 

“ตอนนี้ฉันกำลังแข่งกับยูกิเรื่องที่จะเข้ามหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงอยู่นะลืมแล้วรึยัง!”

 

“ครับ-ครับ แล้วลอตเตอรี่ที่ซื้อมาตอนสิ้นปีอยู่ไหนเหรอ…ถึงจะรู้ว่ามันไม่ถูกแต่ยังไงมันก็คาใจอยู่ดี..”

 

หลังจากซูซูกะยิ้มน้อยๆให้ความรู้สึกเหมือนผมเป็นเด็ก—ซูซูกะก็หยิบถุงลอตเตอรีและพูดราวกับว่าเธอพึ่งนึกขึ้นได้

 

“ยังไงก็ซะ วันที่ 5 มกราคม ฉันยังไม่ได้ไปฮัตสึโมเดะเลย..”

 

***ฮัตสึโมเดะ เป็นการไปศาลเจ้าครั้งแรกในปีใหม่ (ประเพณีของญี่ปุ่น)

 

ผมยังเป็นนักเรียนเตรียมสอบ เป็นเรื่องธรรมดาที่อย่างน้อยผมก็ควรขอพรจากเทพเจ้า

 

นั่นเป็นเหตุผลที่ผมตัดสินใจพา ซูซูกะไปที่ ฮัตสึโมเดะ แม้ว่าจะเลยเวลามาแล้วก็ตาม

 

ผมให้ซูซูกะเปลี่ยนชุดเป็นชุดนอน แล้วเราก็เริ่มเดินไปที่ศาลเจ้าใกล้ๆ

 

ขณะที่เราเดิน ซูซูกะเริ่มตรวจสอบหมายเลขที่ออกในโทรศัพท์ของเธอ

 

 

“…!!ฮึ”

 

“ซูซูกะ มีอะไรเหรอ”

 

“ย-ยูกิ..ฉันคิดว่าฉันโดนแล้ว!??”

 

“หึ..ฉันคิดว่าเธอหลอกผิดคนแล้วล่ะ เธอจงใจพูดเกินจริงทำให้ฉันตกใจอยู่รึเปล่า—ไหน..เอามานี่ซิ”

 

ผมหยิบโทรศัพท์ของ ซูซูกะ และตั๋วลอตเตอรีแล้วตรวจดูว่าถูกรางวัลหรือไม่

 

มาดูกัน เลขออก 56 คู่ 123456734…

 

“….”

 

“เห็นอะไรรึเปล่า…”

 

“มันแย่..ใช่มั้ย”

 

“ใช่…มันแย่จริงๆ”

 

ใช่ เราซื้อลอตเตอรีด้วยกัน

 

ใครจะไปคิดว่าเราจะถูกรางวัลสูงสุด…?

 

….

 

 

“ก่อนอื่น เรามาคุยเรื่องนี้กันดีกว่า..”

 

เราตัดสินใจไม่ไปฮัตสึโมเดะ—

 

วันที่ 5 มกราคม เราเดินเข้าไปในร้านอาหารครอบครัวที่เปิดทำการอย่างสมบูรณ์ในวันปีใหม่ และเริ่มพูดถึงเรื่องอนาคต

 

“….เราจะเอายังไงกันดี”

 

“ในเมื่อเราทั้งคู่ซื้อมันมาทำไมเราไม่แบ่งกันคนละ150ล้านล่ะ..”

 

“ไม่..ฉันหมายถึงว่าใครควรจะเป็นเจ้าของมัน นายหรือว่าฉัน..”

 

“เอ๊ะ..เราทั้งคู่ซื้อมันมา ดังนั้นมันสำหรับเราทั้งคู่ อย่าถามอะไรแบบนั้น สิ..”

 

ตอนนี้จิตใจของผมไม่สามารถสงบได้อีกแล้ว

 

“ซูซูกะ… ฉันก็เป็นคนช่วยซื้อลอตเตอรีนั่น! อย่าบอกนะว่าฉันไม่มีสิทธิ์เป็นเจ้าของมัน?”

 

แม้ว่าพวกเขาจะเป็นเพื่อนในวัยเด็ก แต่เราก็เป็นคนแปลกหน้าเช่นกัน หากเป็นเงินจำนวนมาก ก็มีโอกาสถูกหักหลังได้เสมอ

 

ถ้าเกิดว่าเราตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ มันก็เสี่ยง ที่จะโดนมองจากอีกฝ่ายว่าเป็นคนน่าสงสัย

 

“ไม่จริง!! ยูกิคิดแบบนั้นเหรอ..”

 

“เอ๊ะ..”

 

อารมณ์เริ่มขุ่นเคือง

 

จากนั้นผมก็จำบางอย่างขึ้นได้

 

“ภาษี…”

 

ใช่… ถูกตัอง. พวกเราคนใดคนหนึ่งต้องยอมรับของในนามของอีกฝ่ายหนึ่ง และหากต้องมอบของให้อีกคนหนึ่ง อาจต้องจ่ายภาษี ซึ่งนั่นก็คือเงินจำนวนมาก

 

เป็นภาษีที่เราต้องจ่ายเมื่อต้องการให้เงินจำนวนมากแก่ผู้อื่นตามสัดส่วนที่พวกเขาได้รับ

 

ปลอดภาษีสูงถึง 1 ล้านเยนต่อปี ผมได้ยินมาว่าจะได้รับการยกเว้นภาษีสูงสุด 1 ล้านเยนต่อปี แต่ถ้าเกินจำนวนนั้น จะมีการเรียกเก็บภาษีในอัตราที่สูงมาก

 

“ถ้าเราแบ่งกันตามจำนวนนั้น จำนวนภาษีที่เราต้องจ่ายมันก็…เอาเป็นว่าเราเสียเงินจำนวนมาก!”

 

“ฮือ…เราจะทำยังไงกันดี”

 

ซูซูกะ กับผมกำลังพยายามอย่างเต็มที่เพื่อเข้ามหาวิทยาลัยที่ท้าทายที่สุด

 

น่าเสียดายที่ตอนนี้เรายังเป็นเด็ก เรายังไม่ค่อยรู้เรื่องภาษีและเงินมากนัก

 

เราคิดที่จะพูดคุยกับพ่อแม่เกี่ยวกับเรื่องนี้ และตัดสินใจไม่เสียภาษี

 

อายุ18ปี ในสายตาของคนรอบข้างถือว่าพวกเราเติบโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว ในฐานะนักเรียนมัธยมปลาย ซูซูกะกับผมได้ฉลองวันเกิดของเราแล้วและเข้าสู่อายุ 18 ปีอย่างสมบูรณ์

 

….พ่อแม่ของเราแทบไม่มีสิทธิ์จัดการทรัพย์สินของเรา

 

แม้ว่าจะต้องพูดคุยกับพ่อแม่ เห็นได้ชัดว่าเงินจะถูกยึดหรือควบคุมในทางใดทางหนึ่งในอนาคต

 

“ยูกิ เราจะทำยังไงกับภาษีนี่ดี…”

 

 

“ฉันว่าฉันรู้แล้วว่าต้องทำยังไงกับเรื่องนี้..”

 

“อะไรเหรอ…?”

 

ผมไม่ได้พึ่งพาความจริงที่ว่าเรามีอุปกรณ์อำนวยความสะดวกที่เรียกว่าสมาร์ทโฟน และผมคิดสิ่งต่าง ๆ ด้วยความคิดของผมเองโดยไม่คำนึงถึงอะไรก่อน

 

…สุดท้ายผมก็ได้ข้อสรุปที่ไร้สาระเอามากๆ

 

“การแต่งงาน!’

 

“เอ….เอ๊ะ.!!??..”

 

 

“จู่ๆนายก็พูดอะไรออกมาแบบกระทันหันกันน่ะยูกิ—!”

 

“ไม่ ฉันคิดว่าถ้าเราแบ่งเงินด้วยกันหลังจากแต่งงาน เราจะสามารถใช้มันเป็นทรัพย์สินร่วมกันได้โดยอิสระโดยไม่ต้องเสียภาษี”

 

“เอาจริงเหรอ..แต่การแต่งงาน..นายก็รู้ ไม่ใช่ว่าเราเป็นคู่รัก เราเป็นแค่เพื่อนสมัยเด็ก ฉันไม่แน่ใจว่ามันจะดีรึเปล่า..”

 

“แต่ถ้าเราแต่งงานกัน พวกเราคนใดคนหนึ่งก็ไม่สามารถยืนกรานว่าลอตเตอรีนี้เป็นของตัวเอง และเราสามารถหลีกเลี่ยงการโดนหักหลังได้!”

 

มันเป็นความคิดที่อุกอาจ

 

เป็นความคิดที่ดี แต่ก็ไม่ใช่ความคิดที่ดีสำหรับเราสองคนที่ไร้เดียงสาทั้งคู่

 

“ถ้างั้น..ยูกิแต่งงานกับฉันได้ไหม..”

 

“….”

 

“…..”

 

….

 

“อะ..อึม—มาแต่งงานกันเถอะ”

 

[ภาษี…]

 

ผมอดไม่ได้ที่จะนึกถึงคำนั้นที่จู่ๆ ก็ผุดขึ้นมาในหัว

 

ดูเหมือนซูซูกะจะเห็นด้วยกับผม และเราทั้งคู่ก็มองหน้ากันอย่างใกล้ชิด

 

เมื่อเห็นสีหน้าที่ตกลงกันบนใบหน้าของซูซูกะ ผมจผมจึงตัดสินใจประกาศขึ้นอย่างชัดเจน—

 

“มิตะ ซูซูกะ แต่งงานกับฉันเถอะนะ”

 

“อึ้ม!…ตกลงฉันจะแต่งงานกับนาย!”

 

 

 

**ช่วงต้นๆมันก็จะน่าเบื่อหน่อยน้า~ ขอให้ผ่านไปให้ได้สู้ๆ อยู่ด้วยกันก่อน!

 

 

จบ~ตอน!! เรื่องราวจะเป็นอย่างไรต่อไปนั้น..ไม่รู้เหมือนกันอ่านไม่จบ—

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

[WN ]Ore no Oyome-san, Hentai Kamo Shirenai: Zero Kyori datta Osananajimi, Kekkon Shita Totan Sokuochi Shite Ore ni Muchuu desu 1.1 เรามาแต่งงานกันเถอะ! (1)

Now you are reading [WN ]Ore no Oyome-san, Hentai Kamo Shirenai: Zero Kyori datta Osananajimi, Kekkon Shita Totan Sokuochi Shite Ore ni Muchuu desu Chapter 1.1 เรามาแต่งงานกันเถอะ! (1) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 1—เรามาแต่งงานกันเถอะ !

 

 

.

 

.

 

.

 

“นายอยากซื้อลอตเตอรี่กับฉันมั้ย..?”

 

ผมเดาว่าเธอคงมีเงินไม่พอที่จะซื้อลอตเตอรี่ด้วยตัวคนเดียวอย่างแน่นอน

 

มิตะ ซูซูกะ เพื่อนสมัยเด็กที่เอาแต่ใจของผม จู่ๆ ก็ถามขึ้นด้วยท่าทางน่าสงสาร

 

“ฉัน—ไม่ซื้อให้..”

 

“นายลองคิดดูสิ ถ้าเราถูกลอตเตอรี่ใช่มะ ฉันกับยูกิจะได้แบ่งกันคนละครึ่ง เราจะได้รางวัล300ล้าน แล้วก็เราจะได้คนละ150ล้าน! หลังจากนั้นชีวิตที่เหลือของเราสองคนจะมีแต่ความราบรื่นยังไงล่ะ”

 

“ฉันจะตามใจเธอแค่ครั้งนี้ครั้งเดียวนะ…”

 

คำว่า”ครึ่ง”

 

อย่างไรก็ตาม ผมยื่นมือไปหาเธอและมอบเงิน 150 เยนให้—ครึ่งหนึ่งของ 300 เยนต่อล็อต

 

เมื่อได้รับเงินแล้ว ซูซูกะ เพื่อนสมัยเด็กของผมรีบวิ่งไปที่ตู้ลอตเตอรีทันที

 

“ลอตเตอรี่” อันที่จริง มันเป็นของที่แม้แต่นักเรียนมัธยมก็ซื้อได้

 

ผมได้ยินมาว่าร้านค้าบางแห่งปฏิเสธที่จะขายลอตเตอรี่ให้นักเรียนมัธยมปลาย

 

ผมหวังว่าที่นี่เขาคงจะไม่ปฏิเสธเธอนะ —แล้วผมก็รอเป็นเวลาประมาณหนึ่งนาที

 

“ฉันซื้อใบนี้ค่ะ”

 

“รับทราบแล้วค่ะ!”

 

…หลังจากนั้นผมกับซูซุกะก็เดินกลับบ้านด้วยกัน—

 

[เราไม่รู้ว่าการซื้อลอตเตอรี่ในวันนี้เพียงวันเดียวจะเปลี่ยนชีวิตเราไปตลอดกาล…]

 

 

(ในเวลาต่อมา…)

 

เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว กว่าผมจะรู้ตัว ปีใหม่ก็มาถึงแล้ว…

 

ตอนนี้ผมกำลังคิดเกี่ยวกับตั๋วลอตเตอรีที่ซื้อโดยไม่ได้ตั้งใจ

 

ผมเพิ่งกลับมาจากบ้านแม่ แต่อยากทราบผล เลยไปบ้านซูซูกะเพื่อถามเกี่ยวกับเรื่องนั้น

 

“สวัสดีปีใหม่จ้า”

 

“อึม..สวัสดีปีใหม่”

 

ผมเป็นคนค่อนข้าวสุภาพ แล้วพูด “สวัสดี” ตอบกลับไปแบบสบายๆ

 

เราเป็นเพื่อนสมัยเด็ก นี่เป็นเรื่องปกติ..

 

ผมไม่รู้ว่าต้องทำยังไงต่อจากนี้..

 

“โธ่..อย่างน้อยนายก็ควรอวยพรปีใหม่ให้กับฉันหน่อยซี้~”

 

“เธอน่ะเก่งทุกอย่างอยู่แล้ว ไม่ต้องพึ่งอะไรพวกนั้นหรอกรู้มั้ย..”

 

“ตอนนี้ฉันกำลังแข่งกับยูกิเรื่องที่จะเข้ามหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงอยู่นะลืมแล้วรึยัง!”

 

“ครับ-ครับ แล้วลอตเตอรี่ที่ซื้อมาตอนสิ้นปีอยู่ไหนเหรอ…ถึงจะรู้ว่ามันไม่ถูกแต่ยังไงมันก็คาใจอยู่ดี..”

 

หลังจากซูซูกะยิ้มน้อยๆให้ความรู้สึกเหมือนผมเป็นเด็ก—ซูซูกะก็หยิบถุงลอตเตอรีและพูดราวกับว่าเธอพึ่งนึกขึ้นได้

 

“ยังไงก็ซะ วันที่ 5 มกราคม ฉันยังไม่ได้ไปฮัตสึโมเดะเลย..”

 

***ฮัตสึโมเดะ เป็นการไปศาลเจ้าครั้งแรกในปีใหม่ (ประเพณีของญี่ปุ่น)

 

ผมยังเป็นนักเรียนเตรียมสอบ เป็นเรื่องธรรมดาที่อย่างน้อยผมก็ควรขอพรจากเทพเจ้า

 

นั่นเป็นเหตุผลที่ผมตัดสินใจพา ซูซูกะไปที่ ฮัตสึโมเดะ แม้ว่าจะเลยเวลามาแล้วก็ตาม

 

ผมให้ซูซูกะเปลี่ยนชุดเป็นชุดนอน แล้วเราก็เริ่มเดินไปที่ศาลเจ้าใกล้ๆ

 

ขณะที่เราเดิน ซูซูกะเริ่มตรวจสอบหมายเลขที่ออกในโทรศัพท์ของเธอ

 

 

“…!!ฮึ”

 

“ซูซูกะ มีอะไรเหรอ”

 

“ย-ยูกิ..ฉันคิดว่าฉันโดนแล้ว!??”

 

“หึ..ฉันคิดว่าเธอหลอกผิดคนแล้วล่ะ เธอจงใจพูดเกินจริงทำให้ฉันตกใจอยู่รึเปล่า—ไหน..เอามานี่ซิ”

 

ผมหยิบโทรศัพท์ของ ซูซูกะ และตั๋วลอตเตอรีแล้วตรวจดูว่าถูกรางวัลหรือไม่

 

มาดูกัน เลขออก 56 คู่ 123456734…

 

“….”

 

“เห็นอะไรรึเปล่า…”

 

“มันแย่..ใช่มั้ย”

 

“ใช่…มันแย่จริงๆ”

 

ใช่ เราซื้อลอตเตอรีด้วยกัน

 

ใครจะไปคิดว่าเราจะถูกรางวัลสูงสุด…?

 

….

 

 

“ก่อนอื่น เรามาคุยเรื่องนี้กันดีกว่า..”

 

เราตัดสินใจไม่ไปฮัตสึโมเดะ—

 

วันที่ 5 มกราคม เราเดินเข้าไปในร้านอาหารครอบครัวที่เปิดทำการอย่างสมบูรณ์ในวันปีใหม่ และเริ่มพูดถึงเรื่องอนาคต

 

“….เราจะเอายังไงกันดี”

 

“ในเมื่อเราทั้งคู่ซื้อมันมาทำไมเราไม่แบ่งกันคนละ150ล้านล่ะ..”

 

“ไม่..ฉันหมายถึงว่าใครควรจะเป็นเจ้าของมัน นายหรือว่าฉัน..”

 

“เอ๊ะ..เราทั้งคู่ซื้อมันมา ดังนั้นมันสำหรับเราทั้งคู่ อย่าถามอะไรแบบนั้น สิ..”

 

ตอนนี้จิตใจของผมไม่สามารถสงบได้อีกแล้ว

 

“ซูซูกะ… ฉันก็เป็นคนช่วยซื้อลอตเตอรีนั่น! อย่าบอกนะว่าฉันไม่มีสิทธิ์เป็นเจ้าของมัน?”

 

แม้ว่าพวกเขาจะเป็นเพื่อนในวัยเด็ก แต่เราก็เป็นคนแปลกหน้าเช่นกัน หากเป็นเงินจำนวนมาก ก็มีโอกาสถูกหักหลังได้เสมอ

 

ถ้าเกิดว่าเราตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ มันก็เสี่ยง ที่จะโดนมองจากอีกฝ่ายว่าเป็นคนน่าสงสัย

 

“ไม่จริง!! ยูกิคิดแบบนั้นเหรอ..”

 

“เอ๊ะ..”

 

อารมณ์เริ่มขุ่นเคือง

 

จากนั้นผมก็จำบางอย่างขึ้นได้

 

“ภาษี…”

 

ใช่… ถูกตัอง. พวกเราคนใดคนหนึ่งต้องยอมรับของในนามของอีกฝ่ายหนึ่ง และหากต้องมอบของให้อีกคนหนึ่ง อาจต้องจ่ายภาษี ซึ่งนั่นก็คือเงินจำนวนมาก

 

เป็นภาษีที่เราต้องจ่ายเมื่อต้องการให้เงินจำนวนมากแก่ผู้อื่นตามสัดส่วนที่พวกเขาได้รับ

 

ปลอดภาษีสูงถึง 1 ล้านเยนต่อปี ผมได้ยินมาว่าจะได้รับการยกเว้นภาษีสูงสุด 1 ล้านเยนต่อปี แต่ถ้าเกินจำนวนนั้น จะมีการเรียกเก็บภาษีในอัตราที่สูงมาก

 

“ถ้าเราแบ่งกันตามจำนวนนั้น จำนวนภาษีที่เราต้องจ่ายมันก็…เอาเป็นว่าเราเสียเงินจำนวนมาก!”

 

“ฮือ…เราจะทำยังไงกันดี”

 

ซูซูกะ กับผมกำลังพยายามอย่างเต็มที่เพื่อเข้ามหาวิทยาลัยที่ท้าทายที่สุด

 

น่าเสียดายที่ตอนนี้เรายังเป็นเด็ก เรายังไม่ค่อยรู้เรื่องภาษีและเงินมากนัก

 

เราคิดที่จะพูดคุยกับพ่อแม่เกี่ยวกับเรื่องนี้ และตัดสินใจไม่เสียภาษี

 

อายุ18ปี ในสายตาของคนรอบข้างถือว่าพวกเราเติบโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว ในฐานะนักเรียนมัธยมปลาย ซูซูกะกับผมได้ฉลองวันเกิดของเราแล้วและเข้าสู่อายุ 18 ปีอย่างสมบูรณ์

 

….พ่อแม่ของเราแทบไม่มีสิทธิ์จัดการทรัพย์สินของเรา

 

แม้ว่าจะต้องพูดคุยกับพ่อแม่ เห็นได้ชัดว่าเงินจะถูกยึดหรือควบคุมในทางใดทางหนึ่งในอนาคต

 

“ยูกิ เราจะทำยังไงกับภาษีนี่ดี…”

 

 

“ฉันว่าฉันรู้แล้วว่าต้องทำยังไงกับเรื่องนี้..”

 

“อะไรเหรอ…?”

 

ผมไม่ได้พึ่งพาความจริงที่ว่าเรามีอุปกรณ์อำนวยความสะดวกที่เรียกว่าสมาร์ทโฟน และผมคิดสิ่งต่าง ๆ ด้วยความคิดของผมเองโดยไม่คำนึงถึงอะไรก่อน

 

…สุดท้ายผมก็ได้ข้อสรุปที่ไร้สาระเอามากๆ

 

“การแต่งงาน!’

 

“เอ….เอ๊ะ.!!??..”

 

 

“จู่ๆนายก็พูดอะไรออกมาแบบกระทันหันกันน่ะยูกิ—!”

 

“ไม่ ฉันคิดว่าถ้าเราแบ่งเงินด้วยกันหลังจากแต่งงาน เราจะสามารถใช้มันเป็นทรัพย์สินร่วมกันได้โดยอิสระโดยไม่ต้องเสียภาษี”

 

“เอาจริงเหรอ..แต่การแต่งงาน..นายก็รู้ ไม่ใช่ว่าเราเป็นคู่รัก เราเป็นแค่เพื่อนสมัยเด็ก ฉันไม่แน่ใจว่ามันจะดีรึเปล่า..”

 

“แต่ถ้าเราแต่งงานกัน พวกเราคนใดคนหนึ่งก็ไม่สามารถยืนกรานว่าลอตเตอรีนี้เป็นของตัวเอง และเราสามารถหลีกเลี่ยงการโดนหักหลังได้!”

 

มันเป็นความคิดที่อุกอาจ

 

เป็นความคิดที่ดี แต่ก็ไม่ใช่ความคิดที่ดีสำหรับเราสองคนที่ไร้เดียงสาทั้งคู่

 

“ถ้างั้น..ยูกิแต่งงานกับฉันได้ไหม..”

 

“….”

 

“…..”

 

….

 

“อะ..อึม—มาแต่งงานกันเถอะ”

 

[ภาษี…]

 

ผมอดไม่ได้ที่จะนึกถึงคำนั้นที่จู่ๆ ก็ผุดขึ้นมาในหัว

 

ดูเหมือนซูซูกะจะเห็นด้วยกับผม และเราทั้งคู่ก็มองหน้ากันอย่างใกล้ชิด

 

เมื่อเห็นสีหน้าที่ตกลงกันบนใบหน้าของซูซูกะ ผมจผมจึงตัดสินใจประกาศขึ้นอย่างชัดเจน—

 

“มิตะ ซูซูกะ แต่งงานกับฉันเถอะนะ”

 

“อึ้ม!…ตกลงฉันจะแต่งงานกับนาย!”

 

 

 

**ช่วงต้นๆมันก็จะน่าเบื่อหน่อยน้า~ ขอให้ผ่านไปให้ได้สู้ๆ อยู่ด้วยกันก่อน!

 

 

จบ~ตอน!! เรื่องราวจะเป็นอย่างไรต่อไปนั้น..ไม่รู้เหมือนกันอ่านไม่จบ—

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

[WN ]Ore no Oyome-san, Hentai Kamo Shirenai: Zero Kyori datta Osananajimi, Kekkon Shita Totan Sokuochi Shite Ore ni Muchuu desu 1.1 เรามาแต่งงานกันเถอะ! (1)

Now you are reading [WN ]Ore no Oyome-san, Hentai Kamo Shirenai: Zero Kyori datta Osananajimi, Kekkon Shita Totan Sokuochi Shite Ore ni Muchuu desu Chapter 1.1 เรามาแต่งงานกันเถอะ! (1) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 1—เรามาแต่งงานกันเถอะ !

 

 

.

 

.

 

.

 

“นายอยากซื้อลอตเตอรี่กับฉันมั้ย..?”

 

ผมเดาว่าเธอคงมีเงินไม่พอที่จะซื้อลอตเตอรี่ด้วยตัวคนเดียวอย่างแน่นอน

 

มิตะ ซูซูกะ เพื่อนสมัยเด็กที่เอาแต่ใจของผม จู่ๆ ก็ถามขึ้นด้วยท่าทางน่าสงสาร

 

“ฉัน—ไม่ซื้อให้..”

 

“นายลองคิดดูสิ ถ้าเราถูกลอตเตอรี่ใช่มะ ฉันกับยูกิจะได้แบ่งกันคนละครึ่ง เราจะได้รางวัล300ล้าน แล้วก็เราจะได้คนละ150ล้าน! หลังจากนั้นชีวิตที่เหลือของเราสองคนจะมีแต่ความราบรื่นยังไงล่ะ”

 

“ฉันจะตามใจเธอแค่ครั้งนี้ครั้งเดียวนะ…”

 

คำว่า”ครึ่ง”

 

อย่างไรก็ตาม ผมยื่นมือไปหาเธอและมอบเงิน 150 เยนให้—ครึ่งหนึ่งของ 300 เยนต่อล็อต

 

เมื่อได้รับเงินแล้ว ซูซูกะ เพื่อนสมัยเด็กของผมรีบวิ่งไปที่ตู้ลอตเตอรีทันที

 

“ลอตเตอรี่” อันที่จริง มันเป็นของที่แม้แต่นักเรียนมัธยมก็ซื้อได้

 

ผมได้ยินมาว่าร้านค้าบางแห่งปฏิเสธที่จะขายลอตเตอรี่ให้นักเรียนมัธยมปลาย

 

ผมหวังว่าที่นี่เขาคงจะไม่ปฏิเสธเธอนะ —แล้วผมก็รอเป็นเวลาประมาณหนึ่งนาที

 

“ฉันซื้อใบนี้ค่ะ”

 

“รับทราบแล้วค่ะ!”

 

…หลังจากนั้นผมกับซูซุกะก็เดินกลับบ้านด้วยกัน—

 

[เราไม่รู้ว่าการซื้อลอตเตอรี่ในวันนี้เพียงวันเดียวจะเปลี่ยนชีวิตเราไปตลอดกาล…]

 

 

(ในเวลาต่อมา…)

 

เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว กว่าผมจะรู้ตัว ปีใหม่ก็มาถึงแล้ว…

 

ตอนนี้ผมกำลังคิดเกี่ยวกับตั๋วลอตเตอรีที่ซื้อโดยไม่ได้ตั้งใจ

 

ผมเพิ่งกลับมาจากบ้านแม่ แต่อยากทราบผล เลยไปบ้านซูซูกะเพื่อถามเกี่ยวกับเรื่องนั้น

 

“สวัสดีปีใหม่จ้า”

 

“อึม..สวัสดีปีใหม่”

 

ผมเป็นคนค่อนข้าวสุภาพ แล้วพูด “สวัสดี” ตอบกลับไปแบบสบายๆ

 

เราเป็นเพื่อนสมัยเด็ก นี่เป็นเรื่องปกติ..

 

ผมไม่รู้ว่าต้องทำยังไงต่อจากนี้..

 

“โธ่..อย่างน้อยนายก็ควรอวยพรปีใหม่ให้กับฉันหน่อยซี้~”

 

“เธอน่ะเก่งทุกอย่างอยู่แล้ว ไม่ต้องพึ่งอะไรพวกนั้นหรอกรู้มั้ย..”

 

“ตอนนี้ฉันกำลังแข่งกับยูกิเรื่องที่จะเข้ามหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงอยู่นะลืมแล้วรึยัง!”

 

“ครับ-ครับ แล้วลอตเตอรี่ที่ซื้อมาตอนสิ้นปีอยู่ไหนเหรอ…ถึงจะรู้ว่ามันไม่ถูกแต่ยังไงมันก็คาใจอยู่ดี..”

 

หลังจากซูซูกะยิ้มน้อยๆให้ความรู้สึกเหมือนผมเป็นเด็ก—ซูซูกะก็หยิบถุงลอตเตอรีและพูดราวกับว่าเธอพึ่งนึกขึ้นได้

 

“ยังไงก็ซะ วันที่ 5 มกราคม ฉันยังไม่ได้ไปฮัตสึโมเดะเลย..”

 

***ฮัตสึโมเดะ เป็นการไปศาลเจ้าครั้งแรกในปีใหม่ (ประเพณีของญี่ปุ่น)

 

ผมยังเป็นนักเรียนเตรียมสอบ เป็นเรื่องธรรมดาที่อย่างน้อยผมก็ควรขอพรจากเทพเจ้า

 

นั่นเป็นเหตุผลที่ผมตัดสินใจพา ซูซูกะไปที่ ฮัตสึโมเดะ แม้ว่าจะเลยเวลามาแล้วก็ตาม

 

ผมให้ซูซูกะเปลี่ยนชุดเป็นชุดนอน แล้วเราก็เริ่มเดินไปที่ศาลเจ้าใกล้ๆ

 

ขณะที่เราเดิน ซูซูกะเริ่มตรวจสอบหมายเลขที่ออกในโทรศัพท์ของเธอ

 

 

“…!!ฮึ”

 

“ซูซูกะ มีอะไรเหรอ”

 

“ย-ยูกิ..ฉันคิดว่าฉันโดนแล้ว!??”

 

“หึ..ฉันคิดว่าเธอหลอกผิดคนแล้วล่ะ เธอจงใจพูดเกินจริงทำให้ฉันตกใจอยู่รึเปล่า—ไหน..เอามานี่ซิ”

 

ผมหยิบโทรศัพท์ของ ซูซูกะ และตั๋วลอตเตอรีแล้วตรวจดูว่าถูกรางวัลหรือไม่

 

มาดูกัน เลขออก 56 คู่ 123456734…

 

“….”

 

“เห็นอะไรรึเปล่า…”

 

“มันแย่..ใช่มั้ย”

 

“ใช่…มันแย่จริงๆ”

 

ใช่ เราซื้อลอตเตอรีด้วยกัน

 

ใครจะไปคิดว่าเราจะถูกรางวัลสูงสุด…?

 

….

 

 

“ก่อนอื่น เรามาคุยเรื่องนี้กันดีกว่า..”

 

เราตัดสินใจไม่ไปฮัตสึโมเดะ—

 

วันที่ 5 มกราคม เราเดินเข้าไปในร้านอาหารครอบครัวที่เปิดทำการอย่างสมบูรณ์ในวันปีใหม่ และเริ่มพูดถึงเรื่องอนาคต

 

“….เราจะเอายังไงกันดี”

 

“ในเมื่อเราทั้งคู่ซื้อมันมาทำไมเราไม่แบ่งกันคนละ150ล้านล่ะ..”

 

“ไม่..ฉันหมายถึงว่าใครควรจะเป็นเจ้าของมัน นายหรือว่าฉัน..”

 

“เอ๊ะ..เราทั้งคู่ซื้อมันมา ดังนั้นมันสำหรับเราทั้งคู่ อย่าถามอะไรแบบนั้น สิ..”

 

ตอนนี้จิตใจของผมไม่สามารถสงบได้อีกแล้ว

 

“ซูซูกะ… ฉันก็เป็นคนช่วยซื้อลอตเตอรีนั่น! อย่าบอกนะว่าฉันไม่มีสิทธิ์เป็นเจ้าของมัน?”

 

แม้ว่าพวกเขาจะเป็นเพื่อนในวัยเด็ก แต่เราก็เป็นคนแปลกหน้าเช่นกัน หากเป็นเงินจำนวนมาก ก็มีโอกาสถูกหักหลังได้เสมอ

 

ถ้าเกิดว่าเราตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ มันก็เสี่ยง ที่จะโดนมองจากอีกฝ่ายว่าเป็นคนน่าสงสัย

 

“ไม่จริง!! ยูกิคิดแบบนั้นเหรอ..”

 

“เอ๊ะ..”

 

อารมณ์เริ่มขุ่นเคือง

 

จากนั้นผมก็จำบางอย่างขึ้นได้

 

“ภาษี…”

 

ใช่… ถูกตัอง. พวกเราคนใดคนหนึ่งต้องยอมรับของในนามของอีกฝ่ายหนึ่ง และหากต้องมอบของให้อีกคนหนึ่ง อาจต้องจ่ายภาษี ซึ่งนั่นก็คือเงินจำนวนมาก

 

เป็นภาษีที่เราต้องจ่ายเมื่อต้องการให้เงินจำนวนมากแก่ผู้อื่นตามสัดส่วนที่พวกเขาได้รับ

 

ปลอดภาษีสูงถึง 1 ล้านเยนต่อปี ผมได้ยินมาว่าจะได้รับการยกเว้นภาษีสูงสุด 1 ล้านเยนต่อปี แต่ถ้าเกินจำนวนนั้น จะมีการเรียกเก็บภาษีในอัตราที่สูงมาก

 

“ถ้าเราแบ่งกันตามจำนวนนั้น จำนวนภาษีที่เราต้องจ่ายมันก็…เอาเป็นว่าเราเสียเงินจำนวนมาก!”

 

“ฮือ…เราจะทำยังไงกันดี”

 

ซูซูกะ กับผมกำลังพยายามอย่างเต็มที่เพื่อเข้ามหาวิทยาลัยที่ท้าทายที่สุด

 

น่าเสียดายที่ตอนนี้เรายังเป็นเด็ก เรายังไม่ค่อยรู้เรื่องภาษีและเงินมากนัก

 

เราคิดที่จะพูดคุยกับพ่อแม่เกี่ยวกับเรื่องนี้ และตัดสินใจไม่เสียภาษี

 

อายุ18ปี ในสายตาของคนรอบข้างถือว่าพวกเราเติบโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว ในฐานะนักเรียนมัธยมปลาย ซูซูกะกับผมได้ฉลองวันเกิดของเราแล้วและเข้าสู่อายุ 18 ปีอย่างสมบูรณ์

 

….พ่อแม่ของเราแทบไม่มีสิทธิ์จัดการทรัพย์สินของเรา

 

แม้ว่าจะต้องพูดคุยกับพ่อแม่ เห็นได้ชัดว่าเงินจะถูกยึดหรือควบคุมในทางใดทางหนึ่งในอนาคต

 

“ยูกิ เราจะทำยังไงกับภาษีนี่ดี…”

 

 

“ฉันว่าฉันรู้แล้วว่าต้องทำยังไงกับเรื่องนี้..”

 

“อะไรเหรอ…?”

 

ผมไม่ได้พึ่งพาความจริงที่ว่าเรามีอุปกรณ์อำนวยความสะดวกที่เรียกว่าสมาร์ทโฟน และผมคิดสิ่งต่าง ๆ ด้วยความคิดของผมเองโดยไม่คำนึงถึงอะไรก่อน

 

…สุดท้ายผมก็ได้ข้อสรุปที่ไร้สาระเอามากๆ

 

“การแต่งงาน!’

 

“เอ….เอ๊ะ.!!??..”

 

 

“จู่ๆนายก็พูดอะไรออกมาแบบกระทันหันกันน่ะยูกิ—!”

 

“ไม่ ฉันคิดว่าถ้าเราแบ่งเงินด้วยกันหลังจากแต่งงาน เราจะสามารถใช้มันเป็นทรัพย์สินร่วมกันได้โดยอิสระโดยไม่ต้องเสียภาษี”

 

“เอาจริงเหรอ..แต่การแต่งงาน..นายก็รู้ ไม่ใช่ว่าเราเป็นคู่รัก เราเป็นแค่เพื่อนสมัยเด็ก ฉันไม่แน่ใจว่ามันจะดีรึเปล่า..”

 

“แต่ถ้าเราแต่งงานกัน พวกเราคนใดคนหนึ่งก็ไม่สามารถยืนกรานว่าลอตเตอรีนี้เป็นของตัวเอง และเราสามารถหลีกเลี่ยงการโดนหักหลังได้!”

 

มันเป็นความคิดที่อุกอาจ

 

เป็นความคิดที่ดี แต่ก็ไม่ใช่ความคิดที่ดีสำหรับเราสองคนที่ไร้เดียงสาทั้งคู่

 

“ถ้างั้น..ยูกิแต่งงานกับฉันได้ไหม..”

 

“….”

 

“…..”

 

….

 

“อะ..อึม—มาแต่งงานกันเถอะ”

 

[ภาษี…]

 

ผมอดไม่ได้ที่จะนึกถึงคำนั้นที่จู่ๆ ก็ผุดขึ้นมาในหัว

 

ดูเหมือนซูซูกะจะเห็นด้วยกับผม และเราทั้งคู่ก็มองหน้ากันอย่างใกล้ชิด

 

เมื่อเห็นสีหน้าที่ตกลงกันบนใบหน้าของซูซูกะ ผมจผมจึงตัดสินใจประกาศขึ้นอย่างชัดเจน—

 

“มิตะ ซูซูกะ แต่งงานกับฉันเถอะนะ”

 

“อึ้ม!…ตกลงฉันจะแต่งงานกับนาย!”

 

 

 

**ช่วงต้นๆมันก็จะน่าเบื่อหน่อยน้า~ ขอให้ผ่านไปให้ได้สู้ๆ อยู่ด้วยกันก่อน!

 

 

จบ~ตอน!! เรื่องราวจะเป็นอย่างไรต่อไปนั้น..ไม่รู้เหมือนกันอ่านไม่จบ—

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+