ZOMBIE SISTER STRATEGY- ซอมบี้สาวเจ้าแผนการ 72-73 : มุ่งหน้าไปทางใต้ , ผ่านฟาร์ม

Now you are reading ZOMBIE SISTER STRATEGY- ซอมบี้สาวเจ้าแผนการ Chapter 72-73 : มุ่งหน้าไปทางใต้ ผ่านฟาร์ม at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ZOMBIE SISTER STRATEGY- ซอมบี้สาวเจ้า…

 

บทที่ 72-73 : มุ่งหน้าไปทางใต้ , ผ่านฟาร์ม

 

ขณะที่หลินเสี่ยวกําลังขับรถมุ่งหน้าไป รถออฟโรดของทหารขับมาบนทางหลวงซึ่งยังคงได้รับการปกป้องโดยซอมบี้ระดับห้า แล้วหยุดต่อหน้าศพของโจรสองสามคน เหมิงเอวี้ยและอู่เฉิงเย่วลงจากรถมองไปที่ร่างทั้งสาม สองในสามศพไม่มีหัว

 

อู่เฉิงเย่วขมวดคิ้วเล็กน้อย จากนั้นเดินไปที่ศพโดยไม่แสดงออกและเริ่มตรวจสอบศพที่ละศพ

 

“คนเหล่านี้ล้วนเป็นโจร เมื่อดูจากการเน่าเปื่อยของซากศพแล้วพวกมันตายมาแล้วสามวัน หัวของสองคนนี้ถูกตัดออกอย่างเรียบเนียน ซึ่งดูเหมือนซอมบี้จะทําไม่ได้ อีกคนดูเหมือนจะถูกฆ่าโดยซอมบี้แม้ว่าหัวใจของเขาจะถูกควักออกมาด้วยกรงเล็บ” เขาพูดรายละเอียดที่ดู

 

เขายืนอยู่ตรงหน้าร่างของชายอ้วนด้วยมือข้างหนึ่งพาดที่หน้าอกและอีกข้างยกตั้งฉากมือลูบคางอย่างครุ่นคิดในขณะ ที่พูดเขาชี้ไปที่ร่างทั้งสามและพลิกร่างของชายอ้วนด้วยเท้าของเขา

 

เมื่อเห็นร่างเหล่านี้ อู่เฉิงเย่วได้เรียนรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับโจร เหล่านี้เช่นเดียวกับอีกสองคน คนอ้วนถูกกินสมองและควักท้อง แต่หลุมขนาดใหญ่ที่ด้านหลังของเขาพิสูจน์ให้เห็นว่าเขาตายจากซอมบี้ควักหัวใจ

 

อู่เฉิงเย่วหันไปหาร่างไร้หัวทั้งสอง นอกจากนี้ เขายังเห็น หัวทั้งสองที่ถูกโยนไปด้านข้างโดยไม่มีสมองเหลืออยู่เลย

 

“พวกเขาอาจเจอซอมบี้ระดับสูงกว่านี้ มันอาจจะเป็นผู้นําซอมบี้ระดับห้า แต่…ทําไมพวกเขาถึงถูกปล้น” เหมิงเอวี้ยมองไปที่ร่างทั้งสามที่ไม่มีเสื้อผ้าสวมใส่แต่เหลือแค่ชุดชั้นในก็เกิดความสงสัย

 

ผู้นําซอมบี้ตัวนั้นมีงานอดิเรกแปลกๆ ในการลอกคราบศพหรือ? ซอมบี้ตัวนั้นต้องการเสื้อผ้าเหล่านั้นไปเพื่ออะไร? ไม่มีเสื้อผ้าใดเหลือในที่เกิดเหตุเลย

 

อู่เฉิงเย่วสังเกตสภาพแวดล้อมโดยรอบอย่างระมัดระวังจากนั้นส่ายหน้าและตอบว่า “ฉันก็ไม่รู้”

 

แล้วเขาก็หันไปหาเหมิงเอวี้ยถามว่า “เธอไม่รู้สึกถึงอะไรเลยหรือ? เธอรู้สึกถึงหลิงหลิงไหม?”

 

เหมิงเอวี้ยหลับตาจากนั้นยกมือขวาขึ้นเล็กน้อยหงายฝ่ามือขึ้น ต้นหญ้าเล็กๆงอกออกมาจากฝ่ามือของเธอและแกว่งไปมาเล็กน้อยราวกับว่ามันถูกลมพัด แล้วมันก็ชี้ไปที่ถนนด้านหนึ่ง

 

“ทําไมมันไม่ตรงไป? มันใช้ทางอ้อมหรือเปล่า?” อู่เฉิงเย่วถาม เสียงของเขาติดจะแปลกใจเล็กน้อย

 

เหมิงเอวี้ยพยักหน้าและกล่าวว่า “ทางหลวงสายนี้อาจถูกปิดกั้นอยู่ข้างหน้า ทําให้ใช้ทางอ้อม ฉันคิดว่ามีสะพานอยู่ข้างหน้า”

 

อู่เฉิงเย่ยครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งจากนั้นก็ถามด้วยความสับสน “สะพานเหรอ? ซอมบี้ตัวเมียตัวนั้นกลัวน้ํารึเปล่า? ทําไมต้องอ้อม?”

 

เหมิงเอวี้ยมองไปที่ศพทั้งสาม จากนั้นก็หันหน้ปเดินกลับไปที่รถและพูดว่า “ฉันไม่รู้ เราควรจะรีบไปและพยายามที่ได้ตัวหลิงหลิง ถ้าฉันถูก ซอมบี้ผู้หญิงตัวนั้นน่าจะผ่านเมืองเล็กๆ ตรงนั้น”

 

อู่เฉิงเย่วพยักหน้า จากนั้นหันกลับมาทันทีและเดินตามเธอกลับเข้าไปในรถ หลังจากนั่งข้างในแล้วเขาสั่งให้ทหารคนหนึ่งเลี้ยวรถและมุ่งหน้าไปยังถนนย่อยข้างทางหลวง

 

“ ซอมบี้ตัวเมียตัวนั้นดูเหมือนจะเคลื่อนไหวไปทางใต้ตลอดเวลาราวกับว่ามันมีเป้าหมายที่นั่น” เหมิงเอวี้ยบอกขณะที่รู้สึกแปลกๆ เกี่ยวกับเรื่องนี้

 

หลังจากไล่ล่าซอมบี้ตัวเมียตัวนั้นมาหลายวัน พวกเขาสองคนพบว่ามันเคลื่อนที่ไปในทิศทางเดียวตลอดเวลา พวกเขาพบว่ามันมุ่งตรงไปทางใต้โดยไม่มีการเลี้ยวใดๆ และใช้เส้นทางที่สั้นที่สุด

 

อู่เฉิงเย่วปิดเปลือกตาลงครุ่นคิดถึงคําพูดของเหมิงเอวี้ย “ไม่ว่าด้วยเหตุผลใด มันกําลังมุ่งหน้าไปทางใต้…แต่ทําไมมันถึงพาหลิงหลิงของฉันไปด้วย?” เขาพูด

 

“ไม่สําคัญว่าทําไมมันถึงต้องพาหลิงหลิงไปด้วยทุกที่ เราพยายามให้เต็มที่เพื่อพบพวกเขาให้เร็วที่สุด อย่างไรก็ตาม เราไม่รู้ว่าหลิงหลิงจะถูกทําอะไรบ้างในช่วงเวลานี้ และฉันกลัวว่าเธอจะอยู่ในสภาพไม่ดี เธอเป็นเด็กที่ชอบเก็ บตัวและเป็นออทิสติก…สภาพจิตใจของเธออาจส่งผลต่อสภาพร่างกายของเธอ ฉันกังวลมากเกี่ยวกับเรื่องนั้น” เหมิงเอวี้ยกล่าว

 

เมื่อได้ยินเธอพูด ใบหน้าของอู่เฉิงเย่วก็มีดลงทันที

 

เขามีความกังวลเช่นเดียวกับเหมิงเอวี้ยตลอดเวลา เขารู้จักลูกสาวของเขาดี เขารู้ว่าเธอจะไม่ปล่อยให้คนคุ้นเคยอยู่ใกล้เธอด้วยซ้ํา แต่ตอนนี้เธอถูกลักพาตัวโดยซอมบี้หญิงที่น่าเกลียด เขานึกออกว่าตอนนี้เธอต้องกลัวแค่ไหน และยัง กังวลว่าสภาพจิตใจของเธออาจไม่สามารถแบกรับสิ่งที่เกิดขึ้นและทําให้เกิดปัญหารุนแรงขึ้นได้

 

อาหารเป็นอีกเรื่องที่เขากังวล เหมิงเอวี้ยสามารถรู้สึกได้ว่าเมล็ดพันธุ์ในร่างกายของอู่เย่วหลิงยังไม่ตายซึ่งหมายความว่าอู่เย่วหลิงยังมีชีวิตอยู่เช่นกัน แต่สิ่งที่เขากังวลมากที่สุดคือเธออาจตกอยู่ในอาการโคม่าแล้ว

 

เขานึกไม่ถึงว่าซอมบี้ตัวเมียจะพยายามหาอาหารมนุษย์ให้ลูกสาวของเขา เขาสงสัยด้วยซ้ําว่าในอวกาศของซอมบี้นั้นมีออกซิเจนอยู่หรือไม่ และคิดว่าบางทีคนที่มีชีวิตอาจอยู่ในอาการโคม่าเมื่อเข้าไปในอวกาศ

 

อู่เฉิงเย่วเก็บความคิดเหล่านี้ไว้กับตัวเองและบอกตัวเองว่าลูกสาวของเขาสบายดี แต่ตอนนี้เขารู้สึกหดหูเมื่อได้ยินเหมิงเอวี้ยพูดออกมา แม้ว่าเขาจะเป็นคนใจเย็นและมั่นใจมาตลอด

 

แต่โชคดีที่เขามีจิตใจที่เข้มแข็งเป็นหนึ่งในผู้นําของฐานทัพ ดังนั้น ในไม่ช้าเขาก็ยับยั้งความคิดเชิงลบในใจของเขาได้

 

อย่างน้อยลูกสาวของเขาก็ยังมีชีวิตอยู่ในขณะนี้ และนั่นก็เพียงพอแล้ว!

 

เมื่อเห็นสีหน้าหดหูในใบหน้าของเขา เหมิงหยี่ก็ตระหนักว่าเธอพูดผิด ดังนั้น เธอจึงแก้ไขคําพูตัวเองว่า “ไม่เป็นไร หญ้าของฉันรู้สึกได้ว่าตอนนี้หลิงหลิงอยู่ใกล้เรามาก ดังนั้น เราน่าจะสามารถติดต่อกับเธอได้เร็ว ๆ นี้”

 

ในขณะนั้นทหารที่ขับรถหยุดรถกะทันหัน จากนั้นก็หันกลับไปรายงานอู่เฉิงเย่ว “ท่านผู้นําครับ ผมพบบางอย่างอยู่ข้างหน้า”

 

“มันคืออะไร?” อู่เฉิงเย่วและเหมิงเอวี้ยมองไปข้างหน้าพร้อมกันและถามออกมา

 

ทหารคนนั้นชี้ไปที่พื้นและพูดว่า “มีรอยล้อเพิ่งจากไปใหม่ๆบนถนน”

 

เมื่อได้ยินเช่นนั้นอู่เฉิงเย่วและเหมิงเอวี้ยก็เปิดประตูรถและ ลงจากรถไปดูทันที

 

รถคันดังกล่าวได้ขับออกจากทางหลวงและกําลังเคลื่อนตัวไปยังเมืองเล็กๆผ่านถนนย่อย พวกเขารู้สึกแปลกใจเมื่อได้ยินทหารพูดถึงรอยล้อรถใหม่ๆ พวกเขาจึงลงจากรถเพื่อตรวจสอบรอยที่ถนนนั้น

 

ถนนถูกปกคลุมไปด้วยทรายและฝุ่น และร่องล้อสองล้ออยู่ตรงกลาง เมื่อพิจารณาจากร่องล้อเหล่านี้รถคันนั้นเพิ่งจากไปไม่นาน

 

“มีบางคนขับรถเข้ามาในเมืองนี้ พวกเขาเป็นนักล่าซอมบี้หรือเปล่า? หรือโจร?” เหมิงเอวี้ยจ้องไปที่ร่องล้อบนถนนขณะพูด

 

“ เราจะพบว่าเกิดอะไรขึ้นเมื่อไปถึงที่นั่น ไปกันเถอะ” อู่เฉิงเย่วมองไปที่ถนนอย่างสงบจากนั้นก็หันกลับไปที่รถ แหมิงเอวียตามเขาขึ้นรถในทันที

 

ร่องล้อที่พวกเขาพบถูกทิ้งไว้โดยรถของหลินเสี่ยว ไม่มีใครอยู่ในเมืองเล็ก ๆ แห่งนี้ตั้งแต่โลกเก่าสิ้นสุดลง ถนนจึงถูกปกคลุมไปด้วยฝุ่นและทรายที่สะสมอยู่แล้ว

 

อู่เฉิงเย่วและเหมิงเอวี้ยคิดไม่ออกเลยว่าคนที่ขับรถเข้ามาในเมืองคือซอมบี้ชื่อหลินเสี่ยว เพราะพวกเขาเชื่อว่ามีเพียงมนุษย์เท่านั้นที่ขับรถได้ ดังนั้น พวกเขาจึงเดาว่าคนที่ขับรถเข้ามาในเมืองอาจเป็นนักล่าซอมบี้หรือพวกโจร

 

มันไม่ใช่กองทัพจากฐานแน่ เพราะพวกเขาพบร่อยรอยเป็นแค่รถคันเดียวเท่านั้นทิ้งรอยไว้ เป็นปริศนาใหม่ พวกเขาขับรถมุ่งหน้าต่อไปยังเมือง

 

บทที่ 73 : ผ่านฟาร์ม

 

หลินเสี่ยวไม่ได้ขับรถไปไกลก่อนที่จะเห็นฟาร์มในสายตาของเธอและดึงดูดความสนใจของเธอ

 

อาจเป็นเพราะสถานที่ห่างไกลของเมืองแทบไม่มีใครเคยมาที่นี่เลยตั้งแต่โลกเก่าสิ้นสุดลง ผู้คนส่วนใหญ่ที่อาศัยอยู่ในเมืองกลายเป็นซอมบี้ และคนที่รอดชีวิตก็หนีไปหมด ดังนั้นสถานที่แห่งนี้จึงถูกปล่อยให้ร้างว่างเปล่า

 

ก่อนหน้านี้หลินเสี่ยวได้พบสิ่งที่มีประโยชน์มากมายในร้านค้า

 

ถนนที่เธอขับรถมานั้นเป็นเส้นรอบเมือง เธอไม่คาดคิดว่าจะผ่านฟาร์มแห่งหนึ่ง หรืออย่างแม่นยํา เธอไม่คิดว่าจะมีฟาร์มขนาดใหญ่อยู่นอกเมือง

 

เธอจอดรถริมถนน แล้วยื่นหน้าออกไปเพื่อมองดูต้นไม้สีเขียวที่กว้างใหญ่ แม้ว่าโลกทั้งใบของเธอจะเป็นสีดําและขาวในสายตาของเธอก็ตาม

 

ยังคงมีโรงเรือนพลาสติกสําหรับปลูกพืชอยู่ในฟาร์ม พวกมันถูกทอดทิ้งเมื่อนานมาแล้ว พลาสติกที่คลุมไว้ส่วนใหญ่ในโรงเรือนเหล่านี้จึงหายไป ทิ้งแค่โครงไว้ที่นั่น

 

อย่างไรก็ตาม ผักหลายชนิดยังคงเติบโตภายใต้โครงเหล่านี้อย่างไม่เป็นระเบียบ ผักในโรงเรือนแต่ละชนิดมีพันธุ์เดียว และใช้พื้นที่ประมาณสองเอเคอร์ในฟาร์มสําหรับปลูก

 

หลินเสี่ยวพบพืชจําพวกถั่ว มันฝรั่ง ถั่วลิสงและแตงหลากสายพันธุ์ แต่น่าเศร้า กว่าเก้าสิบเปอร์เซ็นต์ของพวกมันดูเหมือนจะกลายพันธุ์

 

เธอมองไม่เห็นสี แต่รู้สึกได้ถึงไวรัสภายในพืชเหล่านี้ ตอนนี้เธอไม่เพียงสัมผัสได้ถึงพลังงานของน้ําในทะเลสาบแต่ยังสามารถรู้สึกถึงสิ่งอื่น ๆ อีกมากมาย นั่นอาจเกี่ยวข้องกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับเธอที่ลงไปในทะเลสาบ แต่เธอไม่สามารถบอกได้อย่างชัดเจนว่าเป็นเพราะสาเหตุนั้น

 

เธอลงจากรถและส่งอู่เย่วหลิงเข้าไปในอวกาศของเธอ จากนั้นก็พาจุนจุนออกมาจากพื้นที่เล็ก ๆ

 

เธอตั้งกฏสําหรับจุนจุน – เธอจําเป็นต้องออกมาจากอวกาศในขณะที่อู่เย่วหลิงอยู่ที่นั่น และถ้าเธอต้องการเข้าไปหลินเสี่ยวก็จะพาเด็กหญิงตัวน้อยออกมา

 

มาถึงจุดนี้ จุนจุนเชื่อใจหลินเสี่ยวมากกว่าเมื่อก่อน ดังนั้นเธอจึงทิ้งเด็กน้อยไว้ในอวกาศโดยไม่ต้องกังวลมากนัก และออกมาพร้อมกับหลินเสี่ยว

 

เมื่อออกมา เธอพบว่าพวกเขายืนอยู่ริมถนนหันหน้าไปทางฟาร์ม ในสายตาของเธอโลกยังคงไร้สีสัน

 

เธอมองไปที่หลินเสี่ยวด้วยความสับสน จากนั้นจึงส่ง โน้ตให้เธอ

 

‘รออยู่ที่นี่ ฉันจะลงไปดู เธอระวังที่นี่ หากมีมนุษย์ปรากฏตัวขึ้น เธอควรจะซ่อนหรือตามไปหาฉัน’

 

หลังจากนั้น หลินเสี่ยวก็กระโจนเข้าไปในทุ่งผัก แปลงผักเหล่านี้ไม่ได้รับการดูแลมานาน มันจึงรกเต็มไปด้วยวัชพืช ดูไร้ประโยชน์มาก

 

เมื่อหลินเสี่ยวมาถึงที่นี่ สิ่งแรกที่เธอจับได้ด้วยสายตาอัน เฉียบคมของเธอคือมีสวนผลไม้บนเนินเขาอีกด้านหนึ่ง หลังจากนั้นเธอก็ลงไปที่ทุ่งผักตรงนี้

 

เธอติดใจผักเหล่านี้เพราะจู่ๆเธอก็ก็อยากดูว่ายังมีผักที่กินได้ซึ่งยังไม่กลายพันธุ์อยู่บ้างหรือไม่

 

ตอนนี้เธอมีมนุษย์ที่มีชีวิตอยู่สองคนในพื้นที่อวกาศของเธอ และไม่ใช่แค่คนเดียว เธอไม่สามารถเลี้ยงพวกเขาทั้งสองโดยไม่มีสิ่งอื่นเลยนอกจากสตรอเบอร์รี่ เธอทําไม่ได้ใช่ไหม?

 

ที่สําคัญที่สุด เธอสัมผัสได้ถึงกลิ่นของสิ่งที่กินได้สําหรับเธอจากสวนผลไม้ ซึ่งหมายความว่ามีสัตว์บางชนิดอยู่ในนั้น!

 

หลังจากกินหนูและกระต่ายครั้งสุดท้ายเธอก็ไม่ได้กินอะไรมาเป็นเวลานาน แม้ว่าการขาดอาหารจะไม่ได้ทําอันตรายต่อร่างกายมากนัก แต่เธอก็ยังรู้สึกคันฟัน คอแห้งและท้องไส้ ปั่นป่วนอยู่เสมอ เพราะเธออยู่กับอู่เย่วหลิงทั้งวัน

 

เธออยากกินเนื้อ!

 

เธอมองไปที่ผักและวัชพืชที่อยู่ใต้เท้าของเธอหลังจากก้าวเข้าไปในแปลงผักนั้น เดินไปสักพัก เธอพบเถาวัลย์พันกันปกคลุมพื้นดินไปหมด แต่ส่วนใหญ่เต็มไปด้วยไวรัส

 

เธอนั่งยองๆดูฟักทองบนเถาของมัน แตงมีสีเทาในดวงตาของเธอ จากนั้นเธอก็หันกลับมามองเถาและใบ ใบก็เป็นสีเทาเช่นกัน แต่เถาเป็นสีดําแต่งแต้มด้วยสีม่วงแปลก ๆ

 

เธอรู้ว่าสีม่วงแปลก ๆ ที่เธอเห็นคือไวรัสนั่นเอง

 

แต่ก่อนเธอมองไม่เห็นไวรัส แต่ตอนนี้เธอมองเห็นแล้ว

 

ยกเว้นสีเขียวสดใจของพลังงานที่มีอยู่ในน้ําในทะเลสาบ ตอนนี้เธอสามารถมองเห็นสีอื่นที่มนุษย์ไม่สามารถมองเห็นได้

 

สิ่งที่ทําให้เธอรู้สึกแปลกใจก็คือทั้งฟักทองและใบไม้นั้นปราศจากไวรัส และไวรัสก็กระจุกตัวอยู่ในเถาวัลย์

 

เหตุใดจึงเกิดขึ้น?

 

มองไปที่ฟักทองขนาดใหญ่หน้าตาประหลาดที่อยู่ตรงหน้าเธอ หลินเสี่ยวเกาหัวด้วยกรงเล็บของเธอ

 

ขนาดของฟักทองเท่ากับฟักทองในโลกเก่า สิ่งที่ทําให้มันแตกต่างจากฟักทองทั่วไปก็คือลายเส้นที่บิดเบี้ยวบนผิวของมัน

 

หลินเสี่ยวจับฟักทองด้วยมือทั้งสองข้าง จากนั้นยืนยันว่าปราศจากไวรัส มันดูแปลกเพราะมีลายบนผิว ดูคล้ายกับใบหน้ามนุษย์ที่บิดเบี้ยว! ไม่มีมนุษย์คนใดกล้าแตะต้องฟักทองนี้เพราะ “อย่าแตะต้องพืชกลายพันธุ์แปลก ๆ ” กลายเป็นเรื่องธรรมดาไปแล้วตั้งแต่โลกเก่าสิ้นสุดลง

 

ผู้รอดชีวิตในโลกหลังวันสิ้นโลกจะไม่แตะต้องพืชใดๆ เว้น แต่พวกเขาต้องการได้รับผลกระทบจากไวรัสซอมบี้

 

หลินเสี่ยวก็รู้สึกเช่นกันว่าพืชในโลกหลังหายนะนี้แปลกประหลาด เป็นสิ่งที่ดูผิดปกติอย่างสิ้นเชิงและดูเหมือนการกลายพันธุ์นั้นไม่มีพิษ เช่นสตรอเบอร์รี่ในอวกาศของเธอ และฟักทองที่อยู่ตรงหน้าเธอก็กลายพันธุ์อย่างแน่นอน แต่ไวรัสอยู่ในเถาวัลแทนที่จะเป็นผล ซึ่งหมายความว่าปลอดภัย สําหรับมนุษย์ที่มีสุขภาพดีตราบเท่าที่พวกเขาไม่ได้สัมผัสกับเถาของมัน

 

ในขณะเดียวกันพืชบางชนิดก็ดูธรรมดา แต่กลับไม่เป็นเช่นนั้น

 

หลินเสี่ยวมองไปที่ต้นมะระที่มีขนอยู่ ข้างๆเธอและพบว่ามันดูปกติดี เธอมองไม่เห็นสีของมัน แต่อย่างน้อยก็มีรูปร่างปกติ อย่างไรก็ตาม หลินเสี่ยวสัมผัสได้ถึงกลิ่นโลหะจากผลของมัน

 

เธอไม่รู้ว่ากลิ่นโลหะนั้นจะส่งผลต่อมนุษย์อย่างไร แต่เธอเห็นว่ามันถูกปล่อยออกมาจากไวรัสภายในต้นพืช

 

หลังจากมองไปที่ต้นไม้รอบๆ หลินเสี่ยวลุกขึ้นยืนและ ค่อยๆ ก้าวเท้าเดินไปที่สวนผลไม้อย่างเงียบๆ เธอตัดสินใจที่จะอิ่มท้องก่อนแล้วค่อยกลับมาศึกษาผักและผลไม้เหล่านี้

 

ต้นไม้สองชนิดถูกปลูกในสวนผลไม้ ลูกพีชและลูกแพร์ สวนผลไม้มีขนาดใหญ่ แต่ต้นไม้ส่วนใหญ่ในนั้นกลายพันธุ์อุดมไปด้วยเชื้อไวรัส

 

หลินเสี่ยวสูดอากาศที่ต้นไม้เหล่านี้ กลิ่นของพวกเขาไม่น่าพอใจ แต่ก็ไม่น่ารังเกียจสําหรับเธอเช่นกัน อาจเป็นเพราะเธอมีไวรัสอยู่ในร่างกายด้วย

 

นอกเหนือจากกลิ่นของต้นไม้แล้ว เธอสัมผัสได้ถึงสิ่งอื่นจากส่วนลึกในสวนผลไม้ มันเป็นกลิ่นหอมที่ทําให้เธอรู้สึกหิวมากขึ้น

 

เธอเดินตามกลิ่นหอมที่ดึงดูดเธอเดินไปยังแหล่งที่มาของมันอย่างเงียบ ๆ เธออาจเริ่มเตรียมตัวสําหรับการล่าสัตว์โดยอัตโนมัติ ในขณะที่เธอข่มอารมณ์โดยสัญชาตญาณและค่อยๆเคลื่อนตัวไปยังแหล่งที่มาของกลิ่นหอมเหมือนแมว โดยไม่ส่งเสียงใด ๆ

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ZOMBIE SISTER STRATEGY- ซอมบี้สาวเจ้าแผนการ 72-73 : มุ่งหน้าไปทางใต้ , ผ่านฟาร์ม

Now you are reading ZOMBIE SISTER STRATEGY- ซอมบี้สาวเจ้าแผนการ Chapter 72-73 : มุ่งหน้าไปทางใต้ ผ่านฟาร์ม at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ZOMBIE SISTER STRATEGY- ซอมบี้สาวเจ้า…

 

บทที่ 72-73 : มุ่งหน้าไปทางใต้ , ผ่านฟาร์ม

 

ขณะที่หลินเสี่ยวกําลังขับรถมุ่งหน้าไป รถออฟโรดของทหารขับมาบนทางหลวงซึ่งยังคงได้รับการปกป้องโดยซอมบี้ระดับห้า แล้วหยุดต่อหน้าศพของโจรสองสามคน เหมิงเอวี้ยและอู่เฉิงเย่วลงจากรถมองไปที่ร่างทั้งสาม สองในสามศพไม่มีหัว

 

อู่เฉิงเย่วขมวดคิ้วเล็กน้อย จากนั้นเดินไปที่ศพโดยไม่แสดงออกและเริ่มตรวจสอบศพที่ละศพ

 

“คนเหล่านี้ล้วนเป็นโจร เมื่อดูจากการเน่าเปื่อยของซากศพแล้วพวกมันตายมาแล้วสามวัน หัวของสองคนนี้ถูกตัดออกอย่างเรียบเนียน ซึ่งดูเหมือนซอมบี้จะทําไม่ได้ อีกคนดูเหมือนจะถูกฆ่าโดยซอมบี้แม้ว่าหัวใจของเขาจะถูกควักออกมาด้วยกรงเล็บ” เขาพูดรายละเอียดที่ดู

 

เขายืนอยู่ตรงหน้าร่างของชายอ้วนด้วยมือข้างหนึ่งพาดที่หน้าอกและอีกข้างยกตั้งฉากมือลูบคางอย่างครุ่นคิดในขณะ ที่พูดเขาชี้ไปที่ร่างทั้งสามและพลิกร่างของชายอ้วนด้วยเท้าของเขา

 

เมื่อเห็นร่างเหล่านี้ อู่เฉิงเย่วได้เรียนรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับโจร เหล่านี้เช่นเดียวกับอีกสองคน คนอ้วนถูกกินสมองและควักท้อง แต่หลุมขนาดใหญ่ที่ด้านหลังของเขาพิสูจน์ให้เห็นว่าเขาตายจากซอมบี้ควักหัวใจ

 

อู่เฉิงเย่วหันไปหาร่างไร้หัวทั้งสอง นอกจากนี้ เขายังเห็น หัวทั้งสองที่ถูกโยนไปด้านข้างโดยไม่มีสมองเหลืออยู่เลย

 

“พวกเขาอาจเจอซอมบี้ระดับสูงกว่านี้ มันอาจจะเป็นผู้นําซอมบี้ระดับห้า แต่…ทําไมพวกเขาถึงถูกปล้น” เหมิงเอวี้ยมองไปที่ร่างทั้งสามที่ไม่มีเสื้อผ้าสวมใส่แต่เหลือแค่ชุดชั้นในก็เกิดความสงสัย

 

ผู้นําซอมบี้ตัวนั้นมีงานอดิเรกแปลกๆ ในการลอกคราบศพหรือ? ซอมบี้ตัวนั้นต้องการเสื้อผ้าเหล่านั้นไปเพื่ออะไร? ไม่มีเสื้อผ้าใดเหลือในที่เกิดเหตุเลย

 

อู่เฉิงเย่วสังเกตสภาพแวดล้อมโดยรอบอย่างระมัดระวังจากนั้นส่ายหน้าและตอบว่า “ฉันก็ไม่รู้”

 

แล้วเขาก็หันไปหาเหมิงเอวี้ยถามว่า “เธอไม่รู้สึกถึงอะไรเลยหรือ? เธอรู้สึกถึงหลิงหลิงไหม?”

 

เหมิงเอวี้ยหลับตาจากนั้นยกมือขวาขึ้นเล็กน้อยหงายฝ่ามือขึ้น ต้นหญ้าเล็กๆงอกออกมาจากฝ่ามือของเธอและแกว่งไปมาเล็กน้อยราวกับว่ามันถูกลมพัด แล้วมันก็ชี้ไปที่ถนนด้านหนึ่ง

 

“ทําไมมันไม่ตรงไป? มันใช้ทางอ้อมหรือเปล่า?” อู่เฉิงเย่วถาม เสียงของเขาติดจะแปลกใจเล็กน้อย

 

เหมิงเอวี้ยพยักหน้าและกล่าวว่า “ทางหลวงสายนี้อาจถูกปิดกั้นอยู่ข้างหน้า ทําให้ใช้ทางอ้อม ฉันคิดว่ามีสะพานอยู่ข้างหน้า”

 

อู่เฉิงเย่ยครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งจากนั้นก็ถามด้วยความสับสน “สะพานเหรอ? ซอมบี้ตัวเมียตัวนั้นกลัวน้ํารึเปล่า? ทําไมต้องอ้อม?”

 

เหมิงเอวี้ยมองไปที่ศพทั้งสาม จากนั้นก็หันหน้ปเดินกลับไปที่รถและพูดว่า “ฉันไม่รู้ เราควรจะรีบไปและพยายามที่ได้ตัวหลิงหลิง ถ้าฉันถูก ซอมบี้ผู้หญิงตัวนั้นน่าจะผ่านเมืองเล็กๆ ตรงนั้น”

 

อู่เฉิงเย่วพยักหน้า จากนั้นหันกลับมาทันทีและเดินตามเธอกลับเข้าไปในรถ หลังจากนั่งข้างในแล้วเขาสั่งให้ทหารคนหนึ่งเลี้ยวรถและมุ่งหน้าไปยังถนนย่อยข้างทางหลวง

 

“ ซอมบี้ตัวเมียตัวนั้นดูเหมือนจะเคลื่อนไหวไปทางใต้ตลอดเวลาราวกับว่ามันมีเป้าหมายที่นั่น” เหมิงเอวี้ยบอกขณะที่รู้สึกแปลกๆ เกี่ยวกับเรื่องนี้

 

หลังจากไล่ล่าซอมบี้ตัวเมียตัวนั้นมาหลายวัน พวกเขาสองคนพบว่ามันเคลื่อนที่ไปในทิศทางเดียวตลอดเวลา พวกเขาพบว่ามันมุ่งตรงไปทางใต้โดยไม่มีการเลี้ยวใดๆ และใช้เส้นทางที่สั้นที่สุด

 

อู่เฉิงเย่วปิดเปลือกตาลงครุ่นคิดถึงคําพูดของเหมิงเอวี้ย “ไม่ว่าด้วยเหตุผลใด มันกําลังมุ่งหน้าไปทางใต้…แต่ทําไมมันถึงพาหลิงหลิงของฉันไปด้วย?” เขาพูด

 

“ไม่สําคัญว่าทําไมมันถึงต้องพาหลิงหลิงไปด้วยทุกที่ เราพยายามให้เต็มที่เพื่อพบพวกเขาให้เร็วที่สุด อย่างไรก็ตาม เราไม่รู้ว่าหลิงหลิงจะถูกทําอะไรบ้างในช่วงเวลานี้ และฉันกลัวว่าเธอจะอยู่ในสภาพไม่ดี เธอเป็นเด็กที่ชอบเก็ บตัวและเป็นออทิสติก…สภาพจิตใจของเธออาจส่งผลต่อสภาพร่างกายของเธอ ฉันกังวลมากเกี่ยวกับเรื่องนั้น” เหมิงเอวี้ยกล่าว

 

เมื่อได้ยินเธอพูด ใบหน้าของอู่เฉิงเย่วก็มีดลงทันที

 

เขามีความกังวลเช่นเดียวกับเหมิงเอวี้ยตลอดเวลา เขารู้จักลูกสาวของเขาดี เขารู้ว่าเธอจะไม่ปล่อยให้คนคุ้นเคยอยู่ใกล้เธอด้วยซ้ํา แต่ตอนนี้เธอถูกลักพาตัวโดยซอมบี้หญิงที่น่าเกลียด เขานึกออกว่าตอนนี้เธอต้องกลัวแค่ไหน และยัง กังวลว่าสภาพจิตใจของเธออาจไม่สามารถแบกรับสิ่งที่เกิดขึ้นและทําให้เกิดปัญหารุนแรงขึ้นได้

 

อาหารเป็นอีกเรื่องที่เขากังวล เหมิงเอวี้ยสามารถรู้สึกได้ว่าเมล็ดพันธุ์ในร่างกายของอู่เย่วหลิงยังไม่ตายซึ่งหมายความว่าอู่เย่วหลิงยังมีชีวิตอยู่เช่นกัน แต่สิ่งที่เขากังวลมากที่สุดคือเธออาจตกอยู่ในอาการโคม่าแล้ว

 

เขานึกไม่ถึงว่าซอมบี้ตัวเมียจะพยายามหาอาหารมนุษย์ให้ลูกสาวของเขา เขาสงสัยด้วยซ้ําว่าในอวกาศของซอมบี้นั้นมีออกซิเจนอยู่หรือไม่ และคิดว่าบางทีคนที่มีชีวิตอาจอยู่ในอาการโคม่าเมื่อเข้าไปในอวกาศ

 

อู่เฉิงเย่วเก็บความคิดเหล่านี้ไว้กับตัวเองและบอกตัวเองว่าลูกสาวของเขาสบายดี แต่ตอนนี้เขารู้สึกหดหูเมื่อได้ยินเหมิงเอวี้ยพูดออกมา แม้ว่าเขาจะเป็นคนใจเย็นและมั่นใจมาตลอด

 

แต่โชคดีที่เขามีจิตใจที่เข้มแข็งเป็นหนึ่งในผู้นําของฐานทัพ ดังนั้น ในไม่ช้าเขาก็ยับยั้งความคิดเชิงลบในใจของเขาได้

 

อย่างน้อยลูกสาวของเขาก็ยังมีชีวิตอยู่ในขณะนี้ และนั่นก็เพียงพอแล้ว!

 

เมื่อเห็นสีหน้าหดหูในใบหน้าของเขา เหมิงหยี่ก็ตระหนักว่าเธอพูดผิด ดังนั้น เธอจึงแก้ไขคําพูตัวเองว่า “ไม่เป็นไร หญ้าของฉันรู้สึกได้ว่าตอนนี้หลิงหลิงอยู่ใกล้เรามาก ดังนั้น เราน่าจะสามารถติดต่อกับเธอได้เร็ว ๆ นี้”

 

ในขณะนั้นทหารที่ขับรถหยุดรถกะทันหัน จากนั้นก็หันกลับไปรายงานอู่เฉิงเย่ว “ท่านผู้นําครับ ผมพบบางอย่างอยู่ข้างหน้า”

 

“มันคืออะไร?” อู่เฉิงเย่วและเหมิงเอวี้ยมองไปข้างหน้าพร้อมกันและถามออกมา

 

ทหารคนนั้นชี้ไปที่พื้นและพูดว่า “มีรอยล้อเพิ่งจากไปใหม่ๆบนถนน”

 

เมื่อได้ยินเช่นนั้นอู่เฉิงเย่วและเหมิงเอวี้ยก็เปิดประตูรถและ ลงจากรถไปดูทันที

 

รถคันดังกล่าวได้ขับออกจากทางหลวงและกําลังเคลื่อนตัวไปยังเมืองเล็กๆผ่านถนนย่อย พวกเขารู้สึกแปลกใจเมื่อได้ยินทหารพูดถึงรอยล้อรถใหม่ๆ พวกเขาจึงลงจากรถเพื่อตรวจสอบรอยที่ถนนนั้น

 

ถนนถูกปกคลุมไปด้วยทรายและฝุ่น และร่องล้อสองล้ออยู่ตรงกลาง เมื่อพิจารณาจากร่องล้อเหล่านี้รถคันนั้นเพิ่งจากไปไม่นาน

 

“มีบางคนขับรถเข้ามาในเมืองนี้ พวกเขาเป็นนักล่าซอมบี้หรือเปล่า? หรือโจร?” เหมิงเอวี้ยจ้องไปที่ร่องล้อบนถนนขณะพูด

 

“ เราจะพบว่าเกิดอะไรขึ้นเมื่อไปถึงที่นั่น ไปกันเถอะ” อู่เฉิงเย่วมองไปที่ถนนอย่างสงบจากนั้นก็หันกลับไปที่รถ แหมิงเอวียตามเขาขึ้นรถในทันที

 

ร่องล้อที่พวกเขาพบถูกทิ้งไว้โดยรถของหลินเสี่ยว ไม่มีใครอยู่ในเมืองเล็ก ๆ แห่งนี้ตั้งแต่โลกเก่าสิ้นสุดลง ถนนจึงถูกปกคลุมไปด้วยฝุ่นและทรายที่สะสมอยู่แล้ว

 

อู่เฉิงเย่วและเหมิงเอวี้ยคิดไม่ออกเลยว่าคนที่ขับรถเข้ามาในเมืองคือซอมบี้ชื่อหลินเสี่ยว เพราะพวกเขาเชื่อว่ามีเพียงมนุษย์เท่านั้นที่ขับรถได้ ดังนั้น พวกเขาจึงเดาว่าคนที่ขับรถเข้ามาในเมืองอาจเป็นนักล่าซอมบี้หรือพวกโจร

 

มันไม่ใช่กองทัพจากฐานแน่ เพราะพวกเขาพบร่อยรอยเป็นแค่รถคันเดียวเท่านั้นทิ้งรอยไว้ เป็นปริศนาใหม่ พวกเขาขับรถมุ่งหน้าต่อไปยังเมือง

 

บทที่ 73 : ผ่านฟาร์ม

 

หลินเสี่ยวไม่ได้ขับรถไปไกลก่อนที่จะเห็นฟาร์มในสายตาของเธอและดึงดูดความสนใจของเธอ

 

อาจเป็นเพราะสถานที่ห่างไกลของเมืองแทบไม่มีใครเคยมาที่นี่เลยตั้งแต่โลกเก่าสิ้นสุดลง ผู้คนส่วนใหญ่ที่อาศัยอยู่ในเมืองกลายเป็นซอมบี้ และคนที่รอดชีวิตก็หนีไปหมด ดังนั้นสถานที่แห่งนี้จึงถูกปล่อยให้ร้างว่างเปล่า

 

ก่อนหน้านี้หลินเสี่ยวได้พบสิ่งที่มีประโยชน์มากมายในร้านค้า

 

ถนนที่เธอขับรถมานั้นเป็นเส้นรอบเมือง เธอไม่คาดคิดว่าจะผ่านฟาร์มแห่งหนึ่ง หรืออย่างแม่นยํา เธอไม่คิดว่าจะมีฟาร์มขนาดใหญ่อยู่นอกเมือง

 

เธอจอดรถริมถนน แล้วยื่นหน้าออกไปเพื่อมองดูต้นไม้สีเขียวที่กว้างใหญ่ แม้ว่าโลกทั้งใบของเธอจะเป็นสีดําและขาวในสายตาของเธอก็ตาม

 

ยังคงมีโรงเรือนพลาสติกสําหรับปลูกพืชอยู่ในฟาร์ม พวกมันถูกทอดทิ้งเมื่อนานมาแล้ว พลาสติกที่คลุมไว้ส่วนใหญ่ในโรงเรือนเหล่านี้จึงหายไป ทิ้งแค่โครงไว้ที่นั่น

 

อย่างไรก็ตาม ผักหลายชนิดยังคงเติบโตภายใต้โครงเหล่านี้อย่างไม่เป็นระเบียบ ผักในโรงเรือนแต่ละชนิดมีพันธุ์เดียว และใช้พื้นที่ประมาณสองเอเคอร์ในฟาร์มสําหรับปลูก

 

หลินเสี่ยวพบพืชจําพวกถั่ว มันฝรั่ง ถั่วลิสงและแตงหลากสายพันธุ์ แต่น่าเศร้า กว่าเก้าสิบเปอร์เซ็นต์ของพวกมันดูเหมือนจะกลายพันธุ์

 

เธอมองไม่เห็นสี แต่รู้สึกได้ถึงไวรัสภายในพืชเหล่านี้ ตอนนี้เธอไม่เพียงสัมผัสได้ถึงพลังงานของน้ําในทะเลสาบแต่ยังสามารถรู้สึกถึงสิ่งอื่น ๆ อีกมากมาย นั่นอาจเกี่ยวข้องกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับเธอที่ลงไปในทะเลสาบ แต่เธอไม่สามารถบอกได้อย่างชัดเจนว่าเป็นเพราะสาเหตุนั้น

 

เธอลงจากรถและส่งอู่เย่วหลิงเข้าไปในอวกาศของเธอ จากนั้นก็พาจุนจุนออกมาจากพื้นที่เล็ก ๆ

 

เธอตั้งกฏสําหรับจุนจุน – เธอจําเป็นต้องออกมาจากอวกาศในขณะที่อู่เย่วหลิงอยู่ที่นั่น และถ้าเธอต้องการเข้าไปหลินเสี่ยวก็จะพาเด็กหญิงตัวน้อยออกมา

 

มาถึงจุดนี้ จุนจุนเชื่อใจหลินเสี่ยวมากกว่าเมื่อก่อน ดังนั้นเธอจึงทิ้งเด็กน้อยไว้ในอวกาศโดยไม่ต้องกังวลมากนัก และออกมาพร้อมกับหลินเสี่ยว

 

เมื่อออกมา เธอพบว่าพวกเขายืนอยู่ริมถนนหันหน้าไปทางฟาร์ม ในสายตาของเธอโลกยังคงไร้สีสัน

 

เธอมองไปที่หลินเสี่ยวด้วยความสับสน จากนั้นจึงส่ง โน้ตให้เธอ

 

‘รออยู่ที่นี่ ฉันจะลงไปดู เธอระวังที่นี่ หากมีมนุษย์ปรากฏตัวขึ้น เธอควรจะซ่อนหรือตามไปหาฉัน’

 

หลังจากนั้น หลินเสี่ยวก็กระโจนเข้าไปในทุ่งผัก แปลงผักเหล่านี้ไม่ได้รับการดูแลมานาน มันจึงรกเต็มไปด้วยวัชพืช ดูไร้ประโยชน์มาก

 

เมื่อหลินเสี่ยวมาถึงที่นี่ สิ่งแรกที่เธอจับได้ด้วยสายตาอัน เฉียบคมของเธอคือมีสวนผลไม้บนเนินเขาอีกด้านหนึ่ง หลังจากนั้นเธอก็ลงไปที่ทุ่งผักตรงนี้

 

เธอติดใจผักเหล่านี้เพราะจู่ๆเธอก็ก็อยากดูว่ายังมีผักที่กินได้ซึ่งยังไม่กลายพันธุ์อยู่บ้างหรือไม่

 

ตอนนี้เธอมีมนุษย์ที่มีชีวิตอยู่สองคนในพื้นที่อวกาศของเธอ และไม่ใช่แค่คนเดียว เธอไม่สามารถเลี้ยงพวกเขาทั้งสองโดยไม่มีสิ่งอื่นเลยนอกจากสตรอเบอร์รี่ เธอทําไม่ได้ใช่ไหม?

 

ที่สําคัญที่สุด เธอสัมผัสได้ถึงกลิ่นของสิ่งที่กินได้สําหรับเธอจากสวนผลไม้ ซึ่งหมายความว่ามีสัตว์บางชนิดอยู่ในนั้น!

 

หลังจากกินหนูและกระต่ายครั้งสุดท้ายเธอก็ไม่ได้กินอะไรมาเป็นเวลานาน แม้ว่าการขาดอาหารจะไม่ได้ทําอันตรายต่อร่างกายมากนัก แต่เธอก็ยังรู้สึกคันฟัน คอแห้งและท้องไส้ ปั่นป่วนอยู่เสมอ เพราะเธออยู่กับอู่เย่วหลิงทั้งวัน

 

เธออยากกินเนื้อ!

 

เธอมองไปที่ผักและวัชพืชที่อยู่ใต้เท้าของเธอหลังจากก้าวเข้าไปในแปลงผักนั้น เดินไปสักพัก เธอพบเถาวัลย์พันกันปกคลุมพื้นดินไปหมด แต่ส่วนใหญ่เต็มไปด้วยไวรัส

 

เธอนั่งยองๆดูฟักทองบนเถาของมัน แตงมีสีเทาในดวงตาของเธอ จากนั้นเธอก็หันกลับมามองเถาและใบ ใบก็เป็นสีเทาเช่นกัน แต่เถาเป็นสีดําแต่งแต้มด้วยสีม่วงแปลก ๆ

 

เธอรู้ว่าสีม่วงแปลก ๆ ที่เธอเห็นคือไวรัสนั่นเอง

 

แต่ก่อนเธอมองไม่เห็นไวรัส แต่ตอนนี้เธอมองเห็นแล้ว

 

ยกเว้นสีเขียวสดใจของพลังงานที่มีอยู่ในน้ําในทะเลสาบ ตอนนี้เธอสามารถมองเห็นสีอื่นที่มนุษย์ไม่สามารถมองเห็นได้

 

สิ่งที่ทําให้เธอรู้สึกแปลกใจก็คือทั้งฟักทองและใบไม้นั้นปราศจากไวรัส และไวรัสก็กระจุกตัวอยู่ในเถาวัลย์

 

เหตุใดจึงเกิดขึ้น?

 

มองไปที่ฟักทองขนาดใหญ่หน้าตาประหลาดที่อยู่ตรงหน้าเธอ หลินเสี่ยวเกาหัวด้วยกรงเล็บของเธอ

 

ขนาดของฟักทองเท่ากับฟักทองในโลกเก่า สิ่งที่ทําให้มันแตกต่างจากฟักทองทั่วไปก็คือลายเส้นที่บิดเบี้ยวบนผิวของมัน

 

หลินเสี่ยวจับฟักทองด้วยมือทั้งสองข้าง จากนั้นยืนยันว่าปราศจากไวรัส มันดูแปลกเพราะมีลายบนผิว ดูคล้ายกับใบหน้ามนุษย์ที่บิดเบี้ยว! ไม่มีมนุษย์คนใดกล้าแตะต้องฟักทองนี้เพราะ “อย่าแตะต้องพืชกลายพันธุ์แปลก ๆ ” กลายเป็นเรื่องธรรมดาไปแล้วตั้งแต่โลกเก่าสิ้นสุดลง

 

ผู้รอดชีวิตในโลกหลังวันสิ้นโลกจะไม่แตะต้องพืชใดๆ เว้น แต่พวกเขาต้องการได้รับผลกระทบจากไวรัสซอมบี้

 

หลินเสี่ยวก็รู้สึกเช่นกันว่าพืชในโลกหลังหายนะนี้แปลกประหลาด เป็นสิ่งที่ดูผิดปกติอย่างสิ้นเชิงและดูเหมือนการกลายพันธุ์นั้นไม่มีพิษ เช่นสตรอเบอร์รี่ในอวกาศของเธอ และฟักทองที่อยู่ตรงหน้าเธอก็กลายพันธุ์อย่างแน่นอน แต่ไวรัสอยู่ในเถาวัลแทนที่จะเป็นผล ซึ่งหมายความว่าปลอดภัย สําหรับมนุษย์ที่มีสุขภาพดีตราบเท่าที่พวกเขาไม่ได้สัมผัสกับเถาของมัน

 

ในขณะเดียวกันพืชบางชนิดก็ดูธรรมดา แต่กลับไม่เป็นเช่นนั้น

 

หลินเสี่ยวมองไปที่ต้นมะระที่มีขนอยู่ ข้างๆเธอและพบว่ามันดูปกติดี เธอมองไม่เห็นสีของมัน แต่อย่างน้อยก็มีรูปร่างปกติ อย่างไรก็ตาม หลินเสี่ยวสัมผัสได้ถึงกลิ่นโลหะจากผลของมัน

 

เธอไม่รู้ว่ากลิ่นโลหะนั้นจะส่งผลต่อมนุษย์อย่างไร แต่เธอเห็นว่ามันถูกปล่อยออกมาจากไวรัสภายในต้นพืช

 

หลังจากมองไปที่ต้นไม้รอบๆ หลินเสี่ยวลุกขึ้นยืนและ ค่อยๆ ก้าวเท้าเดินไปที่สวนผลไม้อย่างเงียบๆ เธอตัดสินใจที่จะอิ่มท้องก่อนแล้วค่อยกลับมาศึกษาผักและผลไม้เหล่านี้

 

ต้นไม้สองชนิดถูกปลูกในสวนผลไม้ ลูกพีชและลูกแพร์ สวนผลไม้มีขนาดใหญ่ แต่ต้นไม้ส่วนใหญ่ในนั้นกลายพันธุ์อุดมไปด้วยเชื้อไวรัส

 

หลินเสี่ยวสูดอากาศที่ต้นไม้เหล่านี้ กลิ่นของพวกเขาไม่น่าพอใจ แต่ก็ไม่น่ารังเกียจสําหรับเธอเช่นกัน อาจเป็นเพราะเธอมีไวรัสอยู่ในร่างกายด้วย

 

นอกเหนือจากกลิ่นของต้นไม้แล้ว เธอสัมผัสได้ถึงสิ่งอื่นจากส่วนลึกในสวนผลไม้ มันเป็นกลิ่นหอมที่ทําให้เธอรู้สึกหิวมากขึ้น

 

เธอเดินตามกลิ่นหอมที่ดึงดูดเธอเดินไปยังแหล่งที่มาของมันอย่างเงียบ ๆ เธออาจเริ่มเตรียมตัวสําหรับการล่าสัตว์โดยอัตโนมัติ ในขณะที่เธอข่มอารมณ์โดยสัญชาตญาณและค่อยๆเคลื่อนตัวไปยังแหล่งที่มาของกลิ่นหอมเหมือนแมว โดยไม่ส่งเสียงใด ๆ

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+