คุณหนูใบ้หัวใจแกร่ง 60 จบสิ้นในไม่ช้า

Now you are reading คุณหนูใบ้หัวใจแกร่ง Chapter 60 จบสิ้นในไม่ช้า at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 60 จบสิ้นในไม่ช้า

จวนท่านหญิง

จั่งกุ้ยใหญ่ของร้านน้ำแกงเครื่องในหนานเป่ย เยียนมู่โน้มตัวลงยืนอยู่มุมหนึ่งของห้อง

บริเวณรอบหลอดลมของคุณหนูสี่ เยียนอวิ๋นเกอเต็มไปด้วยเข็มสีเงิน ดูแล้วน่ากลัวอย่างยิ่ง

แม่นมชิวกำลังฝังเข็ม

ทุกคนต่างเงียบเสียง ภายในห้องสงบจนได้ยินเสียงเข็มตก

สาวรับใช้ทั้งหลายทำหน้ากังวล กลัวแม่นมชิวทิ่มคุณหนูสี่พลาดไป

เมื่อเห็นเวลาครบหนึ่งดอกธูป นางจึงเก็บเข็ม

เข็มเงินถูกดึงออกทีละเล่ม

สาวรับใช้ อาสี่ยกน้ำแกงชามร้อนเข้ามา

แม่นมชิวพูดกับเยียนอวิ๋นเกอ “คุณหนูดื่มยาชามนี้เสียเจ้าค่ะ!”

เยียนอวิ๋นเกอเคยชินอย่างมาก นางบีบจมูกยกยาขึ้นดื่ม

ขมอย่างมาก!

เกรงว่าหวงเหลียนคงหกลงไปทั้งขวด

อาเป่ยถามแม่นมชิว “แม่นม คอของคุณหนูสามารถรักษาได้หรือไม่”

รักษามาหลายปีแล้ว คุณหนูยังพูดไม่ได้ นางแทบจะสิ้นหวังแล้ว

แม่นมชิวไม่กล้ารับปาก เพียงแค่พูด “คอของคุณหนูดีขึ้นแล้ว”

เพียงแต่ยังขาดยาอีกชนิดหนึ่ง

เมื่อได้ยินว่าอาการดีขึ้น อาเป่ยเปลี่ยนจากความเศร้าเป็นดีใจ “คุณหนูต้องพูดได้ในไม่ช้าแน่เจ้าค่ะ”

เยียนอวิ๋นเกอวางชามยาลงพลันนวดลำคอ เพิ่งฝังเข็มเสร็จทำให้นางรู้สึกไม่สบายนัก

นางเคยชินกับการไม่สามารถพูดได้แล้ว มันไม่มีผลกระทบกับชีวิตของนางมากนัก

นางใช้สองมือทำท่า “แม่นมชิวไม่ต้องกังวล ค่อยเป็นค่อยไป ข้าไม่รีบ”

แม่นมชิวโน้มตัวเล็กน้อย “ขอบพระคุณคุณหนูเข้าใจ! ไม่ว่าอย่างไร บ่าวจะรักษาคอให้คุณหนูให้หายดีเจ้าค่ะ”

เยียนอวิ๋นเกอยิ้ม รักษาให้หายได้ย่อมดีที่สุด

หากรักษาไม่หาย นางก็ไม่รู้สึกผิดหวัง

อย่างไรก็ตาม นางก็ผิดหวังไปหลายรอบแล้ว

สาวรับใช้อาเป่ยพูด “ต้องเชิญหมอหลวงเข้าจวนตรวจดูคอให้คุณหนูหรือไม่ บางทีหมอหลวงอาจมีวิธีก็ได้นะเจ้าค่ะ”

แม่นมชิวมองเยียนอวิ๋นเกอ จะเชิญหมอหลวงหรือไม่ย่อมต้องให้เยียนอวิ๋นเกอตัดสิน

เยียนอวิ๋นเกอถามด้วยท่าทาง “แม่นมชิว หมอหลวงสามารถรักษาข้าได้หรือ”

แม่นมชิวครุ่นคิด ก่อนจะพูด “คุณหนูสามารถลองเชิญหมอหลวงได้เจ้าค่ะ แต่บ่าวยังคงยืนยันคำเดิม เพียงแค่ตามหายาที่ขาดไปให้เจอ บ่าวย่อมรักษาคอของคุณหนูได้”

เยียนอวิ๋นเกอครุ่นคิดถามด้วยท่าทาง “หากพูดเช่นนี้ หากในมือของหมอหลวงไม่มียาก็ไม่สามารถรักษาคอของข้าได้เหมือนกัน”

แม่นมชิวพยักหน้า “คอของคุณหนูไม่ใช่การบาดเจ็บทั่วไป”

เยียนอวิ๋นเกอรู้เรื่องนี้ดี

คอของนางได้รับบาดเจ็บตอนอายุห้าขวบ

ความทรงจำก่อนอายุห้าขวบ นางมี

เรื่องมากมายนางล้วนจำได้อย่างแม่นยำ

มีเพียงการบาดเจ็บของคอ นางจำไม่ได้แม้แต่น้อย

ไม่ว่านางจะระลึกอย่างไร นางก็จำไม่ได้ว่าตนเองได้รับบาดเจ็บได้อย่างไร

เมื่อรอนางฟื้นสติกลับมา นางก็ไม่สามารถพูดได้แล้ว

แม่นมและสาวรับใช้ที่คุ้นเคยข้างกายต่างหายไป

บอกว่าทุกคนต่างถูกส่งไปยังแปลงนา

ต่อมาเยียนอวิ๋นเกอแอบไปแปลงนาด้วยตนเอง นางตามหาคนทุกแปลงนาแต่ก็ไม่พบ

มีความเป็นไปได้ว่าสาวรับใช้และแม่นมไม่อยู่บนโลกแล้ว

หลังจากนั้นอีก ข้างกายของนางก็มีอาเป่ยและอาสี่

อีกทั้งยังมีแม่นมชิวที่เชี่ยวชาญด้านยาพิษ

นางถึงได้รู้ว่าตนเองถูกวางยาพิษ ทำให้นางกลายเป็นใบ้ ไม่อาจพูดได้อีก

หลายปีนี้ แม่นมชิวรักษาให้นางเสมอมา เพียงแต่ขาดยาที่เป็นส่วนสำคัญ นางจึงไม่อาจพูดได้

แน่นอน การรักษาของแม่นมชิวในหลายปีนี้ยังพอมีผลอยู่บ้าง

แต่ก่อนเพียงแค่นางอ้าปากส่งเสียง คอของนางก็เจ็บจนทนไม่ไหว หลอดลมบวมแดงยากที่จะหายเป็นเวลานาน

นับแต่แม่นมชิวรักษาให้นาง คอของนางก็เริ่มที่จะไม่เจ็บและไม่บวมแดงอีก

บางครั้งยังสามารถส่งเสียงเลียนแบบออกมาได้บ้าง

นางพยายามสืบหาความจริงที่ตนเองได้รับบาดเจ็บ

แต่ราวกับว่าทุกคนที่รู้ความจริงต่างถูกประหารหรือไม่ก็ถูกปิดปาก พวกเขาไม่ยอมพูดสิ่งใดทั้งสิ้น

นางเคยถามมารดาเซียวฮูหยินหลายครั้ง

เพียงแต่ท่านแม่ไม่เคยบอกสิ่งใดกับนาง

เพียงแค่ให้นางเชื่อฟังข้อเสนอของแม่นมชิว รักษาอาการอย่างสบายใจ

เวลาหลายปีผ่านไปในชั่วพริบตา เยียนอวิ๋นเกอเคยชินกับชีวิตที่พูดไม่ได้ไปเสียแล้ว

นางยิ้มให้เหล่าสาวรับใช้ บอกให้พวกนางไม่ต้องกังวล

ก่อนจะกวักมือเรียกเยียนมู่เข้ามา

เยียนมู่โน้มตัวคำนับ “คุณหนูดีขึ้นแล้วหรือไม่ขอรับ”

เยียนอวิ๋นเกอสองมือทำท่าทาง “เจ้าเป็นกังวลแล้ว คราวนี้เดินทางมา เกิดเรื่องใดขึ้นหรือ”

เยียนมู่พูดขึ้นทันที “ร้านน้ำแกงเครื่องในฝูจี้เกิดเรื่องแล้ว ลูกค้าที่ไปทานร้านนั้นต่างท้องเสีย อีกทั้งยังมีคนตาย เรื่องไปถึงสำนักหยาเหมินแล้วขอรับ”

“เรื่องนี้เกี่ยวกับพวกเราหรือ” สิ่งแรกที่เยียนอวิ๋นเกอคิดได้คือเรื่องนี้เป็นฝีมือของเยียนมู่ใช่หรือไม่

เพราะก่อนหน้านี้พวกเขาก็หารือกันว่าจะเปิดโปงแหล่งวัตถุดิบของร้านน้ำแกงเครื่องในฝูจี้อยู่แล้ว

เยียนมู่ส่ายหน้า “บ่าวยังไม่ทันลงมือ ฝูจี้ก็เกิดเรื่องขึ้นเสียแล้ว บ่าวกังวลว่ามีคนจะทำให้ร้านน้ำแกงเครื่องในหนานเป่ยของพวกเราเดือดร้อน แม้จะไม่เดือดร้อน แต่ก็ยากที่จะรับรองว่าไม่มีคนบอกว่าเป็นฝีมือของพวกเรา”

เยียนอวิ๋นเกอหัวเราะขึ้นมา “ไม่ต้องกลัว! ฝูจี้มีเบื้องหลัง หนานเป่ยไม่มีเบื้องหลังอย่างนั้นหรือ จวนท่านหญิงคือที่พึ่งของทุกคน ผู้ใดบังอาจใส่ร้ายหรือกัดไม่ปล่อย องครักษ์ของจวนท่านหญิงไม่ใช่เครื่องประดับ หมัดในมือของข้าก็ไม่ใช้เครื่องประดับ”

เมื่อมีคำพูดนี้ เยียนมู่วางใจลงทันที

คนด้านล่างจะทำเต็มที่ได้ อันดับแรกต้องมีคนเบื้องบนสนับสนุน

อาเป่ยฉวยโอกาสพูดแทรก “ร้านน้ำแกงเครื่องในฝูจี้สมควรแล้ว! เลียนแบบร้านน้ำแกงเครื่องในหนานเป่ยเพียงแค่ภายนอก สิ่งสำคัญคือวัตถุดิบ บังอาจใช้หมูแพะที่ป่วยตาย กรรมตามสนองแท้ๆ”

บอกว่าฝูจี้เลียนแบบแค่ภายนอกยังเกรงใจเกินไป

เถ้าแก่ของร้านน้ำแกงเครื่องในฝูจี้ชั้นต่ำอย่างมาก!

เขาเลียนแบบการค้าขายของร้านน้ำแกงเครื่องในหนานเป่ย เปิดร้านแบบลูกโซ่สิบกว่าร้านในคราวเดียว

อีกทั้งแต่ละสาขาของฝูจี้ล้วนเปิดอยู่ด้านข้างสาขาของร้านน้ำแกงเครื่องในหนานเป่ย

เห็นได้ชัดว่าต้องการแย่งแหล่งลูกค้า

เพราะเยียนอวิ๋นเกอเป็นคนสำรวจตำแหน่งที่ตั้งแต่ละสาขาของร้านน้ำแกงเครื่องในหนานเป่ยด้วยตนเอง จำนวนลูกค้าย่อมสามารถรับประกันได้

แต่ละร้านถือว่าเป็นตำแหน่งค้าขายชั้นดี

ฝูจี้ลอกเลียนแบบหนานเป่ยตั้งแต่ต้นจนจบ มีเพียงวัตถุดิบที่ผิดพลาด

แน่นอน เรื่องรสชาติ ฝูจี้อยากลอกเลียนแบบก็ไม่อาจทำได้

ไม่มีเครื่องเทศที่ครบครัน ไม่มีสูตรของเยียนอวิ๋นเกอ อย่าหวังจะลอกเลียนแบบ

ฝูจี้ทำได้เพียงเลียนแบบแค่ภายนอกเท่านั้น

เพื่อแย่งลูกค้า พวกเขาใช้กลยุทธ์ตัดราคา ลดต้นทุน สุดท้ายทำให้ตัวเองตาย

อีกทั้งยังเกิดการฟ้องร้องเพราะมีคนตาย!

เยียนอวิ๋นเกอกำชับ “จับตาดูสำนักหยาเหมินรวมทั้งเถ้าแก่ของฝูจี้เอาไว้ หากมีการเคลื่อนไหวใด พวกเจ้าไม่ทันมารายงานก็สามารถตัดสินใจเองได้เลย อย่างไรก็ตามใช้โอกาสในคราวนี้ ตีฝูจี้ให้ตาย ต่อจากนี้หากผู้ใดบังอาจแย่งลูกค้าของร้านน้ำแกงเครื่องในหนานเป่ยอีก คงต้องชั่งดูว่าตนเองมีความสามารถหรือไม่”

เยียนอวิ๋นเกอไม่ได้เจตนาทำให้เป็นเรื่องใหญ่

แต่นางมีแผนการภายหน้าอีกจำนวนมาก โดยเฉพาะการบุกเบิกที่เกี่ยวข้องกับผลกำไรจำนวนมหาศาล

นางฉวยโอกาสในครานี้แสดงถึงบารมี บอกทุกคนว่ากิจการของนางเยียนอวิ๋นเกอ ผู้ใดก็แตะต้องไม่ได้

ผู้ใดกล้ายื่นมือมาแตะต้อง นางจะตัดมือของผู้นั้น

เชือดไก่ให้ลิงดูเสีย!

ส่งสัญญาณให้ทุกคนรู้ว่าเยียนอวิ๋นเกอไม่เกรงกลัวอำนาจใดทั้งสิ้น

ผู้ใดกล้ายื่นมือแทรกแซงกิจการของนางย่อมต้องเตรียมตัวถูกโจมตี

เยียนมู่รับคำสั่งพลันจากไป

หลายวันต่อมา ข่าวที่ฝูจี้ทำคนตายแพร่กระจายไปทั่วตรอกซอยของเมืองหลวง ถือเป็นหัวข้อสนทนาชั้นดี

โดยเฉพาะแหล่งที่มาวัตถุดิบของฝูจี้ถูกเปิดโปงออกมา ลูกค้าที่เคยเดินทางไปอุดหนุนฝูจี้ต่างหลั่งไหลไปที่สำนักหยาเหมิน ขอให้ใต้เท้าทวงความยุติธรรม

คนส่วนใหญ่ล้อมรอบร้านแต่ละแห่งของฝูจี้ พังทลายเพื่อระบายความโกรธ

พ่อค้าใจดำ สมควรตาย!

ตระกูลของเจาทุกข์ยกศพไปที่สำนักหยาเหมิน

กลิ่นนั้น…

จิงจ้าวอีหยาเหมินที่รับดำเนินคดีรีบเคลื่อนไหวในทันที พวกเขาสั่งจัดการแหล่งที่มาวัตถุดิบของฝูจี้

เพียงแต่คดีจะตัดสินอย่างไร ใต้เท้าจิงจ้าวอีกลุ้มใจเล็กน้อย

คดีกระจ่างอย่างมาก แต่เถ้าแก่เบื้องหลังของฝูจี้คือเถียนเสี้ยวเว่ยแห่งกองทัพเหนือ

ตระกูลเถียนไม่มีการเคลื่อนไหว ใต้เท้าจิงจ้าวอีไม่กล้าชะล่าใจ

หากเขาลงโทษเถ้าแก่ฝูจี้ ภายหลังตระกูลเถียนมาคิดบัญชี เขาคงต้องโชคร้ายอย่างมาก

อีกทั้งระยะนี้ยังมีข่าวลือ คดีนี้เกี่ยวข้องกับร้านน้ำแกงเครื่องในหนานเป่ย แต่เสียดายที่ไม่มีหลักฐาน

จิงจ้าวอีหยาเหมินทำให้ตระกูลเถียนขุ่นเคืองแล้ว ไม่อยากทำให้จวนท่านหญิงจู้หยางขุ่นเคืองไปด้วย

ใต้เท้าจิงจ้าวอีลูบคลำผมที่เหลือน้อยลงทุกวัน เขากลุ้มยิ่งนัก!

ตำแหน่งของเขานี้ ด้านบนมีแม่ยายหลายท่าน แต่ละท่านล้วนมีเรื่องด้วยไม่ได้

เขาเปรียบเสมือนสะใภ้ตัวน้อยที่ต้องทนทุกข์ทรมาน

ที่สำคัญคือทนทุกข์ทรมานแล้ว ยังไม่มีคนจดจำความดีความชอบของเขาอีก

คิดไปคิดมา เขาจึงตัดสินใจลงโทษตัวน้อยก่อน คนที่สมควรประหารก็ประหาร สมควรเนรเทศก็เนรเทศ อย่างน้อยก็ระงับความโกรธของเจ้าทุกข์ก่อนได้

ส่วนเถ้าแก่ของฝูจี้ยังคงคุมขังต่อไป

เขาต้องดูทิศทางลม ก่อนจะตัดสินใจว่าจะลงโทษอย่างไร

เสียดาย แผนการไม่เร็วเท่าการเปลี่ยนแปลง

เรื่องนี้ทำให้ภายในพระราชวังตื่นตระหนก

วันหนึ่งฮ่องเต้หย่งไท่เรียกใต้เท้าจิงจ้าวอีเข้าพบเพื่อถามเรื่องนี้

ใต้เท้าจิงจ้าวอีได้ยินจึงแอบตะโกนภายในใจ “แย่แล้ว…แย่แล้ว!”

ต่อหน้าฮ่องเต้ เขาไม่กล้าปิดบัง

เขาทูลรายงานรายละเอียดของคดีทั้งหมดออกมา รอคอยการตัดสินของฮ่องเต้

ฮ่องเต้หย่งไท่หัวเราะ “เถ้าแก่ของฝูจี้ เหตุใดเจ้าจึงไม่ตัดสินเสียที เพราะไม่สามารถหรือไม่กล้า”

“กระหม่อม…” ใต้เท้าจิงจ้าวอี้เหงื่อตก

“ไม่กล้าพูดหรือ” สีหน้าของฮ่องเต้หย่งไท่ดำทะมึน

ตุบ!

ใต้เท้าจิงจ้าวอีคุกเข่าลง “ฝ่าบาทโปรดทรงไว้ชีวิต! กระหม่อมผิดไปแล้ว กระหม่อมจะกลับไปตัดสินคดีอีกครั้ง ผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด กระหม่อมจะไม่ปล่อยไปแม้แต่คนเดียว”

ฮ่องเต้หย่งไท่เคาะโต๊ะเบาๆ “ไม่ต้อง! คดีนี้มอบให้องครักษ์จินอู่รับมือต่อ หลังจากกลับไป เจ้านำคดีและผู้ร้ายส่งมอบให้องครักษ์จินอู่ อย่าได้ล่าช้า!”

ใต้เท้าจิงจ้าวอีทำหน้าตกตะลึง

เรื่องขัดแย้งของสามัญชน แม้จะมีคนตายก็ยังเป็นเรื่องขัดแย้งของสามัญชน แต่ฮ่องเต้กลับให้องครักษ์จินอู่ที่รับแต่คดีสำคัญออกหน้า

ทันใดนั้นใต้เท้าจิงจ้าวอีเหงื่อตก

เขาไม่กล้าคิดลึก แต่ก็พอรู้ว่าฮ่องเต้จะใช้เรื่องที่มีคนตายในคราวนี้สร้างสถานการณ์ขึ้น

จบแล้ว…จบแล้ว!

เขาจะเดือดร้อนไปด้วยหรือไม่

ทางด้านเถียนเสี้ยวเว่ย…

สมองของใต้เท้าจิงจ้าวอีสับสนอย่างมาก เขาโน้มตัวรับคำสั่ง ก่อนจะเดินออกจากพระราชวังอย่างกับคนไร้วิญญาณ

เขากลับมาถึงสำนักหยาเหมิน คนด้านล่างมารายงานว่าคนขององครักษ์จินอู่มาถึงแล้ว

“มาเร็วเสียจริง!”

ช่างเถิด ช่างเถิด!

ใต้เท้าจิงจ้าวอีโบกมือ “พวกเจ้าให้ความร่วมมือกับองครักษ์จินอู่อย่างเต็มที่ พวกเขาอยากได้สิ่งใดก็ให้ไป”

ต้องรีบส่งเทพแห่งโรคจากไปให้ได้

เวลานี้ เขารู้สึกโชคดีแทนเหล่าตัวน้อยที่ถูกลงโทษไปแล้ว

โชคดีที่พวกเขาได้รับโทษเร็ว หากตกอยู่ในมือขององครักษ์จินอู่ มีชีวิตอยู่สู้ตายไปเสียดีกว่า

เถ้าแก่ของฝูจี้โชคร้ายแล้ว

เขาใจดีขังเถ้าแก่ของฝูจี้ไว้ในคุก แต่กลับถูกส่งตัวเข้าคุกหลวงขององครักษ์จินอู่ในชั่วพริบตา

เป็นโชคดีหรือโชคร้าย ช่างยากที่จะพูด

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *