การแก้แค้นของคุณหนูซู [毒妻在上] 64

Now you are reading การแก้แค้นของคุณหนูซู [毒妻在上] Chapter 64 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ ๖๔

 

ฟ่างหยวนเห็นว่าเพื่อนคู่หูดูซีดลง เขาก็ส่ายหน้าและยิ้มออกมา “ชิงหนิง ข้าไม่เคยทรยศเจ้า ไม่ใช่อย่างที่เจ้าคิดหรอก”

 

“แต่นาง…?” เห็นซูหลี่เดินมาหาเขาอย่างสง่างาม ฉู่ชิงหนิงก็เต็มไปด้วยความสงสัย

“ซูหลี่เป็นสหายของข้า ข้าแค่แสร้งทำเป็นบริกรในตึกไป๋เว่ย ซูหลี่ยังดูแลน้องสาวข้าอีกด้วย” ฟ่างหยวนอธิบาย

 

ในช่วงเวลาเช่นนี้ เงินที่ฟ่างหลิงต้องการใช้เป็นค่าอาหาร เครื่องนุ่งหุ่ม และยารักษาโรคต่างมาจากซูหลี่ ตอนนี้ฟ่างหลิงถือเป็นน้องสาวของซูหลี่แล้ว แม้แต่ตอนที่เขาเถียงกับซูหลี่ น้องสาวของเขาก็ให้การสนับสนุนนาง

 

ฉู่ชิงหนิงอึ้งไป ในสายตาของเขาซูหลี่เป็นคุณหนูตระกูลร่ำรวยที่ไม่รู้ชีวิตมากนัก แต่ดูเหมือนว่าเรื่องนี้จะซับซ้อนมากกว่าที่เขาจินตนาการออกแล้ว

 

“เอาล่ะ เจ้าจะช่วยข้าไหม?” ซูหลี่เอ่ยพลางยิ้มบาง “ข้าให้ในสิ่งที่แม่นางจูเสนอเจ้าได้และมากกว่านั้นเสียอีก”

 

ฉู่ชิงหนิงมีสีหน้าจริงจังและถามขึ้น “ข้ามีกลุ่มน้อง ๆ อยู่ในวัดเก่าอยู่ เจ้าจะช่วยพวกเขาไหม?”

 

“ข้าไม่ช่วยคนที่ไม่ทำอะไรเลย”

 

คำตอบของซูหลี่ทำให้ฉู่ชิงหนิงกระวนกระวายเล็กน้อย แต่เขาก็ยิ่งประหลาดใจกับสิ่งที่ตามมา

 

“แต่ข้าจะรักษาคนป่วยหรือพิการ จากนั้นก็สอนทักษะให้พวกเขาและขอให้พวกเขาช่วยข้า เจ้าว่าอย่างไร?”

 

ได้ยินดังนี้ฉู่ชิงหนิงก็ตะลึงไปเล็กน้อย แม่นางจูเสนอแค่เงินให้เขา แต่เมื่อกล่าวถึงเรื่องการสอนทักษะให้อยู่ได้ด้วยตัวเอง…เรื่องนี้ก็เป็นข้อเสนอที่เขาไม่อาจปฏิเสธได้ หากตัวตนในฐานะคนเร่ร่อนในดินแดนหนานเจียงของเขาถูกเปิดเผย เขาก็ไม่อาจปกป้องตัวเองได้ ไม่ใช่ว่าเขาจะสามารถขอความช่วยเหลือจากทางการของดินแดนต้าฮั่นได้

 

มันจะเป็นเรื่องดีมากหากซูหลี่ช่วยเขา!

 

“แม่นางซูช่างตรงไปตรงมานัก ข้าตกลง!” ฉู่ชิงหนิงพยักหน้าอย่างไม่ลังเล ทันใดนั้นเขาก็ถามอย่างระมัดระวัง “แม่นาง เจ้าเห็นว่าข้าตบตาตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?”

 

ซูหลี่ยิ้มอย่างมีนัยยะและเอ่ยตอบ “เจ้าปลอมเป็น อู่จิน ที่ข้าเคยเห็นมาก่อน”

 

เหงื่อเย็นไหลท่วมหน้าผากฉู่ชิงหนิง ที่แท้เขาเปิดเผยตัวตั้งแต่แรกแล้ว

 

เฮยตันยิ้มขณะฟังบทสนทนาระหว่างพี่ใหญ่ของเขากับซูหลี่ พี่ใหญ่มีท่าทีกระอักกระอ่วนไม่น้อย

 

“พวกเขาเลือกที่จะช่วยข้า ฟ่างหยวน พาพวกเขาไปที่หุบเขาและให้เงินบางส่วนสร้างตึกไม้ไผ่อีกหลัง ซื้อของที่ข้าทำรายการไว้แล้วเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้” ซูหลี่หยิบธนบัตรราคาหนึ่งล้านชั่งวางบนมือฟ่างหยวน ฉู่ชิงหนิงตาโตด้วยความดีใจเมื่อเห็นมัน

 

ซูหลี่รวยมากจนสามารถหยิบเงินหนึ่งล้านชั่งได้ในครั้งเดียวเลยเหรอ?!

 

ฟ่างหยวนเอ่ยด้วยรอยยิ้มขื่น “เจ้าช่างชอบใช้คนให้ไปทำเรื่องต่าง ๆ เพื่อเจ้าเสียจริง ข้าไม่อยากสร้างตึกไม้ไผ่แล้ว ชิงหนิง สร้างที่พักของเจ้าเองก็แล้วกัน ข้ายังเหนื่อยจากคราวที่แล้วอยู่เลย”

 

ฉู่ชิงหนิงโบกมือ “ง่ายมาก ข้ามีคนกลุ่มใหญ่ เราสร้างเสร็จภายในไม่กี่วันแน่”

 

หลังจัดสรรกันเรียบร้อย ซูหลี่ก็ออกจากตรอกมืด วันนี้นางไม่ได้ไปที่ไป๋เฉ่าถังเพื่อช่วยเหลือ

 

ฟ่างหยวนกับฉู่ชิงหนิงไปที่ถนนทิศใต้เป็นที่แรกเพื่อรวมเหล่าคนของฝ่ายหลัง จากนั้นพวกเขาก็ไปที่หุบเขา

 

เห็นขอทานน้อยตัวผอมราวกับแท่งไม้ ฟ่างหยวนพลันยิ้มและเอ่ยขึ้น “ชิงหนิง นี่คือพวกน้องชายที่เจ้าพูดถึงใช่ไหม?”

 

ฉู่ชิงหนิงยิ้มและพลันเดินเข้าไปใกล้และถูมือ เขากระซิบ “พวกเขาหิวมาหลายวันแล้ว ตอนนี้เจ้าเพิ่งได้มาหนึ่งหมื่นชั่ง น่าจะซื้ออาหารให้พวกเขานะ”

 

ฟ่างหยวนตอบ “มีอาหารมากมายในหุบเขา ค่อยว่ากันเมื่อถึงที่นั่นแล้วกัน เจ้านี่ไม่ค่อยเปลี่ยนไปเลยนะ ทำไมเจ้าถึงมีความสัมพันธ์กับพวกเขาล่ะ?”

 

ฉู่ชิงหนิงมีสีหน้าจริงจังเมื่อคิดถึงช่วงเวลาที่เป็นผู้ลี้ภัยแล้วเอ่ยตอบ “ข้าได้รับบาดเจ็บตอนนั้นและเกือบจะตาย เป็นพวกเขาที่กำลังหิวโหยและไปซื้อสมุนไพรในไป๋เฉ่าถังให้ข้า ท่านหมอฉีแห่งไป๋เฉ่าถังใจดีนัก เขาช่วยข้าอยู่เรื่อย ๆ”

 

ฟ่างหยวนนิ่งไป เทียบกับเขาแล้วฉู่ชิงหนิงสาหัสกว่ามาก

 

“ครอบครัวของพวกเขาถูกทำลาย ข้าจะ…ต้องล้างแค้นไม่ช้าก็เร็ว!”คำพูดของฉู่ชิงหนิงเต็มไปด้วยความเกลียดชัง

 

ฟ่างหยวนตบไหล่และไม่พูดอะไร

 

การมีกลุ่มขอทานหิวโหย ทำให้ฟ่างหยวนใช้เวลาสองชั่วยามในการไปที่หุบเขา

 

เห็นภูมิประเทศของหุบเขาที่เงียบสงบ ฉู่ชิงหนิงก็ประหลาดใจและเอ่ยขึ้น “สถานที่นี้เงียบสงบนัก เจ้าหามันเจอได้อย่างไร? เจ้ายังอยู่ที่นี่กับซูหลี่อีกด้วย โอ้…”

 

ฉู่ชิงหนิงเริ่มเอ่ยอะไรบางอย่างเรื่อยเปื่อย ฟ่างหยวนเหลือบมองเขาและเน้นย้ำ “และน้องสาวข้าด้วย! ข้าไม่ได้เป็นคนเจอที่นี่หรอก เป็นซูหลี่ที่พาข้ามาที่นี่”

 

ฟ่างหยวนเดินไปที่ชั้นวางของที่สร้างใหม่เพื่อหยิบข้าวและเนื้อบางส่วนจากนั้นก็บอกให้ฟ่างหลิงเข้าครัวของตึกไม้ไผ่ไปปรุงอาหาร มันใช้เวลาไม่นานนัก

 

เหล่าขอทานนั่งรอบโต๊ะไม้ที่ชั้นหนึ่ง ทุกคนพากันสวาปามอาหาร พวกเขาต่างเป็นเด็กกำพร้าหรือถูกทอดทิ้งตั้งแต่เกิด พวกเขาไม่เคยกินข้าวและเนื้อแสนอร่อยเช่นนี้เลย

 

“อร่อย!”

 

“ข้าขออีกชามได้ไหม?”

 

“…”

 

เมื่อฟ่างหลิงเห็นกลุ่มขอทานทานอาหารที่นางทำ นางก็รู้สึกลิงโลด “ได้สิ ข้าจะเติมให้เจ้านะ!”

 

ฉู่ชิงหนิงมองพวกเขาขณะยืนอยู่ที่ประตูครู่หนึ่ง เขาถอนหายใจเบา ๆ และเดินไปที่บันไดและนั่งข้างฟ่างหยวน

 

“ข้าช่างไร้ประโยชน์ในฐานะพี่ใหญ่จริง ๆ ข้าไม่สามารถหาอาหารให้พวกเขาได้เพียงพอ ถ้าข้าไม่ได้เจอเจ้าข้าก็ไม่รู้จะทำอย่างไรในภายภาคหน้า”

 

ฟ่างหยวนยิ้มขื่น คิดถึงประสบการณ์ในถนนสายใต้แล้วเขาก็มีความรู้สึกซับซ้อนหลายอย่าง

 

“ข้าก็เกือบจะเป็นแบบเจ้าแล้ว ตอนนั้นเพื่อไม่ให้ถูกเปิดโปง ข้าจึงตั้งแผงขายของบนถนน ซูหลี่บริจาคเงินให้ข้าห้าร้อยชั่ง แต่เงินกลับถูกขโมยในชั่วพริบตาเดียว เราอาศัยบนถนนสายใต้ อาหลิงก็เกือบจะถูกขืนใจ”

 

เมื่อคนสองคนพูดถึงอดีตของพวกเขา ทั้งคู่ก็มีท่าทีขมขื่น พวกเขายังหนุ่มแต่เจอเรื่องมามาก

 

“อย่าเอ่ยเวลาช่วงนั้นอีกเลย ซูหลี่ใจดีมีเมตตา ชีวิตของเราจะต้องดีขึ้นเรื่อย ๆแน่” ฉู่ชิงหนิงละสายตาและเอ่ยขึ้น “เจ้าอาจจะได้แต่งงานกับนางก็ได้!”

 

สีหน้าของฟ่างหลิงพลันพิกล

 

ฉู่ชิงหนิงเหลือบมองตึกไม้ไผ่และเห็นสถานที่ที่ฟ่างหยวนอาศัยอยู่ที่ชั้นหนึ่ง เขาอดไม่ได้ที่จะยกยิ้ม “ที่อยู่อาศัยของเจ้าตกแต่งได้ดีไม่น้อย ซูหลี่อาศัยอยู่ที่ชั้นสองงั้นเหรอ ข้าอยากขึ้นไปดูหน่อย!”

 

เมื่อฉู่ชิงหนิงกำลังจะลุกขึ้น ฟ่างหยวนก็รีบดึงตัวเขาไว้

 

ฉู่ชิงหนิงยิ้มและเอ่ยขึ้น “ทำไมต้องรั้งข้าไว้ล่ะ? เจ้าหวงนางมากขนาดนั้นเลยเหรอ?”

 

ฟ่างหยวนกลอกตาใส่และปล่อยชายผ้าของฉู่ชิงหนิง เขาเอ่ย “หากเจ้าอยากตายก็ขึ้นไปเลย อย่าหาว่าข้าไม่หยุดเจ้าไว้แล้วกัน”

 

“เอ่อ…”

 

เห็นฟ่างหยวนจริงจัง ฉู่ชิงหนิงก็ใคร่รู้ขึ้นมา ฝ่ายแรกอธิบายก่อนที่เขาจะถาม “มันก็คือ…สถานที่ที่ซูหลี่ใช้ชำระพิษของนาง”

 

ซูหลี่?

 

ชำระพิษ?

 

ฉู่ชิงหนิงประหลาดใจ เป็นเรื่องแปลกที่นำคำเหล่านั้นมารวมกัน ทำไมคนอย่างซูหลี่ต้องชำระพิษด้วย?

 

ฉู่ชิงหนิงพลันนึกไปถึงความรู้สึกตกอยู่ในอันตรายอย่างบอกไม่ถูกบนรถม้าระหว่างวันได้ เขาตัวสั่นและรีบถาม “ฟ่างหยวน ถ้าเจ้ากับข้าไม่ได้เจอกัน จะเกิดอะไรขึ้นกับข้า?”

 

ฟ่างหยวนเหลือบมองเขาด้วยสายตาว่างเปล่าและเอ่ยเสียงเย็น “เจ้าก็คงจะ…ถูกวางยาจนตายแม้แต่กระดูกก็ไม่เหลือน่ะสิ”

 

ฉู่ชิงหนิงตัวเกร็งค้าง เขาหัวเราะออกมา แม้น้ำเสียงของฟ่างหยวนฟังดูเย็นชานัก แต่เขาก็รู้สึกว่าฝ่ายแรกกำลังเยาะเย้ยบนความทุกข์ของเขาอยู่

 

เมื่อฉู่ชิงหนิงคิดเรื่องนี้ เขาก็พลันนึกถึงอะไรบางอย่างออกและเอ่ยด้วยความตื่นตระหนก “โอ้! เมื่อไหร่ที่การปลอมตัวเป็นอู่จินของข้าจะสิ้นสุดเสียที? นี่มันแย่มาก ข้ารับเงินมาแล้วด้วย”

 

“ทำไมเจ้าถามข้าล่ะ? ข้าเป็นแค่บริกรเท่านั้น” ฟ่างหยวนเยาะเย้ย “มีใครคนอื่นรู้เรื่องตระกูลซูมากกว่าซูหลี่อีก?”

 

“ซูหลี่เป็นแค่คุณหนูตระกูลซู นางจะเทียบกับฮูหยินหนึ่งได้อย่างไร?”

 

ฉู่ชิงหนิงสงสัย ฮูหยินหนึ่งเป็นมารดาแท้ ๆ ของซูหลี่ ทำไมนางถึงพยายามจะทำร้ายลูกสาวด้วยกลอุบายเช่นนี้?

 

ฉู่ชิงหนิงอึกอักก่อนจะไปหาซูหลี่

 

หลังจากนั้นสองชั่วยาม ก็ดูเหมือนว่าเขาจะกลายเป็นอีกคนหนึ่งเมื่อกลับออกมา เขาเอ่ยด้วยความยินดีปรีดา “ซูหลี่ยอดเยี่ยมจริง นางมีวิธีแก้ไขแล้ว นางช่างฉลาดนัก!”

 

ฟ่างหยวนพลันกลอกตาและเอ่ยขึ้น “ใครบางคนเพิ่งพูดอยู่ว่าซูหลี่เทียบไม่ได้กับฮูหยินหนึ่งนี่นะ”

 

“ถึงซูหลี่จะเป็นแค่เด็กสาวที่มีพลังอ่อนด้อย เราก็ไม่อาจสู้นางได้ในเรื่องสติปัญญาและกลอุบายหรอก นับจากวันนี้จงช่วยนางซะ และอย่าคิดอกุศลอะไรทั้งนั้น”

 

ฟ่างหยวนรู้ว่าเพื่อนเอ่ยเตือนเขาด้วยนิสัยเปี่ยมไปด้วยพลัง ฉู่ชิงหนิงหัวเราะและเหลือบมองชั้นสองของตึกไม้ไผ่แล้วก็หวาดกลัวขึ้นมา

 

เช้าตรู่ของอีกวันหนึ่ง ซูฮ่วนหลี่ก็รีบขึ้นรถม้า เขาไม่มีเวลาแม้กระทั่งเรียกหลี่หยิน ใครบางคนส่งจดหมายมาว่าธุรกิจผ้าไม่ได้ดำเนินไปด้วยดี เขาต้องไปดูสักหน่อย

 

ระหว่างทางซูฮ่วนหลี่ก็รู้สึกแปลกใจ เขาเปิดม่านขึ้น ทันใดนั้นเงาดำเบื้องหลังเขาก็ปิดปากและจมูกของเขาไว้ด้วยผ้าเช็ดหน้าก่อนที่เขาจะทันมองทิวทัศน์ข้างนอกเสียอีก!

 

“อื้อออ…”

 

ซูฮ่วนหลี่หายใจสองครั้งและหมดสติไป

 

หลังจากนั้นครู่หนึ่ง ซูฮ่วนหลี่ก็ตื่นขึ้นและพบว่าถูกมัดนอนอยู่บนพื้น แม้แต่ปากของเขาก็ถูกอุดไว้จนไม่อาจพูดออกมาได้

 

“ใครลักพาตัวข้ากัน? ตระกูลหยาง? ตระกูลจู?”

 

ซูฮ่วนหลี่หวาดกลัวและเสียใจที่ไม่ได้มาพร้อมกับหลี่หยิน หากหลี่หยินอยู่ที่นั่น เขาก็คงไม่ถูกลักพาตัว

 

ขณะที่ซูฮ่วนหลี่กำลังดิ้นรน เขาก็ได้ยินเสียงฝีเท้าด้านนอก ซูฮ่วนหลี่หันมองอย่างยากลำบากและพบว่าเขาอยู่ในวัดร้าง เขาถูกซ่อนอยู่เบื้องหลังพระพุทธรูป

 

เขากำลังจะส่งเสียงเรียกร้องความสนใจ แต่เสียงด้านนอกก็ทำให้เขาตัวแข็งทื่อและสงบลง

 

“ไอ้เด็กเวร ข้าให้เงินแกไปแล้ว ทำไมต้องให้ข้ามาที่นี่ด้วย?!”

 

ดวงตาของซูฮ่วนหลี่หดเกร็ง เขาคุ้นเคยกับเสียงนี้อย่างยิ่ง มันเป็นเสียงของจูเหยียนภรรยาของเขา

 

ฮ่าๆๆๆ..

 

ทันใดนั้นก็มีเสียงหัวเราะดังมาจากวัดร้าง ซูฮ่วนหลี่จำเขาได้อีกครั้ง เขาคือคุณชาย อู่จิน พระญาติขององค์จักรพรรดิ

 

ทำไมพวกเขาถึงมาเจอกันที่นี่?

 

ทำไมภรรยาของเขาถึงเรียกคุณชายว่าไอ้เด็กเวร?!

 

“ฮูหยินหนึ่ง ข้าบอกให้ท่านมาที่นี่เพราะข้าต้องการความช่วยเหลือ” ฉู่ชิงหนิงมองดูตะกละเท่าที่ทำได้และเอ่ยต่อ “ข้าพบว่าซูหลี่เป็นบุคคลสำคัญของตระกูลซูและยังมีตึกไป๋เว่ยอยู่ในมือของนาง พี่ชายคนโตของนางจะกลายเป็นข้าราชการตำแหน่งสูงในไม่ช้า ข้าเลยรู้สึกหวาดกลัวที่ต้องหลอกหญิงสาวผู้นี้”

 

แม้ฉู่ชิงหนิงจะเอ่ยว่าเขากลัว แต่เขากลับยื่นมือขวาออกมาและถูมือ เห็นชัดว่าเขาต้องการเงินมากกว่านี้

 

จูเหยียนโกรธจัดเสียจนคิ้วโก่งของนางเลิกขึ้น “ไอ้เด็กเวร อย่าลืมว่าพวกแกมาจากไหนกันสิ!! ข้าให้แกไปหนึ่งพันชั่งแล้ว อย่าโลภมากนัก!”

 

“โอ้สวรรค์ ข้ากลัวกับสิ่งที่ท่านพูดเหลือเกิน!” ฉู่ชิงหนิงเอ่ยอย่างไม่ทุกข์ร้อนสบาย ๆ ยกเว้นหวาดกลัว เขาไม่หวาดกลัวนางเลยสักนิด เขาเอ่ยขึ้น “ตอนที่ข้าอธิบายเรื่องนี้กับนายท่านและทุกคนในเมืองต้าซู อืม…อย่าหาว่าข้าผิดสัญญาแล้วกันนะขอรับ ท่านเป็นคนที่ไม่ได้บอกความจริงกับข้าจนข้าจำเป็นต้องทำเช่นนี้”

 

เมื่อจูเหยียนได้ยินสิ่งที่ฉู่ชิงหนิงพูด นางก็หวาดกลัวเสียจนหน้าซีดเผือด

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด