ข้อห้าม 3 ซือเหนียนที่สวยหวาน!

Now you are reading ข้อห้าม Chapter 3 ซือเหนียนที่สวยหวาน! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บางคนตัดปีกทูตสวรรค์ บางคนสวรรค์ตัดปีกของคุณและปล่อยให้คุณตาย

ได้ยินแม่พูดว่า ตอนที่หลี่มู่หยางคลอดออกมามีฟ้าผ่าอย่างรุนแรง เกือบจะไม่มีชีวิตได้ลืมตาดูโลกใบนี้แล้ว

นี่เป็นข้อสงสัยที่ติดอยู่ในใจของหลี่มู่หยาง เมื่อชาติที่แล้วเขาทำเรื่องเลวร้ายอะไรเอาไว้เขาถึงต้องมาเจอกับบทลงโทษของสวรรค์เช่นนี้?

หลี่มู่หยางลืมตาดูโลกได้ตอนอายุสามขวบ ตอนอายุเจ็ดขวบเพิ่งจะเริ่มเดินได้ อายุสิบขวบถึงจะอ้าปากพูดได้ จนกระทั่งอายุสิบสี่มือไม้ไม่มีแรงไม่สามารถฝึกดาบได้เหมือนวัยรุ่นคนอื่นๆ…………….

มีคนพูดว่า เมื่อพระเจ้าปิดประตูของคุณ ในขณะเดียวกันพระเจ้าก็จะเปิดหน้าต่างให้คุณ

ถ้าต่อสู้ไม่ได้งั้นก็ตั้งใจเรียนสิ ไม่แน่อาจจะเป็นเหมือนนักกวีที่ดื่มเหล้าไม่กี่ถ้วยก็สามารถเขียนกลอนออกมาได้ แต่ทุกครั้งที่หลี่มู่หยางเปิดหนังสือขึ้นมา สมองของเขาก็จะเริ่มมึนงง ไม่นานเขาก็จะหลับไปพร้อมกับตัวหนังสือพวกนั้น

เพื่อนที่นั่งติดกันเรียก ไม่ตื่น

คุณครูด่า ไม่ได้ผล

คุณครูที่มาใหม่คนหนึ่งทำแปรงลบกระดานหักก็เพราะหลี่มู่หยางนอนหลับในคาบของเขา ………..ซึ่งนั้นเป็นแปรงลบกระดานที่ทำมาจากโลหะผสม

แต่ หลี่มู่หยางยังคงเหมือนเดิม

นอนหลับเป็นชีวิตจิตใจ!

เพียงแค่ให้เขาได้นอนหลับ ไม่ว่าจะเรื่องอะไรก็สามารถคุยกันได้

ถ้าเขานอนหลับไม่ค่อยดีล่ะก็ อารมณ์ของเขาก็จะไม่ดีมากๆ

เช่นตอนที่ไปเที่ยวทะเลสาบในวันนี้ ที่เขาบู่มบ่ามใส่จางเฉินก็เป็นเพราะว่าเขานอนไม่เพียงพอ ตอนที่เขากำลังหลับฝันดีอยู่นั้นกลับมีคนมาทำให้ตื่น

อย่างน้อยในใจของหลี่มู่หยางคิดอย่างนี้

ห้าว…………………

หัวของหลี่มู่หยางโผล่ออกมาจากอ่างอาบน้ำ หลังจากนั้นเขาก็อ้าปากหาวกว้างๆ

เขาสงบนิ่งมานานมากแล้ว แต่เขายังคงรู้สึกใจเต้นแรง

"ฉันไม่ใช่คนไร้ประโยชน์หรอ?" หลี่มู่หยางคิดในใจ "หมัดเมื่อกี้……มันเกิดอะไรขึ้น?"

หลี่มู่หยางดูแขนตัวเองอย่างละเอียด ผิวก็ยังคงละเอียดอ่อนเหมือนเดิม เพียงแค่โดนน้ำอุ่นจนทำให้สีผิวกลายเป็นสีม่วงแดง

ปัง!

ประตูห้องน้ำถูกคนผลักออก เด็กผู้หญิงน่ารักคนหนึ่งพุ่งเข้ามา และถามขึ้นด้วยสีหน้าร้อนใจ " พี่ชาย มีคนเลวรังแกพี่อีกแล้วหรอ?"

ตาของเด็กผู้หญิงโตมาก เหมือนใส่คอนเทคเลนส์ธรรมชาติ นอกจากตาดำดวงใหญ่แล้ว แทบจะไม่เห็นตาขาวเลย

จมูกค่อนข้างโด่ง ริมฝีปากแดงชุ่มชื้น ผิวขาวเหมือนหิมะ นิ้วมือนุ่มเมื่อสัมผัสแล้วราวกับจะละลาย

เสื้อสีขาวแยงตา กระโปรงสีดำสั่นเล็กน้อยเพราะวิ่งมาค่อนข้างเร็ว

เด็กผู้หญิงมีใบหน้าหวาน แม้ว่าตอนนี้เธอจะอยู่ในอารมณ์โกรธ ยังคงทำให้มีความรู้สึกอย่างจะหยิกแก้มของเธอ

หลี่ซือเหนียน น้องสาวที่อายุน้อยกว่าหลี่มู่หยางสามปี ทั้งสองคนเรียนอยู่ที่โรงเรียนมีธยมฟู่ซิ่ง หลี่มู่หยางเรียนชั้นม.6 หลี่ซือเหนียนกำลังเรียนชั้นม.5

แน่นอนว่า เธอไม่เหมือนพี่ชายไร้ประโยชน์ของเธอ หลี่ซือเหนียนฉลาดมาตั้งแต่เด็กๆ เป็นเด็กเรียนดีตั้งแต่ตอนเรียนอนุบาล ทุกๆปีเธอจะได้คะแนนสูงที่สุดในโรงเรียน

เธอเรียนช้ากว่าหลี่มู่หยางสามปี แต่เรียนระดับชั้นต่ำว่าหลี่มู่หยางแค่ระดับเดียว เพราะว่าตอนเธอเรียนชั้นประถมและชั้นมัธยมต้นเธอกระโดดเลื่อนชั้นสองรอบ

ตอนเรียนชั้ยมัธยมปลายโรงเรียนเองก็แนะนำให้ข้ามระดับชั้นเรียน แต่ถูกพ่อแม่ปฏิเสธ พวกเขารู้สึกว่าช่วงสามปีของมัธยมปลายเป็นสามปีที่สำคัญ ในระยะเวลาสามปีนี้ต้องมีเวลาเตรียมตัวให้พร้อมและเต็มที่ ต่อไปจะได้สอบเข้ามหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดขงประเทศได้

หลี่ซือเหนียนเป็นผู้หญิงสวยในโรงเรียน และยังเป็นคนที่มีชื่อเสียงในโรงเรียน การที่เธอสามารถรู้ได้ทันทีว่าหลี่มู่หยางถูกรังแก เป็นเรื่องที่หลี่มู่หยางไม่สงสัยเลย

หลี่มู่หยางเอามือทั้งสองข้างกอดอกปิดหน้าอกของเขาไว้ ยิ้มเจื่อนและพูดว่า " หลี่ซือเหนียน พี่บอกกับเธอกี่ครั้งแล้ว ตอนเข้ามาให้เคาะประตูก่อน…………..

หลี่ซือเหนียนมีความเคยชินที่ไม่เคาะประตู ทุกครั้งที่เธอเข้ามาในห้องของเขาเธอก็จะบู่มบ่ามพุ่งเข้ามาเลย นี่เป็นสิ่งที่ทำให้หลี่มู่หยางต้องสูญเสียหนังซือโป๊ไปหลายๆเล่มเพราะซ่อนไม่ทัน

ทุกครั้งที่หลู่ซือเหนียนเห็นหลี่มู่หยางดูหนังสือไม่ดีพวกนี้ เธอก็จะแย่งแล้วเอาไปให้พ่อแม่

ที่น่าแปลกใจก็คือ พ่อกับแม่ไม่เคยพูดคุยกับหลี่มู่หยางในเรื่องนี้

"อ้อ" หลี่ซือเหนียนหน้าแดงเล็กน้อย เธอมองหลี่มู่หยางและเดินออกไป

ตอนออกไป เธอก็ไม่ลืมที่จะปิดประตูห้องน้ำ

ก๊อก ก๊อก ก๊อก………………..

มีเสียงเคาะประตูดังมาจากข้างนอก

"พี่ ฉันเข้าไปได้มั้ย?" หลี่ซือเหนียนยืนตะโกนอยู่หน้าประตู

หลี่มู่หยางทำหน้าเซ็ง และพูดว่า " เข้ามาสิ"

หลี่ซือเหนียนผลักประตูเข้ามาอีกครั้ง พูดด้วยความรีบร้อนว่า " พี่ คนเลวคนไหนรังแกพี่?"

"ฉันต่างหากที่รังแกเขา " หลี่มู่หยางพูด ครั้งนี้ไม่ใช่การพูดโม้ให้น้องสาวฟัง เขาทำให้จางเฉินลอยออกไปเพียงแค่หมัดเดียวจริงๆ มีคนหลายๆคนสามารถเป็นพยานให้เขาได้

"พี่ พี่รังแกคนเลวคนไหน?" สีหน้าของหลี่ซือเหนียนอบอุ่นลง เธอถามขึ้นอีกครั้ง

หลี่มู่หยางมีสีหน้าซาบซึ้งใจ นี่ซินะถึงเป็นน้องสาวแท้ๆของเขา

เขาหัวเราะเห่อเห่อและมองหลี่ซือเหนียน พร้อมพูดว่า "จางเฉินต้องการจะรังแกพี่ สรุปกลับโดนพี่รังแกกลับ…………แต่เรื่องมันก็ผ่านไปแล้ว"

"หึ่ย………." หลี่ซือเหนียนเชิดหน้าขึ้นเล็กน้อย และส่งเสียงหึ่ยออกมา ผมสั้นประหูของเธอก็สั่นไหวตามการขยับตัวของเธอ "คนเลวจางเฉินอีกแล้ว ฉันปล่อยเขาไว้ไม่ได้แน่ๆ"

หลี่มู่หยางรีบพูดโน้มน้าวว่า " ซือเหนียน เรื่องมันผ่านไปแล้ว ครั้งนี้พี่ก็ไม่ได้เสียเปรียบ เธอไม่ต้องไปหาเรื่องเขาแล้ว……..เธอเป็นผู้หญิงนะ………….."

หลี่มู่หยางเป็นห่วงความปลอดภัยของหลี่ซือเหนียน เพราะหลี่ซือเหนียนเป็นผู้หญิงที่อ่อนแอ ถ้าจางเฉินเอาความโกรธที่มีต่อเขาไปปลดปล่อยกับเธอขึ้นมา นี่เป็นสิ่งที่หลี่มู่หยางจะไม่ยอมให้เกิดขึ้น

เขายอมที่จะรับความลำบากนี้เอง

นี่เป็นเหตุผลที่ทำให้เขาไม่ยอมปะทะกับใคร และไม่ยอมบอกเรื่องที่เพื่อนๆที่โรงเรียนรังแกเขาให้ครอบครัวทราบ

"ไม่ได้" หลี่ซือเหนียนพูดด้วยหน้าตาแน่วแน่ "ใครก็ห้ามมารังแกพี่ชายของฉัน"

"ซือเหนียน…………………"

"พี่ ฉันซือมันเผามาให้พี่" หลี่ซือเหนียนหยิบกล่องเล็กๆออกมาจากกระเป๋านักเรียนของเธอ กล่องยังไม่ถูกเปิดออก ก็ได้กลิ่นหอมๆของมันเผาแล้ว "มา" รีบกินตอนยังร้อน

หลี่มู่หยางรู้สึกซึ้งใจ หยิบมันแบ่งออกเป็นสองชิ้น และพูดว่า " มา พวกเรากินคนละครึ่ง"

"พี่กินเถอะ ฉันไม่กิน" หลี่ซือเหนียนส่ายหน้า "กินมันจะตด"

"……………….."

…………………

………………….

โรงยิมบาสเก็ตบอลของโรงเรียน กำลังแข่งขันบาสเก็ตบอลภายในโรงเรียน

ในฐานะหัวหน้าทีมบาสเก็ตบอลโรงเรียนมัธยมฟู่ซิ่ง บาสเก็ตบอลจึงเป็นวิชาหลักของจางเฉิน

อีกอย่าง เวลาเขาเสียเหงื่อเขาชอบฟังเสียงหวานๆของสาวๆตะโกนเรียกชื่อเขา

"จางเฉิน สู้ๆ………"

"จางเฉิน นายเก่งที่สุด…………."

"จางเฉิน ฉันรักนาย จุ๊บๆ……………"

…………………………

จางเฉินอดไม่ไหวหันไปมองทางผู้ชม ตรงนั้นมีผู้หญิงกลุมหนึ่งมาให้กำลังใจเขา แต่มีผู้หญิงคนหนึ่งที่หน้าตาสวยหวานที่สุดในนั้นกลับเป็นคนที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน

"น้องสาวที่สวยมาก…………"

"น้ำเสียงที่เพราะมาก………."

"ท่าทางกระโดดโลดเต้นน่ารักมาก เหมือนเป็นนางฟ้าตัวน้อย………….."

เพราะว่าหันไปทางผู้ชมบ่อยเกินไป หลายครั้งที่เพื่อนร่วมทีมส่งบอลมาให้ก็เลยโดนเขาแย่งไปหมด

การแข่งขันยุติลง เพื่อนรุ่วมทีมมาล้อมเขาไว้และขยิบตาใส่เขา

"หัวหน้าทีม มีสินค้าชิ้นใหม่อีกแล้ว………."

" ขาวๆสวยๆ ครั้งนี้ฉันให้เก้าสิบคะแนน……………"

"ฉันให้เก้าสิบแปดคะแนน ถ้านายไม่เอาก็ให้ฉันแล้วกันนะ…………"

"กินมื้อใหญ่จนเลี่ยนแล้ว เปลี่ยนมากินรสชาติอ่อนๆบ้างก็ได้ใช่มั้ย?"

จางเฉินพูดแหย่เล่นกับเพื่อนร่วมทีม หลังจากนั้นก็เดินไปยังผู้ชม

แฟนคลับในกลุ่มผู้ชมต่างก็ส่งเสียงกรี๊ดกันใหญ่ บางคนเอาน้ำดื่มมาให้ บางคนเอาผ้าขนหนูมาให้ และบางคนก็เตรียมอาหารมาให้

"ขอบคุณ ขอบคุณทุกคนมากๆ" จางเฉินได้รับความดูแลเอาใจใส่เป็นอย่างดี เขากล่าวขอบคุณด้วยหน้าตาที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม

เขาเห็นผู้หญิงที่กระโดดส่งเสียงดังที่สุดอย่างมีชีวิตชีวาแอบอยู่หลังกลุ่มคน มองมาที่เขาด้วยสายตามีเสน่ห์ แต่กลับไม่มีความกล้าที่จะเดินเข้ามาใกล้ๆ

คนใหม่ไง พอจะเข้าใจได้

จางเฉินเดินออกจากกลุ่มคน และเดินตรงไปที่ผู้หญิงคนนั้น

"เธอชื่ออะไร?" จางเฉินพูดด้วยน้ำเสียงนุ่มลึก สีหน้าอ่อนโยนและมีรอยยิ้ม

"ฉันชื่อซือเหนียน" ผู้หญิงคนนั้นเงยหน้ามองจางเฉิน แล้วก้มหน้าลงราวกับเป็นกระต่ายน้อยที่ตกใจ

"ซือเหนียน ชื่อดีมาก……" จางเฉินยิ้มอย่างน่าหลงไหล

เป็นผู้หญิงที่ดีมากเลย เมื่อกี้เธอเงยหน้าขึ้นมาและก้มหน้าลงไปอีก ทำให้ใจของเขาเต้นรัวอย่างรุนแรง

เธอทำให้จางเฉินคิดถึงกลอนของนักกวีที่ชื่อว่าสู่ยจื้อหมอ : การก้มหน้าที่อ่อนโยนที่สุด เหมือนกับดอกบัวที่เขินอายสายลมเย็น

"ขอบคุณค่ะ" ผู้หญิงพูดออกมาด้วยความหน้าแดง

"เธอกอดอะไรอยู่ในอก?"

"ซุปที่ฉันตุ๋นค่ะ"

"จริงหรอ? สมัยนี้ผู้หญิงที่ตุ๋นซุปเป็นมีไม่เยอะ ผู้ชายที่ทำให้เธอตุ๋นซุปให้กินคนนั้นน่าอิจฉาจริงๆ………."

"ก็เอามาให้พี่นั่นแหละ…….." ผู้หญิงคนนั้นเงยหน้าขึ้นมา ดวงตาที่เหมือนกับดวงดาวของเธอสบตากับจางเฉิน

"จริงหรอ?" จางเฉินยิ้ม "ที่แท้ฉันก็เป็นผู้ชายที่โชคดีคนนั้น?"

"รสมือของฉันไม่ค่อยดีเท่าไหร่……….."

"นี่ก็หาได้ยากแล้ว"

"อาจจะไม่ค่อยอร่อย……………"

"มูลค่าอยู่ที่ใจ"

"พี่จะดื่มมันหมดเลยมั้ย?"

จางเฉินยิ้มด้วยความดีใจและพูดว่า " แน่นอน จะสิ้นเปลืองน้ำใจของคนดีได้อย่างไรกัน?"

ผู้หญิงคนนั้นเอาแก้วเก็บความร้อนที่อยู่ในอ้อมอกยื่นให้เขา และพูดเตือนอย่างอ่อนโยนว่า "ระวังร้อนนะ"

"ไม่เป็นไร " จางเฉินรู้สึกราวกับว่าหัวใจของเขากำลังจะละลาย เขาเปิดผาแก้วออก และพูดว่า " นี่เป็นของขวัญที่ดีที่สุดที่ฉันเคยได้รับ……….."

เขาเงยหน้าขึ้น และดื่มซุปเข้าไป

ดื่มไปเรื่อยๆ เขาก็ขมวดคิ้ว

และคิดถึงคำที่ผู้หญิงพูดว่า รสมือของฉันไม่ค่อยดีเท่าไหร่ เขาก็พยายามดื่มต่อไป

ดื่มไปเรื่อยๆ เขาก็รู้สึกปวดใจ

คิดถึงคำพูดที่เขาพูดกับผู้หญิงว่า จะสิ้นเปลืองน้ำใจของคนดีได้อย่างไรกัน เขายังคงมุ่งมั่นพยายามจนถึงที่สุด…………

"แหวะ………….."

เขารีบหันหลัง หันไปอ้วกใส่พื้นไม้ด้านหลัง

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ข้อห้าม 3 ซือเหนียนที่สวยหวาน!

Now you are reading ข้อห้าม Chapter 3 ซือเหนียนที่สวยหวาน! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บางคนตัดปีกทูตสวรรค์ บางคนสวรรค์ตัดปีกของคุณและปล่อยให้คุณตาย

ได้ยินแม่พูดว่า ตอนที่หลี่มู่หยางคลอดออกมามีฟ้าผ่าอย่างรุนแรง เกือบจะไม่มีชีวิตได้ลืมตาดูโลกใบนี้แล้ว

นี่เป็นข้อสงสัยที่ติดอยู่ในใจของหลี่มู่หยาง เมื่อชาติที่แล้วเขาทำเรื่องเลวร้ายอะไรเอาไว้เขาถึงต้องมาเจอกับบทลงโทษของสวรรค์เช่นนี้?

หลี่มู่หยางลืมตาดูโลกได้ตอนอายุสามขวบ ตอนอายุเจ็ดขวบเพิ่งจะเริ่มเดินได้ อายุสิบขวบถึงจะอ้าปากพูดได้ จนกระทั่งอายุสิบสี่มือไม้ไม่มีแรงไม่สามารถฝึกดาบได้เหมือนวัยรุ่นคนอื่นๆ…………….

มีคนพูดว่า เมื่อพระเจ้าปิดประตูของคุณ ในขณะเดียวกันพระเจ้าก็จะเปิดหน้าต่างให้คุณ

ถ้าต่อสู้ไม่ได้งั้นก็ตั้งใจเรียนสิ ไม่แน่อาจจะเป็นเหมือนนักกวีที่ดื่มเหล้าไม่กี่ถ้วยก็สามารถเขียนกลอนออกมาได้ แต่ทุกครั้งที่หลี่มู่หยางเปิดหนังสือขึ้นมา สมองของเขาก็จะเริ่มมึนงง ไม่นานเขาก็จะหลับไปพร้อมกับตัวหนังสือพวกนั้น

เพื่อนที่นั่งติดกันเรียก ไม่ตื่น

คุณครูด่า ไม่ได้ผล

คุณครูที่มาใหม่คนหนึ่งทำแปรงลบกระดานหักก็เพราะหลี่มู่หยางนอนหลับในคาบของเขา ………..ซึ่งนั้นเป็นแปรงลบกระดานที่ทำมาจากโลหะผสม

แต่ หลี่มู่หยางยังคงเหมือนเดิม

นอนหลับเป็นชีวิตจิตใจ!

เพียงแค่ให้เขาได้นอนหลับ ไม่ว่าจะเรื่องอะไรก็สามารถคุยกันได้

ถ้าเขานอนหลับไม่ค่อยดีล่ะก็ อารมณ์ของเขาก็จะไม่ดีมากๆ

เช่นตอนที่ไปเที่ยวทะเลสาบในวันนี้ ที่เขาบู่มบ่ามใส่จางเฉินก็เป็นเพราะว่าเขานอนไม่เพียงพอ ตอนที่เขากำลังหลับฝันดีอยู่นั้นกลับมีคนมาทำให้ตื่น

อย่างน้อยในใจของหลี่มู่หยางคิดอย่างนี้

ห้าว…………………

หัวของหลี่มู่หยางโผล่ออกมาจากอ่างอาบน้ำ หลังจากนั้นเขาก็อ้าปากหาวกว้างๆ

เขาสงบนิ่งมานานมากแล้ว แต่เขายังคงรู้สึกใจเต้นแรง

"ฉันไม่ใช่คนไร้ประโยชน์หรอ?" หลี่มู่หยางคิดในใจ "หมัดเมื่อกี้……มันเกิดอะไรขึ้น?"

หลี่มู่หยางดูแขนตัวเองอย่างละเอียด ผิวก็ยังคงละเอียดอ่อนเหมือนเดิม เพียงแค่โดนน้ำอุ่นจนทำให้สีผิวกลายเป็นสีม่วงแดง

ปัง!

ประตูห้องน้ำถูกคนผลักออก เด็กผู้หญิงน่ารักคนหนึ่งพุ่งเข้ามา และถามขึ้นด้วยสีหน้าร้อนใจ " พี่ชาย มีคนเลวรังแกพี่อีกแล้วหรอ?"

ตาของเด็กผู้หญิงโตมาก เหมือนใส่คอนเทคเลนส์ธรรมชาติ นอกจากตาดำดวงใหญ่แล้ว แทบจะไม่เห็นตาขาวเลย

จมูกค่อนข้างโด่ง ริมฝีปากแดงชุ่มชื้น ผิวขาวเหมือนหิมะ นิ้วมือนุ่มเมื่อสัมผัสแล้วราวกับจะละลาย

เสื้อสีขาวแยงตา กระโปรงสีดำสั่นเล็กน้อยเพราะวิ่งมาค่อนข้างเร็ว

เด็กผู้หญิงมีใบหน้าหวาน แม้ว่าตอนนี้เธอจะอยู่ในอารมณ์โกรธ ยังคงทำให้มีความรู้สึกอย่างจะหยิกแก้มของเธอ

หลี่ซือเหนียน น้องสาวที่อายุน้อยกว่าหลี่มู่หยางสามปี ทั้งสองคนเรียนอยู่ที่โรงเรียนมีธยมฟู่ซิ่ง หลี่มู่หยางเรียนชั้นม.6 หลี่ซือเหนียนกำลังเรียนชั้นม.5

แน่นอนว่า เธอไม่เหมือนพี่ชายไร้ประโยชน์ของเธอ หลี่ซือเหนียนฉลาดมาตั้งแต่เด็กๆ เป็นเด็กเรียนดีตั้งแต่ตอนเรียนอนุบาล ทุกๆปีเธอจะได้คะแนนสูงที่สุดในโรงเรียน

เธอเรียนช้ากว่าหลี่มู่หยางสามปี แต่เรียนระดับชั้นต่ำว่าหลี่มู่หยางแค่ระดับเดียว เพราะว่าตอนเธอเรียนชั้นประถมและชั้นมัธยมต้นเธอกระโดดเลื่อนชั้นสองรอบ

ตอนเรียนชั้ยมัธยมปลายโรงเรียนเองก็แนะนำให้ข้ามระดับชั้นเรียน แต่ถูกพ่อแม่ปฏิเสธ พวกเขารู้สึกว่าช่วงสามปีของมัธยมปลายเป็นสามปีที่สำคัญ ในระยะเวลาสามปีนี้ต้องมีเวลาเตรียมตัวให้พร้อมและเต็มที่ ต่อไปจะได้สอบเข้ามหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดขงประเทศได้

หลี่ซือเหนียนเป็นผู้หญิงสวยในโรงเรียน และยังเป็นคนที่มีชื่อเสียงในโรงเรียน การที่เธอสามารถรู้ได้ทันทีว่าหลี่มู่หยางถูกรังแก เป็นเรื่องที่หลี่มู่หยางไม่สงสัยเลย

หลี่มู่หยางเอามือทั้งสองข้างกอดอกปิดหน้าอกของเขาไว้ ยิ้มเจื่อนและพูดว่า " หลี่ซือเหนียน พี่บอกกับเธอกี่ครั้งแล้ว ตอนเข้ามาให้เคาะประตูก่อน…………..

หลี่ซือเหนียนมีความเคยชินที่ไม่เคาะประตู ทุกครั้งที่เธอเข้ามาในห้องของเขาเธอก็จะบู่มบ่ามพุ่งเข้ามาเลย นี่เป็นสิ่งที่ทำให้หลี่มู่หยางต้องสูญเสียหนังซือโป๊ไปหลายๆเล่มเพราะซ่อนไม่ทัน

ทุกครั้งที่หลู่ซือเหนียนเห็นหลี่มู่หยางดูหนังสือไม่ดีพวกนี้ เธอก็จะแย่งแล้วเอาไปให้พ่อแม่

ที่น่าแปลกใจก็คือ พ่อกับแม่ไม่เคยพูดคุยกับหลี่มู่หยางในเรื่องนี้

"อ้อ" หลี่ซือเหนียนหน้าแดงเล็กน้อย เธอมองหลี่มู่หยางและเดินออกไป

ตอนออกไป เธอก็ไม่ลืมที่จะปิดประตูห้องน้ำ

ก๊อก ก๊อก ก๊อก………………..

มีเสียงเคาะประตูดังมาจากข้างนอก

"พี่ ฉันเข้าไปได้มั้ย?" หลี่ซือเหนียนยืนตะโกนอยู่หน้าประตู

หลี่มู่หยางทำหน้าเซ็ง และพูดว่า " เข้ามาสิ"

หลี่ซือเหนียนผลักประตูเข้ามาอีกครั้ง พูดด้วยความรีบร้อนว่า " พี่ คนเลวคนไหนรังแกพี่?"

"ฉันต่างหากที่รังแกเขา " หลี่มู่หยางพูด ครั้งนี้ไม่ใช่การพูดโม้ให้น้องสาวฟัง เขาทำให้จางเฉินลอยออกไปเพียงแค่หมัดเดียวจริงๆ มีคนหลายๆคนสามารถเป็นพยานให้เขาได้

"พี่ พี่รังแกคนเลวคนไหน?" สีหน้าของหลี่ซือเหนียนอบอุ่นลง เธอถามขึ้นอีกครั้ง

หลี่มู่หยางมีสีหน้าซาบซึ้งใจ นี่ซินะถึงเป็นน้องสาวแท้ๆของเขา

เขาหัวเราะเห่อเห่อและมองหลี่ซือเหนียน พร้อมพูดว่า "จางเฉินต้องการจะรังแกพี่ สรุปกลับโดนพี่รังแกกลับ…………แต่เรื่องมันก็ผ่านไปแล้ว"

"หึ่ย………." หลี่ซือเหนียนเชิดหน้าขึ้นเล็กน้อย และส่งเสียงหึ่ยออกมา ผมสั้นประหูของเธอก็สั่นไหวตามการขยับตัวของเธอ "คนเลวจางเฉินอีกแล้ว ฉันปล่อยเขาไว้ไม่ได้แน่ๆ"

หลี่มู่หยางรีบพูดโน้มน้าวว่า " ซือเหนียน เรื่องมันผ่านไปแล้ว ครั้งนี้พี่ก็ไม่ได้เสียเปรียบ เธอไม่ต้องไปหาเรื่องเขาแล้ว……..เธอเป็นผู้หญิงนะ………….."

หลี่มู่หยางเป็นห่วงความปลอดภัยของหลี่ซือเหนียน เพราะหลี่ซือเหนียนเป็นผู้หญิงที่อ่อนแอ ถ้าจางเฉินเอาความโกรธที่มีต่อเขาไปปลดปล่อยกับเธอขึ้นมา นี่เป็นสิ่งที่หลี่มู่หยางจะไม่ยอมให้เกิดขึ้น

เขายอมที่จะรับความลำบากนี้เอง

นี่เป็นเหตุผลที่ทำให้เขาไม่ยอมปะทะกับใคร และไม่ยอมบอกเรื่องที่เพื่อนๆที่โรงเรียนรังแกเขาให้ครอบครัวทราบ

"ไม่ได้" หลี่ซือเหนียนพูดด้วยหน้าตาแน่วแน่ "ใครก็ห้ามมารังแกพี่ชายของฉัน"

"ซือเหนียน…………………"

"พี่ ฉันซือมันเผามาให้พี่" หลี่ซือเหนียนหยิบกล่องเล็กๆออกมาจากกระเป๋านักเรียนของเธอ กล่องยังไม่ถูกเปิดออก ก็ได้กลิ่นหอมๆของมันเผาแล้ว "มา" รีบกินตอนยังร้อน

หลี่มู่หยางรู้สึกซึ้งใจ หยิบมันแบ่งออกเป็นสองชิ้น และพูดว่า " มา พวกเรากินคนละครึ่ง"

"พี่กินเถอะ ฉันไม่กิน" หลี่ซือเหนียนส่ายหน้า "กินมันจะตด"

"……………….."

…………………

………………….

โรงยิมบาสเก็ตบอลของโรงเรียน กำลังแข่งขันบาสเก็ตบอลภายในโรงเรียน

ในฐานะหัวหน้าทีมบาสเก็ตบอลโรงเรียนมัธยมฟู่ซิ่ง บาสเก็ตบอลจึงเป็นวิชาหลักของจางเฉิน

อีกอย่าง เวลาเขาเสียเหงื่อเขาชอบฟังเสียงหวานๆของสาวๆตะโกนเรียกชื่อเขา

"จางเฉิน สู้ๆ………"

"จางเฉิน นายเก่งที่สุด…………."

"จางเฉิน ฉันรักนาย จุ๊บๆ……………"

…………………………

จางเฉินอดไม่ไหวหันไปมองทางผู้ชม ตรงนั้นมีผู้หญิงกลุมหนึ่งมาให้กำลังใจเขา แต่มีผู้หญิงคนหนึ่งที่หน้าตาสวยหวานที่สุดในนั้นกลับเป็นคนที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน

"น้องสาวที่สวยมาก…………"

"น้ำเสียงที่เพราะมาก………."

"ท่าทางกระโดดโลดเต้นน่ารักมาก เหมือนเป็นนางฟ้าตัวน้อย………….."

เพราะว่าหันไปทางผู้ชมบ่อยเกินไป หลายครั้งที่เพื่อนร่วมทีมส่งบอลมาให้ก็เลยโดนเขาแย่งไปหมด

การแข่งขันยุติลง เพื่อนรุ่วมทีมมาล้อมเขาไว้และขยิบตาใส่เขา

"หัวหน้าทีม มีสินค้าชิ้นใหม่อีกแล้ว………."

" ขาวๆสวยๆ ครั้งนี้ฉันให้เก้าสิบคะแนน……………"

"ฉันให้เก้าสิบแปดคะแนน ถ้านายไม่เอาก็ให้ฉันแล้วกันนะ…………"

"กินมื้อใหญ่จนเลี่ยนแล้ว เปลี่ยนมากินรสชาติอ่อนๆบ้างก็ได้ใช่มั้ย?"

จางเฉินพูดแหย่เล่นกับเพื่อนร่วมทีม หลังจากนั้นก็เดินไปยังผู้ชม

แฟนคลับในกลุ่มผู้ชมต่างก็ส่งเสียงกรี๊ดกันใหญ่ บางคนเอาน้ำดื่มมาให้ บางคนเอาผ้าขนหนูมาให้ และบางคนก็เตรียมอาหารมาให้

"ขอบคุณ ขอบคุณทุกคนมากๆ" จางเฉินได้รับความดูแลเอาใจใส่เป็นอย่างดี เขากล่าวขอบคุณด้วยหน้าตาที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม

เขาเห็นผู้หญิงที่กระโดดส่งเสียงดังที่สุดอย่างมีชีวิตชีวาแอบอยู่หลังกลุ่มคน มองมาที่เขาด้วยสายตามีเสน่ห์ แต่กลับไม่มีความกล้าที่จะเดินเข้ามาใกล้ๆ

คนใหม่ไง พอจะเข้าใจได้

จางเฉินเดินออกจากกลุ่มคน และเดินตรงไปที่ผู้หญิงคนนั้น

"เธอชื่ออะไร?" จางเฉินพูดด้วยน้ำเสียงนุ่มลึก สีหน้าอ่อนโยนและมีรอยยิ้ม

"ฉันชื่อซือเหนียน" ผู้หญิงคนนั้นเงยหน้ามองจางเฉิน แล้วก้มหน้าลงราวกับเป็นกระต่ายน้อยที่ตกใจ

"ซือเหนียน ชื่อดีมาก……" จางเฉินยิ้มอย่างน่าหลงไหล

เป็นผู้หญิงที่ดีมากเลย เมื่อกี้เธอเงยหน้าขึ้นมาและก้มหน้าลงไปอีก ทำให้ใจของเขาเต้นรัวอย่างรุนแรง

เธอทำให้จางเฉินคิดถึงกลอนของนักกวีที่ชื่อว่าสู่ยจื้อหมอ : การก้มหน้าที่อ่อนโยนที่สุด เหมือนกับดอกบัวที่เขินอายสายลมเย็น

"ขอบคุณค่ะ" ผู้หญิงพูดออกมาด้วยความหน้าแดง

"เธอกอดอะไรอยู่ในอก?"

"ซุปที่ฉันตุ๋นค่ะ"

"จริงหรอ? สมัยนี้ผู้หญิงที่ตุ๋นซุปเป็นมีไม่เยอะ ผู้ชายที่ทำให้เธอตุ๋นซุปให้กินคนนั้นน่าอิจฉาจริงๆ………."

"ก็เอามาให้พี่นั่นแหละ…….." ผู้หญิงคนนั้นเงยหน้าขึ้นมา ดวงตาที่เหมือนกับดวงดาวของเธอสบตากับจางเฉิน

"จริงหรอ?" จางเฉินยิ้ม "ที่แท้ฉันก็เป็นผู้ชายที่โชคดีคนนั้น?"

"รสมือของฉันไม่ค่อยดีเท่าไหร่……….."

"นี่ก็หาได้ยากแล้ว"

"อาจจะไม่ค่อยอร่อย……………"

"มูลค่าอยู่ที่ใจ"

"พี่จะดื่มมันหมดเลยมั้ย?"

จางเฉินยิ้มด้วยความดีใจและพูดว่า " แน่นอน จะสิ้นเปลืองน้ำใจของคนดีได้อย่างไรกัน?"

ผู้หญิงคนนั้นเอาแก้วเก็บความร้อนที่อยู่ในอ้อมอกยื่นให้เขา และพูดเตือนอย่างอ่อนโยนว่า "ระวังร้อนนะ"

"ไม่เป็นไร " จางเฉินรู้สึกราวกับว่าหัวใจของเขากำลังจะละลาย เขาเปิดผาแก้วออก และพูดว่า " นี่เป็นของขวัญที่ดีที่สุดที่ฉันเคยได้รับ……….."

เขาเงยหน้าขึ้น และดื่มซุปเข้าไป

ดื่มไปเรื่อยๆ เขาก็ขมวดคิ้ว

และคิดถึงคำที่ผู้หญิงพูดว่า รสมือของฉันไม่ค่อยดีเท่าไหร่ เขาก็พยายามดื่มต่อไป

ดื่มไปเรื่อยๆ เขาก็รู้สึกปวดใจ

คิดถึงคำพูดที่เขาพูดกับผู้หญิงว่า จะสิ้นเปลืองน้ำใจของคนดีได้อย่างไรกัน เขายังคงมุ่งมั่นพยายามจนถึงที่สุด…………

"แหวะ………….."

เขารีบหันหลัง หันไปอ้วกใส่พื้นไม้ด้านหลัง

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+