จอมยุทธ์พลิกผันยุทธภพ บทนำ

Now you are reading จอมยุทธ์พลิกผันยุทธภพ Chapter บทนำ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทนำ

 

ในยุทธภพอันกว้างใหญ่แห่งนี้มันกว้างขวางอย่างไร้จุดสิ้นสุด บางทีคนบางคนใช้เวลาทั้งชีวิตก็ไม่อาจสำรวจได้ทั่วยุทธภพ

ใช่.. ที่นี่สถานที่อันกว้างขวางแทบจะหาจุดสิ้นสุดไม่นี้ถูกเรียกว่า ยุทธภพอนันตกาล.. ยุทธภพที่ผู้แข็งแกร่งกลืนกินผู้อ่อนแอ

เพราะว่าดินแดนแห่งนี้มีสิ่งที่เรียกว่า ‘พลังวิญญาณ’ พลังวิญญาณคือพลังอันไร้รูปลักษณ์ไร้ลักษณะ

ไม่มีใครสามารถจำแนกได้ว่ามันมาจากไหน มันมีต้นกำเนิดมาจากอะไร.. แต่ทว่าสิ่งที่พวกเขารู้เกี่ยวกับมันคือมันสามารถทำให้พวกเขาแข็งแกร่งขึ้นได้

และนั่นก็คือความเป็นจริง

และสิ่งเหล่านี้ผู้คนมักจะเรียกมันว่า ‘ลมปราณ’

และแน่นอนว่าในดินแดนแห่งนี้มีสำนักฝึกตนอยู่มากมายนับไม่ถ้วย พวกเขาล้วนแย่งชิงเพื่อไต่เต้าขึ้นไปเป็นหนึ่งในใต้หล้า

ในอดีตกาลมีจอมยุทธ์คนหนึ่งกล่าวเอาไว้ว่า ในเมื่อตัวเขาไม่สามารถเป็นจอมยุทธ์เพียงหนึ่งเดียวที่แข็งแกร่งที่สุดในใต้หล้าได้

เช่นนั้นเขาจะสร้างสำนักขึ้นมา.. สำนักของเขาเอง สำนักที่จะยืนอยู่บนจุดสูงสุดของบ่วงโซ่อาหาร

และนั่นจึงเป็นจุดเริ่มต้นของยุคที่นักพรตรุ่งเรืองที่สุด พวกเขาต่างพากันสร้างสรรค์สำนักแบ่งการปกครองแตกต่างกันออกไป

ซึ่งเป้าหมายพวกเขานั่นย่อมแน่นอนว่าต้องการที่จะก้าวเข้าไปจุดสูงสุด.. ของยุทธภพ ผู้ที่ปกครองทุกสรรพสิ่ง

ดินแดนแห่งนี้มีสำนักมากมายเกินกว่าจะนับได้.. แต่ทว่ากลับมีการแบ่งแยกระดับสำนักอย่างชัดเจน

ซึ่งเหนือทุกผู้คนต่ำกว่าเพียงท้องฟ้ายังมีสำนักที่ยิ่งใหญ่และรุ่งเรืองที่สุด.. สำนักของมันเป็นสำนักที่ปกครองดินแดนนี้อย่างแท้จริง

ใช่มันเป็นสำนักของคนที่ไม่อาจครอบครองยุทธภพได้ตัวคนเดียวจึงสร้างสำนักของมันขึ้นมาเอง.. และใช่.. สำนักของมันในตอนี้คืออันดับหนึ่งในยุทธภพอย่างแท้จริง

และ…เมื่อเกิดการแย่งชิงอย่างรุนแรงปรารถนาที่จะขึ้นเป็นที่หนึ่งเช่นนี้มันต้องก่อให้เกิดสงครามยิ่งใหญ่ทั่วทุกมุมในทวีปต่างอาบไปด้วยทะเลเพลิง

และนั่นก็เป็นจุดสิ้นสุดของยุคสมัย…

โดยไม่มีใครทราบ ไม่มีใครรู้… พลังวิญญาณทั้งหมดทั่วดินแดนต่างหายไปอย่างไร้ร่องรอยราวกับไม่มีตัวตนมาตั้งแต่แรก

ซึ่งเหตุการณ์นี้สร้างแรงสั่นสะเทือนให้ทุกสำนักบนยุทธภพ แม้แต่สำนักที่แข็งแกร่งที่สุดเองก็ได้รับผลกระทบ

ตบะพวกเขาไม่อาจพัฒนาขึ้นไปอีกขั้นได้ และ…ในตอนนั้นเองภายในสำนักที่แข็งแกร่งที่สุดก็มีการก่อกบฏเกิดขึ้น

ส่งผลให้สำนักที่แข็งแกร่งที่สุดแยกออกเป็นสี่สำนัก.. สี่สายการฝึก.. ทำให้ยุทธภพแห่งนี้ไม่ได้มีเพียงหนึ่งสำหนักที่แข็งแกร่งที่สุดในยุทธภพอีกต่อไป

แต่เป็นสี่สำนัก..และด้วยการสูญสิ้นลมปราณทำให้ตบะพวกเขาไม่พัฒนาพวกมันจึงยุติการทำสงครามอย่างเลี่ยงไม่ได้

เพื่อลดการสูญเสียมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ อย่างไรก็ตามในยุทธภพที่มีผู้คนมากหน้าหลายตาแบบนี้ก็ยังคงมีความขัดแย้งอยู่ดี

ซึ่งทางสำนักเบื้องบนจึงต้องระงับ..และทำสัญญาสงบศึกพร้อมกับปกครองสำนักเบื้องล่างให้อยู่ภายใต้กฎของพวกเขา..

และ..ในโลกที่ไม่มีการก้าวหน้าของตบะ สิ่งที่พวกเขาทำได้มีเพียงการฝึกปรือโดยใช้แร่วิญญาณที่สะสมอยู่ในดินแดเร้นลับต่างๆ

ซึ่งแน่นอนว่ามันส่งผลเสียต่อทั้งตบะลมปราณและร่างกาย อย่างไรก็ตามนี่ก็มีเพียงวิธีเดียวที่พวกเขาทำได้..

และ..

ในสำนักแห่งหนึ่งที่ตั้งอยู่ที่ไหนสักแห่งในดินแดนอนันตกาลนี้..

หากเทียบสำนักนี้กับสี่สำนักใหญ่ สำนักนี้คงไม่ต่างอะไรไปจากมดตัวหนึ่งเลยก็ตาม.. แต่หากพูดกันตามหลักของนักพรตทั่วไป

สำนักนี้คือสำนักที่แข็งแกร่งมากๆ แห่งหนึ่ง.. เป็นสำนักที่มีจอมยุทธ์มากมายหลายหมื่นหลายแสนคนเลยก็ว่าได้

สาเหตุที่สำนักนี้เป็นหนึ่งในสำนักที่แข็งแกร่ง..เพราะสำนักนี้ปกครองดินแดนเร้นลับขนาดใหญ่ที่สามารถหาแร่วิญญาณได้นั่นเอง

ซึ่งพูดง่ายๆ ก็คือ.. สำนักนี้ยังสามารถเก่งขึ้นได้อีกนั่นเอง

รออีกสักร้อยสองร้อยปี บางทีพวกเขาอาจจะพัฒนาจากสำนักระดับล่างสุดของยุทธภพสู่ระดับที่เหนือกว่าก็เป็นได้

สำนักนี้มีชื่อสำนักว่า สำนักเพลิงมรกต

ศิษย์ภายในสำนักนี้แบ่งออกเป็นสีต่างๆ ..

โดยต่ำที่สุดหรือก็คือคนรับใช้ อนุญาตให้เพียงขุดแร่วิญญาณและเอานำมามอบส่งสำนักตามที่กำหนดหากไม่สามารถหามาได้ทันกำหนดก็จะถูกลงโทษ

ซึ่งคนรับใช้ในสำนักนี้มีมากที่สุด.. ซึ่งคนรับใช้จะถูกนับว่าเป็นศิษย์แค่ครึ่งหนึ่งเท่านั้นพวกเขาจะถูกเรียกว่า ‘พวกสีเทา’

ใช่แล้ว ไม่มีใครยินดีเรียกคนเหล่านี้ว่าเป็นศิษย์สำนักนี้ด้วยซ้ำ

ต่อมา.. เมื่อฝึกจนถึงขั้นที่สามารถกักเก็บลมปราณไว้ในตัวได้แล้วจะถูกเรียกว่า ศิษย์ชุดเหลือง

ซึ่งก็ตามที่บอกเปรียบเหมือนศิษย์ฝ่ายนอกของสำนักแล้วนั่นแหละเข้าถึงวิชาต่างๆ ของสำนักได้.. จำนวนของศิษย์ชุดเหลืองนั้นมีเยอะรองแค่จากพวกชุดเทา

ต่อมาคือศิษย์ชุดฟ้า.. เป็นเหมือนศิษย์ฝ่ายในของสำนักที่ได้รับความสำคัญจากพวกผู้อาวุโสประจำสำนัก

ซึ่งศิษย์ชุดฟ้านี้มีน้อยมากในสำนักนี้ บางทีอาจจะมีเพียงไม่กี่พันคนเท่านั้นเองจากคนหลายแสนคน..

และยังมีศิษย์โดยตรง.. ศิษย์โดยตรงไม่ได้ถูกแบ่งแยกโดยสีของอาภรณ์แล้ว เพราะศิษย์โดยตรงก็คือศิษย์ที่ถูกผู้อาวุโสของสำนักสนใจและเลือกให้มาฝึกวิชากันตัวต่อตัว!

ซึ่งแน่นอนว่าศิษย์โดยตรงนี้มีน้อยยิ่งกว่าน้อย ถึงแม้ผู้อาวุโสในสำนักจะมีเยอะมากหลายร้อยคนแต่คนที่ได้เป็นศิษย์โดยตรงกลับมีไม่ถึงร้อยคนด้วยซ้ำ

เหตุผลนั้นง่ายดาย เพราะว่าไม่ใช่ผู้อาวุโสทุกคนที่อยากจะมีลูกศิษย์..

และเหนือกว่าลูกศิษย์ทุกอย่างที่ว่า..คือศิษย์มรกต..

เป็นชื่อที่มอบให้แก่อัจฉริยะในสำนักที่มีเพียงสิบกว่าคนเท่านั้น

นามที่เหมือนกับแบกรับชื่อของสำนักเอาไว้นั้นเพียงแค่พวกเขาปรากฏตัวแผ่บารมีก็สามารถทำให้ศิษย์ทุกสายก้มหัวคารวะดุจผู้อาวุโสของสำนัก!

อย่างว่าแต่ศิษย์เลย แม้แต่ผู้อาวุโสบางคนก็ยังไม่กล้าออกคำสั่งกับศิษย์มรกตนี้ด้วยซ้ำ..

และนี่คือระดับชั้นของสำนักเพลิงมรกตแห่งนี้!

หนึ่งในห้าสำนักที่แข็งแกร่งที่สุดในด้านใต้ของเขตทุรกันดาร

…………..

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

จอมยุทธ์พลิกผันยุทธภพ บทนำ

Now you are reading จอมยุทธ์พลิกผันยุทธภพ Chapter บทนำ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทนำ

 

ในยุทธภพอันกว้างใหญ่แห่งนี้มันกว้างขวางอย่างไร้จุดสิ้นสุด บางทีคนบางคนใช้เวลาทั้งชีวิตก็ไม่อาจสำรวจได้ทั่วยุทธภพ

ใช่.. ที่นี่สถานที่อันกว้างขวางแทบจะหาจุดสิ้นสุดไม่นี้ถูกเรียกว่า ยุทธภพอนันตกาล.. ยุทธภพที่ผู้แข็งแกร่งกลืนกินผู้อ่อนแอ

เพราะว่าดินแดนแห่งนี้มีสิ่งที่เรียกว่า ‘พลังวิญญาณ’ พลังวิญญาณคือพลังอันไร้รูปลักษณ์ไร้ลักษณะ

ไม่มีใครสามารถจำแนกได้ว่ามันมาจากไหน มันมีต้นกำเนิดมาจากอะไร.. แต่ทว่าสิ่งที่พวกเขารู้เกี่ยวกับมันคือมันสามารถทำให้พวกเขาแข็งแกร่งขึ้นได้

และนั่นก็คือความเป็นจริง

และสิ่งเหล่านี้ผู้คนมักจะเรียกมันว่า ‘ลมปราณ’

และแน่นอนว่าในดินแดนแห่งนี้มีสำนักฝึกตนอยู่มากมายนับไม่ถ้วย พวกเขาล้วนแย่งชิงเพื่อไต่เต้าขึ้นไปเป็นหนึ่งในใต้หล้า

ในอดีตกาลมีจอมยุทธ์คนหนึ่งกล่าวเอาไว้ว่า ในเมื่อตัวเขาไม่สามารถเป็นจอมยุทธ์เพียงหนึ่งเดียวที่แข็งแกร่งที่สุดในใต้หล้าได้

เช่นนั้นเขาจะสร้างสำนักขึ้นมา.. สำนักของเขาเอง สำนักที่จะยืนอยู่บนจุดสูงสุดของบ่วงโซ่อาหาร

และนั่นจึงเป็นจุดเริ่มต้นของยุคที่นักพรตรุ่งเรืองที่สุด พวกเขาต่างพากันสร้างสรรค์สำนักแบ่งการปกครองแตกต่างกันออกไป

ซึ่งเป้าหมายพวกเขานั่นย่อมแน่นอนว่าต้องการที่จะก้าวเข้าไปจุดสูงสุด.. ของยุทธภพ ผู้ที่ปกครองทุกสรรพสิ่ง

ดินแดนแห่งนี้มีสำนักมากมายเกินกว่าจะนับได้.. แต่ทว่ากลับมีการแบ่งแยกระดับสำนักอย่างชัดเจน

ซึ่งเหนือทุกผู้คนต่ำกว่าเพียงท้องฟ้ายังมีสำนักที่ยิ่งใหญ่และรุ่งเรืองที่สุด.. สำนักของมันเป็นสำนักที่ปกครองดินแดนนี้อย่างแท้จริง

ใช่มันเป็นสำนักของคนที่ไม่อาจครอบครองยุทธภพได้ตัวคนเดียวจึงสร้างสำนักของมันขึ้นมาเอง.. และใช่.. สำนักของมันในตอนี้คืออันดับหนึ่งในยุทธภพอย่างแท้จริง

และ…เมื่อเกิดการแย่งชิงอย่างรุนแรงปรารถนาที่จะขึ้นเป็นที่หนึ่งเช่นนี้มันต้องก่อให้เกิดสงครามยิ่งใหญ่ทั่วทุกมุมในทวีปต่างอาบไปด้วยทะเลเพลิง

และนั่นก็เป็นจุดสิ้นสุดของยุคสมัย…

โดยไม่มีใครทราบ ไม่มีใครรู้… พลังวิญญาณทั้งหมดทั่วดินแดนต่างหายไปอย่างไร้ร่องรอยราวกับไม่มีตัวตนมาตั้งแต่แรก

ซึ่งเหตุการณ์นี้สร้างแรงสั่นสะเทือนให้ทุกสำนักบนยุทธภพ แม้แต่สำนักที่แข็งแกร่งที่สุดเองก็ได้รับผลกระทบ

ตบะพวกเขาไม่อาจพัฒนาขึ้นไปอีกขั้นได้ และ…ในตอนนั้นเองภายในสำนักที่แข็งแกร่งที่สุดก็มีการก่อกบฏเกิดขึ้น

ส่งผลให้สำนักที่แข็งแกร่งที่สุดแยกออกเป็นสี่สำนัก.. สี่สายการฝึก.. ทำให้ยุทธภพแห่งนี้ไม่ได้มีเพียงหนึ่งสำหนักที่แข็งแกร่งที่สุดในยุทธภพอีกต่อไป

แต่เป็นสี่สำนัก..และด้วยการสูญสิ้นลมปราณทำให้ตบะพวกเขาไม่พัฒนาพวกมันจึงยุติการทำสงครามอย่างเลี่ยงไม่ได้

เพื่อลดการสูญเสียมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ อย่างไรก็ตามในยุทธภพที่มีผู้คนมากหน้าหลายตาแบบนี้ก็ยังคงมีความขัดแย้งอยู่ดี

ซึ่งทางสำนักเบื้องบนจึงต้องระงับ..และทำสัญญาสงบศึกพร้อมกับปกครองสำนักเบื้องล่างให้อยู่ภายใต้กฎของพวกเขา..

และ..ในโลกที่ไม่มีการก้าวหน้าของตบะ สิ่งที่พวกเขาทำได้มีเพียงการฝึกปรือโดยใช้แร่วิญญาณที่สะสมอยู่ในดินแดเร้นลับต่างๆ

ซึ่งแน่นอนว่ามันส่งผลเสียต่อทั้งตบะลมปราณและร่างกาย อย่างไรก็ตามนี่ก็มีเพียงวิธีเดียวที่พวกเขาทำได้..

และ..

ในสำนักแห่งหนึ่งที่ตั้งอยู่ที่ไหนสักแห่งในดินแดนอนันตกาลนี้..

หากเทียบสำนักนี้กับสี่สำนักใหญ่ สำนักนี้คงไม่ต่างอะไรไปจากมดตัวหนึ่งเลยก็ตาม.. แต่หากพูดกันตามหลักของนักพรตทั่วไป

สำนักนี้คือสำนักที่แข็งแกร่งมากๆ แห่งหนึ่ง.. เป็นสำนักที่มีจอมยุทธ์มากมายหลายหมื่นหลายแสนคนเลยก็ว่าได้

สาเหตุที่สำนักนี้เป็นหนึ่งในสำนักที่แข็งแกร่ง..เพราะสำนักนี้ปกครองดินแดนเร้นลับขนาดใหญ่ที่สามารถหาแร่วิญญาณได้นั่นเอง

ซึ่งพูดง่ายๆ ก็คือ.. สำนักนี้ยังสามารถเก่งขึ้นได้อีกนั่นเอง

รออีกสักร้อยสองร้อยปี บางทีพวกเขาอาจจะพัฒนาจากสำนักระดับล่างสุดของยุทธภพสู่ระดับที่เหนือกว่าก็เป็นได้

สำนักนี้มีชื่อสำนักว่า สำนักเพลิงมรกต

ศิษย์ภายในสำนักนี้แบ่งออกเป็นสีต่างๆ ..

โดยต่ำที่สุดหรือก็คือคนรับใช้ อนุญาตให้เพียงขุดแร่วิญญาณและเอานำมามอบส่งสำนักตามที่กำหนดหากไม่สามารถหามาได้ทันกำหนดก็จะถูกลงโทษ

ซึ่งคนรับใช้ในสำนักนี้มีมากที่สุด.. ซึ่งคนรับใช้จะถูกนับว่าเป็นศิษย์แค่ครึ่งหนึ่งเท่านั้นพวกเขาจะถูกเรียกว่า ‘พวกสีเทา’

ใช่แล้ว ไม่มีใครยินดีเรียกคนเหล่านี้ว่าเป็นศิษย์สำนักนี้ด้วยซ้ำ

ต่อมา.. เมื่อฝึกจนถึงขั้นที่สามารถกักเก็บลมปราณไว้ในตัวได้แล้วจะถูกเรียกว่า ศิษย์ชุดเหลือง

ซึ่งก็ตามที่บอกเปรียบเหมือนศิษย์ฝ่ายนอกของสำนักแล้วนั่นแหละเข้าถึงวิชาต่างๆ ของสำนักได้.. จำนวนของศิษย์ชุดเหลืองนั้นมีเยอะรองแค่จากพวกชุดเทา

ต่อมาคือศิษย์ชุดฟ้า.. เป็นเหมือนศิษย์ฝ่ายในของสำนักที่ได้รับความสำคัญจากพวกผู้อาวุโสประจำสำนัก

ซึ่งศิษย์ชุดฟ้านี้มีน้อยมากในสำนักนี้ บางทีอาจจะมีเพียงไม่กี่พันคนเท่านั้นเองจากคนหลายแสนคน..

และยังมีศิษย์โดยตรง.. ศิษย์โดยตรงไม่ได้ถูกแบ่งแยกโดยสีของอาภรณ์แล้ว เพราะศิษย์โดยตรงก็คือศิษย์ที่ถูกผู้อาวุโสของสำนักสนใจและเลือกให้มาฝึกวิชากันตัวต่อตัว!

ซึ่งแน่นอนว่าศิษย์โดยตรงนี้มีน้อยยิ่งกว่าน้อย ถึงแม้ผู้อาวุโสในสำนักจะมีเยอะมากหลายร้อยคนแต่คนที่ได้เป็นศิษย์โดยตรงกลับมีไม่ถึงร้อยคนด้วยซ้ำ

เหตุผลนั้นง่ายดาย เพราะว่าไม่ใช่ผู้อาวุโสทุกคนที่อยากจะมีลูกศิษย์..

และเหนือกว่าลูกศิษย์ทุกอย่างที่ว่า..คือศิษย์มรกต..

เป็นชื่อที่มอบให้แก่อัจฉริยะในสำนักที่มีเพียงสิบกว่าคนเท่านั้น

นามที่เหมือนกับแบกรับชื่อของสำนักเอาไว้นั้นเพียงแค่พวกเขาปรากฏตัวแผ่บารมีก็สามารถทำให้ศิษย์ทุกสายก้มหัวคารวะดุจผู้อาวุโสของสำนัก!

อย่างว่าแต่ศิษย์เลย แม้แต่ผู้อาวุโสบางคนก็ยังไม่กล้าออกคำสั่งกับศิษย์มรกตนี้ด้วยซ้ำ..

และนี่คือระดับชั้นของสำนักเพลิงมรกตแห่งนี้!

หนึ่งในห้าสำนักที่แข็งแกร่งที่สุดในด้านใต้ของเขตทุรกันดาร

…………..

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+