ทะลุมิติไปเป็นสาวน้อยชาวสวน 133 โกรธเกรี้ยว

Now you are reading ทะลุมิติไปเป็นสาวน้อยชาวสวน Chapter 133 โกรธเกรี้ยว at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 133 โกรธเกรี้ยว

ผู้เฒ่าหยุนได้ยินเสียงดังจากนอกประตูจึงโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ ตั้งแต่แยกทางกัน ชีวิตก็เลวร้ายลงทุกวัน

ที่ดินหลายสิบแปลงถูกยึดไป พิธีแต่งงานกับตระกูลหยูก็ถูกยกเลิก แม่นางจ้าวเป็นตายร้ายดีไม่อาจทราบได้ หยุนชิ่วเอ๋อแบกรับภาระมากมายและมีอนาคตที่ไม่แน่นอน ส่วนสะใภ้สามเอาแต่เกียจคร้านและแม่เฒ่าจูไม่เคยพอใจในสิ่งใดเอาแต่ด่าทอไปเสียทุกสิ่ง

บ้านไม่เป็นบ้าน! ผู้เฒ่าหยุนได้แต่คร่ำครวญอยู่ในใจ

“ถลึงตาใส่ข้าเพราะเหตุใด? ท่านไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นที่บ้านของเราเลยอย่างนั้นหรือ? พวกเรากำลังจะอดตายอยู่แล้ว ยังมีโจรต่ำช้าขโมยอาหารไปอีก! ข้าจะต้องใช้ชีวิตเช่นนี้ไปจนตายแน่!” แม่เฒ่าจูทรุดตัวลงนั่งกับพื้นและโอดครวญ

เมื่อคิดถึงที่ดินที่ถูกยึดไปและเงินทองทั้งหมดถูกผลาญไปจนหมดสิ้นโดยหยุนลี่จง แม่เฒ่าจูจึงได้แต่เศร้าโศกเสียใจ

“ข้าช่วยดึงเขาขึ้นมาจากกองของเสีย กลับไม่ได้รับการตอบแทนแม้แต่น้อย ซ้ำแล้วเขายังขุดหลุมฝังตนเองอีก สวรรค์ไม่เคยเข้าข้างข้าเลย!”

“สร้างเรื่องหน้าไม่อายแต่เช้าตรู่! กลับเข้าบ้านไปเดี๋ยวนี้!” ผู้เฒ่าหยุนขบฟันแน่นและพูดอย่างโกรธเคือง

เขากลัวว่าหากแม่เฒ่าจูยังโวยวายต่อไป จะทำให้สะใภ้สามก่อความโกลาหลขึ้นมาอีก หากเป็นเช่นนั้นเขาคงควบคุมทั้งสองไม่ได้เป็นแน่

“ฮือ…” แม่เฒ่าจูยิ่งร้องไห้ดังไปขึ้นอีก “ช่างไร้ประโยชน์! หากข้าต้องแก่เฒ่าไปเช่นนี้ การมีชีวิตอยู่จะมีความหมายอันใด? หากข้าตายไปเสียตั้งแต่ตอนนี้ทุกอย่างคงจะดีกว่า”

แม่เฒ่าจูเปล่งเสียงเอะอะโวยวายและกลิ้งตัวไปมา จนศีรษะกระแทกเข้ากับต้นไม้ในลานบ้าน

“อ๊า! ท่านแม่!” แม่นางเหลียนเผลอปล่อยกระบวยตักน้ำด้วยความตกใจ

แม่นางเฉินหยุดร้องโหยหวนและมองเหตุการณ์ตรงหน้าด้วยความมึนงง

ใบหน้าของผู้เฒ่าหยุนเต็มไปด้วยความโมโห คิ้วของเขาขมวดเข้าหากันแต่ยังคงสงบใจไว้อยู่

ต้องขอบคุณหยุนลี่เต๋อที่ตอบสนองอย่างรวดเร็ว หยุนลี่เต๋อพุ่งตัวเข้าไปสองก้าวและผยุงร่างของแม่เฒ่าจูเอาไว้ “ท่านแม่ ท่านคิดจะทำสิ่งใดกัน!”

“คนแก่เฒ่าเช่นข้า มีชีวิตอยู่ต่อไปก็ขวางตาคน ปล่อยให้ข้าได้ตายเถอะ!” แม่เฒ่าจูจับเขาไว้และเริ่มทุบตีเขา

“ท่านแม่ ท่านแม่…” หยุนลี่เต๋อไม่มีทางเลือก แต่ก็ไม่กล้าปล่อยมือ ทำให้หยุนลี่เต๋อถูกเตะต่อยไปหลายที

“เจ้ารอง ปล่อยนางไป ให้นางได้ทำตามต้องการ หากไม่อยากใช้ชีวิตอย่างสงบสุขก็จงลาโลกไปเสีย!” เส้นเลือดปูดโปนขึ้นบนหน้าผากของผู้เฒ่าหยุน

“ท่านพ่อ…”

“ปล่อยมือ!” ผู้เฒ่าหยุนถลึงตาใส่อย่างเกรี้ยวกราดและคํารามออกมา

หยุนเชวี่ยไม่เคยเห็นผู้เฒ่าหยุนโกรธขนาดนี้มาก่อน ตาของผู้เฒ่าหยุนแดงฉาน ริมฝีปากเปลี่ยนเป็นสีม่วง ทั้งร่างสั่นเทิ้มจนแทบจะยืนไม่อยู่

แม่เฒ่าจูตะลึงงันและรีบหยุดการกระทำทุกอย่างในทันที ก่อนจะร้องไห้ออกมาด้วยความโศกเศร้า

“ท่านแม่… ท่านพ่อเพียงแค่โมโหเท่านั้นเอง” หยุนลี่เต๋อพยายามปลอบใจแม่เฒ่าจู

“ฮึ่ม!” ผู้เฒ่าหยุนถลึงตาใส่แม่เฒ่าจูอย่างดุดันและสะบัดแขนเสื้อเดินจากไป เขากระทืบเท้าเสียงดังกึกก้องไปทั่ว

“ชีวิตข้าช่างน่าขมขื่นนัก…” แม่เฒ่าจูคร่ำครวญออกมา “ข้าแก่ชราและยังไร้ค่า ข้าไร้ค่ายิ่งนัก…”

“ท่านแม่ นั่งลงและสงบอารมณ์ก่อนเถอะ” หยุนลี่เต๋อประคองร่างของแม่เฒ่าจูให้นั่งลงบนม้านั่งข้างสวนผัก

แม่นางเหลียนส่งผ้าเช็ดหน้าหนึ่งผืนและชาอีกถ้วยหนึ่งให้กับแม่เฒ่าจู

แม่เฒ่าจูเบิกตากว้างพร้อมกับรับถ้วยชาและผ้าเช็ดหน้ามาอย่างอ่อนแรง นางเช็ดหน้าและดื่มน้ำชาจนหมด จากนั้นจึงร้องไห้ออกมาอีกครั้ง

แม่เฒ่าจูร้องไห้พลางตบต้นขาซ้ำไปซ้ำมา ผสมกับคำด่าทอ ฟังได้ใจความว่า… ช่วยหมาป่าขาวขึ้นมาจากกองของเสีย แต่หมาป่าตัวนั้นกลับไม่คิดตอบแทนบุญคุณและอกตัญญูต่อตน ซ้ำยังไม่ลืมที่จะสาปแช่งลูกหลานให้พบแต่ความย่ำแย่ ไม่เจริญไปตลอดชีวิต

หลังจากผ่านไปครู่ใหญ่ แม่เฒ่าจูยังไม่มีทีท่าว่าจะสงบลงแม้แต่น้อย แม่นางเหลียนจึงพยายามเกลี้ยกล่อมนางอีกครั้ง “ท่านแม่ ท่านควรสงบสติอารมณ์ลงก่อน อย่าได้เสียแรงไปกับรังนกไม่กี่ชิ้นเลย ข้าจะไปลวกบะหมี่มาให้ท่านทานแล้วกัน”

น่าเสียดายที่แม่เฒ่าจูไม่รับน้ำใจไว้ นางถลึงตาและหายใจถี่รั่วด้วยความโกรธเกรี้ยว “คนร่ำรวยเช่นเจ้าคิดจะปฏิบัติต่อข้าเยี่ยงขอทานอย่างนั้นหรือ?”

“ท่านแม่ ข้ามิได้หมายความเช่นนั้น…”

“แล้วนั่นหมายถึงสิ่งใด? ครอบครัวของเจ้าทานเนื้อร่ำสุราอยู่ทุกวัน เก็บถุงเงินอย่างมิดชิดไม่ให้มีแม้แต่เสียงกลัวว่าคนนอกอย่างข้าจะได้ยิน หืม? เพียงแค่ทำดีกับข้าไม่กี่ครั้งก็รู้สึกว่าตนเองกตัญญูแล้วหรือ? เจ้าคงไม่กังวลว่าจะมีใครคิดหักหลังเจ้าเลยอย่างนั้นล่ะสิ!” แม่เฒ่าจูโกรธเกรี้ยวและเริ่มด่าทอสะใภ้รองอีกครั้ง

แม่นางเหลียนไม่โต้ตอบคำใด

“ท่านแม่ อาหารพร้อมหรือยัง? ข้าต้องเข้าเมืองไปกับเหอยาโถว อีกไม่นานก็จะถึงเวลานัดหมายแล้ว!” หยุนเชวี่ยเร่งเร้า

“นี่ เร็วเข้า!”

แม่นางเหลียนไม่อาจเลี่ยงได้จึงเผาเตาถ่านอย่างเร่งรีบ ส่วนหยุนลี่เต๋อก้มหน้าก้มตาทำตู้เก็บของอยู่หลังบ้าน

แม่เฒ่าจูพึมพำอย่างมีเลศนัยอยู่พักหนึ่ง เมื่อเห็นว่าไม่มีใครสนใจ ในใจก็เดือดดาลขึ้นมา แต่ว่าผู้เฒ่าหยุนสั่งห้ามไม่ให้ก่อเรื่องขึ้นอีก จึงเดินกลับเข้าห้องไปด้วยสีหน้าที่หม่นหมอง

แม่นางเหลียนถอนหายใจด้วยความโล่งอก เช็ดเหงื่อบนศีรษะและเรียกหยุนเชวี่ย “หยุนเชวี่ย เจ้าไปตักน้ำมาให้แม่สักสองกระบวยสิ”

“ข้าวต้มเสร็จแล้วหรือ!” หยุนเชวี่ยถือชามข้าวเตรียมพร้อม

“ข้าจะลวกบะหมี่และนึ่งรังนกสักหน่อย เจ้าไปเรียกท่านพ่อให้มาทานข้าวก่อน”

“แล้วส่วนของข้าล่ะ?”

“หากว่าเจ้าถามถึงเรื่องนี้อีก ข้าจะดุเจ้า แค่รังนกเพียงไม่กี่ชิ้น ไม่เห็นจะต้องโกรธเคืองกันเช่นนี้เลย” แม่นางเหลียนโบกมือ “รีบไปเร็ว”

หยุนเชวี่ยเบ้ปากอย่างไม่เต็มใจ “ท่านแม่เดิมพันกับข้าหรือไม่? ต่อให้เรานึ่งรังนกไปให้แม่เฒ่าทาน นางก็จะดุด่าเราเหมือนกับหมูหมาเช่นเดิม”

“เอาล่ะ เหตุใดถึงไปว่าให้นางเช่นนั้นล่ะ แค่รังนกไม่กี่ชิ้น ให้ไปก็ไม่เสียหายอันใด ไปได้แล้ว”

เป็นอย่างที่คิดเอาไว้

หม้อนึ่งรังนกใบแรกเพิ่งเปิดออกและยังไม่ทันจะได้หยิบขึ้นมาใส่ถาด เสียงของแม่เฒ่าจูก็ดังออกมาจากห้อง “ปากบอกว่ากตัญญู แต่แท้จริงแล้วคือผายลม แม้แต่กลิ่นก็ยังมิให้ดม…”

หยุนเชวี่ยสงสัยว่า แม่เฒ่าจูผู้นี้คอยแอบสังเกตการณ์อยู่บนหน้าต่างหรืออย่างไร รอคอยจนกระทั่งรังนกออกมาจากหม้อเลยทีเดียว!

“ท่านแม่ หม้อใบนี้ให้ลี่เต๋อกับเด็ก ๆ ทานกันก่อน หลังจากที่พวกเขาทานเสร็จแล้ว ข้าจะนึ่งหม้อใหม่ให้ท่านทันที” แม่นางเหลียนตะโกนกลับไป

“ฮึ่ม แค่รังนกไม่กี่ชิ้น พวกมันยังได้ทานก่อนข้า ข้าคงขอสิ่งใดจากเจ้าไม่ได้เลยล่ะสิ!”

แม่นางเหลียนส่ายหน้าและถอนหายใจ แต่ก็ไม่ได้โต้ตอบกลับไปและยังคงไว้หน้าแม่เฒ่าจูอยู่บ้าง

บางทีอาจเป็นเพราะวันนี้ผู้เฒ่าหยุนโกรธเกรี้ยวขึ้นมา จึงทำให้แม่เฒ่าจูสงบลงไปบ้าง

แม่นางเฉินบ่นคร่ำครวญพลางเตรียมอาหารอยู่ในห้องครัว

สำหรับครอบครัวชาวนา อาหารเป็นเรื่องสําคัญที่สุด อยากมีแรงทำงานก็ต้องอิ่มท้องและเมื่อมีแรงทำงานพวกเขาจึงจะอยู่รอดได้

บนโต๊ะอาหารในห้องโถงใหญ่

ผู้เฒ่าหยุนหน้าดำคร่ำเครียด ส่วนแม่เฒ่าจูไม่พูดไม่จา หยุนลี่จงทำท่าทางเบื่อหน่าย มีเพียงหยุนลี่เซียวที่ดูปกติ เขายกอาหารออกมาจากถาดพลางพูดขึ้นว่า “ท่านพี่ เราจะหาเงินมากมายขนาดนั้นได้จริงหรือ?”

“เราต้องหาได้แน่ มิใช่ว่าพี่สะใภ้ของเจ้ายังคงนอนไม่ได้สติอยู่บนเตียงหรอกหรือ?” หยุนลี่จงพูดพลางถอนหายใจออกมา

ถึงอย่างไรเขาก็ได้เงินมาหนึ่งร้อยตำลึงแล้ว หากว่าความสัมพันธ์ทุกอย่างเรียบร้อยดี เขาจะได้เข้ารับตำแหน่งเป็นขุนนางน้อยและสามารถหาเงินได้มากมายเพียงใดกัน?

“ท่านหมายความว่า หากว่าทำสำเร็จ เงินทองก็จะไหลมาเทมาดั่งสายน้ำอย่างนั้นหรือ? ท่านพ่อ นั่นคงเป็นไปไม่ได้…”

หยุนลี่เซียวยังไม่ทันพูดจบ ก็เห็นแม่นางจ้าวกุมท้องวิ่งออกมาจากห้องอย่างรวดเร็ว…

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด