ภรรยาแม่ทัพเป็นสาวชาวบ้าน 593 ออกไปข้างนอก + บทที่ 594 รวมตัวกัน

Now you are reading ภรรยาแม่ทัพเป็นสาวชาวบ้าน Chapter 593 ออกไปข้างนอก + บทที่ 594 รวมตัวกัน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 591 อยู่ให้ห่างจากคนเสียสติ

การที่ไม่เตะเขาออกไป เพียงแค่ไม่พูดอะไรและเมินเฉยไปนั้น ถือว่ายังน้อยไปด้วยซ้ำ แล้วยังต้องการให้ชายหนุ่มแสดงความรู้สึกที่ดีอีกหรือ

นางรู้สึกว่ามันเป็นไปไม่ได้เลย

ไป๋อีมองหนิงเมิ่งเหยาที่ตกอยู่ในภวังค์ ก่อนจะพูดขึ้นอย่างเจ็บปวด “หากหญิงสาวอย่างเจ้าไม่เข้าข้างข้าก็ไม่เป็นไร แต่ทำไมต้องมองข้าอย่างรังเกียจเช่นนี้ด้วยเล่า”

ขณะที่หญิงสาวกำลังจะเอ่ยตอบ จู่ๆ ก็มีขาข้างหนึ่งยื่นมาจากด้านหลัง ก่อนจะฟาดข้างลำตัวของไป๋อีอย่างรวดเร็วและรุนแรง

ไป๋อีรีบลุกขึ้นยืน ก่อนจะหันมองคนด้านหลังอย่างโกรธเคือง จากนั้นจึงถามพลางขบฟันกรอด “พี่ใหญ่เฮย นี่มันความว่าอย่างไรกัน”

เฮยอีมองชายหนุ่มอย่างเยือกเย็น จากนั้นจึงเดินไปหาหนิงเมิ่งเหยา และลูบศีรษะของนาง “อย่าถือสาชายเสียสติคนนี้เลย”

“โอ้ เสี่ยวเหยาเอ๋อร์ ข้าเพิ่งรู้ว่าตอนนี้เจ้าช่างงดงามขึ้นกว่าแต่ก่อนนัก” เด็กสาวเพียงคนเดียวในกลุ่มเจ็ดคนนั้นก้าวเท้ามาด้านหน้า ก่อนจะลูบคลำใบหน้าอันนุ่มละมุนและดูสวยงาม จากนั้นจึงเอ่ยขึ้นอย่างเศร้าหมอง “ดูเหมือนว่าสามีของเจ้าจะเลี้ยงดูเจ้าอย่างดีทุกวัน มิเช่นนั้นเจ้าคงจะไม่อ่อนโยนและงดงามเช่นนี้แน่”

หนิงเมิ่งเหยาชะงักและเกือบจะล้มลง คนๆ นี้ต้องการให้นางเป็นตัวตลกหรืออย่างไรกัน หญิงสาวไม่คิดว่าคนเหล่านี้จะพูดจาปกติอย่างที่คนทั่วไปเข้าใจได้

เมื่อเฉียวเทียนช่างเห็นว่าหนิงเมิ่งเหยาไม่เชิญแขกของตนเข้ามาด้านใน จึงเดินออกมาดู แต่บังเอิญได้ยินถ้อยคำของหญิงสาวในชุดแดงพอดี…และนั่นทำให้เขาอยากจะจับนางโยนออกไปในทันที

ชายหนุ่มเดินมาอยู่ข้างๆ หนิงเมิ่งเหยาอย่างสุขุม ก่อนจะดึงตัวนางมากอดไว้แนบอก จากนั้นจึงหมุนตัวจากไป โดยที่มิได้มองหน้าอีกฝ่ายเลยแม้แต่น้อย

หงอิงมองหญิงสาวที่หลุดออกจากมือของนาง และเมื่อทั้งคู่หายลับจากสายตา นางจึงเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงแหบพร่า “ชายผู้นั้นฉกฉวยเสี่ยวเหยาเอ๋อร์ของพวกเราไป”

ไป๋อีมองหงอิงอย่างรังเกียจ “เจ้ายังกล้าพูดเช่นนี้อีกหรือ”

“เสี่ยวไป๋ เจ้าต้องการหาเรื่องทะเลาะกับท่านน้าของเจ้าและข้าหรือ” หงอิงมองไป๋อีด้วยแววตาน่ากลัว ท่าทีที่นางกัดฟันแน่นนั้น ทำให้คนอื่นๆ รู้สึกได้ว่านางต้องการจะจับคนๆ นั้นโยนออกไป

ไป๋อีไม่สนใจหญิงสาวที่ดูเป็นนางมารร้ายผู้นี้เลยแม้แต่น้อย หนำซ้ำ เขากลับพูดจาด้วยท่าทางผ่อนคลายว่า “ท่านน้าของข้าถูกฝังอยู่ใต้ดินแล้ว เจ้าอยากจะไปอยู่กับนางด้วยหรือไม่”

คนอื่นๆ ต่างส่ายหน้าเมื่อเห็นว่าทั้งสองคนทะเลาะกันอีกครั้ง ก่อนจะเมินเฉยและเดินเข้าไปด้านใน พวกเขามาที่นี่เพื่อมาหาเสี่ยวเหยาเอ๋อร์ ไม่ใช่มาฟังคนโง่เง่าสองคนเถียงกัน

ด้านในลานบ้าน เฉียวเทียนช่างกำลังกอดภรรยาไว้แนบอก และคิ้วของเขาก็ขมวดแน่น “เหยาเหยา เจ้าไปรู้จักกับคนเสียสติพวกนี้ได้อย่างไรกัน” หากมีใครได้ยินวาจาที่หญิงสาวคนนั้นพูดออกมา ก็คงจะแทบกระอักเลือด

หนิงเมิ่งเหยามองสามีก่อนจะอธิบาย “พวกเขาอาจจะดูแปลกประหลาดไปหน่อย แต่จริงๆ แล้วพวกเขาก็เป็นคนดีและน่ารัก” หลังจากพูดจบ หญิงสาวเกรงว่าชายหนุ่มจะไม่เชื่อ นางจึงผงกศีรษะไม่หยุดเพื่อยืนยันว่าตนเองพูดความจริง

“ไม่ใช่ว่าข้าไม่เชื่อเจ้าหรอก” เขาเพียงแค่กดดันที่จะต้องอยู่ร่วมกับคนเหล่านี้ทุกวันเท่านั้น

ชิงซวงมีสีหน้าเหยเกเมื่อรู้ว่าในอนาคตจะต้องอยู่ร่วมกับหงอิงและคนอื่นๆ ที่มาถึง

“คุณหนูเจ้าคะ ท่านส่งพวกคนสติไม่ดีเหล่านี้ไปที่อื่นได้หรือไม่เจ้าคะ” ชิงซวงคงจะเป็นบ้าตายพอดี นางไม่สามารถอยู่ร่วมกับคนเสียสติเหล่านี้ได้จริงๆ

เฉียวเทียนช่างแปลกใจที่เห็นชิงซวงแสดงท่าทีเช่นนี้ เพราะในสายตาของเขามองว่านางไม่เคยเกรงกลัวต่อสิ่งใด แต่ตอนนี้ดูราวกับว่าชิงซวงนั้นอยากจะร้องไห้แต่ไม่มีน้ำตา เขาจึงรู้ได้ว่านางกำลังหวาดกลัวคนเหล่านี้อยู่

หงอิงหรี่ตามอง ก่อนจะส่งเสียงจากด้านนอก “เสี่ยวชิงซวง เจ้าคิดจะเฉยเมยกับพี่สาวของเจ้าหรือ”

เมื่อชิงซวงได้ยินคำขู่นั้น ก็รีบวิ่งไปหาหนานอวี่ โดยที่ไม่มีผู้ใดคาดคิดว่านางจะหลบอยู่ด้านหลังเขา

หนิงเมิ่งเหยามองชิงซวงอย่างช่วยไม่ได้ ดูเหมือนว่านางคงจะถูกทั้งเจ็ดคนนั้นรังแกมาก่อน ตอนนี้ นางจึงหวาดกลัวที่จะต้องพบหน้าพวกเขาอีกครั้ง

หนานอวี่ขมวดคิ้วเพราะไม่เคยเห็นชิงซวงมีอาการเช่นนี้มาก่อน จากนั้นเขาจึงหันหลังไปประคองใบหน้าของนาง และเอ่ยขึ้นอย่างเคร่งขรึม “ไม่มีอะไรหรอก อย่ากังวลเลย”

ถ้าพวกเขากล้าที่จะแตะต้องชิงซวง หนานอวี่ก็จะทำให้พวกเขาเหมือนกับตายทั้งเป็น

บทที่ 592 จักจั่นลอกคราบ

หากหนิงเมิ่งเหยาได้ยินความคิดของหนานอวี่ นางก็คงจะล้มลงไปกองกับพื้นอย่างแน่นอน

เมื่อหงอิงเดินเข้ามา ก็พบว่ามีชายหนุ่มผู้หนึ่งกำลังกอดชิงซวงอยู่ และชายผู้นั้นก็มองพวกเขาที่เดินเข้ามาด้านใน พร้อมกับขมวดคิ้วแน่น แม้ว่าเขาจะไม่ได้พูดอะไร แต่ทุกคนก็รู้ดีว่าชายผู้นี้ไม่ชอบพวกเขา

หงอิงกอดอกและมองชายตรงหน้าพร้อมกับยิ้มมุมปากเล็กน้อย “นี่ พ่อหนุ่ม รู้ตัวหรือไม่ว่ากำลังทำอะไรอยู่”

หนานอวี่ไม่สนใจหงอิง “ไปดูโม่เฟิงกันเถอะ” ตั้งแต่เฉียวโม่เฟิงมาถึงลานบ้านแห่งนี้ เขาก็เริ่มฝึกฝนวิชาการต่อสู้ ภายใต้คำแนะนำของหนานอวี่

เด็กน้อยผู้นี้ค่อนข้างมีความสามารถอย่างยิ่งจนทุกคนประหลาดใจ ไม่รู้ว่ามันเป็นพรสวรรค์จริงๆ หรือว่าในอดีต เขาเคยฝึกวรยุทธ์มาก่อนที่จะสูญเสียความทรงจำไป

“ตกลง” ชิงซวงรีบพยักหน้า

หงอิงหรี่ตามองนาง “เสี่ยวชิงซวง พวกเราไม่ได้พบกันมานานมากแล้ว เจ้าไม่คิดถึงพวกเราหรือ”

ก่อนที่ชิงซวงจะตอบ นางก็โดนอีกคนที่อยู่ด้านหลังลากตัวออกไปแล้ว

เมื่อหงอิงถูกอีกฝ่ายเมินเฉย จึงรู้สึกฉุนเฉียว “หยุดอยู่ตรงนั้นก่อน”

หนานอวี่ไม่อาจทนฟังเสียงของนางได้อีก เขาจึงย่อตัวและอุ้มชิงซวงขึ้น ก่อนจะพุ่งตัวหายไป

หนิงเมิ่งเหยาเห็นสีหน้าถมึงทึงของหงอิง ก็พยายามกลั้นหัวเราะ และอธิบายให้นางฟัง “พี่หงอิง นั่นคือหนานอวี่ เป็นสามีของชิงซวง เขาเป็นคน…ซื่อๆ และไม่ชอบเข้าสังคมเท่าไหร่ อย่าถือสาเขาเลย”

“ฮ่าๆๆ หญิงสาวผู้ร้ายกาจอย่างเจ้าในที่สุดก็มีวันที่ถูกเมิน” ในบรรดาพวกเขาไม่กี่คน ไป๋อีแทบไม่เคยเห็นหงอิงถูกใครเมินเฉยเช่นนี้มาก่อน เขาจึงระเบิดเสียงหัวเราะออกมา ก่อนจะมองนางด้วยรอยยิ้มยั่วโมโห

หงอิงหันหน้ามองคนที่หัวเราะเสียงสดใสดังลั่น พร้อมกับขบฟันแน่น “เสี่ยวไป๋ หุบปาก”

หลังจากหัวเราะเสร็จ ในที่สุดไป๋อีจึงเงียบเสียงลง แต่ยังคงมองหงอิงอย่างล้อเลียน และนั่นทำให้อีกฝ่ายอยากจะควักลูกตาของเขาออกมาเสีย

“เสี่ยวเฮย คนรักของเจ้าต้องการฆ่าคน” ทันใดนั้นไป๋อีก็ไปอยู่ด้านหลังเฮยอี ก่อนจะพูดขึ้นอย่างแผ่วเบา “เจ้าไม่กลัวว่านางจะลอบสังหารเจ้าตอนกลางคืนหรืออย่างไรกัน”

หนังตาของเฮยอีกระตุก ก่อนจะคว้าตัวชายหนุ่มที่ยืนอยู่ด้านหลัง แล้วโยนเขาออกไปอย่างรังเกียจ จากนั้นเฮยอีจึงเดินมาหาหนิงเมิ่งเหยาและนั่งตรงข้ามกับนาง “เหยาเอ๋อร์ เจ้าเรียกให้พวกเรามาที่นี่ มีธุระสำคัญอะไรเช่นนั้นหรือ”

เมื่อเฮยอีพูดขึ้น หงอิงและไป๋อีก็เงียบลงในทันที ก่อนจะมองหญิงสาวตรงหน้า

หนิงเมิ่งเหยาผงกศีรษะ “ท่านพ่อของข้าถูกใครบางคนจับตัวไป ข้าจึงอยากขอให้พวกท่านช่วยท่านพ่อ แต่มันเป็นภารกิจที่อันตรายมากทีเดียว”

แม้ว่าหญิงสาวจะรู้ว่าพวกเขาไม่เกรงกลัว แต่นางก็รู้สึกผิดที่พวกเขาจะต้องเสี่ยงชีวิตของตัวเองเช่นนั้น

หงอิงเดินไปข้างๆ หนิงเมิ่งเหยา และคล้องแขนพลางกอดนางแน่น จากนั้นนางจึงพูดขึ้นอย่างเคร่งขรึม “สาวน้อย หากเจ้าไม่ให้พวกเราช่วย พวกเราจะโกรธมากๆ “

“นั่นสิ”

เฉียวเทียนช่างยื่นมือไปคว้าข้อมือของหงอิงที่โอบไหล่ของหนิงเมิ่งเหยาอยู่ และปัดมันออกอย่างไม่พอใจ จากนั้นชายหนุ่มจึงดึงหญิงสาวเข้ามาใกล้ชิดกับตน จนรู้สึกสบายใจขึ้น

หงอิงรู้สึกได้ว่าจู่ๆ ตนเองก็ถูกใครบางคนสะบัดมือออกด้วยสีหน้าขุ่นเคือง นางจึงจ้องมองเฉียวเทียนช่างด้วยแววตาดุร้าย “ชายหนุ่มอย่างเจ้ามีปัญหาอะไรหรือ นางเป็นสาวน้อยในตระกูลของข้า”

“เหยาเหยาเป็นภรรยาของข้า”

“แต่พวกเราอยู่ด้วยกันมาหลายปีแล้ว”

“เหยาเหยาเป็นภรรยาของข้า”

ไม่ว่าหงอิงจะพูดเช่นไร ชายหนุ่มก็จะตอบกลับเพียงประโยคเดียวว่าหนิงเมิ่งเหยาคือภรรยาของตน และคำตอบนั้นก็ทำให้หงอิงหนังตากระตุก

“หยุดต่อล้อต่อเถียงกันได้แล้ว” หนิงเมิ่งเหยามองทั้งสองคนอย่างช่วยไม่ได้

หงอิงมองเฉียวเทียนช่าง เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเพิกเฉยต่อนางอย่างสิ้นเชิง หงอิงก็แทบจะสำลัก

จากนั้นหนิงเมิ่งเหยาจึงบอกแผนการของตนเองให้หงอิงและคนอื่นๆ รับฟัง

ทุกคนรับฟังอย่างตั้งใจ และครุ่นคิดอย่างถี่ถ้วนอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะผงกศีรษะและพูดขึ้นว่า “มันเป็นแผนการที่ดีทีเดียว”

“ข้าวางแผนว่าจะเดินทางไปกับเทียนช่าง พี่หงอิง พวกท่านกระจายตัวออกไปก่อน แล้วค่อยมุ่งหน้าไปที่เมืองเล็กๆ แห่งนั้นได้หรือไม่” หนิงเมิ่งเหยามองพวกเขา

“แน่นอน แต่เสี่ยวเหยาเอ๋อร์ แล้วลูกน้อยของเจ้าเล่า” จู่ๆ หงอิงก็นึกถึงเด็กน้อย

“ที่นี่มีชิงซวงและหนานอวี่ รวมถึงองครักษ์ของท่านพ่ออีกสองคนด้วย”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ภรรยาแม่ทัพเป็นสาวชาวบ้าน 593 ออกไปข้างนอก + บทที่ 594 รวมตัวกัน

Now you are reading ภรรยาแม่ทัพเป็นสาวชาวบ้าน Chapter 593 ออกไปข้างนอก + บทที่ 594 รวมตัวกัน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 591 อยู่ให้ห่างจากคนเสียสติ

การที่ไม่เตะเขาออกไป เพียงแค่ไม่พูดอะไรและเมินเฉยไปนั้น ถือว่ายังน้อยไปด้วยซ้ำ แล้วยังต้องการให้ชายหนุ่มแสดงความรู้สึกที่ดีอีกหรือ

นางรู้สึกว่ามันเป็นไปไม่ได้เลย

ไป๋อีมองหนิงเมิ่งเหยาที่ตกอยู่ในภวังค์ ก่อนจะพูดขึ้นอย่างเจ็บปวด “หากหญิงสาวอย่างเจ้าไม่เข้าข้างข้าก็ไม่เป็นไร แต่ทำไมต้องมองข้าอย่างรังเกียจเช่นนี้ด้วยเล่า”

ขณะที่หญิงสาวกำลังจะเอ่ยตอบ จู่ๆ ก็มีขาข้างหนึ่งยื่นมาจากด้านหลัง ก่อนจะฟาดข้างลำตัวของไป๋อีอย่างรวดเร็วและรุนแรง

ไป๋อีรีบลุกขึ้นยืน ก่อนจะหันมองคนด้านหลังอย่างโกรธเคือง จากนั้นจึงถามพลางขบฟันกรอด “พี่ใหญ่เฮย นี่มันความว่าอย่างไรกัน”

เฮยอีมองชายหนุ่มอย่างเยือกเย็น จากนั้นจึงเดินไปหาหนิงเมิ่งเหยา และลูบศีรษะของนาง “อย่าถือสาชายเสียสติคนนี้เลย”

“โอ้ เสี่ยวเหยาเอ๋อร์ ข้าเพิ่งรู้ว่าตอนนี้เจ้าช่างงดงามขึ้นกว่าแต่ก่อนนัก” เด็กสาวเพียงคนเดียวในกลุ่มเจ็ดคนนั้นก้าวเท้ามาด้านหน้า ก่อนจะลูบคลำใบหน้าอันนุ่มละมุนและดูสวยงาม จากนั้นจึงเอ่ยขึ้นอย่างเศร้าหมอง “ดูเหมือนว่าสามีของเจ้าจะเลี้ยงดูเจ้าอย่างดีทุกวัน มิเช่นนั้นเจ้าคงจะไม่อ่อนโยนและงดงามเช่นนี้แน่”

หนิงเมิ่งเหยาชะงักและเกือบจะล้มลง คนๆ นี้ต้องการให้นางเป็นตัวตลกหรืออย่างไรกัน หญิงสาวไม่คิดว่าคนเหล่านี้จะพูดจาปกติอย่างที่คนทั่วไปเข้าใจได้

เมื่อเฉียวเทียนช่างเห็นว่าหนิงเมิ่งเหยาไม่เชิญแขกของตนเข้ามาด้านใน จึงเดินออกมาดู แต่บังเอิญได้ยินถ้อยคำของหญิงสาวในชุดแดงพอดี…และนั่นทำให้เขาอยากจะจับนางโยนออกไปในทันที

ชายหนุ่มเดินมาอยู่ข้างๆ หนิงเมิ่งเหยาอย่างสุขุม ก่อนจะดึงตัวนางมากอดไว้แนบอก จากนั้นจึงหมุนตัวจากไป โดยที่มิได้มองหน้าอีกฝ่ายเลยแม้แต่น้อย

หงอิงมองหญิงสาวที่หลุดออกจากมือของนาง และเมื่อทั้งคู่หายลับจากสายตา นางจึงเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงแหบพร่า “ชายผู้นั้นฉกฉวยเสี่ยวเหยาเอ๋อร์ของพวกเราไป”

ไป๋อีมองหงอิงอย่างรังเกียจ “เจ้ายังกล้าพูดเช่นนี้อีกหรือ”

“เสี่ยวไป๋ เจ้าต้องการหาเรื่องทะเลาะกับท่านน้าของเจ้าและข้าหรือ” หงอิงมองไป๋อีด้วยแววตาน่ากลัว ท่าทีที่นางกัดฟันแน่นนั้น ทำให้คนอื่นๆ รู้สึกได้ว่านางต้องการจะจับคนๆ นั้นโยนออกไป

ไป๋อีไม่สนใจหญิงสาวที่ดูเป็นนางมารร้ายผู้นี้เลยแม้แต่น้อย หนำซ้ำ เขากลับพูดจาด้วยท่าทางผ่อนคลายว่า “ท่านน้าของข้าถูกฝังอยู่ใต้ดินแล้ว เจ้าอยากจะไปอยู่กับนางด้วยหรือไม่”

คนอื่นๆ ต่างส่ายหน้าเมื่อเห็นว่าทั้งสองคนทะเลาะกันอีกครั้ง ก่อนจะเมินเฉยและเดินเข้าไปด้านใน พวกเขามาที่นี่เพื่อมาหาเสี่ยวเหยาเอ๋อร์ ไม่ใช่มาฟังคนโง่เง่าสองคนเถียงกัน

ด้านในลานบ้าน เฉียวเทียนช่างกำลังกอดภรรยาไว้แนบอก และคิ้วของเขาก็ขมวดแน่น “เหยาเหยา เจ้าไปรู้จักกับคนเสียสติพวกนี้ได้อย่างไรกัน” หากมีใครได้ยินวาจาที่หญิงสาวคนนั้นพูดออกมา ก็คงจะแทบกระอักเลือด

หนิงเมิ่งเหยามองสามีก่อนจะอธิบาย “พวกเขาอาจจะดูแปลกประหลาดไปหน่อย แต่จริงๆ แล้วพวกเขาก็เป็นคนดีและน่ารัก” หลังจากพูดจบ หญิงสาวเกรงว่าชายหนุ่มจะไม่เชื่อ นางจึงผงกศีรษะไม่หยุดเพื่อยืนยันว่าตนเองพูดความจริง

“ไม่ใช่ว่าข้าไม่เชื่อเจ้าหรอก” เขาเพียงแค่กดดันที่จะต้องอยู่ร่วมกับคนเหล่านี้ทุกวันเท่านั้น

ชิงซวงมีสีหน้าเหยเกเมื่อรู้ว่าในอนาคตจะต้องอยู่ร่วมกับหงอิงและคนอื่นๆ ที่มาถึง

“คุณหนูเจ้าคะ ท่านส่งพวกคนสติไม่ดีเหล่านี้ไปที่อื่นได้หรือไม่เจ้าคะ” ชิงซวงคงจะเป็นบ้าตายพอดี นางไม่สามารถอยู่ร่วมกับคนเสียสติเหล่านี้ได้จริงๆ

เฉียวเทียนช่างแปลกใจที่เห็นชิงซวงแสดงท่าทีเช่นนี้ เพราะในสายตาของเขามองว่านางไม่เคยเกรงกลัวต่อสิ่งใด แต่ตอนนี้ดูราวกับว่าชิงซวงนั้นอยากจะร้องไห้แต่ไม่มีน้ำตา เขาจึงรู้ได้ว่านางกำลังหวาดกลัวคนเหล่านี้อยู่

หงอิงหรี่ตามอง ก่อนจะส่งเสียงจากด้านนอก “เสี่ยวชิงซวง เจ้าคิดจะเฉยเมยกับพี่สาวของเจ้าหรือ”

เมื่อชิงซวงได้ยินคำขู่นั้น ก็รีบวิ่งไปหาหนานอวี่ โดยที่ไม่มีผู้ใดคาดคิดว่านางจะหลบอยู่ด้านหลังเขา

หนิงเมิ่งเหยามองชิงซวงอย่างช่วยไม่ได้ ดูเหมือนว่านางคงจะถูกทั้งเจ็ดคนนั้นรังแกมาก่อน ตอนนี้ นางจึงหวาดกลัวที่จะต้องพบหน้าพวกเขาอีกครั้ง

หนานอวี่ขมวดคิ้วเพราะไม่เคยเห็นชิงซวงมีอาการเช่นนี้มาก่อน จากนั้นเขาจึงหันหลังไปประคองใบหน้าของนาง และเอ่ยขึ้นอย่างเคร่งขรึม “ไม่มีอะไรหรอก อย่ากังวลเลย”

ถ้าพวกเขากล้าที่จะแตะต้องชิงซวง หนานอวี่ก็จะทำให้พวกเขาเหมือนกับตายทั้งเป็น

บทที่ 592 จักจั่นลอกคราบ

หากหนิงเมิ่งเหยาได้ยินความคิดของหนานอวี่ นางก็คงจะล้มลงไปกองกับพื้นอย่างแน่นอน

เมื่อหงอิงเดินเข้ามา ก็พบว่ามีชายหนุ่มผู้หนึ่งกำลังกอดชิงซวงอยู่ และชายผู้นั้นก็มองพวกเขาที่เดินเข้ามาด้านใน พร้อมกับขมวดคิ้วแน่น แม้ว่าเขาจะไม่ได้พูดอะไร แต่ทุกคนก็รู้ดีว่าชายผู้นี้ไม่ชอบพวกเขา

หงอิงกอดอกและมองชายตรงหน้าพร้อมกับยิ้มมุมปากเล็กน้อย “นี่ พ่อหนุ่ม รู้ตัวหรือไม่ว่ากำลังทำอะไรอยู่”

หนานอวี่ไม่สนใจหงอิง “ไปดูโม่เฟิงกันเถอะ” ตั้งแต่เฉียวโม่เฟิงมาถึงลานบ้านแห่งนี้ เขาก็เริ่มฝึกฝนวิชาการต่อสู้ ภายใต้คำแนะนำของหนานอวี่

เด็กน้อยผู้นี้ค่อนข้างมีความสามารถอย่างยิ่งจนทุกคนประหลาดใจ ไม่รู้ว่ามันเป็นพรสวรรค์จริงๆ หรือว่าในอดีต เขาเคยฝึกวรยุทธ์มาก่อนที่จะสูญเสียความทรงจำไป

“ตกลง” ชิงซวงรีบพยักหน้า

หงอิงหรี่ตามองนาง “เสี่ยวชิงซวง พวกเราไม่ได้พบกันมานานมากแล้ว เจ้าไม่คิดถึงพวกเราหรือ”

ก่อนที่ชิงซวงจะตอบ นางก็โดนอีกคนที่อยู่ด้านหลังลากตัวออกไปแล้ว

เมื่อหงอิงถูกอีกฝ่ายเมินเฉย จึงรู้สึกฉุนเฉียว “หยุดอยู่ตรงนั้นก่อน”

หนานอวี่ไม่อาจทนฟังเสียงของนางได้อีก เขาจึงย่อตัวและอุ้มชิงซวงขึ้น ก่อนจะพุ่งตัวหายไป

หนิงเมิ่งเหยาเห็นสีหน้าถมึงทึงของหงอิง ก็พยายามกลั้นหัวเราะ และอธิบายให้นางฟัง “พี่หงอิง นั่นคือหนานอวี่ เป็นสามีของชิงซวง เขาเป็นคน…ซื่อๆ และไม่ชอบเข้าสังคมเท่าไหร่ อย่าถือสาเขาเลย”

“ฮ่าๆๆ หญิงสาวผู้ร้ายกาจอย่างเจ้าในที่สุดก็มีวันที่ถูกเมิน” ในบรรดาพวกเขาไม่กี่คน ไป๋อีแทบไม่เคยเห็นหงอิงถูกใครเมินเฉยเช่นนี้มาก่อน เขาจึงระเบิดเสียงหัวเราะออกมา ก่อนจะมองนางด้วยรอยยิ้มยั่วโมโห

หงอิงหันหน้ามองคนที่หัวเราะเสียงสดใสดังลั่น พร้อมกับขบฟันแน่น “เสี่ยวไป๋ หุบปาก”

หลังจากหัวเราะเสร็จ ในที่สุดไป๋อีจึงเงียบเสียงลง แต่ยังคงมองหงอิงอย่างล้อเลียน และนั่นทำให้อีกฝ่ายอยากจะควักลูกตาของเขาออกมาเสีย

“เสี่ยวเฮย คนรักของเจ้าต้องการฆ่าคน” ทันใดนั้นไป๋อีก็ไปอยู่ด้านหลังเฮยอี ก่อนจะพูดขึ้นอย่างแผ่วเบา “เจ้าไม่กลัวว่านางจะลอบสังหารเจ้าตอนกลางคืนหรืออย่างไรกัน”

หนังตาของเฮยอีกระตุก ก่อนจะคว้าตัวชายหนุ่มที่ยืนอยู่ด้านหลัง แล้วโยนเขาออกไปอย่างรังเกียจ จากนั้นเฮยอีจึงเดินมาหาหนิงเมิ่งเหยาและนั่งตรงข้ามกับนาง “เหยาเอ๋อร์ เจ้าเรียกให้พวกเรามาที่นี่ มีธุระสำคัญอะไรเช่นนั้นหรือ”

เมื่อเฮยอีพูดขึ้น หงอิงและไป๋อีก็เงียบลงในทันที ก่อนจะมองหญิงสาวตรงหน้า

หนิงเมิ่งเหยาผงกศีรษะ “ท่านพ่อของข้าถูกใครบางคนจับตัวไป ข้าจึงอยากขอให้พวกท่านช่วยท่านพ่อ แต่มันเป็นภารกิจที่อันตรายมากทีเดียว”

แม้ว่าหญิงสาวจะรู้ว่าพวกเขาไม่เกรงกลัว แต่นางก็รู้สึกผิดที่พวกเขาจะต้องเสี่ยงชีวิตของตัวเองเช่นนั้น

หงอิงเดินไปข้างๆ หนิงเมิ่งเหยา และคล้องแขนพลางกอดนางแน่น จากนั้นนางจึงพูดขึ้นอย่างเคร่งขรึม “สาวน้อย หากเจ้าไม่ให้พวกเราช่วย พวกเราจะโกรธมากๆ “

“นั่นสิ”

เฉียวเทียนช่างยื่นมือไปคว้าข้อมือของหงอิงที่โอบไหล่ของหนิงเมิ่งเหยาอยู่ และปัดมันออกอย่างไม่พอใจ จากนั้นชายหนุ่มจึงดึงหญิงสาวเข้ามาใกล้ชิดกับตน จนรู้สึกสบายใจขึ้น

หงอิงรู้สึกได้ว่าจู่ๆ ตนเองก็ถูกใครบางคนสะบัดมือออกด้วยสีหน้าขุ่นเคือง นางจึงจ้องมองเฉียวเทียนช่างด้วยแววตาดุร้าย “ชายหนุ่มอย่างเจ้ามีปัญหาอะไรหรือ นางเป็นสาวน้อยในตระกูลของข้า”

“เหยาเหยาเป็นภรรยาของข้า”

“แต่พวกเราอยู่ด้วยกันมาหลายปีแล้ว”

“เหยาเหยาเป็นภรรยาของข้า”

ไม่ว่าหงอิงจะพูดเช่นไร ชายหนุ่มก็จะตอบกลับเพียงประโยคเดียวว่าหนิงเมิ่งเหยาคือภรรยาของตน และคำตอบนั้นก็ทำให้หงอิงหนังตากระตุก

“หยุดต่อล้อต่อเถียงกันได้แล้ว” หนิงเมิ่งเหยามองทั้งสองคนอย่างช่วยไม่ได้

หงอิงมองเฉียวเทียนช่าง เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเพิกเฉยต่อนางอย่างสิ้นเชิง หงอิงก็แทบจะสำลัก

จากนั้นหนิงเมิ่งเหยาจึงบอกแผนการของตนเองให้หงอิงและคนอื่นๆ รับฟัง

ทุกคนรับฟังอย่างตั้งใจ และครุ่นคิดอย่างถี่ถ้วนอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะผงกศีรษะและพูดขึ้นว่า “มันเป็นแผนการที่ดีทีเดียว”

“ข้าวางแผนว่าจะเดินทางไปกับเทียนช่าง พี่หงอิง พวกท่านกระจายตัวออกไปก่อน แล้วค่อยมุ่งหน้าไปที่เมืองเล็กๆ แห่งนั้นได้หรือไม่” หนิงเมิ่งเหยามองพวกเขา

“แน่นอน แต่เสี่ยวเหยาเอ๋อร์ แล้วลูกน้อยของเจ้าเล่า” จู่ๆ หงอิงก็นึกถึงเด็กน้อย

“ที่นี่มีชิงซวงและหนานอวี่ รวมถึงองครักษ์ของท่านพ่ออีกสองคนด้วย”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+