มหากาพย์ดาบเทวะ! 19
ตอนที่ 19 แก่นภายใน
ชิงหงชะงักอยู่กับที่ ทันใดนั้นร่างหยางเย่ปรากฏขึ้นด้านหน้านาง
เคล้ง!
ดาบเหล็กดำออกจากฝักฟันไปยังจ้าวอสรพิษปีกทมิฬ ทันใดนั้นปราณดาบทองคำพุ่งออกไปอย่างรุนแรง มันกระแทกเข้ากับหัวของจ้าวอสรพิษปีกทมิฬ
ปั้ง!
เกล็ดแข็งของจ้าวอสรพิษปีกทมิฬที่แข็งแกร่ง ตอนนี้มันราวกับเปลือกไม้แห้ง ปราณดาบทองคำระเบิดออกหมดสิ้น ร่างมหึมาของจ้าวอสรพิษแยกเป็นสองส่วนจนร่วงลงพื้นดิน ฝุ่นและเศษใบไม้ฟุ้งกระจายไปทั่วอากาศ
ทันทีที่เห็นฉากนี้ หมานจื้อและเฉียวไห่ที่กำลังพุ่งเข้ามาหยุดชะงักกลางอากาศ พวกเขามองไปที่หยางเย่ที่ถือดาบในมือพร้อมตกตะลึง
ชิงหงที่ยืนข้างหยางเย่ดึงสติกลับมาได้คนแรก ดวงตาที่งดงามของนางเปล่งประกายแปลกประหลาดเมื่อมองไปยังร่างผอมบางของหยางเย่
ฉากที่เพิ่งเห็นนั้นน่าตกใจอย่างมาก!
แท้จริงแล้วไม่เพียงแค่ชิงหงและทุกคนที่ตกตะลึง หยางเย่เองยังตกตะลึงเล็กน้อย เขาทราบว่าพลังปราณทองคำนั้นไร้เทียมทาน เพียงแค่ประกายแสงทองก็สามารถทำลายเกราะป้องกันของสัตว์อสูรทมิฬได้ แต่เคยคาดคิดว่าพลังปราณทองคำจะน่ากลัวถึงขนาดผ่าร่างจ้าวอสรพิษปีกทมิฬได้ในครั้งเดียว
หลังครุ่นคิดกันพักใหญ่ หยางเย่เริ่มเข้าใจแล้วว่า พลังปราณล้ำลึกในร่างกายมันรุนแรงขึ้นหลังจากได้รับการพัฒนาในครั้งนั้น แต่คงเป็นเพราะรวมเข้ากับวิชาดาบแยกลมปราณ จึงสามารถทำให้แยกร่างจ้าวอสรพิษปีกทมิฬเป็นสองส่วนได้ มิเช่นนั้นหากโจมตีด้วยวิธีปกติ มันอาจทำได้เพียงทะลวงเกราะป้องกันและไม่น่ากลัวเท่านี้
“น้องชาย น้องชายหยาง แท้จริงแล้วเจ้าเป็นศิษย์สำนักดาบราชันใช่หรือไม่?” หมานจื้อและเฉียวไห่เดินไปข้างกายหยางเย่ หมานจื้อทำได้เพียงยิ้มให้อย่างละอาย เนื่องจากฉากก่อนนี้มันไม่น่าเชื่ออย่างยิ่ง แม้ทั้งสี่คนที่อยู่ระดับเก้าขั้นปราณมนุษย์ ก็ยังไม่สามารถทะลายการป้องกันของมันได้ แต่ผู้ใช้พลังปราณล้ำลึกระดับเจ็ดขั้นปราณมนุษย์ที่ยืนตรงหน้า ที่สามารถผ่าจ้าวอสรพิษปีกทมิฬเป็นสองซีกได้ในการโจมตีเดียว มันทำให้พวกเขาไร้ซึ่งคำพูดใด ทั้งยังสูญเสียความมั่นใจไปมาก
หยางเย่วางดาบเหล็กดำในมือพร้อมส่ายหัวอย่างเฉยชา “ข้ายังไม่ใช่ศิษย์สำนักดาบราชัน เจ้าฟังถูกแล้ว ตอนนี้ยังไม่ใช่” เขาไร้ซึ่งความประทับใจในตัวชายสองคนนี้อีกต่อไป ก่อนหน้านี้เมื่อเขากล่าวว่าอยู่เพียงระดับเจ็ดขั้นปราณมนุษย์ แม้หมานจื้อจะมีท่าทีไม่เลวร้ายเหมือนชิวหยวน แต่ท่าทีเย็นชาที่ออกมาจากเขาก็เห็นได้ชัด
หมานจื้อรู้สึกละอายใจตนเองเมื่อได้ยินคำตอบ เพราะการกระทำของพวกเขาทั้งคู่ก่อนหน้านี้ ทำให้หยางเย่เปลี่ยนท่าทีเป็นเย็นชา เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ หมานจื้อไม่สามารถทำอันใดได้นอกจากหัวเราะกลบเกลื่อน และยังต้องการให้ยอดฝีมือผู้นี้อยู่ข้างเขา
หมานจื้อหัวเราะพร้อมถอนหายใจออกมา เขามองไปยังจ้าวอสรพิษปีกทมิฬบนพื้น “น้องชายหยาง อสรพิษปีกทมิฬตัวนี้…” จ้าวอสรพิษปีกทมิฬถูกสังหารโดยหยางเย่ ดังนั้นมันจึงเป็นของหยางเย่ พวกเขาอนุญาตให้หยางเย่ทำความสะอาดสนามรบ แต่ไม่ได้ให้ร่วมกลุ่ม เช่นนั้นจึงไม่มีการตกลงแบ่งผลกำไรเกิดขึ้น
ยิ่งนึกถึงสิ่งนี้ ความเสียดายในใจหมานจื้อยื่งเพิ่มมากขึ้น
หยางเย่มองไปยังจ้าวอสรพิษปีกทมิฬพร้อมครุ่นคิดชั่วขณะ “หากมันมีแก่นภายใน มอบมันให้ข้า ส่วนที่เหลือเป็นของพวกท่าน” หยางเย่ไม่ได้ต้องการเงินทอง เหตุผลเดียวที่ต้องการแก่นภายใน คือความอยากรู้อยากเห็นว่ามันมีรูปร่างหน้าตายังไง
หมานจื้อยินดีอย่างมากเมื่อได้ยินหยางเย่กล่าว แต่เดิมเขาคิดว่าจะไม่ได้รับสิ่งใดจากจ้าวอสรพิษปีกทมิฬ และไม่คาดคิดว่าหยางเย่จะต้องการเพียงแก่นภายใน นอกจากแก่นภายใน หนังของจ้าวอสรพิษปีกทมิฬยังมีมูลค่าสูงพอกัน ทั้งยังเป็นประโยชน์ต่อทั้งสามด้วย
หลังกล่าวคำขอบคุณหยางเย่ หมานจื้อและเฉียวไห่รีบผ่าจ้าวอสรพิษปีกทมิฬออกทันที
หยางเย่ไม่ได้สนใจหมานจื้อและเฉียวไห่ เขาหันไปหาชิงหงแทน เพราะค่อนข้างประทับใจต่อสตรีที่งดงามผู้นี้ยิ่งนัก จากนั้นจึงเดินไปหานางอย่างช้า ๆ แต่ทันทีที่สังเกตเห็นชิงหงกำลังมองเขาราวกับสัตว์ประหลาด เขาทำตัวไม่ถูกทำได้เพียงปาดจมูกและยิ้ม “อะไร? เหตุใดท่านจึงมองข้าเช่นนั้น?”
ชิงหงถอนสายตาและส่ายหัว นางหัวเราะอย่างขุ่นเคืองใจ “ข้าไม่คาดคิดเลยว่าจะเจ้าแข็งแกร่ง ก่อนหน้านี้เป็นตัวข้าเองที่จุ้นจ้านเกินไป”
ชิงหงจำได้ว่าสั่งให้หยางเย่อยู่ข้างกายอย่าไปไหนหลายต่อหลายครั้ง ยิ่งนึกใบหน้านางยิ่งกลายเป็นสีแดง
“ข้าตั้งใจจะช่วยตลอดมา แต่ไม่มีโอกาสเลย เช่นนั้นท่านจะมาโทษข้าไม่ได้นะ…” หยางเย่ยักไหล่และยิ้ม
ใบหน้าชิงหงแดงยิ่งขึ้นเมื่อได้ยินหยางเย่ นางจ้องมองไปยังเขา “ใช่ ข้าจุ้นจ้านเกินไป” ขณะที่กล่าวเดินไปยังหมานจื้อและเฉียวไห่ นางค่อนข้างกริ้วเล็กน้อยเมื่อคิดว่าหยางเย่คงจะเย้ยหยันนางในใจ
ดูชิงหงเองค่อนข้างโมโห หยางเย่รีบเดินเข้าไปหาและกล่าวอย่างสุภาพ “พี่หญิงชิงหง อย่าได้โกรธไปเลย ข้าขอบคุณท่านจากใจในเรื่องก่อนหน้านี้ ข้าไม่ได้ตั้งใจจะเยาะเย้ยท่าน ข้าเห็นท่านเป็นสหายอย่างแท้จริง”
ได้เห็นท่าทีจริงจังของหยางเย่ ชิงหงผ่อนคลายลงมาก นางมองที่หยางเย่ ก่อนจะเผยความเขินอายยามนึกถึงเรื่องราวก่อนหน้า ในใจของนางกล่าวคำ “นี่เราเป็นอะไร? สนใจความคิดของเขามากเกินไปแล้ว”
ชิงหงมีท่าทางนึกคิดบางสิ่ง ยิ่งนึกหน้านางยิ่งแดงมากขึ้น บางครั้งนางส่ายหัวอยู่ในใจ
เมื่อเห็นใบหน้าและท่าของชิงหงเขินอาย เปลือกตาหยางเย่กระตุกพร้อมหัวใจเต้นแรงขึ้น ชิงหงกล่าวได้ว่าเป็นสตรีที่งดงามที่สุดผู้หนึ่ง เขาจ้องมองนางมาจนถึงตอนนี้ ใบหน้าที่งดงาม รูปร่างเพรียว และหน้าอกที่ถูกปิดเพียงแค่หนังสัตว์ มันดูราวกับจะล้นออกมาจากชุดที่นางสวมอยู่ตลอดเวลา
หยางเย่เปลี่ยนสายตามองไปยังเอวชิงหง อาจเพราะนางล่าสัตว์อสูรมาตลอดปี ผิวนางจึงไม่ขาวราวหิมะแบบผู้หญิงปกติ แต่กลับเป็นสีครีมที่ดูธรรมชาติ เอวนางไร้ซึ่งไขมันส่วนเกินใด มันค่อนข้างดูเรียบสวย แค่มองก็ไม่จำเป็นต้องสัมผัสว่ามันนุ่มนวลเพียงใด
รูปร่างที่มีเสน่ห์ หน้าอกที่สวยงาม ร่างกายที่เพรียวบางดูเข้ากับชุดและกระโปรงหนังสัตว์ ภาพลักษณ์ของชิงหงช่างดูอาจหาญและมีเสน่ห์แบบผู้ใหญ่
ก่อนหน้านี้เขาไม่มีความคิดอันใดเกี่ยวกับสตรีที่งดงามเช่นชิงหง เขาไม่ได้สังเกตเธออย่างละเอียดมาก่อน เพียงการกระทำก่อนหน้าก็ทำให้ประทับใจอย่างมาก ในใจของเขาชิงหงเป็นเพียงสหายผู้หนึ่งเท่านั้น
แต่บัดนี้ หลังจากที่มองชิงหงจากระยะใกล้ เขาเพิ่งทราบว่านางคือสหายที่งดงามและน่าดึงดูดอย่างยิ่ง
เมื่อชิงหงเห็นหยางเย่จ้องมองมา ท่าทางของนางค่อนข้างไม่เป็นธรรมชาติ จากการนึกคิดบางสิ่ง ตากลมโตของนางกลอกไปมาพร้อมแสดงรอยยิ้มที่มีเสน่ห์ “พี่หญิงชิงหงของเจ้าสวยหรือไม่?”
ทันทีที่ได้ยินคำถาม หยางเย่ที่กำลังชื่นชมร่างอันสง่างามพยักหน้าตอบตามสัญชาตญาณ เขาพยักหน้าตอบขณะที่หัวใจก็สั่น ทั้งยังสังเกตว่าชิงหงกำลังมองมาที่เขาด้วยรอยยิ้มหยอกล้อ
ใบหน้าหยางเย่เปลี่ยนเป็นสีแดง เขาปาดจมูกด้วยความเขินอาย ขณะที่กำลังจะพูดบางสิ่งออกไป หมานจื้อและเฉียวไห่เดินมาถึงพอดี หมานจื้อหยิบไข่มุกขาวขนาดเท่านิ้วก้อยส่งให้หยางเย่ “น้องชายหยาง มันคือแก่นภายในของจ้าวอสรพิษปีกทมิฬ”
หลังจากรับไข่มุกขาว หยางเย่ตรวจสอบอย่างระมัดระวัง แก่นภายในดูเล็กอย่างมากพร้อมสีขาวทั้งลูก ทั้งยังเปล่งแสงพลังปราณไปมา
“ประโยชน์ของแก่นภายในคืออะไร?” หยางเย่เอ่ยถามขณะมองแก่นภายใน
หมานจื้อยิ้มพร้อมกล่าว “แก่นภายในสามารถใช้งานได้ไม่มาก พวกมันสามารถใช้เพื่อสร้างเม็ดยา และยังสามารถป้อนให้สัตว์อสูรทมิฬ ส่วนการใช้งานที่สำคัญที่สุดคือฝังมันเข้ากับสมบัติ แน่นอนการจะทำเช่นนี้จำเป็นต้องมีอาจารย์ยันต์จารึกอักขระด้วย”
เปลือกตาหยางเย่กระตุกเมื่อได้ยิน เขาไม่คาดคิดมาก่อนแก่นภายในสามารถใช้ได้แบบนี้ เช่นนั้นจึงเก็บมันไว้ใต้เสื้อตรงอก “จริงสิ พวกท่านล่าสัตว์อสูรทมิฬในขุนเขาไม่สิ้นสุดบ่อยครั้ง ดังนั้นคงจะคุ้นเคยกับพื้นที่ในขุนเขานี้ใช่หรือไม่?”
หมานจื้อพยักหน้าตอบ “พวกข้าคุ้นเคยกับพื้นที่ในรัศมีห้าร้อยกิโลเมตร นอกนั้นพวกข้าไม่ทราบว่ามีสิ่งใดอีก แม้กลุ่มทหารรับจ้างฝีมือดียังไม่กล้าไปที่นั่น เพราะสัตว์อสูรส่วนใหญ่จะเป็นระดับราชันและยังมีแกร่งขึ้นไปอีก”
เหล่าสัตว์อสูรราชัน!
ท่าทางหยางเย่ดูเคร่งขรึมเมื่อได้ยินสิ่งนี้ สัตว์อสูรราชันเทียบได้กับยอดฝีมือขั้นปราณสวรรค์ แต่ความสามารถในการต่อสู้นั้นเหนือกว่ายอดฝีมือขั้นปราณสวรรค์ไปอีก
หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง หยางเย่เอ่ยถาม “อีกนานเพียงใดกว่าจะออกจากป่าอสรพิษได้?”
หยางเย่ตัดสินใจตามหาสัตว์อสูรที่แข็งแกร่งเพื่อเพิ่มระดับความแข็งแกร่งของตัวเอง เขาจำเป็นต้องเพิ่มความแข็งแกร่งโดยด่วน
หมานจื้อเงยหน้าคำนวนเวลา “พวกเราสามารถออกจากป่าอสรพิษได้พรุ่งนี้ คืนนี้จำต้องพักผ่อนกันในป่าอสรพิษก่อน”
“พักผ่อนในป่าอสรพิษ?” หยางเย่ชะงัก “มีอสรพิษมากมายในป่านี้ มันจะปลอดภัยงั้นหรือ?”
“เจ้าโง่!” ชิงหงมองไปยังหยางเย่ “ใบไม้และกิ่งก้านของต้นไม้ในป่าอสรพิษหนาแน่นอย่างมาก แม้กระทั่งแสงจันทร์ยังไม่สามารถลอดผ่านมาได้ มันจะยิ่งอันตรายไปหากเดินทางในที่มืดเช่นนั้น”
หยางเย่ปาดจมูกด้วยความเขินอาย มันเป็นครั้งแรกที่เขาแสดงอารมณ์ออกมา ทั้งยังไม่คุ้นเคยกับป่านี้เท่าพวกเขา และที่แสดงท่าทางเขินอายนั้นมาจากที่ถูกเรียกว่าเจ้าโง่
เมื่อชิงหงเห็นหยางเย่แสดงอาการเขินอาย ชิงหงเริ่มหัวเราะลั่นออกมา แม้นางจะทราบแล้วว่าความแข็งแกร่งของหยางเย่จะร้ายกาจ แต่ก็ยังคงเป็นครั้งแรกที่ก้าวเข้ามาในป่านี้ เช่นนั้นหากมองข้ามความแข็งแกร่งไป หยางเย่ยังขาดประสบการณ์หลายอย่างนัก!
Comments