รักครั้งแรกของคุณชายปีศาจ 125 ตรงไปตรงมา

Now you are reading รักครั้งแรกของคุณชายปีศาจ Chapter 125 ตรงไปตรงมา at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 125 ตรงไปตรงมา

ในที่สุดอาหารค่ำก็สิ้นสุดลงด้วยบรรยากาศสงบๆสักที

หลิงเล่หยิบกระดาษขึ้นมาเช็ดปาก เช็ดมือให้มู่เทียนซิงด้วยตัวเอง จากนั้นก็จ้องมองเธอ“พวกเราขึ้นกันไปก่อนเถอะ”

กว่าความยุ่งวุ่นวายจะจบลง ในที่สุดเขาก็ได้มีเวลาอยู่กับเธอสักที แน่นอนว่าต้องกลับเข้าไปในห้องของพวกเขาสองคน เพื่อหลีกเลี่ยงสิ่งรบกวน

หนีหย่าจูนอยากที่จะแยกพวกเขาออกจากกัน ก็เลยนึกถึงธุระของตัวเองที่ยังจัดการไม่เสร็จขึ้นมาได้ จึงพูดขึ้น“ซือซ่าว วันนี้ผมไปตระเวนในเมืองมาหนึ่งรอบ เห็นทำเลหนึ่ง อยากที่จะเปิดร้านจิวเวลลี่ร้านแรกของเมืองmที่นั่น แต่ไม่รู้ว่าบริเวณรอบๆนั้นมีร้านไหนบ้างที่ทำกิจการเดียวกัน การแข่งขันเป็นยังไง ไหนจะกำลังซื้อของกลุ่มคนละแวกนั้น ปริมาณของผู้ซื้อเป็นต้น คุณบอกไว้ก่อนหน้าแล้วนี้ว่า จะช่วยผม”

นี่คือสิ่งที่หนีจื่อหยางเอาจริงเอาจังกับหลานชาย

ก่อนที่หนีหย่าจูนจะออกมา หนีจื่อหยางกำชับว่า ให้เขาพึ่งพาแรงกำลังของตัวเอง พวกบัตรเครดิต บัตรวีไอพีต่างๆทั้งหมดที่อยู่ในตัวห้ามใช้ ตั้งแต่ก้าวแรกไปจนถึงก้าวสูงๆ หนีหย่าจูนต้องจัดการด้วยตัวเอง อย่างมากสุดก็ไปขอความช่วยเหลือจากหลิงเล่ได้ แล้วก็ห้ามไปตีสนิทกับรัฐบาลฝ่ายไหนทั้งสิ้น ห้ามอ้างตระกูลหนีหรือราชวงศ์เพื่อประโยชน์ส่วนตนเป็นอันขาด!

ขนาดหย่าจูนออกมาครั้งนี้ รถหรูยี่ห้อดังจอดเต็มโรงรถไปหมด แต่แม้แต่จักรยานสักคันก็ไม่ให้เขามาใช้!

นอกจากนี้แล้ว ยังระงับบัตรเครดิตทั้งหมด เงินสดที่อยู่ในธนาคารก็พอแค่ดำรงชีวิตอยู่ในเมืองได้ไม่นาน แล้วยังมีทำสัญญาการกู้ยืมอีก หลังผ่านไปสามวันต้องคืนทั้งต้นทั้งดอกให้กับหนีจื่อหยางด้วย!

หนีหย่าจูนอับจนหนทาง แม้ว่าเขาจะไม่เคยลังเลในความสามารถของตัวเอง แต่ว่าพอเอาเข้าจริง ถ้าเกิดหลิงเล่ไม่ยื่นมือเข้ามาช่วยล่ะก็ เขาตัวคนเดียว อยู่ที่นี่ ไม่คุ้นเคยกับคนสถานที่ ห้ามอ้างเชื้อสายวงศ์ตระกูล ห้ามใช้เส้นสาย มันก็ลำบากยากเข็ญไม่ใช่น้อยจริงๆ!

หลิงเล่ที่มองเขาด้วยสีหน้าไร้ซึ่งอารมณ์ใดๆ จู่ๆก็พูดขึ้นมา“ไอ้คนเชื้อพระวงศ์ ทำไมถึงยังดื้อดึงอดทนกับฉันอยู่ได้ ชอบโดนฉันรังแกไง?”

มู่เทียนซิงไม่ขยับเขยื้อน ไม่พูดอะไร

เธอเป็นคนรู้การรู้งาน ทุกครั้งเวลาหน้าสิ่วหน้าขวาน เธอจะคอยระมัดระวังตัวเอาไว้อย่างดี ในเมื่อไม่สามารถสอดมือเข้าไปช่วยหลิงเล่ได้ อย่างน้อยๆตัวเองก็อยู่เงียบๆดีกว่า ไม่อยากไปเพิ่มภาระให้หลิงเล่

หนีหย่าจูนอึ้งไปสองสามวินาที ในที่สุดก็หัวเราะออกมา!

ในใจรู้สึกดีขึ้นจนไม่รู้จะพูดอะไร

“ในที่สุดคุณก็เกิดจิตใจดี ตระหนักได้สักทีว่าที่ผ่านมาเอาแต่รังแกผมมาตลอด?”

“ไม่ใช่เพิ่งจะมาตระหนักได้ แต่รู้มาตั้งนานแล้วต่างหาก เพราะว่าฉันตั้งใจทำให้นายลำบากใจมาตั้งแต่แรกแล้วไงล่ะ”

“……”

“ทำไมเหรอ ไม่ยอม?”

“เปล่านี่”

“จะให้นายดูอะไร”

จู่ๆหลิงเล่ก็ดีดนิ้วเรียกจั๋วซี จั๋วซีประหลาดใจเล็กน้อย ก่อนจะนึกๆ แล้วพูดขึ้น“รายงาน?”

หลิงเล่พยักหน้า

จั๋วซีจึงล้วงหยิบผลตรวจdnaออกมาจากในกระเป๋า เปิดออก แล้วยื่นไปตรงหน้าหนีหย่าจูน

ในเวลานี้ ทุกสิ่งทุกอย่างสงบเงียบ เงียบจนน่าประหลาดใจอย่างมาก!

จั๋วซียุ่งมาทั้งวัน เพิ่งจะตามหลิงเล่เลิกงานแล้วกลับมากินข้าวเย็นไปหนึ่งมื้อเท่านั้น เขาไม่ทันได้บอกเรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้กับคู่ของจั๋วหรันฟัง

ดังนั้น ตอนที่เขาพูดคำว่า“รายงาน”สองคำนี้ออกมา ในใจของจั๋วหรันก็เหมือนจะถูกสะกิดขึ้นมาเช่นกัน

พวกเขาคอยปรนนิบัติดูแลซือซ่าวมาหลายปี ซือซ่าวแทบจะเป็นทั้งหมดของพวกเขา!

ฉวีซือหันไปมองจั๋วซีด้วยสายตากระวนกระวาย จั๋วซีมีสีหน้าเศร้าโศกออกมาอย่างเห็นได้ชัด กัดริมฝีปาก ส่ายๆหัว

ฉวีซืออยากจะร้องไห้ออกมา!

จั๋วหรันสีหน้าเริ่มหนักหน่วงขึ้นมา ก้าวขาเดินไปค้ำไหล่ของฉวีซือ

มู่เทียนซิงเห็นสีหน้าอารมณ์ของทุกคนในที่นี้ ล้วนรู้สึกเศร้าเสียใจขึ้นมาเพราะว่าหลิงเล่ เธอก็เข้าใจอย่างทันที ครั้งแรกที่มาถึงที่นี่ หลิงเล่บอกกับเธอว่า“ทุกคนที่อาศัยอยู่ในบ้านหลังนี้ ไม่มีความลับต่อกัน”

หลิงเล่บางทีอาจจะดูโชคไม่ค่อยดี แต่ว่ามีทุกคนในตระกูลจั๋วมาอยู่เคียงข้างกันตลอดหลายปีมานี้ จริงใจต่อกัน ร่วมทุกข์ร่วมสุขด้วยกัน มันก็ถือว่าเป็นโชคอันมหันต์แล้ว!

ตอนนี้เห็นเพียง คนที่ท่าทางสง่างามและสูงศักดิ์ค่อยๆมีสีหน้าตึงเครียด อยู่ภายใต้แสงที่สว่างไสวของโคมไฟระย้า หนีหย่าจูนปากสั่น ถามขึ้นอย่างระมัดระวัง“นี่เป็น ของคุณ กับใคร?”

“ของฉันกับหลิงหยวน”

หลิงเล่จ้องเขม็งเขา จู่ๆก็ถามขึ้นต่ออีกหนึ่งประโยคอย่างไม่ช้าไม่เร็ว“ฉันรู้สึกดีใจนะที่เห็นนายท่าทางกดดันแบบนี้”

หนีหย่าจูนกลืนน้ำลายไปหนึ่งอึก แม้ว่าตอนอยู่ต่อหน้าคนนอก เขาจะดูเหมือนว่าจะรับมือได้เพียงลำพัง แต่ยังไงเขาก็อายุแค่อายุ22ปี!

พยายามที่จะสงบสติอารมณ์ของตัวเอง ไม่อยากจะเปิดเผยอารมณ์ของตัวเองออกมาต่อหน้าหลิงเล่ แต่มือมันดันสั่นเองไม่หยุด

เขาจึงทำได้แค่เงยหน้าขึ้น เอาสองมือไขว้ไปข้างหลัง ไม่ให้พวกเขาเห็น แล้วพูดขึ้นอย่างยิ้มๆ“เหอะๆ คุณให้ผมดูสิ่งนี้ทำไม แล้วผมก็ไม่รู้ด้วยว่ามันเกิดเรื่องอะไรขึ้น!”

ทุกคนเงียบสนิท

เสียงหวานใสของผู้หญิงดังขึ้นมา มู่เทียนซิงค่อยๆพูดขึ้น“พี่หย่าจูน ฉันเคยบอกแล้วใช่ไหม ว่าสองสามวันมานี้คุณทำตัวลับๆล่อๆค่อนข้างเยอะเป็นพิเศษ?”

“ชิ!”หนีหย่าจูนสบถออกมาหนึ่งคำ แล้วก็ไม่รู้ว่าควรจะทำยังไงต่อ

สองตาที่มีเสน่ห์กระพริบๆ จู่ๆเขาก็แสดงท่าทางน่ารักที่ยากจะเห็นออกมาต่อหน้าทุกคนพร้อมกับพูดขึ้น“ผมง่วง! เมื่อคืนก็นอนหลับไม่สนิท!พอวันนี้กำลังจะหลับ กลับถูกปลุกตื่นตั้งสองครั้ง ง่วงจริงๆเลย!”

หลิงเล่จ้องเขาตาเขม็ง“ไม่เป็นไร ฉันเชื่อว่าหลังจากสามวัน พอผลตรวจdnaของฉันและนายออกมาแล้ว นายจะยอมบอกทุกอย่างกับฉันเอง”

“ผมไม่มีทางบอกคุณหรอก!”หนีหย่าจูนเอ่ยปากพูด พอพูดเสร็จกลับรู้สึกว่าไม่น่าพูดออกไปเลย!

อยากจะต่อยตัวเองให้เต็มแรงจริงๆ!

เขาหันกลับไปด้วยความอารมณ์เสีย แล้วหันกลับมาอีกครั้ง เขามองหลิงเล่ ก่อนจะพูดขึ้นอย่างจริงจัง“ผมรู้ว่าหลายปีมานี้คุณลำบากขนาดไหน แต่ยังมีคนที่ลำบากกว่าคุณอีก เรื่องที่ทุกข์ใจมันผ่านไปหมดแล้ว ไม่อยากจะพูดถึงแล้ว อีกอย่างตอนนี้คุณก็มีความสุขดีไม่ใช่เหรอ?”

ดังนั้นเรื่องที่ผ่านไปแล้ว ก็ให้มันผ่านไปเถอะ!

แม้ว่าตามหลักเหตุผลจะเป็นแบบนี้ก็เถอะ แต่ในโลกของหลิงเล่ มันเป็นไปได้เหรอ?

มู่เทียนซิงกัดริมฝีปาก สูดหายใจเข้าลึก ในที่สุดก็กำมือแน่น ก่อนจะพูดขึ้นกับหลิงเล่“ตอนที่ฉันไปเมืองh ในห้องของคุณหญิงเยว่หยา ฉันเห็นว่ารูปครอบครัวที่ชัดแจ๋วอยู่บนผนังหนึ่งรูป”

หนีหย่าจูนอึ้งตะลึง ไม่รู้ว่าเธอกำลังจะพูดอะไร

แต่แววตาของหลิงเล่ค่อยๆเข้มขึ้น มองมายังมู่เทียนซิงด้วยความอยากรู้สิ่งที่เธอจะพูดต่อมา“แล้วไงต่อ?”

มู่เทียนซิงกำมือแน่น แววตาสั่นไปมาไม่นิ่ง“ฉันกลัวว่า ถ้าฉันไม่บอกคุณฉันก็จะรู้สึกผิด แล้วฉันก็กลัวอีกว่าถ้าฉันบอกคุณ ก็อาจจะเกิดผลพวงตามมาแบบที่ไม่คาดไม่ถึง ฉันเชื่อว่าคุณหญิงหนีไม่มีทางเตือนฉันโดยไม่มีสาเหตุแน่นอน”

พูดไปพูดมา น้ำตาของสาวน้อยก็ร่วงตกลง ทีละหยด!

หลิงเล่ที่มองเธออยู่ ก็ยื่นมือไปดึงตัวเธอลงมา กอดเธอเอาไว้“ยัยเด็กโง่ ฉันรู้ตั้งนานแล้วว่าเธอมีอะไรบางอย่างซ่อนไว้ในใจ เธอเหมือนกับผืนผ้าขาวบริสุทธิ์ที่คนมองออกง่ายๆแบบนี้ จะซ่อนเรื่องที่อยู่ในใจได้ยังไง?”

หนีหย่าจูนที่เงียบอยู่ก็พูดขึ้น“คุณย่าของฉันบอกอะไรกับเธอ? คุณย่าผู้ที่อ่อนโยนของผม……”

ฉวีซือเริ่มกระวนกระวาย เธอฟังจนลนลานแทบตายอยู่แล้ว“คุณหนูมู่ คุณพูดเถอะค่ะ!พวกเราอยู่ที่นี่กันเยอะขนาดนี้เรื่องมันหนักหนาแค่ไหน พวกเราก็สามารถช่วยกันปรึกษาหาทองออกได้!”

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *