ลูกเขยยอดนักฆ่า 134

Now you are reading ลูกเขยยอดนักฆ่า Chapter 134 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 134 มาทําอะไรที่นี่?

“เรียกตํารวจมาก็ดี! ผมจะได้แจ้งจับพวกคุณข้อหาหลอกลวงฉินเสี่ยวยู่!” ห ลิ้นหนานพยักหน้าพร้อมกับร้องตะโกนท้าทาย

หลี่ชางไห่นิ่งอึ้งไปทันที มือที่ถือโทรศัพท์สั่นเล็กน้อย ก่อนจะแกล้งตีหน้าชื่อย้อนถามกลับไปว่า “นี่เธอพูดจาเพ้อเจ้อไร้สาระอะไรกัน?”

“จงใจวินิจฉัยอาการคนไข้ให้หนักเกินจริง ฉวยโอกาสใช้เหตุผลเรื่องนี้ กระตุ้นให้ญาติคนไข้ต้องรีบหาเงินมาจ่ายค่าผ่าตัด จากนั้นก็อาศัยช่วงเวลาที่ญาติคนไข้ร้อนเงินนี้ ฉ้อโกงทรัพย์สินของเขา นี่ไม่เข้าข่ายกรรโชกทรัพย์หรอกเหรอ?” หลินหนานอธิบายด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม

ไม่นะ!

แผนการถูกเปิดโปงแล้วเหรอ?!

หลี่ชางไห่นิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง คิ้วบางสองข้างขมวดเข้าหากันเล็กน้อย ก่อนจะรีบตอบโต้กลับไปอย่างรวดเร็ว

“ถ้าจะกล่าวหากันแบบนี้ ผมก็ไม่ต้องการค่าผ่าตัดจํานวนห้าแสนหยวนแล้ว และถ้าคุณไม่เชื่อ ก็เชิญไปถามพยาบาลที่เคาน์เตอร์ได้!”

“ถามก็ถามสิ! ผมเองก็ไม่เชื่อเหมือนกันว่า ค่าผ่าตัดอะไรจะแพงขนาดนี้”

แทบไม่ต้องรอให้หลินหนานพูดจบ ฉินเสี่ยวยู่ก็เดินไปที่เคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ เพื่อสอบถามเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลถึงเรื่องค่าใช้จ่ายในการผ่าตัดครั้งนี้

ระหว่างนั้น ฉินเสี่ยวยู่ก็เดินกลับไปกลับมาด้วยความกระวนกระวายใจอยู่ครู่หนึ่ง หลังจากนั้นเธอก็เดินกลับมาหาหลินหนานด้วยสีหน้าหงุดหงิด

“หลินหนาน ฉันไปถามพยาบาลที่เคาน์เตอร์มาแล้ว เธอบอกว่าค่าผ่าตัดของแม่ฉัน โดยรวมทั้งหมดก็อยู่ที่สี่แสนห้าถึงห้าแสนหยวนจริงๆ”

เปรียบเทียบกับสีหน้าของฉินเสี่ยวยู่แล้ว สีหน้าของหลินหนานดูสงบนิ่งกว่ามาก และไม่มีวี่แววของความประหลาดใจเลยแม้แต่น้อย หลังจากที่ได้ยินคําบอกเล่าของเธอ

ความจริง เขาเองก็ไม่คาดคิดว่าฉันเสียวยู่จะไปถามจริงๆ เพราะรู้อยู่แล้วว่า จิ้งจอกเฒ่าอย่างหลีชางไห่ย่อมต้องวางแผนไว้อย่างแยบยลอยู่แล้ว

หากเขากล้าร่วมมือกับหลี่เฟิงวางแผนทําเรื่องใหญ่โตขนาดนี้ได้ แน่นอนว่าเขาย่อมต้องเตรียมการมาเป็นอย่างดี และมั่นใจว่าจะไม่ทิ้งหลักฐาน หรือมีจุดบกพร่องให้ถูกจับได้แน่

“ฉันเป็นหมอมานานกว่าสามสิบปี มีจรรยาบรรณแพทย์สูงส่ง และไม่เคยทําเรื่องเลวร้ายอย่างที่เธอกล่าวหา ฉันไม่จําเป็นต้องกลัวการตรวจสอบ แต่เรื่องที่เธอทําร้ายร่างกายคนอื่นในโรงพยาบาลแบบนี้ คงยากที่จะรอดจากการถูกจับกุมได้แน่!” หลีชางไห่เสียงแข็งขึ้นมาอีกครั้ง

“มีจรรยาบรรณแพทย์สูงส่งอย่างนั้นเหรอ? ผมว่าในท้องคุณน่าจะมีหมาปาตะกละตะกลามอยู่ต่างหาก ถ้าคุณมีจรรยาบรรณอย่างที่พูดจริง ทําไมไม่ช่วยผ่าตัดให้กับแม่ของเสี่ยวยู่ก่อนล่ะ? ทําไมยังปล่อยให้นอนรออยู่ในห้องไอซียูโดยไม่ทําอะไร?” หลินหนานตอบโต้

“เอ่อ..”

หลังจากได้ยินคําตอบโต้ของหลินหนาน หลี่ชางไห่ก็ถึงกับนิ่งอึ้งไปอีกครั้ง ความจริงแล้ว ครั้งนี้เขาวางแผนมาอย่างดี และมั่นใจว่า คนอื่นจะไม่ทันสังเกตเห็นความผิดปกตินี้ได้

แต่กลับคิดไม่ถึงว่า ชายหนุ่มที่ชื่อหลินหนาน กลับช่างสังเกตและช่างจับผิดต่างจากคนทั่วไป

“คุณหมอหลี่ เกิดอะไรขึ้นเหรอครับ?”

ในระหว่างที่หลีชางไห่กําลังตกอยู่ในสภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก และไม่รู้ว่าจะแก้ต่างอย่างไรอยู่นั้น เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของโรงพยาบาลก็มาถึงพอดี แม้ว่าจะมาช้าไปบ้างก็ตาม..

“ซู่กัง คุณมาทันเวลาพอดี ผู้ชายคนนี้เจตนาฆ่าหลานชายของผมทั้งที่อยู่ในเขตโรงพยาบาลและตอนนี้หลานชายของผมก็ได้รับบาดเจ็บ ผมกําลังจะโทรเรียกเจ้าหน้าที่ตํารวจมาจับเขาไปพอดี!”

เมื่อเห็นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของโรงพยาบาลเข้ามา หลี่ชางไห่ก็เลือกที่จะไม่โต้เถียงกับหลินหนานต่อ และหันไปบอกเล่าเหตุการณ์ให้กับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยฟังด้วยสีหน้ามั่นอกมั่นใจ

และชายร่างสูงใหญ่ที่ชื่อว่าซูกังคนนี้ ก็คือหัวหน้าแผนกรักษาความปลอดภัยของโรงพยาบาลแห่งนี้นั่นเอง

“คุณหมอหลีไม่ต้องห่วงเรื่องนี้ ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของผมจัดการเอง!”

หลังจากที่ซู่กังบอกกับคุณหมอหลี่แล้ว เขาก็หันไปมองหลินหนานพร้อมกับโบกไม้โบกมือ จากนั้น ก็มีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยอีกหลายนาย วิ่งเข้าไปล้อมหลินหนานไว้

เมื่อเห็นเช่นนั้น ฉินเสี่ยวยู่ก็รีบอธิบายทันที “คนที่ลงมือก่อนก็คือหลี่เฟิงต่างหาก! เขาเป็นคนวิ่งเข้าไปชกหลินหนาน แต่หลินหนานยังไม่ได้ตอบโต้อะไรเลยด้วยซ้ำไป!”

“เสี่ยวยู่ อย่าเข้าข้างเขาหน่อยเลย! ถ้าเขาไม่ได้ทําอะไรหลานชายชายฉันจริงๆ ทําไมหลานชายของฉันถึงได้ล้มลงไปนอนกับพื้นแบบนั้นล่ะ? หรือเธอจะบอกว่าหลี่เฟิงทําร้ายตัวเองอย่างนั้นเหรอ? ใครจะไปเชื่อ” หลี่ชางไห่ทําเสียงเย้ยหยัน

“ใช่ครับลุง! ทุกคนต่างก็เห็นว่าหมอนั่นทําร้ายร่างกายผม!”

หลี่เฟิงที่คลายความเจ็บปวดลงไปบ้าง รีบร้องตะโกนออกมา และจ้องมองหลินหนานที่กําลังถูกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยล้อมตัวไว้ หลังจากสูดลมหายใจเข้าไปอีกหลายครั้ง หลี่เฟิงก็เริ่มมีเรี่ยวแรงขยับเขยื้อนร่างกายได้บ้าง

เวลานี้ เหลือเพียงแค่ก้นของเขาเท่านั้น ที่ยังคงปวดแสบปวดร้อนไปหมด!

“พ่อหนุ่ม ตามฉันออกไปเดี๋ยวนี้เ” ซูกังหันไปมองหลินหนาน พร้อมกับร้องสั่งด้วยน้ำเสียงดุดัน

“ไม่ไป!”

หลินหนานปฏิเสธ และไม่ยอมที่จะทําตามที่ซู่กังสั่ง ในขณะที่ฉินเสี่ยวยู่ก็เดินไปยืนขวางหน้าหลินหนานไว้ คล้ายต้องการจะปกป้องเขา ซูกังเห็นเช่นนั้นจึงได้แต่ข่มขู่ฉินเสี่ยวยู่ไปว่า

“แม่หนู ถอยออกไปห่างๆจะดีกว่า!”

“ฉันเองก็ไม่คิดที่จะหลบอยู่ใต้กระโปรงให้ผู้หญิงปกป้องหรอกน่า”

หลินหนานพูดขึ้นยิ้มๆ พร้อมกับก้าวเดินออกมาจากด้านหลังของฉินเสี่ยวยู่ ก่อนจะเดินตรงไปหาซู่กังทันที

“นี่เธอคิดจะทําร้ายฉันอีกคนหรือยังไง?”

เมื่อเห็นหลินหนานพุ่งเข้ามาหาตนเองเช่นนั้น สีหน้าท่าทางของกังก็เปลี่ยนเป็นดุดัน และน่าเกรงขามขึ้นมายิ่งกว่าเดิม มือของเขาเอื้อมไปจับไม้กระบองข้างเอวไว้ทันที

ในขณะที่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่ล้อมหลินหนานอยู่ ก็เริ่มตื่นตัวเช่นกัน และหากหลินหนานกล้าลงมือทําร้ายซูกัง พวกเขาก็พร้อมที่จะพุ่งเข้าล็อคตัวทันทีเช่นกัน!

“ผมจะไปกับคุณต่างหากเล่า!”

ทุกคนในที่นั้นต่างก็ประหลาดใจไม่น้อย ที่หลินหนานไม่ได้ทําอะไรรุนแรงอย่างที่คิด และเพียงแค่พูดขึ้นด้วยสีหน้าที่สงบนิ่ง

ตกใจหมด! พ่อหนุ่มนี้ไม่ได้เกเรอย่างที่คิด ออกจะดูมีเหตุมีผลด้วยซ้ำไป!

ซูกังถอนหายใจด้วยความโล่งอก และบอกกับหลินหนานว่า “พ่อหนุ่ม เธอไม่ต้องเป็นห่วง ฉันไม่ปรักปรําใครแน่หากไม่ได้ทําผิด แต่ก็จะไม่ปล่อยคนผิดให้ลอยนวลเหมือนกัน!”

หลินหนานพยักหน้า และตอบกลับไปว่า “ผมเชื่อ! ไม่อย่างนั้นผมก็คงไม่เลือกที่จะไปกับคุณง่ายๆ แต่ดูเหมือนไม่ค่อยจะยุติธรรมเท่าไหร่ ทําไมคุณถึงจับแต่ผมคนเดียว? ไม่จับเจ้าอ้วนนั่นไปสอบสวนด้วยล่ะ..”

หลังจากพูดจบ มุมปากของหลินหนานก็ได้โค้งขึ้นเป็นรอยยิ้มปริศนา ที่ยากจะอธิบายได้ว่าหมายความเช่นใด?

ซู่กังเหลือบมองหลี่ชางไห่พร้อมกับขมวดคิ้วเล็กน้อย และเมื่อเห็นหลี่ชางไห่พยักหน้า เขาจึงหันไปบอกกับหลี่เฟิงว่า

“ถ้าอย่างนั้นก็ไปกับผมทั้งคู่!”

“ผมไม่ไป! ถ้าหมอนั่นทําร้ายร่างกายผมขึ้นมาอีกล่ะ?” หลี่เฟิงส่ายหน้าปฏิเสธไปมา นั่นเพราะความจริงเขารู้ตัวว่าได้กระทําความผิด จึงเกิดความหวาดกลัว

“ถ้าไม่ไป หัวหน้าซูจะสอบสวนเรื่องราวได้ยังไง? ไม่ต้องกลัว มีหัวหน้าซูอยู่ด้วยทั้งคน ไม่มีใครทําอะไรแกได้แน่!” หลี่ชางไห่ตะคอกหลี่เฟิงเสียงดัง

ซู่กังตอบกลับด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม “ไม่ต้องกลัว มีผมอยู่ทั้งคน คุณปลอดภัยแน่นอน และผมเองก็ไม่เคยปรักปรํา และทําร้ายคนดีๆ

ดูเหมือนซูกังจะตั้งใจเน้นประโยคสุดท้ายเป็นพิเศษ!

“ตกลง ผมจะไปกับคุณ! หลินหนาน ถ้าวันนี้ฉันเอาเรื่องแกไม่ได้ ฉันจะยอมเรียกแกว่าพ่อเลย!” หลี่เฟิงลุกขึ้นยืน พร้อมกับเอามือบัดก้น ส่วนสายตานั้นก็จ้องมองหลินหนานด้วยแววตาดุด

“แต่ฉันไม่อยากมีลูกชายแบบนาย!” หลินหานส่ายหน้า และตอบกลับด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน

ในระหว่างนั้น ทั้งสองคนพร้อมด้วยพนักงานรักษาความปลอดภัย ต่างก็เตรียมตัวที่จะไปยังแผนกเพื่อทําการสอบสวนเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้น

แต่แล้ว เสียงประตูลิฟท์ที่โถงด้านล่างก็ดังขึ้น และประตูลิฟท์ก็เปิดออกช้าๆ

“ท่านประธาน กําลังจะไปไหนครับ?”

หลังจากที่ประตูลิฟท์เปิดออก ก็มีชายชราสองคนก้าวเดินออกมา ซู่กังเห็นเช่นนั้น ก็รีบตรงเข้าไปทักทาย พร้อมกับยิ้มประจบประแจง

ชายชราร่างท้วมสวมเสื้อกาวน์สีขาวจึงตอบกับว่า “อ้าว.. อาซู! ฉันกับอาวุโสกําลังจะไปอบรมเรื่องการแพทย์แผนจีน ให้กับโรงพยาบาลเทศบาลฟัง นี่พักกลางวันไม่ใช่เหรอ แล้วเธอมาทําอะไรตรงนี้”

ชายชราร่างท้วมสวมเสื้อกาวน์สีขาว ที่กําลังสนทนาอยู่กับซูกังนั้นชื่อว่าเฉินจิ้งซาน เป็นประธานของโรงพยาบาลแห่งนี้

“พอดีมีชายหนุ่มคนหนึ่งเข้ามาสร้างปัญหาภายในโรงพยาบาล ผมจับตัวเขาได้แล้ว และกําลังจะพาไปสอบสวนที่แผนกครับ..”

ซูกังยืนตัวตรง และตอบกลับเฉินจิ้งซานด้วยสีหน้าท่าทางจริงจัง ต่อหน้าท่านประธาน เขาจําเป็นต้องรักษาภาพลักษณ์ของหัวหน้าแผนกรักษาความปลอดภัยที่แข็งแกร่งไว้

“อาซู เธอทําได้ดีมาก! อีกหนึ่งเดือนจะมีการประเมินผลพนักงานอีกครั้ง ฉันจะพิจารณาเธอเป็นพิเศษ” เฉินจิ้งซานยกมือขึ้นตบไหล่ซูกังพร้อมกับเอ่ยชมเชย

“ขอบคุณครับท่านประธาน!”

ซูกังเอ่ยขอบคุณพร้อมกับยิ้มกว้างราวกับดอกไม้บาน หลังจากนั้น จึงรีบหันไปทักทายชายชราที่อยู่ข้างๆ พร้อมกับยิ้มประจบประแจงเช่นเคย

“สวัสดีครับท่านหมอ!”

“สวัสดีๆ”

ผู้เฒ่ากู่เอ่ยทักทายตอบซู่กังเพียงเล็กน้อย ก่อนจะหันไปเร่งเฉินจิ้งซาน “ประธานเฉิน อย่าเสียเวลาคุยอยู่เลย พวกเรารีบไปกันดีกว่า!”

หลังจากเร่งรัดเฉินจิ้งซานแล้ว ผู้เฒ่ากู่ก็เดินเอามือไขว้หลังออกไปทันที เฉินจิ้งซานได้แต่สายหน้าไปมายิ้มๆ พร้อมกับบ่นพึมพํา

“อาวุโสกู่ยังคงเป็นคนตรงต่อเวลาเหมือนเดิม!”

โรงพยาบาล

โรงพยาบาลประชาชนแห่งแรกได้รับการยอมรับว่าเป็นทักษะทางการแพทย์ขั้นสูงสุดในการดูแลผู้สูงอายุ และอารมณ์ของเขาก็ตรงไปตรงมาเช่นกัน

โรงพยาบาลตี้ขี้เหยินแห่งนี้ นับเป็นโรงพยาบาลที่ขึ้นชื่อว่ามีเครื่องไม้เครื่องมือทางการแพทย์ที่พร้อมมาก อีกทั้งยังมีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญในหลายๆด้าน รวมทั้งเรื่องการแพทย์ทางเลือกอย่างแพทย์แผนจีน

แต่หลังจากที่ผู้เฒ่ากู่ก้าวเดินออกไปได้เพียงแค่สองสามก้าว เขาก็หันหันไปเห็นใครบางคนเข้าและถึงกับร้องอุทานออกมาด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นดีใจ

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *