หนุ่มเดาใจเก่งกับสโนว์ไวท์ซึนเดเระปากร้าย 8: ตัวตนของคำว่าชอบ (2)

Now you are reading หนุ่มเดาใจเก่งกับสโนว์ไวท์ซึนเดเระปากร้าย Chapter 8: ตัวตนของคำว่าชอบ (2) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ร้านเครปนั้นเป็นที่นิยมและมักเต็มไปด้วยเด็กนักเรียน แต่เนื่องจากเวลาผ่านไปนานแล้วตั้งแต่โรงเรียนเลิกจึงมีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่รออยู่หน้าร้าน ยุยมองดูเมนูพลางพยักหน้ากับตัวเองด้วยท่าทางเคร่งขรึม

 

“จะเอาอะไรดีน้า… คราวก่อนก็กินเครปสตรอว์เบอรี่ไปแล้ว งั้นคราวนี้สั่งรสช็อคโกแล็ตดีกว่า แล้วทัตสึมิล่ะ?”

“ฉันไม่ค่อยถูกกับของหวานน่ะ… เขามีอย่างอื่นไหม?”

“ก็มีไส้กรอกแฟรงค์เฟอร์เตอร์กับทูน่าสลัด… อ้าใช่ คุณพนักงานคนนั้นเขาบอกว่ามีนัตโตะกับหัวไชเท้าดองด้วยนะ! อยากลองท้าทายดูไหม?”

“อีกล้านปีก็ไม่เอา! ไปเอาข้าวขาวมาให้ฉัน!”

 

คู่รักเพื่อนสมัยเด็กยังคงจีบกันขณะเลือกเมนูเหมือนอย่างทุกที นาโอยะใช้โอกาสนี้เพื่อพูดคุยกับโคยูกิ

 

“ขอโทษที่โดนบังคับให้ตามมาด้วยนะชิโรกาเนะซัง เธอคงไม่ได้ฝืนตัวเองอยู่ใช่ไหม?”

“เปล่าสักหน่อย พอดีฉันว่างอยู่ก็เลยมากับนายต่างหาก”

 

เธอยักไหล่และหรี่ตาลง 

 

“ก็แค่…นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันที่ถูกชวนมาหลังเลิกเรียนแบบนี้ เพราะงั้น…ก็เลยประหม่านิดหน่อยน่ะ”

“จริงด้วย เธอเคยบอกว่าไม่มีเพื่อนสินะ”

“อุก… อย่าพูดอย่างนั้นสิ แต่มันก็ไม่ผิดหรอก”

 

โคยูกิจ้องไปที่นาโอยะพลางถอนหายใจ

จากนั้นเธอก็มองไปที่ร้านเครปอย่างงุ่มง่าม

 

“ทั้งใช้ทางอ้อมกลับบ้าน ทั้งมาร้านเครป…แล้วก็พูดคุยเรื่องความรัก… ของแบบนี้ฉันไม่เคยทำมาก่อนเลย… พ-เพราะงั้นฉันเลยไม่รู้ว่าจะทำมันได้ดีรึเปล่าน่ะ”

“ไม่ต้องกังวลขนาดนั้นก็ได้ นี่เรายังไม่ได้สั่งอาหารเลยนะ”

 

ถึงอย่างนั้นโคยูกิก็ยังดูแข็งทื่อ ดังนั้นนาโอยะจึงอดกังวลไม่ได้

 

(วันนี้เธอดูซื่อตรงจัง…)

 

วันนี้โคยูกิปฏิบัติตัวกับนาโอยะเหมือนอย่างปกติ แต่เมื่อพูดคุยกับยุยและทัตสึมิเธอไม่ได้เอาลิ้นที่เป็นพิษออกมาใช้ด้วยซ้ำ ดูเหมือนว่าเธอจะพยายามเป็นอย่างมากที่จะทำให้ตัวเองอยู่ภายใต้การควบคุม

 

(บางทีเรื่องเครปกับการพูดคุยเรื่องความรักมันคงดึงดูดใจเธอมากกว่า… หรือไม่ก็—อ๊ะ!)

 

นาโอยะคิดถึงความเป็นไปได้ขึ้นมาหนึ่งอย่าง เขากลืนน้ำลายและถามออกไปอย่างระมัดระวัง

 

“เธอคงไม่ได้…กังวลเพราะเรื่องที่ฉันพูดไปเมื่อวานใช่ไหม?”

“ฮึ พล่ามอะไรของนายกัน”

 

โคยูกิแสดงท่าทางเย่อหยิ่ง 

 

“เรื่องไร้สาระแบบนั้นฉันแค่เข้าฟังเข้าหูซ้ายทะลุหูขวาไปเท่านั้นแหละ วันต่อต่อมาฉันก็ลืมมันไปเกือบหมดแล้ว อะไรกัน นี่นายคิดว่าฉันหมกมุ่นกับคำพูดของพวกนั้นงั้นเหรอ? แต่…บางทีคงนิดหน่อย”

 

โคยูกิพึมพัมออกมาในช่วงสุดท้าย 

เธอก้มหน้าลงกับพื้น

 

“ฉันอยากทำแบบนี้มาตลอดน่ะ ม-ไม่ได้หมายถึงฉันชอบพูดคุยเรื่องความรักนะ แต่ฉันก็ไม่ได้รังเกียจของหวานด้วย เพราะงั้น…”

 

โคยูกิพึมพัมข้อแก้ตัวออกมาอย่างดูอ่อนแอ

จากนั้นก็เงยหน้าขึ้นมองนาโอยะพร้อมกับแก้มที่แดงแจ๋

 

“ฉันเลยดีใจที่ได้รวบรวมความกล้าออกมาน่ะ ที่จริงก็ไม่ได้อยากขอบคุณอะไรนายหรอกนะ แต่..ฉันก็อยากพูดออกมาอยู่ดี ดังนั้น…ขอบคุณนะ”

 

 

“………”

“เอ๊ะ อะไร? ทำไมนายไม่พูดอะไรเลยล่ะ น-นี่ฉันพูดอะไรแปลกๆ ไปหรือเปล่า?”

“ไม่ เอ่อ…”

 

นาโอยะยกมือขึ้นปิดปากต่อหน้าโคยูกิที่ตื่นตระหนก

 

“ก็แค่…พลังทำลายล้างมันมากเกินไปจนฉันรู้สึกเหมือนวิญญาณเกือบออกจากร่างน่ะ ไม่ต้องสนใจฉันหรอก”

“แบบนี้ยิ่งน่าสงสัยกว่าเดิมอีก… ไอ้พลังทำลายล้างที่ว่านั่นมันอะไร?”

 

โคยูกิหรี่ตาลงอย่างสับสน

แค่ท่าทางนั้นเพียงอย่างเดียวก็มีเสน่ห์เกินกว่าที่จะเชื่อและสร้างความเสียหายต่อหัวใจหัวใจนาโอยะได้มหาศาล

 

(ทำไม่ได้… ถามจริง เจอแบบนี้ใครมันจะไม่ตกหลุมรักเธอกันเล่า)

 

แม้จะยังระบุตัวตนของความรู้สึกที่มีต่อโคยูกิไม่ได้ แต่ความชอบที่มีมันกลับเพิ่มพูนขึ้นเรื่อยๆ เมื่อเห็นความพยายามอย่างหนักเพื่อเปลี่ยนแปลงตัวเองแบบนี้ นาโอยะก็รู้สึกอยากจะเดินเข้าไปชมและลูบหัว

 

(หืม? สรุปแล้ว… นี่เราเป็นเหมือนกับผู้ปกครอง?) (*ไม่ใช่โว้ยยยยยยยยย*)

 

หลังจากความกังวลทั้งหมดนั้น ก็มีความเป็นไปได้อีกหนึ่งอย่างปรากฏออกมา เขาชอบเธอในฐานะเพื่อน ในฐานะผู้หญิง หรือเพราะเป็นผู้ปกครองของเธอกันแน่? 

 

(ความรู้สึก ‘ชอบ’ ที่เรามีกับเธอมันเป็นแบบไหนกันนะ?)

 

ด้วยเหตุนี้ จนถึงเวลาสั่งอาหารแม้ว่าจะนั่งร่วมโต๊ะกับอีกสามคนนาโอยะก็ยังคงคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้เงียบๆ ในขณะเดียวกันสาวๆ ก็เริ่มตื่นเต้นกับการพูดคุยเรื่องความรัก

 

“เอ๋…!? นี่ทั้งสองคนเริ่มมาคบกันเพราะซาซาฮาระคุงงั้นเหรอ?”

“เจ้าหมอนี่ดูไม่เหมือนกามเทพเลยใช่ไหมล่ะ?”

“ไม่เลย ไม่สักนิด แล้วเรื่องราวมันเป็นมายังไงน่ะ?”

“คือเรื่องมันยาวน่ะ แต่…”

 

ยุยเหลือบมองนาโอยะ จากนั้นก็ยักไหล่

 

“ถ้าจะให้อธิบายสั้นๆ ตอนใกล้จบม.ต้น ระหว่างทีเราสามคนเดินด้วยมากัน จู่ๆ นาโอยะก็พูดขึ้นว่า ‘นี่ บอกฉันหน่อยสิว่าทั้งสองคนจะคบกันเมื่อไหร่?’ แบบเนี้ย”

“ม-ไม่มีความละเอียดอ่อนเลย…”

“ใช่เลย ฉันละอยากขดตัวตายชะมัด”

 

ทัตสึมิบ่นพึมพำพร้อมกับกัดเครปเข้าปากคำใหญ่ๆ

ทั้งสามคนเหลือบมองมาทางนาโอยะจนเขาไม่สามารถทำเป็นเมินเฉยอีกได้

 

“ด-เดี๋ยวสิ ฉันมีเหตุผลของตัวเองนะ”

 

เขาเคี้ยวเครปของตนในขณะเริ่มกล่าวอธิบาย

พวกเขาสามคนอยู่ด้วยกันมาตั้งแต่อนุบาลแล้ว และแม้จะไม่มีความสามารถอ่านใจที่ดีเกินไปของนาโอยะ ก็เป็นที่ชัดเจนว่ายุยและทัตสึมิมีความรู้สึกดีๆ ให้กัน แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น

ยังโชคดีที่พวกเขาตัดสินใจเรียนต่อในโรงเรียนเดียวกัน แต่ทั้งคู่ก็มีเพื่อนเยอะ ดังนั้นเมื่อเรียนจบชั้นม.ปลายพวกเขาต้องแยกจากกันแน่ๆ ด้วยเหตุนี้นาโอยะจึงคิดว่านี่คงเป็นโอกาสสุดท้ายของพวกเขา

นั่นเป็นเหตุผลที่นาโอยะเลือกที่จะดันหลังพวกเขาแบบรุนแรง ในตอนแรกบรรยากาศมันก็ดูอึดอัด แต่เมื่อผ่านไปสักพักพวกเขาก็กลับมาสนิทกันเหมือนอย่างตอนนี้

 

“ฉันเป็นพ่อสื่อที่ดีใช่ไหมล่ะ?”

 

นาโอยะถาม

 

“เรื่องแบบนั้นฉันไม่รู้ด้วยหรอก… แต่นี่มันฟังดูไม่เหมือนเรื่องรักหวานชื่นแบบฉันคิดไว้เลย…”

 

โคยูกิบ่นขณะที่เคี้ยวเครปสตรอเบอร์รี่ของตัวเอง

เนื่องจากเห็นได้ชัดว่าโคยูกิไม่รู้จะกินมันยังไง ในทุกๆ หนึ่งคำที่เธอกัดมันจึงมีครีมบางๆ ย้อยลงมาที่จมูก เธอเช็ดมันออกด้วยทิชชู่ไปมาซ้ำๆ เมื่อได้ดูการกระเหล่าทำนี้ก็ทำให้นาโอยะนึกถึงสัตว์เล็กๆ ตัวหนึ่ง ซึ่งมันทำให้ความน่ารักนั้นยิ่งเพิ่มพูนยิ่งขึ้นไปอีก

 

“เรื่องของเราพอกันแค่นี้แหละ” 

 

ยุยกล่าว 

 

“ตอนนี้ฉันอยากฟังเรื่องของเธอมากกว่านะ ชิโรกาเนะซัง”

“เอ๋? ร-เรื่องของฉัน…?”

“ใช่แล้วล่ะ! แล้ว—เธอชอบอะไรในนาโอยะตัวน้อยของเรางั้นเหรอ?”

“ฟุเอ๋!?”

 

โคยูกิเผลอตัวขยำเครปด้วยความตกใจ ใบหน้าของเธอแดงยิ่งกว่าสตอร์เบอรี่ที่กินอยู่ด้วยซ้ำ

เธอรีบประคองตัวเองไว้และพยายามแสยะยิ้ม

 

“ป-เป็นมุกตลกที่น่าสนใจดีนี่ ไม่มีทางที่ฉันจะไปรู้สึกอะไรกับตัวประหลาดแบบเจ้าหมอนี่หรอก”

 

เธอขยับคางไปหานาโอยะ แล้วพูดต่อด้วยท่าทางสบายๆ

 

“ตอนนี้…เรามีเกมที่จะทำให้ซาซาฮาระคุงมาตกหลุมรักฉันอยู่ สุดท้ายหมอนี่ก็จะเข้ามาสารภาพรักฉัน แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าฉันมีความรู้สึกอะไรให้หมอนี่หรอกนะ”

“โอ้ เข้าใจแล้ว ฉันคิดไว้แล้วเชียวว่าเธอคงไม่ได้ชอบเจ้าหมอนี่”

“ใช่ ใช่…เอ๊ะ?”

 

ดวงตาของโคยูกิเบิกออก

อย่างไรก็ตาม ยุยไม่ได้ใส่ใจปฏิกิริยานั้นและเปลี่ยนเป้ามาที่นาโอยะ

 

“ก็แบบ…เจ้านาโอยะนี่ปากสว่างจะตายนี่นา แถมยังชอบพูดเรื่องที่คิดออกมาในช่วงเลวร้ายที่สุด หน้าตาก็ไม่เห็นมีตรงไหนให้มอง ฉันละไม่เห็นว่าคนแบบนี้จะเข้ากับชิโรกาเนะซังได้ตรงไหนเลย”

“เฮ้ อย่ามาแอบเนียนด่าฉันนะ”

 

นาโอยะบ่น

 

“บางครั้งเขาก็ไม่ละเอียดอ่อนจริงๆ นั่นแหละ “

“เอ๋? ชิโรกาเนะซัง”

 

นาโอยะรู้สึกเจ็บปวด

อย่างไรก็ตาม โคยูกิไม่สนใจปฏิกิริยาที่เจ็บปวดของเขาแล้วก็พูดต่อ

 

“แต่…ซาซาฮาระคุงก็ช่วยฉันไว้หลายครั้ง และการได้อยู่กับเขาก็ทำให้ฉันรู้สึกเป็นตัวเอง… แล้วเขาก็ เอ่อ…”

 

โคยูกิพึมพัมคำพูดเหล่านี้ขณะเหลือบมองใบหน้านาโอยะซ้ำแล้วซ้ำเล่า

 

“เขาก็ใจดีมากด้วย… เพราะงั้นฉันไม่คิดว่าเราจะ… เข้ากันได้แย่ขนาดนั้น… หรอกมั้ง”

 

ท่าทางอันแสนน่ารักนี้ทำดาเมจได้แบบไม่คาดคิด แม้แต่ยุยกับทัตสุมิก็ยังเผลอจ้องมองโคยูกิไปด้วย แน่นอนว่านาโอยะเองก็เหมือนกัน โดยตัวเขาได้รับได้รับดาเมจรุนแรงยิ่งกว่าทั้งสองที่อยู่ตรงนั้นเสียอีก ความเงียบอันแสนยาวนานได้ตามมา มีเพียงเสียงตระโกนของโคยูกิเท่านั้นที่ยังคงดังอยู่ตรงนั้น

 

“ต-แต่ฉันก็ไม่ได้ชอบอะไรเขาทั้งนั้นนะ! ไม่เด็ดขาด เข้าใจนะ!”

“เอ๊ะ? อ-อื้ม เข้าใจแล้ว ขอโทษที่ถามอะไรแปลกๆ นะ ชิโรกาเนะซัง”

“ฮึ ถ้าเข้าใจก็ดีแล้ว”

 

โคยูกิกัดเครปของตัวเอง

เป็นอีกครั้งที่เธอซ่อนความเขินอายไว้อย่างเห็นได้ชัด เมื่อรู้อย่างนี้นาโอยะก็ถึงกับนิ่งเงียบ

 

(ถึงจะพูดออกมาตรงๆ ไม่ได้ แต่ชิโรกาเนะซังก็รู้ความรู้สึกของตัวเองเอง… เมื่อเทียบกันแล้วเรามันก็แค่…) 

 

นาโอยะรู้สึกอยากจะขอโทษโคยูกิ

 

“เข้าใจแล้วๆ ฉันเข้าใจทั้งหมดแล้วล่ะ ใช่มะทัตสึมิ?”

“อื้ม~”

 

ยุยและทัตสึมิผลัดกันยิ้มให้กัน เห็นได้ชัดว่าเห็นต้องกันอะไรบางอย่าง แต่นาโอยะกลับหลงอยู่ในความคิดของตัวเองจนเกินกว่าจะเข้าใจได้ และระหว่างที่เขากำลังกัดเครปของตัวเองนั้นยุยก็ได้เรียกเขา

 

“จะว่าไปแล้ว เครปของนายดูน่าอร่อยจังนะ นาโอยะ”

“หืม…? งั้นเหรอ?”

 

นาโอยะกำลังกินไอติมชาเขียวและเครปไส้ถั่วอาซุกิ เมื่อเทียบกับของยุยแล้วมันแทบจะไม่หวานเลย เพราะงั้นยุยก็เลยอาจอยากชิม

ตามที่เขาคาดไว้ เธอประกบมือทั้งสองเข้าหากัน

 

“นี่ ฉันขอกัดนิดหน่อยได้ไหม? ขอร้องล่ะ”

“หืม? ไม่อะ  อย่างเธอไม่มีทาง ‘กัดนิดหน่อย’ แน่ๆ ฉันที่รู้จักเธอมานานรู้ดีเลย”

“ฉันไม่ทำอย่างนั้นหรอก เอามานี่!”

“ไม่ ไปเอาจากทัตสึมินู่นไป๊”

“เอ๋~ ก็ฉันไม่ชอบนัตโตะนี่”

“จะว่าไปแล้ว ทำไมนายถึงสั่งของแบบนั้นล่ะ ทัตสึมิ?”

“โอ้ว นี่มันรสชาติดีกว่าที่คิดอีกนะเนี่ย”

 

ทัตสึมิพูดโดยที่แก้มของเขาเต็มไปด้วยเครปนัตโตะ

 ยุยตัดสินใจกดดันต่อไป

 

“ก็แค่กัดคำเดียวเองน่า เอามาได้แล้ว!”

“เฮ้อ… ก็ได้ เอ้านี่”

“เย้~ ขอบใจจ้า!”

 

ยุยกัดทันทีโดยไม่มีแม้แต่ความลังเล

                

ทั้งคู่ไม่ได้คิดสนใจคิดเรื่องจูบทางอ้อมในขั้นตอนนี้ นาโอยะเหลือบมองไปยังเครปที่เหลือในมือของเขาจากนั้นก็ถอนหายใจ

 

“ง-งั้น…ฉันขอกัดด้วย!”

“เอ๋!?”

 

นาโอยะประหลาดใจที่ได้ยินคำพูดเหล่านี้จากโคยูกิ

เมื่อมองไปก็เห็นโคยูกิจ้องมาทางนาโอยะด้วยสีหน้าเคร่งขรึม

แทนที่จะแค่ต้องการลิ้มรสจากเครป เธอคงรู้สึกอิจฉายุยก็เลยเข้าหานาโอยะอย่างกะทันหัน เนื่องจากนาโอยะไม่มีเหตุผลที่จะไปปฏิเสธ เขาเลยคิดว่าอย่างน้อยควรรีบทำให้มันจบๆ ไป แต่… 

 

(เอ๊ะ? นี่มันอะไรกัน… ทำไมจู่ๆ เราก็รู้สึกแปลกๆ…) 

 

นาโอยะค้นพบว่าหัวใจของเขาเต้นถี่และใบหน้าร้อนผ่าวกว่าปกติ ความกระอักกระอ่วนนี้ได้จู่โจมใส่เขาจนพูดติดอ่าง

 

“ด-ได้สิ… อะนี่”

“ข-ขอบคุณนะ… หงุบ”

 

นาโอยะส่งเครปไปให้โคยูกิที่หันหน้ามาทางนี้ด้วยท่าทางแข็งทื่อ เธอรวบผมไว้ที่หูและกัดตรงส่วนเล็กๆ ในมุมหนึ่งของเครป… นาโอยะมองดูสิ่งนี้โดยลืมแม้แต่กระทั่งการหายใจ

 

“หงุบๆ อร่อย”

 

โคยูกิเคี้ยวเครปอย่างระมัดระวังและถอยร่างกายกลับไปยังข้างหลัง

นาโอยะสามารถเห็นริมฝีปากเล็กๆ ของโคยูกิเคลื่อนไหวไปมาในระหว่างนั้น

 

“อุ๊ก…!”

“เอ๋!? อะไรน่ะ? เกิดอะไรขึ้น? นี่ฉันกินมากเกินไปงั้นเหรอ…?”

 

โคยูกิรู้สึกกังวลเมื่อเห็นนาโอยะจับหน้าอก 

ผลลัพธ์จากก่อนหน้าทำให้มีบางสิ่งแปลกๆ เกิดขึ้นกับหัวใจของนาโอยะ มันคือประสบการณ์ที่เขาไม่เคยพบ

 

(นี่มันเกิดอะไรขึ้น… ทำไมพอเป็นชิโรกาเนะซังมันถึงแตกต่างกันได้ขนาดนี้… หัวใจของเรามัน…!)

 

นาโอยะไม่รู้ว่าสิ่งนี้มีความหมายว่าอย่างไร สมองของเขาถูกใช้เต็มที่ แต่เขากลับคิดไม่ออกด้วยซ้ำว่าตัวเองต้องการสิ่งใด ทัตสึมิมองดูนาโอยะที่ทุกข์ทรมานอย่างนั้นและยิ้มออกมาอย่างสดใส

 

“นายนี่มันโชคดีจริงๆ นะที่จับสาวน่ารักๆ แบบนี้เอาไว้ได้ ถ้าไม่ใช่เป็นเพราะมียุยอยู่แล้วฉันคงเข้าไปจีบเธอเองแล้วล่ะ”

“ฉันจะทำเป็นไม่ได้ยินไปนะทัตสึมิ แต่ฉันก็เห็นด้วยนะว่าชิโรกาเนะซังน่ารักมาก แถมผิวของเธอยังเรียบเนียนสุดๆ ด้วย!”

“ใช่ๆ ชิโรกาเนะซังทั้งดูดีแล้วก็เรียนเก่งมากเลย ราวกับเป็นดอกไม้ที่ไม่อาจเอื้อมได้เลยล่ะ”

“เอ๋!? ฉ-ฉันไม่ได้…”

 

เมื่อถูกชมอย่างกะทันหันโคยูกิก็หน้าแดงสุดๆ และก้มหน้าลง เนื่องจากได้รับการปฏิบัติเหมือนเป็น ‘สโนว์ไวท์พิษ’ มาตลอดเธอจึงไม่คุ้นชินกับการได้รับคำชมเช่นนี้ เธอไม่มีเวลาแม้แต่จะใช้ลิ้นอันเป็นพิษของตัวเองและเงียบไป นาโอยะเห็นด้วยกับคำพูดของทัตสึมิ…แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังรู้สึกซับซ้อน

 

(ทำไมทัตสึมิถึงทิ้งยุยไว้แบบนั้นล่ะ? แล้วไม่ใช่ว่านั่นเข้าใกล้เกินไปหรอกเรอะ?)

 

นาโอยะรู้สึกมีความสุขที่มีคนเข้าใจด้านดีของโคยูกิ ถึงอย่างนั้นมันก็มีบางอย่างรบกวนเขาอยู่ทุกครั้งที่ทัตสึมิคุยกับเธอ เสียงอึกทึกในใจของเขาเริ่มสงบแล้ว นาโอยะจ้องไปที่ทัตสึมิโดยหวังว่าจะเข้าใจ แต่เขาก็เมินอย่างเต็มที่และเปล่งเสียงออกมาอย่างเริงร่า

 

“ชิโรกาเนะซัง ผลการเรียนของเธออยู่อันดับท็อปๆ ของชั้นปีใช่ไหม? ช่วยเรื่องการเรียนให้ฉันสักครั้งได้หรือเปล่า?”

“เอ๊ะ?”

“หืมมมมมมม…?”

 

นาโอยะโหยหวนออกมาด้วยน้ำเสียงที่ยาวพอจะทำให้ตัวเขาเองประหลาดใจ

ดวงตาของโคยูกิเบิกกว้างราวกับว่าไม่ได้คาดคิดมาก่อน

ทัตสึมิยังคงพูดต่ออย่างไม่แยแส

              

“แบบว่า…ตอนสอบคณิตครั้งล่าสุดฉันสอบตกน่ะ เพราะงั้นฉันเลยอยากจริงจังให้มากกว่านี้ ถ้าเกิดชิโรกาเนะซังสอนฉัน รับรองว่าฉันต้องได้คะแนนดีแน่ๆ เลยล่ะ”

“อ-เอ่อ ฉันก็เก่งคณิตอยู่”

“ถ้างั้นช่วยหน่อยได้ไหมชิโรกาเนะซัง? ถ้าเกิดเธอสอนฉัน ฉันก็ไม่รังเกียจที่จะเลี้ยงเครปเธออีกครั้งนะ”

“เอ๊ะ แต่ว่า…”

“หรือว่าจะต้องการอย่างอื่นนอกจากเครป? บอกมาได้เลย ฉันจะพยายามหามาเป็นของขวัญให้เธออย่างเต็มที่เองนะ”

 

ทัตสึมิยิ้มและเข้าใกล้โคยูกิอย่างไม่ลดละ

เขาทำทีท่าเหมือนกับจะจีบเธอ แต่น่าแปลกที่ยุยยังคงเคี้ยวเครปของตัวเองต่อ โคยูกิเองก็ไม่รู้จะพูดอะไรกับเขา จากนั้นทัตสึมิก็ประกบมือเข้าหากัน

 

“ก็ตามนี้แหละ ดังนั้นถ้าเกิดเธอว่าง เรามา—”

“ไม่ได้!”

 

นาโอยะเข้าไปแทรกกลางระหว่างทั้งสองคน

เขาเมินท่าทางของโคยูกิและจับจ้องไปที่ทัตสึมิ

 

“ไม่ได้! อย่าเข้ามาใกล้ชิโรกาเนะซังมากกว่านี้นะ”

“…โอ๋?”

 

มุมปากของทัตสึมิยกขึ้น 

ท่าทางของเขาเปลี่ยนไปจากก่อนหน้านี้ราวกับเป็นเรื่องโกหก เขายิ้มให้กับตัวเอง

โคยูกิเอียงคอด้วยความสับสน

 

“เป็นอะไรไปเหรอซาซาฮาระคุง? ทำไมถึงโกรธขนาดนั้นล่ะ?”

“เอ๊ะ? ไม่ใช่ว่าฉันโกรธอะไรหรอก แต่แบบ…”

เมื่อโดนบอกกับตัวเขาจึงนึกได้ว่ากำลังแสดงท่าทีแบบนั้น เขาเอียงศีรษะอย่างสับสนและกัดเครปชิ้นสุดท้ายที่เหลืออยู่

 

“ความจริงคือฉันรู้สึกแปลกๆ มาสักพักแล้วน่ะ…”

“แปลกๆ เหรอ? ยังไงน่ะ?”

 

โคยูกิถาม

 

 “ก็แบบ…ฉันไม่ได้รู้สึกอะไรเลยตอนที่ยุยกินเครปของฉัน แต่พอชิโรกาเนะซังเป็นคนทำหัวใจของฉันมันกลับเริ่มเต้นรัวซะงั้น”

 “เอ๊ะ?”

“นอกจากนี้พอทัตสึมิทำตัวเป็นมิตรกับเธอมากเกินไปฉันก็รู้สึกหงุดหงิดด้วย… นี่มันคืออะไรกันนะ น่าสงสัยจัง?”

“เป็นไปได้ไหมว่า…”

 

โคยูกิกลืนน้ำลายและพินิจพิเคราะห์นาโอยะอย่างละเอียด

 

“จะเป็นไข้? เพราะงั้นนายเลยรู้สึกแย่”

“อา อาจจะใช่ก็ได้ เดี๋ยวตอนกลับบ้านฉันคงต้องวัดอุณหภูมิดูซะแล้ว”

“ทำไมมันลงเอยแบบนี้!?”

 

ทัตสึมิโต้แย้ง

เขากำหมัดด้วยความโกรธ จากนั้นก็ยกมือขึ้นกุมหัว

 

“ไอ้ผู้ชายคนนี้เอาจริงดิ? ทั้งๆ ที่ฉันวางทุกอย่างไว้หมดแล้วก็ยังไม่รู้ตัวเลยเนี่ยนะ?”

“ช่วยไม่ได้หรอกทัตสึมิ เราทุกคนก็รู้นี่ว่าพอเป็นเรื่องของตัวเองแล้วนาโอยะงี่เง่าขนาดไหน”

“หืม? นี่ทั้งสองคนพูดเรื่องอะไรกัน?”

                

ยุยแตะไหล่ทัตสึมิราวกับจะให้กำลังใจ นาโอยะสังเกตปฏิกิริยาของพวกเขาแต่ก็ไม่สามารถเข้าใจการโต้ตอบนั้นได้ 

จากนั้นยุยก็ยิ้มแบบเจื่อนๆ

 

“ก็ทั้งที่นายไม่ได้สนใจผู้หญิงคนอื่นเลย แต่นายกลับเข้าไปปกป้องเมื่อเป็นชิโรกาเนะซังใช่ไหมล่ะ? มันมีเหตุผลเดียวเท่านั้นแหละ นายไม่คิดงั้นเหรอ?”

“เหตุผล? มันมีเหตุผลอื่นด้วยเหรอนอกจากป่ว—อ๊ะ”

ในที่สุดนาโอยะก็นึกออก

                

เขาเข้าใจเหตุผลแล้วว่าทำไมทั้งสองคนถึงแสดงท่าทางแบบนั้น แล้วก็ทำไมตัวเองถึงรู้สึกแบบนี้ด้วย

 

“อย่าบอกนะว่า…นี่คือคำตอบ?”

“งั้นมั้ง~”

“ช้าไปแล้วเฟ้ย เจ้าโง่”

“นี่ทุกคนกำลังพูดเรื่องอะไรกันเหรอ…?”

               

 มีเพียงโคยูกิที่นั่งอยู่กลางทั้งสี่คนเท่านั้นที่ไม่สามารถทำความเข้าใจได้ นาโอยะหันไปหาเธอแล้วก็พูดด้วยท่าทางจริงจัง

 

“ชิโรกาเนะซัง นี่มันไม่ใช่อาการของไข้หรอก”

“ถ้างั้นมันคืออะไรล่ะ?”

“นี่คืออาการของ…ความรัก”

“อ๋อ แบบนี้นี่เอ…เดี๋ยว!? อะไรนะ!?”

 

โคยูกิเกือบจะปล่อยผ่าน แต่สุดท้ายเธอก็รู้สึกตัว

อย่างไรก็ตาม นาโอยะได้เมินต่อการการระเบิดนั้นอย่างสุดกำลังและจับมือของโคยูกิไว้ จากปลายนิ้วของโคยูกิ เขารู้สึกได้ว่าร่างกายของเธอมันร้อนรุ่มไปหมด หญิงสาวคนนี้ดูคล้ายกับจะทรุดตัวลง

 

“ขอพูดตรงๆ กับเธอเลยนะ ฉันมีปัญหากับการคิดเรื่องนี้มากเลย ฉันรู้ตัวว่าชอบชิโรกาเนะซัง แต่ฉันกลับไม่รู้ว่ามันคือ ‘ชอบ’ แบบไหน… แต่ในที่สุดฉันก็เข้าใจแล้ว”

 

จากหลักฐานทั้งหมดที่ได้รวบรวมมามันทำให้เขาเข้าใจความรู้สึกของตัวเอง

 

“ฉันชอบชิโรกาเนะซังในแบบโรแมนติก! ไม่ต้องสงสัยเลย!”

“ทำไมนายถึงพูดออกมาได้แบบไม่มีอะไรเกิดขึ้นล่ะ!?”

 

เสียงตระโกนของโคยูกิดังก้องไปทั่วร้านอันเงียบสงบ

ด้วยเหตุนี้เหล่าลูกค้าและพนักงานคนอื่นจึงต่างก็ให้ความสนใจกับตัวเธอ แม้กระทั่งทัตสึมิก็ยังจ้องมองนาโอยะอย่างเย็นชาไปด้วย

 

“เอ็งนี่มีแค่ 0 กับ 100 หรือไงวะนั่น?”

“อย่างที่เขาพูดนั่นแหละ ว่าความรักมันทำให้คนตาบอด~”

 

ยุยยิ้มและแสดงความคิดเห็น แต่นาโอยะก็หาได้ใส่ใจเรื่องนั้น

มีบางสิ่งสำคัญกว่าที่จะไปโฟกัสกับมัน

                

“ชิโรกาเนะซัง เธอบอกไว้ใช่ไหมว่าจะทำให้ฉันตกหลุมรักเธอน่ะ?”

“เอ๊ะ? อ-อื้ม ฉันพูดแบบนั้น… มันทำไมเหรอ?”

“แล้ว…เธอก็บอกว่าจะทำให้ฉันสารภาพรักกับเธอด้วยสินะ”

“……อย่าบอกนะว่า!?”

“แน่นอน”

 

นาโอยาพยักหน้า

เพื่อให้ความปรารถนาของโคยูกิเป็นจริง นาโอยะจึงต้องการจะเปิดปากของเขา แต่ว่า…

                

“ชิโรกาเนะซัง! ได้โปรดคบกั—เอ๊ะ ชิโรกาเนะซัง?”

“น-นี่มันกระทันหันเกินไปแล้วววววววว…กรี๊ด!?”

 

ก่อนที่นาโอยะจะทันพูดจบโคยูกิก็วิ่งหนีไป—ก่อนจะล้มลงตรงข้างหน้าในระยะไม่กี่เมตร

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

หนุ่มเดาใจเก่งกับสโนว์ไวท์ซึนเดเระปากร้าย 8: ตัวตนของคำว่าชอบ (2)

Now you are reading หนุ่มเดาใจเก่งกับสโนว์ไวท์ซึนเดเระปากร้าย Chapter 8: ตัวตนของคำว่าชอบ (2) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ร้านเครปนั้นเป็นที่นิยมและมักเต็มไปด้วยเด็กนักเรียน แต่เนื่องจากเวลาผ่านไปนานแล้วตั้งแต่โรงเรียนเลิกจึงมีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่รออยู่หน้าร้าน ยุยมองดูเมนูพลางพยักหน้ากับตัวเองด้วยท่าทางเคร่งขรึม

 

“จะเอาอะไรดีน้า… คราวก่อนก็กินเครปสตรอว์เบอรี่ไปแล้ว งั้นคราวนี้สั่งรสช็อคโกแล็ตดีกว่า แล้วทัตสึมิล่ะ?”

“ฉันไม่ค่อยถูกกับของหวานน่ะ… เขามีอย่างอื่นไหม?”

“ก็มีไส้กรอกแฟรงค์เฟอร์เตอร์กับทูน่าสลัด… อ้าใช่ คุณพนักงานคนนั้นเขาบอกว่ามีนัตโตะกับหัวไชเท้าดองด้วยนะ! อยากลองท้าทายดูไหม?”

“อีกล้านปีก็ไม่เอา! ไปเอาข้าวขาวมาให้ฉัน!”

 

คู่รักเพื่อนสมัยเด็กยังคงจีบกันขณะเลือกเมนูเหมือนอย่างทุกที นาโอยะใช้โอกาสนี้เพื่อพูดคุยกับโคยูกิ

 

“ขอโทษที่โดนบังคับให้ตามมาด้วยนะชิโรกาเนะซัง เธอคงไม่ได้ฝืนตัวเองอยู่ใช่ไหม?”

“เปล่าสักหน่อย พอดีฉันว่างอยู่ก็เลยมากับนายต่างหาก”

 

เธอยักไหล่และหรี่ตาลง 

 

“ก็แค่…นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันที่ถูกชวนมาหลังเลิกเรียนแบบนี้ เพราะงั้น…ก็เลยประหม่านิดหน่อยน่ะ”

“จริงด้วย เธอเคยบอกว่าไม่มีเพื่อนสินะ”

“อุก… อย่าพูดอย่างนั้นสิ แต่มันก็ไม่ผิดหรอก”

 

โคยูกิจ้องไปที่นาโอยะพลางถอนหายใจ

จากนั้นเธอก็มองไปที่ร้านเครปอย่างงุ่มง่าม

 

“ทั้งใช้ทางอ้อมกลับบ้าน ทั้งมาร้านเครป…แล้วก็พูดคุยเรื่องความรัก… ของแบบนี้ฉันไม่เคยทำมาก่อนเลย… พ-เพราะงั้นฉันเลยไม่รู้ว่าจะทำมันได้ดีรึเปล่าน่ะ”

“ไม่ต้องกังวลขนาดนั้นก็ได้ นี่เรายังไม่ได้สั่งอาหารเลยนะ”

 

ถึงอย่างนั้นโคยูกิก็ยังดูแข็งทื่อ ดังนั้นนาโอยะจึงอดกังวลไม่ได้

 

(วันนี้เธอดูซื่อตรงจัง…)

 

วันนี้โคยูกิปฏิบัติตัวกับนาโอยะเหมือนอย่างปกติ แต่เมื่อพูดคุยกับยุยและทัตสึมิเธอไม่ได้เอาลิ้นที่เป็นพิษออกมาใช้ด้วยซ้ำ ดูเหมือนว่าเธอจะพยายามเป็นอย่างมากที่จะทำให้ตัวเองอยู่ภายใต้การควบคุม

 

(บางทีเรื่องเครปกับการพูดคุยเรื่องความรักมันคงดึงดูดใจเธอมากกว่า… หรือไม่ก็—อ๊ะ!)

 

นาโอยะคิดถึงความเป็นไปได้ขึ้นมาหนึ่งอย่าง เขากลืนน้ำลายและถามออกไปอย่างระมัดระวัง

 

“เธอคงไม่ได้…กังวลเพราะเรื่องที่ฉันพูดไปเมื่อวานใช่ไหม?”

“ฮึ พล่ามอะไรของนายกัน”

 

โคยูกิแสดงท่าทางเย่อหยิ่ง 

 

“เรื่องไร้สาระแบบนั้นฉันแค่เข้าฟังเข้าหูซ้ายทะลุหูขวาไปเท่านั้นแหละ วันต่อต่อมาฉันก็ลืมมันไปเกือบหมดแล้ว อะไรกัน นี่นายคิดว่าฉันหมกมุ่นกับคำพูดของพวกนั้นงั้นเหรอ? แต่…บางทีคงนิดหน่อย”

 

โคยูกิพึมพัมออกมาในช่วงสุดท้าย 

เธอก้มหน้าลงกับพื้น

 

“ฉันอยากทำแบบนี้มาตลอดน่ะ ม-ไม่ได้หมายถึงฉันชอบพูดคุยเรื่องความรักนะ แต่ฉันก็ไม่ได้รังเกียจของหวานด้วย เพราะงั้น…”

 

โคยูกิพึมพัมข้อแก้ตัวออกมาอย่างดูอ่อนแอ

จากนั้นก็เงยหน้าขึ้นมองนาโอยะพร้อมกับแก้มที่แดงแจ๋

 

“ฉันเลยดีใจที่ได้รวบรวมความกล้าออกมาน่ะ ที่จริงก็ไม่ได้อยากขอบคุณอะไรนายหรอกนะ แต่..ฉันก็อยากพูดออกมาอยู่ดี ดังนั้น…ขอบคุณนะ”

 

 

“………”

“เอ๊ะ อะไร? ทำไมนายไม่พูดอะไรเลยล่ะ น-นี่ฉันพูดอะไรแปลกๆ ไปหรือเปล่า?”

“ไม่ เอ่อ…”

 

นาโอยะยกมือขึ้นปิดปากต่อหน้าโคยูกิที่ตื่นตระหนก

 

“ก็แค่…พลังทำลายล้างมันมากเกินไปจนฉันรู้สึกเหมือนวิญญาณเกือบออกจากร่างน่ะ ไม่ต้องสนใจฉันหรอก”

“แบบนี้ยิ่งน่าสงสัยกว่าเดิมอีก… ไอ้พลังทำลายล้างที่ว่านั่นมันอะไร?”

 

โคยูกิหรี่ตาลงอย่างสับสน

แค่ท่าทางนั้นเพียงอย่างเดียวก็มีเสน่ห์เกินกว่าที่จะเชื่อและสร้างความเสียหายต่อหัวใจหัวใจนาโอยะได้มหาศาล

 

(ทำไม่ได้… ถามจริง เจอแบบนี้ใครมันจะไม่ตกหลุมรักเธอกันเล่า)

 

แม้จะยังระบุตัวตนของความรู้สึกที่มีต่อโคยูกิไม่ได้ แต่ความชอบที่มีมันกลับเพิ่มพูนขึ้นเรื่อยๆ เมื่อเห็นความพยายามอย่างหนักเพื่อเปลี่ยนแปลงตัวเองแบบนี้ นาโอยะก็รู้สึกอยากจะเดินเข้าไปชมและลูบหัว

 

(หืม? สรุปแล้ว… นี่เราเป็นเหมือนกับผู้ปกครอง?) (*ไม่ใช่โว้ยยยยยยยยย*)

 

หลังจากความกังวลทั้งหมดนั้น ก็มีความเป็นไปได้อีกหนึ่งอย่างปรากฏออกมา เขาชอบเธอในฐานะเพื่อน ในฐานะผู้หญิง หรือเพราะเป็นผู้ปกครองของเธอกันแน่? 

 

(ความรู้สึก ‘ชอบ’ ที่เรามีกับเธอมันเป็นแบบไหนกันนะ?)

 

ด้วยเหตุนี้ จนถึงเวลาสั่งอาหารแม้ว่าจะนั่งร่วมโต๊ะกับอีกสามคนนาโอยะก็ยังคงคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้เงียบๆ ในขณะเดียวกันสาวๆ ก็เริ่มตื่นเต้นกับการพูดคุยเรื่องความรัก

 

“เอ๋…!? นี่ทั้งสองคนเริ่มมาคบกันเพราะซาซาฮาระคุงงั้นเหรอ?”

“เจ้าหมอนี่ดูไม่เหมือนกามเทพเลยใช่ไหมล่ะ?”

“ไม่เลย ไม่สักนิด แล้วเรื่องราวมันเป็นมายังไงน่ะ?”

“คือเรื่องมันยาวน่ะ แต่…”

 

ยุยเหลือบมองนาโอยะ จากนั้นก็ยักไหล่

 

“ถ้าจะให้อธิบายสั้นๆ ตอนใกล้จบม.ต้น ระหว่างทีเราสามคนเดินด้วยมากัน จู่ๆ นาโอยะก็พูดขึ้นว่า ‘นี่ บอกฉันหน่อยสิว่าทั้งสองคนจะคบกันเมื่อไหร่?’ แบบเนี้ย”

“ม-ไม่มีความละเอียดอ่อนเลย…”

“ใช่เลย ฉันละอยากขดตัวตายชะมัด”

 

ทัตสึมิบ่นพึมพำพร้อมกับกัดเครปเข้าปากคำใหญ่ๆ

ทั้งสามคนเหลือบมองมาทางนาโอยะจนเขาไม่สามารถทำเป็นเมินเฉยอีกได้

 

“ด-เดี๋ยวสิ ฉันมีเหตุผลของตัวเองนะ”

 

เขาเคี้ยวเครปของตนในขณะเริ่มกล่าวอธิบาย

พวกเขาสามคนอยู่ด้วยกันมาตั้งแต่อนุบาลแล้ว และแม้จะไม่มีความสามารถอ่านใจที่ดีเกินไปของนาโอยะ ก็เป็นที่ชัดเจนว่ายุยและทัตสึมิมีความรู้สึกดีๆ ให้กัน แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น

ยังโชคดีที่พวกเขาตัดสินใจเรียนต่อในโรงเรียนเดียวกัน แต่ทั้งคู่ก็มีเพื่อนเยอะ ดังนั้นเมื่อเรียนจบชั้นม.ปลายพวกเขาต้องแยกจากกันแน่ๆ ด้วยเหตุนี้นาโอยะจึงคิดว่านี่คงเป็นโอกาสสุดท้ายของพวกเขา

นั่นเป็นเหตุผลที่นาโอยะเลือกที่จะดันหลังพวกเขาแบบรุนแรง ในตอนแรกบรรยากาศมันก็ดูอึดอัด แต่เมื่อผ่านไปสักพักพวกเขาก็กลับมาสนิทกันเหมือนอย่างตอนนี้

 

“ฉันเป็นพ่อสื่อที่ดีใช่ไหมล่ะ?”

 

นาโอยะถาม

 

“เรื่องแบบนั้นฉันไม่รู้ด้วยหรอก… แต่นี่มันฟังดูไม่เหมือนเรื่องรักหวานชื่นแบบฉันคิดไว้เลย…”

 

โคยูกิบ่นขณะที่เคี้ยวเครปสตรอเบอร์รี่ของตัวเอง

เนื่องจากเห็นได้ชัดว่าโคยูกิไม่รู้จะกินมันยังไง ในทุกๆ หนึ่งคำที่เธอกัดมันจึงมีครีมบางๆ ย้อยลงมาที่จมูก เธอเช็ดมันออกด้วยทิชชู่ไปมาซ้ำๆ เมื่อได้ดูการกระเหล่าทำนี้ก็ทำให้นาโอยะนึกถึงสัตว์เล็กๆ ตัวหนึ่ง ซึ่งมันทำให้ความน่ารักนั้นยิ่งเพิ่มพูนยิ่งขึ้นไปอีก

 

“เรื่องของเราพอกันแค่นี้แหละ” 

 

ยุยกล่าว 

 

“ตอนนี้ฉันอยากฟังเรื่องของเธอมากกว่านะ ชิโรกาเนะซัง”

“เอ๋? ร-เรื่องของฉัน…?”

“ใช่แล้วล่ะ! แล้ว—เธอชอบอะไรในนาโอยะตัวน้อยของเรางั้นเหรอ?”

“ฟุเอ๋!?”

 

โคยูกิเผลอตัวขยำเครปด้วยความตกใจ ใบหน้าของเธอแดงยิ่งกว่าสตอร์เบอรี่ที่กินอยู่ด้วยซ้ำ

เธอรีบประคองตัวเองไว้และพยายามแสยะยิ้ม

 

“ป-เป็นมุกตลกที่น่าสนใจดีนี่ ไม่มีทางที่ฉันจะไปรู้สึกอะไรกับตัวประหลาดแบบเจ้าหมอนี่หรอก”

 

เธอขยับคางไปหานาโอยะ แล้วพูดต่อด้วยท่าทางสบายๆ

 

“ตอนนี้…เรามีเกมที่จะทำให้ซาซาฮาระคุงมาตกหลุมรักฉันอยู่ สุดท้ายหมอนี่ก็จะเข้ามาสารภาพรักฉัน แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าฉันมีความรู้สึกอะไรให้หมอนี่หรอกนะ”

“โอ้ เข้าใจแล้ว ฉันคิดไว้แล้วเชียวว่าเธอคงไม่ได้ชอบเจ้าหมอนี่”

“ใช่ ใช่…เอ๊ะ?”

 

ดวงตาของโคยูกิเบิกออก

อย่างไรก็ตาม ยุยไม่ได้ใส่ใจปฏิกิริยานั้นและเปลี่ยนเป้ามาที่นาโอยะ

 

“ก็แบบ…เจ้านาโอยะนี่ปากสว่างจะตายนี่นา แถมยังชอบพูดเรื่องที่คิดออกมาในช่วงเลวร้ายที่สุด หน้าตาก็ไม่เห็นมีตรงไหนให้มอง ฉันละไม่เห็นว่าคนแบบนี้จะเข้ากับชิโรกาเนะซังได้ตรงไหนเลย”

“เฮ้ อย่ามาแอบเนียนด่าฉันนะ”

 

นาโอยะบ่น

 

“บางครั้งเขาก็ไม่ละเอียดอ่อนจริงๆ นั่นแหละ “

“เอ๋? ชิโรกาเนะซัง”

 

นาโอยะรู้สึกเจ็บปวด

อย่างไรก็ตาม โคยูกิไม่สนใจปฏิกิริยาที่เจ็บปวดของเขาแล้วก็พูดต่อ

 

“แต่…ซาซาฮาระคุงก็ช่วยฉันไว้หลายครั้ง และการได้อยู่กับเขาก็ทำให้ฉันรู้สึกเป็นตัวเอง… แล้วเขาก็ เอ่อ…”

 

โคยูกิพึมพัมคำพูดเหล่านี้ขณะเหลือบมองใบหน้านาโอยะซ้ำแล้วซ้ำเล่า

 

“เขาก็ใจดีมากด้วย… เพราะงั้นฉันไม่คิดว่าเราจะ… เข้ากันได้แย่ขนาดนั้น… หรอกมั้ง”

 

ท่าทางอันแสนน่ารักนี้ทำดาเมจได้แบบไม่คาดคิด แม้แต่ยุยกับทัตสุมิก็ยังเผลอจ้องมองโคยูกิไปด้วย แน่นอนว่านาโอยะเองก็เหมือนกัน โดยตัวเขาได้รับได้รับดาเมจรุนแรงยิ่งกว่าทั้งสองที่อยู่ตรงนั้นเสียอีก ความเงียบอันแสนยาวนานได้ตามมา มีเพียงเสียงตระโกนของโคยูกิเท่านั้นที่ยังคงดังอยู่ตรงนั้น

 

“ต-แต่ฉันก็ไม่ได้ชอบอะไรเขาทั้งนั้นนะ! ไม่เด็ดขาด เข้าใจนะ!”

“เอ๊ะ? อ-อื้ม เข้าใจแล้ว ขอโทษที่ถามอะไรแปลกๆ นะ ชิโรกาเนะซัง”

“ฮึ ถ้าเข้าใจก็ดีแล้ว”

 

โคยูกิกัดเครปของตัวเอง

เป็นอีกครั้งที่เธอซ่อนความเขินอายไว้อย่างเห็นได้ชัด เมื่อรู้อย่างนี้นาโอยะก็ถึงกับนิ่งเงียบ

 

(ถึงจะพูดออกมาตรงๆ ไม่ได้ แต่ชิโรกาเนะซังก็รู้ความรู้สึกของตัวเองเอง… เมื่อเทียบกันแล้วเรามันก็แค่…) 

 

นาโอยะรู้สึกอยากจะขอโทษโคยูกิ

 

“เข้าใจแล้วๆ ฉันเข้าใจทั้งหมดแล้วล่ะ ใช่มะทัตสึมิ?”

“อื้ม~”

 

ยุยและทัตสึมิผลัดกันยิ้มให้กัน เห็นได้ชัดว่าเห็นต้องกันอะไรบางอย่าง แต่นาโอยะกลับหลงอยู่ในความคิดของตัวเองจนเกินกว่าจะเข้าใจได้ และระหว่างที่เขากำลังกัดเครปของตัวเองนั้นยุยก็ได้เรียกเขา

 

“จะว่าไปแล้ว เครปของนายดูน่าอร่อยจังนะ นาโอยะ”

“หืม…? งั้นเหรอ?”

 

นาโอยะกำลังกินไอติมชาเขียวและเครปไส้ถั่วอาซุกิ เมื่อเทียบกับของยุยแล้วมันแทบจะไม่หวานเลย เพราะงั้นยุยก็เลยอาจอยากชิม

ตามที่เขาคาดไว้ เธอประกบมือทั้งสองเข้าหากัน

 

“นี่ ฉันขอกัดนิดหน่อยได้ไหม? ขอร้องล่ะ”

“หืม? ไม่อะ  อย่างเธอไม่มีทาง ‘กัดนิดหน่อย’ แน่ๆ ฉันที่รู้จักเธอมานานรู้ดีเลย”

“ฉันไม่ทำอย่างนั้นหรอก เอามานี่!”

“ไม่ ไปเอาจากทัตสึมินู่นไป๊”

“เอ๋~ ก็ฉันไม่ชอบนัตโตะนี่”

“จะว่าไปแล้ว ทำไมนายถึงสั่งของแบบนั้นล่ะ ทัตสึมิ?”

“โอ้ว นี่มันรสชาติดีกว่าที่คิดอีกนะเนี่ย”

 

ทัตสึมิพูดโดยที่แก้มของเขาเต็มไปด้วยเครปนัตโตะ

 ยุยตัดสินใจกดดันต่อไป

 

“ก็แค่กัดคำเดียวเองน่า เอามาได้แล้ว!”

“เฮ้อ… ก็ได้ เอ้านี่”

“เย้~ ขอบใจจ้า!”

 

ยุยกัดทันทีโดยไม่มีแม้แต่ความลังเล

                

ทั้งคู่ไม่ได้คิดสนใจคิดเรื่องจูบทางอ้อมในขั้นตอนนี้ นาโอยะเหลือบมองไปยังเครปที่เหลือในมือของเขาจากนั้นก็ถอนหายใจ

 

“ง-งั้น…ฉันขอกัดด้วย!”

“เอ๋!?”

 

นาโอยะประหลาดใจที่ได้ยินคำพูดเหล่านี้จากโคยูกิ

เมื่อมองไปก็เห็นโคยูกิจ้องมาทางนาโอยะด้วยสีหน้าเคร่งขรึม

แทนที่จะแค่ต้องการลิ้มรสจากเครป เธอคงรู้สึกอิจฉายุยก็เลยเข้าหานาโอยะอย่างกะทันหัน เนื่องจากนาโอยะไม่มีเหตุผลที่จะไปปฏิเสธ เขาเลยคิดว่าอย่างน้อยควรรีบทำให้มันจบๆ ไป แต่… 

 

(เอ๊ะ? นี่มันอะไรกัน… ทำไมจู่ๆ เราก็รู้สึกแปลกๆ…) 

 

นาโอยะค้นพบว่าหัวใจของเขาเต้นถี่และใบหน้าร้อนผ่าวกว่าปกติ ความกระอักกระอ่วนนี้ได้จู่โจมใส่เขาจนพูดติดอ่าง

 

“ด-ได้สิ… อะนี่”

“ข-ขอบคุณนะ… หงุบ”

 

นาโอยะส่งเครปไปให้โคยูกิที่หันหน้ามาทางนี้ด้วยท่าทางแข็งทื่อ เธอรวบผมไว้ที่หูและกัดตรงส่วนเล็กๆ ในมุมหนึ่งของเครป… นาโอยะมองดูสิ่งนี้โดยลืมแม้แต่กระทั่งการหายใจ

 

“หงุบๆ อร่อย”

 

โคยูกิเคี้ยวเครปอย่างระมัดระวังและถอยร่างกายกลับไปยังข้างหลัง

นาโอยะสามารถเห็นริมฝีปากเล็กๆ ของโคยูกิเคลื่อนไหวไปมาในระหว่างนั้น

 

“อุ๊ก…!”

“เอ๋!? อะไรน่ะ? เกิดอะไรขึ้น? นี่ฉันกินมากเกินไปงั้นเหรอ…?”

 

โคยูกิรู้สึกกังวลเมื่อเห็นนาโอยะจับหน้าอก 

ผลลัพธ์จากก่อนหน้าทำให้มีบางสิ่งแปลกๆ เกิดขึ้นกับหัวใจของนาโอยะ มันคือประสบการณ์ที่เขาไม่เคยพบ

 

(นี่มันเกิดอะไรขึ้น… ทำไมพอเป็นชิโรกาเนะซังมันถึงแตกต่างกันได้ขนาดนี้… หัวใจของเรามัน…!)

 

นาโอยะไม่รู้ว่าสิ่งนี้มีความหมายว่าอย่างไร สมองของเขาถูกใช้เต็มที่ แต่เขากลับคิดไม่ออกด้วยซ้ำว่าตัวเองต้องการสิ่งใด ทัตสึมิมองดูนาโอยะที่ทุกข์ทรมานอย่างนั้นและยิ้มออกมาอย่างสดใส

 

“นายนี่มันโชคดีจริงๆ นะที่จับสาวน่ารักๆ แบบนี้เอาไว้ได้ ถ้าไม่ใช่เป็นเพราะมียุยอยู่แล้วฉันคงเข้าไปจีบเธอเองแล้วล่ะ”

“ฉันจะทำเป็นไม่ได้ยินไปนะทัตสึมิ แต่ฉันก็เห็นด้วยนะว่าชิโรกาเนะซังน่ารักมาก แถมผิวของเธอยังเรียบเนียนสุดๆ ด้วย!”

“ใช่ๆ ชิโรกาเนะซังทั้งดูดีแล้วก็เรียนเก่งมากเลย ราวกับเป็นดอกไม้ที่ไม่อาจเอื้อมได้เลยล่ะ”

“เอ๋!? ฉ-ฉันไม่ได้…”

 

เมื่อถูกชมอย่างกะทันหันโคยูกิก็หน้าแดงสุดๆ และก้มหน้าลง เนื่องจากได้รับการปฏิบัติเหมือนเป็น ‘สโนว์ไวท์พิษ’ มาตลอดเธอจึงไม่คุ้นชินกับการได้รับคำชมเช่นนี้ เธอไม่มีเวลาแม้แต่จะใช้ลิ้นอันเป็นพิษของตัวเองและเงียบไป นาโอยะเห็นด้วยกับคำพูดของทัตสึมิ…แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังรู้สึกซับซ้อน

 

(ทำไมทัตสึมิถึงทิ้งยุยไว้แบบนั้นล่ะ? แล้วไม่ใช่ว่านั่นเข้าใกล้เกินไปหรอกเรอะ?)

 

นาโอยะรู้สึกมีความสุขที่มีคนเข้าใจด้านดีของโคยูกิ ถึงอย่างนั้นมันก็มีบางอย่างรบกวนเขาอยู่ทุกครั้งที่ทัตสึมิคุยกับเธอ เสียงอึกทึกในใจของเขาเริ่มสงบแล้ว นาโอยะจ้องไปที่ทัตสึมิโดยหวังว่าจะเข้าใจ แต่เขาก็เมินอย่างเต็มที่และเปล่งเสียงออกมาอย่างเริงร่า

 

“ชิโรกาเนะซัง ผลการเรียนของเธออยู่อันดับท็อปๆ ของชั้นปีใช่ไหม? ช่วยเรื่องการเรียนให้ฉันสักครั้งได้หรือเปล่า?”

“เอ๊ะ?”

“หืมมมมมมม…?”

 

นาโอยะโหยหวนออกมาด้วยน้ำเสียงที่ยาวพอจะทำให้ตัวเขาเองประหลาดใจ

ดวงตาของโคยูกิเบิกกว้างราวกับว่าไม่ได้คาดคิดมาก่อน

ทัตสึมิยังคงพูดต่ออย่างไม่แยแส

              

“แบบว่า…ตอนสอบคณิตครั้งล่าสุดฉันสอบตกน่ะ เพราะงั้นฉันเลยอยากจริงจังให้มากกว่านี้ ถ้าเกิดชิโรกาเนะซังสอนฉัน รับรองว่าฉันต้องได้คะแนนดีแน่ๆ เลยล่ะ”

“อ-เอ่อ ฉันก็เก่งคณิตอยู่”

“ถ้างั้นช่วยหน่อยได้ไหมชิโรกาเนะซัง? ถ้าเกิดเธอสอนฉัน ฉันก็ไม่รังเกียจที่จะเลี้ยงเครปเธออีกครั้งนะ”

“เอ๊ะ แต่ว่า…”

“หรือว่าจะต้องการอย่างอื่นนอกจากเครป? บอกมาได้เลย ฉันจะพยายามหามาเป็นของขวัญให้เธออย่างเต็มที่เองนะ”

 

ทัตสึมิยิ้มและเข้าใกล้โคยูกิอย่างไม่ลดละ

เขาทำทีท่าเหมือนกับจะจีบเธอ แต่น่าแปลกที่ยุยยังคงเคี้ยวเครปของตัวเองต่อ โคยูกิเองก็ไม่รู้จะพูดอะไรกับเขา จากนั้นทัตสึมิก็ประกบมือเข้าหากัน

 

“ก็ตามนี้แหละ ดังนั้นถ้าเกิดเธอว่าง เรามา—”

“ไม่ได้!”

 

นาโอยะเข้าไปแทรกกลางระหว่างทั้งสองคน

เขาเมินท่าทางของโคยูกิและจับจ้องไปที่ทัตสึมิ

 

“ไม่ได้! อย่าเข้ามาใกล้ชิโรกาเนะซังมากกว่านี้นะ”

“…โอ๋?”

 

มุมปากของทัตสึมิยกขึ้น 

ท่าทางของเขาเปลี่ยนไปจากก่อนหน้านี้ราวกับเป็นเรื่องโกหก เขายิ้มให้กับตัวเอง

โคยูกิเอียงคอด้วยความสับสน

 

“เป็นอะไรไปเหรอซาซาฮาระคุง? ทำไมถึงโกรธขนาดนั้นล่ะ?”

“เอ๊ะ? ไม่ใช่ว่าฉันโกรธอะไรหรอก แต่แบบ…”

เมื่อโดนบอกกับตัวเขาจึงนึกได้ว่ากำลังแสดงท่าทีแบบนั้น เขาเอียงศีรษะอย่างสับสนและกัดเครปชิ้นสุดท้ายที่เหลืออยู่

 

“ความจริงคือฉันรู้สึกแปลกๆ มาสักพักแล้วน่ะ…”

“แปลกๆ เหรอ? ยังไงน่ะ?”

 

โคยูกิถาม

 

 “ก็แบบ…ฉันไม่ได้รู้สึกอะไรเลยตอนที่ยุยกินเครปของฉัน แต่พอชิโรกาเนะซังเป็นคนทำหัวใจของฉันมันกลับเริ่มเต้นรัวซะงั้น”

 “เอ๊ะ?”

“นอกจากนี้พอทัตสึมิทำตัวเป็นมิตรกับเธอมากเกินไปฉันก็รู้สึกหงุดหงิดด้วย… นี่มันคืออะไรกันนะ น่าสงสัยจัง?”

“เป็นไปได้ไหมว่า…”

 

โคยูกิกลืนน้ำลายและพินิจพิเคราะห์นาโอยะอย่างละเอียด

 

“จะเป็นไข้? เพราะงั้นนายเลยรู้สึกแย่”

“อา อาจจะใช่ก็ได้ เดี๋ยวตอนกลับบ้านฉันคงต้องวัดอุณหภูมิดูซะแล้ว”

“ทำไมมันลงเอยแบบนี้!?”

 

ทัตสึมิโต้แย้ง

เขากำหมัดด้วยความโกรธ จากนั้นก็ยกมือขึ้นกุมหัว

 

“ไอ้ผู้ชายคนนี้เอาจริงดิ? ทั้งๆ ที่ฉันวางทุกอย่างไว้หมดแล้วก็ยังไม่รู้ตัวเลยเนี่ยนะ?”

“ช่วยไม่ได้หรอกทัตสึมิ เราทุกคนก็รู้นี่ว่าพอเป็นเรื่องของตัวเองแล้วนาโอยะงี่เง่าขนาดไหน”

“หืม? นี่ทั้งสองคนพูดเรื่องอะไรกัน?”

                

ยุยแตะไหล่ทัตสึมิราวกับจะให้กำลังใจ นาโอยะสังเกตปฏิกิริยาของพวกเขาแต่ก็ไม่สามารถเข้าใจการโต้ตอบนั้นได้ 

จากนั้นยุยก็ยิ้มแบบเจื่อนๆ

 

“ก็ทั้งที่นายไม่ได้สนใจผู้หญิงคนอื่นเลย แต่นายกลับเข้าไปปกป้องเมื่อเป็นชิโรกาเนะซังใช่ไหมล่ะ? มันมีเหตุผลเดียวเท่านั้นแหละ นายไม่คิดงั้นเหรอ?”

“เหตุผล? มันมีเหตุผลอื่นด้วยเหรอนอกจากป่ว—อ๊ะ”

ในที่สุดนาโอยะก็นึกออก

                

เขาเข้าใจเหตุผลแล้วว่าทำไมทั้งสองคนถึงแสดงท่าทางแบบนั้น แล้วก็ทำไมตัวเองถึงรู้สึกแบบนี้ด้วย

 

“อย่าบอกนะว่า…นี่คือคำตอบ?”

“งั้นมั้ง~”

“ช้าไปแล้วเฟ้ย เจ้าโง่”

“นี่ทุกคนกำลังพูดเรื่องอะไรกันเหรอ…?”

               

 มีเพียงโคยูกิที่นั่งอยู่กลางทั้งสี่คนเท่านั้นที่ไม่สามารถทำความเข้าใจได้ นาโอยะหันไปหาเธอแล้วก็พูดด้วยท่าทางจริงจัง

 

“ชิโรกาเนะซัง นี่มันไม่ใช่อาการของไข้หรอก”

“ถ้างั้นมันคืออะไรล่ะ?”

“นี่คืออาการของ…ความรัก”

“อ๋อ แบบนี้นี่เอ…เดี๋ยว!? อะไรนะ!?”

 

โคยูกิเกือบจะปล่อยผ่าน แต่สุดท้ายเธอก็รู้สึกตัว

อย่างไรก็ตาม นาโอยะได้เมินต่อการการระเบิดนั้นอย่างสุดกำลังและจับมือของโคยูกิไว้ จากปลายนิ้วของโคยูกิ เขารู้สึกได้ว่าร่างกายของเธอมันร้อนรุ่มไปหมด หญิงสาวคนนี้ดูคล้ายกับจะทรุดตัวลง

 

“ขอพูดตรงๆ กับเธอเลยนะ ฉันมีปัญหากับการคิดเรื่องนี้มากเลย ฉันรู้ตัวว่าชอบชิโรกาเนะซัง แต่ฉันกลับไม่รู้ว่ามันคือ ‘ชอบ’ แบบไหน… แต่ในที่สุดฉันก็เข้าใจแล้ว”

 

จากหลักฐานทั้งหมดที่ได้รวบรวมมามันทำให้เขาเข้าใจความรู้สึกของตัวเอง

 

“ฉันชอบชิโรกาเนะซังในแบบโรแมนติก! ไม่ต้องสงสัยเลย!”

“ทำไมนายถึงพูดออกมาได้แบบไม่มีอะไรเกิดขึ้นล่ะ!?”

 

เสียงตระโกนของโคยูกิดังก้องไปทั่วร้านอันเงียบสงบ

ด้วยเหตุนี้เหล่าลูกค้าและพนักงานคนอื่นจึงต่างก็ให้ความสนใจกับตัวเธอ แม้กระทั่งทัตสึมิก็ยังจ้องมองนาโอยะอย่างเย็นชาไปด้วย

 

“เอ็งนี่มีแค่ 0 กับ 100 หรือไงวะนั่น?”

“อย่างที่เขาพูดนั่นแหละ ว่าความรักมันทำให้คนตาบอด~”

 

ยุยยิ้มและแสดงความคิดเห็น แต่นาโอยะก็หาได้ใส่ใจเรื่องนั้น

มีบางสิ่งสำคัญกว่าที่จะไปโฟกัสกับมัน

                

“ชิโรกาเนะซัง เธอบอกไว้ใช่ไหมว่าจะทำให้ฉันตกหลุมรักเธอน่ะ?”

“เอ๊ะ? อ-อื้ม ฉันพูดแบบนั้น… มันทำไมเหรอ?”

“แล้ว…เธอก็บอกว่าจะทำให้ฉันสารภาพรักกับเธอด้วยสินะ”

“……อย่าบอกนะว่า!?”

“แน่นอน”

 

นาโอยาพยักหน้า

เพื่อให้ความปรารถนาของโคยูกิเป็นจริง นาโอยะจึงต้องการจะเปิดปากของเขา แต่ว่า…

                

“ชิโรกาเนะซัง! ได้โปรดคบกั—เอ๊ะ ชิโรกาเนะซัง?”

“น-นี่มันกระทันหันเกินไปแล้วววววววว…กรี๊ด!?”

 

ก่อนที่นาโอยะจะทันพูดจบโคยูกิก็วิ่งหนีไป—ก่อนจะล้มลงตรงข้างหน้าในระยะไม่กี่เมตร

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+