หนุ่มเดาใจเก่งกับสโนว์ไวท์ซึนเดเระปากร้าย 9: ตัวตนของคำว่าชอบ (3)

Now you are reading หนุ่มเดาใจเก่งกับสโนว์ไวท์ซึนเดเระปากร้าย Chapter 9: ตัวตนของคำว่าชอบ (3) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“เอ่อ… ก-ก็ฉันบอกไปแล้วไม่ใช่เหรอว่าเดินเองได้?”

“ไม่ นี่เป็นความผิดของฉัน”

 

ณ ย่านที่พักอาศัยที่พระอาทิตย์เริ่มตกดิน นาโอยะเดินไปข้างหน้าอย่างระมัดระวังโดยมีโคยูกิอยู่บนหลัง พวกเขาเดินกลับมาที่โรงเรียนและโชว์อาการบาดเจ็บให้พยายาบาลประจำโรงเรียนดู เขาบอกว่าโคยูกิข้อเท้าพลิก เนื่องจากเธอต้องพักผ่อนเป็นเวลาหนึ่งวันนี่จึงเป็นวิธีแก้ปัญหาที่พวกเขาคิดขึ้น

โคยูกิขัดขืนอย่างหนักในช่วงแรก แต่ในที่สุดเธอก็ยอมแพ้เมื่อเดินมาถึงครึ่งทาง แขนของเธอโอบรอบคอนาโอยะอย่างไว้เงอะงะ แต่อย่างน้อยเธอก็ไม่ได้อาละวาด ทัตสึมิและยุยตัดสินใจกลับไปตามทางของตัวเองหลังจากทานอาหารที่ร้านเครปเสร็จ ถึงทั้งคู่จะเป็นห่วงโคยูกิแต่พวกเขาก็ยอมปล่อยให้นาโอยะดูแลเธอต่อ

 

“นายต้องระวังเท้าเธอให้ดีด้วย เข้าใจไหม!”

“…เข้าใจแล้ว”

 

คำเตือนที่ยุยทิ้งไว้ให้นาโอยะในตอนท้ายยังคงวนเวียนอยู่ในสมองของเขา หลังจากเดินมาได้สักพักนาโอยะก็รู้สึกอยากจะขอโทษอีกครั้ง

 

“เอ่อ… ต้องขอโทษเรื่องก่อนหน้านี้ด้วยนะ บางทีฉันคงรีบร้อนไปหน่อย”

“ก็รู้ตัวนี่ยะ ฉันคงไปที่ร้านนั้นไม่ได้สักพักแล้วล่ะ” 

 

โคยูกิบ่นด้วยน้ำเสียงบูดบึ้ง

หลังจากเงียบไปสักพักเธอก็ดูกระกระวนกระวายและถามต่ออย่างแผ่วเบา

 

“ที่นายพูดมาก่อนหน้านี้มันเป็นเรื่องจริงใข่ไหม?”

“ใช่ ฉันชอบชิโรกาเนะซังด้วยความรู้สึกโรแมนติกจริงๆ”

“อุก… ท-ทำไมนายถึงพูดออกมาได้ง่ายๆ แบบนั้น…”

 

โคยูกิพึมพำ

เนื่องจากเธอเกาะติดอยู่บนหลัง นาโอยจึงรู้สึกได้ว่าหัวใจของโคยูกิเต้นแรงแค่ไหน และด้วยเหตุนี้มันจึงทำให้หัวใจของนาโอยะเต้นรัวกว่าปกติมาก

 

“แต่…มันจะเป็นเรื่องจริงจริงๆ เหรอ?”

“เอ๊ะ?”

“ฉันหมายถึง ก็เราเพิ่งรู้จักกันไม่นานเอง บางทีนายอาจจะเข้าใจผิดหรือล้อฉันเล่นก็ได้…ใช่ไหม?”

 

เสียงของโคยูกิสั่นเหมือนกับจะเลือนหาย นาโอยะมองไม่เห็นใบหน้าของเธอก็จริง แต่เขากลับรู้สึกว่าสามารถคาดเดาใบหน้านั้นได้

 

“เพราะงั้น… ถึงจะอยากเชื่อแต่ฉันก็ทำไม่ได้ ขอโทษนะ”

“…เข้าใจแล้ว”

 

นาโอยะตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา

บอกตามตรง มันค่อนข้างน่าตกใจ แต่สิ่งที่โคยูกิพูดมันก็สมเหตุสมผล

 

(อา… ก็เล่นสารภาพไปซะเร็วแบบนี้ คงไม่แปลกที่เธอจะระแวง…)

 

โคยูกินั้นเป็นคนที่ระแวงผู้คนอยู่ตลอด ถ้าเกิดจู่ๆ นาโอยะรุดหน้าเข้าไปแบบนี้มันคงไม่แปลกที่เธอจะระแวงเขา มันเหมือนกับการมีปฏิสัมพันธ์กับแมวจรจัด บางทีความไว้ใจที่โคยูกิมีต่อนาโอยะมันคงกลับกลายเป็นศูนย์ไปแล้ว นั่นเป็นเหตุผลที่นาโอยะเลือกที่จะตอบกลับไปอย่างใจเย็น

 

“เรื่องที่ฉันชอบเธอมันเป็นเรื่องจริงแน่นอน เพราะงั้นหลังจากนี้ฉันจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อทำให้เธอเชื่อใจเอง”

“…ฮึ ก็ลองดูสิ”

 

ถึงอยากจะเชื่อแต่ก็ทำไม่ได้ ประโยคนี้เป็นความรู้สึกที่แท้จริงของโคยูกิ แต่ในขณะเดียวกันมันก็เป็นความรู้สึกขัดแย้งด้วย

 

(ใช่ ไม่ต้องรีบร้อน ตอนนี้เราเข้าใจความรู้สึกของตัวเองแล้ว เราแค่ต้องใช้เวลาเพื่อแสดงให้เธอเห็น)

 

สเตจแรกได้ถูกเคลียร์เรียบร้อย และนี่คือจุดเริ่มต้นของการต่อสู้ที่แท้จริง นาโอยะหัวเราะพลางพูดต่ออย่างติดตลก

 

“แต่…วันหนึ่งเมื่อความรู้สึกของฉันมาถึงจุดนั้นฉันจะสารภาพรักอีกครั้ง ชิโรกาเนะซังเองก็ช่วยคิดเกี่ยวกับคำตอบจนถึงตอนนั้นได้ไหม?”

“อุ… น-แน่วแน่ดีนี่… แล้วนายจะทำยังไงถ้าฉันปฏิเสธกันล่ะ?”

“ฉันจะสารภาพรักไปเรื่อยๆ ไม่ว่ากี่ครั้ง”

“อา นายดู…เหมือนเป็นคนที่ทำแบบนั้นจริงๆ ด้วย”

 

โคยูกิพึมพัมออกมาด้วยความเหนื่อยอ่อน อย่างไรก็ตาม หลังจากนั้นน้ำเสียงของเธอก็กลับคืนมาอย่างรวดเร็วและพูดว่า

 

“ถ้านายจะดื้อดึงขนาดนั้นแล้วละก็… ฉันจะลองเก็บไปคิดดูก็ได้ ทำออกมาให้ดีที่สุดล่ะ”

“เข้าใจแล้ว ขอบคุณนะ ฉันจะให้คำสารภาพรักที่ดีที่สุดกับเธอเอง”

“ขอทีเถอะ ร่างกายกับหัวใจของฉันมันจะไม่รับไม่ไหวแล้ว”

“แต่การเริ่มต้นก็เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดใช่ไหม? อีกอย่าง ฉันได้เงินเดือนสามเดือนมาจากงานพาร์ทไทม์แล้วด้วย ชิโรกาเนะซังอยากได้แหวนหรืออะไรทำนองนั้นไหม?”

“อย่ากระโดดไปที่เส้นชัยทั้งที่ยังยืนอยู่บนจุดเริ่มสิยะ! ฉันยังไม่ได้ต้องการของแบบนั้น!”

“เข้าใจแล้ว ‘ยัง’ สินะ น่าอายจัง”

 

คำพูดของเธอกิตีความไปได้อีกอย่างว่า ‘สุดท้าย’ ก็อยากได้ โคยูกิไม่ได้ตระหนักถึงความผิดพลาดของตนอันนี้ด้วยซ้ำ แต่นาโอยะก็เลือกที่จะเก็บมันไว้กับตัว

พวกเขาเดินไปข้างหน้าต่อทั้งอย่างนั้น และเมื่อมาถึงส่วนที่ลึกที่สุดของย่านที่พักตรงหัวมุมโคยูกิก็พูดออกมาว่า ‘หยุด’

ตรงหน้าดวงตาของนาโอยะคืออาคารขนาดใหญ่ที่มีลักษณะเป็นแบบตะวันตกล้อมรอบด้วยกำแพงสูง

 

“นี่บ้านของชิโรกาเนะซังเหรอเนี่ย…? ใหญ่มาก”

“ไม่นี่ มันก็ปกตินะ”

 

โคยูกิกล่าว

อย่างไรก็ตาม ลักษณะภายนอกนี้สามารถอธิบายได้เพียงอย่างเดียวว่าหรูหรา และเมื่อทางเข้าถูกเปิดออกมาก็เห็นห้องโถงยาวเหยียดลึกเข้าไปจนถึงด้านใน นอกจากนี้ภาพวาดที่แขวนอยู่บนผนังมันก็ดูแพงมากด้วย

นาโอยะปล่อยโคยูกิลงตรงทางเข้า ในขณะที่เธอเริ่มกระวนกระวายอย่างประหม่า

 

“เอ่อ ขอบคุณที่พาฉันมาส่งที่นี่นะ… อยากจะเข้าไปข้างในหน่อยไหม?”

“ไม่ล่ะ ฉันขอหยุดไว้ตรงนี้ดีกว่า”

“ข-เข้าใจแล้ว”

 

คำตอบของโคยูกิฟังดูผสมกันระหว่างความโล่งอกและความเสียใจ ว่ากันตามจริงแล้ว การได้รับเชิญเข้าไปในบ้านของหญิงสาวที่หลงไหลนั้นเป็นสิ่งที่เด็กหนุ่มทุกคนใฝ่ฝันไว้ แต่นาโอยะไม่อยากที่จะรีบร้อนเกินไป

 

“วันนี้พ่อแม่ของเธอไม่อยู่บ้านสินะ? ฉันรู้สึกไม่ดีที่จะเข้าไปน่ะ เดี๋ยวฉันจะแวะมาเยี่ยมอีกครั้งพร้อมกับของขวัญและแนะนำตัวอย่างเหมาะสมนะ”

“ฉันมีคำถามหลายข้อเกี่ยวกับเรื่องที่นายพูดเมื่อกี้ แต่วันนี้จะขอเมินไปก่อน…”

 

โคยูกิส่ายหัวอย่างรู้สึกหมดความเชื่อถือ เห็นได้ชัดว่าเธอเรียนรู้ที่จะไม่โต้กลับทุกอย่างที่นาโอยะพูดออกมา 

หลังจากถอนหายใจแล้วแก้มของเธอก็เปลี่ยนเป็นสีกุหลาบและเหลือบมองเขา

 

“วันนี้ก็มืดแล้ว ดังนั้น…ไว้เจอกันใหม่นะ”

“อื้ม แล้วค่อยคุยกันใหม่ ดูแลตัวเองด้วยล่ะ!”

“อ๊ะ รอเดี๋ยวก่อน”

 

นาโอยะกำลังจะหันหลังกลับ แต่เขาก็ต้องหยุดอย่างกะทันหันเพราะโคยูกิ เขารู้สึกสับสนเมื่อเห็นผู้หญิงคนนี้หยิบยื่นสมุดโน้ตออกมาจากกระเป๋า

 

“เอ้านี่ บางทีนายอาจจะไม่ต้องการมัน  แต่…ฉันคิดว่ามันน่าจะช่วยนายได้”

“…นี่คืออะไร?”

“ก็นายมีเรียนซ่อมคณิตไม่ใช่เหรอ? เพราะงั้นฉันก็เลย…จดทุกอย่างพร้อมกับคำอธิบายที่เกี่ยวข้องลงไปในนั้น”

“เอาจริงดิ!?”

 

นาโอยะรีบรับสมุดโน้ตนั้นมาเพื่อพลิกอ่านอย่างรวดเร็ว มันมีสูตรกับคำอธิบายทุกอย่างเขียนอยู่ในนั้น

หากตอนไหนถึงช่วงสำคัญโคยูกิก็จะขีดเส้นใต้ไว้ด้วยสีและใส่รายละเอียดแม้จะเล็กน้อยที่สุดลงไป นี่มันเป็นอะไรที่ละเอียดยิ่งกว่าหนังสืออ้างอิงส่วนใหญ่ด้วยซ้ำ มันเป็นอย่างนี้ต่อไปอีกหลายหน้าจนทำให้นาโอยะถึงกับพูดไม่ออก เห็นได้ชัดว่าโคยูกิเริ่มกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้และก้มหน้าลงไปอย่างเชื่องช้า

 

“ฉ-ฉันอาจจะจุ้นจ้านเกินไปหน่อย แต่ถ้านายติดขัดตอนนี้เดี๋ยวตอนหลังจะแย่ ที่จริงฉันว่าจะให้นายตั้งแต่ตอนเดินกลับมาแล้วล่ะ แต่เพราะเรื่องร้านเครปฉันเลยลืมไปเลย แล้วก็…หน้านั้นมันอะไร?”

“อา…”

 

นาโอยะส่งเสียงงุนงง

และเมื่อยกมือข้างหนึ่งมาปิดปากเขาก็ค้นพบว่าตัวเองกำลังยิ้มอยู่

 

“นี่ฉัน…ขอสารภาพรักอีกครั้งได้ไหม?”

“ไหงเป็นแบบนั้นไปได้กันยะ!? นี่นายไม่ได้เรียนรู้อะไรจากก่อนหน้านี้เลยใช่ไหม!?”

“ก็แบบ…ในเมื่อฉันชอบเธอมากขนาดนี้นี่นา”

 

นาโอยะไม่แสดงอาการขวยเขินใดๆ

แล้วแบบนี้จะไม่ตกหลุมรักเธอได้ยังไงกันล่ะ? เมื่อลองคิดเรื่องนี้ดูดีๆ ตอนที่พบโคยูกิตรงหน้าประตูโรงเรียนเธอบอกว่าเรียนอยู่ที่ห้องสมุด แต่ความจริงแล้วเธอน่าจะกำลังทำโน้ตเหล่านี้อยู่ ทั้งหมดนี้ก็เพียงเพื่อประโยชน์ของนาโอยะ—

 

“เอาจริงๆ เลยนะ นี่ฉันขอเธอแต่งงานเลยได้ไหม? เธอนั้นช่างงด=”

“หุบปากแล้วกลับบ้านไปเดี๋ยวนี้!”

 

โคยูกิร้องลั่น เธอดึงสมุดโน้ตคืนจากมือนาโอยะแล้วเริ่มทุบหัวเขาอย่างไม่ลดละจนกระทั่งไล่เขาออกไปจากบ้านสำเร็จ จากนั้นเธอก็โยนสมุดโน้ตกลับไปและกระแทกประตูปิดใส่จากด้านหลัง

แม้ว่าเธอจะกระทำการอย่างรุนแรง แต่เขาก็ได้รับข้อความตามมาอย่างรวดเร็ว

 

[ถ้าไม่เข้าใจอะไรก็มาถามฉันซะ แค่นี้แหละ!]

 

นาโอยะมองสลับไปมาระหว่างสมุดโน้ตกับโทรศัพท์ของตัวเอง จากนั้นก็แหงนมองขึ้นฟ้าและประกาศว่า

 

“…อา นี่เรากำลังมีความรัก”

 

เขาต้องใช้เวลาพอสมควรกว่าจะเข้าใจ เมื่อได้รู้ความรักที่เขาสะสมไว้เพื่อเธอก็ดูเหมือนจะพลั่งพรูออกมาได้ทุกเมื่อราวกับเขื่อนแตก

 

เขารู้สึกได้ถึงรอยยิ้มที่ผุดขึ้นบนริมฝีปากโดยไม่มีทีท่าว่าจะหยุดได้ 

ระหว่างที่กำลังกลับบ้าน ด้วยไข้รักก็ได้ทำให้เขาบ่นพึมพัมออกมาอย่างส่งเสียงดัง

 

“เราต้องระวัง เราต้องรอจนกว่าเธอจะพร้อม… แต่ฉันอยากสารภาพรักตอนนี้แล้วเนี่ยยย…”

 

สนธยากำลังใกล้เข้ามา และเฉดแดงสีเข้มของยามเย็นก็ได้ถูกแทนที่เข้าด้วยเฉดสีครามอย่างเชื่องช้า การเปลี่ยนแปลงของท้องฟ้าอาจดูเศร้าหมองสำหรับใครบางคนที่อยู่ในช่วงเลวร้าย แต่นาโอยะก็หาได้สะทกสะท้านไม่ เขาแทบจะไม่ได้สนใจสิ่งรอบตัวที่อยู่ในทางกลับบ้านเลยแม้แต่น้อย

 

“…!?”

 

ทันใดนั้นนาโอยะก็สัมผัสได้ถึงดวงตาเย็นชาคู่หนึ่งจ้องมองมาจากด้านหลัง

ไม่มีใครอยู่ครงนั้น แม้ว่าเขาจะรู้สึกราวกับดวงตานั้นมาจากทิศทางของบ้านโคยูกิ

 

“สงสัยจะคิดไปเอง”

 

นาโอยะพึมพำกับตัวเอง 

จากนั้นเขาก็พลิกส้นเท้าแล้วเดินทางกลับบ้านด้วยฝีเท้าที่เร็วกว่าก่อนหน้านี้เล็กน้อย

 

 

เพียงไม่กี่วันต่อมานาโอยะก็ค้นพบตัวตนที่แท้จริงของสิ่งนั้น และทุกอย่างมันก็เริ่มต้นด้วยจดหมายฉบับหนึ่งที่วางอยู่ในตู้รองเท้าของเขา

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

หนุ่มเดาใจเก่งกับสโนว์ไวท์ซึนเดเระปากร้าย 9: ตัวตนของคำว่าชอบ (3)

Now you are reading หนุ่มเดาใจเก่งกับสโนว์ไวท์ซึนเดเระปากร้าย Chapter 9: ตัวตนของคำว่าชอบ (3) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“เอ่อ… ก-ก็ฉันบอกไปแล้วไม่ใช่เหรอว่าเดินเองได้?”

“ไม่ นี่เป็นความผิดของฉัน”

 

ณ ย่านที่พักอาศัยที่พระอาทิตย์เริ่มตกดิน นาโอยะเดินไปข้างหน้าอย่างระมัดระวังโดยมีโคยูกิอยู่บนหลัง พวกเขาเดินกลับมาที่โรงเรียนและโชว์อาการบาดเจ็บให้พยายาบาลประจำโรงเรียนดู เขาบอกว่าโคยูกิข้อเท้าพลิก เนื่องจากเธอต้องพักผ่อนเป็นเวลาหนึ่งวันนี่จึงเป็นวิธีแก้ปัญหาที่พวกเขาคิดขึ้น

โคยูกิขัดขืนอย่างหนักในช่วงแรก แต่ในที่สุดเธอก็ยอมแพ้เมื่อเดินมาถึงครึ่งทาง แขนของเธอโอบรอบคอนาโอยะอย่างไว้เงอะงะ แต่อย่างน้อยเธอก็ไม่ได้อาละวาด ทัตสึมิและยุยตัดสินใจกลับไปตามทางของตัวเองหลังจากทานอาหารที่ร้านเครปเสร็จ ถึงทั้งคู่จะเป็นห่วงโคยูกิแต่พวกเขาก็ยอมปล่อยให้นาโอยะดูแลเธอต่อ

 

“นายต้องระวังเท้าเธอให้ดีด้วย เข้าใจไหม!”

“…เข้าใจแล้ว”

 

คำเตือนที่ยุยทิ้งไว้ให้นาโอยะในตอนท้ายยังคงวนเวียนอยู่ในสมองของเขา หลังจากเดินมาได้สักพักนาโอยะก็รู้สึกอยากจะขอโทษอีกครั้ง

 

“เอ่อ… ต้องขอโทษเรื่องก่อนหน้านี้ด้วยนะ บางทีฉันคงรีบร้อนไปหน่อย”

“ก็รู้ตัวนี่ยะ ฉันคงไปที่ร้านนั้นไม่ได้สักพักแล้วล่ะ” 

 

โคยูกิบ่นด้วยน้ำเสียงบูดบึ้ง

หลังจากเงียบไปสักพักเธอก็ดูกระกระวนกระวายและถามต่ออย่างแผ่วเบา

 

“ที่นายพูดมาก่อนหน้านี้มันเป็นเรื่องจริงใข่ไหม?”

“ใช่ ฉันชอบชิโรกาเนะซังด้วยความรู้สึกโรแมนติกจริงๆ”

“อุก… ท-ทำไมนายถึงพูดออกมาได้ง่ายๆ แบบนั้น…”

 

โคยูกิพึมพำ

เนื่องจากเธอเกาะติดอยู่บนหลัง นาโอยจึงรู้สึกได้ว่าหัวใจของโคยูกิเต้นแรงแค่ไหน และด้วยเหตุนี้มันจึงทำให้หัวใจของนาโอยะเต้นรัวกว่าปกติมาก

 

“แต่…มันจะเป็นเรื่องจริงจริงๆ เหรอ?”

“เอ๊ะ?”

“ฉันหมายถึง ก็เราเพิ่งรู้จักกันไม่นานเอง บางทีนายอาจจะเข้าใจผิดหรือล้อฉันเล่นก็ได้…ใช่ไหม?”

 

เสียงของโคยูกิสั่นเหมือนกับจะเลือนหาย นาโอยะมองไม่เห็นใบหน้าของเธอก็จริง แต่เขากลับรู้สึกว่าสามารถคาดเดาใบหน้านั้นได้

 

“เพราะงั้น… ถึงจะอยากเชื่อแต่ฉันก็ทำไม่ได้ ขอโทษนะ”

“…เข้าใจแล้ว”

 

นาโอยะตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา

บอกตามตรง มันค่อนข้างน่าตกใจ แต่สิ่งที่โคยูกิพูดมันก็สมเหตุสมผล

 

(อา… ก็เล่นสารภาพไปซะเร็วแบบนี้ คงไม่แปลกที่เธอจะระแวง…)

 

โคยูกินั้นเป็นคนที่ระแวงผู้คนอยู่ตลอด ถ้าเกิดจู่ๆ นาโอยะรุดหน้าเข้าไปแบบนี้มันคงไม่แปลกที่เธอจะระแวงเขา มันเหมือนกับการมีปฏิสัมพันธ์กับแมวจรจัด บางทีความไว้ใจที่โคยูกิมีต่อนาโอยะมันคงกลับกลายเป็นศูนย์ไปแล้ว นั่นเป็นเหตุผลที่นาโอยะเลือกที่จะตอบกลับไปอย่างใจเย็น

 

“เรื่องที่ฉันชอบเธอมันเป็นเรื่องจริงแน่นอน เพราะงั้นหลังจากนี้ฉันจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อทำให้เธอเชื่อใจเอง”

“…ฮึ ก็ลองดูสิ”

 

ถึงอยากจะเชื่อแต่ก็ทำไม่ได้ ประโยคนี้เป็นความรู้สึกที่แท้จริงของโคยูกิ แต่ในขณะเดียวกันมันก็เป็นความรู้สึกขัดแย้งด้วย

 

(ใช่ ไม่ต้องรีบร้อน ตอนนี้เราเข้าใจความรู้สึกของตัวเองแล้ว เราแค่ต้องใช้เวลาเพื่อแสดงให้เธอเห็น)

 

สเตจแรกได้ถูกเคลียร์เรียบร้อย และนี่คือจุดเริ่มต้นของการต่อสู้ที่แท้จริง นาโอยะหัวเราะพลางพูดต่ออย่างติดตลก

 

“แต่…วันหนึ่งเมื่อความรู้สึกของฉันมาถึงจุดนั้นฉันจะสารภาพรักอีกครั้ง ชิโรกาเนะซังเองก็ช่วยคิดเกี่ยวกับคำตอบจนถึงตอนนั้นได้ไหม?”

“อุ… น-แน่วแน่ดีนี่… แล้วนายจะทำยังไงถ้าฉันปฏิเสธกันล่ะ?”

“ฉันจะสารภาพรักไปเรื่อยๆ ไม่ว่ากี่ครั้ง”

“อา นายดู…เหมือนเป็นคนที่ทำแบบนั้นจริงๆ ด้วย”

 

โคยูกิพึมพัมออกมาด้วยความเหนื่อยอ่อน อย่างไรก็ตาม หลังจากนั้นน้ำเสียงของเธอก็กลับคืนมาอย่างรวดเร็วและพูดว่า

 

“ถ้านายจะดื้อดึงขนาดนั้นแล้วละก็… ฉันจะลองเก็บไปคิดดูก็ได้ ทำออกมาให้ดีที่สุดล่ะ”

“เข้าใจแล้ว ขอบคุณนะ ฉันจะให้คำสารภาพรักที่ดีที่สุดกับเธอเอง”

“ขอทีเถอะ ร่างกายกับหัวใจของฉันมันจะไม่รับไม่ไหวแล้ว”

“แต่การเริ่มต้นก็เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดใช่ไหม? อีกอย่าง ฉันได้เงินเดือนสามเดือนมาจากงานพาร์ทไทม์แล้วด้วย ชิโรกาเนะซังอยากได้แหวนหรืออะไรทำนองนั้นไหม?”

“อย่ากระโดดไปที่เส้นชัยทั้งที่ยังยืนอยู่บนจุดเริ่มสิยะ! ฉันยังไม่ได้ต้องการของแบบนั้น!”

“เข้าใจแล้ว ‘ยัง’ สินะ น่าอายจัง”

 

คำพูดของเธอกิตีความไปได้อีกอย่างว่า ‘สุดท้าย’ ก็อยากได้ โคยูกิไม่ได้ตระหนักถึงความผิดพลาดของตนอันนี้ด้วยซ้ำ แต่นาโอยะก็เลือกที่จะเก็บมันไว้กับตัว

พวกเขาเดินไปข้างหน้าต่อทั้งอย่างนั้น และเมื่อมาถึงส่วนที่ลึกที่สุดของย่านที่พักตรงหัวมุมโคยูกิก็พูดออกมาว่า ‘หยุด’

ตรงหน้าดวงตาของนาโอยะคืออาคารขนาดใหญ่ที่มีลักษณะเป็นแบบตะวันตกล้อมรอบด้วยกำแพงสูง

 

“นี่บ้านของชิโรกาเนะซังเหรอเนี่ย…? ใหญ่มาก”

“ไม่นี่ มันก็ปกตินะ”

 

โคยูกิกล่าว

อย่างไรก็ตาม ลักษณะภายนอกนี้สามารถอธิบายได้เพียงอย่างเดียวว่าหรูหรา และเมื่อทางเข้าถูกเปิดออกมาก็เห็นห้องโถงยาวเหยียดลึกเข้าไปจนถึงด้านใน นอกจากนี้ภาพวาดที่แขวนอยู่บนผนังมันก็ดูแพงมากด้วย

นาโอยะปล่อยโคยูกิลงตรงทางเข้า ในขณะที่เธอเริ่มกระวนกระวายอย่างประหม่า

 

“เอ่อ ขอบคุณที่พาฉันมาส่งที่นี่นะ… อยากจะเข้าไปข้างในหน่อยไหม?”

“ไม่ล่ะ ฉันขอหยุดไว้ตรงนี้ดีกว่า”

“ข-เข้าใจแล้ว”

 

คำตอบของโคยูกิฟังดูผสมกันระหว่างความโล่งอกและความเสียใจ ว่ากันตามจริงแล้ว การได้รับเชิญเข้าไปในบ้านของหญิงสาวที่หลงไหลนั้นเป็นสิ่งที่เด็กหนุ่มทุกคนใฝ่ฝันไว้ แต่นาโอยะไม่อยากที่จะรีบร้อนเกินไป

 

“วันนี้พ่อแม่ของเธอไม่อยู่บ้านสินะ? ฉันรู้สึกไม่ดีที่จะเข้าไปน่ะ เดี๋ยวฉันจะแวะมาเยี่ยมอีกครั้งพร้อมกับของขวัญและแนะนำตัวอย่างเหมาะสมนะ”

“ฉันมีคำถามหลายข้อเกี่ยวกับเรื่องที่นายพูดเมื่อกี้ แต่วันนี้จะขอเมินไปก่อน…”

 

โคยูกิส่ายหัวอย่างรู้สึกหมดความเชื่อถือ เห็นได้ชัดว่าเธอเรียนรู้ที่จะไม่โต้กลับทุกอย่างที่นาโอยะพูดออกมา 

หลังจากถอนหายใจแล้วแก้มของเธอก็เปลี่ยนเป็นสีกุหลาบและเหลือบมองเขา

 

“วันนี้ก็มืดแล้ว ดังนั้น…ไว้เจอกันใหม่นะ”

“อื้ม แล้วค่อยคุยกันใหม่ ดูแลตัวเองด้วยล่ะ!”

“อ๊ะ รอเดี๋ยวก่อน”

 

นาโอยะกำลังจะหันหลังกลับ แต่เขาก็ต้องหยุดอย่างกะทันหันเพราะโคยูกิ เขารู้สึกสับสนเมื่อเห็นผู้หญิงคนนี้หยิบยื่นสมุดโน้ตออกมาจากกระเป๋า

 

“เอ้านี่ บางทีนายอาจจะไม่ต้องการมัน  แต่…ฉันคิดว่ามันน่าจะช่วยนายได้”

“…นี่คืออะไร?”

“ก็นายมีเรียนซ่อมคณิตไม่ใช่เหรอ? เพราะงั้นฉันก็เลย…จดทุกอย่างพร้อมกับคำอธิบายที่เกี่ยวข้องลงไปในนั้น”

“เอาจริงดิ!?”

 

นาโอยะรีบรับสมุดโน้ตนั้นมาเพื่อพลิกอ่านอย่างรวดเร็ว มันมีสูตรกับคำอธิบายทุกอย่างเขียนอยู่ในนั้น

หากตอนไหนถึงช่วงสำคัญโคยูกิก็จะขีดเส้นใต้ไว้ด้วยสีและใส่รายละเอียดแม้จะเล็กน้อยที่สุดลงไป นี่มันเป็นอะไรที่ละเอียดยิ่งกว่าหนังสืออ้างอิงส่วนใหญ่ด้วยซ้ำ มันเป็นอย่างนี้ต่อไปอีกหลายหน้าจนทำให้นาโอยะถึงกับพูดไม่ออก เห็นได้ชัดว่าโคยูกิเริ่มกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้และก้มหน้าลงไปอย่างเชื่องช้า

 

“ฉ-ฉันอาจจะจุ้นจ้านเกินไปหน่อย แต่ถ้านายติดขัดตอนนี้เดี๋ยวตอนหลังจะแย่ ที่จริงฉันว่าจะให้นายตั้งแต่ตอนเดินกลับมาแล้วล่ะ แต่เพราะเรื่องร้านเครปฉันเลยลืมไปเลย แล้วก็…หน้านั้นมันอะไร?”

“อา…”

 

นาโอยะส่งเสียงงุนงง

และเมื่อยกมือข้างหนึ่งมาปิดปากเขาก็ค้นพบว่าตัวเองกำลังยิ้มอยู่

 

“นี่ฉัน…ขอสารภาพรักอีกครั้งได้ไหม?”

“ไหงเป็นแบบนั้นไปได้กันยะ!? นี่นายไม่ได้เรียนรู้อะไรจากก่อนหน้านี้เลยใช่ไหม!?”

“ก็แบบ…ในเมื่อฉันชอบเธอมากขนาดนี้นี่นา”

 

นาโอยะไม่แสดงอาการขวยเขินใดๆ

แล้วแบบนี้จะไม่ตกหลุมรักเธอได้ยังไงกันล่ะ? เมื่อลองคิดเรื่องนี้ดูดีๆ ตอนที่พบโคยูกิตรงหน้าประตูโรงเรียนเธอบอกว่าเรียนอยู่ที่ห้องสมุด แต่ความจริงแล้วเธอน่าจะกำลังทำโน้ตเหล่านี้อยู่ ทั้งหมดนี้ก็เพียงเพื่อประโยชน์ของนาโอยะ—

 

“เอาจริงๆ เลยนะ นี่ฉันขอเธอแต่งงานเลยได้ไหม? เธอนั้นช่างงด=”

“หุบปากแล้วกลับบ้านไปเดี๋ยวนี้!”

 

โคยูกิร้องลั่น เธอดึงสมุดโน้ตคืนจากมือนาโอยะแล้วเริ่มทุบหัวเขาอย่างไม่ลดละจนกระทั่งไล่เขาออกไปจากบ้านสำเร็จ จากนั้นเธอก็โยนสมุดโน้ตกลับไปและกระแทกประตูปิดใส่จากด้านหลัง

แม้ว่าเธอจะกระทำการอย่างรุนแรง แต่เขาก็ได้รับข้อความตามมาอย่างรวดเร็ว

 

[ถ้าไม่เข้าใจอะไรก็มาถามฉันซะ แค่นี้แหละ!]

 

นาโอยะมองสลับไปมาระหว่างสมุดโน้ตกับโทรศัพท์ของตัวเอง จากนั้นก็แหงนมองขึ้นฟ้าและประกาศว่า

 

“…อา นี่เรากำลังมีความรัก”

 

เขาต้องใช้เวลาพอสมควรกว่าจะเข้าใจ เมื่อได้รู้ความรักที่เขาสะสมไว้เพื่อเธอก็ดูเหมือนจะพลั่งพรูออกมาได้ทุกเมื่อราวกับเขื่อนแตก

 

เขารู้สึกได้ถึงรอยยิ้มที่ผุดขึ้นบนริมฝีปากโดยไม่มีทีท่าว่าจะหยุดได้ 

ระหว่างที่กำลังกลับบ้าน ด้วยไข้รักก็ได้ทำให้เขาบ่นพึมพัมออกมาอย่างส่งเสียงดัง

 

“เราต้องระวัง เราต้องรอจนกว่าเธอจะพร้อม… แต่ฉันอยากสารภาพรักตอนนี้แล้วเนี่ยยย…”

 

สนธยากำลังใกล้เข้ามา และเฉดแดงสีเข้มของยามเย็นก็ได้ถูกแทนที่เข้าด้วยเฉดสีครามอย่างเชื่องช้า การเปลี่ยนแปลงของท้องฟ้าอาจดูเศร้าหมองสำหรับใครบางคนที่อยู่ในช่วงเลวร้าย แต่นาโอยะก็หาได้สะทกสะท้านไม่ เขาแทบจะไม่ได้สนใจสิ่งรอบตัวที่อยู่ในทางกลับบ้านเลยแม้แต่น้อย

 

“…!?”

 

ทันใดนั้นนาโอยะก็สัมผัสได้ถึงดวงตาเย็นชาคู่หนึ่งจ้องมองมาจากด้านหลัง

ไม่มีใครอยู่ครงนั้น แม้ว่าเขาจะรู้สึกราวกับดวงตานั้นมาจากทิศทางของบ้านโคยูกิ

 

“สงสัยจะคิดไปเอง”

 

นาโอยะพึมพำกับตัวเอง 

จากนั้นเขาก็พลิกส้นเท้าแล้วเดินทางกลับบ้านด้วยฝีเท้าที่เร็วกว่าก่อนหน้านี้เล็กน้อย

 

 

เพียงไม่กี่วันต่อมานาโอยะก็ค้นพบตัวตนที่แท้จริงของสิ่งนั้น และทุกอย่างมันก็เริ่มต้นด้วยจดหมายฉบับหนึ่งที่วางอยู่ในตู้รองเท้าของเขา

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+