หลังจากถูกเพื่อนสมัยเด็กที่เป็นแฟนสาวนอกใจ จึงได้ไปคบกับไอดอลสาวที่พบเจอบนเกาะร้าง 2 ยาแก้หวัดงั้นหรอ?
“ที่นี่คือ…? หรือว่าคุณเป็น’สตาฟ’งั้นหรอคะ?”
ทันทีที่เธอฟื้น ก็พูดอะไรที่เข้าใจยากแบบนั้นออกมา หรือว่าเธอคงจะอยู่ในงานคอสเพลย์อะไรบางอย่างก่อนลอยมาที่นี่ล่ะมั้ง
“ผมไม่ใช่สตาฟ หรอกนะ เธอประสบอุบัติเหตุตกทะเลแล้วโดนคลื่นซัดมาที่เกาะร้างแห่งนี้น่ะ ถึงจะบอกว่าเกาะร้างแต่ก็ไม่ได้ห่างจากญี่ปุ่นมากนักหรอกนะ”
“เกาะร้างหรอคะ? แล้วทำไมคุณถึงมาอยู่ที่นี่ได้ล่ะคะ?”
“ปกติผมก็ไม่ได้อาศัยอยู่ที่นี่หรอกนะ พึ่งมาอยู่ที่นี่ตอนช่วงปิดเทอมหน้าร้อนนี้เอง แล้วก็ผมคิดว่าถ้าปล่อยให้เธออยู่แบบนั้นคงจะไม่ดี เลยพามาที่กระท่อมของผมน่ะ”
“งั้นหรอ…ขอบคุณนะ”
สิ่งที่จะเกิดต่อจากนี้คือสิ่งที่ผมคาดไว้แล้ว นั่นก็คือ… เธอจามนั่นเอง.. “คุชิ้วว~” เสียงจามของเธอน่าร้ากกมากเลยล่ะ~~
ถ้าเป็นพ่อผมล่ะก็ คงจะจามลั่นบ้านไปแล้วล่ะนะ…
“หนาวจัง…”
“เสื้อผ้าเธอเปียกอยู่นะ ผมแนะนำว่าให้ถอดออกจะดีกว่า”
“เอ๊ะ!? ถะ..ถอดออก!?”
หน้าของเธอเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ
“คือว่านะ.. ผมเข้าใจนะว่าเธอรู้สึกยังไงถ้าจะเปลือยต่อหน้าผู้ชาย เพราะงั้นผมจะให้ใช้เสื้อของผมไปก่อน อีกอย่างนี่ก็เป็นหน้าร้อนด้วยผมเปลือยไปก็ไม่เสียหาย”
ผมรีบถอดเสื้อผ้าตัวเองออกยกเว้นบอกเซอร์
“อย่างนี้นี่เอง.. นี่ฉันจะได้ใส่เสื้อผ้าของผู้ชายที่ไม่รู้จักสินะ…”
“นี่ไม่ใช่เวลาจะมากังวลเกี่ยวกับเรื่องแบบนั้นแล้วนะ มันจะไม่ใช่แค่หวัดนะถ้าเธอยังทำแบบนี้อยู่ ถ้าไม่อยากป่วยจนตายล่ะก็เอาไปใส่นะ เดี๋ยวผมจะหันหลังให้เพราะงั้นถ้าใส่เสร็จเมื่อไหร่ก็บอกด้วยนะ”
“อะ..อื้ม ขอโทษแล้วก็…ขอบคุณนะ”
เธอรับเสื้อผ้าผมไปอย่างเขินอาย
แล้วผมก็หันกลับมาหลังจากที่เธอบอกว่าใส่เสื้อผ้าเสร็จแล้ว
“โอเครึเปล่า…?”
“อืม… ใส่รองเท้าน่าจะดีกว่านะ ถ้าเดินเท้าเปล่าล่ะก็แค่เหยียบก้อนกรวดก็เจ็บแล้วนะ”
“โอเค..”
เธอถอดถุงน่องสีขาวของเธอออกแล้วไปใส่รองเท้าแทน
“อึก.. รองเท้าเปียกง่ะ..”
“ทนหน่อยนะ ถ้างั้นไปกันเลย”
พวกเราเริ่มเดินเข้าป่าเพื่อกลับไปที่กระท่อม
◊◊◊
เราแนะนำตัวกันเล็กน้อยระหว่างทางกลับ
ชื่อของเธอคือ ‘ทาคามิเนะ ยูกิโฮะ’ เห็นได้ชัดๆ เลยว่าชื่อของเธอมาจาก ผิวที่ขาวราวกับหิมะ และผมเงินยาวสลวยราวกับใช้ซันซิล
เธออยู่ชั้นมัธยมปลายปี 2 เหมือนกันและอายุยังเท่ากับผมอีกด้วย
“นี่กระท่อมผมเอง”
ผมพายูกิโฮะเข้าไปในกระท่อมแล้วให้เธอนั่งพักข้างกองไฟ แต่เพราะกองไฟใช้เป็นฟืนไม้เพราะงั้นอาจจะมีเสียงเป็นบางครั้ง
แล้วผมก็ไปหยิบชุดสำรองของตัวเองมาใส่
“ไดคิจิคุง แน่ใจนะว่าไม่รู้จักฉันน่ะ”
ทันทีที่ผมถอนหายใจ ยูกิโฮะก็ถามผมมาแบบนั้น
“ถึงจะไม่รู้ว่าผมต้องบอกอีกกี่ครั้งก็เถอะนะ แต่ว่าผมไม่รู้จักเธอจริงๆ “
ก็นะ เธอดูเหมือนจะเป็นคนดังจริงๆ นั่นแหละ
เธอบอกว่าเธอเป็นไอดอลที่ออกในรายการทีวี ไม่น่าใช่เรื่องโกหกแน่นอนถ้าดูจากหน้าตาของเธอล่ะนะ
แต่ที่ผมไม่รู้จักเพราะ–
“ผมไม่ได้ดูรายการทีวีเลยน่ะ”
“งั้นหรอ… ‘คุชิ้ววว!’ ” (เสียงจาม)
“เตรียมตัวให้พร้อมสำหรับพรุ่งนี้ก็ดีนะ ไม่งั้นอาจจะแย่กว่าเดิมก็ได้”
ผมเอาน้ำอุ่นในกาที่พึ่งต้มเทใส่แก้วแล้วยื่นให้เธอ ยูกิโฮะยื่นมือมารับไปแล้วค่อยๆ จิบ
“คือว่าไดคิจิคุง พอจะมีโทรศัพท์มือถือหรืออะไรทำนองนั้นในกระท่อมนี้บ้างไหม?”
“โทรศัพท์น่ะผมมีนะ แต่ที่นี่ไม่มีสัญญาณน่ะ ถึงงั้นก็เถอะพรุ่งนี้ปู่ผมก็จะมารับแล้ว เธอมากลับด้วยกันก็ได้เพราะงั้นวางใจเถอะ”
“แสดงว่าฉันต้องอยู่สองต่อสองกับไดคิจิคุง ที่นี่สินะ…”
เธอแสดงสีหน้ากังวลออกมานิดหน่อย
“ไม่ใช่แค่อยู่ใต้ชายคาเดียวกันหรอกนะ แต่ยังต้องแชร์ฟูกนอนด้วย เพราะมันมีแค่อันเดียว”
“อึก…..ถ้าสื่อรู้เข้าไม่จบง่ายๆ แน่…”
“ไม่ต้องกังวลเรื่องนั้นหรอก เธอควรกังวลว่าจะถูกทำร้ายมากกว่านะ”
“ฮ่าฮ่า…นั่นก็จริง แต่ฉันคิดว่าไดคิจิคุงน่าจะรับมือกับเรื่องแบบนี้ได้สินะคะ”
” ‘มนุษย์น่ะ มองจากภายนอกไม่ได้หรอกนะ’ “
“หืม งั้นหรอ?”
“ที่จะบอกก็คือ….”
“จะบอกอะไรงั้นหรออ~”
ยูกิโฮะเผยรอยยิ้มสุดแสนน่ารักออกมา หลังจากนั้นก็จามอีกครั้ง
“ควรรีบกินยาแก้หวัดให้เร็วที่สุดจะดีกว่า”
“ไดคิจิคุงมียาแก้หวัดงั้นหรอคะ?”
“คิดว่าน่าจะมีนะ”
พูดเสร็จก็เดินไปคุ้ยหาในตู้เก็บของ
“ที่นี่คือกระท่อมของคุณปู่ ถ้าตามนิสัยคุณปู่แล้ว น่าจะมียาแก้หวัดเก็บไว้อยู่”
หลังจากเจอขวดยาแก้หวัด ผมก็หยิบมันมา
“หาเจอแล้วเท่านี้ก็น่าจะโอเคแล้—- ไม่สิ นี่มันแย่มากกว่าอีก…”
มือผมหยุดชะงักทันทีที่เห็นฉลากบนขวดยา
“มีอะไรงั้นหรอ?”
“ยามันหมดอายุมาตั้ง 8 ปีแล้ว….”
*(TLN: แต่ทำไมคนนั้นยังอยู่อีกนะ55+)
“8 ปี!??!”
“ถ้าหมดอายุสักปีคงจะไม่เป็นไร แต่นี่มันตั้ง 8 ปี ผมไม่แนะนำให้กินมันนะ”
“อะ..อื้ม…คุ้ชิ้วว!”
“แย่ล่ะ เธอเริ่มจามหนักกว่าเดิมแล้ว”
“ขอโทษนะ..”
“ไม่จำเป็นต้องขอโทษหรอก”
ตอนนี้ผมทำได้แค่ทำให้เธอตัวอุ่นขึ้นด้วยการให้เธอนั่งข้างกองไฟ แล้วหาอะไรอุ่นๆ ให้เธอดื่ม
มันไม่มีอย่างอื่นนอกจากนี้ที่ผมทำได้แล้วหรอ…
ไม่สิ– ยังมีอยู่!
“เดี๋ยวผมกลับมานะ”
ผมลุกขึ้นแล้วเดินออกจากกระท่อม
“จะไปไหนงั้นหรอ?”
“จะออกไปหาของมาใช้แทนยาแก้หวัดน่ะ”
“มีอะไรแบบนั้นด้วยหรอ?”
“อื้ม เดี๋ยวกลับมานะ ถ้าหิวจะกินเนื้อตากแห้งตรงนั้นก็ได้นะ แล้วถ้าอยากดื่มน้ำอุ่นๆ ล่ะก็ เอาจากกาต้มน้ำได้เลย”
“อื้ม…แต่กลับมาเร็วๆ ได้ไหม… อยู่ตัวคนเดียวฉันค่อนข้างกังวลน่ะ…”
ผมหันหลังให้เธอและตอบเธอไปว่า “เข้าใจแล้ว” แล้วก็เดินออกจากกระท่อม
◊◊◊
เพราะเกาะนี้ถูกดูแลโดยคุณปู่ มันอาจจะค่อนข้างขี้โกงนิดหน่อยแต่ว่าผมก็ได้รากของต้น *คุดซู ที่ต้องการมาได้สำเร็จ
*(TLN: รากคุดซู (kudzu root) เป็นแหล่งที่อุดมไปด้วยไอโซฟลาโวน (Isoflavone) เจนิสสไตน์ (Genistein) และเดดซีน (Daidzein) รากคุดซูเป็นสารต้านอนุมูลอิสระชั้นดี | ปล.ผู้แปลหาข้อมูลจาก Google มาเด้ออ)*
ผมเอารากคุดซู ไปล้างที่แม่น้ำ แล้วกลับไปที่กระท่อม
“ยินดีต้อนรับกลับนะ… อะแฮ่ก! อะแฮ่ก! ” (เสียงไอ)
ยูกิโฮะอาการแย่ลงกว่าตอนก่อนที่ผมจะออกจากกระท่อมอีก ไม่พรุ่งนี้ก็คืนนี้ เธอได้เป็นไข้แน่ๆ
“ไดคิจิคุง ในมือนั่นคือ?”
“รากคุดซูน่ะ เดี๋ยวจะเอาเจ้านี่ไปทำชาคุดซูให้น่ะ”
“ไดคิจิคุงทำได้ด้วยงั้นหรอ?”
“อื้ม มันง่ายมากเลยล่ะ มันก็เหมือนกับตอนที่ทำแป้งจากมันฝรั่งน่ะ อันนี้ก็ใช้วิธีเดียวกันน่ะ”
“ง่ายหรอ… แม้แต่วิธีที่ทำแป้งจากมันฝรั่งฉันยังไม่รู้เลยนะ ไดคิจิคุงสุดยอดเลยนะ…”
“อยากดูตอนทำไหมล่ะ ถ้านั่งอยู่เฉยๆ คงน่าเบื่อแย่”
“อื้ม! อยากดูสิ”
ดูเหมือนว่ายูกิโฮะจะสนใจเรื่องนี้ ผมเลยอธิบายให้เธอฟังไปด้วยตอนทำ
ผมบดรากคุดซูด้วยขวานหินเล็กที่ผมทำเอง แล้วก็สอนวิธีการทำให้เธอ
“หลังจากที่มันแห้งแล้วก็จะกลายเป็นผงคุดซู แต่ว่าเรารอมันแห้งนานขนาดนั้นไม่ได้ ก็เลยทำเป็น’คุดซูยุ’ แทน
“สุดยอดเลยได้คิจิคุง!! หรือว่าไดคิจิคุงเชี่ยวชาญการอาศัยอยู่บนเกาะร้างหรืออะไรทำนองนั้นงั้นหรอ!?”
“ผมไม่ได้ดูทีวีหรอกนะ แต่ก็พอรู้เรื่องการเอาตัวรอดมาบ้าง”
แล้วในที่สุดคุดซูยุ (Kudzu-yu) ก็เสร็จสมบูรณ์
“ดื่มนี่สิ น่าจะช่วยได้มากกว่าน้ำอุ่นธรรมดานะ”
“ขอบคุณนะ!!”
ยูกิโฮะดื่มคุดซูยุอย่สงมีความสุข…ก็แค่อึกแรกแหละนะ หลังจากนั้นเธอก็ทำท่าขยะแขยง
“ฮึก….”
“หวานเป็นลมขมเป็นยานะ”
ผมบอกเธอไปแบบนั้น แล้วอธิบายต่อ
“แต่ว่ามันก็ไม่ใช่ยาที่ดีขนาดนั้น ผมเลยไม่คิดว่ารสชาติจะออกมาแย่ขนาดนั้นนะ”
“แง ไม่อร่อยเลยง่ะ ไม่สิมันเหมือนว่าไม่มีอะไรเลยมากกว่า รสสัมผัสแตกต่างจากที่คาดไว้จนฉันประหลาดใจเลย แต่ว่าฉันต้องขอโทษด้วยนะ ที่ต้องมาให้ได้คิจิคุงทำอะไรแบบนี้ให้”
“ไม่ต้องใส่ใจเรื่องนั้นหรอก”
จากนั้นผมก็ดื่มคุดซูยุฝีมือตัวเองบ้าง
“แหวะ!! รสชาติห่วยสุดๆ แย่เกินกว่าที่ผมคาดไว้ซะอีก ขอโทษด้วยนะ!!”
แล้วยูกิโฮะก็หัวเราะออกมา แล้วพูดว่า
“ใช่ไหมล่ะ”
แล้วเธอก็จามใส่หน้าผม ทำให้หน้าผมเหนียวไปหมด….
.
.
.
.
.
แหม่ ก็ห่างหายกันไปซะนานเลยแหะๆ พอดีว่ายุ่งมากๆ เพราะต้องซ้อมไปแข่งเลยไม่ว่างมาแปลเลย
หลังจากนี้ก็ ‘ไม่น่า’ จะหายไปไหนแล้วครับผมม ขออภัยที่ลงช้ามากกกกก แหะๆ
Comments
หลังจากถูกเพื่อนสมัยเด็กที่เป็นแฟนสาวนอกใจ จึงได้ไปคบกับไอดอลสาวที่พบเจอบนเกาะร้าง 2 ยาแก้หวัดงั้นหรอ?
“ที่นี่คือ…? หรือว่าคุณเป็น’สตาฟ’งั้นหรอคะ?”
ทันทีที่เธอฟื้น ก็พูดอะไรที่เข้าใจยากแบบนั้นออกมา หรือว่าเธอคงจะอยู่ในงานคอสเพลย์อะไรบางอย่างก่อนลอยมาที่นี่ล่ะมั้ง
“ผมไม่ใช่สตาฟ หรอกนะ เธอประสบอุบัติเหตุตกทะเลแล้วโดนคลื่นซัดมาที่เกาะร้างแห่งนี้น่ะ ถึงจะบอกว่าเกาะร้างแต่ก็ไม่ได้ห่างจากญี่ปุ่นมากนักหรอกนะ”
“เกาะร้างหรอคะ? แล้วทำไมคุณถึงมาอยู่ที่นี่ได้ล่ะคะ?”
“ปกติผมก็ไม่ได้อาศัยอยู่ที่นี่หรอกนะ พึ่งมาอยู่ที่นี่ตอนช่วงปิดเทอมหน้าร้อนนี้เอง แล้วก็ผมคิดว่าถ้าปล่อยให้เธออยู่แบบนั้นคงจะไม่ดี เลยพามาที่กระท่อมของผมน่ะ”
“งั้นหรอ…ขอบคุณนะ”
สิ่งที่จะเกิดต่อจากนี้คือสิ่งที่ผมคาดไว้แล้ว นั่นก็คือ… เธอจามนั่นเอง.. “คุชิ้วว~” เสียงจามของเธอน่าร้ากกมากเลยล่ะ~~
ถ้าเป็นพ่อผมล่ะก็ คงจะจามลั่นบ้านไปแล้วล่ะนะ…
“หนาวจัง…”
“เสื้อผ้าเธอเปียกอยู่นะ ผมแนะนำว่าให้ถอดออกจะดีกว่า”
“เอ๊ะ!? ถะ..ถอดออก!?”
หน้าของเธอเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ
“คือว่านะ.. ผมเข้าใจนะว่าเธอรู้สึกยังไงถ้าจะเปลือยต่อหน้าผู้ชาย เพราะงั้นผมจะให้ใช้เสื้อของผมไปก่อน อีกอย่างนี่ก็เป็นหน้าร้อนด้วยผมเปลือยไปก็ไม่เสียหาย”
ผมรีบถอดเสื้อผ้าตัวเองออกยกเว้นบอกเซอร์
“อย่างนี้นี่เอง.. นี่ฉันจะได้ใส่เสื้อผ้าของผู้ชายที่ไม่รู้จักสินะ…”
“นี่ไม่ใช่เวลาจะมากังวลเกี่ยวกับเรื่องแบบนั้นแล้วนะ มันจะไม่ใช่แค่หวัดนะถ้าเธอยังทำแบบนี้อยู่ ถ้าไม่อยากป่วยจนตายล่ะก็เอาไปใส่นะ เดี๋ยวผมจะหันหลังให้เพราะงั้นถ้าใส่เสร็จเมื่อไหร่ก็บอกด้วยนะ”
“อะ..อื้ม ขอโทษแล้วก็…ขอบคุณนะ”
เธอรับเสื้อผ้าผมไปอย่างเขินอาย
แล้วผมก็หันกลับมาหลังจากที่เธอบอกว่าใส่เสื้อผ้าเสร็จแล้ว
“โอเครึเปล่า…?”
“อืม… ใส่รองเท้าน่าจะดีกว่านะ ถ้าเดินเท้าเปล่าล่ะก็แค่เหยียบก้อนกรวดก็เจ็บแล้วนะ”
“โอเค..”
เธอถอดถุงน่องสีขาวของเธอออกแล้วไปใส่รองเท้าแทน
“อึก.. รองเท้าเปียกง่ะ..”
“ทนหน่อยนะ ถ้างั้นไปกันเลย”
พวกเราเริ่มเดินเข้าป่าเพื่อกลับไปที่กระท่อม
◊◊◊
เราแนะนำตัวกันเล็กน้อยระหว่างทางกลับ
ชื่อของเธอคือ ‘ทาคามิเนะ ยูกิโฮะ’ เห็นได้ชัดๆ เลยว่าชื่อของเธอมาจาก ผิวที่ขาวราวกับหิมะ และผมเงินยาวสลวยราวกับใช้ซันซิล
เธออยู่ชั้นมัธยมปลายปี 2 เหมือนกันและอายุยังเท่ากับผมอีกด้วย
“นี่กระท่อมผมเอง”
ผมพายูกิโฮะเข้าไปในกระท่อมแล้วให้เธอนั่งพักข้างกองไฟ แต่เพราะกองไฟใช้เป็นฟืนไม้เพราะงั้นอาจจะมีเสียงเป็นบางครั้ง
แล้วผมก็ไปหยิบชุดสำรองของตัวเองมาใส่
“ไดคิจิคุง แน่ใจนะว่าไม่รู้จักฉันน่ะ”
ทันทีที่ผมถอนหายใจ ยูกิโฮะก็ถามผมมาแบบนั้น
“ถึงจะไม่รู้ว่าผมต้องบอกอีกกี่ครั้งก็เถอะนะ แต่ว่าผมไม่รู้จักเธอจริงๆ “
ก็นะ เธอดูเหมือนจะเป็นคนดังจริงๆ นั่นแหละ
เธอบอกว่าเธอเป็นไอดอลที่ออกในรายการทีวี ไม่น่าใช่เรื่องโกหกแน่นอนถ้าดูจากหน้าตาของเธอล่ะนะ
แต่ที่ผมไม่รู้จักเพราะ–
“ผมไม่ได้ดูรายการทีวีเลยน่ะ”
“งั้นหรอ… ‘คุชิ้ววว!’ ” (เสียงจาม)
“เตรียมตัวให้พร้อมสำหรับพรุ่งนี้ก็ดีนะ ไม่งั้นอาจจะแย่กว่าเดิมก็ได้”
ผมเอาน้ำอุ่นในกาที่พึ่งต้มเทใส่แก้วแล้วยื่นให้เธอ ยูกิโฮะยื่นมือมารับไปแล้วค่อยๆ จิบ
“คือว่าไดคิจิคุง พอจะมีโทรศัพท์มือถือหรืออะไรทำนองนั้นในกระท่อมนี้บ้างไหม?”
“โทรศัพท์น่ะผมมีนะ แต่ที่นี่ไม่มีสัญญาณน่ะ ถึงงั้นก็เถอะพรุ่งนี้ปู่ผมก็จะมารับแล้ว เธอมากลับด้วยกันก็ได้เพราะงั้นวางใจเถอะ”
“แสดงว่าฉันต้องอยู่สองต่อสองกับไดคิจิคุง ที่นี่สินะ…”
เธอแสดงสีหน้ากังวลออกมานิดหน่อย
“ไม่ใช่แค่อยู่ใต้ชายคาเดียวกันหรอกนะ แต่ยังต้องแชร์ฟูกนอนด้วย เพราะมันมีแค่อันเดียว”
“อึก…..ถ้าสื่อรู้เข้าไม่จบง่ายๆ แน่…”
“ไม่ต้องกังวลเรื่องนั้นหรอก เธอควรกังวลว่าจะถูกทำร้ายมากกว่านะ”
“ฮ่าฮ่า…นั่นก็จริง แต่ฉันคิดว่าไดคิจิคุงน่าจะรับมือกับเรื่องแบบนี้ได้สินะคะ”
” ‘มนุษย์น่ะ มองจากภายนอกไม่ได้หรอกนะ’ “
“หืม งั้นหรอ?”
“ที่จะบอกก็คือ….”
“จะบอกอะไรงั้นหรออ~”
ยูกิโฮะเผยรอยยิ้มสุดแสนน่ารักออกมา หลังจากนั้นก็จามอีกครั้ง
“ควรรีบกินยาแก้หวัดให้เร็วที่สุดจะดีกว่า”
“ไดคิจิคุงมียาแก้หวัดงั้นหรอคะ?”
“คิดว่าน่าจะมีนะ”
พูดเสร็จก็เดินไปคุ้ยหาในตู้เก็บของ
“ที่นี่คือกระท่อมของคุณปู่ ถ้าตามนิสัยคุณปู่แล้ว น่าจะมียาแก้หวัดเก็บไว้อยู่”
หลังจากเจอขวดยาแก้หวัด ผมก็หยิบมันมา
“หาเจอแล้วเท่านี้ก็น่าจะโอเคแล้—- ไม่สิ นี่มันแย่มากกว่าอีก…”
มือผมหยุดชะงักทันทีที่เห็นฉลากบนขวดยา
“มีอะไรงั้นหรอ?”
“ยามันหมดอายุมาตั้ง 8 ปีแล้ว….”
*(TLN: แต่ทำไมคนนั้นยังอยู่อีกนะ55+)
“8 ปี!??!”
“ถ้าหมดอายุสักปีคงจะไม่เป็นไร แต่นี่มันตั้ง 8 ปี ผมไม่แนะนำให้กินมันนะ”
“อะ..อื้ม…คุ้ชิ้วว!”
“แย่ล่ะ เธอเริ่มจามหนักกว่าเดิมแล้ว”
“ขอโทษนะ..”
“ไม่จำเป็นต้องขอโทษหรอก”
ตอนนี้ผมทำได้แค่ทำให้เธอตัวอุ่นขึ้นด้วยการให้เธอนั่งข้างกองไฟ แล้วหาอะไรอุ่นๆ ให้เธอดื่ม
มันไม่มีอย่างอื่นนอกจากนี้ที่ผมทำได้แล้วหรอ…
ไม่สิ– ยังมีอยู่!
“เดี๋ยวผมกลับมานะ”
ผมลุกขึ้นแล้วเดินออกจากกระท่อม
“จะไปไหนงั้นหรอ?”
“จะออกไปหาของมาใช้แทนยาแก้หวัดน่ะ”
“มีอะไรแบบนั้นด้วยหรอ?”
“อื้ม เดี๋ยวกลับมานะ ถ้าหิวจะกินเนื้อตากแห้งตรงนั้นก็ได้นะ แล้วถ้าอยากดื่มน้ำอุ่นๆ ล่ะก็ เอาจากกาต้มน้ำได้เลย”
“อื้ม…แต่กลับมาเร็วๆ ได้ไหม… อยู่ตัวคนเดียวฉันค่อนข้างกังวลน่ะ…”
ผมหันหลังให้เธอและตอบเธอไปว่า “เข้าใจแล้ว” แล้วก็เดินออกจากกระท่อม
◊◊◊
เพราะเกาะนี้ถูกดูแลโดยคุณปู่ มันอาจจะค่อนข้างขี้โกงนิดหน่อยแต่ว่าผมก็ได้รากของต้น *คุดซู ที่ต้องการมาได้สำเร็จ
*(TLN: รากคุดซู (kudzu root) เป็นแหล่งที่อุดมไปด้วยไอโซฟลาโวน (Isoflavone) เจนิสสไตน์ (Genistein) และเดดซีน (Daidzein) รากคุดซูเป็นสารต้านอนุมูลอิสระชั้นดี | ปล.ผู้แปลหาข้อมูลจาก Google มาเด้ออ)*
ผมเอารากคุดซู ไปล้างที่แม่น้ำ แล้วกลับไปที่กระท่อม
“ยินดีต้อนรับกลับนะ… อะแฮ่ก! อะแฮ่ก! ” (เสียงไอ)
ยูกิโฮะอาการแย่ลงกว่าตอนก่อนที่ผมจะออกจากกระท่อมอีก ไม่พรุ่งนี้ก็คืนนี้ เธอได้เป็นไข้แน่ๆ
“ไดคิจิคุง ในมือนั่นคือ?”
“รากคุดซูน่ะ เดี๋ยวจะเอาเจ้านี่ไปทำชาคุดซูให้น่ะ”
“ไดคิจิคุงทำได้ด้วยงั้นหรอ?”
“อื้ม มันง่ายมากเลยล่ะ มันก็เหมือนกับตอนที่ทำแป้งจากมันฝรั่งน่ะ อันนี้ก็ใช้วิธีเดียวกันน่ะ”
“ง่ายหรอ… แม้แต่วิธีที่ทำแป้งจากมันฝรั่งฉันยังไม่รู้เลยนะ ไดคิจิคุงสุดยอดเลยนะ…”
“อยากดูตอนทำไหมล่ะ ถ้านั่งอยู่เฉยๆ คงน่าเบื่อแย่”
“อื้ม! อยากดูสิ”
ดูเหมือนว่ายูกิโฮะจะสนใจเรื่องนี้ ผมเลยอธิบายให้เธอฟังไปด้วยตอนทำ
ผมบดรากคุดซูด้วยขวานหินเล็กที่ผมทำเอง แล้วก็สอนวิธีการทำให้เธอ
“หลังจากที่มันแห้งแล้วก็จะกลายเป็นผงคุดซู แต่ว่าเรารอมันแห้งนานขนาดนั้นไม่ได้ ก็เลยทำเป็น’คุดซูยุ’ แทน
“สุดยอดเลยได้คิจิคุง!! หรือว่าไดคิจิคุงเชี่ยวชาญการอาศัยอยู่บนเกาะร้างหรืออะไรทำนองนั้นงั้นหรอ!?”
“ผมไม่ได้ดูทีวีหรอกนะ แต่ก็พอรู้เรื่องการเอาตัวรอดมาบ้าง”
แล้วในที่สุดคุดซูยุ (Kudzu-yu) ก็เสร็จสมบูรณ์
“ดื่มนี่สิ น่าจะช่วยได้มากกว่าน้ำอุ่นธรรมดานะ”
“ขอบคุณนะ!!”
ยูกิโฮะดื่มคุดซูยุอย่สงมีความสุข…ก็แค่อึกแรกแหละนะ หลังจากนั้นเธอก็ทำท่าขยะแขยง
“ฮึก….”
“หวานเป็นลมขมเป็นยานะ”
ผมบอกเธอไปแบบนั้น แล้วอธิบายต่อ
“แต่ว่ามันก็ไม่ใช่ยาที่ดีขนาดนั้น ผมเลยไม่คิดว่ารสชาติจะออกมาแย่ขนาดนั้นนะ”
“แง ไม่อร่อยเลยง่ะ ไม่สิมันเหมือนว่าไม่มีอะไรเลยมากกว่า รสสัมผัสแตกต่างจากที่คาดไว้จนฉันประหลาดใจเลย แต่ว่าฉันต้องขอโทษด้วยนะ ที่ต้องมาให้ได้คิจิคุงทำอะไรแบบนี้ให้”
“ไม่ต้องใส่ใจเรื่องนั้นหรอก”
จากนั้นผมก็ดื่มคุดซูยุฝีมือตัวเองบ้าง
“แหวะ!! รสชาติห่วยสุดๆ แย่เกินกว่าที่ผมคาดไว้ซะอีก ขอโทษด้วยนะ!!”
แล้วยูกิโฮะก็หัวเราะออกมา แล้วพูดว่า
“ใช่ไหมล่ะ”
แล้วเธอก็จามใส่หน้าผม ทำให้หน้าผมเหนียวไปหมด….
.
.
.
.
.
แหม่ ก็ห่างหายกันไปซะนานเลยแหะๆ พอดีว่ายุ่งมากๆ เพราะต้องซ้อมไปแข่งเลยไม่ว่างมาแปลเลย
หลังจากนี้ก็ ‘ไม่น่า’ จะหายไปไหนแล้วครับผมม ขออภัยที่ลงช้ามากกกกก แหะๆ
Comments
หลังจากถูกเพื่อนสมัยเด็กที่เป็นแฟนสาวนอกใจ จึงได้ไปคบกับไอดอลสาวที่พบเจอบนเกาะร้าง 2 ยาแก้หวัดงั้นหรอ?
“ที่นี่คือ…? หรือว่าคุณเป็น’สตาฟ’งั้นหรอคะ?”
ทันทีที่เธอฟื้น ก็พูดอะไรที่เข้าใจยากแบบนั้นออกมา หรือว่าเธอคงจะอยู่ในงานคอสเพลย์อะไรบางอย่างก่อนลอยมาที่นี่ล่ะมั้ง
“ผมไม่ใช่สตาฟ หรอกนะ เธอประสบอุบัติเหตุตกทะเลแล้วโดนคลื่นซัดมาที่เกาะร้างแห่งนี้น่ะ ถึงจะบอกว่าเกาะร้างแต่ก็ไม่ได้ห่างจากญี่ปุ่นมากนักหรอกนะ”
“เกาะร้างหรอคะ? แล้วทำไมคุณถึงมาอยู่ที่นี่ได้ล่ะคะ?”
“ปกติผมก็ไม่ได้อาศัยอยู่ที่นี่หรอกนะ พึ่งมาอยู่ที่นี่ตอนช่วงปิดเทอมหน้าร้อนนี้เอง แล้วก็ผมคิดว่าถ้าปล่อยให้เธออยู่แบบนั้นคงจะไม่ดี เลยพามาที่กระท่อมของผมน่ะ”
“งั้นหรอ…ขอบคุณนะ”
สิ่งที่จะเกิดต่อจากนี้คือสิ่งที่ผมคาดไว้แล้ว นั่นก็คือ… เธอจามนั่นเอง.. “คุชิ้วว~” เสียงจามของเธอน่าร้ากกมากเลยล่ะ~~
ถ้าเป็นพ่อผมล่ะก็ คงจะจามลั่นบ้านไปแล้วล่ะนะ…
“หนาวจัง…”
“เสื้อผ้าเธอเปียกอยู่นะ ผมแนะนำว่าให้ถอดออกจะดีกว่า”
“เอ๊ะ!? ถะ..ถอดออก!?”
หน้าของเธอเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ
“คือว่านะ.. ผมเข้าใจนะว่าเธอรู้สึกยังไงถ้าจะเปลือยต่อหน้าผู้ชาย เพราะงั้นผมจะให้ใช้เสื้อของผมไปก่อน อีกอย่างนี่ก็เป็นหน้าร้อนด้วยผมเปลือยไปก็ไม่เสียหาย”
ผมรีบถอดเสื้อผ้าตัวเองออกยกเว้นบอกเซอร์
“อย่างนี้นี่เอง.. นี่ฉันจะได้ใส่เสื้อผ้าของผู้ชายที่ไม่รู้จักสินะ…”
“นี่ไม่ใช่เวลาจะมากังวลเกี่ยวกับเรื่องแบบนั้นแล้วนะ มันจะไม่ใช่แค่หวัดนะถ้าเธอยังทำแบบนี้อยู่ ถ้าไม่อยากป่วยจนตายล่ะก็เอาไปใส่นะ เดี๋ยวผมจะหันหลังให้เพราะงั้นถ้าใส่เสร็จเมื่อไหร่ก็บอกด้วยนะ”
“อะ..อื้ม ขอโทษแล้วก็…ขอบคุณนะ”
เธอรับเสื้อผ้าผมไปอย่างเขินอาย
แล้วผมก็หันกลับมาหลังจากที่เธอบอกว่าใส่เสื้อผ้าเสร็จแล้ว
“โอเครึเปล่า…?”
“อืม… ใส่รองเท้าน่าจะดีกว่านะ ถ้าเดินเท้าเปล่าล่ะก็แค่เหยียบก้อนกรวดก็เจ็บแล้วนะ”
“โอเค..”
เธอถอดถุงน่องสีขาวของเธอออกแล้วไปใส่รองเท้าแทน
“อึก.. รองเท้าเปียกง่ะ..”
“ทนหน่อยนะ ถ้างั้นไปกันเลย”
พวกเราเริ่มเดินเข้าป่าเพื่อกลับไปที่กระท่อม
◊◊◊
เราแนะนำตัวกันเล็กน้อยระหว่างทางกลับ
ชื่อของเธอคือ ‘ทาคามิเนะ ยูกิโฮะ’ เห็นได้ชัดๆ เลยว่าชื่อของเธอมาจาก ผิวที่ขาวราวกับหิมะ และผมเงินยาวสลวยราวกับใช้ซันซิล
เธออยู่ชั้นมัธยมปลายปี 2 เหมือนกันและอายุยังเท่ากับผมอีกด้วย
“นี่กระท่อมผมเอง”
ผมพายูกิโฮะเข้าไปในกระท่อมแล้วให้เธอนั่งพักข้างกองไฟ แต่เพราะกองไฟใช้เป็นฟืนไม้เพราะงั้นอาจจะมีเสียงเป็นบางครั้ง
แล้วผมก็ไปหยิบชุดสำรองของตัวเองมาใส่
“ไดคิจิคุง แน่ใจนะว่าไม่รู้จักฉันน่ะ”
ทันทีที่ผมถอนหายใจ ยูกิโฮะก็ถามผมมาแบบนั้น
“ถึงจะไม่รู้ว่าผมต้องบอกอีกกี่ครั้งก็เถอะนะ แต่ว่าผมไม่รู้จักเธอจริงๆ “
ก็นะ เธอดูเหมือนจะเป็นคนดังจริงๆ นั่นแหละ
เธอบอกว่าเธอเป็นไอดอลที่ออกในรายการทีวี ไม่น่าใช่เรื่องโกหกแน่นอนถ้าดูจากหน้าตาของเธอล่ะนะ
แต่ที่ผมไม่รู้จักเพราะ–
“ผมไม่ได้ดูรายการทีวีเลยน่ะ”
“งั้นหรอ… ‘คุชิ้ววว!’ ” (เสียงจาม)
“เตรียมตัวให้พร้อมสำหรับพรุ่งนี้ก็ดีนะ ไม่งั้นอาจจะแย่กว่าเดิมก็ได้”
ผมเอาน้ำอุ่นในกาที่พึ่งต้มเทใส่แก้วแล้วยื่นให้เธอ ยูกิโฮะยื่นมือมารับไปแล้วค่อยๆ จิบ
“คือว่าไดคิจิคุง พอจะมีโทรศัพท์มือถือหรืออะไรทำนองนั้นในกระท่อมนี้บ้างไหม?”
“โทรศัพท์น่ะผมมีนะ แต่ที่นี่ไม่มีสัญญาณน่ะ ถึงงั้นก็เถอะพรุ่งนี้ปู่ผมก็จะมารับแล้ว เธอมากลับด้วยกันก็ได้เพราะงั้นวางใจเถอะ”
“แสดงว่าฉันต้องอยู่สองต่อสองกับไดคิจิคุง ที่นี่สินะ…”
เธอแสดงสีหน้ากังวลออกมานิดหน่อย
“ไม่ใช่แค่อยู่ใต้ชายคาเดียวกันหรอกนะ แต่ยังต้องแชร์ฟูกนอนด้วย เพราะมันมีแค่อันเดียว”
“อึก…..ถ้าสื่อรู้เข้าไม่จบง่ายๆ แน่…”
“ไม่ต้องกังวลเรื่องนั้นหรอก เธอควรกังวลว่าจะถูกทำร้ายมากกว่านะ”
“ฮ่าฮ่า…นั่นก็จริง แต่ฉันคิดว่าไดคิจิคุงน่าจะรับมือกับเรื่องแบบนี้ได้สินะคะ”
” ‘มนุษย์น่ะ มองจากภายนอกไม่ได้หรอกนะ’ “
“หืม งั้นหรอ?”
“ที่จะบอกก็คือ….”
“จะบอกอะไรงั้นหรออ~”
ยูกิโฮะเผยรอยยิ้มสุดแสนน่ารักออกมา หลังจากนั้นก็จามอีกครั้ง
“ควรรีบกินยาแก้หวัดให้เร็วที่สุดจะดีกว่า”
“ไดคิจิคุงมียาแก้หวัดงั้นหรอคะ?”
“คิดว่าน่าจะมีนะ”
พูดเสร็จก็เดินไปคุ้ยหาในตู้เก็บของ
“ที่นี่คือกระท่อมของคุณปู่ ถ้าตามนิสัยคุณปู่แล้ว น่าจะมียาแก้หวัดเก็บไว้อยู่”
หลังจากเจอขวดยาแก้หวัด ผมก็หยิบมันมา
“หาเจอแล้วเท่านี้ก็น่าจะโอเคแล้—- ไม่สิ นี่มันแย่มากกว่าอีก…”
มือผมหยุดชะงักทันทีที่เห็นฉลากบนขวดยา
“มีอะไรงั้นหรอ?”
“ยามันหมดอายุมาตั้ง 8 ปีแล้ว….”
*(TLN: แต่ทำไมคนนั้นยังอยู่อีกนะ55+)
“8 ปี!??!”
“ถ้าหมดอายุสักปีคงจะไม่เป็นไร แต่นี่มันตั้ง 8 ปี ผมไม่แนะนำให้กินมันนะ”
“อะ..อื้ม…คุ้ชิ้วว!”
“แย่ล่ะ เธอเริ่มจามหนักกว่าเดิมแล้ว”
“ขอโทษนะ..”
“ไม่จำเป็นต้องขอโทษหรอก”
ตอนนี้ผมทำได้แค่ทำให้เธอตัวอุ่นขึ้นด้วยการให้เธอนั่งข้างกองไฟ แล้วหาอะไรอุ่นๆ ให้เธอดื่ม
มันไม่มีอย่างอื่นนอกจากนี้ที่ผมทำได้แล้วหรอ…
ไม่สิ– ยังมีอยู่!
“เดี๋ยวผมกลับมานะ”
ผมลุกขึ้นแล้วเดินออกจากกระท่อม
“จะไปไหนงั้นหรอ?”
“จะออกไปหาของมาใช้แทนยาแก้หวัดน่ะ”
“มีอะไรแบบนั้นด้วยหรอ?”
“อื้ม เดี๋ยวกลับมานะ ถ้าหิวจะกินเนื้อตากแห้งตรงนั้นก็ได้นะ แล้วถ้าอยากดื่มน้ำอุ่นๆ ล่ะก็ เอาจากกาต้มน้ำได้เลย”
“อื้ม…แต่กลับมาเร็วๆ ได้ไหม… อยู่ตัวคนเดียวฉันค่อนข้างกังวลน่ะ…”
ผมหันหลังให้เธอและตอบเธอไปว่า “เข้าใจแล้ว” แล้วก็เดินออกจากกระท่อม
◊◊◊
เพราะเกาะนี้ถูกดูแลโดยคุณปู่ มันอาจจะค่อนข้างขี้โกงนิดหน่อยแต่ว่าผมก็ได้รากของต้น *คุดซู ที่ต้องการมาได้สำเร็จ
*(TLN: รากคุดซู (kudzu root) เป็นแหล่งที่อุดมไปด้วยไอโซฟลาโวน (Isoflavone) เจนิสสไตน์ (Genistein) และเดดซีน (Daidzein) รากคุดซูเป็นสารต้านอนุมูลอิสระชั้นดี | ปล.ผู้แปลหาข้อมูลจาก Google มาเด้ออ)*
ผมเอารากคุดซู ไปล้างที่แม่น้ำ แล้วกลับไปที่กระท่อม
“ยินดีต้อนรับกลับนะ… อะแฮ่ก! อะแฮ่ก! ” (เสียงไอ)
ยูกิโฮะอาการแย่ลงกว่าตอนก่อนที่ผมจะออกจากกระท่อมอีก ไม่พรุ่งนี้ก็คืนนี้ เธอได้เป็นไข้แน่ๆ
“ไดคิจิคุง ในมือนั่นคือ?”
“รากคุดซูน่ะ เดี๋ยวจะเอาเจ้านี่ไปทำชาคุดซูให้น่ะ”
“ไดคิจิคุงทำได้ด้วยงั้นหรอ?”
“อื้ม มันง่ายมากเลยล่ะ มันก็เหมือนกับตอนที่ทำแป้งจากมันฝรั่งน่ะ อันนี้ก็ใช้วิธีเดียวกันน่ะ”
“ง่ายหรอ… แม้แต่วิธีที่ทำแป้งจากมันฝรั่งฉันยังไม่รู้เลยนะ ไดคิจิคุงสุดยอดเลยนะ…”
“อยากดูตอนทำไหมล่ะ ถ้านั่งอยู่เฉยๆ คงน่าเบื่อแย่”
“อื้ม! อยากดูสิ”
ดูเหมือนว่ายูกิโฮะจะสนใจเรื่องนี้ ผมเลยอธิบายให้เธอฟังไปด้วยตอนทำ
ผมบดรากคุดซูด้วยขวานหินเล็กที่ผมทำเอง แล้วก็สอนวิธีการทำให้เธอ
“หลังจากที่มันแห้งแล้วก็จะกลายเป็นผงคุดซู แต่ว่าเรารอมันแห้งนานขนาดนั้นไม่ได้ ก็เลยทำเป็น’คุดซูยุ’ แทน
“สุดยอดเลยได้คิจิคุง!! หรือว่าไดคิจิคุงเชี่ยวชาญการอาศัยอยู่บนเกาะร้างหรืออะไรทำนองนั้นงั้นหรอ!?”
“ผมไม่ได้ดูทีวีหรอกนะ แต่ก็พอรู้เรื่องการเอาตัวรอดมาบ้าง”
แล้วในที่สุดคุดซูยุ (Kudzu-yu) ก็เสร็จสมบูรณ์
“ดื่มนี่สิ น่าจะช่วยได้มากกว่าน้ำอุ่นธรรมดานะ”
“ขอบคุณนะ!!”
ยูกิโฮะดื่มคุดซูยุอย่สงมีความสุข…ก็แค่อึกแรกแหละนะ หลังจากนั้นเธอก็ทำท่าขยะแขยง
“ฮึก….”
“หวานเป็นลมขมเป็นยานะ”
ผมบอกเธอไปแบบนั้น แล้วอธิบายต่อ
“แต่ว่ามันก็ไม่ใช่ยาที่ดีขนาดนั้น ผมเลยไม่คิดว่ารสชาติจะออกมาแย่ขนาดนั้นนะ”
“แง ไม่อร่อยเลยง่ะ ไม่สิมันเหมือนว่าไม่มีอะไรเลยมากกว่า รสสัมผัสแตกต่างจากที่คาดไว้จนฉันประหลาดใจเลย แต่ว่าฉันต้องขอโทษด้วยนะ ที่ต้องมาให้ได้คิจิคุงทำอะไรแบบนี้ให้”
“ไม่ต้องใส่ใจเรื่องนั้นหรอก”
จากนั้นผมก็ดื่มคุดซูยุฝีมือตัวเองบ้าง
“แหวะ!! รสชาติห่วยสุดๆ แย่เกินกว่าที่ผมคาดไว้ซะอีก ขอโทษด้วยนะ!!”
แล้วยูกิโฮะก็หัวเราะออกมา แล้วพูดว่า
“ใช่ไหมล่ะ”
แล้วเธอก็จามใส่หน้าผม ทำให้หน้าผมเหนียวไปหมด….
.
.
.
.
.
แหม่ ก็ห่างหายกันไปซะนานเลยแหะๆ พอดีว่ายุ่งมากๆ เพราะต้องซ้อมไปแข่งเลยไม่ว่างมาแปลเลย
หลังจากนี้ก็ ‘ไม่น่า’ จะหายไปไหนแล้วครับผมม ขออภัยที่ลงช้ามากกกกก แหะๆ
Comments
หลังจากถูกเพื่อนสมัยเด็กที่เป็นแฟนสาวนอกใจ จึงได้ไปคบกับไอดอลสาวที่พบเจอบนเกาะร้าง 2 ยาแก้หวัดงั้นหรอ?
“ที่นี่คือ…? หรือว่าคุณเป็น’สตาฟ’งั้นหรอคะ?”
ทันทีที่เธอฟื้น ก็พูดอะไรที่เข้าใจยากแบบนั้นออกมา หรือว่าเธอคงจะอยู่ในงานคอสเพลย์อะไรบางอย่างก่อนลอยมาที่นี่ล่ะมั้ง
“ผมไม่ใช่สตาฟ หรอกนะ เธอประสบอุบัติเหตุตกทะเลแล้วโดนคลื่นซัดมาที่เกาะร้างแห่งนี้น่ะ ถึงจะบอกว่าเกาะร้างแต่ก็ไม่ได้ห่างจากญี่ปุ่นมากนักหรอกนะ”
“เกาะร้างหรอคะ? แล้วทำไมคุณถึงมาอยู่ที่นี่ได้ล่ะคะ?”
“ปกติผมก็ไม่ได้อาศัยอยู่ที่นี่หรอกนะ พึ่งมาอยู่ที่นี่ตอนช่วงปิดเทอมหน้าร้อนนี้เอง แล้วก็ผมคิดว่าถ้าปล่อยให้เธออยู่แบบนั้นคงจะไม่ดี เลยพามาที่กระท่อมของผมน่ะ”
“งั้นหรอ…ขอบคุณนะ”
สิ่งที่จะเกิดต่อจากนี้คือสิ่งที่ผมคาดไว้แล้ว นั่นก็คือ… เธอจามนั่นเอง.. “คุชิ้วว~” เสียงจามของเธอน่าร้ากกมากเลยล่ะ~~
ถ้าเป็นพ่อผมล่ะก็ คงจะจามลั่นบ้านไปแล้วล่ะนะ…
“หนาวจัง…”
“เสื้อผ้าเธอเปียกอยู่นะ ผมแนะนำว่าให้ถอดออกจะดีกว่า”
“เอ๊ะ!? ถะ..ถอดออก!?”
หน้าของเธอเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ
“คือว่านะ.. ผมเข้าใจนะว่าเธอรู้สึกยังไงถ้าจะเปลือยต่อหน้าผู้ชาย เพราะงั้นผมจะให้ใช้เสื้อของผมไปก่อน อีกอย่างนี่ก็เป็นหน้าร้อนด้วยผมเปลือยไปก็ไม่เสียหาย”
ผมรีบถอดเสื้อผ้าตัวเองออกยกเว้นบอกเซอร์
“อย่างนี้นี่เอง.. นี่ฉันจะได้ใส่เสื้อผ้าของผู้ชายที่ไม่รู้จักสินะ…”
“นี่ไม่ใช่เวลาจะมากังวลเกี่ยวกับเรื่องแบบนั้นแล้วนะ มันจะไม่ใช่แค่หวัดนะถ้าเธอยังทำแบบนี้อยู่ ถ้าไม่อยากป่วยจนตายล่ะก็เอาไปใส่นะ เดี๋ยวผมจะหันหลังให้เพราะงั้นถ้าใส่เสร็จเมื่อไหร่ก็บอกด้วยนะ”
“อะ..อื้ม ขอโทษแล้วก็…ขอบคุณนะ”
เธอรับเสื้อผ้าผมไปอย่างเขินอาย
แล้วผมก็หันกลับมาหลังจากที่เธอบอกว่าใส่เสื้อผ้าเสร็จแล้ว
“โอเครึเปล่า…?”
“อืม… ใส่รองเท้าน่าจะดีกว่านะ ถ้าเดินเท้าเปล่าล่ะก็แค่เหยียบก้อนกรวดก็เจ็บแล้วนะ”
“โอเค..”
เธอถอดถุงน่องสีขาวของเธอออกแล้วไปใส่รองเท้าแทน
“อึก.. รองเท้าเปียกง่ะ..”
“ทนหน่อยนะ ถ้างั้นไปกันเลย”
พวกเราเริ่มเดินเข้าป่าเพื่อกลับไปที่กระท่อม
◊◊◊
เราแนะนำตัวกันเล็กน้อยระหว่างทางกลับ
ชื่อของเธอคือ ‘ทาคามิเนะ ยูกิโฮะ’ เห็นได้ชัดๆ เลยว่าชื่อของเธอมาจาก ผิวที่ขาวราวกับหิมะ และผมเงินยาวสลวยราวกับใช้ซันซิล
เธออยู่ชั้นมัธยมปลายปี 2 เหมือนกันและอายุยังเท่ากับผมอีกด้วย
“นี่กระท่อมผมเอง”
ผมพายูกิโฮะเข้าไปในกระท่อมแล้วให้เธอนั่งพักข้างกองไฟ แต่เพราะกองไฟใช้เป็นฟืนไม้เพราะงั้นอาจจะมีเสียงเป็นบางครั้ง
แล้วผมก็ไปหยิบชุดสำรองของตัวเองมาใส่
“ไดคิจิคุง แน่ใจนะว่าไม่รู้จักฉันน่ะ”
ทันทีที่ผมถอนหายใจ ยูกิโฮะก็ถามผมมาแบบนั้น
“ถึงจะไม่รู้ว่าผมต้องบอกอีกกี่ครั้งก็เถอะนะ แต่ว่าผมไม่รู้จักเธอจริงๆ “
ก็นะ เธอดูเหมือนจะเป็นคนดังจริงๆ นั่นแหละ
เธอบอกว่าเธอเป็นไอดอลที่ออกในรายการทีวี ไม่น่าใช่เรื่องโกหกแน่นอนถ้าดูจากหน้าตาของเธอล่ะนะ
แต่ที่ผมไม่รู้จักเพราะ–
“ผมไม่ได้ดูรายการทีวีเลยน่ะ”
“งั้นหรอ… ‘คุชิ้ววว!’ ” (เสียงจาม)
“เตรียมตัวให้พร้อมสำหรับพรุ่งนี้ก็ดีนะ ไม่งั้นอาจจะแย่กว่าเดิมก็ได้”
ผมเอาน้ำอุ่นในกาที่พึ่งต้มเทใส่แก้วแล้วยื่นให้เธอ ยูกิโฮะยื่นมือมารับไปแล้วค่อยๆ จิบ
“คือว่าไดคิจิคุง พอจะมีโทรศัพท์มือถือหรืออะไรทำนองนั้นในกระท่อมนี้บ้างไหม?”
“โทรศัพท์น่ะผมมีนะ แต่ที่นี่ไม่มีสัญญาณน่ะ ถึงงั้นก็เถอะพรุ่งนี้ปู่ผมก็จะมารับแล้ว เธอมากลับด้วยกันก็ได้เพราะงั้นวางใจเถอะ”
“แสดงว่าฉันต้องอยู่สองต่อสองกับไดคิจิคุง ที่นี่สินะ…”
เธอแสดงสีหน้ากังวลออกมานิดหน่อย
“ไม่ใช่แค่อยู่ใต้ชายคาเดียวกันหรอกนะ แต่ยังต้องแชร์ฟูกนอนด้วย เพราะมันมีแค่อันเดียว”
“อึก…..ถ้าสื่อรู้เข้าไม่จบง่ายๆ แน่…”
“ไม่ต้องกังวลเรื่องนั้นหรอก เธอควรกังวลว่าจะถูกทำร้ายมากกว่านะ”
“ฮ่าฮ่า…นั่นก็จริง แต่ฉันคิดว่าไดคิจิคุงน่าจะรับมือกับเรื่องแบบนี้ได้สินะคะ”
” ‘มนุษย์น่ะ มองจากภายนอกไม่ได้หรอกนะ’ “
“หืม งั้นหรอ?”
“ที่จะบอกก็คือ….”
“จะบอกอะไรงั้นหรออ~”
ยูกิโฮะเผยรอยยิ้มสุดแสนน่ารักออกมา หลังจากนั้นก็จามอีกครั้ง
“ควรรีบกินยาแก้หวัดให้เร็วที่สุดจะดีกว่า”
“ไดคิจิคุงมียาแก้หวัดงั้นหรอคะ?”
“คิดว่าน่าจะมีนะ”
พูดเสร็จก็เดินไปคุ้ยหาในตู้เก็บของ
“ที่นี่คือกระท่อมของคุณปู่ ถ้าตามนิสัยคุณปู่แล้ว น่าจะมียาแก้หวัดเก็บไว้อยู่”
หลังจากเจอขวดยาแก้หวัด ผมก็หยิบมันมา
“หาเจอแล้วเท่านี้ก็น่าจะโอเคแล้—- ไม่สิ นี่มันแย่มากกว่าอีก…”
มือผมหยุดชะงักทันทีที่เห็นฉลากบนขวดยา
“มีอะไรงั้นหรอ?”
“ยามันหมดอายุมาตั้ง 8 ปีแล้ว….”
*(TLN: แต่ทำไมคนนั้นยังอยู่อีกนะ55+)
“8 ปี!??!”
“ถ้าหมดอายุสักปีคงจะไม่เป็นไร แต่นี่มันตั้ง 8 ปี ผมไม่แนะนำให้กินมันนะ”
“อะ..อื้ม…คุ้ชิ้วว!”
“แย่ล่ะ เธอเริ่มจามหนักกว่าเดิมแล้ว”
“ขอโทษนะ..”
“ไม่จำเป็นต้องขอโทษหรอก”
ตอนนี้ผมทำได้แค่ทำให้เธอตัวอุ่นขึ้นด้วยการให้เธอนั่งข้างกองไฟ แล้วหาอะไรอุ่นๆ ให้เธอดื่ม
มันไม่มีอย่างอื่นนอกจากนี้ที่ผมทำได้แล้วหรอ…
ไม่สิ– ยังมีอยู่!
“เดี๋ยวผมกลับมานะ”
ผมลุกขึ้นแล้วเดินออกจากกระท่อม
“จะไปไหนงั้นหรอ?”
“จะออกไปหาของมาใช้แทนยาแก้หวัดน่ะ”
“มีอะไรแบบนั้นด้วยหรอ?”
“อื้ม เดี๋ยวกลับมานะ ถ้าหิวจะกินเนื้อตากแห้งตรงนั้นก็ได้นะ แล้วถ้าอยากดื่มน้ำอุ่นๆ ล่ะก็ เอาจากกาต้มน้ำได้เลย”
“อื้ม…แต่กลับมาเร็วๆ ได้ไหม… อยู่ตัวคนเดียวฉันค่อนข้างกังวลน่ะ…”
ผมหันหลังให้เธอและตอบเธอไปว่า “เข้าใจแล้ว” แล้วก็เดินออกจากกระท่อม
◊◊◊
เพราะเกาะนี้ถูกดูแลโดยคุณปู่ มันอาจจะค่อนข้างขี้โกงนิดหน่อยแต่ว่าผมก็ได้รากของต้น *คุดซู ที่ต้องการมาได้สำเร็จ
*(TLN: รากคุดซู (kudzu root) เป็นแหล่งที่อุดมไปด้วยไอโซฟลาโวน (Isoflavone) เจนิสสไตน์ (Genistein) และเดดซีน (Daidzein) รากคุดซูเป็นสารต้านอนุมูลอิสระชั้นดี | ปล.ผู้แปลหาข้อมูลจาก Google มาเด้ออ)*
ผมเอารากคุดซู ไปล้างที่แม่น้ำ แล้วกลับไปที่กระท่อม
“ยินดีต้อนรับกลับนะ… อะแฮ่ก! อะแฮ่ก! ” (เสียงไอ)
ยูกิโฮะอาการแย่ลงกว่าตอนก่อนที่ผมจะออกจากกระท่อมอีก ไม่พรุ่งนี้ก็คืนนี้ เธอได้เป็นไข้แน่ๆ
“ไดคิจิคุง ในมือนั่นคือ?”
“รากคุดซูน่ะ เดี๋ยวจะเอาเจ้านี่ไปทำชาคุดซูให้น่ะ”
“ไดคิจิคุงทำได้ด้วยงั้นหรอ?”
“อื้ม มันง่ายมากเลยล่ะ มันก็เหมือนกับตอนที่ทำแป้งจากมันฝรั่งน่ะ อันนี้ก็ใช้วิธีเดียวกันน่ะ”
“ง่ายหรอ… แม้แต่วิธีที่ทำแป้งจากมันฝรั่งฉันยังไม่รู้เลยนะ ไดคิจิคุงสุดยอดเลยนะ…”
“อยากดูตอนทำไหมล่ะ ถ้านั่งอยู่เฉยๆ คงน่าเบื่อแย่”
“อื้ม! อยากดูสิ”
ดูเหมือนว่ายูกิโฮะจะสนใจเรื่องนี้ ผมเลยอธิบายให้เธอฟังไปด้วยตอนทำ
ผมบดรากคุดซูด้วยขวานหินเล็กที่ผมทำเอง แล้วก็สอนวิธีการทำให้เธอ
“หลังจากที่มันแห้งแล้วก็จะกลายเป็นผงคุดซู แต่ว่าเรารอมันแห้งนานขนาดนั้นไม่ได้ ก็เลยทำเป็น’คุดซูยุ’ แทน
“สุดยอดเลยได้คิจิคุง!! หรือว่าไดคิจิคุงเชี่ยวชาญการอาศัยอยู่บนเกาะร้างหรืออะไรทำนองนั้นงั้นหรอ!?”
“ผมไม่ได้ดูทีวีหรอกนะ แต่ก็พอรู้เรื่องการเอาตัวรอดมาบ้าง”
แล้วในที่สุดคุดซูยุ (Kudzu-yu) ก็เสร็จสมบูรณ์
“ดื่มนี่สิ น่าจะช่วยได้มากกว่าน้ำอุ่นธรรมดานะ”
“ขอบคุณนะ!!”
ยูกิโฮะดื่มคุดซูยุอย่สงมีความสุข…ก็แค่อึกแรกแหละนะ หลังจากนั้นเธอก็ทำท่าขยะแขยง
“ฮึก….”
“หวานเป็นลมขมเป็นยานะ”
ผมบอกเธอไปแบบนั้น แล้วอธิบายต่อ
“แต่ว่ามันก็ไม่ใช่ยาที่ดีขนาดนั้น ผมเลยไม่คิดว่ารสชาติจะออกมาแย่ขนาดนั้นนะ”
“แง ไม่อร่อยเลยง่ะ ไม่สิมันเหมือนว่าไม่มีอะไรเลยมากกว่า รสสัมผัสแตกต่างจากที่คาดไว้จนฉันประหลาดใจเลย แต่ว่าฉันต้องขอโทษด้วยนะ ที่ต้องมาให้ได้คิจิคุงทำอะไรแบบนี้ให้”
“ไม่ต้องใส่ใจเรื่องนั้นหรอก”
จากนั้นผมก็ดื่มคุดซูยุฝีมือตัวเองบ้าง
“แหวะ!! รสชาติห่วยสุดๆ แย่เกินกว่าที่ผมคาดไว้ซะอีก ขอโทษด้วยนะ!!”
แล้วยูกิโฮะก็หัวเราะออกมา แล้วพูดว่า
“ใช่ไหมล่ะ”
แล้วเธอก็จามใส่หน้าผม ทำให้หน้าผมเหนียวไปหมด….
.
.
.
.
.
แหม่ ก็ห่างหายกันไปซะนานเลยแหะๆ พอดีว่ายุ่งมากๆ เพราะต้องซ้อมไปแข่งเลยไม่ว่างมาแปลเลย
หลังจากนี้ก็ ‘ไม่น่า’ จะหายไปไหนแล้วครับผมม ขออภัยที่ลงช้ามากกกกก แหะๆ
Comments
Pengaturan Membaca
The quick brown fox jumps over the lazy dog
Background :
Font :
Size :