เกิดใหม่อยู่นั่นแหละ รำคาญ! 4 กุญแจสำคัญ

Now you are reading เกิดใหม่อยู่นั่นแหละ รำคาญ! Chapter 4 กุญแจสำคัญ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

        ทันทีที่บุตรีขุนนางทักขึ้น คนรับใช้ก็ก้าวเข้ามาสำรวจเบาะเก้าอี้ของอินิคาร์ “นี่มันเลือด…”

       “ผมขอโทษที่ทำให้เบาะเปื้อนครับ” เด็กสาวผมสั้นในวัยสิบสามปีรีบตั้งสติลุกขึ้นกอบกู้สถานการณ์ วงแดงไม่เล็กไม่ใหญ่คือสาเหตุอันอาจเชื่อมโยงมาถึงเพศแท้จริง ดังนั้นความคิดทั้งหมดจึงพยายามระดมหาหนทางรอดต่อไป “สงสัยเมื่อเช้าคงบาดเข้าจริงๆ”

       ท่าทีอันสงบนิ่งทำให้ทุกคนพลอยรู้สึกว่าไม่ใช่เรื่องใหญ่ไปด้วย เธอรู้ว่าหากกระโตกกระตากมีแต่จะทำให้แย่ลง

       “โดนบาดเหรอ? เป็นแผลใหญ่รึเปล่า” นัฟแสดงความห่วงกังวล

       “น่าจะตอนเข้าครัวแล้วเผลอทำมีดร่วงลงมาจากชั้นแขวน…” คำพูดของอินิคาร์ทำให้คนได้ยินขมวดคิ้วตามกันด้วยความเสียวไส้

       ข้ออ้างนี้มีน้ำหนักอยู่พอสมควร เพราะเธอเริ่มทำอาหารทุกเช้าด้วยการฝึกของพ่อครัวประจำคฤหาสน์ สำหรับเตรียมเข้าโรงเรียนเวทมนตร์ซึ่งเป็นโรงเรียนประจำ

       เจ้าบ้านที่เห่อลูกสาวสุดกู่คนนั้นกลัวว่าอาหารในสถานศึกษาอาจไม่ถูกปากนัฟ จึงให้อินิคาร์ลอกเลียนความสามารถอันไม่จำเป็นหลายอย่างเพื่อเป็นผู้ติดตามมากคุณสมบัติ

       “ผมขอไปดูแผลก่อนนะครับ แล้วจะกลับมาทำความสะอาดให้ทีหลัง” เด็กหนุ่มหน้าหวานรีบปลีกตัวออกจากจุดเกิดเหตุ

       “อินิคาร์ ให้พี่ช่วยทำแผล…”

       “ไม่เป็นไรครับ” เธอรีบตัดบทและตรงเข้าห้องส่วนตัวทันที

       ต่อให้อยู่มาเกือบสิบปีแล้ว แต่โลกนี้ก็ไม่พัฒนาก้าวกระโดดจนมีผ้าอนามัยขึ้นมาเองหรอก ทางที่พอคิดออกก็มีแค่คลายผ้าพันหน้าอกออกมาแล้วใช้พับทบกันหลายชั้นเพื่อรองรับชั่วคราวไปก่อน

       ยุ่งยากชะมัด แต่ประจำเดือนมันบังคับกันไม่ได้…

       พอจัดการเรื่องวุ่นวายเสร็จ อินิคาร์ก็มองหาของแหลมขึ้นมาส่องกระจก มันคือด้ามปากกาปลายคมกริบ… เธอคาบเศษผ้าที่เหลือไว้พร้อมกะตำแหน่งช่วงสะโพกด้านหลัง ก่อนจะกลั้นใจกรีดเนื้อเป็นทางยาวเพื่อสร้างแผลหลอกขึ้นมาจริงๆ

       “อึก…!” เด็กสาวกัดผ้าแน่น เพื่อไม่ให้เสียงหลุดรอดออกไปจากห้องแม้ทรมานจนแทบสิ้นสติ

       ต้องลงทุนทำขนาดนี้เลยเหรอ… เธอกลับมาทบทวนตัวเองในใจว่าอาจไม่มีใครสงสัยถึงขั้นเปิดแผลดูก็ได้

       ทว่าความคิดก็ต้องสลัดหลุดไปเมื่อเสียงเคาะประตูห้องดังขึ้นพอดี

       “คุณอินิคาร์ คุณหนูให้ดิฉันมาช่วยทำแผลค่ะ” สาวใช้คนหนึ่งกล่าวจากหลังบานประตู

       เจ้าของห้องรีบซ่อนหลักฐานและสวมกางเกงในขาพองอันชุ่มเลือดมาต้อนรับด้วยใบหน้าอิดโรย “ดูเหมือนผมจะทำให้แผลมันแย่ลงน่ะ”

       เธอถกเสื้อด้านหลังให้เห็นแผลลึกซึ่งทำเลือดไหลเป็นทางลงไป แน่นอนว่ามันมาจากปลายปากกาล้วนๆ หาใช่มีดห้องครัวอย่างที่โกหกไว้

       “ตายแล้ว… ดิฉันเอายามาพอดี รีบนอนคว่ำเลยค่ะ” ร่างสูงกว่าช่วยจัดการจูงมืออินิคาร์ไปถึงเตียง “เดี๋ยวฉันมาช่วยทำความสะอาดให้ แต่ตอนนี้ต้องทำแผลให้เรียบร้อยก่อนนะคะ คุณหนูห่วงคุณอินิคาร์มากเลย”

       การอบรมสาวใช้ในคฤหาสน์นี้ค่อนข้างเข้มงวด อีกฝ่ายจึงแตะต้องเพียงบาดแผลบริเวณสะโพกเท่านั้น และไม่ทำการใดอันเป็นการล่วงละเมิดแขกผู้อยู่อาศัย

       โชคดีที่หน้าอกเธอยังไม่นูนเด่นชัด ท่าคว่ำแนบเตียงจึงสังเกตเห็นได้ยากว่าเป็นผู้หญิง

       สองมือหยาบของสตรีผู้ทำงานหนักบรรจงสัมผัสส่วนที่ต้องจัดการอยู่นานก่อนจะพรูลมหายใจออกมา “ทายาและปิดแผลเรียบร้อยแล้ว… ช่วงนี้พยายามอย่าขยับตัวมากจะดีกว่านะคะ แผลจะได้หายสนิทได้เร็วขึ้น ส่วนกางเกงในเปื้อนเลือดแบบนี้จะให้ฉันช่วยถอดหรือเปล่าคะ”

       “ไม่ดีกว่าครับ ผมเองก็โตขึ้นแล้ว เจ็บแค่นี้จะให้คนอื่นมาช่วยคงอับอายมากจนเป็นแผลทางใจแน่” เธอแสดงละครต่อไปอย่างแนบเนียน “ฝากขอบคุณคุณหนูด้วยนะครับ”

       “เข้าใจแล้วค่ะ แต่ไม่ควรขยับตัวมากอยู่ดีเพราะแผลค่อนข้างลึก… ถ้าถอดเรียบร้อยแล้วช่วยพับส่งให้ดิฉันหน้าห้องด้วยนะคะ จะทำการซักกลับมาคืน ส่วนวันนี้คุณอินิคาร์ก็พักผ่อนก่อนดีกว่า ดิฉันจะแจ้งรายละเอียดให้คุณหนูเอง” ความหวังดีของอีกฝ่ายทำให้ผู้ฟังรู้สึกอุ่นใจขึ้นมา

       กระนั้นก็ยังไม่อาจบอกความจริงได้ว่าเธอเป็นสตรี

       ไม่อย่างนั้นภาพลวงตาอันแสนปลอดภัยนี้คงหายไป เพราะอินิคาร์ไม่ใช่เด็กหนุ่มหน้าหวานอย่างที่นัฟต้องการ “ขอบคุณมากครับ”

       อย่างน้อยเธอก็อยู่รอดไปได้

       และจากนี้ต้องคอยนับวันระวังเรื่องประจำเดือนพ่วงเข้ามาด้วย

       …เรื่องแผลลึกของอินิคาร์ถูกลือไปทั่วคฤหาสน์ทำให้หลายวันหลังจากนั้นมีแต่คนอาสาทำงานแทนให้ แถมเธอยังพอจะมีเวลาคำนวณปริมาณทบผ้าที่พอดีสำหรับช่วงประจำเดือนโดยไม่เสี่ยงให้ใครพบเห็น

       นับว่ายิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว แม้จะเป็นปืนที่แรงถีบเจ็บเหลือแสนก็ตาม

       ไม่มีใครสงสัยว่าเธอเป็นผู้หญิง เพราะอยู่คฤหาสน์จนคนรอบตัวต่างคุ้นชินมาเกือบสิบปี แถมยังมีแผลที่พยานมากมายช่วยยืนยันชัดเจนได้เพราะผลัดเวรกันดูแลคนเจ็บทุกวัน… เท่านี้ก็กลบความลับต่อไหว

       พออาการดีขึ้นช่วงสะโพกจึงปรากฏรอยแผลเป็นเล็กๆ จากการทำร้ายตัวเอง

       มันคล้ายส่งคำพูดบอกว่าเธอลงมือได้ลึกมากทีเดียว

       หากเป็นชาติก่อนคงกรีดร้องจะเป็นจะตายเรื่องร่างกายอันงดงามเกิดตำหนิ แต่พอเผชิญหน้ากับความจริงในโลกใหม่ดันคิดได้เพียงแค่ ไม่ถูกขายต่อหรือต้องเสียชีวิตไปก็พอ…

       น่าหัวเราะซะจริงว่าเธอตกต่ำได้ขนาดนี้… ยอมรับตัวเองที่ไม่มีทรัพย์สินเงินทอง ไม่มีเครื่องสำอางประทินโฉม ไม่ไว้ผมยาวสลวยที่ชื่นชมนักหนา ไม่มีบริวารคอยรายล้อม และไม่เหลืออะไรเลย

       ตั้งแต่ถูกอัญเชิญมาก็ไม่มีอะไรดีสักอย่าง ถูกฆ่าตายแล้วยังไม่ไปเกิดใหม่ในโลกเดิมด้วยซ้ำ

       ถ้ากลับไปได้… ขอแค่กลับไปได้ละก็… ทุกอย่างในโลกนี้อาจกลายเป็นเพียงฝันร้าย

       ดังนั้นสิ่งที่เธอต้องทำคือการอดทนเพื่อค้นหาเส้นทางเท่านั้น

       “…หายดีแล้วสินะ” ครูพิเศษส่งยิ้มให้เมื่ออินิคาร์กลับสู่ชั้นเรียนในคฤหาสน์อีกครั้งหลังผ่านเวลามาร่วมครึ่งเดือน “เธอคงต้องทบทวนย้อนหลังสักหน่อย เพราะอีกไม่นานครูก็จะหมดหน้าที่แล้ว”

       “ครับ…?” เด็กสาวในชุดคนรับใช้หนุ่มส่งเสียงเป็นคำถาม

       “คุณหนูนัฟกำลังจะเข้าโรงเรียนเวทมนตร์ และครูก็สอนเรื่องที่ต้องรู้จนเกือบหมดแล้ว ที่เหลือขึ้นอยู่กับพวกเธอเองว่าจะผ่านการคัดเลือกจากเทพธิดาหรือเปล่า”

       บุตรีขุนนางคล้ายตื่นเต้นไม่น้อย “คุณครูไม่ค่อยเล่าเรื่องเทพธิดาให้ฟังเลยนะคะ ไหนๆ ก็ใกล้เรียนจบแล้วช่วยบอกละเอียดกว่านี้หน่อยสิ อย่างเวทมนตร์ที่หนูจะได้น่ะ”

       คำถามของนัฟเรียกความสนใจของอินิคาร์ให้จดจ่อรอฟังเช่นกัน

       “ที่ครูไม่ค่อยพูดถึงก็มีเหตุผลอยู่นะ… เพราะศาสนาเทพธิดาไม่อนุญาตให้คนนอกเผยแพร่หรือกล่าวถึงคำสอนเพื่อป้องกันการบิดเบือนข้อมูลน่ะ… แต่พูดกันแค่นี้ก็คงไม่เป็นไร” เขาลดระดับเสียงลง “พอเข้าโรงเรียนเวทมนตร์แล้วนักเรียนทุกคนจะได้สัมผัสลูกแก้วเทพธิดาเพื่อดูความเหมาะสมกับพลัง”

       ภาพเหตุการณ์เก่าหวนย้อนกลับมาในความคิดของเด็กสาวผู้ติดตาม ทั้งการจับเจ้าลูกกลมใสและการหมดลมหายใจในทันทีของเหล่าเพื่อนร่วมชั้นกับพี่ชายในชาตินี้

       นิ้วเรียวบีบปากกาขนนกในมือแน่นขึ้นโดยไม่รู้ตัว

       “ส่วนใหญ่ก็ไม่พบปัญหาหรอก แต่ถ้าไม่เข้ากันจะถึงแก่ชีวิตนี่สิ…” น้ำเสียงของบุรุษผู้สอนวิชาเจืออารมณ์หวาดกลัว “ครูภาวนาให้คุณหนูนัฟเข้าเรียนได้อย่างปลอดภัยนะ”

       “ต้องปลอดภัยสิคะ! ไม่งั้นเรื่องราวจะเดินต่อได้ยังไงกัน” ความเพ้อฝันของเด็กสาวไม่ได้ลดลงไปจากหลายปีก่อน ยังคงปักใจเชื่อว่านี่คือโลกในเกม “แล้วเวทมนตร์เป็นยังไงเหรอคะ ท่านพ่อบอกว่าอินิคาร์ได้พลังมาแล้วแต่ไม่เห็นเคยใช้เลยสักหน”

       “นั่นก็เพราะคนที่จะสอนเวทมนตร์ต้องเป็นสาวกของเทพธิดาน่ะสิ ผู้เชี่ยวชาญถึงขั้นถ่ายทอดความสามารถให้คนอื่นได้มีจำนวนจำกัด ดังนั้นพวกเขาจึงจะสอนแค่ในโรงเรียนเวทมนตร์ ต่อให้ได้พลังมาก่อนก็ต้องเริ่มเท่ากันอยู่ดีไม่มีละเว้น…”

       เด็กสาวผมสั้นวางเครื่องเขียนลงบนโต๊ะและมองมือของตนเอง

       การที่อินิคาร์ไม่รู้สึกว่าร่างกายมีอะไรแปลกไปจากการได้พลังของเทพธิดา เพราะมันยังไม่ถึงเวลาถูกสอนให้ใช้ แต่ในอนาคตจะเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นแน่นอน

       และจากการบอกเล่าของครูพิเศษ เธอสันนิษฐานว่าลูกแก้วนั่นอาจใช้ตรวจจับผู้มาจากต่างโลก

       หากบุตรหลานขุนนางสัมผัสเทพธิดาแล้วไม่ล้มลงหรือถูกดับลมหายใจเฉกเช่นกัน สิ่งเดียวซึ่งแตกต่างกันชัดเจนไม่ใช่ฐานันดร แต่เป็นเพราะพวกเธอมาจากโลกอื่น

       ดวงจิตพิสุทธิ์… นั่นคือคำที่เอาไว้เรียกผู้มาจากต่างโลกซึ่งเข้ากันได้กับเวทมนตร์หรือเปล่า

       แม้จะดูมีเค้าลางความจริงแต่ยังไม่สมเหตุสมผลนัก

       หากเป็นไปตามความคิด ดวงจิตพิสุทธิ์ควรจะได้รับการปฏิบัติเหมือนอัญมณีเม็ดงามแสนเลอค่า กระนั้นชาติต่อมาเทพธิดาดันกล่าวว่าเธอไร้ประโยชน์…

       อะไรคือตัวแปรของการแสดงท่าทีอันแตกต่างกันสุดขั้ว อินิคาร์ยังไม่อาจรู้

       ผู้ติดตามหน้าหวานตั้งศอกเท้าคางบนโต๊ะขณะครุ่นคิดเกี่ยวกับข้อมูลทั้งหมด ไม่นานเธอก็สูดลมหายใจลึก “คุณหนู ผมอยากไปเรียนพร้อมกับคุณหนูครับ”

       อย่างไรก็ต้องดำเนินตามแผนเดิม ผลักดันนัฟให้ตีสนิทเชื้อพระวงศ์เพื่อล้วงข้อมูลโดยไว ยิ่งไปจากโลกนี้ได้เร็วเท่าไรยิ่งดี

       “เอาจริงเหรอ!?” บุตรีขุนนางหันมาแสดงสีหน้าตกใจระคนยินดี แต่เพียงครู่เดียวก็ดูขัดแย้ง “อินิคาร์คงไม่ได้ฝืนเพื่อพี่หรอกใช่ไหม ถึงจะเป็นสัญญาที่พูดตอนเด็กว่าจะเข้าเรียนพร้อมพี่ก็เถอะ”

       “ไม่ครับ นี่เป็นความตั้งใจของผมเอง และนายท่านคงเห็นด้วย” เด็กสาวในคราบบุรุษแสร้งยกมุมปากด้วยความเคยชิน “ยากแค่ไหนผมก็จะลองดู เพื่อพี่นัฟ”

       “อินิคาร์…” ผู้สวมชุดกระโปรงฟูฟ่องประสานมือตนเองพร้อมส่งสายตาหวานซึ้งมาให้

       แม้ชวนแขยงแปลกๆ แต่เธอยังต้องสวมบทบาทน้องชายบุญธรรมผู้มีพี่สาวเป็นเป้าหมายต่อไป

       นัฟจะเข้าสถานศึกษาก่อนเธอเพราะอายุมากกว่าหนึ่งปี หากเพื่อดำเนินแผนการอินิคาร์จำเป็นต้องสอบข้ามระดับชั้นให้ได้เข้าเรียนพร้อมกัน ไม่อย่างนั้นอีกฝ่ายจะถูกดูดชีวิตไปและหมดประโยชน์ทันที

       ถึงไร้อารมณ์ร่วมในวิมานฝันที่นัฟวาดไว้ ทว่าต้องปกป้องบุตรีขุนนางตรงหน้าอย่างสุดกำลัง รวมทั้งปิดหูปิดตาไม่ให้อีกฝ่ายรับรู้ความจริงของทุกเรื่องด้วย

       มันดูร้ายกาจ แต่เดิมทีเธอก็เป็นคนเห็นแก่ตัวมาเสมอ… ไม่อยากเสียอะไรไปเลย ไม่ว่าจะสถานที่พักพิงอันปลอดภัย อาหารสามมื้อ สิทธิ์ในการศึกษา รวมทั้งโอกาสเข้าถึงแหล่งข้อมูลสำคัญ

       ซึ่งกุญแจคือตัวตนของนัฟและความพิศวาสที่เด็กสาวมีให้น้องชายสุดวิเศษในจินตนาการ

       หากขาดสิ่งใดหรือสมดุลพังทลายลงก็จะสลายสิ้นทุกอย่าง

       เธอประคองมันมาได้เกือบสิบปี และจะไม่อนุญาตให้พังลงตอนนี้เด็ดขาด… ห้ามนัฟหนีไปไหน หลอกลวงด้วยภาพฝันต่อไป เพื่อตัวเธอเอง…

       ครูพิเศษกระแอมครั้งหนึ่งก่อนจะกล่าวว่า “ถ้างั้นเรามาเข้าบทเรียนสุดท้ายกันเลยดีกว่า เรื่องการแบ่งเขตแดนประเทศ…”

       การเรียนการสอนดำเนินไปเช่นทุกสัปดาห์

       ผลการศึกษาของสองนายบ่าวถือว่าเป็นเลิศหากเทียบกับเด็กในวัยเดียวกันที่ผู้สอนเคยกล่าวเปรียบเทียบ กระทั่งจบหลักสูตรยังถูกกล่าวชมซ้ำแล้วซ้ำเล่า

       ก็นะ ชีวิตรอบสองแล้วนี่ ถึงชาติก่อนเธอจะไม่ใช่พวกใฝ่เรียนแต่โลกนี้ต้องกระเสือกกระสนหาทางออกคนเดียวมาตลอด ถ้ายังโง่อยู่คงทนดูตัวเองไม่ได้แล้ว

       นี่เป็นเหมือนการคัดสรรทางธรรมชาติอย่างหนึ่ง

       ในโลกที่แล้วการมีเงินและหน้าตาคือจุดสูงสุด แต่ในโลกนี้ถ้าไม่พัฒนาทักษะด้านอื่นก็ไม่อาจอยู่รอดได้…

       ถ้าไม่มีโชค ไม่มีพรสวรรค์ ก็ต้องมีพรแสวงและปรับตัวตามให้ทัน เธอจะไม่มีวันยอมเป็นพวกขี้แพ้เด็ดขาด

       ไม่มีวัน!

 

       +++++

 

       “การสอบข้ามระดับชั้นเพื่อเข้าเรียนก่อนกำหนด… เริ่ม!” สัญญาณของผู้คุมสอบข้อเขียนร้องลั่นโถงอาคารใหญ่ซึ่งมีผู้สมัครเพียงหยิบมือหนึ่ง

       เสียงขีดปากกาดังสลับกับการพลิกหน้ากระดาษอยู่พักใหญ่ก่อนเศษก้อนสีน้ำตาลบางอย่างจะกระเด็นมาขวางสมาธิของเด็กสาวในชุดบุรุษ

       ความกรุบกรอบถ่ายทอดผ่านอากาศอย่างทั่วถึง เมื่อร่างท้วมเจ้าของเรือนผมหางม้าต่ำสีดำยาวหยิบคุกกี้กินไปเขียนไปแบบไม่สนใจใคร

       ทีแรกอินิคาร์ก้มหน้าอดทนต่อการรบกวนและจดจ่อคำถามบนข้อสอบ ทว่าพอเศษขนมชิ้นใหญ่เข้ามาขวางตำแหน่งจรดหมึกอย่างพอดิบพอดีก็คล้ายมีบางอย่างกดทับจนสติขาดผึง

       “นี่…!” ความเครียดสะสมในช่วงหลายปีคล้ายถูกระเบิดออกมาพร้อมกัน “หยุดกินได้แล้ว มันรบกวนคนอื่น!!”

       โต๊ะรอบๆ สะดุ้งโหยงแล้วจึงผ่อนคลายตามเมื่อมีคนออกหน้าแทน

       ไม่นานดวงตาสีชมพูก็เงยสบกับดวงตาสีดำประกายฟ้าของอินิคาร์

       “…” คู่กรณีนิ่งเงียบไปชั่วขณะก่อนจะวางปากกาแล้วหันมาเต็มตัว ทั้งยังเขมือบอาหารต่อด้วยใบหน้าเรียบเฉยระหว่างจ้องมองดั่งท้าทาย

       “เธอหูหนวกหรือไง” อินิคาร์ขอความช่วยเหลือด้วยการมองผู้คุมสอบด้านข้าง ทว่าไม่มีใครเข้ามาห้ามเด็กสาวร่างท้วมเลยสักนิด

       ผู้สมัครสอบผมหางม้าดันคุกกี้ชิ้นสุดท้ายเข้าปาก กลืนคำโตและฉีกยิ้มหวานให้อินิคาร์ “สวยกว่าเดิมอีกนะ ดวงตาของเธอน่ะ”

       “…หา?” เด็กสาวอุทานออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ “พวกเราไม่เคยเจอกันสักหน่อย อย่ามาแสร้งคุยนอกเรื่องและเลิกกวนสมาธิคนอื่นได้แล้ว”

       อีกฝ่ายขยำถุงกระดาษเป็นก้อนเล็กวางไว้มุมโต๊ะและกลับมาเอียงคอพิจารณาอินิคาร์หัวจรดเท้าอย่างไร้ซึ่งความเกรงใจ “จริงด้วยสิ”

       คำว่ามารยาทเหมือนจะไม่มีอยู่ในตัวผู้สมัครสอบคนนี้ หากไม่เห็นเสื้อผ้าปักลายหรูหราและได้กลิ่นหอมฟุ้งเฉพาะตัวของพวกชนชั้นสูงคงเชื่อได้ยากว่ามาสอบข้ามระดับเข้าโรงเรียนเวทมนตร์ก่อนเกณฑ์

       “ส่วนที่หายไป…” เจ้าตัวพึมพำบางอย่าง ทั้งยังกล้าลุกขึ้นดั่งไม่เห็นการสอบอยู่ในสายตา

       อินิคาร์เอนกายไปด้านหลังเมื่อรู้สึกถึงภัยคุกคาม แต่มือยังคงไม่อาจปล่อยปากกาขนนกลง

       “ผู้สมัครสอบ ฮาราฟ นอยล์ กรุณากลับเข้าที่นั่งด้วย” เสียงของกรรมการเอ่ยเตือนในที่สุด

       “เดี๋ยวสิ นี่ช่วงสำคัญนะ” ร่างท้วมยกมือห้ามผู้ใหญ่เข้ามาเกี่ยวข้อง ส่วนอีกข้างจับคางจ้ำม่ำของตัวเองคล้ายคิดหนัก “ขอจับหน่อยนะ”

       “จับ…?”

       เงาของเด็กสาวนามฮาราฟพาดทับใบหน้าหวาน ดวงตากลมโตสีดำประกายฟ้าเบิกกว้างขึ้นเมื่อหว่างขาถูกตะปบเข้ามาเต็มมือ!

       อะไรเนี่ย!?

       “ยัย…&@%#!” อินิคาร์หลุดด่าเป็นภาษาโลกเก่าด้วยความตกใจสุดขีด แต่ฮาราฟดึงแขนข้างเดิมขึ้นมาอุดปากเธอไว้

       เจ็บชะมัด ยัยเวรนี่นึกว่าตัวเองเป็นใครกัน คิดว่าตัวใหญ่กว่าแล้วจะทำอะไรก็ได้งั้นเหรอ!? ชาติก่อนพ่อแม่เลี้ยงดูเธอมาอย่างทะนุถนอมตั้งเท่าไร ขนาดนัฟในโลกนี้ยังไม่เคยแตะต้อง…!

       “เงียบก่อน” คู่สนทนาเอ่ยเบาๆ ระหว่างกดกรามแน่นไม่ให้เสียงเล็ดลอดออกไป

       แต่มือข้างที่สัมผัสริมฝีปากเธออยู่นี่เพิ่งจับจุดสงวนมาไม่ใช่รึไง!? สกปรกที่สุด ยัยนี่น่ะเหรอลูกผู้ดีตระกูลขุนนาง เด็กไม่ได้รับการศึกษาชัดๆ!

       คนคุมสอบเริ่มก้าวเข้ามา “ผู้สมัครสอบ ฮาราฟ นอยล์ ถ้ายังก่อเหตุทะเลาะวิวาทต่อจะถูกปรับตกทันที…”

       “ไม่ได้ก่อเหตุทะเลาะวิวาท” เจ้าตัวตอบเสียงแข็งก่อนจะเลื่อนสายตาลงและปลดกระดุมเธอ “เด็กคนนี้น่ะ…”

       ไวเท่าความคิด อินิคาร์รีบคว้าแขนฮาราฟเพื่อหยุดยั้งการเปิดโปง

       ยัยท้วมนี่รู้เรื่องที่เธอไม่ใช่ผู้ชายแล้ว ถึงไม่เข้าใจเป้าหมายของฮาราฟแต่ใครจะยอมให้แผนการทุกอย่างมาล้มลงตรงนี้กัน ยิ่งกับคนที่ไม่เข้าใจความลำบากตลอดหลายปีของเธอ… จะมาพังง่ายๆ แบบนี้ไม่ได้!

       แคว่ก!

       เรี่ยวแรงมหาศาลของเด็กสาวตระกูลนอยล์เหนือชั้นกว่าพลังเธอนัก

       ทั้งที่พยายามเหนี่ยวรั้งไว้สุดชีวิตแต่ไม่อาจหยุดเครื่องแบบผู้ติดตามซึ่งถูกกระชากออกได้… เม็ดกระดุมปลิวกลางอากาศ แม้แต่ผ้าพันหน้าอกยังเกือบคลายตามไปด้วย

       “เด็กคนนี้เป็นผู้หญิง ถ้าสอบเข้าได้แล้วย้ายเข้าหอพักชายคงไม่ดี” เสียงเรียบของฮาราฟอธิบายผู้คุมสอบ “รบกวนหยิบเครื่องแบบนักเรียนมาเปลี่ยนให้เธอด้วย ค่าใช้จ่ายเก็บที่สมาคม… ไม่สิ เก็บที่ตระกูลนอยล์”

       จบสิ้นแล้ว…

       ใครจะไปคาดคิดว่ามีคนไร้มารยาทขนาดถอดเครื่องแบบเธอเพื่อพิสูจน์ต่อหน้าคนอื่นแบบนี้  

       อับอายที่สุด!

       แถมยังกลัว… กลัวผลกระทบที่จะตามมาทั้งหมด

       สติที่หลุดลอยกลับคืนมาสู่ร่างกายอีกครั้ง

       เธอไม่น่าฟิวส์ขาดเลย ชาตินี้เธอเป็นใครกัน? สามัญชนตัวเล็กจ้อยไร้กำลัง จะไปงัดข้อกับลูกสาวขุนนางเนี่ยนะ อีกฝ่ายจะทำอะไรก็ได้ทั้งนั้น

       แค่เพราะถูกรบกวนสมาธิกลับระเบิดคืนงั้นเหรอ โง่ชะมัด อินิคาร์ นี่ไม่ใช่โลกเดิมของเธอนะ… เธอไม่ใช่นางพญาผู้พร้อมจะปะทะกับใครก็ได้อีกแล้ว เธอทำให้ทุกอย่างพังพินาศเพราะหาเรื่องผิดคน ด้วยอารมณ์เพียงชั่ววูบ… โง่ที่สุด

       ดวงตาเอ่อคลอน้ำใส เด็กสาวพยายามขดตัวให้เล็กที่สุด

       นิ้วเรียวซึ่งจับปากกาขนนกไว้ไม่อาจยึดมั่นอีกต่อไป มันทิ้งตัวลงกับพื้นตามแรงโน้มถ่วง… ทว่าถูกฝ่ามือหนารวบกำขึ้นมา

       “สอบต่อไป เขียนคำตอบให้ได้มากที่สุด ครั้งนี้เธอจะไม่ถูกปรับตก” ฮาราฟกล่าวอย่างเยือกเย็น

       อินิคาร์กัดฟันแน่น “เธอก็พูดได้สิ…”

       ทำลายความพยายามตลอดหลายปีของเธอง่ายๆ เช่นนี้ แล้วบอกให้เธอสู้ต่องั้นเหรอ

       พอกันที โลกแบบนี้…

       “พยายามครั้งเดียวไม่สำเร็จก็จะยอมแพ้แล้วเหรอ” อีกฝ่ายกระซิบข้างหู “ถ้างั้นคงเลือกคนผิดแล้วสินะ ขอโทษที่แทงคอเธอแล้วกัน”

       อะไรนะ…!?

       ประโยคของอีกฝ่ายทำให้ดวงตาสีดำประกายฟ้าเบิกกว้าง เมื่อเงยหน้าขึ้นมาอีกทีเจ้าตัวกลับเดินออกไปจากห้องสอบจนลับสายตาแล้ว

       หมายความว่ายังไง ฮาราฟคือคนที่ใช้หอกฆ่าเธอครั้งก่อนงั้นเหรอ แต่รอบนี้กลับไม่ได้มุ่งมั่นจะสังหารกันอีกหน… ทำไมล่ะ? หรือเพราะเธอไม่ถูกเรียกว่าดวงจิตพิสุทธิ์อีก?

       คำถามมากมายผุดขึ้นเต็มหัว ทว่าเรื่องที่แน่ใจได้คืออีกฝ่ายเป็นเบาะแสสำคัญซึ่งไม่อาจปล่อยให้หลุดมือ

       บ้าชะมัด การออกไปก่อนเวลาแบบนั้นคือสอบเสร็จเรียบร้อยแล้ว หากอีกฝ่ายมาเกิดใหม่โดยมีความจำเดิมครบถ้วนเหมือนกันย่อมทำคะแนนได้สูงมากแน่

       ปลายนิ้วอันสั่นสะท้านกลับมารวบกำและคว้าปากกาจุ่มหมึกทันที

       สอบต่อไป… เขียนเร็วเข้า ไม่อย่างนั้นจะรู้ความจริงและกลับไปโลกเก่าได้ยังไง ต้องไล่ตามฮาราฟและถามหาหนทางกลับบ้าน…!

       กรรมการนำชุดเครื่องแบบมาวางไว้ที่ข้างโต๊ะ แต่เธอยังตอบคำถามบนกระดาษไปเรื่อยๆ กระทั่งหมดเวลาจึงหยิบเสื้อขึ้นสวมแทนเศษผ้าขาดตัวเดิม

       “ผลการสอบข้ามระดับจะถูกส่งแจ้งทางจดหมายในอีกสามวัน ขอให้ทุกคนอดใจรอ… และคุณอินิคาร์ ด้วยความวุ่นวายที่เกิดขึ้น โดยปกติพวกเราคงไม่อาจรับสามัญชนผู้โกหกเพศของตัวเองเข้าเรียนได้ แต่ตระกูลนอยล์ออกหน้ารับผิดชอบเรื่องนี้ให้” กรรมการสูดลมหายใจลึก “หากผ่านเกณฑ์จะได้เข้าศึกษาตามเพศของตัวเอง และถือว่าเรื่องนี้ไม่เคยเกิดขึ้น”

       ท่าทีสุภาพทำให้คนฟังรู้สึกแปลกประหลาด

       “ออกหน้ารับผิดชอบ…?” อินิคาร์ยังไม่ทันได้คำตอบว่าฮาราฟช่วยอะไรเธอ ขบวนผู้สมัครสอบก็เรียงแถวออกจากอาคารตัดหน้าไป

       ร่างท้วมตระกูลนอยล์ไม่อยู่ด้านนอก ส่วนคนที่ปรากฏตัวขึ้นอย่างไม่คาดคิดคือมารดาในชาตินี้

       “อินิคาร์… สอบเป็นยังไงบ้างลูก” คำถามชวนอึดอัดถูกส่งมาให้เด็กสาวผมสั้น “คนเก่งของแม่ต้องได้ที่หนึ่งแน่เลย”

       แม้ผ่านมาหลายปี ตัวแทนก็ยังคงเป็นตัวแทนเพื่อเยียวยาจิตใจของผู้สูญเสีย การพบเจอเดือนละครั้งกับผู้หญิงคนนี้เริ่มเป็นเหมือนวันหายนะอันไม่อาจหลบเลี่ยง

       “ก็ดีครับ…” ระหว่างการปรับลมหายใจให้สม่ำเสมอนั้นเธอถูกดึงทบผ้าในมือไป

       “นี่อะไร เสื้อขาดๆ กับ… กระโปรง?”

       อินิคาร์ชะงักและอยากก้าวถอยไปจากตรงนี้

       “ทำไมลูกถือกระโปรงล่ะ อินิคาร์ ชุดของคุณหนูนัฟเหรอ” ผู้เป็นแม่ยิ้มหวานซึ่งชวนให้ขนลุกขนพอง “ลูกเป็นผู้ชายนี่นา”

       แต่ไม่ว่ายังไงสุดท้ายภาพลวงตาก็ต้องถูกทำลายลง ทุกอย่างถูกเปิดโปงแล้ว ความลับนี้ไม่อาจเก็บได้อีกต่อไป

       “แม่ ฉันเป็นผู้หญิง…” เพียงสิ้นเสียง ใบหน้าขาวเนียนกลับปรากฏรอยแดงจากการถูกตบทันที

       “ไม่… ไม่ใช่… ลูกของฉันมีแค่คนเดียว… ฉันยังไม่ได้เสียลูกไป… ลูกของฉันมีเพียงคนเดียว… ฉันไม่ได้…” เสียงพึมพำปฏิเสธความจริงดังวนซ้ำๆ จนเหมือนแผ่นเสียงตกร่อง

       เรื่องบ้าๆ ทั้งหมดนี่น่ะ พอกันที!

       อินิคาร์เองก็คล้ายอดทนจนถึงขีดจำกัด เธอจึงตบหน้าแม่กลับคืนอย่างไม่สนสายตาใครทั้งนั้น

       ฝ่ามือปะทะแก้มซูบผอมอย่างแรงเพื่อเรียกสติ “ถ้าคนตายมันสำคัญกว่าคนเป็นนักก็เลิกเป็นแม่คนไปเลยเถอะ!”

       อ๊า ให้ตายสิ นี่มันสะใจชะมัด

       เหมือนปลดปล่อยทุกอย่างที่กดทับมาตลอดในครั้งเดียว

       “การทำตามให้ได้ดั่งใจคนอื่นมันไม่ใช่ตัวฉันจริงๆ นั่นแหละ…” อินิคาร์เสยผมสั้นของตัวเองขึ้น ใบหน้างามรับแสงอาทิตย์ยามเย็นจนดูเปล่งประกายเรืองรอง

       รอยยิ้มมุมปากทำให้ผู้สมัครสอบทั้งชายและหญิงในบริเวณนั้นต่างตะลึงจนลมหายใจสะดุด

       อินิคาร์ไม่มีเวลามาสนใจปัญหาของมารดา เพราะสิ่งที่เธอต้องทำหลังจากนี้ยังมีอีกมาก

       ก่อนอื่นก็ตรงกลับคฤหาสน์ของนัฟ…

       เธอคว้ากระโปรงคืนจากแม่ ขึ้นรถม้าเพียงลำพัง และออกคำสั่งสารถีด้วยท่าทีวางมาด “ไป”

       พยางค์เดียวแสนทรงอำนาจดุจนางพญาควบคุมให้คนรับใช้ตระกูลขุนนางรีบทำตามคำสั่ง …และไม่นานเด็กสาวก็มาถึงคฤหาสน์

       “อินิคาร์…” เจ้าบ้านผมบลอนด์ผู้เริ่มปรากฏร่องรอยความชรานั่งอยู่บนเก้าอี้ข้างเตาผิง ดังเช่นวันแรกที่ย่างเท้าเข้ามา

       ทว่าครั้งนี้ไม่ปรากฏเงาของนัฟ

       “โรงเรียนเวทมนตร์แจ้งว่าเธอมีปัญหากับบุตรีตระกูลนอยล์ ทำให้เปิดโปงได้ว่า… เธอเป็นผู้หญิง”

       “คุณหนูนัฟคงจะเสียใจมากสินะครับ” เธอตรงเข้าประเด็นอย่างชาญฉลาด

       สิ่งที่คู่สนทนาใส่ใจมากก็คือบุตรสาว ดังนั้นการสละเวลามานั่งรอเธอเช่นนี้ย่อมทำเพื่อนัฟ เพราะอย่างไรเพศของผู้ติดตามคนหนึ่งก็ไม่มีอะไรสำคัญแม้แต่น้อย กลับกันการที่เธอเป็นผู้หญิงยังวางใจคนเห่อลูกสาวแบบเขาได้มากกว่าเสียอีก

       “นัฟบอกว่าไม่อยากพบหน้าเธออีก…”

       “นายท่าน… ข้อผิดพลาดทั้งหมดผม… ฉันไม่ขอแก้ตัวใดๆ ทั้งสิ้น” อินิคาร์เปลี่ยนสรรพนามของตัวเองระหว่างการพูดคุย “แต่ได้โปรดให้โอกาสฉันได้คลายความกังวลของคุณหนูเถอะค่ะ”

       ดวงตาอันแน่วแน่ประสานมองผู้เป็นเจ้าบ้านอยู่นาน ก่อนชายวัยกลางคนจะพยักหน้าให้อย่างเชื่องช้า

       การอนุญาตเป็นใบเบิกทางให้เธอได้ขึ้นไปชั้นสองและตรงไปเคาะห้องของเด็กสาวจอมเพ้อฝัน

       “ใครน่ะ” เสียงอู้อี้ลอดผ่านประตูออกมา

       “อินิคาร์” เธอตอบอย่างเถรตรงจนลืมใส่หางเสียง

       “…ออกไปนะ ฉันไม่อยากเห็นหน้าเธออีก!”

       “ที่ผ่านมา ฉันคงทำเรื่องแย่ให้คุณหนูไว้มากเลยสินะคะ” เด็กสาวแสร้งตัดพ้ออยู่ด้านหน้า

       เนิ่นนานกว่าจะมีเสียงลอดผ่านออกมาว่า “ไม่… เธอสมบูรณ์แบบมาก อินิคาร์ เป็นน้องชายในฝันเหมือนตัวละครเกมเลย ทั้งน่ารักและคอยเอาใจฉัน… แต่ทั้งหมดมันคือเรื่องโกหก!”

       “แค่เพราะฉันเป็นผู้หญิงเหรอคะ”

       ประโยคล่าสุดทำให้หลังประตูเงียบไปนาน

       อินิคาร์กลั้นใจค่อยๆ ผลักบานไม้เปิด แต่เมื่อเห็นเจ้าตัวมองอยู่โดยไม่ได้ว่าอะไรจึงคล้ายการอนุญาตให้เข้าไปเต็มตัว

       “…เธอหักหลังความเชื่อใจของฉัน” นัฟเอ่ยจากบนเตียง เด็กสาวผมบลอนด์ขดตัวในผ้าห่มอย่างเศร้าสร้อย “ทำไมไม่บอกความจริงแต่แรก”

       “ถ้าฉันบอกความจริง คุณหนูจะไม่ต้องการฉันอีก และนายท่านย่อมขายฉันให้ตระกูลอื่นแทนค่ะ” ผู้ถูกถามลำดับเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นอย่างแน่นอน

       “ท่านพ่อน่ะไม่ทำแบบนั้น…” แม้จะพูดเอง แต่น้ำเสียงของบุตรีขุนนางกลับไม่มั่นใจเลยสักนิด

       “คุณหนูนัฟอยากทิ้งฉันหรือเปล่าคะ” อินิคาร์ก้าวเข้าใกล้นัฟ ยื่นใบหน้าหวานอันคุ้นเคยให้อีกฝ่ายเห็นชัด

       เธอกำลังวางเหยื่อล่อ

       “อ… อินิคาร์” เด็กสาวผงะถอย พวงแก้มขึ้นสีระเรื่อเมื่อเห็นความงามในระยะประชิด “แต่เธอโกหกฉันนะ… ฉันไม่อยากเห็นหน้า…”

       มือเรียวตามกอบกุมอีกฝ่ายเอาไว้ “คุณหนูนัฟ… ไม่ต้องการฉันแล้วเหรอคะ”

       เห็นได้ชัดว่าจุดอ่อนของนัฟคือการแพ้คนหน้าตาดี

       แม้เป้าหมายหลักของอีกฝ่ายคือบุรุษรูปงามและเธอไม่สามารถมอบสิ่งนั้นให้ได้ แต่บางอย่างอาจพอทดแทนไหว

       เด็กสาวผมสั้นส่งสายตาอันเปล่งประกายเว้าวอนให้อีกฝ่ายอย่างต่อเนื่อง “ฉันน่ะ อยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีคุณหนูนะคะ”

       นี่ไม่ใช่ถ้อยคำโกหก…

       ตอนนี้นัฟคือกุญแจในการอยู่รอด จะผู้หญิงหรือผู้ชายก็ไม่สำคัญอีกต่อไปแล้ว ไม่ว่าอะไรหากใช้ได้ก็ต้องใช้ทั้งนั้น

       “อินิคาร์…” นัฟคล้ายสับสนอย่างหนัก ชีพจรบริเวณฝ่ามือเต้นระรัวจนเหมือนจะได้ยินเสียงหัวใจอันหวั่นไหวต่อสตรีด้วยกัน

       ผู้สลัดคราบเด็กหนุ่มออกยกมุมปากเป็นรอยยิ้ม พูดรวบรัดเบ็ดเสร็จว่า “ขอบคุณนะคะ คุณหนู”

       คำขอบคุณคือการเผด็จศึกให้อีกฝ่ายไม่สามารถปฏิเสธได้

       ช่างง่ายดายกว่าที่คิดไว้… พอทุกอย่างลงเอยแบบนี้แล้วทั้งเวลาที่ผ่านมา ทั้งแผลบริเวณสะโพกก็เหมือนเจ็บฟรีโดยไร้ความหมาย

       เธอฝืนใช้อาวุธที่ไม่เหมาะกับตัวเองมาตลอด พยายามขัดเกลาความสามารถให้แหลมคม เปลี่ยนแปลงเพื่อที่จะอยู่รอดในโลกนี้… แต่กลับเพิ่งตระหนักได้ว่าทิ้งอาวุธสำคัญไปอย่างไม่เห็นค่า

       ความงาม ใช่จะไร้ความหมายเสียทีเดียว

       …จะฝืนทิ้งไพ่ของตัวเองไปทำไมถ้าหากเธอสามารถรวบมันทั้งหมดขึ้นมือและเลือกใช้ได้อย่างเหมาะสม

       “ฉันจะรอไปเรียนพร้อมคุณหนูนะคะ” อินิคาร์ฉีกยิ้มหวาน “จะช่วยสานสัมพันธ์คุณหนูนัฟกับเจ้าชายให้ได้!”

       “อ… อืม” เด็กสาวเก็บมือตัวเองไปกุมไว้บริเวณอกซึ่งยังคงเต้นถี่รัวและพึมพำกับตนเอง “ฉัน… ยังต้องการเจ้าชายอยู่… จะต้องหมั้นหมายกับเจ้าชายตามเนื้อเรื่องในเกม… ใช่… ฉันไม่ได้…”

       เด็กสาวผมสั้นก้าวถอยกลับออกมาโดยไม่ได้สนใจเจ้านายของตนเองนัก

       ประตูไม้สีขาวถูกปิดลงอย่างเงียบเชียบ

       ตอนนี้อินิคาร์ต้องตั้งมั่นเอาไว้ จะปล่อยให้หนทางกลับโลกเดิมหลุดมือไม่ได้เด็ดขาด

       ทั้งราชวงศ์ผู้ครองฐานันดรเกือบเทียบเคียงศาสนาเทพธิดา และฮาราฟซึ่งเหมือนรู้เห็นข้อมูลยิ่งกว่านั้น ทุกอย่างคือเครื่องมือและบันไดในการปีนป่ายไปสู่ทางออกเพียงหนึ่งเดียว!

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด