เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此]บทที่ 114 ใครคือน้องเขยของข้า

Now you are reading เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] Chapter บทที่ 114 ใครคือน้องเขยของข้า at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 114 ใครคือน้องเขยของข้า

“ฮื่อ…”

หลิงเฉินที่มีสีหน้าตื่นเต้นมาจนถึงตอนนี้ พลันกลับกลายเป็นเคร่งเครียดจริงจัง เรียบเรียงคำตอบอย่างระมัดระวัง “น่าจะเป็นเพราะว่าข้าเพิ่งมีคนรักนั่นแหละ”

“เฮ้อ ก็ไม่เห็นจะเป็นเรื่องใหญ่อะไรเลยนี่นา…ว่าไงนะ”

หลิงอู๋ตอนแรกคิดว่าเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อย แต่แล้วก็ชะงักกึกสะดุ้งโหยงพูดว่า “จะ จะ จะ…เจ้ามีคนรัก?”

หลิงเฉินตอบกลับทันทีว่า “มิผิด ข้าโตแล้ว ใครจะครองตัวเป็นโสดเหมือนท่านกับพี่ใหญ่เล่า อย่าว่าแต่ได้คบหากับใคร พวกท่านยังไม่เคยจับมือสตรีเลยด้วยซ้ำ จริงไหม?”

หลิงอู๋พูดอะไรไม่ออก

“มันเป็นใคร?”

หลังจากสูดลมหายใจสงบสติอารมณ์เล็กน้อย หลิงอู๋ก็กลับมามีสีหน้าเป็นปกติอีกครั้ง

หลิงเฉินตอบว่า “ท่านก็รู้จักเขา”

“ข้ารู้จักมันด้วยหรือ?”

หลิงอู๋นิ่งคิดอยู่เล็กน้อยว่ามีใครพอจะเป็นไปได้บ้าง

ในสมองของเขานึกถึงบรรดามือกระบี่อัจฉริยะดาวรุ่งประจำเมืองหยุนเมิ่ง

นั่นเป็นเพราะว่าเด็กหนุ่มรู้ดี น้องสาวของเขาเป็นคนหัวสูง ไม่มีทางมองปลาเล็กในคลองน้ำคลำเด็ดขาด ต้องมีแต่ดาวรุ่งอัจฉริยะเท่านั้นถึงดึงดูดความสนใจของนางได้ ดังนั้นหลิงอู๋จึงสอบถามไปว่า “ปาต้าจุย? เป็นไปไม่ได้ เจ้านี่กินเยอะจนอ้วนเป็นหมูแล้ว หลู่เฟิง? หรือว่าหมิงลั่วเถียน? เฮ้ย…เดี๋ยวก่อนนะ”

ทันใดนั้น หลิงอู๋ก็เหมือนกับนึกอะไรขึ้นมาได้ “น้องเล็ก ลืมหรือไงว่าเจ้ามีคู่หมั้นอยู่แล้ว? ยังไม่ทันแต่งงานเจ้าก็คิดจะคบหากับผู้ชายคนอื่นเสียแล้วหรือ? เดี๋ยวก็โดนท่านแม่จับขังในเล้าหมูนำไปถ่วงทะเลหรอก”

หลิงเฉินส่งเสียงขู่ฟ่อ “คู่หมั้นอะไรกัน ข้าไม่มีทางยอมรับเด็ดขาด”

หลิงอู๋ไม่เคยสนใจเรื่องนี้จริงจังมาก่อน

เขาพอจะรับทราบมาหลายปีแล้วว่า อัจฉริยะอันดับ 1 ประจำมณฑลเฟิงอวี่ ซึ่งมีนามว่าเว่ยหมิงเฉิน ไม่เคยสร้างความประทับใจให้แก่น้องสาวของเขาได้เลย ถึงแม้อีกฝ่ายจะมีความสมบูรณ์เพียบพร้อมไม่ว่าจะเป็นคุณงามความดี พื้นหลังวงศ์ตระกูล ระดับพลังฝีมือ และรูปร่างหน้าตาก็หล่อเหลาหาตัวจับยากมากก็ตาม

“ตกลงว่ามันเป็นใครกันแน่?” หลิงอู๋ถามอีกครั้ง

คราวนี้ชินหลันอี้เป็นคนตอบแทนว่า “หลินเป่ยเฉิน”

“หลินเป่ยเฉิน? เขาเป็นอัจฉริยะจากตระกูลไหน? ทำไมข้าไม่เคยได้ยินชื่อเขามาก่อน”

หลิงอู๋ใช้ความคิดนึกทบทวนความทรงจำสักครู่หนึ่ง ก็รู้สึกว่าคับคล้ายคับคลา เมื่อคิดไปคิดมา เด็กหนุ่มก็พลันจำได้แล้วว่าเจ้าของชื่อนี้เป็นผู้ใด จึงต้องถามด้วยความตกตะลึงสุดใจ “หรือว่าจะเป็น…บุตรชายของท่านขุนนางนักรบสวรรค์?”

ชินหลันอี้พยักหน้า “ทีนี้เข้าใจหรือยังว่ามารดาเจ้าจับนางขังเอาไว้ทำไม?”

หลิงอู๋หันไปมองหน้าหลิงเฉิน

เด็กสาวกล่าวโดยไม่มีความหวาดกลัวสักนิดว่า “มิผิด เป็นเขาเอง พี่รองท่านมีอะไรจะพูดหรือเปล่า?”

หลิงอู๋จะพูดอะไรได้อีก?

เขายกนิ้วโป้งทำท่าชื่นชมด้วยความเหลือเชื่อ “น้องเล็ก รสนิยมในการเลือกบุรุษของเจ้าช่างไม่เหมือนผู้ใดเหลือเกิน…ที่เจ้าเลือกจะคบหากับเจ้าเศษขยะนั่น ก็เพราะว่าไม่อยากให้เขาไปเที่ยวหักอกเด็กสาวคนอื่นๆ อีกใช่หรือไม่?”

หลิงเฉินพลันทำหน้าบึ้ง “พี่รอง ท่านจะพูดถึงสุดที่รักของข้าแบบนั้นไม่ได้เด็ดขาด”

หลิงอู๋ถึงกับพูดอะไรไม่ออกอีกครั้ง

หัวใจของเขารู้สึกว่างเปล่า ราวกับว่าได้สูญเสียสิ่งมีค่าไปแล้ว

หลิงอู๋อยากจะลากเจ้าแกะดำมาต่อยให้ตายคาหมัดนัก

“แต่ข้าเคยพบเจอเจ้านั่นมาแล้ว…หลินเป่ยเฉินน่ะ รูปร่างหน้าตาไม่ได้หล่อเหลาไปกว่าคู่หมั้นของเจ้าเลย แต่น่าเสียดายที่ระดับฝีมือห่างชั้นกันลิบลับ…น้องเล็ก เจ้าชอบเขาเพราะเหตุผลใด?”

หลิงเฉินแค่นเสียงดังเฮอะ แล้วกล่าวว่า “ฟังที่ท่านพูดออกมาเถอะ แค่นี้ก็รู้แล้วว่าท่านไม่เคยมีความรัก สมควรครองตัวเป็นโสดก็ถูกต้องแล้ว การจะรักใครสักคนน่ะ มันไม่ต้องใช้เหตุผลหรอก”

“อะเฮื้อก!”

หลิงอู๋รู้สึกเหมือนหัวใจถูกคมมีดกรีดแทงจนมีเลือดไหลออกซิบๆ

“พี่รอง เรายังคุยกันไม่จบ ปล่อยข้าออกไปเดี๋ยวนี้” หลิงเฉินพูดพลางตบประตูเสียงดังปึงปัง “คืนนี้เป็นคืนประลองกระบี่ที่จะมีขึ้นทุกๆ 3 ปี มันจัดขึ้นที่หลังสวนดอกไม้ของจวนผู้ว่านี่เอง หลินเป่ยเฉินก็มาร่วมงานด้วยเช่นกัน ข้าอยากไปรับชมการประลอง หากข้าพลาดงานนี้ไป จะเรียกตัวเองว่าเป็นมือกระบี่อัจฉริยะประจำเมืองได้อีกหรือ?”

หลิงอู๋พยักหน้าอย่างใช้ความคิด “จริงด้วยสินะ”

หลังจากนั้น เด็กหนุ่มก็หันมามองหน้าชินหลันอี้ “ท่านป้าขอรับ ปล่อยน้องเล็กออกมาเถอะขอรับ เดี๋ยวข้าน้อยจะจัดการเอง ข้าน้อยจะจับตามองนางทุกฝีก้าว ถ้าเกิดอะไรขึ้น ข้าน้อยจะเป็นคนบอกท่านแม่เอง”

ชินหลันอี้ลังเลอยู่เล็กน้อย แต่สุดท้ายก็ยอมตกลง

หลิงอู๋ไม่เหมือนหลิงเฉินที่ชอบสร้างปัญหาไม่รู้จบ เขาถือเป็นอัจฉริยะประจำตระกูลหลิงที่แท้จริง จึงไม่เป็นการเกินเลยแต่อย่างใด หากจะอธิบายบุคลิกของเด็กหนุ่มด้วย 2 คำ คงได้เป็น ‘มีความรับผิดชอบ’ และเต็มเปี่ยมไปด้วย ‘ความกล้าหาญ’ แล้ว

บัดนี้ เด็กหนุ่มพูดคุยกับหลิงเฉินด้วยหน้าตายิ้มแย้มก็จริง แต่มันก็เป็นพฤติกรรมที่เขาทำกับน้องสาวสุดที่รักเท่านั้น และแทบไม่เคยมีคนนอกตระกูลหลิงเคยพบเห็นเด็กหนุ่มในลักษณะนี้มาก่อนเลย

สำหรับกับสายตาคนอื่นแล้ว หลิงอู๋เป็นเด็กหนุ่มผู้เก่งกาจ มีความเยือกเย็นสุขุม เป็นนายทหารที่น่าเกรงขาม

“ขอบคุณพี่รองมากแล้ว”

เมื่อประตูถูกเปิดออก หลิงเฉินก็วิ่งเข้าไปสวมกอดหลิงอู๋พลางกล่าว “พวกเราไปกันเถอะ ข้าจะพาท่านไปที่งานประลองเอง”

หลิงอู๋ฉีกยิ้มแล้วส่ายหน้า “เจ้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าปลอมตัวก่อนเถอะ ไม่งั้นเกิดท่านพ่อท่านแม่จับได้ ข้าเกรงว่าเจ้าจะต้องโดนจับขังอีกแน่ๆ เมื่อถึงตอนนั้น ข้าก็ช่วยเจ้าไม่ได้อีกแล้ว”

หลิงเฉินแลบลิ้นแผล่บ “พี่รองพูดถูกแล้ว”

ในไม่ช้า เด็กสาวก็เปลี่ยนเสื้อผ้าปลอมตัวเป็นบุรุษ นางเดินเข้างานประลองที่ด้านหลังสวนดอกไม้พร้อมกับหลิงอู๋ ซึ่งก็ปลอมตัวเข้างานเช่นกัน

ทั้งสองคนเลือกที่นั่งเป็นโต๊ะที่ห่างไกลผู้คนโต๊ะหนึ่ง

“มีคนเยอะเหมือนกันนะนี่”

หลิงอู๋กวาดสายตามองรอบตัว แล้วก็จดจำเฉาพั่วเถียน ตงฟางจัน เสว่เหยียน และคนอื่นๆ ได้ในทันใด

ด้วยฐานะนายกองของหน่วยทหารหลงเซียง ซึ่งเป็นหน่วยลาดตระเวนอันดับหนึ่งประจำพื้นที่ภาคเหนือของจักรวรรดิเป่ยไห่ หลิงอู๋นอกจากจะมีชื่อเสียงว่าเป็นอัจฉริยะประจำมณฑลเฟิงอวี่แล้ว เขาก็ยังมีชื่อเสียงโด่งดังไม่แพ้คนจากหน่วยมังกรดำ ซึ่งเป็นหน่วยงานสายลับของจักรวรรดิจี้กวงผู้เป็นศัตรูอีกด้วย

“ว่าแต่ว่าหลินเป่ยเฉินอยู่ไหนนะ?”

เด็กหนุ่มกวาดสายตามองรอบตัว

“เขาอยู่นั่น”

เพียงกวาดสายตามองรอบเดียว หลิงเฉินก็เห็นแล้วว่าหลินเป่ยเฉินอยู่ที่ไหน นางชี้มือบอกพี่ชายไปในทิศทางไกลตา

หลิงอู๋มองตามนิ้วมือของน้องสาวไปก็ได้พบว่า…

หลินเป่ยเฉินกำลังฟุบหน้าหลับอยู่กับโต๊ะอาหาร

หลิงอู๋หันขวับกลับมามองหน้าน้องสาวโดยทันที จึงเห็นว่าดวงตาของหลิงเฉินเป็นประกายแวววาว ทำให้หัวใจของเด็กหนุ่มกระตุกวูบอีกครั้ง

“น้องข้าเอาจริงหรือนี่?”

แต่ในเวลาเดียวกันนั้นเอง…

“เอาละ หมดเวลาแล้ว” เฒ่าทะเลส่งเสียงขึ้น

ขณะนี้ ก้านธูปที่ถูกจุดขึ้นได้มอดดับลงแล้ว

มือกระบี่ดาวรุ่งทั้งหญิงทั้งชายนำคัมภีร์กระบี่สายน้ำไหลวางกลับคืนที่เดิม

ไป๋ชินหยุนลุกขึ้นยืนหยิบเหยือกเครื่องดื่มเทราดลงไปที่ศีรษะของหลินเป่ยเฉิน ทำให้เด็กหนุ่มสะดุ้งโหยง เงยหน้าขึ้นมาถามด้วยความงัวเงียว่า “ฮื่อ ฝนตกหรือ?”

“ฝนตกมารดาท่านเถอะ!” ไป๋ชินหยุนพูดด้วยน้ำเสียงแง่งอน “หมดเวลาแล้ว ท่านมีปัญหาแน่ คราวนี้คงไม่มีใครช่วยท่านได้อีก”

หลินเป่ยเฉินเหยียดแขนบิดขี้เกียจ ก่อนจะลุกขึ้นยืน กล่าวว่า “เร็วจังเลยแฮะ เมื่อสักครู่ ข้ากำลังฝันว่าตนเองได้แต่งงาน แล้วก็กำลังจะได้…”

กลุ่มมือกระบี่ดาวรุ่งเดินไปยืนรวมตัวกันที่กลางสนามหญ้ากันหมดแล้ว

ในความมืด หลิงอู๋อดอุทานออกมาไม่ได้ว่า “หลินเป่ยเฉินดูจะเปลี่ยนแปลงไปเยอะทีเดียวนะ?”

เขาเคยพบเจ้าแกะดำเมื่อปีที่แล้ว ตอนนั้นอีกฝ่ายยังเป็นเด็กหนุ่มเสเพล ร่างกายผอมแห้ง ระดับพลังต่ำต้อย แต่หลินเป่ยเฉินคนที่ยืนอยู่ต่อหน้าเขาในตอนนี้ มีระดับพลังแข็งแกร่ง ร่างกายกำยำสมส่วน หน้าตามีความมั่นใจในตนเอง ล้วนเป็นสง่าราศีที่อัจฉริยะคนหนึ่งพึงมี

แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือหลินเป่ยเฉินช่างหล่อเหลาเหลือเกิน

ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมน้องเล็กของเขาถึงได้ตกหลุมรักเด็กหนุ่มคนนี้

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด