เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] บทที่ 726 ท่านจะยินดีสละชีวิตหรือไม่

Now you are reading เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] Chapter บทที่ 726 ท่านจะยินดีสละชีวิตหรือไม่ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

พลัน หลินเป่ยเฉินใบหน้าบิดเบี้ยวด้วยความโกรธแค้น

“ท่านมันชั่วร้ายเกินไปแล้ว”

เขากัดฟันกรอด

“หลินเป่ยเฉิน ที่ผ่านมาก็ถือว่าข้าให้เวลาเจ้าพอสมควรแล้วนะ”

เหลียงหยวนเตายกมือปาดคราบไขมันบนใบหน้า พร้อมกับหัวเราะในลำคอ “เจ้าคือคนแรกในรอบ 15 ปีที่สามารถเจรจาต่อรองกับข้าได้ และเจ้าเป็นคนแรกที่ข้าต้องอดทนถึงขนาดนี้ รู้หรือไม่ว่าเพราะอะไร?”

หลินเป่ยเฉินตอบกลับไปเสียงห้วนสั้น “เพราะว่าข้าหล่อเท่”

ชั้นไขมันบนใบหน้าของเหลียงหยวนเตาไหวกระเพื่อม

ช่างเป็นคำตอบที่ชวนหงุดหงิดใจเหลือเกิน

ชายอ้วนเช็ดคราบไขมันบนริมฝีปากและกล่าว “เพราะเจ้าเป็นคนแรกที่กล้าต่อรองกับข้า ข้าขอถามเจ้า บุตรชายของข้าก็อยู่ในค่ายที่พักของเจ้าด้วย ใช่หรือไม่?”

หลินเป่ยเฉินเลิกคิ้วขึ้นสูง “ท่านรู้ได้อย่างไร?”

เด็กหนุ่มยอมรับโดยไม่ปิดบัง

เหลียงหยวนเตายิ้มออกมาด้วยความพอใจในความจริงใจของหลินเป่ยเฉิน “ภายในเมืองนี้ ไม่มีสิ่งใดสามารถรอดพ้นหูตาของข้าไปได้… ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนอยู่ภายใต้การควบคุมของข้า”

หลินเป่ยเฉินแสดงสีหน้าตื่นตระหนกออกมาเล็กน้อย “นี่ท่านกำลังบอกว่าในหมู่บ้านผู้อพยพ มีสายลับของท่านแฝงตัวอยู่หรือ?”

เหลียงหยวนเตายกมือนวดใบหน้าตัวเองและกล่าวว่า “ผู้คนในมณฑลเฟิงอวี่ ล้วนเป็นผู้คนของข้า ไม่ว่าข้าอยากรู้สิ่งใด พวกเขาก็แค่บอกมาเท่านั้น แล้วจะเรียกว่าเป็นสายลับได้อย่างไร?”

หลินเป่ยเฉินมีสีหน้าทั้งประหลาดใจและหวาดกลัวในเวลาเดียวกัน

“เท่าที่ผ่านมาถือว่าข้าให้โอกาสเจ้ามากพอแล้ว”

เหลียงหยวนเตาพูดเสียงเรียบ “ไม่ว่าจะเป็นสถานศึกษาของเจ้า หมู่บ้านของเจ้า ทุกสิ่งทุกอย่างที่เจ้าสร้างขึ้นมาอย่างสวยงามและยิ่งใหญ่อลังการ แต่หากข้าออกคำสั่งเพียงคำเดียว พวกมันก็จะถูกเผาไหม้กลายเป็นเถ้าถ่านไปทันที เจ้าเชื่อหรือไม่?”

กล้ามเนื้อบนใบหน้าของหลินเป่ยเฉินกระตุกอย่างควบคุมไม่ได้

แต่เด็กหนุ่มหยิ่งทะนงในศักดิ์ศรีและดื้อรั้นมากเกินไปที่จะยอมรับความพ่ายแพ้

เหลียงหยวนเตายิ้มออกมาด้วยความพึงพอใจมากกว่าเดิม

ทุกอย่างอยู่ภายใต้การควบคุมของเขา

ที่เขาเรียกหลินเป่ยเฉินมาพบในวันนี้ ก็เพื่ออยากจะสร้างแรงกดดันสักหน่อย

เหลียงหยวนเตาอยากจะเห็นสีหน้าตื่นตระหนกของหลินเป่ยเฉิน

สีหน้าเช่นนี้ของเด็กหนุ่ม ทำให้ชายอ้วนอารมณ์ดี

เขากล่าวต่อไป

“มีอีกเรื่องหนึ่งที่ข้าคิดว่ามันน่าสนใจดีเช่นกัน”

“เหตุผลที่ข้ายินดีมาร่วมงานเปิดสถานศึกษาของเจ้าในวันนี้ นอกจากอยากมาเห็นว่าเจ้าจะลงมือสังหารเกาเฉิงฮั่นกลางพิธีหรือไม่ อีกเหตุผลหนึ่งก็คือ ข้าอยากจะรู้ว่าค่ายที่พักที่เจ้าสร้างขึ้นมานั้นมีความมหัศจรรย์มากแค่ไหน”

“ใช่แล้ว มันไม่ได้ทำให้ข้าผิดหวังเลย”

“เหตุผลที่ข้ามาในวันนี้ ก็เพราะอยากจะเห็นด้วยตาของตนเองว่า เจ้าสามารถสร้างสิ่งมหัศจรรย์ได้มากมายเพียงใด”

พูดมาถึงตรงนี้ ชายอ้วนก็ยกถ้วยบรรจุของเหลวสีแดงขึ้นดื่มจนหมด ก่อนกล่าวต่อ “แต่สิ่งที่ข้าสนใจมากที่สุดก็คือยาลูกกลอนที่เรียกว่าโอสถเป่ยเฉิน วัสดุสำหรับการก่อสร้างที่เรียกว่าดินดำเป่ยเฉิน เคล็ดวิชาสำหรับเร่งการเจริญเติบโตของพืชพันธุ์ รวมถึงวิชาประจำตัวของเจ้าอย่างวิชาฝ่ามือลำแสงพิฆาต และวิชากระบี่เขย่าโลกาหัตถาครองพิภพ…”

“เดี๋ยวก่อนนะ”

หลินเป่ยเฉินกล่าวแทรกขึ้น “ท่านหมายความว่าอย่างไร?”

เหลียงหยวนเตาพูด “ข้าหมายความว่าเจ้าต้องส่งมอบสิ่งของเหล่านั้นมาให้ข้าทั้งหมด มิฉะนั้นแล้ว… ครั้งหน้าเยว่หงเซียงคงไม่สามารถหนีรอดหม้อต้มน้ำซุปของข้าได้อีกต่อไป”

หลินเป่ยเฉินหรี่ตาลง

ครั้งนี้เขาโกรธจริงๆ ไม่ใช่การแสดง

แต่เด็กหนุ่มก็ต้องพยายามสะกดกลั้นอารมณ์

เขาสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่าเหลียงหยวนเตาเปิดเผยเจตนาที่แท้จริงของตนเองออกมาแล้ว สังเกตได้จากดวงตาที่เหมือนลูกปัดกลมๆ คู่นั้น มันเต็มไปด้วยความหิวกระหายอย่างชัดเจน

ถึงไม่ต้องบอกก็รู้แล้วว่าชายอ้วนคิดอะไรอยู่

แต่กล้าพูดถึงเยว่หงเซียงอีกได้อย่างไร?

“ไม่มีปัญหา”

หลินเป่ยเฉินพยักหน้าอย่างว่าง่าย “ข้าจะส่งมอบของทุกอย่างให้แก่ท่าน”

“ตัดสินใจได้ประเสริฐ”

พลังกดดันแผ่กระจายออกมาจากร่างกายของเหลียงหยวนเตาอย่างช้าๆ

หลินเป่ยเฉินกัดฟันกรอด พูดว่า “อีกสามวัน ข้าจะส่งมอบหัวของเกาเฉิงฮั่นพร้อมด้วยของทุกอย่างที่ท่านต้องการ”

เหลียงหยวนเตาหัวเราะในลำคอ “ถ้าอย่างนั้นก็ดีเยี่ยม”

หลินเป่ยเฉินรับคำด้วยการส่งเสียงคำรามในลำคอ ก่อนจะเปิดประตูห้องโดยสารและกระโดดออกไปทั้งๆ ที่รถม้ายังวิ่งอยู่บนถนน

รถม้าที่หรูหราซึ่งถูกฉุดลากด้วยเสือสายฟ้าสี่หัววิ่งตรงไปยังพื้นที่เมืองเขตสี่ต่อไป

“นายท่านขอรับ เด็กน้อยผู้นี้ไม่จริงใจ”

ขันทีเฒ่าอดกล่าวขึ้นมาไม่ได้

เหลียงหยวนเตาเอนกายลงบนเตียงขนาดใหญ่ในห้องโดยสาร “หากเจ้ากำลังจะเล่นกับไฟ ก็ต้องเตรียมตัวเตรียมใจที่จะถูกไฟลวกเอาไว้ให้ดี อีกสามวันต่อจากนี้ เขากำลังจะได้เข้าใจว่าผู้ที่คิดมีเล่ห์เหลี่ยมกับข้านั้นต้องประสบพบเจอเคราะห์กรรมอย่างไรบ้าง”

“นายท่านช่างมีวิสัยทัศน์กว้างไกล”

ขันทีเฒ่าก้มหัวลงด้วยความเคารพยกย่อง

เหลียงหยวนเตาออกคำสั่งทันทีว่า “ข้ากลับไปถึงที่พักเมื่อไหร่ สั่งให้พวกเราจับตัวไต้จือฉุนโยนลงหม้อต้มได้เลย”

รอยยิ้มหายไปจากใบหน้าของขันทีเฒ่าทันที

ก็ไหนท่านสัญญาว่าจะมอบตัวนักโทษผู้นี้คืนกลับไปให้หลินเป่ยเฉินไม่ใช่หรือ?

“ผู้ที่กล้าเจรจาต่อรองกับข้า มีราคาที่ต้องจ่ายเสมอ”

เหลียงหยวนเตาพูดออกมาอย่างสบายใจ

เมื่อหลับตาลงก็เห็นแต่ลำแสงประทานพรทั้งสี่สายในวันนี้

และมันก็ทำให้ชายอ้วนตื่นเต้นยิ่งนัก

เมื่อหลินเป่ยเฉินกลับมาถึงประตูสถานศึกษา ก็พบว่าเกาเฉิงฮั่นกำลังยืนรอคอยตนเองอยู่แล้ว

“เจ้าเมืองเหลียงผู้นี้เจ้าอารมณ์และใจคออำมหิต เจ้าอย่าไปข้องเกี่ยวกับเขาให้มากเกินไปเลยจะดีกว่า มิฉะนั้น เขาอาจจะทำให้เจ้าต้องพบเจอเรื่องเดือดร้อนก็เป็นได้” เกาเฉิงฮั่นกล่าวเตือนด้วยความจริงใจ

หลินเป่ยเฉินพยักหน้ารับคำ “ข้าไม่อยากเกี่ยวข้องกับเขาอยู่แล้วขอรับ แต่เมื่อสายลมแรงกรรโชกมา ต้นไม้ก็ต้องไหวเอนไปตามแรงลมบ้างเป็นธรรมดา”

เกาเฉิงฮั่นยกมือตบไหล่เด็กหนุ่มเบาๆ “หากภายหลังมีเรื่องเดือดร้อนอันใด เจ้าสามารถมาขอความช่วยเหลือจากข้าได้เสมอ”

แม่ทัพผู้มีพลังระดับเซียนผู้นี้ เป็นผู้ที่กุมอำนาจเหนือกองทัพของนครเจาฮุย ดังนั้น การที่เขาแสดงตัวยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือหลินเป่ยเฉิน จึงถือเป็นประโยชน์ของเด็กหนุ่มอย่างยิ่ง

แต่ที่เกาเฉิงฮั่นทำเช่นนี้ย่อมมีเหตุผล

นอกจากเรื่องที่ว่าหลินเป่ยเฉินสามารถเปลี่ยนแปลงให้พื้นที่เขตสองมีความมั่นคงในการดำรงชีวิตอย่างน่าเหลือเชื่อแล้ว สิ่งสำคัญที่สุดก็คือหน่วยทหารคนงานขุดเหมืองของเขานั้น ทำหน้าที่ป้องกันกำแพงเมืองได้อย่างดีเยี่ยม และบัดนี้ เหล่าทหารกองหนุนก็แทบจะกลายเป็นผู้นำของนายทหารประจำเมืองไปแล้ว

ไม่ว่าเกิดวิกฤตการณ์ครั้งใด ขอเพียงสลับสับเปลี่ยนให้แม่ทัพเฉียนเหมยออกไปรับมือศัตรูเท่านั้น กองทัพของพวกชาวทะเลก็จะถูกตีแตกกระจายล่าถอยกลับไปเสมอ

ยิ่งประเมินขุมกำลังของหน่วยทหารคนงานขุดเหมืองและผู้คนในค่ายที่พักของชาวเมืองหยุนเมิ่งมากเท่าไหร่ เกาเฉิงฮั่นก็ยิ่งตกตะลึงมากเท่านั้น

เป้าหมายสูงสุดของเกาเฉิงฮั่นคือการดึงหลินเป่ยเฉินมาเข้าร่วมกองทัพให้ได้ ถ้าสามารถทำได้สำเร็จ เด็กหนุ่มก็จะกลายเป็นนายทหารผู้ช่วยคนสำคัญของเขาไปทันที

แต่การจะทำให้องค์จักรพรรดิยอมรับในตัวบุตรชายของอดีตกบฏแผ่นดินได้อย่างไร นั่นคือปัญหาใหญ่ที่เกาเฉิงฮั่นยังแก้ไม่ตกสักที

แต่การปรากฏตัวของเหลียงหยวนเตาครั้งนี้คือโอกาสอันดีงาม

เกาเฉิงฮั่นรู้ดีว่าเหลียงหยวนเตาเป็นใคร

อีกไม่นาน เจ้าเมืองร่างอ้วนก็จะต้องโจมตีเด็กหนุ่มคนนี้แน่นอน

ตราบใดที่เขาต้องดูแลตัวเองเพียงลำพัง หลินเป่ยเฉินก็มีโอกาสพลาดท่าเสียทีให้แก่เหลียงหยวนเตาได้ตลอดเวลา

นี่จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้ผู้มีพลังระดับเซียนอย่างเกาเฉิงฮั่นยอมอดทนยืนรอหลินเป่ยเฉินอยู่หน้าสถานศึกษานานสองนานขนาดนี้

“ขอบคุณพี่ใหญ่เกามากขอรับ บุญคุณครั้งนี้ ข้าน้อยจะไม่มีวันลืมเลือน”

หลินเป่ยเฉินรู้สึกอบอุ่นในหัวใจเป็นอย่างยิ่งเมื่อได้ยินคำพูดของเกาเฉิงฮั่น

ถึงเกาเฉิงฮั่นกับเหลียงหยวนเตาจะเข้าหาเขาเพราะมีเหตุผลแอบแฝงทั้งคู่ แต่อย่างน้อย เกาเฉิงฮั่นก็มีความจริงใจมากกว่า

หลังจากนั้น หลินเป่ยเฉินก็ถามออกไปด้วยน้ำเสียงตื้นตันใจว่า “พี่ใหญ่เกาขอรับ หากต้องสละชีวิตเพื่อปกป้องจักรวรรดิเป่ยไห่และบัลลังก์ขององค์จักรพรรดิ ท่านจะยินดีทำหรือไม่?”

เกาเฉิงฮั่นหยุดชะงักเมื่อได้ยินคำถามนี้

เขานิ่งเงียบไปอึดใจใหญ่ สุดท้ายก็ให้คำตอบ “ข้ากระโดดลงมาอยู่ในเรือลำนี้แล้ว หากเรือล่ม ข้าก็คงต้องล่มไปพร้อมกับมัน”

หลินเป่ยเฉินถามต่อ “หมายความว่าท่านยินดีสละชีวิตของตนเองใช่ไหม?”

เกาเฉิงฮั่นพยักหน้า

หลินเป่ยเฉินระเบิดเสียงหัวเราะฮ่าฮ่า ก่อนกล่าว “พี่ใหญ่เกาสมแล้วที่เป็นนักสู้ผู้กล้า ข้าขอยอมรับจากใจจริง แต่ข้ามีอะไรบางอย่างอยากกราบเรียนให้ท่านทราบ ได้โปรดตามข้าเข้าไปในค่ายที่พักก่อนขอรับ แล้วข้าจะเล่าทุกอย่างให้ท่านฟังเอง”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด