สุดยอดเซนต์ตัวปลอมแห่งยุค 10 ภาพนั้น
วันนี้มีอะไรสักอย่างที่ทำให้รู้สึกแปลกๆ
ชั้นเรียนพิเศษสำหรับนักเรียนที่มีผลการเรียนไม่ดี…เวอร์เนลโดนบอกแบบนั้นและถูกสั่งให้มายังชั้นใต้ดินของโรงเรียน
น่าเสียดาย มันเป็นความจริงที่ว่าเขามีผลการเรียนที่ไม่ดีเลย
ตั้งแต่เข้าเรียนมา เวอร์เนลก็เอาแต่ทุ่มเทกับการฝึกฝนร่างกาย ทำให้ความรู้ทางทฤษฎีของเขานั้นต่ำมาก
นอกจากตัวเขาแล้ว เอเทอร์น่าและคนอื่นๆที่เขาเพิ่งจะเคยเจออีก 5 คนก็ถูกเรียกมาที่นี่ด้วยเหตุผลเดียวกัน
เอเทอร์น่านั้นไม่ถนัดในด้านทฤษฎีจนน่าตกใจ
ตั้งแต่แรก เธอไม่เคยแม้กระทั่งจะได้เรียนอ่านเขียนจนไม่นานมานี้…ถือว่าเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ เพราะว่าเธอเกิดในหมู่บ้านยากจนที่ความรู้เหล่านี้ไม่จำเป็นในการทำงาน
โอกาสทางการศึกษาในโลกนี้นั้นมีไม่มากนัก
คนที่จะมีโอกาสได้เรียนก็มีแต่ขุนนางหรือพวกที่ร่ำรวย พวกชาวนาไม่เห็นความจำเป็นในการเรียนเสียด้วยซ้ำ
ตัวเอเทอร์น่าเองไม่เคยแม้แต่จะเห็นตัวอักษรจนกระทั่งมาที่นี่
เอาจริงๆแล้ว การที่เธอสามารถเรียนการอ่านและเขียนได้ในเวลาสั้นๆแบบนี้ เป็นหลักฐานที่แสดงให้เห็นว่าเธอนั้นมีสติปัญญาสูงแค่ไหน
แต่ก็อย่างที่คาด เวลาเท่านั้นไม่เพียงพอที่จะทำให้เธอได้ความรู้มากพอที่จะสอบผ่านได้ เป็นเหตุผลให้คะแนนทฤษฎีของเธอต่ำกว่าเกณฑ์
คนอื่นๆที่อยู่ที่นี่ก็คงมีเหตุผลที่คล้ายๆกัน
ไม่มีใครเลยที่มีชื่อตระกูล แสดงให้เห็นว่าคนเหล่านี้ไม่ได้มาจากตระฏุลขุนนางเช่นเดียวกับเวอร์เนล
ในสถานฝึกฝนอัศวินเวทมนตร์แห่งนี้ พวกที่มาจากตระกูลขุนนางก็จะได้เปรียบมาตั้งแต่ต้น…พูดๆไป ที่นี่ไม่ได้หวังว่าจะมีเด็กจากหมู่บ้านยากจนมาสมัครเรียนตั้งแต่แรกอยู่แล้ว
ก็ไม่ใช่ว่าไม่มีชาวบ้านธรรมดาที่ฝันอยากจะเป็นอัศวิน แต่ส่วนใหญ่แล้วคนพวกนั้นจะไม่สามารถผ่านการสอบเข้ามาได้
เพราะว่าคู่แข่งของพวกเขาคือเด็กจากตระกูลขุนนางที่ได้รับการสอนและเลี้ยงดูอย่างดีมาตั้งแต่เกิด เรียกได้ว่าต่างกันตั้งแต่รากเหง้าแล้ว
ในความจริงแล้ว การที่เวอร์เนลและคนอื่นๆที่นี่สามารถผ่านการสอบเข้ามาได้ก็เป็นการบ่งบอกถึงพรสวรรค์ของพวกเขาได้แล้ว ถึงแม้จะยังไม่เพียงพอที่จะลดความห่างชั้นได้
การที่มีชั้นเรียนพิเศษมาช่วยติวเข้มพวกเขานั้นเป็นเรื่องที่น่าขอบคุณ
ถ้าเวอร์เนลเลือกได้ เขาก็อยากจะเอาเวลาไปฝึกวิชาดาบ ฝึกกล้ามเนื้อ หรือฝึกเวทมนตร์เสียมากกว่า แต่ในเมื่อมีโอกาสแล้ว เขาจึงถูกเอเทอร์น่าลากมาที่นี่ด้วย
แต่เขาก็ยังรู้สึกว่ามีอะไรแปลกๆ
เขาได้ยินมาว่าชั้นเรียนนี้จะเป็นการติวเข้มด้านทฤษฎี
แต่ทำไมถึงได้เรียกมารวมตัวกันที่ชั้นใต้ดินล่ะเขาได้ยินมาว่าสถานที่แห่งนี้มีไว้เพื่อให้นักเรียนชั้นหัวกะทิได้ลองต่อสู้กับปีศาจชั้นสูงโดยมีชีวิตเป็นเดิมพัน
ทำไมถึงพามาที่นี่ ทั้งที่มีแค่นักเรียนใหม่อยู่เจ็ดคน?
มีอะไรบางอย่างผิดปกติ ทุกคนก็คิดแบบนั้น…แต่ชั่วเวลาที่พวกเขาเข้ามาถึงที่นี่ มันก็สายเกินไปแล้ว
“ยินดีต้อนรับสู่ชั้นเรียนพิเศษ คงต้องขอให้พวกเธอทุกคนเงียบลงเดี๋ยวนี้เลย”
ผู้ฝึกสอนที่เดินเข้ามาเป็นอาจารย์ผู้หญิง…ฟาร่าพูดเช่นนี้เป็นการต้อนรับพวกเขา ก่อนที่เธอจะดีดนิ้ว
ประตูถูกปิดลงในทันที จากนั้นปีศาจชั้นสูงจำนวนมากก็ปรากฏออกมาจากทุกทิศทาง
“เซะ-เซนเซย์! ทำอะไรน่ะครับ?!”
หนึ่งในนักเรียนตะโกนขึ้น
ชื่อของเขาคือ จอห์น
เขาเป็นทหารเกณฑ์จากหมู่บ้านเล็กๆแห่งหนึ่ง วันหนึ่งจู่ๆกองกำลังปีศาจจำนวนมากก็เข้าโจมตีหมู่บ้านของเขา ในเวลาที่เขากำลังสิ้นหวังนั้น เซนต์ก็ได้มาถึงเพื่อช่วยเหลือทุกคน
ตั้งแต่นั้นมาเขาก็ทุ่มเทตนเองอย่างหนัก หวังว่าวันหนึ่งจะกลายเป็นพลังให้เธอได้ ในที่สุดเขาก็สอบผ่านเข้าโรงเรียนมาได้ด้วยอายุ 20 ปี
ถึงแม้โรงเรียนนี้จะมีเกณฑ์รับสมัครอายุขั้นต่ำอยู่ที่ 17 ปี แต่ก็ไม่มีข้อจำกัดอายุเกิน
พวกที่อายุมากกว่า 20 ปีจะมาสมัครเข้าเรียนจึงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร
“ถ้าจำไม่ผิด…เจ้าชื่อจอห์นสินะ ต้องขอโทษด้วย จริงๆแล้วตัวเจ้าจะมาหรือไม่มานั้นก็ไม่ได้แตกต่างกันเลย แต่จะให้เรียกนักเรียนมาแค่คนเดียวก็ดูจะแปลกเกินไป…เพราะเช่นนั้นข้าจึงเรียกนักเรียนที่มีผลการเรียนต่ำกว่าเกณฑ์ทุกคนมาที่นี่ ว่ากันตรงๆก็คือ เจ้าแค่โดนลากมาพัวพันด้วยเท่านั้น ขอโทษในเรื่องนั้นด้วย”
“หมายความว่ายังไง…”
“เป้าหมายของข้าคือนักเรียนเพียงคนเดียวเท่านั้น…เวอร์เนล เจ้าคนเดียวก็เพียงพอแล้วในฐานะตัวประกัน”
ฟาร่ามองไปยังเวอร์เนลในขณะที่พูดแบบนั้น
เธอบอกว่าตัวประกัน เวอร์เนลไม่เข้าใจเลยว่าเขาจะเป็นตัวประกันให้กับใครได้
เขาเองก็ใช่จะเป็นขุนนาง ไม่มีใครจะยอมจ่ายเงินเพื่อไถ่ตัวเขาอีกด้วย
“ข้ารู้นะว่าเมื่อวานนี้เซนต์…เอลริสได้ไปหาเจ้าที่ห้องน่ะ ข้าไม่รู้หรอกนะว่าทำไมเซนต์ถึงสนใจในตัวนักเรียนอย่างเจ้า…แต่ดูเหมือนว่าเจ้าจะสามารถดึงดูดความสนใจของเซนต์ได้”
“อย่าบอกนะว่า…”
“ใช่แล้ว เจ้าคือตัวประกันสำหรับเซนต์อย่างไรล่ะ”
เขาได้แต่คิด มันเป็นแบบนี้ได้ยังไง
เอลริสมาเยี่ยมเขาที่ห้องเมื่อวานก็จริง
แต่นั่นเป็นเพียงเพราะว่าเธอนั้นใจดี ไม่ใช่ว่าตัวเขาเป็นคนพิเศษเสียหน่อย
เธอจะปฏิบัติกับทุกคนเท่าเทียมกัน
เขาก็เป็นเพียงหนึ่งในผู้คนจำนวนมากสำหรับเธอ
ในกรณีนั้น สำหรับผู้ชายแบบนี้ ไม่มีทางเลยที่เธอจะ…
…ไม่! ไม่ดีแล้ว! เธอจะต้องมาแน่ๆ! เธอมองว่าทุกคนนั้นมีค่า! มันไม่เกี่ยวเลยว่าตัวประกันจะเป็นใคร ไม่ว่าอย่างไรเธอก็จะมาอย่างแน่นอน!
เธอเป็นเซนต์ที่จิตใจงดงามเช่นนั้น
เป็นที่รู้กันมานานแล้วว่าเธอรักทุกสิ่งทุกอย่าง เธอไม่เคยแบ่งแยกคนรวยหรือจน เธอช่วยเหลือทุกคนที่เธอสามารถยื่นความช่วยเหลือไปหาได้
ถ้าเรื่องตัวประกันนี้ไปถึงหูของเธอล่ะก็…
เธอจะมา…ไม่ว่าตัวประกันคนนั้นจะเป็นใคร แม้จะเป็นคนแปลกหน้าที่ไม่เคยรู้จักมาก่อน เธอก็จะมา
ขอร้องล่ะ…อย่ามา…เห็นแก่ผมเถอะ อย่ามาเลย อย่าเอาตัวเองมาเสี่ยงอันตรายเลย…
คำขอนี้ไม่อาจส่งไปถึงได้
เมื่อมีคนที่เธอสามารถช่วยเหลือได้ และคนเหล่านั้นอยู่ในที่ที่เธอเอื้อมถึงได้
เพราะเช่นนั้นเธอถึงมา เซนต์คนนี้น่ะเป็นแบบนั้น
“พวกนักเรียนปลอดภัยหรือเปล่าคะ?”
ไม่กี่สิบนาทีต่อมา
คำอธิษฐานของเวอร์เเนลนั้นสูญเปล่า เอลริสเดินเข้ามายังชั้นใต้ดินเพียงลำพัง
เธอคงจะถูกบอกว่าให้เข้ามาโดยไม่มีคนคุ้มกัน
พวกเวอร์เนลถูกมัดและบังคับให้นั่งอยู่ที่มุมห้อง ต้องทนดูการสังหารเซนต์อย่างที่ไม่สามารถทำอะไรได้
แน่นอนว่าเขาพยายามต่อต้านแล้ว เขาไม่มีอาวุธติดตัวเพราะนี่ควรจะเป็นคาบทฤษฎี แต่เขาก็ยังสามารถสู้มือเปล่าได้
แต่ปีศาจที่อยู่ที่นี่แข็งแกร่งกว่ามาก ปีศาจเหล่านี้ถูกรวบรวมมาเพื่อฆ่าเซนต์โดยเฉพาะ เป็นไปไม่ได้เลยที่เวอร์เนลผู้ยังเป็นเด็กฝึกหัดจะสามารถเอาชนะได้
“อย่าเข้ามาครับท่านเอลริส! นี่เป็นกับดัก!”
เวอร์เนลตะโกนเสียงดัง
เมื่อได้ยินเสียงนั้น เอลริสหันมาหาเขา…และยิ้มราวกับจะพยายามทำให้เขารู้สึกปลอดภัย
“ไม่คิดจริงๆว่าท่านเซนต์จะ…มาด้วยตัวเองแบบนี้ ท่านนี่แม่พระยิ่งกว่าที่เคยได้ยินมาอีก ไม่สิ โง่เขลายิ่งกว่าที่เคยได้ยิน”
ฟาร่ายิ้มออกมา และเวอร์เนลเองก็คงต้องขอเห็นด้วย
เธอช่างโง่เขลา เอาตัวเองเข้ามาเสี่ยงเพื่อช่วยนักเรียนเพียงเจ็ดคน
กรุณารักตัวเองให้มากกว่านี้หน่อยเถอะครับ
แต่คนที่โง่จริงๆในสถานการณ์แบบนี้ก็คือพวกเขาที่ปล่อยให้ตัวเองถูกจับเป็นตัวประกัน
เมื่อคิดอย่างนั้น ร่างของเขาก็สั่นไปด้วยความสมเพชในตัวเอง
“ชั้นไม่ขอปฏิเสธหรอกค่ะว่าตัวเองเป็นคนโง่ แต่คุณประเมินตัวชั้นสูงเกินไปแล้วที่เรียกว่าเป็นแม่พระ ชั้นเพียงแค่ทำสิ่งที่ชั้นต้องการ ทุกสิ่งก็เพื่อตัวชั้นเองเท่านั้น”
“ฮ่าา…ดูผ่อนคลายจังเลยนะ แต่จะยังทำแบบนั้นได้รึเปล่าหลังจากที่ได้เห็นสิ่งนี้น่ะ!?”
ปีศาจชั้นสูงจำนวนมากถูกเรียกออกมาตามเสียงดีดนิ้วของฟาร่า
ถึงกระนั้น แม้พวกปีศาจจะเขยิบเข้ามาใกล้ เธอก็ไม่แสดงความตระหนกเลยแม้แต่นิดเดียว…ด้วยเหตุผลบางอย่าง สายตาของเธอไม่เคยละออกจากหน้าอกของฟาร่าเลย
อะไร? ที่จุดนั้นมีอะไรอย่างนั้นหรือ?
เมื่อเวอร์เนลคิดได้แบบนั้น เขาก็พยายามหรี่ตาจ้อง…จนเขาสังเกตเห็นหมอกทมิฬตรงช่วงอกของฟาร่า
นั่นมันอะไรน่ะ? อย่าบอกนะว่าเธอเป็นเหมือนกันผม?
เขาไม่รู้ว่าหมอกทมิฬนั้นคืออะไร
แต่ตัวเอลริสเองต้องรู้แน่
แต่นี่ไม่ใช่เวลาแบบนั้น
ถึงแม้เหล่าปีศาจที่ล้อมเอลริสอยู่จะมีขนาดเล็กพอที่จะอยู่ในชั้นใต้ดินนี้ได้ แต่พวกมันก็เป็นปีศาจชั้นสูงที่แข็งแกร่ง
บาโฟเม็ต คิเมร่า บาซิลิสก์ กริฟฟอน หรือแม้กระทั่งมังกร
แต่ละตัวต้องใช้อัศวินเวทมนตร์ที่เรียนจบด้วยคะแนนยอดเยี่ยมจำนวนหลายคนรวมกลุ่มกันเพื่อปราบ
และทุกตัวก็พุ่งเข้าใส่เอลริสพร้อมๆกัน
“A picture is worth a thousand words.”
เอลริสร่ายคำที่เขาไม่เข้าใจ
ทันใดนั้นเอง แสงส่องสว่างออกมาโดยมีตัวเธอเป็นศูนย์กลาง เมื่อแสงนั้นดับลง กลับไม่มีปีศาจตนใดหลงเหลืออยู่เลย
เขาต้องใช้เวลาหลายวินาทีเพื่อทำความเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้น นี่มันเกินกว่าที่เขาจะจินตนาการได้
เธอลบล้างพวกมันทิ้งไป
ถ้าชั้นใต้ดินนี้เป็นเหมือนภาพหนึ่งภาพล่ะก็ ที่เธอทำก็เพียงแค่ลบสิ่งแปลกปลอม(ปีศาจ)เหล่านั้นออกไป
“บะ-บ้า…นี่มันบ้าไปแล้ว! พวกปีศาจที่แม้กระทั่งอัศวินองครักษ์ยังสู้ด้วยลำบาก เจ้ากลับ…ฆ่าพวกมันได้ด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว เป็นไปไม่ได้! ถึงเจ้าจะเป็นเซนต์ก็เถอะ เรื่องอย่างนี้มัน…”
ฟาร่าตกใจถึงขนาดก้าวถอยหลังโดยไม่รู้ตัว
ปีศาจเหล่านั้นไม่ได้อ่อนแอเลย แต่กลับไม่อาจแม้แต่จะเป็นคู่มือให้แก่เซนต์ได้
ปีศาจสกปรกพวกนั้นไม่มีโอกาสแม้แต่จะแตะต้องตัวเธอ นี่คือความจริงที่พวกเขาได้รับรู้
เซนต์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์…เอลริส เวอร์เนลเคยได้ยินตำนานเกี่ยวกับเธอมาหลายครั้งหลายครา
ว่ากันว่า ปีศาจที่เกือบจะปลิดชีวิตเซนต์คนที่แล้วได้ถูกกำจัดก่อนที่จะเข้าถึงตัวเธอ
ว่ากันว่า เธอคนเดียวสามารถทำลายกองทัพปีศาจนับพันตนได้ในเวลาไม่กี่วินาที
ว่ากันว่า…กระทั่งตัวแม่มดเองยังหวาดกลัวที่จะสู้กับเธอซึ่งๆหน้า จึงเอาแต่หนีเรื่อยมา
ข่าวลืออย่างไรก็ยังเป็นแค่ข่าวลือ จะกล่าวเกินจริงไปบ้างก็ไม่ใช่เรื่องน่าตกใจ
แต่สำหรับเธอคนนี้แล้วกลับไม่ใช่ ตรงกันข้ามเสียด้วยซ้ำ…แค่คำพูดไม่อาจอธิบายความยิ่งใหญ่ของเธอได้ทั้งหมด
ภาพที่เห็นตรงหน้านี้มีค่ายิ่งกว่าคำพูดนับพัน
“สะ-สุดยอด…”
“นี่คือ…เซนต์…”
เวอร์เนลและเอเทอร์น่าตื่นตะลึง พูดแบบนี้ออกมาโดยไม่รู้สึกตัว
นั่นเป็นสิ่งเดียวที่พวกเขาทำได้ ไม่มีประโยคใดที่สามารถอธิบายความรู้สึกของพวกเขาในตอนนี้ได้
ถ้าฝืนจะเปลี่ยนมันเห็นเป็นคำพูดล่ะก็ มันจะด้อยค่าที่แท้จริงลงไป
ถ้าเป็นสิ่งที่อยู่ในขอบเขตที่สามารถเข้าใจได้ล่ะก็ คนเราก็ยังสามารถอธิบายประมาณว่า “เกิดแบบนี้ขึ้น” “จากนั้นก็เกิดแบบนั้น” และ “เพราะแบบนี้มันถึงสุดยอด”
ถ้ามันเกินยิ่งกว่านั้น คงจะพูดได้แค่ “ประมาณว่าสุดยอดเลย”หากฝืนจะเปลี่ยนมันให้เป็นคำพูด
“…ฮี๊!”
เอลริสมองไปที่ฟาร่าอย่างเงียบๆ
เมื่อเธอก้าวเดินเข้าหา ฟาร่าก็ก้าวถอยหลังด้วยจังหวะเดียวกัน
ทุกคนที่นี่เข้าใจดีถึงความห่างชั้นระหว่างทั้งสองคน
สิ่งที่เหลือก็เพียงแค่ลงทัณฑ์ฟาร่าและจบเรื่องนี้
“หะ-หึ โชคดีนะที่ข้ามีแผนสำรองเตรียมไว้….”
แต่ฟาร่ายังไม่ยอมแพ้
ทันทีที่เธอดีดนิ้วอีกครั้ง ปีศาจขนาดเล็กที่ซ่อนอยู่ตรงมุมห้องมาตลอดก็ลอบเข้าข้างหลังของเวอร์เนลและเอเทอร์น่า
“อย่างที่เห็นนั่นแหละท่านเซนต์ผู้ใจบุญ ถ้าเจ้าต่อต้านแค่เพียงเล็กน้อยล่ะก็ เด็กพวกนี้ก็จะต้องสิ้นชีพ….ข้าให้คำมั่นเลยว่าจะปล่อยตัวประกันทั้งหมดไปหากเจ้าให้ข้าแทงตัวเจ้า”
เมื่อได้ยินฟาร่าพูดเช่นนั้น เอลริสก็หยุดเดิน
เพียงเท่านั้นก็แสดงให้เห็นว่าแผนการตัวประกันนี้ได้ผล ทำให้ฟาร่าเริ่มใจเย็นลงอีกครั้ง
“เอาล่ะ เจ้าจะทำยังไง?!”
“ไม่ได้นะครับท่านเอลริส! ไม่ต้องห่วงคนอย่างพวกเรา!”
“ใช่ค่ะ! ท่านเท่านั้นที่จะตายไม่ได้เด็ดขาด!”
“กรุณาหยุดเถอะ…ได้โปรดเถอะ! ได้โปรด!”
“หนีไปครับ!”
พวกเวอร์เนลพยายามตะโกนเพื่อกลบเสียงของฟาร่า
เธอจะช่วยผู้คนอีกมากมายในอนาคต
โลกนี้ต้องการเธอในการกำราบแม่มด นำยุคมืดนี้ไปสู่จุดจบ
เธอไม่สมควรเอาชีวิตมาทิ้งเพื่อช่วยเด็กฝึกหัดแค่เจ็ดคน
เธอไม่ใช่คนที่จะมาตายในที่แบบนี้
ถึงเจ็ดคนนี้จะต้องกลายเป็นเครื่องสังเวย เซนต์ก็ต้องคงอยู่ต่อไป
“เข้าใจแล้วค่ะ แทงมีดเล่มนั้นเข้ามาที่ตัวชั้นได้เลย เป็นราคาที่ถูกมากสำหรับชีวิตของพวกเขา”
“ฟุ ฟุฟุฟุ… แปลกใจเลยนะเนี่ย เจ้านี่มันโง่จริงๆ”
แต่เอลริสเลือกที่จะเอาชีวิตตัวเองเข้าแลก
เธอลดมือลง ราวกับทอดทิ้งการป้องกันทุกอย่าง
เมื่อได้เห็นแบบนั้น ฟาร่าก็เดินเข้าหาราวกับมั่นใจในชัยชนะของตนแล้ว
“ไม่!”
เรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้นไม่ได้ เวอร์เนลกรีดร้องอยู่ในใจ
เขาต้องการจะเป็นอัศวินเพื่อปกป้องเธอ
เขาต้องการจะแข็งแกร่งขึ้นเพื่อร่วมสู้เคียงข้างเธอ
แต่เขากลับกลายมาเป็นตัวประกัน นำพาเธอไปสู่ความตาย
เรื่องนี้เท่านั้นที่เขายอมไม่ได้เด็ดขาด
“อย่างแรก…กรุณาสัญญาที่จะปล่อยทุกคนไปหลังจากที่ลงมือแล้วด้วยค่ะ”
“อา ได้สิ ข้าจะทำตามสัญญาอย่างแน่นอน ฆ่านักเรียนที่ไม่เกี่ยวข้องมีแต่จะสร้างร่องรอยแย่ๆเพิ่มอย่างไม่จำเป็น”
“ท่าเช่นนั้นก็ตกลงค่ะ เชิญเลย”
เอลริสผ่อนคลายลงและหยุดที่จะต่อต้าน เธอหลับตาลงรอรับความตาย
ฟาร่าขยับเข้าใกล้ ยกมีดขึ้นเพื่อจะแทงเข้าใส่
“อุโอ๊ววว!!”
เมื่อเอลริสกำลังตกอยู่ในอันตราย เวอร์เนลคำรามขึ้นมาราวกับสัตว์ป่า
กล้ามเนื้อของเขาหดตัว เส้นเลือดปูดโปนออกมา
เขาดึงเชือกที่มัดตัวเขาอยู่จนขาด จากนั้นจึงคว้าตัวปีศาจที่จ่อมีดมาที่เขา
ปีศาจตัวจ้อยตกใจจนลงมือแทง แต่ก็ไม่สามารถทะลุผ่านกล้ามเนื้อที่แข็งแกร่งของเวอร์เนลได้
เวอร์เนลทำลายใบมีดด้วยคอของตัวเอง จากนั้นก็กระทืบพื้นอย่างรุนแรง
แล้วจึงขว้าง! เขาโยนปีศาจตัวเล็กไปยังทิศทางที่ฟาร่ายืนอยู่ โดนหัวของเธอเข้าอย่างจัง
ส่งผลให้ฟาร่าหมดสติและล้มลงไปด้วยตาที่ขาวโพลน
ในสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิดเช่นนี้…กระทั่งเอลริสยังตกใจจนตากลายเป็นวงกลม
Comments
สุดยอดเซนต์ตัวปลอมแห่งยุค 10 ภาพนั้น
วันนี้มีอะไรสักอย่างที่ทำให้รู้สึกแปลกๆ
ชั้นเรียนพิเศษสำหรับนักเรียนที่มีผลการเรียนไม่ดี…เวอร์เนลโดนบอกแบบนั้นและถูกสั่งให้มายังชั้นใต้ดินของโรงเรียน
น่าเสียดาย มันเป็นความจริงที่ว่าเขามีผลการเรียนที่ไม่ดีเลย
ตั้งแต่เข้าเรียนมา เวอร์เนลก็เอาแต่ทุ่มเทกับการฝึกฝนร่างกาย ทำให้ความรู้ทางทฤษฎีของเขานั้นต่ำมาก
นอกจากตัวเขาแล้ว เอเทอร์น่าและคนอื่นๆที่เขาเพิ่งจะเคยเจออีก 5 คนก็ถูกเรียกมาที่นี่ด้วยเหตุผลเดียวกัน
เอเทอร์น่านั้นไม่ถนัดในด้านทฤษฎีจนน่าตกใจ
ตั้งแต่แรก เธอไม่เคยแม้กระทั่งจะได้เรียนอ่านเขียนจนไม่นานมานี้…ถือว่าเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ เพราะว่าเธอเกิดในหมู่บ้านยากจนที่ความรู้เหล่านี้ไม่จำเป็นในการทำงาน
โอกาสทางการศึกษาในโลกนี้นั้นมีไม่มากนัก
คนที่จะมีโอกาสได้เรียนก็มีแต่ขุนนางหรือพวกที่ร่ำรวย พวกชาวนาไม่เห็นความจำเป็นในการเรียนเสียด้วยซ้ำ
ตัวเอเทอร์น่าเองไม่เคยแม้แต่จะเห็นตัวอักษรจนกระทั่งมาที่นี่
เอาจริงๆแล้ว การที่เธอสามารถเรียนการอ่านและเขียนได้ในเวลาสั้นๆแบบนี้ เป็นหลักฐานที่แสดงให้เห็นว่าเธอนั้นมีสติปัญญาสูงแค่ไหน
แต่ก็อย่างที่คาด เวลาเท่านั้นไม่เพียงพอที่จะทำให้เธอได้ความรู้มากพอที่จะสอบผ่านได้ เป็นเหตุผลให้คะแนนทฤษฎีของเธอต่ำกว่าเกณฑ์
คนอื่นๆที่อยู่ที่นี่ก็คงมีเหตุผลที่คล้ายๆกัน
ไม่มีใครเลยที่มีชื่อตระกูล แสดงให้เห็นว่าคนเหล่านี้ไม่ได้มาจากตระฏุลขุนนางเช่นเดียวกับเวอร์เนล
ในสถานฝึกฝนอัศวินเวทมนตร์แห่งนี้ พวกที่มาจากตระกูลขุนนางก็จะได้เปรียบมาตั้งแต่ต้น…พูดๆไป ที่นี่ไม่ได้หวังว่าจะมีเด็กจากหมู่บ้านยากจนมาสมัครเรียนตั้งแต่แรกอยู่แล้ว
ก็ไม่ใช่ว่าไม่มีชาวบ้านธรรมดาที่ฝันอยากจะเป็นอัศวิน แต่ส่วนใหญ่แล้วคนพวกนั้นจะไม่สามารถผ่านการสอบเข้ามาได้
เพราะว่าคู่แข่งของพวกเขาคือเด็กจากตระกูลขุนนางที่ได้รับการสอนและเลี้ยงดูอย่างดีมาตั้งแต่เกิด เรียกได้ว่าต่างกันตั้งแต่รากเหง้าแล้ว
ในความจริงแล้ว การที่เวอร์เนลและคนอื่นๆที่นี่สามารถผ่านการสอบเข้ามาได้ก็เป็นการบ่งบอกถึงพรสวรรค์ของพวกเขาได้แล้ว ถึงแม้จะยังไม่เพียงพอที่จะลดความห่างชั้นได้
การที่มีชั้นเรียนพิเศษมาช่วยติวเข้มพวกเขานั้นเป็นเรื่องที่น่าขอบคุณ
ถ้าเวอร์เนลเลือกได้ เขาก็อยากจะเอาเวลาไปฝึกวิชาดาบ ฝึกกล้ามเนื้อ หรือฝึกเวทมนตร์เสียมากกว่า แต่ในเมื่อมีโอกาสแล้ว เขาจึงถูกเอเทอร์น่าลากมาที่นี่ด้วย
แต่เขาก็ยังรู้สึกว่ามีอะไรแปลกๆ
เขาได้ยินมาว่าชั้นเรียนนี้จะเป็นการติวเข้มด้านทฤษฎี
แต่ทำไมถึงได้เรียกมารวมตัวกันที่ชั้นใต้ดินล่ะเขาได้ยินมาว่าสถานที่แห่งนี้มีไว้เพื่อให้นักเรียนชั้นหัวกะทิได้ลองต่อสู้กับปีศาจชั้นสูงโดยมีชีวิตเป็นเดิมพัน
ทำไมถึงพามาที่นี่ ทั้งที่มีแค่นักเรียนใหม่อยู่เจ็ดคน?
มีอะไรบางอย่างผิดปกติ ทุกคนก็คิดแบบนั้น…แต่ชั่วเวลาที่พวกเขาเข้ามาถึงที่นี่ มันก็สายเกินไปแล้ว
“ยินดีต้อนรับสู่ชั้นเรียนพิเศษ คงต้องขอให้พวกเธอทุกคนเงียบลงเดี๋ยวนี้เลย”
ผู้ฝึกสอนที่เดินเข้ามาเป็นอาจารย์ผู้หญิง…ฟาร่าพูดเช่นนี้เป็นการต้อนรับพวกเขา ก่อนที่เธอจะดีดนิ้ว
ประตูถูกปิดลงในทันที จากนั้นปีศาจชั้นสูงจำนวนมากก็ปรากฏออกมาจากทุกทิศทาง
“เซะ-เซนเซย์! ทำอะไรน่ะครับ?!”
หนึ่งในนักเรียนตะโกนขึ้น
ชื่อของเขาคือ จอห์น
เขาเป็นทหารเกณฑ์จากหมู่บ้านเล็กๆแห่งหนึ่ง วันหนึ่งจู่ๆกองกำลังปีศาจจำนวนมากก็เข้าโจมตีหมู่บ้านของเขา ในเวลาที่เขากำลังสิ้นหวังนั้น เซนต์ก็ได้มาถึงเพื่อช่วยเหลือทุกคน
ตั้งแต่นั้นมาเขาก็ทุ่มเทตนเองอย่างหนัก หวังว่าวันหนึ่งจะกลายเป็นพลังให้เธอได้ ในที่สุดเขาก็สอบผ่านเข้าโรงเรียนมาได้ด้วยอายุ 20 ปี
ถึงแม้โรงเรียนนี้จะมีเกณฑ์รับสมัครอายุขั้นต่ำอยู่ที่ 17 ปี แต่ก็ไม่มีข้อจำกัดอายุเกิน
พวกที่อายุมากกว่า 20 ปีจะมาสมัครเข้าเรียนจึงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร
“ถ้าจำไม่ผิด…เจ้าชื่อจอห์นสินะ ต้องขอโทษด้วย จริงๆแล้วตัวเจ้าจะมาหรือไม่มานั้นก็ไม่ได้แตกต่างกันเลย แต่จะให้เรียกนักเรียนมาแค่คนเดียวก็ดูจะแปลกเกินไป…เพราะเช่นนั้นข้าจึงเรียกนักเรียนที่มีผลการเรียนต่ำกว่าเกณฑ์ทุกคนมาที่นี่ ว่ากันตรงๆก็คือ เจ้าแค่โดนลากมาพัวพันด้วยเท่านั้น ขอโทษในเรื่องนั้นด้วย”
“หมายความว่ายังไง…”
“เป้าหมายของข้าคือนักเรียนเพียงคนเดียวเท่านั้น…เวอร์เนล เจ้าคนเดียวก็เพียงพอแล้วในฐานะตัวประกัน”
ฟาร่ามองไปยังเวอร์เนลในขณะที่พูดแบบนั้น
เธอบอกว่าตัวประกัน เวอร์เนลไม่เข้าใจเลยว่าเขาจะเป็นตัวประกันให้กับใครได้
เขาเองก็ใช่จะเป็นขุนนาง ไม่มีใครจะยอมจ่ายเงินเพื่อไถ่ตัวเขาอีกด้วย
“ข้ารู้นะว่าเมื่อวานนี้เซนต์…เอลริสได้ไปหาเจ้าที่ห้องน่ะ ข้าไม่รู้หรอกนะว่าทำไมเซนต์ถึงสนใจในตัวนักเรียนอย่างเจ้า…แต่ดูเหมือนว่าเจ้าจะสามารถดึงดูดความสนใจของเซนต์ได้”
“อย่าบอกนะว่า…”
“ใช่แล้ว เจ้าคือตัวประกันสำหรับเซนต์อย่างไรล่ะ”
เขาได้แต่คิด มันเป็นแบบนี้ได้ยังไง
เอลริสมาเยี่ยมเขาที่ห้องเมื่อวานก็จริง
แต่นั่นเป็นเพียงเพราะว่าเธอนั้นใจดี ไม่ใช่ว่าตัวเขาเป็นคนพิเศษเสียหน่อย
เธอจะปฏิบัติกับทุกคนเท่าเทียมกัน
เขาก็เป็นเพียงหนึ่งในผู้คนจำนวนมากสำหรับเธอ
ในกรณีนั้น สำหรับผู้ชายแบบนี้ ไม่มีทางเลยที่เธอจะ…
…ไม่! ไม่ดีแล้ว! เธอจะต้องมาแน่ๆ! เธอมองว่าทุกคนนั้นมีค่า! มันไม่เกี่ยวเลยว่าตัวประกันจะเป็นใคร ไม่ว่าอย่างไรเธอก็จะมาอย่างแน่นอน!
เธอเป็นเซนต์ที่จิตใจงดงามเช่นนั้น
เป็นที่รู้กันมานานแล้วว่าเธอรักทุกสิ่งทุกอย่าง เธอไม่เคยแบ่งแยกคนรวยหรือจน เธอช่วยเหลือทุกคนที่เธอสามารถยื่นความช่วยเหลือไปหาได้
ถ้าเรื่องตัวประกันนี้ไปถึงหูของเธอล่ะก็…
เธอจะมา…ไม่ว่าตัวประกันคนนั้นจะเป็นใคร แม้จะเป็นคนแปลกหน้าที่ไม่เคยรู้จักมาก่อน เธอก็จะมา
ขอร้องล่ะ…อย่ามา…เห็นแก่ผมเถอะ อย่ามาเลย อย่าเอาตัวเองมาเสี่ยงอันตรายเลย…
คำขอนี้ไม่อาจส่งไปถึงได้
เมื่อมีคนที่เธอสามารถช่วยเหลือได้ และคนเหล่านั้นอยู่ในที่ที่เธอเอื้อมถึงได้
เพราะเช่นนั้นเธอถึงมา เซนต์คนนี้น่ะเป็นแบบนั้น
“พวกนักเรียนปลอดภัยหรือเปล่าคะ?”
ไม่กี่สิบนาทีต่อมา
คำอธิษฐานของเวอร์เเนลนั้นสูญเปล่า เอลริสเดินเข้ามายังชั้นใต้ดินเพียงลำพัง
เธอคงจะถูกบอกว่าให้เข้ามาโดยไม่มีคนคุ้มกัน
พวกเวอร์เนลถูกมัดและบังคับให้นั่งอยู่ที่มุมห้อง ต้องทนดูการสังหารเซนต์อย่างที่ไม่สามารถทำอะไรได้
แน่นอนว่าเขาพยายามต่อต้านแล้ว เขาไม่มีอาวุธติดตัวเพราะนี่ควรจะเป็นคาบทฤษฎี แต่เขาก็ยังสามารถสู้มือเปล่าได้
แต่ปีศาจที่อยู่ที่นี่แข็งแกร่งกว่ามาก ปีศาจเหล่านี้ถูกรวบรวมมาเพื่อฆ่าเซนต์โดยเฉพาะ เป็นไปไม่ได้เลยที่เวอร์เนลผู้ยังเป็นเด็กฝึกหัดจะสามารถเอาชนะได้
“อย่าเข้ามาครับท่านเอลริส! นี่เป็นกับดัก!”
เวอร์เนลตะโกนเสียงดัง
เมื่อได้ยินเสียงนั้น เอลริสหันมาหาเขา…และยิ้มราวกับจะพยายามทำให้เขารู้สึกปลอดภัย
“ไม่คิดจริงๆว่าท่านเซนต์จะ…มาด้วยตัวเองแบบนี้ ท่านนี่แม่พระยิ่งกว่าที่เคยได้ยินมาอีก ไม่สิ โง่เขลายิ่งกว่าที่เคยได้ยิน”
ฟาร่ายิ้มออกมา และเวอร์เนลเองก็คงต้องขอเห็นด้วย
เธอช่างโง่เขลา เอาตัวเองเข้ามาเสี่ยงเพื่อช่วยนักเรียนเพียงเจ็ดคน
กรุณารักตัวเองให้มากกว่านี้หน่อยเถอะครับ
แต่คนที่โง่จริงๆในสถานการณ์แบบนี้ก็คือพวกเขาที่ปล่อยให้ตัวเองถูกจับเป็นตัวประกัน
เมื่อคิดอย่างนั้น ร่างของเขาก็สั่นไปด้วยความสมเพชในตัวเอง
“ชั้นไม่ขอปฏิเสธหรอกค่ะว่าตัวเองเป็นคนโง่ แต่คุณประเมินตัวชั้นสูงเกินไปแล้วที่เรียกว่าเป็นแม่พระ ชั้นเพียงแค่ทำสิ่งที่ชั้นต้องการ ทุกสิ่งก็เพื่อตัวชั้นเองเท่านั้น”
“ฮ่าา…ดูผ่อนคลายจังเลยนะ แต่จะยังทำแบบนั้นได้รึเปล่าหลังจากที่ได้เห็นสิ่งนี้น่ะ!?”
ปีศาจชั้นสูงจำนวนมากถูกเรียกออกมาตามเสียงดีดนิ้วของฟาร่า
ถึงกระนั้น แม้พวกปีศาจจะเขยิบเข้ามาใกล้ เธอก็ไม่แสดงความตระหนกเลยแม้แต่นิดเดียว…ด้วยเหตุผลบางอย่าง สายตาของเธอไม่เคยละออกจากหน้าอกของฟาร่าเลย
อะไร? ที่จุดนั้นมีอะไรอย่างนั้นหรือ?
เมื่อเวอร์เนลคิดได้แบบนั้น เขาก็พยายามหรี่ตาจ้อง…จนเขาสังเกตเห็นหมอกทมิฬตรงช่วงอกของฟาร่า
นั่นมันอะไรน่ะ? อย่าบอกนะว่าเธอเป็นเหมือนกันผม?
เขาไม่รู้ว่าหมอกทมิฬนั้นคืออะไร
แต่ตัวเอลริสเองต้องรู้แน่
แต่นี่ไม่ใช่เวลาแบบนั้น
ถึงแม้เหล่าปีศาจที่ล้อมเอลริสอยู่จะมีขนาดเล็กพอที่จะอยู่ในชั้นใต้ดินนี้ได้ แต่พวกมันก็เป็นปีศาจชั้นสูงที่แข็งแกร่ง
บาโฟเม็ต คิเมร่า บาซิลิสก์ กริฟฟอน หรือแม้กระทั่งมังกร
แต่ละตัวต้องใช้อัศวินเวทมนตร์ที่เรียนจบด้วยคะแนนยอดเยี่ยมจำนวนหลายคนรวมกลุ่มกันเพื่อปราบ
และทุกตัวก็พุ่งเข้าใส่เอลริสพร้อมๆกัน
“A picture is worth a thousand words.”
เอลริสร่ายคำที่เขาไม่เข้าใจ
ทันใดนั้นเอง แสงส่องสว่างออกมาโดยมีตัวเธอเป็นศูนย์กลาง เมื่อแสงนั้นดับลง กลับไม่มีปีศาจตนใดหลงเหลืออยู่เลย
เขาต้องใช้เวลาหลายวินาทีเพื่อทำความเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้น นี่มันเกินกว่าที่เขาจะจินตนาการได้
เธอลบล้างพวกมันทิ้งไป
ถ้าชั้นใต้ดินนี้เป็นเหมือนภาพหนึ่งภาพล่ะก็ ที่เธอทำก็เพียงแค่ลบสิ่งแปลกปลอม(ปีศาจ)เหล่านั้นออกไป
“บะ-บ้า…นี่มันบ้าไปแล้ว! พวกปีศาจที่แม้กระทั่งอัศวินองครักษ์ยังสู้ด้วยลำบาก เจ้ากลับ…ฆ่าพวกมันได้ด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว เป็นไปไม่ได้! ถึงเจ้าจะเป็นเซนต์ก็เถอะ เรื่องอย่างนี้มัน…”
ฟาร่าตกใจถึงขนาดก้าวถอยหลังโดยไม่รู้ตัว
ปีศาจเหล่านั้นไม่ได้อ่อนแอเลย แต่กลับไม่อาจแม้แต่จะเป็นคู่มือให้แก่เซนต์ได้
ปีศาจสกปรกพวกนั้นไม่มีโอกาสแม้แต่จะแตะต้องตัวเธอ นี่คือความจริงที่พวกเขาได้รับรู้
เซนต์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์…เอลริส เวอร์เนลเคยได้ยินตำนานเกี่ยวกับเธอมาหลายครั้งหลายครา
ว่ากันว่า ปีศาจที่เกือบจะปลิดชีวิตเซนต์คนที่แล้วได้ถูกกำจัดก่อนที่จะเข้าถึงตัวเธอ
ว่ากันว่า เธอคนเดียวสามารถทำลายกองทัพปีศาจนับพันตนได้ในเวลาไม่กี่วินาที
ว่ากันว่า…กระทั่งตัวแม่มดเองยังหวาดกลัวที่จะสู้กับเธอซึ่งๆหน้า จึงเอาแต่หนีเรื่อยมา
ข่าวลืออย่างไรก็ยังเป็นแค่ข่าวลือ จะกล่าวเกินจริงไปบ้างก็ไม่ใช่เรื่องน่าตกใจ
แต่สำหรับเธอคนนี้แล้วกลับไม่ใช่ ตรงกันข้ามเสียด้วยซ้ำ…แค่คำพูดไม่อาจอธิบายความยิ่งใหญ่ของเธอได้ทั้งหมด
ภาพที่เห็นตรงหน้านี้มีค่ายิ่งกว่าคำพูดนับพัน
“สะ-สุดยอด…”
“นี่คือ…เซนต์…”
เวอร์เนลและเอเทอร์น่าตื่นตะลึง พูดแบบนี้ออกมาโดยไม่รู้สึกตัว
นั่นเป็นสิ่งเดียวที่พวกเขาทำได้ ไม่มีประโยคใดที่สามารถอธิบายความรู้สึกของพวกเขาในตอนนี้ได้
ถ้าฝืนจะเปลี่ยนมันเห็นเป็นคำพูดล่ะก็ มันจะด้อยค่าที่แท้จริงลงไป
ถ้าเป็นสิ่งที่อยู่ในขอบเขตที่สามารถเข้าใจได้ล่ะก็ คนเราก็ยังสามารถอธิบายประมาณว่า “เกิดแบบนี้ขึ้น” “จากนั้นก็เกิดแบบนั้น” และ “เพราะแบบนี้มันถึงสุดยอด”
ถ้ามันเกินยิ่งกว่านั้น คงจะพูดได้แค่ “ประมาณว่าสุดยอดเลย”หากฝืนจะเปลี่ยนมันให้เป็นคำพูด
“…ฮี๊!”
เอลริสมองไปที่ฟาร่าอย่างเงียบๆ
เมื่อเธอก้าวเดินเข้าหา ฟาร่าก็ก้าวถอยหลังด้วยจังหวะเดียวกัน
ทุกคนที่นี่เข้าใจดีถึงความห่างชั้นระหว่างทั้งสองคน
สิ่งที่เหลือก็เพียงแค่ลงทัณฑ์ฟาร่าและจบเรื่องนี้
“หะ-หึ โชคดีนะที่ข้ามีแผนสำรองเตรียมไว้….”
แต่ฟาร่ายังไม่ยอมแพ้
ทันทีที่เธอดีดนิ้วอีกครั้ง ปีศาจขนาดเล็กที่ซ่อนอยู่ตรงมุมห้องมาตลอดก็ลอบเข้าข้างหลังของเวอร์เนลและเอเทอร์น่า
“อย่างที่เห็นนั่นแหละท่านเซนต์ผู้ใจบุญ ถ้าเจ้าต่อต้านแค่เพียงเล็กน้อยล่ะก็ เด็กพวกนี้ก็จะต้องสิ้นชีพ….ข้าให้คำมั่นเลยว่าจะปล่อยตัวประกันทั้งหมดไปหากเจ้าให้ข้าแทงตัวเจ้า”
เมื่อได้ยินฟาร่าพูดเช่นนั้น เอลริสก็หยุดเดิน
เพียงเท่านั้นก็แสดงให้เห็นว่าแผนการตัวประกันนี้ได้ผล ทำให้ฟาร่าเริ่มใจเย็นลงอีกครั้ง
“เอาล่ะ เจ้าจะทำยังไง?!”
“ไม่ได้นะครับท่านเอลริส! ไม่ต้องห่วงคนอย่างพวกเรา!”
“ใช่ค่ะ! ท่านเท่านั้นที่จะตายไม่ได้เด็ดขาด!”
“กรุณาหยุดเถอะ…ได้โปรดเถอะ! ได้โปรด!”
“หนีไปครับ!”
พวกเวอร์เนลพยายามตะโกนเพื่อกลบเสียงของฟาร่า
เธอจะช่วยผู้คนอีกมากมายในอนาคต
โลกนี้ต้องการเธอในการกำราบแม่มด นำยุคมืดนี้ไปสู่จุดจบ
เธอไม่สมควรเอาชีวิตมาทิ้งเพื่อช่วยเด็กฝึกหัดแค่เจ็ดคน
เธอไม่ใช่คนที่จะมาตายในที่แบบนี้
ถึงเจ็ดคนนี้จะต้องกลายเป็นเครื่องสังเวย เซนต์ก็ต้องคงอยู่ต่อไป
“เข้าใจแล้วค่ะ แทงมีดเล่มนั้นเข้ามาที่ตัวชั้นได้เลย เป็นราคาที่ถูกมากสำหรับชีวิตของพวกเขา”
“ฟุ ฟุฟุฟุ… แปลกใจเลยนะเนี่ย เจ้านี่มันโง่จริงๆ”
แต่เอลริสเลือกที่จะเอาชีวิตตัวเองเข้าแลก
เธอลดมือลง ราวกับทอดทิ้งการป้องกันทุกอย่าง
เมื่อได้เห็นแบบนั้น ฟาร่าก็เดินเข้าหาราวกับมั่นใจในชัยชนะของตนแล้ว
“ไม่!”
เรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้นไม่ได้ เวอร์เนลกรีดร้องอยู่ในใจ
เขาต้องการจะเป็นอัศวินเพื่อปกป้องเธอ
เขาต้องการจะแข็งแกร่งขึ้นเพื่อร่วมสู้เคียงข้างเธอ
แต่เขากลับกลายมาเป็นตัวประกัน นำพาเธอไปสู่ความตาย
เรื่องนี้เท่านั้นที่เขายอมไม่ได้เด็ดขาด
“อย่างแรก…กรุณาสัญญาที่จะปล่อยทุกคนไปหลังจากที่ลงมือแล้วด้วยค่ะ”
“อา ได้สิ ข้าจะทำตามสัญญาอย่างแน่นอน ฆ่านักเรียนที่ไม่เกี่ยวข้องมีแต่จะสร้างร่องรอยแย่ๆเพิ่มอย่างไม่จำเป็น”
“ท่าเช่นนั้นก็ตกลงค่ะ เชิญเลย”
เอลริสผ่อนคลายลงและหยุดที่จะต่อต้าน เธอหลับตาลงรอรับความตาย
ฟาร่าขยับเข้าใกล้ ยกมีดขึ้นเพื่อจะแทงเข้าใส่
“อุโอ๊ววว!!”
เมื่อเอลริสกำลังตกอยู่ในอันตราย เวอร์เนลคำรามขึ้นมาราวกับสัตว์ป่า
กล้ามเนื้อของเขาหดตัว เส้นเลือดปูดโปนออกมา
เขาดึงเชือกที่มัดตัวเขาอยู่จนขาด จากนั้นจึงคว้าตัวปีศาจที่จ่อมีดมาที่เขา
ปีศาจตัวจ้อยตกใจจนลงมือแทง แต่ก็ไม่สามารถทะลุผ่านกล้ามเนื้อที่แข็งแกร่งของเวอร์เนลได้
เวอร์เนลทำลายใบมีดด้วยคอของตัวเอง จากนั้นก็กระทืบพื้นอย่างรุนแรง
แล้วจึงขว้าง! เขาโยนปีศาจตัวเล็กไปยังทิศทางที่ฟาร่ายืนอยู่ โดนหัวของเธอเข้าอย่างจัง
ส่งผลให้ฟาร่าหมดสติและล้มลงไปด้วยตาที่ขาวโพลน
ในสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิดเช่นนี้…กระทั่งเอลริสยังตกใจจนตากลายเป็นวงกลม
Comments