สุดยอดเซนต์ตัวปลอมแห่งยุค 24.1 2: เอลริสจัง อายุ 10 ขวบ

Now you are reading สุดยอดเซนต์ตัวปลอมแห่งยุค Chapter 24.1 2: เอลริสจัง อายุ 10 ขวบ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ทนไม่ไหวแล้วเว้ย!

ดีจ้าทุกคน เซนต์(เก๊)ที่รักของเด็กๆ เอลริสเองจ้า!

สงสัยรึเปล่าว่าทำไมชั้นถึงกรีดร้องเป็นผีตายโหงตั้งแต่ตอนเปิดตัวแบบนี้?

ตั้งแต่ที่ชั้นมาเกิดใหม่ในโลกนี้ก็ผ่านมาแล้วห้าปี ทำให้ชั้นในตอนนี้มีอายุ 10 ขวบ ถึงอายุทางจิตใจจะมากกว่านั้นไปเยอะเลยก็เถอะ

รู้มั้ยอะไรที่ตูทนไม่ไหวแล้ว? อาหารไงล่ะ!

อาหารในโลกนี้นี่มันขยะเปียกดีๆนี่เอง!

ไม่ใช่ว่าตูเป็นความหวังเดียวของมนุษยชาติอะไรนั่นหรอกเหรอ?(ถึงจะเก๊ก็เถอะ) ชั้นต้องถูกปรนนิบัติอย่างดียิ่งกว่าพระราชาใช่มั้ย?

แต่นี่ชั้นต้องมากินอาหารแบบเดิมๆทุกวี่ทุกวัน แถมแต่ละอย่างนี่เค็มฉิบหาย

ปีศาจเดินเพ่นพ่านอยู่ทุกหนแห่ง ทำให้การเกษตรในโลกนี้ลำบากโคตรๆ นำมาซึ่งอาหารที่ไม่เพียงพอ ก็คงพอจะเดากันได้อยู่ แต่อาหารแทบทุกประเภทจะถูกนำไปแปรรูปเพื่อเก็บมันไว้ให้ได้นานที่สุด

วิธีที่ถูกใช้กับอาหารแทบจะทุกประเภทเลยก็คือดองเกลือ ของอย่างพริกไทยมันหายากและแพงเกินไปเลยเอามาใช้ไม่ได้ ตอนแรกก็นึกว่าในโลกที่ผู้คนมีเวทมนตร์นี่ จะให้ใช้เวทย์น้ำแข็งเพื่อเก็บรักษาอาหารน่ะมันเรื่องกล้วยๆ แต่นั่นไม่ใช่เลย! คนที่สามารถทำแบบนั้นได้มีอยู่ไม่มาก

ถ้าเป็นตระกูลขุนนางก็ว่าไปอย่าง พวกนั้นยังจ้างนักเวทย์น้ำแข็งให้มาช่วยได้ แต่พวกสามัญชนน่ะไม่มีเงินเหลือเฟือแบบนั้น

ถ้าพวกชาวไร่ชาวสวนใช้เวทย์น้ำแข็งได้ล่ะก็ เรื่องมันคงจะง่ายขึ้นเยอะ–แต่ถ้าทำแบบนั้นได้ พวกเขาก็คงทิ้งไร่ไปหางานที่ดีกว่าไปแล้ว รับการว่าจ้างจากขุนนางนี่ง่ายกว่ากันเยอะ แถมต่อให้ไม่อยากไป สุดท้ายพวกขุนนางก็จะมาเคาะประตูถึงหน้าบ้านเอง ถ้าขุนนางอยากจะจ้างล่ะก็ สามัญชนก็ไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธหรอกนะ

เพราะพวกชาวไร่ใช้เวทย์น้ำแข็งไม่ได้ วิธีแปรรูปอาหารที่ดีที่สุดก็คือการดองเกลือ ผักทุกอย่างรสชาติมันก็เลยคล้ายๆกับแตงดองหรือกะหล่ำดองไปหมด ส่วนพวกเนื้อสัตว์ก็จะถูกเอาไปหมักหรือรมควัน

ถ้าจะพูดก็คือ ไม่ว่าอะไรก็รสชาติเหมือนเกลือไปหมด กลายเป็นเนื้อหมักเกลือผัดผักดองเกลือ ปรุงรสเพิ่มด้วยเกลือ อาหารที่ชั้นแล้วก็พวกขุนนางกินกันก็มาจากภาษีของพวกชาวไร่ สุดท้ายอาหารในแต่ละวันของชั้นก็มีแต่เกลือ เกลือ เกลือ

เอาจริงๆแล้วมันก็ไม่ได้แย่มากหรอกในช่วงแรกๆ รสชาติอาจจะต่างจากตอนที่อยู่ที่ญี่ปุ่นอยู่พอสมควร แต่รสเกลือนี่มันก็ไม่เลว…ถ้าแค่กินนานๆครั้งน่ะนะ จะให้กินอีแบบนี้ทุกวันนี่ท้องไส้ชั้นไม่ไหวอ่ะ

อย่างน้อยถ้าเทียบกับเยอรมนีในยุคกลางแล้ว ที่นี่มีน้ำพอใช้อยู่ตลอด…อย่างน้อยก็สำหรับชั้นน่ะนะ เพราะใช้เวทย์น้ำได้ อย่างน้อยก็ไม่ต้องมาดื่มเบียร์แทนน้ำ

ไม่รู้เหมือนกันว่าพวกชาวบ้านดื่มอะไร แต่ก็คิดว่าเก้าในสิบของน้ำที่พวกเขาใช้ดื่มจะมาจากฝน เพราะบ่อน้ำมันเสี่ยงจะเป็นพิษจากพวกปีศาจ

พูดสั้นๆก็คือ ชั้นตอกกินเค็มมาตลอดทุกวันไม่ขาดสายเป็นเวลานานห้าปีรวด และตอนนี้ก็ชักจะทนไม่ไหวแล้ว…แล้วก็มีเรื่องที่สงสารพวกชาวไร่ที่พากันหิวตายในช่วงฤดูหนาว

พวกชาวไร่นี่แหละฮีโร่ตัวจริงไม่สวมผ้าคลุม! ถ้าไม่มีอาหารที่พวกเขาปลูกเลี้ยงให้นี่ทุกอย่างคงจะพังไปหมดแล้ว ยิ่งชาวไร่น้อยลง ก็ยิ่งต้องมีการแปรรูปอาหารมากขึ้น นำไปสู่ของดองเค็มที่มากยิ่งกว่าเดิม

ถ้าชาวไร่ตายหมด จะเหลือขุนนางไว้มากแค่ไหนก็ไร้ประโยชน์…

เพราะแบบนั้นจะปล่อยให้พวกชาวไร่พากันล้มตายไม่ได้—เพื่อปากท้องของชั้น! จะเก็บภาษีเป็นผลผลิตตั้งครึ่งนึงทำเตี่ยอะไร! ถ้าปล่อยให้พวกเขาอดอาหารต่อไปนี่สุดท้ายแล้วทุกคนจะตายกันหมด—รวมถึงตูด้วย

ไม่อยากอดอาหารโว้ย! ตูไม่ได้มาที่โลกนี้เพื่อเจออะไรแบบนี้!

ใครๆก็พูดได้ว่า “ทนไม่ไหวแล้ว” หรือ “ชั้นเกลียดของดองเกลือ” แต่ถ้าไม่ทำอะไรซักอย่างก็จะไม่มีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น

นี่ถ้าชั้นฉลาด–เหมือนพวกพระเอกต่างโลกที่เมพเหลือเกิน อ่านอะไรในเน็ตผ่านตามาก็เสือกจำได้หมดนะ–ชั้นคงใช้ความรู้ด้านการเกษตรจากโลกเดิมมาแก้ปัญหาได้แล้ว แต่กูโง่ไงประเด็น

ชั้นไม่รู้วิธีปฏิวัติการเกษตรอะไรแบบนั้นหรอก เท่าที่ชั้นรู้ก็คือพวกมันฝรั่ง มันเทศ และถั่วเหลืองนี่ปลูกได้ปลูกดีในช่วงยุโรปยุคกลาง จนอัตราคนเสียชีวิตจากการอดอาหารลดลงอย่างมหาศาล ก็แค่ความรู้เกี่ยวกับยุโรปยุคกลางที่ใครๆเค้าก็รู้กันแบบนี้

แต่ถ้ามีมันฝรั่งแล้วจะทำให้ชีวิตของทุกคนง่ายขึ้น แล้วชั้นจะไปหามันฝรั่งได้จากที่ไหนล่ะ

ถ้ามันมีของอย่างนั้นอยู่ในโลกนี้! ชาวไร่มันคงเอามาปลูกกันไปแล้ว!

“ท่านเอลริสครับ กระผมนำดอกไม้มาประดับตกแต่งห้อง ให้ใส่ไว้ในแจกันนี้เลยไหมครับ?”

“จ้ะ วางไว้ตรงนั้นได้เลย ขอบคุณมากนะจ๊ะ”

ในระหว่างที่คิดแบบนั้นอยู่ องครักษ์คนนึงก็เอาดอกไม้ประดับมาให้

มันมีแกนสีเหลืองดอกสีขาวบานสะพรั่ง

เหอ นี่ดูไปมันก็คล้ายๆดอกมันฝรั่งเหมือนกันนะ…

มัน…ฝรั่ง…

เห้ยยยย! ก็มีอยู่นี่ว่าไอ้กะหรี่เป็ด!!! รอเดี๋ยว ทำไมพวกเอ็งถึงเอามันฝรั่งมาใช้ประดับล่ะ?! เอาไปแดกดิ

ทันทีที่องครักษ์คนนั้นออกจากห้องไป ชั้นก็รีบลุกขึ้นไปดูดอกไม้ดอกนั้น ชั้นหยิบรากมันขึ้นมาดู

มีอยู่จริงๆด้วย หัวเล็กๆหัวนึง

ให้ตายเถอะ! นี่ไงมันฝรั่ง!

ตอนแรกก็นึกว่าคิดไปเอง แต่นี่ดูยังไงมันก็มันฝรั่งชัดๆ—เดี๋ยวค่อยเอามันมามาลองทำเป็นอาหารดูทีหลัง แต่อย่างน้อยแค่หน้าตานี่คือเหมือนมันฝรั่งเด๊ะๆเลย

ถ้าแบบนี้ก็น่าจะพอทำอะไรได้บ้าง พืชชนิดนี้นี่แหละที่จะเปลี่ยนโลก!

มันฝรั่งน่ะอุดมไปด้วยสารอาหาร ถ้าชั้นสอนให้พวกชาวไร่ปลูกพืชชนิดนี้ได้ล่ะก็ มันจะต้องช่วยเรื่องอาหารขาดแคลนได้บ้างแน่ๆ ได้ยินมาว่ามันฝรั่งมีสรรพคุณช่วยรักษาโรคเลือดออกตามไรฟันด้วย…มั้งนะ? อันนี้ไม่ชัวร์

จุดเด่นอีกอย่างหนึ่งของมันฝรั่งก็คือมันสามารถเอาไปใช้ทำอาหารได้โคตรหลากหลาย แถมจะแบบไหนก็รสชาติดี—เอาไปต้มแล้วทาเนย เอาไปทำเป็นซุปหรือออมเล็ต เอาไปทอดแบบแผ่นบางกรอบ หรือถ้าตั้งใจหน่อยก็ทำได้ถึงเค้กเลยล่ะ

ไม่มีอะไรที่พลิกแพลงได้มากขนาดมันฝรั่งแล้ว! จะเอาไปทำเป็นฟูลคอร์สที่ใช้มันฝรั่งในทุกเมนูยังได้เลย!

ชั้นล่ะสงสัยจริงๆว่าพืชชั้นยอดแบบนี้มันมากลายเป็นแค่ของตกแต่งห้องได้ยังไง ไม่มีใครเคยคิดจะกินหัวมันเลยเหรอ?

ก็จริงอยู่ที่ชั้นเป็นคนเดียวที่รู้แต่ต้นว่ามันฝรั่งน่ะกินได้ แต่ไม่มีใครเคยคิดจะกินมันเลยจริงดิ? ถ้ามันมีคนบ้าพอที่คิดจะกินของมีพิษอย่างปลาปักเป้า หรือกระทั่งซากแมวน้ำยัดไส้นกอ็อค เอาไปหมัก จากนั้นก็ดูดไส้ในออกจากทางรูตูด อย่างน้อยมันก็ควรมีใครกล้าที่จะกินพืชที่ดูไม่เป็นอันตรายแบบนี้สิ[*พูดถึงอาหารกรีนแลนด์ที่ชื่อ Kiviak]

ไม่ก็คนในโลกเก่าชั้นมันไม่เต็มเต็งกว่าคนในโลกนี้ เอาจริงๆก็น่าจะใช่แหละ

ถึงชั้นจะไม่ได้ช่างคิดเท่าคนแรกที่คิดค้นการกินปลาปักเป้า แต่อย่างน้อยชั้นก็น่าจะทำอะไรซักอย่างกับไอ้มันฝรั่งนี่ได้บ้างแหละ

ปลูกก็ง่าย โตก็ง่าย—แต่ถึงอย่างนั้นก็ต้องรอประมาณสี่เดือนถึงมันจะโตเต็มวัย เทียบกับพืชผลการเกษตรชนิดอื่นเล็วถือว่าโตเร็ว แต่ก็ยังนานไปหน่อย กว่าจะรอมันโตก็คงมีคนหิวตายไปแล้วหลายคน เพราะแบบนั้นชั้นก็จะโกงนิดหน่อย

อย่างแรกเลย ชั้นบินไปทางใต้โดยใช้เวทมนตร์

ที่โลกเก่า มันฝรั่งมีต้นกำเนิดมาจากแถวอเมริกาใต้ แถบๆเทือกเขาแอนดีส ชั้นคิดว่ามันจะต้องมีสถานที่ที่คล้ายๆในฝั่งนี้บ้าง ถ้าเป็นที่นั่นอาจจะมีมันฝรั่งอยู่เป็นภูเขาเลยก็ได้

สุดท้ายชั้นก็เจอที่ที่ตามหา…ปัญหาก็คือที่นี่ดูจะไม่ได้มีมันฝรั่งเยอะขนาดนั้น ไม่พอจะช่วยพวกชาวไร่ได้ ชั้นเลยจะเอาพวกมันกลับไปในฐานะของเมล็ดพันธุ์แทน

น่ารำคาญนิดหน่อยแต่ชั้นคงต้องปลูกมันเองไปก่อน แต่ชั้นก็ไม่มีเวลามารอให้มันโตตามปกติได้อ่ะนะ ต้องมีพอให้ชาวไร่ทั้งกินและปลูกได้ ชั้นจึงต้องจัดการโดยเร็ว

โชคดีที่ชั้นมีเวทมนตร์อยู่ อะไรๆก็ง่ายขึ้นเยอะเลย

ชั้นตัดต้นมันฝรั่งให้กลายเป็นต้นอ่อน จากนั้นก็ต้องทำให้มันแห้งก่อนลงปลูก

ก็ไม่เข้าใจว่าทำไมเหมือนกัน น่าจะเป็นเรื่องการกักเก็บเมล็ดพันธุ์หรืออะไรนี่แหละ ได้ยินว่าถ้าต้นอ่อนชื้นมันจะทำให้รากเน่าเอาได้ ก่อนจะปลูกเลยต้องเอาไปเก็บไว้ในที่แห้งก่อน

เพราะว่าชั้นไม่มีเวลาขนาดนั้น ก็เลยใช้เวทย์น้ำเพื่อดูดความชื้นและเวทย์แสงเพื่อเร่งให้มันแห้งเร็วขึ้น จากนั้นก็ใช้เวทย์ดินเพื่อไถหน้าดิน

ได้ยินมาเหมือนกันว่าถ้าปล่อยหัวมันให้โดนแดดนานเกินไปมันจะกลายเป็นพิษ ต้องให้แน่ใจว่าฝังลึกพอ

ในเมื่อพร้อมแล้ว ชั้นก็จะใช้เวทย์รักษาเพื่อปั๊มพลังงานเข้าไป ทำให้มันเติบโตขึ้น

ทำไมปั๊มพลังงานเข้าไปถึงทำให้มันโตเร็วขึ้นเหรอ? ไม่รู้เว้ย!

เท่าที่ชั้นรู้ก็คือเทคนิคนี้มันอันตรายมาก มันฝรั่งพวกนี้ไม่ได้อยู่นานขึ้น…มันก็แค่อยู่เร็วขึ้น ยิ่งโตไวก็ยิ่งตายไว

เริ่มได้ไอเดียดีๆแล้วสิ ชั้นน่าจะใช้วิธีนี้ฟื้นฟูธรรมชาติได้ สมมติว่าพืชพวกนี้อายุขัยหายไปซักหนึ่งในสิบหลังเร่งโต…ถ้าแบบนั้นชั้นก็แค่ปลูกต้นไม้อายุขัยพันปี แบบนั้นถึงอายุขัยพวกมันเหลืออยู่เก้าร้อยมันก็น่าจะยังพอใช้ได้อยู่นะ?

ในระหว่างที่คิดแบบนั้นอยู่ พวกมันฝรั่งที่ชั้นปลูกไว้ก็ค่อยๆโตขึ้นทีละเล็กทีละน้อย ชั้นจะเหลือต้นที่ดูแข็งแรงที่สุดไว้ จากนั้นก็ถอนรากที่เหลือออกมา

จากนั้นก็ยัดเวทย์บูสต์เข้าไปอีกดอกนึง

ต่อไปก็ถึงเวลาเก็บเกี่ยว ได้มันฝรั่งที่ดูใช้ได้ออกมาประมาณสิบหัว จากนั้นก็เอาพวกมันไปผ่านกระบวนการตัด-ตาก-ปลูกใหม่หมด

แน่นอนว่าชั้นไม่ได้เป็นคนทำเองหรอก ใช้โกเลมเอาน่ะ

จะให้คนอย่างชั้นมาใช้แรงงานงั้นเหรอ ไม่มีทางซะหรอก แค่ใช้โกเลมที่สร้างจากเวทย์ดินก็พอแล้ว

คิดว่าชั้นทำงานในไร่เป็นรึไง? ชาติที่แล้วชั้นเป็นนีทนะเฟ้ย! นีทโลกไหนมันเคยทำไร่ไถนากัน?! ไปเลย เหล่าสมุนโกเลมของตูข้า!

อะไรนะ? ค่าทำโอทีเหรอ? โทษนะ แต่บริษัทนี้ไม่อยู่ภายใต้กฏหมายคุ้มครองแรงงานใดๆทั้งสิ้น ถ้าอย่างนั้นก็ทำงานเยี่ยงทาสต่อไปจนกว่าจะตายซะ!

“กูววว…” โกเลมร้องออกมาหน่อยๆจากปากเล็กๆของพวกมันในขณะที่ยังทำงานไปด้วย

หลายชั่วโมงต่อมา พวกโกเลมของชั้นก็ถูกเปลี่ยนกลับไปเป็นดินดังเดิม หลงเหลือไว้เพียงไร่มันฝรั่งที่สวยงาม

ที่เหลือก็แค่เอาไปบอกทุกคนว่าไอ้นี่มันกินได้ แล้วก็สอนวิธีเพาะปลูกและเก็บเกี่ยวให้ พร้อมกับแถมไร่นี้ให้ไปด้วยเลย

ต้องทำให้แน่ใจว่าวิธีปลูกมันฝรั่งนี้จะแพร่หลายออกไปทุกหนทุกแห่ง ถ้าเสร็จตรงนั้นแล้ว งานของชั้นก็น่าจะถือว่าเรียบร้อย ที่เหลือก็ปล่อยให้พวกชาวไร่จัดการกันเอง

เท่านี้ก็จะกลายเป็นระบบมดงานที่ต้องคอยส่งอาหารมาให้ชั้นที่เป็นราชินีมด มีมันฝรั่งให้กินไปอีกชาติกว่า!

จะทำไงดีให้คนรู้ว่ามันฝรั่งนี่ของอร่อยดีนะ? วิธีที่ดีที่สุดก็น่าจะเป็นให้พวกเขาได้ลองชิมกัน

เป็นเพราะว่าไม่มีใครเคยกินมันฝรั่งมาก่อน ก็แน่นอนว่าไม่มีใครรู้วิธีปรุงมัน ดูเหมือนว่า…ชั้นต้องเป็นคนทำเองสินะ?

มันฝรั่งต้มนี่ของเบสิค แต่ก็จะขาดเฟรนฟรายหรือสลัดมันฝรั่งไปไม่ได้เหมือนกัน…จริงๆมันอบเนยก็น่ากินนะ…

ก็ทำมันหลายๆแบบนี่แหละ ต้องมีที่ใช้งานได้ซักอย่างสองอย่างล่ะวะ

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

สุดยอดเซนต์ตัวปลอมแห่งยุค 24.1 2: เอลริสจัง อายุ 10 ขวบ

Now you are reading สุดยอดเซนต์ตัวปลอมแห่งยุค Chapter 24.1 2: เอลริสจัง อายุ 10 ขวบ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ทนไม่ไหวแล้วเว้ย!

ดีจ้าทุกคน เซนต์(เก๊)ที่รักของเด็กๆ เอลริสเองจ้า!

สงสัยรึเปล่าว่าทำไมชั้นถึงกรีดร้องเป็นผีตายโหงตั้งแต่ตอนเปิดตัวแบบนี้?

ตั้งแต่ที่ชั้นมาเกิดใหม่ในโลกนี้ก็ผ่านมาแล้วห้าปี ทำให้ชั้นในตอนนี้มีอายุ 10 ขวบ ถึงอายุทางจิตใจจะมากกว่านั้นไปเยอะเลยก็เถอะ

รู้มั้ยอะไรที่ตูทนไม่ไหวแล้ว? อาหารไงล่ะ!

อาหารในโลกนี้นี่มันขยะเปียกดีๆนี่เอง!

ไม่ใช่ว่าตูเป็นความหวังเดียวของมนุษยชาติอะไรนั่นหรอกเหรอ?(ถึงจะเก๊ก็เถอะ) ชั้นต้องถูกปรนนิบัติอย่างดียิ่งกว่าพระราชาใช่มั้ย?

แต่นี่ชั้นต้องมากินอาหารแบบเดิมๆทุกวี่ทุกวัน แถมแต่ละอย่างนี่เค็มฉิบหาย

ปีศาจเดินเพ่นพ่านอยู่ทุกหนแห่ง ทำให้การเกษตรในโลกนี้ลำบากโคตรๆ นำมาซึ่งอาหารที่ไม่เพียงพอ ก็คงพอจะเดากันได้อยู่ แต่อาหารแทบทุกประเภทจะถูกนำไปแปรรูปเพื่อเก็บมันไว้ให้ได้นานที่สุด

วิธีที่ถูกใช้กับอาหารแทบจะทุกประเภทเลยก็คือดองเกลือ ของอย่างพริกไทยมันหายากและแพงเกินไปเลยเอามาใช้ไม่ได้ ตอนแรกก็นึกว่าในโลกที่ผู้คนมีเวทมนตร์นี่ จะให้ใช้เวทย์น้ำแข็งเพื่อเก็บรักษาอาหารน่ะมันเรื่องกล้วยๆ แต่นั่นไม่ใช่เลย! คนที่สามารถทำแบบนั้นได้มีอยู่ไม่มาก

ถ้าเป็นตระกูลขุนนางก็ว่าไปอย่าง พวกนั้นยังจ้างนักเวทย์น้ำแข็งให้มาช่วยได้ แต่พวกสามัญชนน่ะไม่มีเงินเหลือเฟือแบบนั้น

ถ้าพวกชาวไร่ชาวสวนใช้เวทย์น้ำแข็งได้ล่ะก็ เรื่องมันคงจะง่ายขึ้นเยอะ–แต่ถ้าทำแบบนั้นได้ พวกเขาก็คงทิ้งไร่ไปหางานที่ดีกว่าไปแล้ว รับการว่าจ้างจากขุนนางนี่ง่ายกว่ากันเยอะ แถมต่อให้ไม่อยากไป สุดท้ายพวกขุนนางก็จะมาเคาะประตูถึงหน้าบ้านเอง ถ้าขุนนางอยากจะจ้างล่ะก็ สามัญชนก็ไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธหรอกนะ

เพราะพวกชาวไร่ใช้เวทย์น้ำแข็งไม่ได้ วิธีแปรรูปอาหารที่ดีที่สุดก็คือการดองเกลือ ผักทุกอย่างรสชาติมันก็เลยคล้ายๆกับแตงดองหรือกะหล่ำดองไปหมด ส่วนพวกเนื้อสัตว์ก็จะถูกเอาไปหมักหรือรมควัน

ถ้าจะพูดก็คือ ไม่ว่าอะไรก็รสชาติเหมือนเกลือไปหมด กลายเป็นเนื้อหมักเกลือผัดผักดองเกลือ ปรุงรสเพิ่มด้วยเกลือ อาหารที่ชั้นแล้วก็พวกขุนนางกินกันก็มาจากภาษีของพวกชาวไร่ สุดท้ายอาหารในแต่ละวันของชั้นก็มีแต่เกลือ เกลือ เกลือ

เอาจริงๆแล้วมันก็ไม่ได้แย่มากหรอกในช่วงแรกๆ รสชาติอาจจะต่างจากตอนที่อยู่ที่ญี่ปุ่นอยู่พอสมควร แต่รสเกลือนี่มันก็ไม่เลว…ถ้าแค่กินนานๆครั้งน่ะนะ จะให้กินอีแบบนี้ทุกวันนี่ท้องไส้ชั้นไม่ไหวอ่ะ

อย่างน้อยถ้าเทียบกับเยอรมนีในยุคกลางแล้ว ที่นี่มีน้ำพอใช้อยู่ตลอด…อย่างน้อยก็สำหรับชั้นน่ะนะ เพราะใช้เวทย์น้ำได้ อย่างน้อยก็ไม่ต้องมาดื่มเบียร์แทนน้ำ

ไม่รู้เหมือนกันว่าพวกชาวบ้านดื่มอะไร แต่ก็คิดว่าเก้าในสิบของน้ำที่พวกเขาใช้ดื่มจะมาจากฝน เพราะบ่อน้ำมันเสี่ยงจะเป็นพิษจากพวกปีศาจ

พูดสั้นๆก็คือ ชั้นตอกกินเค็มมาตลอดทุกวันไม่ขาดสายเป็นเวลานานห้าปีรวด และตอนนี้ก็ชักจะทนไม่ไหวแล้ว…แล้วก็มีเรื่องที่สงสารพวกชาวไร่ที่พากันหิวตายในช่วงฤดูหนาว

พวกชาวไร่นี่แหละฮีโร่ตัวจริงไม่สวมผ้าคลุม! ถ้าไม่มีอาหารที่พวกเขาปลูกเลี้ยงให้นี่ทุกอย่างคงจะพังไปหมดแล้ว ยิ่งชาวไร่น้อยลง ก็ยิ่งต้องมีการแปรรูปอาหารมากขึ้น นำไปสู่ของดองเค็มที่มากยิ่งกว่าเดิม

ถ้าชาวไร่ตายหมด จะเหลือขุนนางไว้มากแค่ไหนก็ไร้ประโยชน์…

เพราะแบบนั้นจะปล่อยให้พวกชาวไร่พากันล้มตายไม่ได้—เพื่อปากท้องของชั้น! จะเก็บภาษีเป็นผลผลิตตั้งครึ่งนึงทำเตี่ยอะไร! ถ้าปล่อยให้พวกเขาอดอาหารต่อไปนี่สุดท้ายแล้วทุกคนจะตายกันหมด—รวมถึงตูด้วย

ไม่อยากอดอาหารโว้ย! ตูไม่ได้มาที่โลกนี้เพื่อเจออะไรแบบนี้!

ใครๆก็พูดได้ว่า “ทนไม่ไหวแล้ว” หรือ “ชั้นเกลียดของดองเกลือ” แต่ถ้าไม่ทำอะไรซักอย่างก็จะไม่มีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น

นี่ถ้าชั้นฉลาด–เหมือนพวกพระเอกต่างโลกที่เมพเหลือเกิน อ่านอะไรในเน็ตผ่านตามาก็เสือกจำได้หมดนะ–ชั้นคงใช้ความรู้ด้านการเกษตรจากโลกเดิมมาแก้ปัญหาได้แล้ว แต่กูโง่ไงประเด็น

ชั้นไม่รู้วิธีปฏิวัติการเกษตรอะไรแบบนั้นหรอก เท่าที่ชั้นรู้ก็คือพวกมันฝรั่ง มันเทศ และถั่วเหลืองนี่ปลูกได้ปลูกดีในช่วงยุโรปยุคกลาง จนอัตราคนเสียชีวิตจากการอดอาหารลดลงอย่างมหาศาล ก็แค่ความรู้เกี่ยวกับยุโรปยุคกลางที่ใครๆเค้าก็รู้กันแบบนี้

แต่ถ้ามีมันฝรั่งแล้วจะทำให้ชีวิตของทุกคนง่ายขึ้น แล้วชั้นจะไปหามันฝรั่งได้จากที่ไหนล่ะ

ถ้ามันมีของอย่างนั้นอยู่ในโลกนี้! ชาวไร่มันคงเอามาปลูกกันไปแล้ว!

“ท่านเอลริสครับ กระผมนำดอกไม้มาประดับตกแต่งห้อง ให้ใส่ไว้ในแจกันนี้เลยไหมครับ?”

“จ้ะ วางไว้ตรงนั้นได้เลย ขอบคุณมากนะจ๊ะ”

ในระหว่างที่คิดแบบนั้นอยู่ องครักษ์คนนึงก็เอาดอกไม้ประดับมาให้

มันมีแกนสีเหลืองดอกสีขาวบานสะพรั่ง

เหอ นี่ดูไปมันก็คล้ายๆดอกมันฝรั่งเหมือนกันนะ…

มัน…ฝรั่ง…

เห้ยยยย! ก็มีอยู่นี่ว่าไอ้กะหรี่เป็ด!!! รอเดี๋ยว ทำไมพวกเอ็งถึงเอามันฝรั่งมาใช้ประดับล่ะ?! เอาไปแดกดิ

ทันทีที่องครักษ์คนนั้นออกจากห้องไป ชั้นก็รีบลุกขึ้นไปดูดอกไม้ดอกนั้น ชั้นหยิบรากมันขึ้นมาดู

มีอยู่จริงๆด้วย หัวเล็กๆหัวนึง

ให้ตายเถอะ! นี่ไงมันฝรั่ง!

ตอนแรกก็นึกว่าคิดไปเอง แต่นี่ดูยังไงมันก็มันฝรั่งชัดๆ—เดี๋ยวค่อยเอามันมามาลองทำเป็นอาหารดูทีหลัง แต่อย่างน้อยแค่หน้าตานี่คือเหมือนมันฝรั่งเด๊ะๆเลย

ถ้าแบบนี้ก็น่าจะพอทำอะไรได้บ้าง พืชชนิดนี้นี่แหละที่จะเปลี่ยนโลก!

มันฝรั่งน่ะอุดมไปด้วยสารอาหาร ถ้าชั้นสอนให้พวกชาวไร่ปลูกพืชชนิดนี้ได้ล่ะก็ มันจะต้องช่วยเรื่องอาหารขาดแคลนได้บ้างแน่ๆ ได้ยินมาว่ามันฝรั่งมีสรรพคุณช่วยรักษาโรคเลือดออกตามไรฟันด้วย…มั้งนะ? อันนี้ไม่ชัวร์

จุดเด่นอีกอย่างหนึ่งของมันฝรั่งก็คือมันสามารถเอาไปใช้ทำอาหารได้โคตรหลากหลาย แถมจะแบบไหนก็รสชาติดี—เอาไปต้มแล้วทาเนย เอาไปทำเป็นซุปหรือออมเล็ต เอาไปทอดแบบแผ่นบางกรอบ หรือถ้าตั้งใจหน่อยก็ทำได้ถึงเค้กเลยล่ะ

ไม่มีอะไรที่พลิกแพลงได้มากขนาดมันฝรั่งแล้ว! จะเอาไปทำเป็นฟูลคอร์สที่ใช้มันฝรั่งในทุกเมนูยังได้เลย!

ชั้นล่ะสงสัยจริงๆว่าพืชชั้นยอดแบบนี้มันมากลายเป็นแค่ของตกแต่งห้องได้ยังไง ไม่มีใครเคยคิดจะกินหัวมันเลยเหรอ?

ก็จริงอยู่ที่ชั้นเป็นคนเดียวที่รู้แต่ต้นว่ามันฝรั่งน่ะกินได้ แต่ไม่มีใครเคยคิดจะกินมันเลยจริงดิ? ถ้ามันมีคนบ้าพอที่คิดจะกินของมีพิษอย่างปลาปักเป้า หรือกระทั่งซากแมวน้ำยัดไส้นกอ็อค เอาไปหมัก จากนั้นก็ดูดไส้ในออกจากทางรูตูด อย่างน้อยมันก็ควรมีใครกล้าที่จะกินพืชที่ดูไม่เป็นอันตรายแบบนี้สิ[*พูดถึงอาหารกรีนแลนด์ที่ชื่อ Kiviak]

ไม่ก็คนในโลกเก่าชั้นมันไม่เต็มเต็งกว่าคนในโลกนี้ เอาจริงๆก็น่าจะใช่แหละ

ถึงชั้นจะไม่ได้ช่างคิดเท่าคนแรกที่คิดค้นการกินปลาปักเป้า แต่อย่างน้อยชั้นก็น่าจะทำอะไรซักอย่างกับไอ้มันฝรั่งนี่ได้บ้างแหละ

ปลูกก็ง่าย โตก็ง่าย—แต่ถึงอย่างนั้นก็ต้องรอประมาณสี่เดือนถึงมันจะโตเต็มวัย เทียบกับพืชผลการเกษตรชนิดอื่นเล็วถือว่าโตเร็ว แต่ก็ยังนานไปหน่อย กว่าจะรอมันโตก็คงมีคนหิวตายไปแล้วหลายคน เพราะแบบนั้นชั้นก็จะโกงนิดหน่อย

อย่างแรกเลย ชั้นบินไปทางใต้โดยใช้เวทมนตร์

ที่โลกเก่า มันฝรั่งมีต้นกำเนิดมาจากแถวอเมริกาใต้ แถบๆเทือกเขาแอนดีส ชั้นคิดว่ามันจะต้องมีสถานที่ที่คล้ายๆในฝั่งนี้บ้าง ถ้าเป็นที่นั่นอาจจะมีมันฝรั่งอยู่เป็นภูเขาเลยก็ได้

สุดท้ายชั้นก็เจอที่ที่ตามหา…ปัญหาก็คือที่นี่ดูจะไม่ได้มีมันฝรั่งเยอะขนาดนั้น ไม่พอจะช่วยพวกชาวไร่ได้ ชั้นเลยจะเอาพวกมันกลับไปในฐานะของเมล็ดพันธุ์แทน

น่ารำคาญนิดหน่อยแต่ชั้นคงต้องปลูกมันเองไปก่อน แต่ชั้นก็ไม่มีเวลามารอให้มันโตตามปกติได้อ่ะนะ ต้องมีพอให้ชาวไร่ทั้งกินและปลูกได้ ชั้นจึงต้องจัดการโดยเร็ว

โชคดีที่ชั้นมีเวทมนตร์อยู่ อะไรๆก็ง่ายขึ้นเยอะเลย

ชั้นตัดต้นมันฝรั่งให้กลายเป็นต้นอ่อน จากนั้นก็ต้องทำให้มันแห้งก่อนลงปลูก

ก็ไม่เข้าใจว่าทำไมเหมือนกัน น่าจะเป็นเรื่องการกักเก็บเมล็ดพันธุ์หรืออะไรนี่แหละ ได้ยินว่าถ้าต้นอ่อนชื้นมันจะทำให้รากเน่าเอาได้ ก่อนจะปลูกเลยต้องเอาไปเก็บไว้ในที่แห้งก่อน

เพราะว่าชั้นไม่มีเวลาขนาดนั้น ก็เลยใช้เวทย์น้ำเพื่อดูดความชื้นและเวทย์แสงเพื่อเร่งให้มันแห้งเร็วขึ้น จากนั้นก็ใช้เวทย์ดินเพื่อไถหน้าดิน

ได้ยินมาเหมือนกันว่าถ้าปล่อยหัวมันให้โดนแดดนานเกินไปมันจะกลายเป็นพิษ ต้องให้แน่ใจว่าฝังลึกพอ

ในเมื่อพร้อมแล้ว ชั้นก็จะใช้เวทย์รักษาเพื่อปั๊มพลังงานเข้าไป ทำให้มันเติบโตขึ้น

ทำไมปั๊มพลังงานเข้าไปถึงทำให้มันโตเร็วขึ้นเหรอ? ไม่รู้เว้ย!

เท่าที่ชั้นรู้ก็คือเทคนิคนี้มันอันตรายมาก มันฝรั่งพวกนี้ไม่ได้อยู่นานขึ้น…มันก็แค่อยู่เร็วขึ้น ยิ่งโตไวก็ยิ่งตายไว

เริ่มได้ไอเดียดีๆแล้วสิ ชั้นน่าจะใช้วิธีนี้ฟื้นฟูธรรมชาติได้ สมมติว่าพืชพวกนี้อายุขัยหายไปซักหนึ่งในสิบหลังเร่งโต…ถ้าแบบนั้นชั้นก็แค่ปลูกต้นไม้อายุขัยพันปี แบบนั้นถึงอายุขัยพวกมันเหลืออยู่เก้าร้อยมันก็น่าจะยังพอใช้ได้อยู่นะ?

ในระหว่างที่คิดแบบนั้นอยู่ พวกมันฝรั่งที่ชั้นปลูกไว้ก็ค่อยๆโตขึ้นทีละเล็กทีละน้อย ชั้นจะเหลือต้นที่ดูแข็งแรงที่สุดไว้ จากนั้นก็ถอนรากที่เหลือออกมา

จากนั้นก็ยัดเวทย์บูสต์เข้าไปอีกดอกนึง

ต่อไปก็ถึงเวลาเก็บเกี่ยว ได้มันฝรั่งที่ดูใช้ได้ออกมาประมาณสิบหัว จากนั้นก็เอาพวกมันไปผ่านกระบวนการตัด-ตาก-ปลูกใหม่หมด

แน่นอนว่าชั้นไม่ได้เป็นคนทำเองหรอก ใช้โกเลมเอาน่ะ

จะให้คนอย่างชั้นมาใช้แรงงานงั้นเหรอ ไม่มีทางซะหรอก แค่ใช้โกเลมที่สร้างจากเวทย์ดินก็พอแล้ว

คิดว่าชั้นทำงานในไร่เป็นรึไง? ชาติที่แล้วชั้นเป็นนีทนะเฟ้ย! นีทโลกไหนมันเคยทำไร่ไถนากัน?! ไปเลย เหล่าสมุนโกเลมของตูข้า!

อะไรนะ? ค่าทำโอทีเหรอ? โทษนะ แต่บริษัทนี้ไม่อยู่ภายใต้กฏหมายคุ้มครองแรงงานใดๆทั้งสิ้น ถ้าอย่างนั้นก็ทำงานเยี่ยงทาสต่อไปจนกว่าจะตายซะ!

“กูววว…” โกเลมร้องออกมาหน่อยๆจากปากเล็กๆของพวกมันในขณะที่ยังทำงานไปด้วย

หลายชั่วโมงต่อมา พวกโกเลมของชั้นก็ถูกเปลี่ยนกลับไปเป็นดินดังเดิม หลงเหลือไว้เพียงไร่มันฝรั่งที่สวยงาม

ที่เหลือก็แค่เอาไปบอกทุกคนว่าไอ้นี่มันกินได้ แล้วก็สอนวิธีเพาะปลูกและเก็บเกี่ยวให้ พร้อมกับแถมไร่นี้ให้ไปด้วยเลย

ต้องทำให้แน่ใจว่าวิธีปลูกมันฝรั่งนี้จะแพร่หลายออกไปทุกหนทุกแห่ง ถ้าเสร็จตรงนั้นแล้ว งานของชั้นก็น่าจะถือว่าเรียบร้อย ที่เหลือก็ปล่อยให้พวกชาวไร่จัดการกันเอง

เท่านี้ก็จะกลายเป็นระบบมดงานที่ต้องคอยส่งอาหารมาให้ชั้นที่เป็นราชินีมด มีมันฝรั่งให้กินไปอีกชาติกว่า!

จะทำไงดีให้คนรู้ว่ามันฝรั่งนี่ของอร่อยดีนะ? วิธีที่ดีที่สุดก็น่าจะเป็นให้พวกเขาได้ลองชิมกัน

เป็นเพราะว่าไม่มีใครเคยกินมันฝรั่งมาก่อน ก็แน่นอนว่าไม่มีใครรู้วิธีปรุงมัน ดูเหมือนว่า…ชั้นต้องเป็นคนทำเองสินะ?

มันฝรั่งต้มนี่ของเบสิค แต่ก็จะขาดเฟรนฟรายหรือสลัดมันฝรั่งไปไม่ได้เหมือนกัน…จริงๆมันอบเนยก็น่ากินนะ…

ก็ทำมันหลายๆแบบนี่แหละ ต้องมีที่ใช้งานได้ซักอย่างสองอย่างล่ะวะ

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+