Dawn of a new era รุ่งอรุณแห่งยุคใหม่ 82

Now you are reading Dawn of a new era รุ่งอรุณแห่งยุคใหม่ Chapter 82 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 82 ผ่านการทดสอบอย่างง่ายดาย

เวลาผ่านไป ผู้คนทยอยเข้ามากันเรื่อยๆ ในไม่ช้าจำนวนคนมีมากเกินกว่าห้าสิบคนแล้ว ผู้หญิงคิดเป็นหนึ่งในสี่ของจำนวนคนที่มาเข้ารับการทดสอบทั้งหมด ดังนั้นทั้งห้องลงทะเบียนเริ่มเต็มไปด้วยผู้คนแออัด

เมื่อใกล้เวลาสิบโมงตรง

กลุ่มคนชายหญิงสวมเครื่องแบบเหมือนกันผลักประตูเดินเข้ามา

ในบรรดากลุ่มคนมีชายสองคนหญิงหนึ่งคน เป็นชายวัยกลางคนไว้ผมทรงสกินเฮดรูปร่างแข็งแรงหนึ่งคน ชายหนุ่มรูปร่างผอมและดูเข้มงวดหนึ่งคน และหญิงสาวสีหน้าเย็นชาอายุประมาณสามสิบปีอีกหนึ่งคน

“ผู้รับรองเอกสารประจำสำนักเอกสารรับรองด้านศิลปะการต่อสู้มาแล้ว” มีคนพูดกระซิบขึ้น

จากนั้นบรรยากาศที่นี่ที่เคยเสียงดังเอะอะโวยวายได้เงียบลงในทันที กลายเป็นบรรยากาศที่เงียบสงบมาก

เฉินโจวอี้เห็นได้อย่างชัดเจนว่าคนพวกนี้คือชาวยุทธ โดยเฉพาะชายวัยกลางคนนั่นที่ตัดสกินเฮด ฝีเท้าของเขาเบาจนไร้เสียง ราวกับเสือชีตาห์ที่กำลังเยื้องย่างเข้ามา ขนาดเฉินโจวอี้เองยังเกิดความรู้สึกกดดันอยู่บ้าง

นี่คงจะเป็นชาวยุทธยอดฝีมือ!

ระดับของผู้ที่เรียนรู้ศิลปะการต่อสู้แบ่งเป็นชาวยุทธฝึกหัด ชาวยุทธและชาวยุทธยอดฝีมือ ชาวยุทธยอดฝีมือเป็นระดับที่เฉินโจวอี้รู้ว่าเป็นกองกำลังชั้นนำของมนุษย์

ในความเป็นจริง มันไม่ได้อยู่ในแวดวงเดียวกัน ขนาดชาวยุทธยังพบเจอได้ยาก ยิ่งไม่ต้องพูดถึงชาวยุทธยอดฝีมือเลย

แน่นอนว่าต่อให้คนทั่วไปพบเจอพวกเขาเข้า แต่ก็ไม่สามารถมองออกว่าพวกเขาอยู่ในระดับไหน

“หัวหน้าคะ ใกล้จะได้เวลาแล้ว น่าจะเข้าไปได้แล้วใช่ไหมคะ?” หญิงสาวที่มีสีหน้าเย็นชามองดูนาฬิกาแล้วหันไปถามชายวัยกลางคนที่ไว้ผมทรงสกินเฮด

ชายวัยกลางคนที่ไว้ผมทรงสกินเฮดพยักหน้า “งั้นเข้าไปกันเถอะ”

ทุกคนลุกขึ้นยืนทันที

ทุกคนเดินตามหลังผู้รับรองเอกสารด้านศิลปะการต่อสู้ พวกเขาเดินผ่านทางเดินเข้าไป ในไม่ช้าก็เข้าไปในห้องโถงด้านหลังอย่างรวดเร็ว

ภายในมีลู่วิ่งที่ทำขึ้นมาโดยเฉพาะ และเครื่องวัดแรงแบบต่างๆ รวมถึงเครื่องไม้เครื่องมือจำนวนมาก

“จำนวนคนค่อนข้างมาก ดังนั้นเราจะไม่ปล่อยให้เสียเวลา เราจะเริ่มการทดสอบความเร็วของหมัดก่อนแล้วกัน” ผู้รับรองเอกสารชายหนุ่มคนนั้นเปิดเอกสารดู ด้านไหนเป็นเอกสารจำนวนมาก เขาพลิกเอกสารพลางพูดขึ้น “คนแรก โม่ซิงหยวน”

พนักงานในสถานที่ทำการทดสอบคนหนึ่งรีบเปิดสวิตซ์เลเซอร์วัดความเร็วอย่างรวดเร็ว แล้วรีบถอยออกไป

ชายหนุ่มคนหนึ่งอายุประมาณยี่สิบเจ็ดยี่สิบแปดปีรีบเดินขึ้นมาด้านหน้า เขาสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วกระแทกหมัดลงไปโดยใช้ท่าเดียวกับท่าพุ่งแทงดาบ

“สองร้อยห้าเมตรต่อวินาที ผ่าน! คนต่อไปหลินห้าวหราน”

….

ท่าก้าวเท้าพุ่งไปแทงเป็นกระบวนท่าที่เร็วที่สุดในบรรดากระบวนท่าของศิลปะการต่อสู้ มันเกี่ยวข้องกับกล้ามเนื้อมากที่สุด พลังในการโจมตีของมันทรงพลังมาก นอกจากนี้ยังเป็นตัวแทนของกระบวนท่าเคลื่อนย้ายตัวได้ดีที่สุด

ด้วยพลังระเบิดที่ไม่มีใครเทียบ มันมักจะทำให้คู่ต่อสู้เจ็บปวดเกินกว่าจะจินตนาการได้

อย่างไรก็ตามการเคลื่อนไหวนี้เป็นเหมือนเส้นเวทย์มนตร์ในเทพนิยาย

นอกจากมีคนใช้ท่าแทงดาบและแทงหอกแล้ว มีเพียงไม่กี่คนที่ใช้ท่ายิงธนู หากใช้หมัดในการโจมตี มีเพียงแค่บทสรุปเดียวเท่านั้น คนที่ถูกโจมตีจะถูกทำลายโดยตรงและคนที่โจมตีจะกระดูกมือหัก

….

“คนต่อไปเฉินโจวอี้!” ผู้รับรองเอกสารถามย้ำเพื่อความแน่ใจอีกรอบ “เธออายุแค่สิบเจ็ดเองเหรอ?”

หลังจากที่เฉินโจวอี้ลุกขึ้นยืนแล้ว เขาก็พยักหน้าตอบ “ใช่ครับ!”

ผู้รับรองเอกสารคนนี้เหลือบมองเขาอยู่แวบหนึ่ง แล้วหันไปมองเอกสารของเขาอีกครั้ง ทันใดนั้นสีหน้าของเขาแสดงความไม่พอใจออกมาทันที “การทดสอบชาวยุทธเป็นเรื่องจริงจัง ไม่ใช่เรื่องเด็กเล่น ถึงแม้ว่าจะจริงที่ชาวยุทธฝึกหัดทุกคนสามารถลงทะเบียนได้ แต่ฉันหวังว่าเธอจะไม่มาสิ้นเปลืองทรัพยากรของทางการ ไปฝึกอีกสักสองสามปีค่อยมาเถอะ คนต่อไปหูยวี่ถิง”

เขามักจะเบื่อหน่ายพวกที่เห็นได้ชัดว่าไม่มีความแข็งแกร่งแต่กลับไม่รู้ตัวเอง แล้วยังจะมาลงทะเบียนอีก แบบนี้มันทำให้พวกเขาเสียเวลา

“เดี๋ยวก่อน!” เฉินโจวอี้เริ่มไม่พอใจ “แบบนี้จะดูแค่อายุไม่ได้นะครับ คุณรู้ได้ยังไงว่าผมไม่ได้ ก็แค่ให้ผมลองดูก้ได้นี่ครับ”

“ฉันไม่ได้พุ่งเป้าไปที่เธอ และมันก็ไม่ได้เกี่ยวกับอายุด้วย ถ้าหากเธอผ่านการทดสอบชาวยุทธฝึกหัดมาเป็นเวลาสองสามปีแล้ว ฉันก็จะมองว่าเธอมีพรสวรรค์ แต่ฉันพึ่งจะดูวันที่ในการผ่านการทดสอบชาวยุทธฝึกหัดของเธอคือเมื่อวันก่อน และยังเป็นนักเรียนมัธยมปลายอยู่เลย”

ทุกคนหัวเราะเยาะออกมา

เฉินโจวอี้อ้ำอึ้ง เขาไม่สามารถโต้เถียงกับเรื่องนี้ได้จริงๆ จะให้โทษตัวเองว่ามีความก้าวหน้ารวดเร็วงั้นเหรอ?

“คงเสียเวลาไปไม่เท่าไรหรอก ให้เขาลองเถอะ!” ในที่สุดชายวัยกลางคนไว้ผมทรงสกินเฮดก็พูดขึ้น

เมื่อเห็นว่าหัวหน้าพูดเช่นนี้แล้ว เขาจึงทำได้เพียงพูดขึ้น “งั้นก็รีบเริ่มสิ อย่าทำให้เสียเวลา”

เมื่อพบเจอกับคนที่เข้มงวดจริงจังเช่นนี้ เฉินโจวอี้ก็รู้สึกหดหู่ใจจริงๆ

เขาถอนหายใจด้วยความโล่งอกแล้วเดินไปที่ด้านหน้าของเส้นวัดความเร็ว จากนั้นเรียกสมาธิอยู่พักหนึ่ง

จากนั้นเขาก้าวไปด้านหน้าอย่างพลิ้วไหวราวกับวิญญาณ แรงถูกส่งผ่านจากปลายเท้าขึ้นมาเรื่อยๆ เช่นเดียวกับเกียร์ที่มีการทำงานประสานกันอย่างแน่นหนา แรงถูกส่งผ่านมาถึงแขนราวกับระเบิดลูกหนึ่งที่กลายเป็นเงา แล้วทันใดนั้นมันก็ระเบิดออกทันที

เขาชกหมัดที่เต็มไปด้วยพลังมหาศาลออกไปอย่างราบรื่น พลังทั้งหมดในร่างกายยถูกส่งไปพร้อมกับหมัด

“พลั่ก!”

ราวกับอากาศระเบิดออกจากกัน เกิดลมปั่นป่วนไปทั่วทุกทิศ

คนที่มามุงดูทั้งหมด ต่างถอยหลังออกไปหนึ่งก้าวตามสัญชาตญาณ

“สะ…..สามร้อยแปดสิบเมตรต่อวินาที!” ผู้รับรองเอกสารสาวที่มีใบหน้าเย็นชามองดูจอแสดงผลจากเลเซอร์วัดความเร็วแล้ว เธอไม่สามารถเก็บอารมณ์ได้อีกต่อไป สีหน้าของเธอเต็มไปด้วยความประหลาดใจ

เธอเองก็ไม่สามารถชกได้ความเร็วเช่นนี้เหมือนกัน ในความเป็นจริงนั้น อย่าว่าแต่เธอเลย นอกจากหัวหน้าที่เป็นชาวยุทธยอดฝีมือแล้ว ชาวยุทธทั่วไปจะมีใครบ้างที่ทำแบบเขาได้?

รอบด้านต่างพากันตกตะลึงทันที ขนาดชายวัยกลางคนไว้ผมทรงสกินเฮดยังอดที่จะหันไปมองเฉินโจวอี้ไม่ได้ ตอนแรกเขารู้สึกได้เลือนลางว่าพลังของเด็กหนุ่มคนนี้ไม่ธรรมดา แต่คิดไม่ถึงเลยว่าจะดุดันราวมังกรเจียวหลงเช่นนี้!

….

“ความเร็วหมัดของชาวยุทธมีมาตรฐานที่สองร้อยเมตรต่อวินาทีเท่านั้น แต่นี่มันเร็วกว่าเกือบสองเท่าเลย ความเร็วแบบนี้คงไม่ดูเกินจริงไปหน่อยใช่ไหม เขาคงไม่ใช่พวกที่สอบผ่านชาวยุทธแล้วปลอมตัวมาแสดงฝีมือใช่ไหม!”

“มันแปลกไปหน่อยนะ หมัดหนักราวกับระเบิด ขนาดอากาศยังถูกชกตนระเบิดเลย”

ฝูงชนกระซิบกระซาบกัน

ผู้รับรองเอกสารชายหนุ่มคนนั้นมีสีหน้าตกตะลึง หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็เรียกสติของตัวเองกลับมา พลางหัวเราะเยาะตัวเอง “ดูท่าสายตาของฉันคงจะไม่ดีแล้ว แต่ฉันก็แค่ดูจากสถานการณ์ไม่ได้ดูที่คนจริงๆ หวังว่าเธอจะไม่ใส่ใจมันนะ ผ่าน! คนต่อไปหูยวี่ถิง”

เฉินโจวอี้ไม่ได้สนใจมาตั้งนานแล้ว ก็เหมือนกับที่เขาพูดไว้ที่ว่าดูจากสถานการณ์ไม่ได้ดูที่คน ถ้าเป็นคนอื่นก็คงต้องตั้งคำถามกันบ้างแหละ ดังนั้นเฉินโจวอี้จึงยิ้มให้เขาแล้วก้าวถอยหลังออกไป

“ไอ้หนุ่ม นายเก่งมาก ดูจากพลังของนายในตอนนี้ สามารถมาทำการทดสอบชาวยุทธได้ตั้งนานแล้ว ทำไมถึงเอาแต่อยู่เฉย แล้วไม่ยอมมาสอบสักทีล่ะ?”

“ถ้าสอบผ่าน ใครจะไม่อยากไปสอบกัน ความแข็งแกรงของผมก้าวหน้าเร็วมาโดยตลอด แต่ผมก็แค่ไม่ค่อยถนัดวิชาดาบเท่านั้นเอง เลยไม่ได้มาทำการทดสอบสักที” เฉินโจวอี้พูดอย่างช่วยไม่ได้

นี่คือคำอธิบายที่เขาคิดมาดีแล้ว และเป็นคำอธิบายที่สมเหตุสมผลที่สุด

“ไม่แปลกใจเลย!” ทุกคนโล่งใจ

มีคนบางพวกที่สามารถเพิ่มความแข็งแรงของร่างกายได้อย่างง่ายดายตั้งแต่เกิด

โดยเฉพาะลูกหลานของพวกครอบครัวชาวยุทธ ยีนของพวกเขาดีกว่าคนทั่วไป ต่อให้พวกเขาไม่เดินตามเส้นทางของชาวยุทธ พอตอนโตร่างกายของพวกเขาจะแข็งแรงกว่าคนทั่วไปมากโดยที่ไม่ต้องออกกำลังกายใดๆ

เด็กหนุ่มคนนี้คาดว่าจะเป็นพวกนั้นเช่นกัน

….

การทดสอบต่อไปคือการทดสอบความเร็ว

“ทุกคนระวัง เตรียมตัว ปัง!”

เมื่อเสียงปืนให้สัญญาณดังขึ้น ขณะเดียวกัน เท้าของเฉินโจวอี้ออกแรงยันไปที่พื้นแล้วพุ่งตัววิ่งออกไปในทันที

พลังที่แข็งแกร่งทำให้พื้นพลาสติกเกิดควันและเต็มไปด้วยกลิ่นเหม็น

แต่ละก้าวของเขาข้ามไปได้ไกลถึงห้าหกเมตร เท้าของเขาวิ่งสลับไปมารวดเร็วราวกับเงา เขาพุ่งตัวไปราวกับแสงแฟลช ไม่นานเขาก็มาถึงเส้นชัย

“4.65 วินาที ผ่าน!”

เฉินโจวอี้ส่ายหัว เขาไม่เคยฝึกวิ่งระยะสั้นมาก่อน และไม่เคยมีเทคนิคในการวิ่งเลย ถ้าหากเขาตั้งใจฝึกมันโดยเฉพาะ คาดว่าความเร็วคงไม่เกิน 4.5 วินาที

ถ้าเขายังมีความสามารถในการควบคุมลมอยู่ล่ะก็ เขาคงใช้เวลาแค่ 3 วินาที

ความแข็งแรงและความว่องไวของเขามากกว่าคนทั่วไปถึงสามเท่า อุปสรรคที่ขัดขวางความเร็วของเขาคือความต้านทานลม เมื่อความต้านทานลมลดลง ความเร็วของเขาจะเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด

จากนั้นเป็นการทดสอบแทงลูกบอล

การทดสอบนี้มีอัตราล้มเหลวสูงมาก

เกณฑ์ในการทดสอบคือจะต้องแทงลูกบอลเหล็กขนาดเท่านิ้วหัวแม่มือที่แกว่งมาแบบไร้ทิศทาง ในแต่ละครั้งห้ามแทงพลาด ห้ามแทงแต่อากาศ และต้องแทงต่อเนื่องในระยะเวลาหนึ่งนาที

หลายคนมาตกม้าตายในรอบนี้ รอบนี้ไม่เพียงแต่ทดสอบทักษะพื้นฐานที่แข็งแกร่ง ความเร็วในการตอบสนองความคิด ความสามารถในการวางแผนโดยรวม นอกจากนี้ยังต้องการทดสอบคุณภาพทางจิตวิทยาของผู้เข้ารับการทดสอบแต่ละคนอย่างจริงจัง หากประหม่าเพียงเล็กน้อย ใจไม่นิ่ง ก็จะล้มเหลวเอาได้ง่ายๆ

แต่สำหรับเฉินโจวอี้ที่เคยฝึกภายใต้แรงโน้มถ่วงที่สูงถึงสามเท่า การทดสอบแบบนี้ถือเป็นเรื่องง่ายดาย

ผู้เข้ารับการทดสอบทุกคนตกตะลึงจนชาไปทั้งตัว ขนาดพวกผู้รับรองเอกสารยังจับจ้องที่เฉินโจวอี้อยู่หลายครั้ง

จนกระทั่งมาถึงการทดสอบความแข็งแกร่งซึ่งเป็นการทดสอบสุดท้าย ทุกคนถึงจะค่อยโล่งใจ

ถึงแม้ว่าความแข็งแกร่งของอีกฝ่ายจะไกลเกินกว่ามาตรฐานของชาวยุทธ แต่สุดท้ายก็ไม่ได้มีมากกว่าจนเกินไป

….

หลังจากที่เวลาดำเนินมาใกล้ช่วงสิบเอ็ดโมงครึ่ง การทดสอบชาวยุทธเป็นอันสิ้นสุดลง คนที่ผ่านการทดสอบมีเพียง 20% เท่านั้น หลายคนห่างจากมาตรฐานเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ถ้าตั้งใจทำการทดสอบให้ดีกว่านี้อีกนิดก็จะสามารถผ่านการทดสอบแล้ว แต่บางทีพวกเขาอาจจะประหม่าหรือโชคไม่ดี จึงลำให้ล้มเหลวและต้องกล่าวอำลาในที่สุด

แน่นอนว่าคนแบบเฉินโจวอี้ ต่อให้ไม่ตั้งใจทำการทดสอบ ก็ยังสามารถผ่านการทดสอบได้อย่างง่ายดาย

“รายชื่อผู้ที่ผ่านการทดสอบจะประกาศในเว็บไซต์ทางการของศิลปะการต่อสู้แห่งเมืองเหอตง! การทดสอบการรบจริงในครั้งต่อไปจะจัดขึ้นในอีกห้าวัน พอถึงตอนนั้นโปรดมารวมตัวกันที่สมาคมชาวยุทธ รายละเอียดอื่นสามารถติดตามได้จากในเว็บไซต์”

จบตอน

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด