I Walk Among Zombies 1

Now you are reading I Walk Among Zombies Chapter 1 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

I Walk Among Zombies VN

ผู้แปล : คนเหงาและง่วง

Chapter : 1 ตื่นมาในโลกที่มีแต่ซอมบี้

.

.

.

ดิ้ง ดิ้ง ดิ้ง ดิ้ง

 

มีเสียงหยดน้ำดังมาจากใกล้ๆ

ร่างกายบนพื้นเย็นเฉียบ เช่นเดียวกับพื้นเบื้องล่าง

ร่างกายแข็งทื่อ

กล้ามเนื้อราวกับยางแข็งๆ

 

สิ่งนั้นดันแขนลงกับพื้น ข้อต่อส่งเสียงลั่นเอี๊ยดอ๊าดขณะพยายามลุกขึ้น

ร่างที่คลุมเคลือเกลื่อนกลาดอยู่ด้านหน้า

ดูเหมือนว่ามันจะนอนอยู่บนทางเดิน

ทำไมมันถึงมาอยู่ในที่แบบนี้…?

จำอะไรไม่ได้เลย

 

สิ่งนั้นพยายามที่จะยืนขึ้น

การเคลื่อนไหวของมันแข็งทื่อราวกับเครื่องจักรที่ขึ้นสนิม

ทัศนวิสัยพร่ามัวอย่างประหลาด

 

ดิ้ง ดิ้ง ดิ้ง ดิ้ง

 

หิวชะมัด…

หิวมากเสียจนเกือบจะทนไม่ไหว

ราวกับไม่ได้กินอะไรมาหลายวัน

สิ่งนั้นไถลไปข้างหน้าเพื่อมองหาอาหาร

แล้วมันก็ได้ยินเสียง

 

ดิ้ง ดิ้ง

 

เสียงของน้ำดังขึ้นอีกครั้ง มันใกล้อย่างไม่น่าเชื่อ

มันก้มหน้าลงและมองเห็นแอ่งเลือดที่กองอยู่ใต้เท้ามัน

 

ตื่นตระหนก และพยายามเด้งตัวกลับ

แต่ขากลับไม่ยอมตอบสนอง

แขนของมันเคลื่อนไหวตรงความกับความต้องการ

 

ทัศนวิสัยเข้ามาสู่ดวงตาที่ย้อมไปด้วยสีแดงเข้ม

 

“อึก!?”

 

ชายคนหนึ่งสะดุ้งลุกจากเตียง ทำให้ผ้าปูที่นอนกระจายออกไป

 

“อึก…”

 

ความรู้สึกปวดหัวแล่นเข้ามาอย่างรุนแรง เขายกมือขึ้นกุมศีรษะ

ความเจ็บปวดจางหายไปในทันที

ผ้าม่านปิดสนิท ห้องถูกปกคลุมด้วยความมืด

เขาสังเกตได้ว่ายังคงได้ยินเสียงหยดน้ำจากความฝัน

 

“…?”

 

เขาหันไปมองที่ห้องครัว

เสียงหยดน้ำดังมาจากก๊อกน้ำในห้องครัว

หลังจากจ้องอยู่เงียบๆสักพัก เขาก็ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่

 

“…เฮ้อออ เมื่อกี้มันอะไรกันน่ะ?”

 

มันเป็นฝันที่แปลกประหลาด

 

เขาลุกขึ้นเพื่อเดินไปที่ห้องครัว

เขารินชาบาเล่ย์จากตู้เย็นลงในถ้วยก่อนกลืนมันลงไป

ของเหลวเย็นๆ ชุบชีวิตให้ร่างกายที่ขาดน้ำของเขา

ในที่สุดเขาก็ตื่นจากอาการง่วงซึม

ขณะที่เขาเก็บชาบาเล่ย์กลับคืน…

 

“โอ๊ย”

 

…ความเจ็บปวดเล่นงานที่แขนของเขา

แขนเสื้อของเขาฉีกขาด

ใต้แขนเสื้อที่ฉีกขาดมีรอยกัด ราวกับถูกโจมตีโดยสุนัข

เขาม้วนแขนเสื้อที่หุ้มด้วยเลือดขึ้นเพื่อมองแผลด้านล่างให้ชัดๆ

เมื่อเขามองมัน เหตุการณ์ที่ผ่านมาเมื่อไม่กี่วันก่อนก็วูบเข้ามาในความคิด

 

 

-โลกเต็มไปด้วยซอมบี้ วันที่สิบ-

 

 

ทาเคมุระ ยูสุเกะ

พนักงานออฟฟิศวัย 25 ปี

เขาตกงานเมื่อบริษัทที่เขาทำงานอยู่ล้มละลาย และการหางานใหม่ก็ไม่ได้ราบรื่น เป็นเวลาสักพักแล้วที่เขาหมกตัวอยู่ในอพาร์ตเม้นต์โดยไม่ได้ทำอะไรนอกจากเล่นเกม

มันคือเกมแอคชันประเภทที่ใช้ปืนถล่มศัตรูให้ราบ

 

เขาเล่นต่อเนื่องมาเป็นสัปดาห์

เวลาเดียวที่เขาได้พักคือการโกนหนวดอย่างเร่งรีบแล้วออกไปซื้ออาหาร

 

ระหว่างที่กำลังออกไป ชายคนหนึ่งที่เขาไม่รู้จักก็เข้าจู่โจมเขาอย่างกระทันหัน

ชายวัยกลางคนในชุดสูท น้ำลายไหลย้อยจากปาก ใบหน้าที่บิดเบี้ยว เขาพุ่งเข้าใส่ยูสุเกะ

ยูสุเกะเตะเข้าที่ชายคนนั้นโดยสัญชาตญาณเพื่อป้องกันตัว ชายคนนั้นซัดโซเซกลับไป แต่เพียงครู่เดียวเขาก็กลับมายืนใหม่อีกครั้งต่อหน้ายูสุเกะ

ยูสุเกะเหวี่ยงกระถางต้นไม้ที่อยู่ใกล้ๆเข้าใส่ชายคนนั้น และหนีกลับเข้าห้อง

 

ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว

ชายคนนั้นไล่ตามเขาและพยายามทุบเข้าที่ประตู

ยูสุเกะตื่นตระหนกและพยายามโทรหาตำรวจ แต่กลับไม่มีการตอบรับ

 

สักพักเขาก็เริ่มรู้สึกไม่สบาย ขาของเขาเริ่มพยุงร่างไว้ไม่อยู่

เขารวบรวมพละกำลังสุดท้ายเหวี่ยงร่างกับประตู เอนตัวไปที่เตียงแล้วล้มลงนอน

และความทรงจำก็ตัดลง

 

เมื่อเช็กโทรศัพท์ เขาพบว่าตัวเองหมดสติไปสามวันติด

ขณะที่ความทรงจำที่โดนโจมตีกลับมา เขาวิ่งไปเช็กที่ประตูทางเข้า แต่กลับไม่มีวี่แววของชายที่เข้าจู่โจม

 

“หมอนั่นเป็นใครกันน่ะ?”

 

ดูเหมือนว่าตอนนี้เขาจะปลอดภัยแล้ว แต่เขาก็ยังลังเลที่จะออกไปข้างนอก

เขานั่งลงที่โต๊ะและเริ่มเปิด PC จากนั้นก็ค้นหาข้อมูลเหตุการณ์ต่างๆในเน็ต

ก่อนอื่น เขาพยายามค้นว่ามีชายแปลกหน้าถูกจับหรือไม่

แต่ในไม่ช้าเขาก็ได้รู้ว่าโลกนี้ยุ่งเหยิงเกินกว่าจะมายุ่งกับคนบ้าเพียงคนเดียว

 

“้เหลือจะเชื่อ…”

 

โรคลึกลับเกิดประทุขึ้นพร้อมกันทั่วทุกมุมโลก

อัตราการเสียชีวิต 100% ไข้จะขึ้นสูงจนสมองถูกทำลาย และผู้ติดเชื้อจะมีชีวิตอยู่ได้ไม่กี่วัน หลังจากผ่านไประยะหนึ่ง ศพจะกลับมามีชีวิตอีกครั้งพร้อมโจมตีผู้คนอย่างไม่เลือกหน้า

 

ใครก็ตามที่ถูกกัดขะติดเชื้อ และเสียชีวิตในเวลาต่อมา

หลังจากนั้น พวกเข้าก็จะเข้าร่วมการรุกราน

 

“ซอมบี้งั้นเหรอ? ไม่จริงน่า…”

 

เขาพึมพำ

เขาคลิ๊กเข้าเว็บไซต์ต่างๆ แต่ครึ่งหนึ่งกลับออฟไลน์ แม้แต่ผู้รอดชีวิตก็ไม่ได้อัปเดตในช่วงสี่วันที่ผ่านมา

เขาพบเว็บไซต์ไม่กี่เว็บที่ฟีดยังเรียลไทม์ แต่เรื่องราวก็น่าสิ้นหวัง

 

รัฐบาลกลางหยุดทำงาน กองทัพยังคงพยายามช่วยเหลือในพื้นที่ต่อไป แม้จะดำเนินไปอย่างไม่ราบรื่นก็ตาม ถนนเต็มไปด้วยรถที่ถูกทิ้งร้าง และผู้ลี้ภัยก็ถูกทอดทิ้งตามสถานที่ต่างๆ

 

ราวกับโลกที่เพิ่งถูกภัยพิบัติเข้าคุกคาม

 

“…”

 

เขานั่งจ้องจอคอมพิวเตอร์อย่างเงียบงันในห้องที่มืดมิด เขาเพียงยังไม่เข้าใจเรื่องราวที่เกิดขึ้น

 

“…จริงสิ โทรทัศน์”

 

เมื่อเปิดโทรทัศน์ เขาพยายามเลื่อนหาช่องต่างๆเพื่อหาข่าว แต่ก็เจอเพียงแค่จอซ่าขาวดำ

ยูสุเกะยืนขึ้นและเดินไปที่หน้าต่างริมระเบียง

 

เขาเปิดม่านออก เหลือบมองแสงอาทิตย์ที่สว่างจ้า

 

มุมมองจากอพาร์ตเม้นต์ชั้นห้าของเขายังคงเหมือนเดิม มองเห็นเพียงอาคารและตึกสูง ที่เรียงรายกันไปตามทัศนวิสัย

 

เขาเปิดประตูบานเลื่อนและเดินออกไปที่ระเบียง

เมื่อมองไปรอบๆ เขาสังเกตบางสิ่งบนพื้นข้างล่าง รถที่ถูกทิ้งร้างเกลื่อนบนถนน บางสิ่งที่ยืนอยู่บนทางเท้า และบ้างก็กระแทกเข้าที่หน้าร้านค้า

 

เขายังคงสามารถเห็นร่างของผู้คนที่อยู่ใกล้ๆได้ อย่างไรก็ตาม พวกเขาดูโซซัดโซเซและไร้จุดหมาย ราวกับเพียงเดินเตร่ไปมาอย่างไร้สติ ยูสุเกะไม่สามารถบอกได้อย่างชัดเจนว่าเขาติดเชื้อหรือไม่จากจุดที่เขายืนอยู่

 

“มีบางอย่างผิดปกติที่นี่”

 

เขาพึมพำขณะเดินกลับเข้าห้องและนั่งลงบนเก้าอี้

 

แต่มีบางอย่างที่ชัดเจนแล้ว อย่างน้อยๆ การติดเชื้อก็เกิดขึ้นราวๆระหว่างที่ยูสุเกะกำลังหมกหมุ่นไปกับเกม ในเวลาเพียงสองหรือสามวัน มันก็ลุกลามไปทั่วญี่ปุ่น

 

(ชายคนนั้นคือซอมบี้งั้นเหรอ? งั้นก็หมายความว่า…?)

 

เมื่อนึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นกับเขา ยูสุเกะแข็งทื่อ

เขารีบถกแขนเสื้อขึ้นเพื่อดูจุดที่เขาถูกโจมตี

มันมีรอยกัดของคนที่จู่โจม มันทะลุผ่านเสื้อเข้าไปในเนื้อของเขา เลือดหยุดไหลแล้ว แผลก็ตกสะเก็ดเรียบร้อย

 

(ล้อเล่นใช่ไหมเนี่ย…)

 

ยูสุเกะรีบค้นอินเตอร์เน็ตอย่างร้อนรนใจ

อย่างไรก็ตาม…

ไม่ว่าจะเว็บไหน ก็บอกว่าหากถูกกัดแล้วก็จะตาย จบเพียงเท่านี้

 

“หรือว่ามันจะมีระยะฟักตัว? แต่ทุกเว็บก็บอกว่าจะตายภายในหนึ่งวัน จะว่าไปแล้วตอนนั้นชั้นก็มีไข้สูง”

 

อาการสั่นที่เขาได้รับหลังจากถูกกัดเหมือนเป็นสัญญาณของการติดเชื้อ

แต่ถึงอย่างนั้น ยูสุเกะกลับยังมีชีวิตอยู่

 

“หรือบางที ชายคนนั้นอาจจะไม่ใช่ซอมบี้ เป็นแค่ไอ้พวกบ้า แล้วแบคทีเรียก็เข้าผ่านทางบาดแผลชั้น…? มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่วะเนี่ย?”

 

เพื่อความแน่ใจ เขาค้นหาเบอร์โทรศัพท์ของโรงพยาบาลใกล้เคียงผ่านอินเตอร์เน็ต

แต่แล้วก็ไม่มีสัญญาณตอบรับ

ตำรวจและหน่วยดับเพลิงก็เช่นกัน

เขายังคงจับเรื่องราวที่เกิดขึ้นไม่ได้ สังคมทั้งหมดหยุดชะงักลง

 

หากเป็นแบบนี้ นั่งอยู่แบบนี้ไปก็ไม่ได้อะไร

ยูสุเกะเดินไปรอบๆอพาร์ตเม้นต์ในชั้นของเขาเพื่อตรวจสอบว่ายังมีใครอยู่ไหม

เขาคิดว่าหากเจอผู้รอดชีวิตคนอื่นอยู่อาจจะได้ข้อมูลเพิ่มเติม อินเตอร์เน็ตอย่างเดียวนั่นไม่น่าเชื่อถือพอ

 

อย่างไรก็ตาม เขาไม่พบใครเลย

อพาร์ตเม้นต์แต่บะห้องที่เขาตรวจสอบถูกล็อคสนิท

ดูเหมือนว่าผู้คนส่วนใหญ่ได้อพยพออกไปแล้ว

อย่างไรก็ตาม มีสามห้องที่ประตูไม่ได้ล็อค

 

“มีใครอยู่ไหมครับ?”

 

เขาส่งเสียงเรียก แต่ไม่มีใครตอบกลับมา

ข้างในอพาร์ตเม้นต์มืดสนิท ตรงทางเข้ามีรองเท้าผู้หญิงวางเรียงอย่างเป็นระเบียบ

เมื่อเห็นสิ่งนั้น เขานึกถึงผู้ที่อยู่อาศัยในอพาร์ตเม้นต์นี้

เจ้าของห้อง คุโรเสะซัง

เธอสวมแว่น รวบผมเปียไว้หลวมๆ และมักจะค่อนข้างดูมืดมน เขาไม่ได้พูดคุยกับเธอมากนัก เพียงแค่พูดคุยแลกเปลี่ยนกันนิดหน่อยเท่านั้น

 

หลังจากลังเลอยู่สักพัก เขาก็ปิดประตูข้างหลัง ถอดรองเท้า และก้าวผ่านทางเข้ามา

 

“ขอโทษนะครับ!”

 

เขาสับสวิตซ์เพื่อเปิดไฟ แล้วยืนยันว่าไม่มีใครอยู่ในบ้าน

แม้จะรู้สึกผิดที่บุกรุก แต่เขาก็ไม่หยุดและเดินเข้าไปข้างใน

 

แผงห้องเหมือนกับอพาร์ตเม้นต์ของยูสุเกะ หนึ่งห้องนอนพร้อมกับห้องครัวและห้องทานอาหารรวบกัน โต๊ะเป็นระเบียบเรียบร้อย และในครัวทุกอย่างตั้งแต่เครื่องปรุงจนไปถึงเครื่องใช้ต่างๆถูกจัดวางอย่างเป็นระเบียบ

ยังมีอีกหนึ่งห้อง เขาเลื่อนประตูออกเพื่อเข้าไปในห้องนอน

 

“ที่นี่ไม่มีคนจริงๆงั้นเหรอ?”

 

ม่านสีชมพูปิดอยู่ ความมืดปกคลุมทั่วห้อง มีแล็บท็อปวางอยู่บนโต๊ะ นอกจากนั้นมีเพียงตู้เสื้อผ้าและโต๊ะเครื่องแป้ง เป็นเพียงห้องที่เรียบง่าย

 

มีตุ๊กตาแมววางอยู่ใกล้ๆหมอน ให้ความรู้สึกสมกับเป็นห้องของผู้หญิง

ยูสุเกะรู้สึกผิดเล็กน้อยที่เข้ามายุ่งย่ามในห้องของผู้หญิงคนอื่น

ทันใดนั้น เขาก็ได้ยินเสียงบางอย่างที่แผ่วเบาด้านหลังเขา

 

ครึ่ก

“…!?”

 

เขาหันกลับมาอย่างสับสนและพบกับผู้หญิงผมสีดำยีนอยู่ข้างประตูบานเลื่อน

นั่นคือเจ้าของห้องนี้ คุโรเสะซัง

เนื่องจากเธอไม่ได้ใส่แว่น เขาจึงต้องใช้เวลาสักพักกว่าจะรู้ว่านั่นคือเธอ เธอแต่งตัวด้วยชุดลำลอง เสื้อไหมพรมที่เรียบง่ายกับกางเกงยีนส์

 

“อ๊ะ ขอโทษครับ พอดีว่าไม่ได้ยินเสียงตอบกลับ ก็เลย…”

 

เมื่อเขาพูดออกมา เขาก็สังเกตบางอย่างเกี่ยวกับคุโรเสะ

เธอกวาดมองมาที่ตัวเขา แต่ดวงตาของเธอไม่ได้โฟกัสที่จุดใด เธอดูไม่มั่นคงเล็กน้อย

 

“เอ่อ…?”

 

คุโรเสะค่อยๆหันกลับไปและเดินที่ทางเข้า

ยูสุเกะแข็งทื่ออยู่ชั่วขณะ แต่แล้วก็ไล่ตามเธอไป

เขาพบว่าเธอมองไปที่ประตู เอียงคอลงเล็กน้อย

 

“คุโรเสะซัง…?”

 

ครืดดด แครดดด

 

นิ้วมือของคุโรเสะขูดไปกับประตูไม้ ราวกับว่าเธอกำลังเคาะประตูอย่างช้าๆ

 

“กำลังทำอะไรอยู่น่ะ?”

 

เขามองไปที่เธอ แต่เธอไม่ได้ตอบกลับมา

ขณะที่ยังคงมองเธอต่อไป เขาอดคิดสงสัยไม่ได้ว่าบางที…

ผมของเธอยุ่งเหยิงเล็กน้อย แต่ยังคงดูสวยงาม

 

แว่นตาอาจจะทำให้คนบางคนดูเปลี่ยนไป แต่กรณีของคุโรเสะนั้นน่าทึ่งยิ่งกว่า ตอนนี้เธอดูให้ความประทับใจที่ต่างออกไปกับยูสุเกะ

เขาคิดว่าเธอยังดูมืดมนเล็กน้อย แต่ตอนนี้เธอดูมีรูปลักษณ์ที่เซ็กซี่มากขึ้น

 

เธอยังคงจ้องไปที่ประตูอย่างว่างเปล่า เขาสังเกตว่าสีหน้าของเธอนั้นดูไร้ชีวิตชีวา และนอกจากนั้นดวงตาของเธอยังเป็นสีแดงก่ำ

สีที่ประตูถลอกออกไปจากจุดที่เธอข่วน ในขณะเดียวกันเล็บของเธอก็มีรอยพัง เป็นไปได้ว่าเธอขีดข่วนประตูอยู่หลายครั้งก่อนที่ยูสุเกะจะมา

ปลายนิ้วของเธอดูทรุดโทรม

“คุโรเสะซัง?”

 

เขาพูดขณะจับไหล่เธอเบาๆ

ตัวเธอรู้สึกนุ่ม แม้จะอยู่ในเสื้อไหมพรม มันคือความนุ่มนวลของผู้หญิง

ถึงอย่างไร เขาไม่สามารถรู้สึกถึงอุณหภูมิของร่างกายเธอจากเสื้อผ้าได้เลย

 

คุโรเสะยังคงไม่ตอบเขา เขาวางมือลงบนหน้าผากของเธอ

 

(ล้อเล่นใช่ไหมเนี่ย)

 

ตัวเธอเย็นเฉียบ

ไม่ได้หนาวเย็นเหมือนอยู่นอกหิมะอะไรแบบนั้น แต่เย็นเหมือนกับหุ่น

เมื่อไม่อยากจะเชื่อเรื่องที่เกิดขึ้น ยูสุเกะเอานิ้วไปทาบที่ท้ายทอยของคุโระเสะอย่างเบามือ

 

คุโระเสะไม่สนใจ และยังคงเกาประตูต่อไป เขาพบหลอดเลือดแดงของเธอ จากนั้นกดลงอย่างเบาๆ และรออย่างเงียบๆ

อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าเขาจะรอแค่ไหน เขาก็ไม่รู้สึกถึงชีพจรของเธอเลย

 

“ไม่จริงน่า…”

 

เพื่อการยืนยัน เขายื่นมือไปปากของเธอ แต่เขากลับไม่รู้สึกถึงลมหายใจ

แม้จะรู้สึกผิดเล็กน้อย เขาก็เลื่อนมือลงไปที่หน้าอกของเธอ แต่เขากลับไม่รู้สึกถึงการเต้นของหัวใจเช่นกัน

 

“…”

 

ซอมบี้มักจะดูพิลึกพิลั่นในภาพยนต์ ดังนั้นเขาจึงยังไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่

นอกจากผิวสีซีดของเธอแล้ว รูปลักษณ์ทั่วไปของเธอก็ดูเหมือนกับมนุษย์ธรรมดา

 

ยูสุเกะใช้เวลาสักพักเพื่อยอมรับความจริงว่าเธอยังคงเคลื่อนไหวไปมา ทั้งๆที่เธอไม่มีชีพจรหรือการหายใจ

 

————————————-

แปลผิดตรงไหนขออภัย พอดีไม่ช่ำ

 

เนื่องจากเรื่องนี้เป็นเรท 18+ เพราะฉะนั้นตอนที่ถึงฉากนั้นผมจะไม่ลงในแมวดุ้นนะครับ แต่ถ้าอยากได้ก็เอาไปสิ ไปตามหาเอาเลย ฉันเอาทุกอย่างไปไว้ที่เพจหมดแล้ว(ถึง ณ วันที่ลงจะยังแปลไม่ถึงก็เถอะ)

คนเหงาและง่วง | Facebook

หรือจะเข้าดิสคอร์ดก็ได้

https://discord.gg/hMuzg9rz7v

 

 และถ้าอยากได้ภาพและเสียงชัดๆก็อุดหนุนเกมใน steam เลยครับ ชื่อเดียวกัน

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

I Walk Among Zombies 1

Now you are reading I Walk Among Zombies Chapter 1 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

I Walk Among Zombies VN

ผู้แปล : คนเหงาและง่วง

Chapter : 1 ตื่นมาในโลกที่มีแต่ซอมบี้

.

.

.

ดิ้ง ดิ้ง ดิ้ง ดิ้ง

 

มีเสียงหยดน้ำดังมาจากใกล้ๆ

ร่างกายบนพื้นเย็นเฉียบ เช่นเดียวกับพื้นเบื้องล่าง

ร่างกายแข็งทื่อ

กล้ามเนื้อราวกับยางแข็งๆ

 

สิ่งนั้นดันแขนลงกับพื้น ข้อต่อส่งเสียงลั่นเอี๊ยดอ๊าดขณะพยายามลุกขึ้น

ร่างที่คลุมเคลือเกลื่อนกลาดอยู่ด้านหน้า

ดูเหมือนว่ามันจะนอนอยู่บนทางเดิน

ทำไมมันถึงมาอยู่ในที่แบบนี้…?

จำอะไรไม่ได้เลย

 

สิ่งนั้นพยายามที่จะยืนขึ้น

การเคลื่อนไหวของมันแข็งทื่อราวกับเครื่องจักรที่ขึ้นสนิม

ทัศนวิสัยพร่ามัวอย่างประหลาด

 

ดิ้ง ดิ้ง ดิ้ง ดิ้ง

 

หิวชะมัด…

หิวมากเสียจนเกือบจะทนไม่ไหว

ราวกับไม่ได้กินอะไรมาหลายวัน

สิ่งนั้นไถลไปข้างหน้าเพื่อมองหาอาหาร

แล้วมันก็ได้ยินเสียง

 

ดิ้ง ดิ้ง

 

เสียงของน้ำดังขึ้นอีกครั้ง มันใกล้อย่างไม่น่าเชื่อ

มันก้มหน้าลงและมองเห็นแอ่งเลือดที่กองอยู่ใต้เท้ามัน

 

ตื่นตระหนก และพยายามเด้งตัวกลับ

แต่ขากลับไม่ยอมตอบสนอง

แขนของมันเคลื่อนไหวตรงความกับความต้องการ

 

ทัศนวิสัยเข้ามาสู่ดวงตาที่ย้อมไปด้วยสีแดงเข้ม

 

“อึก!?”

 

ชายคนหนึ่งสะดุ้งลุกจากเตียง ทำให้ผ้าปูที่นอนกระจายออกไป

 

“อึก…”

 

ความรู้สึกปวดหัวแล่นเข้ามาอย่างรุนแรง เขายกมือขึ้นกุมศีรษะ

ความเจ็บปวดจางหายไปในทันที

ผ้าม่านปิดสนิท ห้องถูกปกคลุมด้วยความมืด

เขาสังเกตได้ว่ายังคงได้ยินเสียงหยดน้ำจากความฝัน

 

“…?”

 

เขาหันไปมองที่ห้องครัว

เสียงหยดน้ำดังมาจากก๊อกน้ำในห้องครัว

หลังจากจ้องอยู่เงียบๆสักพัก เขาก็ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่

 

“…เฮ้อออ เมื่อกี้มันอะไรกันน่ะ?”

 

มันเป็นฝันที่แปลกประหลาด

 

เขาลุกขึ้นเพื่อเดินไปที่ห้องครัว

เขารินชาบาเล่ย์จากตู้เย็นลงในถ้วยก่อนกลืนมันลงไป

ของเหลวเย็นๆ ชุบชีวิตให้ร่างกายที่ขาดน้ำของเขา

ในที่สุดเขาก็ตื่นจากอาการง่วงซึม

ขณะที่เขาเก็บชาบาเล่ย์กลับคืน…

 

“โอ๊ย”

 

…ความเจ็บปวดเล่นงานที่แขนของเขา

แขนเสื้อของเขาฉีกขาด

ใต้แขนเสื้อที่ฉีกขาดมีรอยกัด ราวกับถูกโจมตีโดยสุนัข

เขาม้วนแขนเสื้อที่หุ้มด้วยเลือดขึ้นเพื่อมองแผลด้านล่างให้ชัดๆ

เมื่อเขามองมัน เหตุการณ์ที่ผ่านมาเมื่อไม่กี่วันก่อนก็วูบเข้ามาในความคิด

 

 

-โลกเต็มไปด้วยซอมบี้ วันที่สิบ-

 

 

ทาเคมุระ ยูสุเกะ

พนักงานออฟฟิศวัย 25 ปี

เขาตกงานเมื่อบริษัทที่เขาทำงานอยู่ล้มละลาย และการหางานใหม่ก็ไม่ได้ราบรื่น เป็นเวลาสักพักแล้วที่เขาหมกตัวอยู่ในอพาร์ตเม้นต์โดยไม่ได้ทำอะไรนอกจากเล่นเกม

มันคือเกมแอคชันประเภทที่ใช้ปืนถล่มศัตรูให้ราบ

 

เขาเล่นต่อเนื่องมาเป็นสัปดาห์

เวลาเดียวที่เขาได้พักคือการโกนหนวดอย่างเร่งรีบแล้วออกไปซื้ออาหาร

 

ระหว่างที่กำลังออกไป ชายคนหนึ่งที่เขาไม่รู้จักก็เข้าจู่โจมเขาอย่างกระทันหัน

ชายวัยกลางคนในชุดสูท น้ำลายไหลย้อยจากปาก ใบหน้าที่บิดเบี้ยว เขาพุ่งเข้าใส่ยูสุเกะ

ยูสุเกะเตะเข้าที่ชายคนนั้นโดยสัญชาตญาณเพื่อป้องกันตัว ชายคนนั้นซัดโซเซกลับไป แต่เพียงครู่เดียวเขาก็กลับมายืนใหม่อีกครั้งต่อหน้ายูสุเกะ

ยูสุเกะเหวี่ยงกระถางต้นไม้ที่อยู่ใกล้ๆเข้าใส่ชายคนนั้น และหนีกลับเข้าห้อง

 

ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว

ชายคนนั้นไล่ตามเขาและพยายามทุบเข้าที่ประตู

ยูสุเกะตื่นตระหนกและพยายามโทรหาตำรวจ แต่กลับไม่มีการตอบรับ

 

สักพักเขาก็เริ่มรู้สึกไม่สบาย ขาของเขาเริ่มพยุงร่างไว้ไม่อยู่

เขารวบรวมพละกำลังสุดท้ายเหวี่ยงร่างกับประตู เอนตัวไปที่เตียงแล้วล้มลงนอน

และความทรงจำก็ตัดลง

 

เมื่อเช็กโทรศัพท์ เขาพบว่าตัวเองหมดสติไปสามวันติด

ขณะที่ความทรงจำที่โดนโจมตีกลับมา เขาวิ่งไปเช็กที่ประตูทางเข้า แต่กลับไม่มีวี่แววของชายที่เข้าจู่โจม

 

“หมอนั่นเป็นใครกันน่ะ?”

 

ดูเหมือนว่าตอนนี้เขาจะปลอดภัยแล้ว แต่เขาก็ยังลังเลที่จะออกไปข้างนอก

เขานั่งลงที่โต๊ะและเริ่มเปิด PC จากนั้นก็ค้นหาข้อมูลเหตุการณ์ต่างๆในเน็ต

ก่อนอื่น เขาพยายามค้นว่ามีชายแปลกหน้าถูกจับหรือไม่

แต่ในไม่ช้าเขาก็ได้รู้ว่าโลกนี้ยุ่งเหยิงเกินกว่าจะมายุ่งกับคนบ้าเพียงคนเดียว

 

“้เหลือจะเชื่อ…”

 

โรคลึกลับเกิดประทุขึ้นพร้อมกันทั่วทุกมุมโลก

อัตราการเสียชีวิต 100% ไข้จะขึ้นสูงจนสมองถูกทำลาย และผู้ติดเชื้อจะมีชีวิตอยู่ได้ไม่กี่วัน หลังจากผ่านไประยะหนึ่ง ศพจะกลับมามีชีวิตอีกครั้งพร้อมโจมตีผู้คนอย่างไม่เลือกหน้า

 

ใครก็ตามที่ถูกกัดขะติดเชื้อ และเสียชีวิตในเวลาต่อมา

หลังจากนั้น พวกเข้าก็จะเข้าร่วมการรุกราน

 

“ซอมบี้งั้นเหรอ? ไม่จริงน่า…”

 

เขาพึมพำ

เขาคลิ๊กเข้าเว็บไซต์ต่างๆ แต่ครึ่งหนึ่งกลับออฟไลน์ แม้แต่ผู้รอดชีวิตก็ไม่ได้อัปเดตในช่วงสี่วันที่ผ่านมา

เขาพบเว็บไซต์ไม่กี่เว็บที่ฟีดยังเรียลไทม์ แต่เรื่องราวก็น่าสิ้นหวัง

 

รัฐบาลกลางหยุดทำงาน กองทัพยังคงพยายามช่วยเหลือในพื้นที่ต่อไป แม้จะดำเนินไปอย่างไม่ราบรื่นก็ตาม ถนนเต็มไปด้วยรถที่ถูกทิ้งร้าง และผู้ลี้ภัยก็ถูกทอดทิ้งตามสถานที่ต่างๆ

 

ราวกับโลกที่เพิ่งถูกภัยพิบัติเข้าคุกคาม

 

“…”

 

เขานั่งจ้องจอคอมพิวเตอร์อย่างเงียบงันในห้องที่มืดมิด เขาเพียงยังไม่เข้าใจเรื่องราวที่เกิดขึ้น

 

“…จริงสิ โทรทัศน์”

 

เมื่อเปิดโทรทัศน์ เขาพยายามเลื่อนหาช่องต่างๆเพื่อหาข่าว แต่ก็เจอเพียงแค่จอซ่าขาวดำ

ยูสุเกะยืนขึ้นและเดินไปที่หน้าต่างริมระเบียง

 

เขาเปิดม่านออก เหลือบมองแสงอาทิตย์ที่สว่างจ้า

 

มุมมองจากอพาร์ตเม้นต์ชั้นห้าของเขายังคงเหมือนเดิม มองเห็นเพียงอาคารและตึกสูง ที่เรียงรายกันไปตามทัศนวิสัย

 

เขาเปิดประตูบานเลื่อนและเดินออกไปที่ระเบียง

เมื่อมองไปรอบๆ เขาสังเกตบางสิ่งบนพื้นข้างล่าง รถที่ถูกทิ้งร้างเกลื่อนบนถนน บางสิ่งที่ยืนอยู่บนทางเท้า และบ้างก็กระแทกเข้าที่หน้าร้านค้า

 

เขายังคงสามารถเห็นร่างของผู้คนที่อยู่ใกล้ๆได้ อย่างไรก็ตาม พวกเขาดูโซซัดโซเซและไร้จุดหมาย ราวกับเพียงเดินเตร่ไปมาอย่างไร้สติ ยูสุเกะไม่สามารถบอกได้อย่างชัดเจนว่าเขาติดเชื้อหรือไม่จากจุดที่เขายืนอยู่

 

“มีบางอย่างผิดปกติที่นี่”

 

เขาพึมพำขณะเดินกลับเข้าห้องและนั่งลงบนเก้าอี้

 

แต่มีบางอย่างที่ชัดเจนแล้ว อย่างน้อยๆ การติดเชื้อก็เกิดขึ้นราวๆระหว่างที่ยูสุเกะกำลังหมกหมุ่นไปกับเกม ในเวลาเพียงสองหรือสามวัน มันก็ลุกลามไปทั่วญี่ปุ่น

 

(ชายคนนั้นคือซอมบี้งั้นเหรอ? งั้นก็หมายความว่า…?)

 

เมื่อนึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นกับเขา ยูสุเกะแข็งทื่อ

เขารีบถกแขนเสื้อขึ้นเพื่อดูจุดที่เขาถูกโจมตี

มันมีรอยกัดของคนที่จู่โจม มันทะลุผ่านเสื้อเข้าไปในเนื้อของเขา เลือดหยุดไหลแล้ว แผลก็ตกสะเก็ดเรียบร้อย

 

(ล้อเล่นใช่ไหมเนี่ย…)

 

ยูสุเกะรีบค้นอินเตอร์เน็ตอย่างร้อนรนใจ

อย่างไรก็ตาม…

ไม่ว่าจะเว็บไหน ก็บอกว่าหากถูกกัดแล้วก็จะตาย จบเพียงเท่านี้

 

“หรือว่ามันจะมีระยะฟักตัว? แต่ทุกเว็บก็บอกว่าจะตายภายในหนึ่งวัน จะว่าไปแล้วตอนนั้นชั้นก็มีไข้สูง”

 

อาการสั่นที่เขาได้รับหลังจากถูกกัดเหมือนเป็นสัญญาณของการติดเชื้อ

แต่ถึงอย่างนั้น ยูสุเกะกลับยังมีชีวิตอยู่

 

“หรือบางที ชายคนนั้นอาจจะไม่ใช่ซอมบี้ เป็นแค่ไอ้พวกบ้า แล้วแบคทีเรียก็เข้าผ่านทางบาดแผลชั้น…? มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่วะเนี่ย?”

 

เพื่อความแน่ใจ เขาค้นหาเบอร์โทรศัพท์ของโรงพยาบาลใกล้เคียงผ่านอินเตอร์เน็ต

แต่แล้วก็ไม่มีสัญญาณตอบรับ

ตำรวจและหน่วยดับเพลิงก็เช่นกัน

เขายังคงจับเรื่องราวที่เกิดขึ้นไม่ได้ สังคมทั้งหมดหยุดชะงักลง

 

หากเป็นแบบนี้ นั่งอยู่แบบนี้ไปก็ไม่ได้อะไร

ยูสุเกะเดินไปรอบๆอพาร์ตเม้นต์ในชั้นของเขาเพื่อตรวจสอบว่ายังมีใครอยู่ไหม

เขาคิดว่าหากเจอผู้รอดชีวิตคนอื่นอยู่อาจจะได้ข้อมูลเพิ่มเติม อินเตอร์เน็ตอย่างเดียวนั่นไม่น่าเชื่อถือพอ

 

อย่างไรก็ตาม เขาไม่พบใครเลย

อพาร์ตเม้นต์แต่บะห้องที่เขาตรวจสอบถูกล็อคสนิท

ดูเหมือนว่าผู้คนส่วนใหญ่ได้อพยพออกไปแล้ว

อย่างไรก็ตาม มีสามห้องที่ประตูไม่ได้ล็อค

 

“มีใครอยู่ไหมครับ?”

 

เขาส่งเสียงเรียก แต่ไม่มีใครตอบกลับมา

ข้างในอพาร์ตเม้นต์มืดสนิท ตรงทางเข้ามีรองเท้าผู้หญิงวางเรียงอย่างเป็นระเบียบ

เมื่อเห็นสิ่งนั้น เขานึกถึงผู้ที่อยู่อาศัยในอพาร์ตเม้นต์นี้

เจ้าของห้อง คุโรเสะซัง

เธอสวมแว่น รวบผมเปียไว้หลวมๆ และมักจะค่อนข้างดูมืดมน เขาไม่ได้พูดคุยกับเธอมากนัก เพียงแค่พูดคุยแลกเปลี่ยนกันนิดหน่อยเท่านั้น

 

หลังจากลังเลอยู่สักพัก เขาก็ปิดประตูข้างหลัง ถอดรองเท้า และก้าวผ่านทางเข้ามา

 

“ขอโทษนะครับ!”

 

เขาสับสวิตซ์เพื่อเปิดไฟ แล้วยืนยันว่าไม่มีใครอยู่ในบ้าน

แม้จะรู้สึกผิดที่บุกรุก แต่เขาก็ไม่หยุดและเดินเข้าไปข้างใน

 

แผงห้องเหมือนกับอพาร์ตเม้นต์ของยูสุเกะ หนึ่งห้องนอนพร้อมกับห้องครัวและห้องทานอาหารรวบกัน โต๊ะเป็นระเบียบเรียบร้อย และในครัวทุกอย่างตั้งแต่เครื่องปรุงจนไปถึงเครื่องใช้ต่างๆถูกจัดวางอย่างเป็นระเบียบ

ยังมีอีกหนึ่งห้อง เขาเลื่อนประตูออกเพื่อเข้าไปในห้องนอน

 

“ที่นี่ไม่มีคนจริงๆงั้นเหรอ?”

 

ม่านสีชมพูปิดอยู่ ความมืดปกคลุมทั่วห้อง มีแล็บท็อปวางอยู่บนโต๊ะ นอกจากนั้นมีเพียงตู้เสื้อผ้าและโต๊ะเครื่องแป้ง เป็นเพียงห้องที่เรียบง่าย

 

มีตุ๊กตาแมววางอยู่ใกล้ๆหมอน ให้ความรู้สึกสมกับเป็นห้องของผู้หญิง

ยูสุเกะรู้สึกผิดเล็กน้อยที่เข้ามายุ่งย่ามในห้องของผู้หญิงคนอื่น

ทันใดนั้น เขาก็ได้ยินเสียงบางอย่างที่แผ่วเบาด้านหลังเขา

 

ครึ่ก

“…!?”

 

เขาหันกลับมาอย่างสับสนและพบกับผู้หญิงผมสีดำยีนอยู่ข้างประตูบานเลื่อน

นั่นคือเจ้าของห้องนี้ คุโรเสะซัง

เนื่องจากเธอไม่ได้ใส่แว่น เขาจึงต้องใช้เวลาสักพักกว่าจะรู้ว่านั่นคือเธอ เธอแต่งตัวด้วยชุดลำลอง เสื้อไหมพรมที่เรียบง่ายกับกางเกงยีนส์

 

“อ๊ะ ขอโทษครับ พอดีว่าไม่ได้ยินเสียงตอบกลับ ก็เลย…”

 

เมื่อเขาพูดออกมา เขาก็สังเกตบางอย่างเกี่ยวกับคุโรเสะ

เธอกวาดมองมาที่ตัวเขา แต่ดวงตาของเธอไม่ได้โฟกัสที่จุดใด เธอดูไม่มั่นคงเล็กน้อย

 

“เอ่อ…?”

 

คุโรเสะค่อยๆหันกลับไปและเดินที่ทางเข้า

ยูสุเกะแข็งทื่ออยู่ชั่วขณะ แต่แล้วก็ไล่ตามเธอไป

เขาพบว่าเธอมองไปที่ประตู เอียงคอลงเล็กน้อย

 

“คุโรเสะซัง…?”

 

ครืดดด แครดดด

 

นิ้วมือของคุโรเสะขูดไปกับประตูไม้ ราวกับว่าเธอกำลังเคาะประตูอย่างช้าๆ

 

“กำลังทำอะไรอยู่น่ะ?”

 

เขามองไปที่เธอ แต่เธอไม่ได้ตอบกลับมา

ขณะที่ยังคงมองเธอต่อไป เขาอดคิดสงสัยไม่ได้ว่าบางที…

ผมของเธอยุ่งเหยิงเล็กน้อย แต่ยังคงดูสวยงาม

 

แว่นตาอาจจะทำให้คนบางคนดูเปลี่ยนไป แต่กรณีของคุโรเสะนั้นน่าทึ่งยิ่งกว่า ตอนนี้เธอดูให้ความประทับใจที่ต่างออกไปกับยูสุเกะ

เขาคิดว่าเธอยังดูมืดมนเล็กน้อย แต่ตอนนี้เธอดูมีรูปลักษณ์ที่เซ็กซี่มากขึ้น

 

เธอยังคงจ้องไปที่ประตูอย่างว่างเปล่า เขาสังเกตว่าสีหน้าของเธอนั้นดูไร้ชีวิตชีวา และนอกจากนั้นดวงตาของเธอยังเป็นสีแดงก่ำ

สีที่ประตูถลอกออกไปจากจุดที่เธอข่วน ในขณะเดียวกันเล็บของเธอก็มีรอยพัง เป็นไปได้ว่าเธอขีดข่วนประตูอยู่หลายครั้งก่อนที่ยูสุเกะจะมา

ปลายนิ้วของเธอดูทรุดโทรม

“คุโรเสะซัง?”

 

เขาพูดขณะจับไหล่เธอเบาๆ

ตัวเธอรู้สึกนุ่ม แม้จะอยู่ในเสื้อไหมพรม มันคือความนุ่มนวลของผู้หญิง

ถึงอย่างไร เขาไม่สามารถรู้สึกถึงอุณหภูมิของร่างกายเธอจากเสื้อผ้าได้เลย

 

คุโรเสะยังคงไม่ตอบเขา เขาวางมือลงบนหน้าผากของเธอ

 

(ล้อเล่นใช่ไหมเนี่ย)

 

ตัวเธอเย็นเฉียบ

ไม่ได้หนาวเย็นเหมือนอยู่นอกหิมะอะไรแบบนั้น แต่เย็นเหมือนกับหุ่น

เมื่อไม่อยากจะเชื่อเรื่องที่เกิดขึ้น ยูสุเกะเอานิ้วไปทาบที่ท้ายทอยของคุโระเสะอย่างเบามือ

 

คุโระเสะไม่สนใจ และยังคงเกาประตูต่อไป เขาพบหลอดเลือดแดงของเธอ จากนั้นกดลงอย่างเบาๆ และรออย่างเงียบๆ

อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าเขาจะรอแค่ไหน เขาก็ไม่รู้สึกถึงชีพจรของเธอเลย

 

“ไม่จริงน่า…”

 

เพื่อการยืนยัน เขายื่นมือไปปากของเธอ แต่เขากลับไม่รู้สึกถึงลมหายใจ

แม้จะรู้สึกผิดเล็กน้อย เขาก็เลื่อนมือลงไปที่หน้าอกของเธอ แต่เขากลับไม่รู้สึกถึงการเต้นของหัวใจเช่นกัน

 

“…”

 

ซอมบี้มักจะดูพิลึกพิลั่นในภาพยนต์ ดังนั้นเขาจึงยังไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่

นอกจากผิวสีซีดของเธอแล้ว รูปลักษณ์ทั่วไปของเธอก็ดูเหมือนกับมนุษย์ธรรมดา

 

ยูสุเกะใช้เวลาสักพักเพื่อยอมรับความจริงว่าเธอยังคงเคลื่อนไหวไปมา ทั้งๆที่เธอไม่มีชีพจรหรือการหายใจ

 

————————————-

แปลผิดตรงไหนขออภัย พอดีไม่ช่ำ

 

เนื่องจากเรื่องนี้เป็นเรท 18+ เพราะฉะนั้นตอนที่ถึงฉากนั้นผมจะไม่ลงในแมวดุ้นนะครับ แต่ถ้าอยากได้ก็เอาไปสิ ไปตามหาเอาเลย ฉันเอาทุกอย่างไปไว้ที่เพจหมดแล้ว(ถึง ณ วันที่ลงจะยังแปลไม่ถึงก็เถอะ)

คนเหงาและง่วง | Facebook

หรือจะเข้าดิสคอร์ดก็ได้

https://discord.gg/hMuzg9rz7v

 

 และถ้าอยากได้ภาพและเสียงชัดๆก็อุดหนุนเกมใน steam เลยครับ ชื่อเดียวกัน

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+