Nine Sun God King ราชันเทพเก้าสุริยัน 820 : สํานักวิญญาณเมฆา

Now you are reading Nine Sun God King ราชันเทพเก้าสุริยัน Chapter 820 : สํานักวิญญาณเมฆา at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 820 : สํานักวิญญาณเมฆา

 

เชี่ยวเย่ว์เหม่ยที่คงสมดุลของอุปกรณ์วิเศษบินได้เรียบร้อย ฉินหยุนจึงลุกขึ้นไปถึงดาบที่โจมตีเข้าใส่ออกมา ทว่ายามได้เห็นอักขระบนตัวดาบ จึงทราบว่ามันค่อนข้างพิเศษ

 

“เป็นอุปกรณ์ยันต์!” ฉินหยุนเร่งรีบตะโกนพร้อมคว้าร่างเชี่ยวเย่ว์เหม่ย ใช้งานความสามารถเทวะทะลุทะลวงบินหนีออกจากอุปกรณ์วิเศษบินได้

 

ตู้ม ตู้ม!

 

ร่างนกอินทรีย์ยักษ์ระเบิดออกในพริบตา

 

“ตัวบัดซบผู้ใดกัน! มันบังอาจทําลายของเล่นข้า!” เชี่ยวเย่ว์เหม่ยทะยานออกด้วยโทสะ น้ำเสียงสบถก่นด่าเบาไม่ขาดปากยามได้เห็นอุปกรณ์วิเศษบินได้ของนางพังทลาย ยามได้เห็น มันทําให้นางปวดใจไม่ใช่น้อย

 

“อย่าได้กังวลไป พี่ชายผู้นี้ย่อมสร้างหุ่นเชิดนกอินทรีย์ได้แข็งแกร่งยิ่งกว่าให้เจ้าได้!” ฉินหยุนปลอบนาง

 

อารมณ์ของเชี่ยวเย่ว์เหม่ยค่อยดีขึ้นบ้าง นางหันมองที่เบื้องล่างพร้อมตะโกน “เป็นพวกมันเร่งรีบลงไป!”

 

ฉินหยุนและเชี่ยวเย่ว์เหม่ยพุ่งทะยานลงสู่ด้านล่าง อีกฝ่ายเป็นคนกลุ่มกว่าสิบ ส่วนใหญ่เป็นคนหนุ่ม และคนหนุ่มเหล่านี้ล้วนอยู่ขอบเขตวรยุทธ์วิญญาณ มีเพียงสองคนที่เป็นชายวัยกลางคนขอบเขตวรยุทธ์ลึกล้ำ

 

ได้เห็นกลุ่มคนอีกฝ่าย ฉินหยุนและเชี่ยวเย่ว์เหม่ยค่อยตระหนัก ว่าเหล่านี้เป็นผู้อาวุโสนําศิษย์ออกมาเรียนรู้ประสบการณ์

 

เชี่ยวเย่ว์เหม่ยไม่ใช่ผู้ที่คิดสังหารผู้คนบริสุทธิ์ หากอีกฝ่ายกระทําอย่างพลั้งมือหรือเป็นอุบัติเหตุ เช่นนั้นนางย่อมยินดีปล่อยไปหลังทวงถามเป็นค่าสินไหมจํานวนหนึ่ง

 

“นกอินทรีย์นี้ไม่ใช่ของจริง แต่เป็นอุปกรณ์วิเศษบินได้ของข้า เจ้าเพิ่งทําลายอุปกรณ์ของข้าไป! จงเร่งรีบชดใช้มาเสีย!” เชี่ยวเย่ว์เหมยแค่นเสียงกล่าวคําเบา

 

คนหนุ่มเหล่านี้ยามได้เห็นเชี่ยวเย่ว์เหม่ยที่งดงาม ดวงตาต้องกระตุกเผยประกายต่อหญิงงาม น้ำลายหากไหลออกจากปากได้ก็คงไหลแล้ว

 

“เหอะ อุปกรณ์วิเศษบินได้? มันจะมีค่าสักกี่เหรียญม่วงกันเชียว? อุปกรณ์ยันต์ของข้าที่เพิ่งทําลายตัวเองไป เป็นเจ้าต่างหากจึงสมควรชดเชยให้แก่ข้า!” ชายวัยกลางคนใบหน้าเหลี่ยมแค่นเสียงกล่าวคําดัง

 

ขณะเชี่ยวเย่ว์เหม่ยคิดตอบโต้ ชายวัยกลางคนร่างผอมผิวสีแทนจึงกล่าว “อุปกรณ์วิเศษบินได้นั้นมูลค่าเพียงใด? ให้ข้าชดใช้แทน”

 

ได้เห็นชายวัยกลางคนผู้นี้มีท่าที่เป็นมิตรด้วย เชี่ยวเย่ว์เหม่ยจึงตอบกลับอย่างไม่ใส่อารมณ์อีก “ หนึ่งล้านเหรียญม่วง”

 

“อา… แพงเกินไปแล้ว!” ชายวัยกลางคนร่างผอมบางกล่าวอย่างตื่นตะลึงยามได้รับฟัง

 

“อุปกรณ์วิเศษบินได้ล้วนแพงล้ำ ของข้ากล่าวว่ายังเป็นของระดับรองด้วยซ้ำ” เชี่ยวเย่ว์เหม่ยกล่าว

 

“อย่าได้ชดใช้แล้ว เป็นสองคนนี้ต่างหากที่ต้องจ่ายค่าชดเชยอุปกรณ์ยันต์ของข้า! นั่นมีค่าทัดเทียมสองล้านเหรียญม่วง!” ชายวัยกลางคนใบหน้าเหลี่ยมกล่าวตะโกนออกอย่างมีโทสะ

 

“เป็นเจ้าเกือบสังหารพวกเรา กระนั้นยังกล้าอหังการอวดดีเพียงนี้!” เสี่ยวเย่ว์เหม่ยเริ่มมีโทสะอีกครั้งหนึ่ง

 

“สหายทั้งสอง ตัวข้าเวลานี้ไม่มีเหรียญม่วงมากมายเพียงนั้น ข้านามหลูเฉาเหวิ่น มาจากสํานักวิญญาณเมฆา อีกสักหนึ่งเดือนพวกเจ้าค่อยกลับมาพบข้าที่นี่ วันนี้ข้าจะเขียนใบรับรองการเป็นหนี้ให้” ชายวัยกลางคนร่างผอมบางกล่าวออกพร้อมนํากระดาษมาตระเตรียมเขียน

 

“พี่ชาย เหตุใดท่านจึงต้องชดใช้ด้วย? นี่เป็นความผิดพวกเขา!” ชายวัยกลางคนใบหน้าเหลี่ยมกล่าวออกด้วยสีหน้าย่ำแย่

 

“ผู้ใดผิด ผู้ใดถูก ข้าทราบดีกระจ่างชัด!” หลูเฉาเหวินกล่าวตอบ

 

“ช่างมันไป ทราบว่าผู้ใดผิดและถูก ท่านหญิงน้อยผู้นี้จะไม่บีบบังคับให้ชดใช้แล้วก็ได้!” เชี่ยวเย่ว์เหม่ยกล่าวคําจบ นางจึงจ้องใบหน้าชายวัยกลางคนหน้าเหลี่ยมพร้อมเผยเสียงเย็นเยียบ “วายร้ายผู้นั้น เจ้ากล้ากล่าวนามแก่ข้าหรือไม่? ข้าจะได้บอกให้ผู้อาวุโสสํานักของข้าจ่ายชดเชยค่าอุปกรณ์ยันต์นั้นให้!”

 

ได้ฟังเช่นนี้ สีหน้าของชายวัยกลางคนหน้าเหลี่ยมจึงแปรเปลี่ยน ตัวเขาครุ่นคิดไปชั่วครู่ หนุ่มสาวสองคนตรงหน้ายังเยาว์อย่างยิ่ง กระนั้นกลับครอบครองอุปกรณ์วิเศษบินได้ อีกฝ่ายต้องเป็นผู้มาจากสํานักที่มีชื่อเสียง

 

“นายหญิงน้อย ข้าจะชดใช้เป็นเหรียญม่วงเอง เรื่องนี้อย่าได้พูดกล่าวถึงแล้ว” หลูเฉาเหวิ่นกล่าวคําขึ้น

 

“นั่นไม่ได้ ข้ายังติดค้างอุปกรณ์ยันต์ของชายผู้นี้ ข้าจะได้ไปแจ้งต่อผู้อาวุโสข้าให้ชดเชยให้!” เชี่ยวเย่ว์เหม่ยคํารามเบาตอบคํา

 

“ข้าไม่ขอปิดบังต่อมิตรสหายทั้งสอง พวกเรามาที่นี่เพื่อหายาถอนพิษให้แก่บุตรชายข้าที่โดนพิษร้ายเล่นงาน ข้าไม่นึกเลย ว่าเรื่องราวเช่นนี้จะเกิดขึ้นได้” หลูเฉาเหวิ่นกล่าวอย่างสุภาพ

 

“พิษอันใด? พวกเราช่วยล้างพิษให้เอง!” เชี่ยวเย่ว์เหม่ยกล่าว นางคิดอยากสร้างกรรมดีอยู่แล้ว ตอนนี้ถือเป็นโอกาสอันดี

 

“นี่ ล้างพิษได้จริงหรือ?” ใบหน้าหลูเฉาเหวิ่นเผยอาการตื่นตะลึง

 

“ย่อมต้องได้” เชี่ยวเย่ว์เหม่ยพยักหน้ารับ

 

ฉินหยุนคิดอยากช่วยเหลือยามได้เห็นความยากลําบากของหลูเฉาเหวิ่นเช่นกัน อีกฝ่ายจึงนําฉินหยุนและเชี่ยวเย่ว์เหม่ยออกจากพื้นที่ภูเขา มุ่งหน้ากลับสู่สํานักวิญญาณเมฆา

 

หลังออกจากพื้นที่ภูเขา จึงมาถึงทะเลสาบ สํานักวิญญาณเมฆาตั้งอยู่ที่ริมทะเลสาบแห่งนี้และที่กลางน้ำ ยังมีสิ่งปลูกสร้างอีกมากมายปรากฏ

 

ฉินหยุนและเชี่ยวเย่ว์เหม่ยค่อยได้ตระหนัก ว่าเหตุใดชายวัยกลางคนใบหน้าเหลี่ยมจึงอหังการเพียงนั้น นั่นก็เพราะสถานที่ตั้งของสํานักวิญญาณเมฆา มันเป็นพื้นที่ห่างไกลเหมาะกับสํานักเล็กให้ปลีกวิเวก พวกเขาจึงอหังการอวดดีในพื้นที่ของตนเอง ดังนั้นแล้ว หลายคนของสํานักจึงมีท่าทีเช่นเดียวกัน

 

สํานักเล็กทั้งหลายไม่ต่างอะไรกับกลุ่มคนหรือกลุ่มโจร แม้ว่าจะแขวนป้ายสํานักยุทธ์เตเอาไว้ก็ตาม พวกเขาต่างกระทําทั้งเรื่องดีและเลวร้าย

 

พิจารณาจากท่าที่เป็นมิตรของหลูเฉาเหวิ่น ฉินหยุนจึงรู้สึก ว่าสํานักวิญญาณเมฆานี้เป็นหนึ่งในสํานักที่ดีปานกลาง

 

สํานักอันเรียบง่าย ย่อมมีกฎเกณฑ์อันเรียบง่าย สิ่งปลูกสร้างทั้งหลายไม่หรูหราดังสํานักใหญ่ทั้งหลาย ที่แห่งนี้ หากไม่ทราบคงนึกว่าเป็นหมู่บ้านขนาดเล็ก

 

สํานักวิญญาณเมฆามีคนกว่าสองพัน กล่าวได้ว่าเป็นฝักฝายใหญ่ที่สุดในภูมิภาคแถบนี้แล้ว

 

เชี่ยวเย่ว์เหม่ยและฉินหยุนตามหลูเฉาเหวิ่นจนถึงชั้นที่สามของหอคอยห้าชั้นเหนือทะเลสาบภายในหอคอยแห่งนี้ ถึงกับมีราชันยุทธ์อยู่จํานวนหนึ่ง

 

ภายในห้องกว้าง เด็กผู้หนึ่งที่มีใบหน้าเขียวคล้ำกําลังนอนหลับ อีกฝ่ายเวลานี้มีใบหน้าเรียวผ่นประหนึ่งอายุหกสิบปี ทั้งยังมีมวลอากาศสีน้ำเงินลอยคลุ้ง กล่าวได้ว่าพิษทํางานลงลึกแล้ว

 

ที่ทําหน้าที่ดูแลเด็กอยู่เวลานี้ เป็นราชันยุทธ์เฒ่าชรา อีกฝ่ายใบหน้าคล้ายคลึงหลูเฉาเหวิ่น สมควรเป็นบิดาของอีกฝ่าย

 

ราชันยุทธ์เฒ่าชราเผยใบหน้าซีดขาวโศกเศร้ายามมองเด็กน้อย เมื่อได้เห็นหลูเฉาเหวิ่นนําเชี่ยวเย่ว์เหม่ยและฉินหยุนมา เขาจึงเร่งรีบเดินเข้ามาถาม “เฉาเหวิ่น ได้ยาถอนพิษหรือไม่?”

 

“ไม่ได้ขอรับ. ทว่าข้าได้พบมิตรสหายสองคนนี้ระหว่างทาง พวกเขาสามารถล้างพิษ!” หลูเฉาเหวิ่นเป็นคนซื่อตรง เขาทราบว่าฉินหยุนและเชี่ยวเย่ว์เหม่ยพูดคุยด้วยง่าย ดังนั้นจึงเชื่อมั่นในตัวอีกฝ่าย

 

ตอนนี้เอง ชายชราหลายคนได้ก้าวเดินเข้ามาพร้อมชายวัยกลางคนใบหน้าเหลี่ยม

 

ชายวัยกลางคนใบหน้าเหลี่ยมกล่าวคํา “เป็นพวกเขา สองคนนี้ทําลายอุปกรณ์ยันต์ของข้า!”

 

“เหล่าหลู… หลานชายเจ้าไม่อาจรักษาได้แล้ว อย่าได้มีความหวังใดอีกเลย! ตอนนี้ไม่ว่าด้วยอะไร สองคนนั้นต้องจ่ายสิบล้านเหรียญม่วงแก่พวกเราเป็นการชดใช้ต่ออุปกรณ์ยันต์ที่เสียไป! พวกเราจะร่วมมือกันจับตัวสองคนนี้ บีบบังคับให้พวกเขาชดใช้แก่พวกเราให้จงได้!” ชายชราแค่นเสียงกล่าวคําดังขึ้น

 

“พวกเจ้าล้วนออกไป อย่าได้มาก่อความวุ่นวายที่นี่!” ชายชราซึ่งถูกเรียกขานเหล่าหลู เขาได้กล่าวออกด้วยเสียงทุ้มลึกขับไล่ผู้อื่นออกไป

 

ประตูเมื่อปิดลง ฉินหยุนจึงนํากระต่ายหยกออกมาวางบนฝ่ามือเด็กน้อย พิษค่อยถูกดูดกลืนออกมา ระหว่างรอ หลูเฉาเหวิ่นจึงสนทนาต่อเหล่าหลุถึงเรื่องนี้

 

“อุปกรณ์ยันต์นั่นมูลค่าไม่ถึงสองล้านเหรียญม่วงด้วยซ้ำ! อย่าได้กล่าวถึงสิบล้าน!” เหล่าหลูเผยเสียงกราดเกรี้ยว “พวกมันไม่ต่างอะไรกับคิดปล้นชิงผู้คน!”

 

“ชายคนนั้นทําลายอุปกรณ์วิเศษบินได้ของข้า เป็นข้ายอมปล่อยวางไม่ทวงถามแล้ว กระนั้นมันกลับคิดปล้นข้า!” เชี่ยวเย่ว์เหม่ยกล่าวออกด้วยโทสะ

 

ตอนนี้เอง ผิวหนังของเด็กจึงเริ่มกลับคืนเป็นเต่งตึงและอ่อนนุ่ม หาได้มีร่องรอยความแห้งผากและริ้วรอยชราภาพเช่นก่อนหน้า

 

พิษสีน้ำเงินตามผิวหนัง เวลานี้เลือนหายไปทีละน้อยแล้ว ได้เห็นเช่นนี้ หลูเฉาเหวิ่นและเหล่าหลูต่างยินดีเป็นล้นพ้น พวกเขาซาบซึ้งต่อฉินหยุนและเชี่ยวเย่ว์เหมย

 

กระต่ายหยกสามารถดูดกลืนพิษได้จนหมดสิ้นภายในเวลาน้อยกว่าครึ่งชั่วยาม เสร็จงานจึงกระโดดเข้าอกเสื้อฉินหยุน กลับเข้าสู่ไข่มุกเม็ดแรกของวิญญาณเทวะเก้าตะวัน

 

“นี่สองล้านเหรียญม่วง หนึ่งล้านชดใช้แก่ค่าอุปกรณ์วิเศษบินได้ และอีกหนึ่งล้านแทนคําขอบคุณของข้า!” เหล่าหลูนําเอาบัตรผลึกออกมา

 

“อย่าได้แล้ว! พวกเราเพียงลงแรงไปเล็กน้อย ดังนั้นไม่คิดขอค่าตอบแทน ทั้งยังจะเร่งรีบจากไป ข้าไม่คิดพบเจอกลุ่มคนน่ารังเกียจเหล่านั้นอีก!” เชี่ยวเย่ว์เหม่ยกล่าว

 

หลูเฉาเหวิ่นพลันเดินไปเปิดประตู กลุ่มคนด้านนอกเร่งรีบเข้ามา ยามได้เห็นเด็กถูกล้างพิษหมดสิ้น พวกเขาจึงมั่นใจ ว่าฉินหยุนและเชี่ยวเย่ว์เหม่ยต่างมียาวิเศษในครอบครอง

 

“พวกเจ้าสองคนทําพวกเราสูญเสียอุปกรณ์ยันต์ หากไม่ชดใช้แก่พวกเรา ก็อย่าได้คิดว่าจะไปพ้นจากที่นี่!” หนึ่งในราชันยุทธ์เฒ่าชราตะโกนกล่าว ใบหน้าเวลานี้เผยความชั่วร้ายพร้อมอาวุธในมือ

 

หลูเฉาเหวิ่นและเหล่าหลูต่างโกรธเกรี้ยว พวกเขาเร่งรีบมายืนหยัดที่ตรงหน้าฉินหยุนและเชี่ยวเย่ว์เหมย

 

“พวกเจ้าพ่อลูก เร่งรีบถอยให้พ้นทาง!”

 

“เด็กนั่นหายดีแล้ว เร่งรีบนําตัวออกไป! และส่งตัวสองคนนั้นให้แก่พวกเรา!”

 

“พวกเจ้าพ่อลูกอาจขอบคุณสองคนนี้ แต่อย่าได้คิดว่าความสูญเสียของอุปกรณ์ยันต์ของพวกเราจะชดใช้ด้วยเรื่องนี้ได้!”

 

ภายในใจของฉินหยุนและเชี่ยวเย่ว์เหม่ยต่างมีโทสะยามได้รับฟัง

 

เหล่าหลูเผยเสียงกราดเกรี้ยว “สองคนนี้คือผู้มีพระคุณของข้า หากพวกเจ้าคิดอยากลงมือ เช่นนั้นข้าก็ขอสู้โดยเอาชีวิตเข้าแลก!”

 

หลูเฉาเหวิ่นพลันกล่าว “สองคนนี้มาจากตระกูลชนชั้นสูง อย่าได้บอกกล่าวต่อข้า ว่าพวกเจ้าไม่หวาดเกรงต่อเรื่องนี้”

 

“หวาดเกรงหรือ? สํานักวิญญาณเมฆาของพวกเราย่อมมีแขกสูงศักดิ์ เป็นคนของตระกูลหลงเวลานี้กําลังเดินทางมา อย่างนั้นแล้วยังจะต้องหวาดเกรงใดต่อสองคนนี้?” ชายชราหัวเราะกล่าว

 

ทันใดนี้เอง ราชันยุทธ์วัยกลางคนจึงเดินเข้ามา เขาสวมใส่ชุดมังกรทองคํา อีกฝ่ายเป็นคนของตระกูลหลงตัวจริง!

 

ราชันยุทธ์ตระกูลหลงที่ได้เห็นเด็กน้อยหลับบนที่นอนถูกรักษา เขาจึงขมวดคิ้วกล่าว “พวกเจ้าสองคนน่าทึ่งนัก ถึงขั้นถอนพิษนั่นได้ในระยะเวลาอันสั้น!”

 

“ตัวบัดซบตระกูลหลง เจ้าเป็นผู้วางยาพิษเด็กน้อยผู้นี้หรือ?” เชี่ยวเย่ว์เหม่ยกล่าวถามเสียงเย็นเยือก “เจ้า คนของตระกูลหลงวิ่งพล่านมายังสถานที่ซึ่งนกยังไม่คิดปล่อยมูลฝอย เพื่อวางยาพิษเด็กน้อยผู้นี้และคิดควบคุมกลุ่มคน เพื่อทํางานสกปรกรับใช้เจ้าฉกชิงเอาทรัพย์พวกเขาไปกระมั่ง!”

 

เชี่ยวเย่ว์เหม่ยย่อมได้เห็นเล่ห์ร้ายเช่นนี้โดยง่าย ยามได้ยินคํากล่าว สองพ่อลูกแช่หลูต่างเผยใบหน้ามืดมน

 

“ย่อมไม่ใช่ ข้าได้ยินว่าพวกเจ้าทําคนเหล่านี้สูญเสียอุปกรณ์ยันต์จึงมารับชม! ตัวข้าย่อมเป็นมิตรสหายของจ้าวสํานักแห่งสํานักวิญญาณเมฆา ทั้งยังจะตอบแทนในวันนี้ไม่ว่าจะด้วยอะไร!” ราชันยุทธ์ตระกูลหลงแค่นเสียงกล่าวตอบ

 

เหล่าหลูเผยเสียงมีโทสะก้าวเดินออก ผลักเอากลุ่มคนพ้นทางพร้อมตะโกน “พวกเจ้าล้วนหลีกทาง ข้าจะนําผู้มีพระคุณสองคนนี้ไปพัก!”

 

“โง่เขลา” ราชันยุทธ์เฒ่าชราของสํานักวิญญาณเมฆากล่าวด้วยโทสะ ดาบในมือพลันจ้วงแทงออก

 

“ผู้อาวุโสระวัง!” ฉินหยุนร้องตะโกน

 

กระนั้น เหล่าหลูก็ยังโดนแทงที่หัวใจ ก่อนจะถูกฝ่ามือกระแทกกระเด็นถอยพร้อมกระอักโลหิตออกคําโต

 

“ท่านพ่อ!” หลูเฉาเหวิ่นเร่งรีบไปรับร่างเหล่าหลูที่ได้รับบาดเจ็บ เส้นเลือดที่หน้าผากเวลานี้เผยออกเพราะโทสะ

 

“เหอะ เหอะ เหอะ…” กลุ่มราชันยุทธ์ของสํานักวิญญาณเมฆาและชายวัยกลางคนตระกูลหลงต่างเผยเสียงหัวเราะดัง

 

ได้เห็นเหล่าหลูบาดเจ็บรุนแรงเช่นนี้ โทสะในกายฉินหยุนจึงพลุ่งพล่าน เขานําเอากระบี่ศักดิ์สิทธิ์วิญญาณปรโลกออกมาคิดสะสาง

 

พลังความโกรธแค้นของเขาเวลานี้ พวกมันถูกสะกดลงที่กระบี่ศักดิ์สิทธิ์วิญญาณปรโลก เวลานี้ ตัวกระบี่ได้ระเบิดเอาหมอกสีดําออกมาฟังกระจาย!

 

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Nine Sun God King ราชันเทพเก้าสุริยัน 820 : สํานักวิญญาณเมฆา

Now you are reading Nine Sun God King ราชันเทพเก้าสุริยัน Chapter 820 : สํานักวิญญาณเมฆา at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 820 : สํานักวิญญาณเมฆา

 

เชี่ยวเย่ว์เหม่ยที่คงสมดุลของอุปกรณ์วิเศษบินได้เรียบร้อย ฉินหยุนจึงลุกขึ้นไปถึงดาบที่โจมตีเข้าใส่ออกมา ทว่ายามได้เห็นอักขระบนตัวดาบ จึงทราบว่ามันค่อนข้างพิเศษ

 

“เป็นอุปกรณ์ยันต์!” ฉินหยุนเร่งรีบตะโกนพร้อมคว้าร่างเชี่ยวเย่ว์เหม่ย ใช้งานความสามารถเทวะทะลุทะลวงบินหนีออกจากอุปกรณ์วิเศษบินได้

 

ตู้ม ตู้ม!

 

ร่างนกอินทรีย์ยักษ์ระเบิดออกในพริบตา

 

“ตัวบัดซบผู้ใดกัน! มันบังอาจทําลายของเล่นข้า!” เชี่ยวเย่ว์เหม่ยทะยานออกด้วยโทสะ น้ำเสียงสบถก่นด่าเบาไม่ขาดปากยามได้เห็นอุปกรณ์วิเศษบินได้ของนางพังทลาย ยามได้เห็น มันทําให้นางปวดใจไม่ใช่น้อย

 

“อย่าได้กังวลไป พี่ชายผู้นี้ย่อมสร้างหุ่นเชิดนกอินทรีย์ได้แข็งแกร่งยิ่งกว่าให้เจ้าได้!” ฉินหยุนปลอบนาง

 

อารมณ์ของเชี่ยวเย่ว์เหม่ยค่อยดีขึ้นบ้าง นางหันมองที่เบื้องล่างพร้อมตะโกน “เป็นพวกมันเร่งรีบลงไป!”

 

ฉินหยุนและเชี่ยวเย่ว์เหม่ยพุ่งทะยานลงสู่ด้านล่าง อีกฝ่ายเป็นคนกลุ่มกว่าสิบ ส่วนใหญ่เป็นคนหนุ่ม และคนหนุ่มเหล่านี้ล้วนอยู่ขอบเขตวรยุทธ์วิญญาณ มีเพียงสองคนที่เป็นชายวัยกลางคนขอบเขตวรยุทธ์ลึกล้ำ

 

ได้เห็นกลุ่มคนอีกฝ่าย ฉินหยุนและเชี่ยวเย่ว์เหม่ยค่อยตระหนัก ว่าเหล่านี้เป็นผู้อาวุโสนําศิษย์ออกมาเรียนรู้ประสบการณ์

 

เชี่ยวเย่ว์เหม่ยไม่ใช่ผู้ที่คิดสังหารผู้คนบริสุทธิ์ หากอีกฝ่ายกระทําอย่างพลั้งมือหรือเป็นอุบัติเหตุ เช่นนั้นนางย่อมยินดีปล่อยไปหลังทวงถามเป็นค่าสินไหมจํานวนหนึ่ง

 

“นกอินทรีย์นี้ไม่ใช่ของจริง แต่เป็นอุปกรณ์วิเศษบินได้ของข้า เจ้าเพิ่งทําลายอุปกรณ์ของข้าไป! จงเร่งรีบชดใช้มาเสีย!” เชี่ยวเย่ว์เหมยแค่นเสียงกล่าวคําเบา

 

คนหนุ่มเหล่านี้ยามได้เห็นเชี่ยวเย่ว์เหม่ยที่งดงาม ดวงตาต้องกระตุกเผยประกายต่อหญิงงาม น้ำลายหากไหลออกจากปากได้ก็คงไหลแล้ว

 

“เหอะ อุปกรณ์วิเศษบินได้? มันจะมีค่าสักกี่เหรียญม่วงกันเชียว? อุปกรณ์ยันต์ของข้าที่เพิ่งทําลายตัวเองไป เป็นเจ้าต่างหากจึงสมควรชดเชยให้แก่ข้า!” ชายวัยกลางคนใบหน้าเหลี่ยมแค่นเสียงกล่าวคําดัง

 

ขณะเชี่ยวเย่ว์เหม่ยคิดตอบโต้ ชายวัยกลางคนร่างผอมผิวสีแทนจึงกล่าว “อุปกรณ์วิเศษบินได้นั้นมูลค่าเพียงใด? ให้ข้าชดใช้แทน”

 

ได้เห็นชายวัยกลางคนผู้นี้มีท่าที่เป็นมิตรด้วย เชี่ยวเย่ว์เหม่ยจึงตอบกลับอย่างไม่ใส่อารมณ์อีก “ หนึ่งล้านเหรียญม่วง”

 

“อา… แพงเกินไปแล้ว!” ชายวัยกลางคนร่างผอมบางกล่าวอย่างตื่นตะลึงยามได้รับฟัง

 

“อุปกรณ์วิเศษบินได้ล้วนแพงล้ำ ของข้ากล่าวว่ายังเป็นของระดับรองด้วยซ้ำ” เชี่ยวเย่ว์เหม่ยกล่าว

 

“อย่าได้ชดใช้แล้ว เป็นสองคนนี้ต่างหากที่ต้องจ่ายค่าชดเชยอุปกรณ์ยันต์ของข้า! นั่นมีค่าทัดเทียมสองล้านเหรียญม่วง!” ชายวัยกลางคนใบหน้าเหลี่ยมกล่าวตะโกนออกอย่างมีโทสะ

 

“เป็นเจ้าเกือบสังหารพวกเรา กระนั้นยังกล้าอหังการอวดดีเพียงนี้!” เสี่ยวเย่ว์เหม่ยเริ่มมีโทสะอีกครั้งหนึ่ง

 

“สหายทั้งสอง ตัวข้าเวลานี้ไม่มีเหรียญม่วงมากมายเพียงนั้น ข้านามหลูเฉาเหวิ่น มาจากสํานักวิญญาณเมฆา อีกสักหนึ่งเดือนพวกเจ้าค่อยกลับมาพบข้าที่นี่ วันนี้ข้าจะเขียนใบรับรองการเป็นหนี้ให้” ชายวัยกลางคนร่างผอมบางกล่าวออกพร้อมนํากระดาษมาตระเตรียมเขียน

 

“พี่ชาย เหตุใดท่านจึงต้องชดใช้ด้วย? นี่เป็นความผิดพวกเขา!” ชายวัยกลางคนใบหน้าเหลี่ยมกล่าวออกด้วยสีหน้าย่ำแย่

 

“ผู้ใดผิด ผู้ใดถูก ข้าทราบดีกระจ่างชัด!” หลูเฉาเหวินกล่าวตอบ

 

“ช่างมันไป ทราบว่าผู้ใดผิดและถูก ท่านหญิงน้อยผู้นี้จะไม่บีบบังคับให้ชดใช้แล้วก็ได้!” เชี่ยวเย่ว์เหม่ยกล่าวคําจบ นางจึงจ้องใบหน้าชายวัยกลางคนหน้าเหลี่ยมพร้อมเผยเสียงเย็นเยียบ “วายร้ายผู้นั้น เจ้ากล้ากล่าวนามแก่ข้าหรือไม่? ข้าจะได้บอกให้ผู้อาวุโสสํานักของข้าจ่ายชดเชยค่าอุปกรณ์ยันต์นั้นให้!”

 

ได้ฟังเช่นนี้ สีหน้าของชายวัยกลางคนหน้าเหลี่ยมจึงแปรเปลี่ยน ตัวเขาครุ่นคิดไปชั่วครู่ หนุ่มสาวสองคนตรงหน้ายังเยาว์อย่างยิ่ง กระนั้นกลับครอบครองอุปกรณ์วิเศษบินได้ อีกฝ่ายต้องเป็นผู้มาจากสํานักที่มีชื่อเสียง

 

“นายหญิงน้อย ข้าจะชดใช้เป็นเหรียญม่วงเอง เรื่องนี้อย่าได้พูดกล่าวถึงแล้ว” หลูเฉาเหวิ่นกล่าวคําขึ้น

 

“นั่นไม่ได้ ข้ายังติดค้างอุปกรณ์ยันต์ของชายผู้นี้ ข้าจะได้ไปแจ้งต่อผู้อาวุโสข้าให้ชดเชยให้!” เชี่ยวเย่ว์เหม่ยคํารามเบาตอบคํา

 

“ข้าไม่ขอปิดบังต่อมิตรสหายทั้งสอง พวกเรามาที่นี่เพื่อหายาถอนพิษให้แก่บุตรชายข้าที่โดนพิษร้ายเล่นงาน ข้าไม่นึกเลย ว่าเรื่องราวเช่นนี้จะเกิดขึ้นได้” หลูเฉาเหวิ่นกล่าวอย่างสุภาพ

 

“พิษอันใด? พวกเราช่วยล้างพิษให้เอง!” เชี่ยวเย่ว์เหม่ยกล่าว นางคิดอยากสร้างกรรมดีอยู่แล้ว ตอนนี้ถือเป็นโอกาสอันดี

 

“นี่ ล้างพิษได้จริงหรือ?” ใบหน้าหลูเฉาเหวิ่นเผยอาการตื่นตะลึง

 

“ย่อมต้องได้” เชี่ยวเย่ว์เหม่ยพยักหน้ารับ

 

ฉินหยุนคิดอยากช่วยเหลือยามได้เห็นความยากลําบากของหลูเฉาเหวิ่นเช่นกัน อีกฝ่ายจึงนําฉินหยุนและเชี่ยวเย่ว์เหม่ยออกจากพื้นที่ภูเขา มุ่งหน้ากลับสู่สํานักวิญญาณเมฆา

 

หลังออกจากพื้นที่ภูเขา จึงมาถึงทะเลสาบ สํานักวิญญาณเมฆาตั้งอยู่ที่ริมทะเลสาบแห่งนี้และที่กลางน้ำ ยังมีสิ่งปลูกสร้างอีกมากมายปรากฏ

 

ฉินหยุนและเชี่ยวเย่ว์เหม่ยค่อยได้ตระหนัก ว่าเหตุใดชายวัยกลางคนใบหน้าเหลี่ยมจึงอหังการเพียงนั้น นั่นก็เพราะสถานที่ตั้งของสํานักวิญญาณเมฆา มันเป็นพื้นที่ห่างไกลเหมาะกับสํานักเล็กให้ปลีกวิเวก พวกเขาจึงอหังการอวดดีในพื้นที่ของตนเอง ดังนั้นแล้ว หลายคนของสํานักจึงมีท่าทีเช่นเดียวกัน

 

สํานักเล็กทั้งหลายไม่ต่างอะไรกับกลุ่มคนหรือกลุ่มโจร แม้ว่าจะแขวนป้ายสํานักยุทธ์เตเอาไว้ก็ตาม พวกเขาต่างกระทําทั้งเรื่องดีและเลวร้าย

 

พิจารณาจากท่าที่เป็นมิตรของหลูเฉาเหวิ่น ฉินหยุนจึงรู้สึก ว่าสํานักวิญญาณเมฆานี้เป็นหนึ่งในสํานักที่ดีปานกลาง

 

สํานักอันเรียบง่าย ย่อมมีกฎเกณฑ์อันเรียบง่าย สิ่งปลูกสร้างทั้งหลายไม่หรูหราดังสํานักใหญ่ทั้งหลาย ที่แห่งนี้ หากไม่ทราบคงนึกว่าเป็นหมู่บ้านขนาดเล็ก

 

สํานักวิญญาณเมฆามีคนกว่าสองพัน กล่าวได้ว่าเป็นฝักฝายใหญ่ที่สุดในภูมิภาคแถบนี้แล้ว

 

เชี่ยวเย่ว์เหม่ยและฉินหยุนตามหลูเฉาเหวิ่นจนถึงชั้นที่สามของหอคอยห้าชั้นเหนือทะเลสาบภายในหอคอยแห่งนี้ ถึงกับมีราชันยุทธ์อยู่จํานวนหนึ่ง

 

ภายในห้องกว้าง เด็กผู้หนึ่งที่มีใบหน้าเขียวคล้ำกําลังนอนหลับ อีกฝ่ายเวลานี้มีใบหน้าเรียวผ่นประหนึ่งอายุหกสิบปี ทั้งยังมีมวลอากาศสีน้ำเงินลอยคลุ้ง กล่าวได้ว่าพิษทํางานลงลึกแล้ว

 

ที่ทําหน้าที่ดูแลเด็กอยู่เวลานี้ เป็นราชันยุทธ์เฒ่าชรา อีกฝ่ายใบหน้าคล้ายคลึงหลูเฉาเหวิ่น สมควรเป็นบิดาของอีกฝ่าย

 

ราชันยุทธ์เฒ่าชราเผยใบหน้าซีดขาวโศกเศร้ายามมองเด็กน้อย เมื่อได้เห็นหลูเฉาเหวิ่นนําเชี่ยวเย่ว์เหม่ยและฉินหยุนมา เขาจึงเร่งรีบเดินเข้ามาถาม “เฉาเหวิ่น ได้ยาถอนพิษหรือไม่?”

 

“ไม่ได้ขอรับ. ทว่าข้าได้พบมิตรสหายสองคนนี้ระหว่างทาง พวกเขาสามารถล้างพิษ!” หลูเฉาเหวิ่นเป็นคนซื่อตรง เขาทราบว่าฉินหยุนและเชี่ยวเย่ว์เหม่ยพูดคุยด้วยง่าย ดังนั้นจึงเชื่อมั่นในตัวอีกฝ่าย

 

ตอนนี้เอง ชายชราหลายคนได้ก้าวเดินเข้ามาพร้อมชายวัยกลางคนใบหน้าเหลี่ยม

 

ชายวัยกลางคนใบหน้าเหลี่ยมกล่าวคํา “เป็นพวกเขา สองคนนี้ทําลายอุปกรณ์ยันต์ของข้า!”

 

“เหล่าหลู… หลานชายเจ้าไม่อาจรักษาได้แล้ว อย่าได้มีความหวังใดอีกเลย! ตอนนี้ไม่ว่าด้วยอะไร สองคนนั้นต้องจ่ายสิบล้านเหรียญม่วงแก่พวกเราเป็นการชดใช้ต่ออุปกรณ์ยันต์ที่เสียไป! พวกเราจะร่วมมือกันจับตัวสองคนนี้ บีบบังคับให้พวกเขาชดใช้แก่พวกเราให้จงได้!” ชายชราแค่นเสียงกล่าวคําดังขึ้น

 

“พวกเจ้าล้วนออกไป อย่าได้มาก่อความวุ่นวายที่นี่!” ชายชราซึ่งถูกเรียกขานเหล่าหลู เขาได้กล่าวออกด้วยเสียงทุ้มลึกขับไล่ผู้อื่นออกไป

 

ประตูเมื่อปิดลง ฉินหยุนจึงนํากระต่ายหยกออกมาวางบนฝ่ามือเด็กน้อย พิษค่อยถูกดูดกลืนออกมา ระหว่างรอ หลูเฉาเหวิ่นจึงสนทนาต่อเหล่าหลุถึงเรื่องนี้

 

“อุปกรณ์ยันต์นั่นมูลค่าไม่ถึงสองล้านเหรียญม่วงด้วยซ้ำ! อย่าได้กล่าวถึงสิบล้าน!” เหล่าหลูเผยเสียงกราดเกรี้ยว “พวกมันไม่ต่างอะไรกับคิดปล้นชิงผู้คน!”

 

“ชายคนนั้นทําลายอุปกรณ์วิเศษบินได้ของข้า เป็นข้ายอมปล่อยวางไม่ทวงถามแล้ว กระนั้นมันกลับคิดปล้นข้า!” เชี่ยวเย่ว์เหม่ยกล่าวออกด้วยโทสะ

 

ตอนนี้เอง ผิวหนังของเด็กจึงเริ่มกลับคืนเป็นเต่งตึงและอ่อนนุ่ม หาได้มีร่องรอยความแห้งผากและริ้วรอยชราภาพเช่นก่อนหน้า

 

พิษสีน้ำเงินตามผิวหนัง เวลานี้เลือนหายไปทีละน้อยแล้ว ได้เห็นเช่นนี้ หลูเฉาเหวิ่นและเหล่าหลูต่างยินดีเป็นล้นพ้น พวกเขาซาบซึ้งต่อฉินหยุนและเชี่ยวเย่ว์เหมย

 

กระต่ายหยกสามารถดูดกลืนพิษได้จนหมดสิ้นภายในเวลาน้อยกว่าครึ่งชั่วยาม เสร็จงานจึงกระโดดเข้าอกเสื้อฉินหยุน กลับเข้าสู่ไข่มุกเม็ดแรกของวิญญาณเทวะเก้าตะวัน

 

“นี่สองล้านเหรียญม่วง หนึ่งล้านชดใช้แก่ค่าอุปกรณ์วิเศษบินได้ และอีกหนึ่งล้านแทนคําขอบคุณของข้า!” เหล่าหลูนําเอาบัตรผลึกออกมา

 

“อย่าได้แล้ว! พวกเราเพียงลงแรงไปเล็กน้อย ดังนั้นไม่คิดขอค่าตอบแทน ทั้งยังจะเร่งรีบจากไป ข้าไม่คิดพบเจอกลุ่มคนน่ารังเกียจเหล่านั้นอีก!” เชี่ยวเย่ว์เหม่ยกล่าว

 

หลูเฉาเหวิ่นพลันเดินไปเปิดประตู กลุ่มคนด้านนอกเร่งรีบเข้ามา ยามได้เห็นเด็กถูกล้างพิษหมดสิ้น พวกเขาจึงมั่นใจ ว่าฉินหยุนและเชี่ยวเย่ว์เหม่ยต่างมียาวิเศษในครอบครอง

 

“พวกเจ้าสองคนทําพวกเราสูญเสียอุปกรณ์ยันต์ หากไม่ชดใช้แก่พวกเรา ก็อย่าได้คิดว่าจะไปพ้นจากที่นี่!” หนึ่งในราชันยุทธ์เฒ่าชราตะโกนกล่าว ใบหน้าเวลานี้เผยความชั่วร้ายพร้อมอาวุธในมือ

 

หลูเฉาเหวิ่นและเหล่าหลูต่างโกรธเกรี้ยว พวกเขาเร่งรีบมายืนหยัดที่ตรงหน้าฉินหยุนและเชี่ยวเย่ว์เหมย

 

“พวกเจ้าพ่อลูก เร่งรีบถอยให้พ้นทาง!”

 

“เด็กนั่นหายดีแล้ว เร่งรีบนําตัวออกไป! และส่งตัวสองคนนั้นให้แก่พวกเรา!”

 

“พวกเจ้าพ่อลูกอาจขอบคุณสองคนนี้ แต่อย่าได้คิดว่าความสูญเสียของอุปกรณ์ยันต์ของพวกเราจะชดใช้ด้วยเรื่องนี้ได้!”

 

ภายในใจของฉินหยุนและเชี่ยวเย่ว์เหม่ยต่างมีโทสะยามได้รับฟัง

 

เหล่าหลูเผยเสียงกราดเกรี้ยว “สองคนนี้คือผู้มีพระคุณของข้า หากพวกเจ้าคิดอยากลงมือ เช่นนั้นข้าก็ขอสู้โดยเอาชีวิตเข้าแลก!”

 

หลูเฉาเหวิ่นพลันกล่าว “สองคนนี้มาจากตระกูลชนชั้นสูง อย่าได้บอกกล่าวต่อข้า ว่าพวกเจ้าไม่หวาดเกรงต่อเรื่องนี้”

 

“หวาดเกรงหรือ? สํานักวิญญาณเมฆาของพวกเราย่อมมีแขกสูงศักดิ์ เป็นคนของตระกูลหลงเวลานี้กําลังเดินทางมา อย่างนั้นแล้วยังจะต้องหวาดเกรงใดต่อสองคนนี้?” ชายชราหัวเราะกล่าว

 

ทันใดนี้เอง ราชันยุทธ์วัยกลางคนจึงเดินเข้ามา เขาสวมใส่ชุดมังกรทองคํา อีกฝ่ายเป็นคนของตระกูลหลงตัวจริง!

 

ราชันยุทธ์ตระกูลหลงที่ได้เห็นเด็กน้อยหลับบนที่นอนถูกรักษา เขาจึงขมวดคิ้วกล่าว “พวกเจ้าสองคนน่าทึ่งนัก ถึงขั้นถอนพิษนั่นได้ในระยะเวลาอันสั้น!”

 

“ตัวบัดซบตระกูลหลง เจ้าเป็นผู้วางยาพิษเด็กน้อยผู้นี้หรือ?” เชี่ยวเย่ว์เหม่ยกล่าวถามเสียงเย็นเยือก “เจ้า คนของตระกูลหลงวิ่งพล่านมายังสถานที่ซึ่งนกยังไม่คิดปล่อยมูลฝอย เพื่อวางยาพิษเด็กน้อยผู้นี้และคิดควบคุมกลุ่มคน เพื่อทํางานสกปรกรับใช้เจ้าฉกชิงเอาทรัพย์พวกเขาไปกระมั่ง!”

 

เชี่ยวเย่ว์เหม่ยย่อมได้เห็นเล่ห์ร้ายเช่นนี้โดยง่าย ยามได้ยินคํากล่าว สองพ่อลูกแช่หลูต่างเผยใบหน้ามืดมน

 

“ย่อมไม่ใช่ ข้าได้ยินว่าพวกเจ้าทําคนเหล่านี้สูญเสียอุปกรณ์ยันต์จึงมารับชม! ตัวข้าย่อมเป็นมิตรสหายของจ้าวสํานักแห่งสํานักวิญญาณเมฆา ทั้งยังจะตอบแทนในวันนี้ไม่ว่าจะด้วยอะไร!” ราชันยุทธ์ตระกูลหลงแค่นเสียงกล่าวตอบ

 

เหล่าหลูเผยเสียงมีโทสะก้าวเดินออก ผลักเอากลุ่มคนพ้นทางพร้อมตะโกน “พวกเจ้าล้วนหลีกทาง ข้าจะนําผู้มีพระคุณสองคนนี้ไปพัก!”

 

“โง่เขลา” ราชันยุทธ์เฒ่าชราของสํานักวิญญาณเมฆากล่าวด้วยโทสะ ดาบในมือพลันจ้วงแทงออก

 

“ผู้อาวุโสระวัง!” ฉินหยุนร้องตะโกน

 

กระนั้น เหล่าหลูก็ยังโดนแทงที่หัวใจ ก่อนจะถูกฝ่ามือกระแทกกระเด็นถอยพร้อมกระอักโลหิตออกคําโต

 

“ท่านพ่อ!” หลูเฉาเหวิ่นเร่งรีบไปรับร่างเหล่าหลูที่ได้รับบาดเจ็บ เส้นเลือดที่หน้าผากเวลานี้เผยออกเพราะโทสะ

 

“เหอะ เหอะ เหอะ…” กลุ่มราชันยุทธ์ของสํานักวิญญาณเมฆาและชายวัยกลางคนตระกูลหลงต่างเผยเสียงหัวเราะดัง

 

ได้เห็นเหล่าหลูบาดเจ็บรุนแรงเช่นนี้ โทสะในกายฉินหยุนจึงพลุ่งพล่าน เขานําเอากระบี่ศักดิ์สิทธิ์วิญญาณปรโลกออกมาคิดสะสาง

 

พลังความโกรธแค้นของเขาเวลานี้ พวกมันถูกสะกดลงที่กระบี่ศักดิ์สิทธิ์วิญญาณปรโลก เวลานี้ ตัวกระบี่ได้ระเบิดเอาหมอกสีดําออกมาฟังกระจาย!

 

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+