Otonari asobi The Story Of How A Beautiful Foreign Student Who Lives Next Door Started To Visit My House After I Helped A Lost Little Girl 7.1

Now you are reading Otonari asobi The Story Of How A Beautiful Foreign Student Who Lives Next Door Started To Visit My House After I Helped A Lost Little Girl Chapter 7.1 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

otonari asobi เล่ม 2 ch7-1 คำทักทาย

“ง่วงเป็นบ้า”

ผมตื่นขึ้นมาเพราะแสงที่ลอดส่องจากผ้าม่าน ลุกขึ้นเตรียมพร้อมไปโรงเรียน เข้าห้องน้ำล้างหน้าล้างตาสะบัดความง่วงหายเป็นปลิดทิ้ง

เดี๋ยวจะมีสอบรัวๆหลายวันติดเลยต้องอ่านหนังสือยันดึกบ่อย ก็เลยรู้สึกว่าร่างกายมันล้าๆพอสมควร แต่ว่าถ้าไม่ทำตัวให้สดชื่น เดี๋ยวคุณชาร์ล็อตจะเป็นกังวลอีก

ปิ๊งป่อง

“อะเร๊ะ? คุณชาร์ล็อตมาแล้วรึ”

เสียงอินเตอร์โฟนดังไวกว่าปกติ 20 นาที ถือว่าแปลกมาก ผมเดินไปเปิดประตู

และสิ่งที่เจอคือ

“อ-รุ-ณ-ส-วัสดิ์-ค่ะ-โอ-นี่-จัง”

หน้าประตูมีนางฟ้าตัวน้อยยืนอยู่ สาวน้อยหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มเงยหน้ามองผม เธอเพิ่งจะทักผมตะกี้ด้วยภาษาญี่ปุ่นทีละคำ ทั้งที่ปกติเธอจะคุยกับผมด้วยภาษาอังกฤษ เล่นเอาผมนึกไม่ถึงเลย

“เอ๋ เอมม่าจัง พูดภาษาญี่ปุ่นได้แล้วเหรอครับ”

“……..”

ผมถามเธอเป็นภาษาญี่ปุ่น ปรากฏว่าน้องเงียบกริ้บเลย เอียงคอสงสัย ชัดเจนว่าเธอยังไม่เข้าใจภาษาญีปุ่นชัวร์

แต่ว่าหลังจากเอียงคอ น้องก็ยิ้มให้ผม พยักหน้า กางแขนสองข้างเงยหน้ามองผม

ภาษากายบอกชัดเจนว่า “อุ้มหนูหน่อยค่ะ”

แหมมม พยักหน้าตีเนียนทั้งที่ไม่เข้าใจภาษาแท้ๆ แต่เอาเหอะ คนที่ผิดก็คือผมเองแหละที่ไปคุยญี่ปุ่นใส่น้อง

เมื่อผมกับเอมม่าสบตากันอีกรอบ น้องเงยหน้าเปื้อนยิ้มค่อยๆกล่าวสะกดทีละคำอีกว่า “อ-รุณ-ส-วัสดิ์-ค่ะ

ดูจากสภาพ น้องน่าจะเพิ่งจำได้แค่คำทักทายแหละ ผมเลยคิดว่าอยากให้น้องชินและฝึกการใช้ภาษาญี่ปุ่น เลยทักทายกลับเป็นภาษาญี่ปุ่น

“อรุณสวัสดิ์ครับ”

น้องยิ้มแหะแหะ ส่งตอนกลับมาหาผม นางฟ้าตัวน้อยช่างน่ารักจริงๆ

ผมตอบสนองภาษากายน้อง ยื่นมือหาร่างน้อย น้องเห็นปุ๊บดวงตาเป็นประกายวิบวับด้วยความดีใจ ผมค่อยๆอุ้มเอมม่า น้องก็เอาคางซบไหล่ผมตามปกติเหมือนที่แล้วมา

ช่างเป็นเด็กขี้อ้อนจริงๆนะ แต่ก็น่ารักดี

เมื่อตอนน้องเรียกผมว่าโอนี่จังด้วยภาษาญี่ปุ่น ผมก็มีความคิดว่าเหมือนผมมีน้องสาวจริงๆ ผมอยากให้น้องสื่อสารภาษาญี่ปุ่นให้ดีกว่าเมื่อก่อน เมื่อเห็นการทักทายเมื่อครู่ ถือว่ามีการพัฒนาเลยนะ น่าทึ่งเจ้าตัวน้อยจริงๆ

….จะว่าไป แล้วคุณชาร์ล็อตหายไปไหนนะ ถึงตอนนี้ยังไม่เห็นเธอเลย

ขณะที่ผมคิดอยู่ ก็รู้สึกว่ามีใครบางคนกำลังแอบอยู่หลังประตู

อย่าบอกนะว่า…

ผมอุ้มเอมม่า เดินไปที่มุมประตูข้างหลัง ดูจากช่องประตู มีรอยแง้มอยู่

“อ๊ะ…อรุณสวัสดิ์ค่ะ”

เมื่อสบตากับคนที่อยู่หลังประตู ก็ไม่ใช่ใครที่ไหน สาวน้อยผมเงิน คุณชาร์ล็อตนั่นเอง

เธอทักมายผมด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา ราวกับอยากจะหายตัวไปให้ได้ซะเดี๋ยวนี้

และแล้วเธอก็หายกลับไปในห้อง

อย่าบอกนะว่าเธอกลัวผม

ทำไมเธอต้องหนีผมไปหว่า

สีหน้าผมเต็มไปด้วยคำถาม แต่ผมก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา

ขณะที่ผมกำลังครุ่นคิดในแง่ลบ คุณชาร์ล็อตก็ปรากฏตัวมาอีกครั้งพร้อมรอยยิ้ม

“อรุณสวัสดิ์ค่ะ”

พอผมจะทักเธอกลับไป ปรากฏว่าเธอไม่สบตาผมอีกแล้ว

…เอ๋ เป็นอะไรของเธอนะ

นี่ผมเผลอทำอะไรไม่ดีไปตอนไหนรึเปล่าก็นึกไม่ออก

“ล็อตตี้ทำตัวแปลกจังเลย”

เอมม่ากลับมากล่าวภาษาอังกฤษ ขณะที่ยังถูกผมอุ้มอยู่

“ก็นะ”

ผมก็ไม่รู้จะตอบช่วยชาร์ล็อตยังไง เพราะผมเองยังไม่รู้่ต้นสายปลายเหตุเลยด้วย

“อ๊ะ..เอ่อ…ขอโทษนะคะ”

ขณะที่ผมกำลังกังวลอยู่ ชาร์ล็อตตะโกนขออภัยกลับมา

“เอ่อ ไม่เป็นไรครับ … ผมขอเข้าไปข้างในนะ”

นี่ก้ยังงงไม่หาย แต่พอเข้ามาในห้อง คุณชาร์ล็อตยังคงหน้าแดงอยู่ ดูยังไงก็เห็นชัดว่าเธอกำลังอาย แต่เธออายเรื่องอะไรนี่สิ

ความผิดปกติของเธอทำให้หัวผมเต็มไปด้วยคำถาม

…ไม่สิ ใจเย็นก่อนตัวฉัน

จากอดีตที่ผ่านมา จะเห็นได้ว่าชาร์ล็อตมักจะอายในบางเรื่องที่เธอเข้าใจผิดไปเองด้วย

ปกติเธอเองก็เป็นคนขี้อายในระดับหนึ่ง

บางทีเธออาจจะไม่ได้กลัวผม แต่เธอน่าจะอายในสิ่งที่ผมทำอะไรลงไปสักอย่างมากกว่า

ยิ่งก่อนหน้าที่เธอตะโกนขอโทษทั้งที่ไม่มีความจำเป็นต้องพุดให้เสียงดังเลย มันต้องมีอะไรแล้วล่ะ

“เอ่อ…เดี๋ยวชั้น..ทำอาหารเช้าให้ทานนะคะ”

“อ๊ะ..อืม..ขอบคุณครับ”

คุณชาร์ล็อตปั้นหน้ายิ้มทั้งที่เธอหน้าแดงก่ำ ผมก็เลยยิ้มตอบกลับไป

อะไรวะ เมื่อวานก็ยังดูคุยกันดีๆ ทำไมมาวันนี้เธอกลายเป็นแบบนี้ งงชิบหาย

คุณชาร์ล็อตสวมผ้ากันเปื้อน เริ่มลงมือทำอาหารเช้าให้ผม สายตาเธอหันกลับมา บอกชัดว่า “ฝากดูแลน้องด้วยนะคะ”

หลังจากนั้น คุณชาร์ล็อตก็เข้าครัว ส่วนผมก็เล่นกับเอมม่าเป็นเพื่อนระหว่างรอให้อาหารเสร็จ

******

“โอนี่จัง อ้ามมมมม”

ตัดภาพมาปัจจุบัน เอมม่า น้องสาวของชั้นกำลังมีความสุขมากๆขณะกำลังถูกป้อนข้าวโดยอาโอยางิคุง

ชั้นมองดุสองคนนั้น รู้สึกได้ถึงความสุขล้นปรี่เต็มหัวใจ

เอมม่าเป็นเด็กที่ชอบทานข้าว แต่ว่า การที่น้องทานข้าวด้วยสีหน้าเป็นสุขขนาดนี้ เกิดขึ้นตั้งแต่ที่น้องได้ทานข้าวด้วยกันกับอาโอยางิคุง

เอมม่าชอบอาโอยางิคุงมากจริงๆนะ

ส่วนอาโอยางิคุงเองก็คิดกับเอมม่าเหมือน้องสาว…ไม่สิ บางทีอาจจะคิดไปถึงขั้นเป็นลูกสาวเลยด้วยซ้ำ

ท่าทางอันอ่อนโยน สีหน้าและรอยยิ้มของเขา ให้ความรู้สึกราวกับพ่อที่ดูแลห่วงใยลูกสาวสุดรักเลยล่ะ

ชั้นรู้สึกอบอุ่น เหมือนเป็นครอบครัวแสนสุข มันเป็นความรู้สึกที่มีความสุขมากๆเลยค่ะ

ทว่า.. เรื่องความสุขก็อีกเรื่องหนึ่ง จร้ิงๆแล้วชั้นมีสิ่งที่กังวลมากๆอยู่ตอนนี้ นั่นคือเรื่องเมื่อวาน ที่ผู้ชายสองคนเข้ามาในห้องเรียน แล้วอาโอยางิคุงโชว์ความเท่ของเขา เล่นเอาชั้นไม่กล้าสบตาเขาเลย

…ไม่สิ จริงๆชั้นไม่กล้าสบตาเขาตั้งแต่หอมแก้มเขาก่อนหน้าแล้ว

ตอนนี้ มันเลยเป็นปัญหาส่วนตัวชั้นเลย เพราะว่าเวลาที่ชั้นสบตาเขาแล้ว รู้สึกร่างกายร้อนผ่าวไปทั้งตัว

มันคือความเขินที่หนักมากจนระงับอาการไม่ไหว พอรู้สึกถึงเรื่องนี้ ชั้นเลยเลี่ยงไม่กล้าสบตาเขา

จริงๆแล้วชั้นมีเรื่องที่อยากจะสนทนากับอาโอยางิคุงมากมาย แต่ว่า พอสบตาคุยกับตรงหน้าแล้ว ชั้นเขินจนพูดไม่ออกสักคำ

ถึงชั้นกับเขาจะพูดคุยกันได้ปกติเมื่อหัวข้อสนทนาเป็นเรื่องของเอมม่า แต่นอกนั้นคือ คุยไม่ไหว เขินมากเลย

ชั้นเลยเลือกที่จะเว้นระยะห่างกับเขา แต่พอเว้นแล้ว ก็เกิดเหงาขึ้นมาแทน

ชั้นอยากจะมองหน้าเขาให้ได้ไวๆ ความรู้สึกนี้มันพลุ่งพล่านขึ้นมา วันนี้ชั้นเลยออกจากห้องเร็วกว่าปกติ

ความรู้สึกนี้มันกวนใจชั้นมาตลอดทั้งคืนเลย

ถ้าอาโอยางิคุงไม่คิดว่าชั้นแปลก ก็คงจะดีนะ

ชั้นเริ่มคิดแล้วว่า อาโอยางิคุงเขาจะมองชั้นเป็นคนยังไงบ้าง คิดกับชั้นเป็นไปในทางไหน

แต่ว่า…อาโอยางิคุงดูเหมือนจะไม่รู้สิ่งที่ชั้นคิดกับเขาในตอนนี้ เขาส่งรอยยิ้มมีความสุขพลางลูบหัวให้เอมม่าตลอด

……..ชั้นเองก็อยากให้เขาทำกับชั้นแบบเดียวกับที่ทำกับเอมม่าบ้างสักนิดนะ

อาโอยางิคุงเขาเอาอกเอาใจเอมม่าอยู่ตลอดเลย

…ไม่หรอก มันก็เข้าใจได้แหละ เอมม่าเป็นเด็กน่ารักนี่นา

ถ้าจะบอกว่า โลกนี้มีอะไรน่ารักเป็นอันดับหนึ่ง ถ้าตอบว่าเอมม่า ก็ไม่ใช่เรื่องที่น่าแปลกใจเลย เพราะน้องสาวชั้นน่ารักสุดๆจริง ฉะนั้นชั้นถึงเข้าใจความรู้สึกของอาโอยางิคุงในเรื่องนี้

ยิ่งไปกว่านั้น การที่อาโอยางิดูแลเอาใจใส่เอมม่า ก็เป็นสิ่งที่ชั้นต้องการด้วยอยู่แล้ว

เหตุผลเป็นเพราะว่า เอมม่าไม่เคยพบพ่อเลยสักครั้งเดียว

อาจจะเพระาเหตุนี้ด้วย บางทีเอมม่าอาจจะคิดว่าอาโอยางิคุงคือตัวแทนของพ่อก็ไม่ผิด

ถึงอาโอยางิคุงจะเป็นวัยรุ่น เอมม่าเรียกเขาว่าโอนี่จัง แต่เวลามองเธออ้อนเขาแล้ว มันให้ความรู้สึกไปทางลูกสาวอ้อนพ่อซะมากกว่า

เห็นความสัมพันธ์ของทั้งสองคนเป็นไปในทางดี ชั้นก็ดีใจ

แต่ว่านะ…อาโอยางิคุง

“หนูอยากกินอันนั้น”

“เอมม่าจังทานเนื้อตั้งแต่เมื่อกี้แล้วนะครับ คราวนี้ต้องทานผักบ้างแล้วนะ”

“งืมไม่เอา”

“น่า ตอนนี้ช่วงเวลาน้องผักออกโรงแล้วนะ อร่อยนะครับ”

“..ง่ำ”

เห็นแล้วเศร้า เธอเอาแต่คุยกับเอมม่ากันอยู่สองคน… อย่างน้อยชั้นอยากให้เขาหันมานึกถึงชั้นบ้างสักนิดก็ยังดี

ตัวชั้นเห็นภาพทั้งสองคนทานอาหารกันอย่างสนิทสนม เป็นภาพที่น่าจดจำแต่ก็ไม่ได้รู้สึกดีไปซะเต็มร้อย

….ไม่ใช่เรื่องดี..เลยนะ

ความคิดแย่ๆตรงนี้ไม่ใช่สิ่งที่ควรจะเป็นเลย

“….เ่อ่อ คุณชาร์ล็อต เป็นอะไรรึเปล่าครับ”

“เอ๋? ..ม…มีอะไรรึเปล่าคะ”

“เปล่าครับ คือเห็นดูเหม่อๆมองมาทางผมตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว”

“ไม่ค่ะ ไม่ได้เป็นไร ชั้นไม่น่าจะเหม่อนะคะ”

อาโอายางิคุงถามด้วยความสงสัย ส่วนชั้นก็รีบปฏิเสธพัลวัน

ทว่า…

“ล็อตตี้มองทางนี้ไม่หยุดเลย”

เอมม่ากล่าวขึ้นมาด้วยน้ำเสียงไร้เดียงสา

“เปล่านะคะ”

“มองค่ะ”

“บอกว่าเปล่าไงคะ”

“บู่….โอนี่จัง…ล็อตตี้โกหก เป็นเด็กไม่ดีค่ะ”

เอมม่ารู้ตัวโดยสัญชาตญาณว่าชั้นไม่ยอมรับ เธอเลยตบมือไปที่มืออาโอยางิคุงแปะๆ เป็นเชิงฟ้อง

“คร้าบๆ เอมม่าจังใจเย็นนะครับ”

“งืม”

ทว่า อาโอยางิคุงลูบหัวเอมม่าอย่างอ่อนโยน น้องรู้สึกดีจนตาหยี รับการลูบหัวอย่างสบายใจ

อาโอยางิคุงรับมือกับเอมม่าได้อย่างยอดเยี่ยมจริงๆค่ะ

“ยังไงก็ตาม ถ้ามีเรื่งออะไรไม่สบายใจ บอกผมได้นะครับ ผมจะดีใจมากๆเลย”

อาโอยางิคุงก็จับสัญญาณได้ เขาเลยเลือกใช้คำพูดในการสื่อสารกับชั้น

พอเจอคำพูดแบบนี้เข้าไปเล่นเอาชั้นร้อนไปทั้งหน้า ชั้นไม่อยากให้เขาเห็นใบหน้าชั้นตอนนี้ที่คงจะแดงก่ำไปหมด เลยเบนหน้าหนี

“เอ้อ ไม่มีอะไรจริงๆค่ะ”

“จริงเหรอครับ ถ้ามีเรื่องอะไรไม่สบายใจ บอกผมได้หมดนะครับ”

“ไม่่ค่ะ ไม่มีอะไรจริงๆ”

ชั้นส่ายศีรษะปฏิเสธคำพูดของอาโอยางิคุง

ถึงแม้ว่าการที่ชั้นไม่พูดสิ่งที่อยู่ในใจมันก็ชวนเหงา แต่ความอายมันมีมากกว่าเลยเลือกจะไม่พูดออกไป

ถึงอย่างนั้น ชั้นก็แอบหวังว่า การที่ชั้นทำตัวแบบนี้ เขาจะไม่คิดกับชั้นไปในทางแง่ลบเกินไปว่าเป็นผู้หญิงที่นิสัยแปลกๆนะ

“ม่า ก็ถ้าสมมติว่ามีอะไรจริงๆก็อย่าเกรงใจ พูดออกมาได้ตลอดนะครับ”

อาโอยางิคุงดุเหมือนจะล่วงรู้ความเดือดร้อนในใจชั้น เขาส่งรอยยิ้มมให้ แต่ก็ไม่ได้พูดจาคาดคั้นต่อเพื่อให้ชั้นเผยออกไป

อาโอยางิคุงช่างเป็นคนที่อ่อนโยนจริงๆค่ะ

ตัวชั้นที่นิสัยแบบนี้ ได้ใช้ชีวิตทุกเช้ากับเขาด้วยกัน แค่นี้ก็สุขล้นมากพอแล้ว

เพราะฉะนั้น การหวังสูงไปมากกว่านี้คงไม่ใช่เรื่องที่ดีหรอกค่ะ

กระนั้น..อย่างน้อยก็ขอสักนิดเถอะ ขอให้เธอหันมาใส่ใจชั้นให้มากกว่านี้อีกนิดจะได้มั้ยคะ

*****

*****

จบ ch 7-1

แปลซัดไปชั่วโมงครึ่ง เนื้อหามันจะออกมาแนวๆนี้อะนะ อยู่ในช่วงเคลียปัญหาใจหลายๆอย่าง อย่างตอนนี้จะเปิดเผยเรื่องพ่อของเอมม่านิดหนึ่งละ ต้องรอดุกันยาวๆว่าเป็นไง

 

ปล.พรุ่งนี้ผมไม่ได้แปลนะครับ ติดดูบอล แมนซิ ลิเวอร์พูลนะครับผม 

 

อยากอ่านไวกว่าใครนิดหนึ่ง คลิกติดตามเพจผู้แปลได้ตรงนี้เลยจ้า  kurakon 

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด