SSS-Class Suicide Hunte 52: สรวงสวรรค์หลัง จุดจบ (3) Part 2

Now you are reading SSS-Class Suicide Hunte Chapter 52: สรวงสวรรค์หลัง จุดจบ (3) Part 2 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

นิยาย SSS-Class Suicide Hunter SSSH ตอนที่ 52: สรวงสวรรค์หลังจุดจบ (3) Part 2

SSSH ตอนที่ 52: สรวงสวรรค์หลัง จุดจบ (3) Part 2

ก่อนที่ฉันจะรู้ตัว พระอาทิตย์ก็ตกดินแล้ว

ตามสิ่งที่แม่มดแนะนําเรา เราก็ไปที่หลังคาแล้ววิ่ง เมื่อมองลงมาจากด้านบนยังคงมีผู้คนหลายร้อยคนมาเบียดเสียดกันที่หน้าร้านกาแฟ มีผู้สื่อข่าวจํานวนมากจากสถานีวิทยุกระจายเสียงอยู่ที่นั่นด้วย

“เราคงมีปัญหาแน่ๆถ้าออกไปทางประตูหน้า!

เรากระโดดข้ามหลังคาสีแดงเลือดหมู

สถานที่ที่เราแวะนั่นคือหอระฆังที่สร้างขึ้นในจัตุรัส

ยามที่เฝ้าหอระฆังกําลังเล่นสมาร์ทโฟนและใช้เวลาอยู่นานกว่าจะจําเราได้

“อึกก! ซะ คุณเซียนดาบ!”

“อือฮือ”

เซียนดาบร่อนลงที่หอระฆังอย่างง่ายดาย

“ฉันขอโทษที แต่เราขอเวลาส่วนตัวสักครู่ได้ไหม”

“อ่า มันก็…นั่นมัน…”

“ห้านาทีก็พอแล้ว”

ยามหนุ่มลุกลี้ลุกลน เขาต้องผงะเมื่อตํานานที่ยังมีชีวิตขอร้องเขา จากนั้นตาของเราก็สบกัน ตาของยามก็เบิกกว้าง

“คุณน่าจะเป็นราชาแห่งความตาย!?”

“เอ่อ ใช่ครับ”

“อุ้ว ว้าว! นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันได้เจอ คุณด้วยตัวเอง ว้าว! เจ๋งเป็นบ้า!”

ยามลนลานค้นกระเป๋าของเขา นิยายรักโผล่ออกมาจากกระเป๋า ดูเหมือนว่า เขาจะนําสิ่งของบางอย่างมาเพื่อฆ่าเวลาเมื่อเขาอยู่ในเวรยาม

“นี่ นี่คือกระดาษแผ่นเดียวที่ผมมีใน ตอนนี้! ผมขอลายเซ็นของคุณได้ไหม?”

เซียนดาบหยิบหนังสือนิยายราวกับว่า เขาคุ้นเคยกับสถานการณ์แบบนี้

“เธอมีปากกาไหม?”

“น่ะ-นี่ครับ!”

“เธอชื่ออะไร?”

“เอ่อ ผมยังไม่ได้มีฉายาเลยครับ…!”

นักดาบชราเซ็นชื่อด้วยการตวัดปากกา ย่างประณีต

ยามหยิบลายเซ็นเหมือนเด็กไร้เดียงสาแล้วหันกลับมามองที่ฉัน

ฉันไม่รู้ว่าทําไม แต่ดวงตาของเขาเป็นประกายมาก

“รา- ราชาแห่งความตาย ผมขอลายเซ็นของคุณด้วยครับ!”

“เอ่อ”

ลายเซ็นของฉัน?

“ฉันไม่เคยเซ็นอะไรมาก่อน…”

“มันเป็นความปรารถนาตลอดชีวิตของผม! ได้โปรดด้วย!”

ด้วยความงุนงง ฉันได้รับปากกาและหนังสือนิยาย

ความปรารถนาตลอดชีวิตขาคือลายเซ็นของฉัน? ชีวิตของเขาเรียบง่ายแค่ไหน?

รู้สึกอึดอัดนิดหน่อย ฉันวางหนังสือ นิยายลงลายเซ็นของเซียนดาบถูกเขียนไว้ที่นั่นแล้ว ในขณะที่ฉันพยายามเขียนลายเซ็นด้วยปากกา จู่ๆฉันก็รู้ว่านี่เป็นครั้งแรกที่ฉันเขียนชื่อ “ราชาแห่งความตาย”

ก่อนที่ฉันจะรู้ตัว ลายเซ็นของเซียนดาบและของฉันก็อยู่ข้างกัน

เซียนดาบ

ราชาแห่งความตาย

“ขะ – ขอบคุณครับ! ขอบคุณมากๆ ครับ!”

ยามก้มหัวหลัง กลัวว่าลายเซ็นอาจหายไป ยามรีบเก็บเอานิยายคืนไป

เมื่อยามหยิบนิยายขึ้นมา ฉันก็เต็มไปด้วยความรู้สึกแปลกๆ และมันก็ยาก สําหรับฉันที่จะระบุได้ว่ามันรู้สึกอย่างไร

“ขอโทษที…”

“ผมจะยกย่องให้มันเป็นมรดกตกทอดของครอบครัว! ไม่ต้องกังวล! ผมจะไม่ขายให้ใครแน่ๆ! โอ้ขอบคุณทั้งสองมาก! ขอให้มีความสุขในวันหยุดสุดสัปดาห์ครับ!”

ยามรีบเดินลงไปตามขั้นบันไดของหอระฆัง เขาพูดอย่างตื่นเต้นว่า “เย้ เย้! ช่างเป็นวันที่โชคดีจริงๆ!” และเสียงตื่นเต้นของเขาก็ค่อยๆเบาลง

เมื่อเสียงนั้นหายไป ในที่สุดก็สามารถมองเห็นดวงอาทิตย์สีแดงเข้มคล้ายจุดที่กําลังตกดินได้จากหอระฆัง

และมีเพียงเสียงหายใจที่เงียบงันของทั้งคนสองเท่านั้นที่ยังคงอยู่

เราทั้งคู่เงียบไปพักใหญ่

แล้วจากนั้น…

“เอ่อ คุณเซียนดาบ”

“เฮ้ พ่อหนุ่ม”

คําพูดของเซียนดาบและคําพูดของฉันสวนกันและจางหายไป มันกลายเป็ แบบนั้นเพราะเราทั้งคู่พูดพร้อมกัน

ความเงียบที่น่าอึดอัด แต่ก็อยู่ได้ไม่นานฉันพูด

“คุณเซียนดาบ สําหรับคุณแล้วมันต้องดูเหมือนว่าผมได้ฆ่าคนจํานวนมหาศาล ฆาตกรหมู่ที่ต้องถูกลงโทษ”

ฉันมองไปที่เซียนดาบด้วยใบหน้าที่สงบ

“แต่ถ้าคุณมองในกระจก คุณจะเห็นฆาตกรที่ฆ่าคนมาแล้วมากมาย คนนั้น คือคุณ คุณเซียนดาบ”

เซียนดาบกําลังมองดูพระอาทิตย์ตกไม่ได้มองที่ฉัน

“แต่คุณเซียนดาบ คุณจะไม่ลงโทษตัวเองสําหรับเรื่องนั้น นี่เป็นเพราะคุณมีบรรทัดฐานชัดเจนในการฆ่าคน และบรรทัดฐานที่ว่าคือ [ลงโทษคนที่ทําร้ายคนจํานวนมาก”

ในขณะที่แสงอาทิตย์ยามสนธยาสาดส่อง ฉันก็ยังพูดต่อไป

“ผมก็มีบรรทัดฐานที่ชัดเจนด้วยและ นั่นคือเหตุผลที่ผมทําในสิ่งที่ผมทํา และ บรรทัดฐานคือ ลงโทษคนที่ทําร้ายคนจํานวนมาก”

นี่คือสิ่งที่ฉันเตรียมไว้ล่วงหน้าตั้งแต่ตอนที่ฉันโกหกเซียนดาบว่าฉันเป็นนักทํานาย

“ถ้าคุณเซียนดาบจะฆ่าใครสักคน เพราะพวกเขาฆ่าคนมามากมายก่อนหน้านี้ ผมก็ฆ่าคนก่อนที่พวกเขาจะฆ่าคนอื่นๆอีกมากมาย”

มันเป็นเรื่องโกหกที่พิถีพิถันที่ฉันเตรียมไว้เป็นพิเศษสําหรับเซียนดาบ

“ดังนั้นคุณเซียนดาบ คุณและผมกําลังเดินบนเส้นทางเดียวกัน……”

“พ่อหนุ่ม”

แต่ก่อนที่ฉันจะโกหกเสร็จ ชายชราก็เรียกฉันเบาๆ

“เธอไม่จําเป็นต้องพยายามพิสูจน์ตัวเองแบบนั้น”

“คุณเซียนดาบ ผม…”

“พ่อหนุ่ม”

ฉันปิดปากขณะที่เขาเรียกฉันด้วยเสียงทุ่มๆของเขา

ในขณะที่จ้องมองพระอาทิตย์ตก ชายชราก็พูดพึมพํา

“ฉันแตกต่างจากฮันเตอร์คนอื่นๆ”

แวบแรกคําพูดนั้นดูเหมือนจะพูดออกมาโดยไม่มีปีไม่มีขลุ่ย

“แม่มดมังกรดํา เคาท์ นักถามนอกรีต พญาอสรพิษ ครูเซเดอร์…พวกเขาทุกคนเป็นเด็กที่ต้องทนทุกข์ทรมานจากโลกภายนอก แต่ฉันแตกต่างออกไป ฉั เกิดมาโดยไม่อดอยากและอยู่ได้โดยไม่ขาดตกบกพร่อง”

มาร์คัส คาเลนเบอร์รี่

ฉันรู้ว่าชายชราตรงหน้าฉันมาจากครอบครัวที่มีชื่อเสียง แทนที่จะเรียกว่ารู้ฉันได้ตรวจสอบเขาอย่างเต็มรูปแบบในฐานะศัตรูและเงยหน้าขึ้นมองเขา พวกเขาบอกว่าเขามาจากครอบครัวที่มีชื่อเสียงซึ่งได้รับการยอมรับทั่วทั้งยุโรปเหนือ

“เมื่อหอคอยปรากฏขึ้นในโลก ฉันได้สร้างครอบครัวของตัวเองไปแล้ว ฉันทํางาน ในบริษัท ฉันแต่งงานมีลูก ฉันเคยเห็นลูกๆของฉันมีหลานชายและหลานสาว ฉันประสบความสําเร็จมามากพอแล้ว”

เสียงของเซียนดาบสงบลง

“แต่ฉันสงสัย”

“คุณหมายถึงอะไรที่ว่าสงสัย?”

“ความสําเร็จของฉันทั้งหมดเกิดจากความสามารถของฉันหรือเปล่า? จู่ๆฉันก็รู้สึกสงสัย”

ชายชราค่อยๆดึงดาบออกจากฝักดาบ

“ไม่ใช่เพราะฉันเกิดมาในครอบครัวที่ดีหรอกหรือ?”

พระอาทิตย์ที่กําลังตกได้สาดแสง

ดาบเป็นสีแดงเข้มแม้ว่ามันจะไม่ได้ตัดอะไรเลย

“ไม่ใช่เพียงเพราะฉันเป็น “นก” ที่เกิดมาในครอบครัวที่ดี ได้รับการศึกษาที่ดี พบเพื่อนที่ดีและเติบโตมาโดยการดื่มสิ่งที่ดีที่สุดเท่านั้นหรือ? ฉันภูมิใจกับความจริงที่ว่าฉันทําทุกอย่างสําเร็จด้วยตัวเอง… แต่บางทีมันอาจจะเป็นเพียงความเข้าใจผิดของใครบางคนที่ติดอยู่ในกรงนก”

เซียนดาบอธิบาย

“ไม่ มันไม่ใช่อย่างนั้น”

มันเป็นเสียงที่แหลมคมราวกับใบมีด

“นั่นเป็นไปไม่ได้”

“ฉันแน่ใจว่าฉันเกิดมาพร้อมกับสิ่งที่ดี อย่างไรก็ตาม ฉันต้องการที่จะยืนหยัด และภาคภูมิใจด้วยตัวเอง ฉันต้องการพิสูจน์ว่าความภาคภูมิใจของฉันไม่ใช่ความหลงผิด”

“ นั่นคือเหตุผลที่คุณมาที่หอคอย”

“ใช่”

ชายชราพยักหน้า

ริ้วรอยของเขาลึกและหนา

“ผู้ที่เข้ามาในหอคอยจะไม่สามารถกลับไปสู่โลกภายนอกได้ มีเพียงร่างกายของฉัน ในสถานที่นี้ไม่มีตระกูลที่มีชื่อเสียง ไม่มีครอบครัวและไม่มีผู้ช่วยที่สนับสนุนฉัน…ฉันต้องการพิสูจน์วิถีชีวิตของฉันด้วยร่างกายของฉันเอง”

อย่างไรก็ตาม เซียนดาบยังบ่นต่อไป

“ดูเหมือนว่าฉันจะปล่อยการ์ดลงโดยไม่รู้ตัว”

“เปิดสกิลการ์ด เปิดเผย”

ชิ้ง!

การ์ดสีเงินลอยออกมาจากมือของเซียนดาบ

[ญาณนักสืบ]

แรงก์: B

เอฟเฟค: คุณสามารถดูจํานวนการฆ่าของฝ่ายตรงข้ามได้ ยังไม่รวมถึงการฆาตกรรมทางอ้อม จะนับเฉพาะการฆาตกรรมที่เกิดขึ้นโดยมีเจตนาที่ชัดเจนเท่านั้น

อย่างไรก็ตามคุณไม่สามารถรู้วิธีการฆ่าได้

“ฉันมันโง่เขลา”

เซียนดาบหงายสกิลการ์ดของเขา

“ฉันจะเชื่อใจแค่สายตาและมือของตัวเอง แต่…ก่อนที่ฉันจะรู้ ฉันพึ่ง [สกิล] ฉันเห็นมันผ่านทักษะมากกว่าผ่านสายตาของฉันเองและฉันมีความเชื่ออย่างมืดมนในการตัดสินของสกิลนั้นมากกว่า การตัดสินของฉันเอง”

จากนั้น

“พ่อหนุ่ม ฉันจะถามเธอเป็นครั้งสุดท้าย”

ดวงตาสีฟ้าของชายชราหันมามองที่ฉัน

“เธอเคยฆ่าคนบริสุทธิ์แม้แต่คนเดียวหรือเปล่า”

นั่นเป็นเหตุผลที่เขาบอกว่าฉันไม่จําเป็นต้องพยายามพิสูจน์ตัวเอง ฉันมั่นใจ

ใช่ การแก้ต่างโดยใช้ “หัว” ของตัวเองเหมือนที่ฉันเคยทําไป

ไม่ว่าเรื่องโกหกอาจจะซับซ้อนแค่ไหนก็แค่หลอกความคิดของใครบางคนไม่ใช่เพื่อเอาชนะใจพวกเขา

“ไม่”

การโน้มน้าวใจและไม่ใช่ความไว้เนื้อ ชื่อใจ

“ผมไม่เคยทําแบบนั้น คุณเซียนดาบ”

ฉันพูดอย่างจริงใจ

“ในอนาคตผมก็จะไม่ทําแบบนั้นเด็ดขาด”

เซียนดาบหลับตาลงอย่างแผ่วเบา

ราวกับว่าเขากําลังวิเคราะห์สีหน้าและน้ําเสียงของฉัน

ความเงียบอันยาวนานผ่านไปและ

“ฮึบ!”

การ์ดก็ลอยขึ้นมา

การ์ดที่ลอยไปในอากาศถูกตัดด้วยใบมีดสีแดงสด

การ์ดขาดออกเป็นสองส่วน

แสงสีทองจากพระอาทิตย์ทะลุผ่านช่องว่างที่ถูกตัด

“ฉันเชื่อในสายตาของฉัน”

จากนั้นไม่นานการ์ดก็กลายเป็นละอองแสงและสลายไป

สกิลนั้นถูกทําลาย

“เธอมีช่วงเวลาที่ยากลําบากในช่วงห้าวันที่ผ่านมา ขอบคุณที่ยอมทําตามความดื้อรั้นของชายชราคนนี้”

เซียนดาบเก็บดาบของเขา

“มันอาจช้าไปหน่อยที่จะบอกเธอตอนนี้ แต่มันเป็นประสบการณ์ที่น่ายินดีที่ได้เห็นเธอทะลวงชั้นที่ 12 ถึงชั้นที่ 19 วันนี้พักผ่อนให้ดี เมื่องานแถลงข่าวจบลงในวันพรุ่งนี้ชั้นที่ 21 จะเปิดทันทีหลังจากนั้น”

ชายชรากระทืบเท้าลงบนพื้น

ก่อนที่จะกระโดดขึ้นไปบนดาดฟ้าของอาคารอื่น เขาเหลือบมองมาที่ฉัน

“ฉันหวังว่าจะได้เห็นเธอแสดงฝีมือ ในชั้นถัดไปราชาแห่งความตาย”

และในพริบตา เขาก็อยู่ห่างจากหอ

ระฆังพอสมควร

เป็นเวลานานที่ฉันยืนเหม่อลอย

ฉันเปิดปากอย่างไม่เต็มใจ

“จักรพรรดิดาบ เมื่อกี้มัน…”

– เอ่ออออ

“เมื่อกี้ เซียนดาบยอมรับฉันแล้วใช่ไหม?”

– ฉันคิดว่านะ

ฉันโล่งอก

“ฮ่าาาาาาาาา…….

เข่าของฉันไม่มีแรงและฉันก็ค่อยๆนั่งลง พื้นที่ทําจากหินนั้นเย็นยะเยือก ฉันจ้องมองท้องฟ้าสีแดงที่ค่อยๆจางหายไปและเริ่มมืดลง

“ว้าว มันจบแล้ว…มันจบลงแล้วจริงๆ ตอนนี้ชั้นที่ 20 ก็เป็นของฉันเหมือนกัน และพวกกิลด์มาสเตอร์จะดูแลเรื่องสือ… ใช่ มันจบลงแล้วจริงๆ”

หัวเราะคิกคัก

– นายหมายความว่าอะไรที่จบ? คนอื่นอาจจะคิดว่านายเพิ่งเคลียร์ชั้น 50 หรือชั้นอื่นๆเอาได้นะ

“จากสิ่งที่ฉันรู้สึก ตอนนี้เหมือนกับว่าฉันเพิ่งเคลียร์ชั้นที่ 90 ไป”

– ชิ ชิ ชิ ซอมบี้บางครั้งฉันก็สับสนว่า นายนี่ใจเย็นเหมือนน้ําแข็งหรือนายเป็นแค่คนขี้ขลาดกันแน่

“อันที่จริง บางครั้งฉันก็สับสนเหมือนกัน….”

อย่างไรก็ตาม ฉันก็สรุปทุกอย่างที่ทําเอาไว้จนถึงชั้น 20

เมื่อฉันนึกย้อนถึงสิ่งที่ฉันทําลงไป ฉันก็รู้สึกอิ่มเอมใจแปลกๆ

[เทพธิดาแห่งการปกป้องประทับใจในความสําเร็จของท่าน!]

เสียงที่ไม่เคยได้ยินมาพักใหญ่ดังขึ้น

“ฮะ?”

เมื่อมาลองคิดดู

แม้จะเอาชนะราชาปีศาจแห่งห่าฝนมาได้ แต่เทพธิดาแห่งการปกป้องก็ยังคงนิ่งเงียบ ไม่ ยกเว้นตอนที่ฉันผ่านชั้นที่ 12 เป็นครั้งแรก เทพธิดาแห่งการปกป้องก็เงียบมาตลอดเวลา

[เทพธิดาแห่งการปกป้องรับรู้ความสําเร็จทั้งหมดของท่าน!]

ราวกับกําลังระบายทุกสิ่งที่เธออยาก จะพูดออกมาทั้งหมดในขณะที่เงียบอยู่ตลอดเวลาเสียงต่างๆดังออกมาเรื่อยๆ

[เทพธิดาแห่งการปกป้องสรุปว่า แม้ว่าท่านจะโกหกว่าเป็นอัครสาวกของเทพธิดาแต่ในความเป็นจริงท่านก็มีคุณสมบัติครบถ้วนที่จะเป็นอัครสาวก

[เทพธิดาแห่งการปกป้องอนุญาตให้ท่านใช้ชื่อของเธอได้ในอนาคต!]

แต่มีบางอย่างแปลกๆเกี่ยวกับคําพูดของเธอ

“…คุณหมายถึงอะไรที่ว่าใช้ชื่อของคุณในอนาคต? นั่นหมายความว่าอย่างไร?”

[เทพธิดาแห่งการปกป้องเจ็บปวดจากคําพูดของท่าน เนื่องจากพวกเราทํางา ร่วมมือกันได้ดีจนถึงตอนนี้]

มันกลายเป็นไม่เข้าใจมากขึ้นเรื่อย ๆ

“เราร่วมมือกันได้ดีจนถึงตอนนี้?”

[เทพธิดาแห่งการปกป้องขอให้ท่านมองลงไปข้างล่าง]

ฉันก้มมองลงไป

ไม่มีอะไรเลยนอกจากพื้นหิน

[เทพธิดาแห่งการปกป้องขอให้ท่านมองไปทางซ้ายอีกหน่อย]

ฉันเลื่อนสายตาไปทางซ้าย

ทางนั้น ขาและเอวของฉันอยู่ตรงนั้น

ที่เอวของฉันมีอาวุธในตํานานที่เทพธิดา

ดามอบให้แก่จักรพรรดิผู้ก่อตั้งอาณาจักรเอจิม กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือดาบศักดิ์สิทธิ์แห่งการปกป้องของเลฟานต้า เอจิมซึ่งอยู่ในฝักดาบ

“เดี๋ยวก่อน อย่าบอกนะว่า?”

[เทพธิดาแห่งการปกป้องขอแนะนําให้ คณสนใจไปที่เอวของท่าน]

ฉันรู้สึกแปลกๆ

ฉันนึกถึงฉากที่ฉันกําลังต่อสู้กับกองทัพของราชาปีศาจที่ชั้น 12

ในเวลานั้น ฉันแน่ใจว่ามีเสียงที่ระบุว่าเทพธิดาแห่งการปกป้องกําลังเค้นพลังเฮือกสุดท้ายของเธอ ทันทีที่คําพูดจบลง แสงสีขาวก็พุ่งออกมาจากบางสิ่งที่ฉันถืออยู่

หลังจากนั้นก็ไม่มีปาฏิหาริย์ใดๆเกิดขึ้น

“ไม่ เดี๋ยวก่อน อย่าบอกนะว่า [เทพธิดาแห่งการปกป้อง] ที่ถูกกพูดถึงเป็นครั้งคราวในการต่อสู้กับราชาปีศาจคือ…”

ฉันพูดด้วยหัวใจที่เต็มไปด้วยความไม่เชื่อ

“คุณ…คุณเป็น “ดาบ เหรอ?”

หลังจากนั้นไม่นาน

เสียงนั้นก็ตอบ

[เทพธิดาแห่งการปกป้องยืนยันคําถามของท่านแล้ว!]

โอ้ พระเจ้า

เมื่อมาคิดว่าดาบศักดิ์สิทธิ์แห่งการปกป้องที่ฉันใช้มาตั้งนานนี่เป็นดาบศักดิ์สิทธิ์จริงๆ

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

SSS-Class Suicide Hunte 52: สรวงสวรรค์หลัง จุดจบ (3) Part 2

Now you are reading SSS-Class Suicide Hunte Chapter 52: สรวงสวรรค์หลัง จุดจบ (3) Part 2 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

นิยาย SSS-Class Suicide Hunter SSSH ตอนที่ 52: สรวงสวรรค์หลังจุดจบ (3) Part 2

SSSH ตอนที่ 52: สรวงสวรรค์หลัง จุดจบ (3) Part 2

ก่อนที่ฉันจะรู้ตัว พระอาทิตย์ก็ตกดินแล้ว

ตามสิ่งที่แม่มดแนะนําเรา เราก็ไปที่หลังคาแล้ววิ่ง เมื่อมองลงมาจากด้านบนยังคงมีผู้คนหลายร้อยคนมาเบียดเสียดกันที่หน้าร้านกาแฟ มีผู้สื่อข่าวจํานวนมากจากสถานีวิทยุกระจายเสียงอยู่ที่นั่นด้วย

“เราคงมีปัญหาแน่ๆถ้าออกไปทางประตูหน้า!

เรากระโดดข้ามหลังคาสีแดงเลือดหมู

สถานที่ที่เราแวะนั่นคือหอระฆังที่สร้างขึ้นในจัตุรัส

ยามที่เฝ้าหอระฆังกําลังเล่นสมาร์ทโฟนและใช้เวลาอยู่นานกว่าจะจําเราได้

“อึกก! ซะ คุณเซียนดาบ!”

“อือฮือ”

เซียนดาบร่อนลงที่หอระฆังอย่างง่ายดาย

“ฉันขอโทษที แต่เราขอเวลาส่วนตัวสักครู่ได้ไหม”

“อ่า มันก็…นั่นมัน…”

“ห้านาทีก็พอแล้ว”

ยามหนุ่มลุกลี้ลุกลน เขาต้องผงะเมื่อตํานานที่ยังมีชีวิตขอร้องเขา จากนั้นตาของเราก็สบกัน ตาของยามก็เบิกกว้าง

“คุณน่าจะเป็นราชาแห่งความตาย!?”

“เอ่อ ใช่ครับ”

“อุ้ว ว้าว! นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันได้เจอ คุณด้วยตัวเอง ว้าว! เจ๋งเป็นบ้า!”

ยามลนลานค้นกระเป๋าของเขา นิยายรักโผล่ออกมาจากกระเป๋า ดูเหมือนว่า เขาจะนําสิ่งของบางอย่างมาเพื่อฆ่าเวลาเมื่อเขาอยู่ในเวรยาม

“นี่ นี่คือกระดาษแผ่นเดียวที่ผมมีใน ตอนนี้! ผมขอลายเซ็นของคุณได้ไหม?”

เซียนดาบหยิบหนังสือนิยายราวกับว่า เขาคุ้นเคยกับสถานการณ์แบบนี้

“เธอมีปากกาไหม?”

“น่ะ-นี่ครับ!”

“เธอชื่ออะไร?”

“เอ่อ ผมยังไม่ได้มีฉายาเลยครับ…!”

นักดาบชราเซ็นชื่อด้วยการตวัดปากกา ย่างประณีต

ยามหยิบลายเซ็นเหมือนเด็กไร้เดียงสาแล้วหันกลับมามองที่ฉัน

ฉันไม่รู้ว่าทําไม แต่ดวงตาของเขาเป็นประกายมาก

“รา- ราชาแห่งความตาย ผมขอลายเซ็นของคุณด้วยครับ!”

“เอ่อ”

ลายเซ็นของฉัน?

“ฉันไม่เคยเซ็นอะไรมาก่อน…”

“มันเป็นความปรารถนาตลอดชีวิตของผม! ได้โปรดด้วย!”

ด้วยความงุนงง ฉันได้รับปากกาและหนังสือนิยาย

ความปรารถนาตลอดชีวิตขาคือลายเซ็นของฉัน? ชีวิตของเขาเรียบง่ายแค่ไหน?

รู้สึกอึดอัดนิดหน่อย ฉันวางหนังสือ นิยายลงลายเซ็นของเซียนดาบถูกเขียนไว้ที่นั่นแล้ว ในขณะที่ฉันพยายามเขียนลายเซ็นด้วยปากกา จู่ๆฉันก็รู้ว่านี่เป็นครั้งแรกที่ฉันเขียนชื่อ “ราชาแห่งความตาย”

ก่อนที่ฉันจะรู้ตัว ลายเซ็นของเซียนดาบและของฉันก็อยู่ข้างกัน

เซียนดาบ

ราชาแห่งความตาย

“ขะ – ขอบคุณครับ! ขอบคุณมากๆ ครับ!”

ยามก้มหัวหลัง กลัวว่าลายเซ็นอาจหายไป ยามรีบเก็บเอานิยายคืนไป

เมื่อยามหยิบนิยายขึ้นมา ฉันก็เต็มไปด้วยความรู้สึกแปลกๆ และมันก็ยาก สําหรับฉันที่จะระบุได้ว่ามันรู้สึกอย่างไร

“ขอโทษที…”

“ผมจะยกย่องให้มันเป็นมรดกตกทอดของครอบครัว! ไม่ต้องกังวล! ผมจะไม่ขายให้ใครแน่ๆ! โอ้ขอบคุณทั้งสองมาก! ขอให้มีความสุขในวันหยุดสุดสัปดาห์ครับ!”

ยามรีบเดินลงไปตามขั้นบันไดของหอระฆัง เขาพูดอย่างตื่นเต้นว่า “เย้ เย้! ช่างเป็นวันที่โชคดีจริงๆ!” และเสียงตื่นเต้นของเขาก็ค่อยๆเบาลง

เมื่อเสียงนั้นหายไป ในที่สุดก็สามารถมองเห็นดวงอาทิตย์สีแดงเข้มคล้ายจุดที่กําลังตกดินได้จากหอระฆัง

และมีเพียงเสียงหายใจที่เงียบงันของทั้งคนสองเท่านั้นที่ยังคงอยู่

เราทั้งคู่เงียบไปพักใหญ่

แล้วจากนั้น…

“เอ่อ คุณเซียนดาบ”

“เฮ้ พ่อหนุ่ม”

คําพูดของเซียนดาบและคําพูดของฉันสวนกันและจางหายไป มันกลายเป็ แบบนั้นเพราะเราทั้งคู่พูดพร้อมกัน

ความเงียบที่น่าอึดอัด แต่ก็อยู่ได้ไม่นานฉันพูด

“คุณเซียนดาบ สําหรับคุณแล้วมันต้องดูเหมือนว่าผมได้ฆ่าคนจํานวนมหาศาล ฆาตกรหมู่ที่ต้องถูกลงโทษ”

ฉันมองไปที่เซียนดาบด้วยใบหน้าที่สงบ

“แต่ถ้าคุณมองในกระจก คุณจะเห็นฆาตกรที่ฆ่าคนมาแล้วมากมาย คนนั้น คือคุณ คุณเซียนดาบ”

เซียนดาบกําลังมองดูพระอาทิตย์ตกไม่ได้มองที่ฉัน

“แต่คุณเซียนดาบ คุณจะไม่ลงโทษตัวเองสําหรับเรื่องนั้น นี่เป็นเพราะคุณมีบรรทัดฐานชัดเจนในการฆ่าคน และบรรทัดฐานที่ว่าคือ [ลงโทษคนที่ทําร้ายคนจํานวนมาก”

ในขณะที่แสงอาทิตย์ยามสนธยาสาดส่อง ฉันก็ยังพูดต่อไป

“ผมก็มีบรรทัดฐานที่ชัดเจนด้วยและ นั่นคือเหตุผลที่ผมทําในสิ่งที่ผมทํา และ บรรทัดฐานคือ ลงโทษคนที่ทําร้ายคนจํานวนมาก”

นี่คือสิ่งที่ฉันเตรียมไว้ล่วงหน้าตั้งแต่ตอนที่ฉันโกหกเซียนดาบว่าฉันเป็นนักทํานาย

“ถ้าคุณเซียนดาบจะฆ่าใครสักคน เพราะพวกเขาฆ่าคนมามากมายก่อนหน้านี้ ผมก็ฆ่าคนก่อนที่พวกเขาจะฆ่าคนอื่นๆอีกมากมาย”

มันเป็นเรื่องโกหกที่พิถีพิถันที่ฉันเตรียมไว้เป็นพิเศษสําหรับเซียนดาบ

“ดังนั้นคุณเซียนดาบ คุณและผมกําลังเดินบนเส้นทางเดียวกัน……”

“พ่อหนุ่ม”

แต่ก่อนที่ฉันจะโกหกเสร็จ ชายชราก็เรียกฉันเบาๆ

“เธอไม่จําเป็นต้องพยายามพิสูจน์ตัวเองแบบนั้น”

“คุณเซียนดาบ ผม…”

“พ่อหนุ่ม”

ฉันปิดปากขณะที่เขาเรียกฉันด้วยเสียงทุ่มๆของเขา

ในขณะที่จ้องมองพระอาทิตย์ตก ชายชราก็พูดพึมพํา

“ฉันแตกต่างจากฮันเตอร์คนอื่นๆ”

แวบแรกคําพูดนั้นดูเหมือนจะพูดออกมาโดยไม่มีปีไม่มีขลุ่ย

“แม่มดมังกรดํา เคาท์ นักถามนอกรีต พญาอสรพิษ ครูเซเดอร์…พวกเขาทุกคนเป็นเด็กที่ต้องทนทุกข์ทรมานจากโลกภายนอก แต่ฉันแตกต่างออกไป ฉั เกิดมาโดยไม่อดอยากและอยู่ได้โดยไม่ขาดตกบกพร่อง”

มาร์คัส คาเลนเบอร์รี่

ฉันรู้ว่าชายชราตรงหน้าฉันมาจากครอบครัวที่มีชื่อเสียง แทนที่จะเรียกว่ารู้ฉันได้ตรวจสอบเขาอย่างเต็มรูปแบบในฐานะศัตรูและเงยหน้าขึ้นมองเขา พวกเขาบอกว่าเขามาจากครอบครัวที่มีชื่อเสียงซึ่งได้รับการยอมรับทั่วทั้งยุโรปเหนือ

“เมื่อหอคอยปรากฏขึ้นในโลก ฉันได้สร้างครอบครัวของตัวเองไปแล้ว ฉันทํางาน ในบริษัท ฉันแต่งงานมีลูก ฉันเคยเห็นลูกๆของฉันมีหลานชายและหลานสาว ฉันประสบความสําเร็จมามากพอแล้ว”

เสียงของเซียนดาบสงบลง

“แต่ฉันสงสัย”

“คุณหมายถึงอะไรที่ว่าสงสัย?”

“ความสําเร็จของฉันทั้งหมดเกิดจากความสามารถของฉันหรือเปล่า? จู่ๆฉันก็รู้สึกสงสัย”

ชายชราค่อยๆดึงดาบออกจากฝักดาบ

“ไม่ใช่เพราะฉันเกิดมาในครอบครัวที่ดีหรอกหรือ?”

พระอาทิตย์ที่กําลังตกได้สาดแสง

ดาบเป็นสีแดงเข้มแม้ว่ามันจะไม่ได้ตัดอะไรเลย

“ไม่ใช่เพียงเพราะฉันเป็น “นก” ที่เกิดมาในครอบครัวที่ดี ได้รับการศึกษาที่ดี พบเพื่อนที่ดีและเติบโตมาโดยการดื่มสิ่งที่ดีที่สุดเท่านั้นหรือ? ฉันภูมิใจกับความจริงที่ว่าฉันทําทุกอย่างสําเร็จด้วยตัวเอง… แต่บางทีมันอาจจะเป็นเพียงความเข้าใจผิดของใครบางคนที่ติดอยู่ในกรงนก”

เซียนดาบอธิบาย

“ไม่ มันไม่ใช่อย่างนั้น”

มันเป็นเสียงที่แหลมคมราวกับใบมีด

“นั่นเป็นไปไม่ได้”

“ฉันแน่ใจว่าฉันเกิดมาพร้อมกับสิ่งที่ดี อย่างไรก็ตาม ฉันต้องการที่จะยืนหยัด และภาคภูมิใจด้วยตัวเอง ฉันต้องการพิสูจน์ว่าความภาคภูมิใจของฉันไม่ใช่ความหลงผิด”

“ นั่นคือเหตุผลที่คุณมาที่หอคอย”

“ใช่”

ชายชราพยักหน้า

ริ้วรอยของเขาลึกและหนา

“ผู้ที่เข้ามาในหอคอยจะไม่สามารถกลับไปสู่โลกภายนอกได้ มีเพียงร่างกายของฉัน ในสถานที่นี้ไม่มีตระกูลที่มีชื่อเสียง ไม่มีครอบครัวและไม่มีผู้ช่วยที่สนับสนุนฉัน…ฉันต้องการพิสูจน์วิถีชีวิตของฉันด้วยร่างกายของฉันเอง”

อย่างไรก็ตาม เซียนดาบยังบ่นต่อไป

“ดูเหมือนว่าฉันจะปล่อยการ์ดลงโดยไม่รู้ตัว”

“เปิดสกิลการ์ด เปิดเผย”

ชิ้ง!

การ์ดสีเงินลอยออกมาจากมือของเซียนดาบ

[ญาณนักสืบ]

แรงก์: B

เอฟเฟค: คุณสามารถดูจํานวนการฆ่าของฝ่ายตรงข้ามได้ ยังไม่รวมถึงการฆาตกรรมทางอ้อม จะนับเฉพาะการฆาตกรรมที่เกิดขึ้นโดยมีเจตนาที่ชัดเจนเท่านั้น

อย่างไรก็ตามคุณไม่สามารถรู้วิธีการฆ่าได้

“ฉันมันโง่เขลา”

เซียนดาบหงายสกิลการ์ดของเขา

“ฉันจะเชื่อใจแค่สายตาและมือของตัวเอง แต่…ก่อนที่ฉันจะรู้ ฉันพึ่ง [สกิล] ฉันเห็นมันผ่านทักษะมากกว่าผ่านสายตาของฉันเองและฉันมีความเชื่ออย่างมืดมนในการตัดสินของสกิลนั้นมากกว่า การตัดสินของฉันเอง”

จากนั้น

“พ่อหนุ่ม ฉันจะถามเธอเป็นครั้งสุดท้าย”

ดวงตาสีฟ้าของชายชราหันมามองที่ฉัน

“เธอเคยฆ่าคนบริสุทธิ์แม้แต่คนเดียวหรือเปล่า”

นั่นเป็นเหตุผลที่เขาบอกว่าฉันไม่จําเป็นต้องพยายามพิสูจน์ตัวเอง ฉันมั่นใจ

ใช่ การแก้ต่างโดยใช้ “หัว” ของตัวเองเหมือนที่ฉันเคยทําไป

ไม่ว่าเรื่องโกหกอาจจะซับซ้อนแค่ไหนก็แค่หลอกความคิดของใครบางคนไม่ใช่เพื่อเอาชนะใจพวกเขา

“ไม่”

การโน้มน้าวใจและไม่ใช่ความไว้เนื้อ ชื่อใจ

“ผมไม่เคยทําแบบนั้น คุณเซียนดาบ”

ฉันพูดอย่างจริงใจ

“ในอนาคตผมก็จะไม่ทําแบบนั้นเด็ดขาด”

เซียนดาบหลับตาลงอย่างแผ่วเบา

ราวกับว่าเขากําลังวิเคราะห์สีหน้าและน้ําเสียงของฉัน

ความเงียบอันยาวนานผ่านไปและ

“ฮึบ!”

การ์ดก็ลอยขึ้นมา

การ์ดที่ลอยไปในอากาศถูกตัดด้วยใบมีดสีแดงสด

การ์ดขาดออกเป็นสองส่วน

แสงสีทองจากพระอาทิตย์ทะลุผ่านช่องว่างที่ถูกตัด

“ฉันเชื่อในสายตาของฉัน”

จากนั้นไม่นานการ์ดก็กลายเป็นละอองแสงและสลายไป

สกิลนั้นถูกทําลาย

“เธอมีช่วงเวลาที่ยากลําบากในช่วงห้าวันที่ผ่านมา ขอบคุณที่ยอมทําตามความดื้อรั้นของชายชราคนนี้”

เซียนดาบเก็บดาบของเขา

“มันอาจช้าไปหน่อยที่จะบอกเธอตอนนี้ แต่มันเป็นประสบการณ์ที่น่ายินดีที่ได้เห็นเธอทะลวงชั้นที่ 12 ถึงชั้นที่ 19 วันนี้พักผ่อนให้ดี เมื่องานแถลงข่าวจบลงในวันพรุ่งนี้ชั้นที่ 21 จะเปิดทันทีหลังจากนั้น”

ชายชรากระทืบเท้าลงบนพื้น

ก่อนที่จะกระโดดขึ้นไปบนดาดฟ้าของอาคารอื่น เขาเหลือบมองมาที่ฉัน

“ฉันหวังว่าจะได้เห็นเธอแสดงฝีมือ ในชั้นถัดไปราชาแห่งความตาย”

และในพริบตา เขาก็อยู่ห่างจากหอ

ระฆังพอสมควร

เป็นเวลานานที่ฉันยืนเหม่อลอย

ฉันเปิดปากอย่างไม่เต็มใจ

“จักรพรรดิดาบ เมื่อกี้มัน…”

– เอ่ออออ

“เมื่อกี้ เซียนดาบยอมรับฉันแล้วใช่ไหม?”

– ฉันคิดว่านะ

ฉันโล่งอก

“ฮ่าาาาาาาาา…….

เข่าของฉันไม่มีแรงและฉันก็ค่อยๆนั่งลง พื้นที่ทําจากหินนั้นเย็นยะเยือก ฉันจ้องมองท้องฟ้าสีแดงที่ค่อยๆจางหายไปและเริ่มมืดลง

“ว้าว มันจบแล้ว…มันจบลงแล้วจริงๆ ตอนนี้ชั้นที่ 20 ก็เป็นของฉันเหมือนกัน และพวกกิลด์มาสเตอร์จะดูแลเรื่องสือ… ใช่ มันจบลงแล้วจริงๆ”

หัวเราะคิกคัก

– นายหมายความว่าอะไรที่จบ? คนอื่นอาจจะคิดว่านายเพิ่งเคลียร์ชั้น 50 หรือชั้นอื่นๆเอาได้นะ

“จากสิ่งที่ฉันรู้สึก ตอนนี้เหมือนกับว่าฉันเพิ่งเคลียร์ชั้นที่ 90 ไป”

– ชิ ชิ ชิ ซอมบี้บางครั้งฉันก็สับสนว่า นายนี่ใจเย็นเหมือนน้ําแข็งหรือนายเป็นแค่คนขี้ขลาดกันแน่

“อันที่จริง บางครั้งฉันก็สับสนเหมือนกัน….”

อย่างไรก็ตาม ฉันก็สรุปทุกอย่างที่ทําเอาไว้จนถึงชั้น 20

เมื่อฉันนึกย้อนถึงสิ่งที่ฉันทําลงไป ฉันก็รู้สึกอิ่มเอมใจแปลกๆ

[เทพธิดาแห่งการปกป้องประทับใจในความสําเร็จของท่าน!]

เสียงที่ไม่เคยได้ยินมาพักใหญ่ดังขึ้น

“ฮะ?”

เมื่อมาลองคิดดู

แม้จะเอาชนะราชาปีศาจแห่งห่าฝนมาได้ แต่เทพธิดาแห่งการปกป้องก็ยังคงนิ่งเงียบ ไม่ ยกเว้นตอนที่ฉันผ่านชั้นที่ 12 เป็นครั้งแรก เทพธิดาแห่งการปกป้องก็เงียบมาตลอดเวลา

[เทพธิดาแห่งการปกป้องรับรู้ความสําเร็จทั้งหมดของท่าน!]

ราวกับกําลังระบายทุกสิ่งที่เธออยาก จะพูดออกมาทั้งหมดในขณะที่เงียบอยู่ตลอดเวลาเสียงต่างๆดังออกมาเรื่อยๆ

[เทพธิดาแห่งการปกป้องสรุปว่า แม้ว่าท่านจะโกหกว่าเป็นอัครสาวกของเทพธิดาแต่ในความเป็นจริงท่านก็มีคุณสมบัติครบถ้วนที่จะเป็นอัครสาวก

[เทพธิดาแห่งการปกป้องอนุญาตให้ท่านใช้ชื่อของเธอได้ในอนาคต!]

แต่มีบางอย่างแปลกๆเกี่ยวกับคําพูดของเธอ

“…คุณหมายถึงอะไรที่ว่าใช้ชื่อของคุณในอนาคต? นั่นหมายความว่าอย่างไร?”

[เทพธิดาแห่งการปกป้องเจ็บปวดจากคําพูดของท่าน เนื่องจากพวกเราทํางา ร่วมมือกันได้ดีจนถึงตอนนี้]

มันกลายเป็นไม่เข้าใจมากขึ้นเรื่อย ๆ

“เราร่วมมือกันได้ดีจนถึงตอนนี้?”

[เทพธิดาแห่งการปกป้องขอให้ท่านมองลงไปข้างล่าง]

ฉันก้มมองลงไป

ไม่มีอะไรเลยนอกจากพื้นหิน

[เทพธิดาแห่งการปกป้องขอให้ท่านมองไปทางซ้ายอีกหน่อย]

ฉันเลื่อนสายตาไปทางซ้าย

ทางนั้น ขาและเอวของฉันอยู่ตรงนั้น

ที่เอวของฉันมีอาวุธในตํานานที่เทพธิดา

ดามอบให้แก่จักรพรรดิผู้ก่อตั้งอาณาจักรเอจิม กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือดาบศักดิ์สิทธิ์แห่งการปกป้องของเลฟานต้า เอจิมซึ่งอยู่ในฝักดาบ

“เดี๋ยวก่อน อย่าบอกนะว่า?”

[เทพธิดาแห่งการปกป้องขอแนะนําให้ คณสนใจไปที่เอวของท่าน]

ฉันรู้สึกแปลกๆ

ฉันนึกถึงฉากที่ฉันกําลังต่อสู้กับกองทัพของราชาปีศาจที่ชั้น 12

ในเวลานั้น ฉันแน่ใจว่ามีเสียงที่ระบุว่าเทพธิดาแห่งการปกป้องกําลังเค้นพลังเฮือกสุดท้ายของเธอ ทันทีที่คําพูดจบลง แสงสีขาวก็พุ่งออกมาจากบางสิ่งที่ฉันถืออยู่

หลังจากนั้นก็ไม่มีปาฏิหาริย์ใดๆเกิดขึ้น

“ไม่ เดี๋ยวก่อน อย่าบอกนะว่า [เทพธิดาแห่งการปกป้อง] ที่ถูกกพูดถึงเป็นครั้งคราวในการต่อสู้กับราชาปีศาจคือ…”

ฉันพูดด้วยหัวใจที่เต็มไปด้วยความไม่เชื่อ

“คุณ…คุณเป็น “ดาบ เหรอ?”

หลังจากนั้นไม่นาน

เสียงนั้นก็ตอบ

[เทพธิดาแห่งการปกป้องยืนยันคําถามของท่านแล้ว!]

โอ้ พระเจ้า

เมื่อมาคิดว่าดาบศักดิ์สิทธิ์แห่งการปกป้องที่ฉันใช้มาตั้งนานนี่เป็นดาบศักดิ์สิทธิ์จริงๆ

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+