The King of Warบทที่ 1562 หนีออกไปไม่ได้แล้ว

Now you are reading The King of War Chapter บทที่ 1562 หนีออกไปไม่ได้แล้ว at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

หยางเฉินเห็นเฝิงเจียหยีเข้าโจมตีก็ตะลึงงัน เอื้อมมือเข้าไปคว้าข้อมือของนาง และพูดด้วยความโมโหว่า “นี่เจ้าบ้าไปแล้วหรือไง ?”

แน่นอนว่า ในเวลานี้เฝิงเจียหยีตอนนี้ราวกับคนบ้า ไม่ฟังสิ่งที่หยางเฉินพูดแม้แต่นิดเดียว มืออีกข้างหนึ่งของนางแกว่งหมัดออกมา

“ผลัวะ !”

หยางเฉินยื่นมืออีกข้างหนึ่งเข้าไปจับไว้

ตอนนี้เขาเพิ่งจะรับรู้ได้ว่าเฝิงเจียหยีสูญเสียการควบคุมไปแล้ว ไม่อย่างนั้นคงไม่ลงมือกับเขาแบบนี้ ?

อีกทั้ง พลังของเฝิงเจียหยีเป็นเพียงผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์ จะมาเป็นคู่มือกับเขาได้อย่างไร ?

หยางเฉินฟันมือลงเข้าที่ท้ายทอยของนางอย่างแรงจนหมดสติไป

“เกิดอะไรขึ้นกับเฝิงเจียหยีกัน ?”

หลังจากจัดการกับเฝิงเจียหยี หยางเฉินก็มีสีหน้าเคร่งขรึมพูดพึมพำกับตัวเอง

ในเวลาแบบนี้เขาต้องรีบตามหาเฝิงเสี่ยวหว่านและ เสี่ยวจิ้งอัน ไม่มีเวลามาคอยดูแลเฝิงเจียหยีอีก จึงได้เพียงปล่อยนางทิ้งไว้ข้าง ๆ เท่านั้น

ห้องลับแห่งนี้มีขนาดแค่ 100 ตารางเมตร รอบด้านเป็นหินเปลือย ราวกับหินก้อนใหญ่ที่ถูกเจาะเฉพาะตรงกลางไว้ ไม่อยากคิดเลยว่าจะต้องเสียกำลังคนไปเท่าไหร่จึงจะสร้างออกมาสำเร็จ ?

เรื่องพวกนี้ไม่ได้สำคัญอะไร ที่สำคัญคือทำไมลมปราณวิถีบู๊ในห้องลับแห่งนี้ถึงเข้มข้นนัก

หรือว่า ในห้องนี้จะมีทางเข้าอื่นอยู่อีกเหมือนกับข้างบนกัน ?

ไม่รู้ว่าเวลาผ่านมานานแค่ไหน ในที่สุดหยางเฉินก็มั่นใจว่าห้องนี้ไม่มีช่องทางลับอื่นอยู่อีก

“เกิดอะไรขึ้นกับข้ากัน ?”

เสียงแผ่วเบาพูดขึ้น

เป็นเฝิงเจียหยีที่ได้สติกลับมา นางขมวดคิ้ว ใช้มือลูบบริเวณท้ายทอยที่รู้สึกไม่ค่อยสบาย

หยางเฉินมองไปที่นาง พลางขมวดคิ้ว “เจ้าไม่รู้ตัวหรือว่าเมื่อสักครู่เกิดอะไรขึ้น ?”

เฝิงเจียหยีชะงักไปครู่หนึ่งก่อนจะพูดว่า “เมื่อสักครู่ที่เข้ามาในห้องลับ ข้ารู้สึกว่าเลือดลมภายในร่างกายกำลังเดือดพล่าน จึงลองเดินลมปราณดู หลังจากนั้นเกิดอะไรขึ้นข้าเองก็จำไม่ได้แล้ว”

หยางเฉินพูดขึ้นด้วยใบหน้าเคร่งเครียด “เมื่อสักครู่ตาของเจ้าแดงก่ำราวกับเสียการควบคุมตัวเอง เข้าจู่โจมข้า ข้าจึงต้องทำให้เจ้าหมดสติไป”

“อะไรนะ ?”

สีหน้าเฝิงเจียหยีเปลี่ยนไปฉับพลัน พูดด้วยความตกใจว่า “เจ้าบอกว่าข้าลงมือกับเจ้างั้นเหรอ ?”

หยางเฉินพยักหน้า พูดเสียงต่ำว่า “หากข้าทายไม่ผิด อาจเป็นเพราะลมปราณวิถีบู๊แปลก ๆ ที่นี่ ทำให้ตอนที่เจ้าเดินลมปราณเกิดความผิดปกติขึ้น และสูญเสียการควบคุมตัวเองในที่สุด”

พูดไปแล้ว ตอนที่เขาเริ่มฝึกคัมภีร์ต้าเต้าเทียนหยาน เขาก็รู้สึกว่าลมปราณภายในปั่นป่วนเช่นกัน ทั่วทั้งร่างเกิดแรงกระตุ้นให้ทำอะไรบางอย่าง ก่อนจะรีบหยุดเดินลมปราณทันที “ที่นี่มีบางอย่างแปลก ๆ แม้แต่ตอนที่ข้าเดินลมปราณยังได้รับผลกระทบเลย”

เมื่อได้ยินดังนั้นเฝงเจียอี้ก็หยุดเดินลมปราณลง

นางลองพยายามเดินลมปราณดูอีกรอบ ก็รู้สึกว่าตนเองจะสูญเสียการควบคุมไปอีกรอบ จึงได้รู้ว่าสิ่งที่หยางเฉินพูดเป็นความจริง

ขนาดตอนนี้นางเป็นถึงผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์แล้ว ยังเกือบควบคุมตัวเองไม่ได้ คงไม่ต้องพูดถึงผู้แข็งแกร่งที่ระดับต่ำกว่านี้แล้ว

“คนที่ข้าตามหาคงไม่ได้อยู่ที่นี่ พวกเรากลับกันเถอะ !”

หยางเฉินพูดด้วยสีหน้าผิดหวัง

ในระดับแดนวิถีบู๊ของเขา แม้ที่นี่จะส่งผลต่อจิตใจของเขาบ้าง แต่ก็ไม่ถึงขนาดทำให้เขาเสียการควบคุมตัวเอง ในตอนนี้ สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการตามหาลูกชายของหม่าชาวและเฝิงเสี่ยวหว่าน ทั้งสองคนรีบกลับออกไปทางเดิม แต่เมื่อพวกเขามาจนถึงประตูทางออกกลับพบว่ากระจกที่เขาผลักมันเข้ามาได้หายไปแล้ว

และถูกปิดด้วยประตูโลหะผสมหนาขนาดใหญ่แทน

เฝิงเจียหยีสีหน้าเปลี่ยนไป พูดออกมาด้วยความเคร่งเครียดว่า “ข้าเคยเห็นประตูแบบนี้ มันทำมาจากวัสดุพิเศษผสานด้วยเทคโนโลยีชั้นสูง ต้านทานได้แม้กระทั่งผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้า”

หยางเฉินสีหน้าดูแทบไม่ได้ เขาไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น ตอนลงมาช่างง่ายนัก ขากลับขึ้นไปกลับยากขนาดนี้

หยางเฉินพูดด้วยน้ำเสียงต่ำลง “ต้านได้แม้กระทั่งผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าเลยรึ ?”

เฝิงเจียหยีพยักหน้า “เมื่อครู่ข้าลองดูแล้ว ขนาดพลังของแดนเหนือมนุษย์ขั้นหนึ่งยังทำอะไรมันแทบไม่ได้ ข้ารู้สึกราวกับว่าประตูบานนี้สามารถดูดซับพลังโจมตีเอาไว้ได้”

หยางเฉินไม่พูดอะไร ลมปราณวิถีบู๊ในร่างเขาขยายออกทันที

เฝิงเจียหยีเผลอถอยออกไปหลายเก้า สายตาเต็มไปด้วยความตกใจ นางคิดมาตลอดว่าพลังของเขากับนางจะเทียบเคียงกันได้ แต่ตอนนี้ ดูจากพลังปราณที่แผ่ออกมาแล้ว แข็งแกร่งจนนางไม่อาจเทียบได้เลย

ความรู้สึกนี้มันเหมือนกับตอนที่นางเผชิญหน้ากับท่านพ่อแล้ว

“ปั้ง ปั้ง ปั้ง !”

ขณะที่เฝิงเจียหยียังคงตกใจอยู่นั้น พลังโจมตีอันน่าสะพรึงถูกปล่อยออก เข้าจู่โจมประตูโลหะผสมจนเกิดเสียงดัง

อย่างไรก็ตาม พลังโจมตีทั้งหมดที่หยางเฉินใช้ก็ไม่สามารถทำอะไรประตูนี้ได้ เหมือนกับที่นางบอกก่อนหน้านี้ว่า ประตูสามารถดูดซับพลังโจมตีของเขาได้

ทุก ๆ ครั้งที่หยางเฉินทำการโจมตี ประตูโลหะนี้ก็จะกลับคืนสู่สภาพเดิมทุกครั้ง

หยางเฉินโจมตีติดต่อกันอีกหลายสิบครั้ง ก่อนจะหยุดลง และพูดด้วยสีหน้าเคร่งขรึมว่า “ต่อให้ใช้พลังโจมตีรุนแรงแค่ไหน ประตูก็ยิ่งกลับคืนสู่สภาพเดิมเร็วเท่านั้น ทุกครั้งที่โจมตีไปก็จะถูกพลังครึ่งหนึ่งสะท้อนกลับมา”

เฝิงเจียหยีเพิ่งจะตื่นจากภวังค์ ใบหน้าซีดเผือด กัดฟันและพูดว่า “ดูเหมือนว่าพวกเราจะถูกหลอกแล้ว เฝิงจื้อหย่วนคงรู้อยู่ก่อนแล้วว่าข้าจะพาท่านมาที่นี่”

หยางเฉินขมวดคิ้ว “หมายความว่าอย่างไร ?”

เฝิงเจียหยีพูดอย่างสำนึกผิด “ถ้าหากนี่คือที่ลับส่วนตัวของเฝิงจื้อหย่วนจริง แล้วพ่อข้าจะหาที่นี่เจอได้อย่างไร ? ดฝิงจื้อหย่วนทำอะไรด้วยความรอบคอบเสมอ เขาไม่มีทางถูกจับได้ง่าย ๆ หรอก”

“คนแบบนี้จะยอมเปิดเผยที่ซ่อนส่วนตัวๆได้อย่างไร ? เฝิงจื้อหย่วนจงใจปล่อยข่าวที่อยู่ของที่นี่ เพื่อให้เจ้าเข้ามาในนี้น่ะสิ”

เมื่อได้ฟังการวิเคราะห์ของเฝิงเจียหยี ใบหน้าของหยางเฉินก็ซีดเผือด พูดด้วยความโมโหว่า “นั่นก็หมายความว่าหากเฝิงจื้อหย่วนไม่ยอมปล่อยเราออกไป พวกเราก็ต้องอยู่ที่นี่ตลอดไปงั้นรึ ?”

เฝิงเจียหยีพยกหน้า “นอกเสียจากว่าพวกเราจะหาทางออกไปจากที่นี่ได้ แต่ดูแล้ว ที่นี่มีทางเข้าออกแค่ทางเดียว โอกาสที่จะออกจากที่นี่ได้แทบจะเป็นศูนย์”

หยางเฉินส่ายหัว “ไม่ได้การ หากก่อนรุ่งเช้าตีห้ายังออกไปจากที่นี่ไม่ได้ต้องเกิดเรื่องวุ่นวายขึ้นแน่ !”

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *