The King of Warบทที่ 1869

Now you are reading The King of War Chapter บทที่ 1869 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 1869
ความขัดแย้งภายในสมาพันธ์บูโด
หนิงเทียนเหอ โกรธมากจนมองไปรอบ ๆ และถามว่า “พวกคุณรู้ไหมว่า ใครที่ เฉินยวี่ ต้องการฆ่า?”
ผู้อาวุโสสามคนที่ยังไม่รู้จริงเท็จ ตอนนี้กำลังมีสีหน้างุนงง
สายตาของพวกเขาหันไปทางทั้งสามร่างนอนอยู่บนพื้น
ในเวลานี้ ร่างกายของหม่าชาวมีออร่าที่มืดมนและทรงพลังแผ่ซ่านออกมาอย่างรุนแรง กำลังภายในของเขาไม่เสถียรอย่างมาก แต่กลับแข็งแกร่งอย่างยิ่ง และตอนนี้เขาก็กำลังพยายามจะลุกขึ้น
ส่วนอีกสองร่างนั้นค่อนข้างมีอายุ เห็นได้ชัดว่าได้รับบาดเจ็บสาหัส ลมหายใจของพวกเขาอ่อนแอมากและไม่มีแม้แต่กำลังจะลุกขึ้นมา ได้แน่นอนอยู่บนพื้นและหอบหายใจ
“รองหัวหน้าหนิง เกิดอะไรขึ้นกันแน่?”
นักบู๊แดนเหนือมนุษย์ขั้นแปดชั้นกลางมองไปที่ หนิงเทียนเหอ และถาม
หนิงเทียนเหอ เล่าถึงตัวตนของหม่าชาวและสองพี่น้องตระกูลซ่งไปให้เขาฟัง หลังจากได้ยิน ผู้อาวุโสอีกสามคนที่ไม่รู้ความจริงต่างก็ประหลาดใจ
“ตอนนี้ พวกคุณรู้หรือยัง ว่าทำไมฉันถึงต้องการห้ามไม่ให้ เฉินยวี่ ฆ่าคน?”
หนิงเทียนเหอ เอ่ยยิ้มเยาะว่า “สามคนนี้เป็นคนที่ใกล้ชิดที่สุดกับหัวหน้าสมาคม โดยเฉพาะชายหนุ่มชื่อหม่าชาว เขามีความสัมพันธ์ฉันพี่น้องกับหัวหน้าสมาคม อายุยังน้อยแต่กลับมีวิถีบู๊อยู่ในแดนเหนือมนุษย์ชั้นยอดขั้นห้า อีกทั้งยังระเบิดความแข็งแกร่งที่เทียบเท่าได้กับแดนเหนือมนุษย์ชั้นยอดขั้นเจ็ดออกมา”
“พรสวรรค์วิถีบู๊ของเขาไม่ได้น้อยไปกว่าหัวหน้าสมาคมสักเท่าไหร่ ในอนาคต เขาจะต้องเข้าร่วมกับสมาพันธ์อย่างแน่นอน แต่เฉินยวี่กลับต้องการจะฆ่าเขา พวกคุณไม่คิดว่าที่เฉินยวี่มันเกินไปหน่อยหรือ?”
เฉินยวี่กลับยังไม่แยแสและพูดอย่างเย็นชา “สมาพันธ์บูโดเพิ่งก่อตั้งขึ้นมา กำลังต้องการสร้างความน่ายำเกรง ฉันจะไม่ยอมให้ใครมาดูหมิ่นสมาพันธ์บูโด ต่อให้พวกเขาเป็นคนใกล้ชิดที่สุดของหยางเฉินก็ตาม พวกเขาก็ต้องตาย!”
ผู้อาวุโสอีกสามคนที่เหลือต่างก็ตื่นตะลึง พวกเขาไม่คิดว่าทัศนคติของเฉินยวี่จะแข็งกร้าวขนาดนี้
เฉินยวี่ ยังพูดไม่จบ เขาพูดต่อ “นอกจากนี้ ฉันขอเสนอ ให้จัดตั้งหัวหน้าสมาคมคนใหม่ขึ้นมา!”
“เฉินยวี่!”
หนิงเทียนเหอ โกรธจัดทันที “นายคิดจะทำอะไรกันแน่?”
เฉินยวี่พูดด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “เราทุกคนล้วนรู้ว่าหยางเฉินได้รับบาดเจ็บสาหัส แม้ว่าเขาจะมีชีวิตรอดมาได้แต่นั่นก็คือปาฏิหาริย์ คิดจะให้เขาฟื้นคืนพลังได้ดังเดิม นี่แทบจะเป็นไปไม่ได้!”
“ฉันไม่ปฏิเสธว่าหยางเฉินได้ทุ่มเทและมีส่วนสำคัญอย่างมากต่อนักบู๊ในจิ่วโจว อย่างไรก็ตาม สมาพันธ์บูโดเป็นองค์กรอันดับหนึ่งในจิ่วโจว และเป็นองค์กรที่ใหญ่ที่สุดด้วย และจะเป็นองค์กรที่เชื่อมโยงวิถีบู๊เข้ากับโลกฆราวาส จะให้คนพิการคนหนึ่งมาเป็นหัวหน้าของสมาพันธ์ก็คงจะไม่ได้ใช่ไหม?”
“ดังนั้นฉันขอเสนอให้ปลดหยางเฉินออกจากตำแหน่งหัวหน้าสมาคมซะ!”
หนิงเทียนเหอ โกรธแล้วจริงๆ ออร่าบู๊ที่ของแดนเหนือมนุษย์ขั้นแปดชั้นกลางแผ่ซ่านออกมาจากภายในร่างของเขา เขาจ้องไปที่ เฉินยวี่ และพูดพร้อมกับกัดฟัน “เฉินยวี่เอ๋ย เฉินยวี่ ฉันดูถูกนายไปหน่อยจริงๆ นายไม่พอใจกับการจัดการของรองหัวหน้าตู้มาโดยตลอด วันนี้รองหัวหน้าตู้ก็ไม่ได้อยู่ในสมาพันธ์บูโด ดังนั้นนายเลยคิดจะฉวยโอกาสนี้มาล้มล้างหัวหน้าสมาคม”
“ถ้าฉันจำไม่ผิด นายไม่เพียงแค่ต้องการปลดหัวหน้าสมาคมเท่านั้น แต่ยังคิดจะกำจัดรองหัวหน้าตู้ไปด้วยสินะ?”
ใบหน้าของ เฉินยวี่ เปลี่ยนไปเล็กน้อย แต่ก็เพียงครู่เดียวจากนั้นก็กลับมาเป็นปกติ สีหน้าของเขาปราศจากการเกรงกลัวและจ้องไปที่ หนิงเทียนเหอ และพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “หนิงเทียนเหอ นายอย่าเอาความคิดคนต่ำมาตัดสินผู้มีคุณธรรม ฉันก็แค่คิดว่าหยางเฉินกลายเป็นคนพิการไปแล้ว และไม่มีคุณสมบัติที่จะทำหน้าที่เป็นหัวหน้าสมาคมต่อไป”
พูดจบ เขาก็มองไปที่ผู้อาวุโสแดนเหนือมนุษย์ขั้นแปดชั้นกลางคนหนึ่ง จากนั้นก็กล่าวว่า “ผู้อาวุโส ผมกลับคิดว่าคุณต่างหากที่เป็นคนที่มีคุณสมบัติเหมาะสมที่สุดที่จะสืบทอดตำแหน่งหัวหน้าสมาคมสมาพันธ์บูโด ”
“คุณอยู่ไม่ไกลจากแดนเหนือมนุษย์ขั้นแปดชั้นปลายอีกไม่ไกลแล้วใช่ไหม?”
ผู้อาวุโสว่านยิ้มๆ และไม่ได้ตอบกลับ เฉินยวี่ แต่เขามองไปที่หนิงเทียนเหอ และพูดว่า “รองหัวหน้าหนิงฉันคิดว่าสิ่งที่ผู้อาวุโสเฉินกล่าวมีเหตุผล หยางเฉินมีส่วนสนับสนุนอย่างมากต่อสมาพันธ์บูโด แต่สงครามใหญ่ครั้งนี้ทำให้เขาได้รับบาดเจ็บสาหัส ต่อให้รักษาหายแล้ว แดนบูโดของเขาก็จะต้องลดลงอย่างมากจนอาจถึงขั้นกลายเป็นคนพิการคนหนึ่ง”
“ถ้าคนพิการคนหนึ่งมาเป็นหัวหน้าของสมาพันธ์บูโด อย่างนั้น สมาพันธ์บูโดก็จะกลายเป็นที่หัวเราะเยาะของจิ่วโจวทั้งหมดและอาจถึงขั้นถูกเยาะเย้ยจากกองกำลังต่างชาติเหล่านั้น”
หนิงเทียนเหอ รู้สึกเย็นเยียบที่แผ่นหลังของเขา เขาไม่เคยคิดว่าสมาพันธ์บูโดเพิ่งจะเริ่มก่อตั้งขึ้นก็มีความขัดแย้งภายในมากมาย
จนกระทั่งถึงเวลานี้เองที่เขาตระหนักว่า เฉินยวี่ เป็นเพียงตัวหมากรุกเบื้องหน้าตัวหนึ่งเท่านั้น แต่ผู้อาวุโสว่านต่างหากที่เป็นคนที่ซ่อนอยู่ในส่วนลึกที่สุด
ในสมาพันธ์บูโด หยางเฉินมีพลังแข็งแกร่งที่สุด และอยู่ในแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นต้น
ถัดมา ก็คือตู้จ้งที่อยู่ในแดนเหนือมนุษย์ขั้นแปดชั้นปลาย
จากนั้น ก็เป็นผู้ที่อยู่ในแดนเหนือมนุษย์ขั้นแปดชั้นกลาง ซึ่งได้แก่หนิงเทียนเหอ และอีกคนคือผู้อาวุโสว่าน
ส่วนผู้แข็งแกร่งในแดนเหนือมนุษย์ขั้นแปดชั้นต้นทั้งสามคนที่เหลือ ล้วนเป็นผู้อาวุโสของสมาพันธ์บูโด
หนิงเทียนเหอ รู้สึกเสมอว่าผู้อาวุโสว่านเก็บซ่อนตนเองไว้ได้อย่างล้ำลึก อีกทั้งผู้อาวุโสว่านก็ไม่เคยเปิดเผยความแข็งแกร่งที่แท้จริงของเขา อย่างไรก็ตาม หลังจากฟังคำพูดของ เฉินยวี่ แล้ว หนิงเทียนเหอ ก็รู้สึกได้รางๆ ว่าความแข็งแกร่งของผู้อาวุโสว่านอาจจะอยู่เหนือไปกว่าเขา และไม่แน่ว่าอาจจะถึงขั้นแดนเหนือมนุษย์ขั้นแปดชั้นปลายแล้ว
ไม่อย่างนั้น ในเวลานี้ผู้อาวุโสว่านจะกล้าเชิดหน้าออกมาได้ยังไง?
เช่นเดียวกับปฏิกิริยาขอ หนิงเทียนเหอ ผู้อาวุโสอีกสองคนที่อยู่ในแดนเหนือมนุษย์ขั้นแปดชั้นต้นก็มีปฏิกิริยาเช่นเดียวกัน พวกเขาตกตะลึงอย่างมากกับคำพูดของผู้อาวุโสว่าน
หนิงเทียนเหอ จ้องไปที่ผู้อาวุโสว่านด้วยใบหน้าเคร่งขรึมและกล่าวว่า “ต่อให้จะต้องตั้งหัวหน้าสมาคมขึ้นมาใหม่ แต่อย่างน้อยก็ควรรอให้รองหัวหน้าตู้กลัวมาก่อนแล้วค่อยว่ากัน”
ผู้อาวุโสว่านทำแค่ยิ้มและไม่พูดอะไร
เฉินยวี่กล่าวทันทีว่า “ใครจะไปรู้ว่ารองหัวหน้าตู้จะกลับมาเมื่อไร? สมาพันธ์บูโด เพิ่งได้รับการจัดตั้งขึ้น นี่เป็นเวลาที่เราต้องการผู้นำมากที่สุด พวกเราไม่สามารถชักช้าต่อไปได้ จะต้องแต่งตั้งหัวหน้าสมาคมคนใหม่ทันที”
พูดจบเฉินยวี่ก็เหลือบมองผู้อาวุโสอีกสองคนที่อยู่ในแดนเหนือมนุษย์ขั้นแปดชั้นต้นและถามอย่างเย็นชาว่า “ผู้อาวุโสกงและผู้อาวุโสเจียงคิดอย่างไร”
ผู้อาวุโสกงและผู้อาวุโสเจียงมีสีหน้าปั้นยากทันที ทำไมพวกเขาจะฟังไม่ออกถึงคำพูดคุกคามของ เฉินยวี่?
หนิงเทียนเหอ มองดูพวกเขาและพูดว่า “พวกคุณไม่ต้องกังวล มีฉันอยู่ ใครก็อย่าได้คิดจะมาปลดหัวหน้าสมาคม ต่อให้ต้องแต่งตั้งหัวหน้าสมาคมคนใหม่จริงๆ ก็ต้องรอจนกว่ารองหัวหน้าตู้กลับมา!”
เมื่อได้ยินสิ่งที่เขาพูด ผู้อาวุโสกงและผู้อาวุโสเจียงก็ยิ่งทำตัวลำบากขึ้นไปอีก
ตอนนี้มาถึงเวลาที่ต้องเลือกฝั่งแล้ว และหากเลือกผิดข้าง ผลที่ตามมาจะร้ายแรงมาก
ผู้อาวุโสว่านกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ในเมื่อรองหัวหน้าหนิงไม่เห็นด้วย อย่างนั้นก็แล้วไปเถอะ รอให้รองหัวหน้าตู้กลับมา ค่อยพูดเรื่องการตั้งหัวหน้าสมาคมคนใหม่”
พูดจบ เขาก็เหลือบมองที่หม่าชาวซึ่งกำลังดิ้นรนที่จะยืนขึ้น แล้วมองไปที่หนิงเทียนเหอและพูดว่า “แต่ว่า
อย่างไรก็ตาม การที่มีคนต้องการบุกเข้าไปในสำนักงานใหญ่ของสมาพันธ์บูโด นี่ถือเป็นเรื่องใหญ่ พวกเราควรจัดการกับมันสักหน่อยหรือไม่?”
หนิงเทียนเหอ มีหรือจะไม่เข้าใจว่าผู้อาวุโสว่านหมายถึงอะไร เขาจึงพูดอย่างโกรธเคือง “ฉันขอเตือนพวกนาย อย่าได้คิดไม่ซื่อกับคนที่อยู่รอบ ๆ หัวหน้าสมาคม”
หพูดจบ เขาก็มองมาที่หม่าชาวแล้วพูดว่า “นายอยากไปพบหัวหน้าสมาคมไม่ใช่หรือไง? ฉันจะพานายไปพบหัวหน้าเดี๋ยวนี้!”
ขณะที่เขากำลังจะเดินไป กลับถูกผู้อาวุโสว่านขวางไว้
ผู้อาวุโสว่านมองหนิงเทียนเหอด้วยรอยยิ้มและกล่าวว่า “รองหัวหน้าหนิง พวกเขาคิดบุกเข้าไปในสำนักงานใหญ่ของสมาพันธ์บูโด นี่ถือเป็นโทษตาย”
เขาตะโกนอีกครั้ง “ผู้อาวุโสเฉิน! คุณยังไม่เริ่มลงมืออีกเหรอ?”
เฉินยวี่มีความสุขทันทีและพูดว่า “ดี ฉันจะฆ่าไอ้พวกนี้ที่กล้าบุกเข้าไปในสมาพันธ์บูโด!”

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *