The King of Warบทที่ 2012 ความอดทนมีจำกัด

Now you are reading The King of War Chapter บทที่ 2012 ความอดทนมีจำกัด at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

The king of War บทที่ 2012 ความอดทนมีจำกัด
เสียงดังกล่าวดังขึ้นมาในสมองหยางเฉิน นอกเหนือจากหยางเฉินแล้ว ผู้อื่นไม่ได้ยินแต่อย่างใด

“ผู้อาวุโส พูดจริงหรือ?”

หยางเฉินมีความสุขขึ้นมาในทันที ก่อนที่เขาจะรีบถามในใจ

เขาเกือบลืมไปแล้วว่าจิตวิญญาณของเทพมารสามารถอาศัยร่างผู้อื่นเพื่อมาต่อสู้ได้

เขาและจิตวิญญาณเทพมารบรรลุข้อตกลงกันแล้ว อนุญาตให้จิตวิญญาณของเทพมารสถิตอยู่ในร่างตัวเองต่อ แต่ทว่าเมื่อตกอยู่ในช่วงเวลาแห่งความเป็นความตาย เทพมารจำเป็นต้องลงมือช่วยเหลือตน

เสียงของเทพมารดังขึ้นต่อเนื่อง: “ข้านั้นเป็นเทพมารผู้สง่าผ่าเผย จะโกหกเด็กกะโปโลคนหนึ่งได้อย่างไร? ร่างกายในปัจจุบันของเจ้าถูกหลอมสร้างขึ้นมาใหม่อีกครั้ง ซึ่งแข็งแกร่งกว่าอดีตมาก ๆ ต่อให้เป็นระดับความแข็งแกร่งด้านเนื้อหนังของผู้แข็งแกร่งแดนนภาขั้นสองที่แท้จริง ก็ใช่ว่าจะสามารถเทียบเคียงกับเจ้าได้เสมอไป”

“ระดับความแข็งแกร่งของเนื้อหนังเจ้ายิ่งแข็งแกร่งมากเท่าไหร่ ศักยภาพที่ปะทุออกมาเมื่อข้าอาศัยร่างเจ้าก็จะทรงพลังมากเท่านั้น เจ้าถือซะว่านี่เป็นโอกาสที่ฝ่าฟันภัยความเป็นความตายครั้งหนึ่งก็แล้วกัน ต่อสู้ให้ถึงที่สุด หากถึงช่วงเวลาที่ส่งผลถึงความเป็นความตาย ข้าจะลงมือช่วยเจ้าเอง”

เมื่อได้ยินคำพูดของเทพมารแล้ว ในที่สุดหยางเฉินก็วางใจลงได้สักที

เมื่อครู่เขาเตรียมใจที่จะพาเฝิงเสียวหว่านมุ่งหน้าไปยังตระกูลเจียงในโลกบู๊โบราณล่างแล้ว เพราะถึงอย่างไรศักยภาพของตัวเขาเองก็มีไม่มากพอ ปัจจุบันเฝิงเสียวหว่านก็กินยาพิษเข้าไปอีก หากไม่สามารถจบศึกการต่อสู้ในครั้งนี้ภายในเวลาสิบนาที พิษที่อยู่ในตัวเฝิงเสียวหว่านก็จะออกฤทธิ์และนางก็จะเสียชีวิตไปในที่สุด

บัดนี้เมื่อมีการรับประกันจากจิตวิญญาณของเทพมาร เขาจึงสามารถสู้ให้ถึงที่สุดได้แล้ว

เจียงเผิงยังไม่รู้ว่าตัวเองกำลังจะเผชิญหน้ากับผู้แข็งแกร่งที่น่าสยดสยองมากเพียงใด เขากำลังจ้องเขม็งไปทางเฝิงเสียวหว่านอย่างเยือกเย็นพลางพูดว่า: “หากเจ้ากล้าตาย ข้าไม่เพียงจะฆ่าหยางเฉินเท่านั้น แต่จะฆ่าทุกคนที่มีความเกี่ยวข้องกับเจ้า!”

ดวงตาทั้งสองข้างของเฝิงเสียวหว่านแดงเถือก นางไม่เคยนึกมาก่อนเลยว่าสักวันตนก็จะทำให้ผู้บริสุทธิ์เดือดร้อนไปด้วย

นางกัดฟันแน่นพลางจ้องเขม็งไปทางเจียงเผิง บนใบหน้าที่งดงามอย่างไร้ที่ตินั่นเปี่ยมล้นไปด้วยรังสีแห่งความไม่ยอม

หลังจากพูดจบ เจียงเผิงก็มองไปทางหยางเฉินอีกครั้งแล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา: “เจ้าเข้าใจดีมาก ๆ ว่าระหว่างเรานั้นแตกต่างกันมากเพียงใด การที่จะช่วยเฝิงเสียวหว่านไปจากเงื้อมมือข้านั้น เป็นเรื่องที่แทบจะไม่มีหวังเลย”

“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ก็ไปตระกูลเจียงพร้อมกับข้าแต่โดยดีเสียเถอะ หลังจากเข้าร่วมตระกูลเจียงแล้ว ตระกูลเจียงไม่มีทางปฏิบัติอย่างไม่ยุติธรรมต่อเจ้าแน่นอน อนาคต ผู้อาวุโสสี่แห่งตระกูลเจียงก็จะถ่ายทอดต่อให้เจ้าเช่นกัน”

หยางเฉินไม่ได้สนใจเจียงเผิง เห็นเพียงดวงตาทั้งสองข้างของเขาค่อย ๆ กลายเป็นสีแดงเลือด พลังที่เหมือนมาจากสมัยดึกดำบรรพ์ตื่นขึ้นมาในร่างเขา

“โครมโครมโครม!”

แผ่นดินใหญ่สั่นสะเทือนขึ้น

ลมปราณที่ทำให้คนรู้สึกหวาดผวาแผ่กระจายออกมาจากตัวหยางเฉิน แผ่คลุมไปทั่วทั้งยอดเมฆา

ใบหน้าของไป๋หลี่เย่และเจียงจ้านเต็มไปด้วยความเฉื่อยชา

“นี่มันเป็นไปได้อย่างไร?”

ไป๋หลี่เย่พูดอย่างตะลึง: “เห็น ๆ อยู่ว่าแดนบูโดของเขายังไม่บรรลุสู่แดนนภา เหตุใดถึงสามารถระเบิดพลังที่แข็งแกร่งเช่นนี้ออกมาได้?”

เจียงจ้านก็พูดอย่างช็อกว่า: “มาตรแม้นว่าเป็นผู้แข็งแกร่งแดนนภาขั้นหนึ่งชั้นยอด ก็ใช่ว่าจะสามารถระเบิดพลังอำนาจที่น่าเกรงขามเช่นนี้ออกมาได้เสมอไปหรือเปล่า?”

วินาทีนี้ ลมปราณที่แผ่กระจายออกมาจากตัวหยางเฉินอย่างต่อเนื่อง ทำให้ทุกคนต่างสัมผัสได้ถึงแรงกดดัน

บนใบหน้าของเจียงเผิงที่ดูถูกดูแคลนหยางเฉินในตอนแรก ก็มีรังสีแห่งความตึงเครียดปรากฏขึ้นมาเช่นกัน

ศักยภาพของเขาอยู่ที่แดนนภาขั้นสองชั้นกลาง เขาจึงต้องทราบเป็นธรรมดาอยู่แล้วว่าพลังที่ระเบิดออกมาจากตัวหยางเฉิน ณ บัดนี้มันทรงพลังมากเพียงใด

เหมือนดั่งที่เจียงจ้านกล่าวมา มาตรแม้นว่าเป็นผู้แข็งแกร่งแดนนภาขั้นหนึ่งชั้นยอด ก็ใช่ว่าจะสามารถระเบิดพลังอำนาจที่น่าเกรงขามเช่นนี้ออกมาได้เสมอไป

เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ผิดปกติมาก ๆ

เจียงเผิงไม่เคยพบเจอคนประเภทนี้มาก่อนเลยด้วยซ้ำ

“โลกมนุษย์ ไม่ใช่ที่ที่เจ้าสามารถทำตัวป่าเถื่อนได้!”

หยางเฉินกัดฟันแน่นพลางพูด: “อยากจะพาผู้คนที่อยู่รอบกายข้าไป ก็ผ่านด่านข้าไปให้ได้ก่อน!”

“ตู้ม!”

จากการคำรามของหยางเฉิน ก็มีพลังที่น่าสยดสยองมากกว่าระเบิดออกมาจากร่างกายเขา เสียงตู้มดังลั่นขึ้น ตำแหน่งที่เขายืนอยู่ถูกระเบิดจนกลายเป็นฝุ่นผง

เจียงเผิงจ้องเขม็งไปทางหยางเฉินพลางพูด: “บูโดอัจฉริยะที่ตายอยู่ในเงื้อมมือข้านั้นมีเยอะมาก! อย่าคิดว่าเจ้าสามารถระเบิดศักยภาพที่เทียบเท่ากับแดนนภาขั้นหนึ่งชั้นยอดออกมาได้ แล้วเจ้าจะสามารถโค่นล้มข้าได้ ข้ามีศักยภาพแดนนภาขั้นสองชั้นกลางเชียวนะ การที่จะฆ่าเจ้านั้นมันไม่ต่างอะไรจากการฆ่าหมาตัวหนึ่งเลย!”

“ฆ่า!”

หยางเฉินตะคอกเสียงดังลั่น เท้าที่เหยียบอยู่บนพื้นขยับ ก่อนจะพุ่งตรงเข้าไปทางเจียงเผิงโดยตรง

เจียงเผิงยักคิ้วทีหนึ่งพลางพูดด้วยใบหน้าที่ไม่พอใจ: “ไม่ประมาณตน!”

“ปัง!”

วินาทีต่อไป หยางเฉินก็ปล่อยหมัดออกไป และถูกฝ่ามือที่เจียงเผิงกวัดแกว่งออกมาอย่างสบาย ๆ รับไว้

ทันใดนั้นเอง พลังอันบ้าคลั่งก็ระเบิดออกมาจากตำแหน่งที่กำปั้นและฝ่ามือของทั้งสองปะทะกัน

“ปัง!”

ร่างกายของหยางเฉินสั่นสะเทือนจนกระเด็นออกไปโดยตรง

“พี่หยาง!”

เฝิงเสียวหว่านตะโกนอย่างตะลึง เตรียมพร้อมที่จะวิ่งเข้าไป

ลี่เฉินรีบขึ้นมาขัดขวางเฝิงเสียวหว่านเอาไว้ ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงที่ต่ำทุ้ม: “ไม่ต้องเป็นห่วง ชะตาชีวิตของหยางเฉินแข็งแกร่งอยู่!”

เขาเข้าใจหยางเฉินดีมาก ๆ หากหยางเฉินไม่มีวิธีการจัดการเจียงเผิงแล้วจริง ๆ เพื่อเป็นการทำเพื่อเฝิงเสียวหว่าน เขาจะไม่ต่อสู้ต่อ แต่เป็นการพาเฝิงเสียวหว่านมุ่งหน้าไปยังตระกูลเจียงในโลกบู๊โบราณล่าง

แต่ทว่าหยางเฉินกลับสู้สุดชีวิต แสดงว่าเขาต้องมีวิธีการรับมือแน่นอน

และจุดสำคัญอีกจุดหนึ่งก็คือลี่เฉินแน่ใจมาก ๆ ว่าเจียงเผิงไม่มีทางฆ่าหยางเฉินง่าย ๆ แน่นอน เนื่องจากเฝิงเสียวหว่านกินยาพิษลงไปแล้ว ภายในเวลาสิบนาที หากหยางเฉินตายอยู่ในเงื้อมมือเจียงเผิง เฝิงเสียวหว่านก็ไม่มีทางกินยาถอนพิษแน่นอน

ถึงครานั้น เขาก็จะไม่สามารถกลับไปชี้แจงเรื่องนี้กับผู้นำตระกูลเจียง

ลี่เฉินเข้าใจดีมาก ๆ ว่านักปรุงยาคนหนึ่งในโลกบู๊โบราณนั้นสำคัญมากเพียงใด

โดยเฉพาะโลกบู๊โบราณล่างที่มีนักปรุงยาเพียงไม่กี่คนตั้งแต่แรกอยู่แล้ว การที่มีนักปรุงยาเพิ่มขึ้นมาคนหนึ่งนั้น ถือเป็นเรื่องที่น่าเฉลิมฉลองสำหรับตระกูลเจียงเลย และใช้เวลาไม่นานตระกูลเจียงก็จะกลายเป็นกองกำลังที่แข็งแกร่งที่สุดในโลกบู๊โบราณล่าง

มีนักปรุงยาอย่างเฝิงเสียวหว่านอยู่ในตระกูลเจียง บักบูโดในตระกูลเจียงก็จะสามารถใช้ยาได้ตามแต่ประสงค์ นี่เป็นสิ่งที่ตระกูลอื่นสามารถเทียบเคียงได้หรือ?

เป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้จริง ๆ ด้วย เจียงเผิงไม่ได้ลงมือสังหารหยางเฉินแต่อย่างใด แค่ทำให้ร่างกายของหยางเฉินสั่นกระเด็นออกไป หยางเฉินฝืนลุกขึ้นมาจากพื้น เช็ดคราบเลือดตรงมุมปาก ดวงตาสีแดงเถือกทั้งสองข้างจ้องเขม็งไปทางเจียงเผิง

เขารู้อยู่ว่าเจียงเผิงแข็งแกร่งมาก ๆ แต่กลับนึกไม่ถึงเลยว่าศักยภาพแดนนภาขั้นสองชั้นกลางจะแข็งแกร่งเช่นนี้ ถึงแม้เขาจะระเบิดศักยภาพทั้งหมดออกมาแล้ว ก็ยังต้านรับกระบวนท่าหนึ่งของฝ่ายตรงข้ามไม่ได้อยู่ดี

และเขาก็เข้าใจเช่นกันว่าเจียงเผิงไม่ได้หวังจะลงมือสังหารเขาแต่อย่างใด มิเช่นนั้น เขาคงกลายเป็นศพร่างหนึ่งไปแล้ว

หลังเข้าใจจุดนี้อย่างแจ่มแจ้ง หยางเฉินจึงรีบถามในใจ: “ผู้อาวุโส ข้ามิใช่คู่ต่อสู้ของมันด้วยซ้ำ ได้โปรดผู้อาวุโสช่วยแสดงตัวหน่อยนะขอรับ ขอเพียงสามารถพาเสียวหว่านไปยังสถานที่ที่ปลอดภัยได้ ถือว่าข้าเป็นหนี้บุญคุณท่านครั้งหนึ่ง”

ไม่นึกเลยว่าจิตวิญญาณของเทพมารจะไม่ตอบกลับใด ๆ ราวกับไม่ได้ยินยังไงอย่างนั้น

หยางเฉินจึงพูดอีกครั้ง แต่สุดท้ายก็ไม่มีการตอบรับจากเทพมารเช่นเคย

สีหน้าหยางเฉินเปลี่ยนไปเพราะความเศร้าใจในทันที พลางพูดในใจ: “ผู้อาวุโส บัดนี้จะปล่อยให้เกิดข้อผิดพลาดมิได้นะขอรับ ท่านรีบออกมาสิ! ไม่อย่างนั้นข้าอาจได้ตายจริง ๆ แล้วนะขอรับ”

เขาเข้าใจดีมาก ๆ ว่าตัวเองไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเจียงเผิง ขืนสู้ต่อไปก็เป็นการสร้างความอับอายขายขี้หน้าให้แก่ตน หากบีบบังคับจนทำให้เจียงเผิงร้อนใจ เจียงเผิงก็จะลงมือสังหารเขาเช่นกัน

ในขณะที่เขาไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรอยู่นั้น เจียงเผิงก็เอ่ยปากพูดขึ้นมาอย่างเย็นเยือกว่า: “เจ้าหนู ระยะห่างระหว่างเจ้าและข้านั้นแตกต่างกันมากเกินไป อยากเอาชนะข้า คอยแดนบูโดของเจ้าย่างกรายถึงแดนนภาขั้นสองเมื่อใดค่อยว่ากันอีกที บัดนี้ข้าไม่มีเวลามาเล่นสนุกกับเจ้าแล้ว”

หลังจากพูดจบ เขาก็หันกลับไปมองเฝิงเสียวหว่านอีกครั้งแล้วพูดว่า: “ข้าสามารถไว้หน้าเจ้าแล้วไม่ฆ่ามันได้ แต่ทว่าเจ้าจำเป็นต้องกินยาถอนพิษบัดนี้ แล้วไปตระกูลเจียงพร้อมข้า อย่าได้คิดต่อรองกับข้าเป็นอันขาด ความอดทนของข้ามีขีดจำกัดนะ”

ในคำพูดของเจียงเผิงเต็มเปี่ยมไปด้วยความข่มขู่

เฝิงเสียวหว่านมองไปทางหยางเฉินด้วยดวงตาที่แดงเถือก ใบหน้าของหยางเฉินเปี่ยมล้นไปด้วยความรู้สึกผิด เขาอยากปกป้องเฝิงเสียวหว่าน แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าเจียงเผิงแล้ว เขากลับไม่สามารถปกป้องเฝิงเสียวหว่านได้เลยด้วยซ้ำ

นอกเสียจากว่าเขาจะสู้อย่างเอาเป็นเอาตาย

แน่นอนว่าต่อให้สู้อย่างเอาเป็นเอาตาย เขาก็มีแต่จะเป็นฝ่ายที่ถูกสังหาร

หากเขาตายไปแล้ว เฝิงเสียวหว่านก็ไม่มีทางใช้ชีวิตอยู่ในโลกใบนี้คนเดียวอย่างแน่นอน

ประเด็นคือจิตวิญญาณเทพมารที่สัญญาว่าจะช่วยเขาในเมื่อครู่นี้ กลับเงียบหายไปแล้ว

ยิ่งคิดหยางเฉินก็ยิ่งรู้สึกโกรธ

จากการที่ความโกรธของเขาเพิ่มพูนขึ้น ออร่าบู๊บนตัวเขาก็เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเช่นกัน

จู่ ๆ พลังที่เข้มแข็งและยิ่งใหญ่พลังหนึ่งในร่างกายเขา ก็เหมือนถูกปลุกตื่นยังไงอย่างนั้น

“หื้ม?”

เจียงเผิงหันหลังแล้วมองไปทางหยางเฉิน

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *