The King of Warบทที่ 2229 สำนักกฎหมาย

Now you are reading The King of War Chapter บทที่ 2229 สำนักกฎหมาย at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

The king of War บทที่ 2229 สำนักกฎหมาย

ต้องยอมรับเลยว่าหลิวชิ่งเป็นคนรอบคอบในการทำสิ่งต่าง ๆ เขาไม่ใช่สำนักเทียนไฮ่ในการข่มขู่หรือกดดันหยางเฉินเลยแม้แต่น้อย แต่เขาให้อิสระในการตัดสินใจกับหยางเฉินอย่างเต็มที่

หยางเฉินจ้องมองหลิวชิ่งอย่างลึกซึ้ง จากนั้นถามออกมาว่า “ฉันอยากรู้เรื่องบางอย่าง”

หลิวชิ่งพยักหน้า “นายถามมาได้เลย!”

หยางเฉินถามออกไป “ในสำนักเทียนไฮ่ ผู้แข็งแกร่งที่สนับสนุนการเปิดค่ายกลมายังโลกบู๊โบราณบนมีมากแค่ไหน?”

ได้ยินคำพูดของหยางเฉิน หลิวชิ่งตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็ลองไตร่ตรองดู เป็นหยางเฉินที่พูดผิดหรือตนเองได้ยินผิดไปกันแน่

เขาถามออกมาว่า “นายหมายถึงค่ายกลแห่งโลกบู๊โบราณบนงั้นเหรอ? ”

หยางเฉินพยักหน้า

เมื่อแน่ใจแล้ว หลิวชิ่งถึงตอบกลับไปว่า “ผู้แข็งแกร่งแดนนภาขั้นหกชั้นปลายและผู้แข็งแกร่งแดนนภาขั้นหกชั้นยอดในสำนักเทียนไฮ่ นอกจากท่านเจ้าสำนัก ทุกคนต่างต้องการทำลายค่ายกลของโลกบู๊โบราณบน”

พูดจบหลิวชิ่งก็ถามออกมาด้วยความสงสัย “เหตุใดนายจึงถามเรื่องนี้ออกมา?”

แน่นอนว่าหยางเฉินไม่มีทางตอบคำถามดังกล่าว สิ่งที่หลิวชิ่งพูดทำให้เขาตระหนักมากขึ้นว่าผู้แข็งแกร่งแห่งโลกบู๊โบราณกลางมีความมุ่งมั่นที่จะทำลายค่ายกลแห่งโลกบู๊โบราณบนมากถึงเพียงใด

ยังดีที่เจ้าสำนักเทียนไฮ่ยังมีความคิดที่จะปกป้องค่ายกลแห่งโลกบู๊โบราณบนเอาไว้

แม้ว่าหยางเฉินไม่ได้รับปากกับประมุขโลกเจียงว่าตนจะยอมเป็นผู้สืบทอดตำแหน่งผู้นำคนต่อไปของโลกบู๊โบราณกลาง แต่ในทุกวันนี้ ค่ายกลที่เป็นสิ่งกีดขวางระหว่างโลกมนุษย์กับโลกบู๊โบราณกลางกำลังแหลกสลายลงไปทุกที อีกไม่นานทั้งสองจะกลายเป็นโลกใบเดียวกัน แน่นอนว่าเขาต้องกังวลเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับโลกบู๊โบราณบน

เมื่อเห็นท่าทางครุ่นคิดของหยางเฉิน หลิวชิ่งไม่ได้พูดอะไร และหัวใจของเขาก็รู้สึกสงสัยเกี่ยวกับตัวตนของหยางเฉินมากขึ้น

หากเขาไม่ได้เห็นด้วยตาของตนเอง เขาไม่มีทางเชื่อว่าบนโลกมนุษย์จะมีนักบูโดหนุ่มที่แข็งแกร่งถึงเพียงนี้ และเป็นผู้ที่สามารถเอาชนะเขาได้อย่างง่ายดาย

ในโลกบู๊โบราณกลาง อย่าว่าแต่เห็นเลย แค่ได้ยินยังไม่เคยได้ยินเลยด้วยซ้ำ ในความทรงจำของเขา นักบูโดที่มีอายุไม่เกินสามสิบปีในโลกบู๊โบราณกลาง ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดดูเหมือนว่าจะเป็นเพียงแดนนภาขั้นสามชั้นต้นไม่ใช่หรือ?

แน่นอน นี่เป็นเพียงสิ่งที่อยู่ในความทรงจำของเขา ส่วนความจริงเป็นเช่นไร เขาเองก็ไม่ค่อยแน่ใจ เนื่องจากเขาได้ข้ามผ่านช่วงอายุดังกล่าวไปแล้ว นานมากแล้วที่เขาไม่ได้สนใจจอมคนบูโดที่มีอายุไม่เกินสามสิบปี

หลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง หยางเฉินก็มองมาที่หลิวชิ่งพร้อมกับถามออกมาว่า “ฉันสามารถร่วมมือกับสำนักเทียนไฮ่ได้ แต่เนื้อหาความร่วมมือ ฉันจะต้องเป็นคนกำหนด”

หลิวชิ่งขมวดคิ้วขึ้นมา เขายอมรับว่าหยางเฉินเป็นนักบูโดที่มีพรสวรรค์ บางทีอาจจะเทียบได้กับจอมคนบูโดมากพรสวรรค์แห่งโลกบู๊โบราณบน แต่ในโลกนี้ไม่ได้ขาดแคลนผู้อัจฉริยะ และสำนักเทียนไฮ่ก็เป็นถึงสำนักชั้นนำแห่งโลกบู๊โบราณกลาง

แม้ว่าเขาจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหยางเฉิน แต่ในสำนักเทียนไฮ่ คนที่สามารถสังหารหยางเฉินได้มีอยู่มากมาย

แม้ว่าหลิวชิ่งจะรู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างมาก แต่เขาก็ยังพูดออกไปว่า “นายลองพูดมาก่อนว่านายต้องการร่วมมือกับพวกเราเช่นไร?”

หยางเฉินกล่าวออกมาว่า “เงื่อนไขของฉันนั้นแสนจะง่ายดาย และมีเพียงสามข้อเท่านั้น”

“หนึ่ง หลังจากสำนักเทียนไฮ่ย้ายเข้ามาในโลกมนุษย์ นักบูโดทุกคนของสำนักเทียนไฮ่จะต้องอยู่ในกฎเกณฑ์แห่งโลกมนุษย์ และกฎเกณฑ์นั้นก็แสนง่ายดาย สิ่งที่สำคัญคือไม่อนุญาตให้นักบูโดกระทำความผิดใด ๆ ในโลกมนุษย์ ไม่เพียงแค่ห้ามมุ่งเป้าไปยังนักบูโดของโลกบู๊โบราณกลางเท่านั้น แต่รวมถึงนักบูโดทุกคน”

หลิวชิ่งพยักหน้า “เงื่อนไขแรก เวลานี้ฉันสามารถรับปากในฐานะตัวแทนของสำนักเทียนไฮ่ได้ เนื่องจากในโลกบู๊โบราณกลางเองก็มีกฎเกณฑ์ที่คล้ายกันอยู่ เพียงแต่นักบูโดส่วนใหม่ไม่ค่อยรักษากฎเกณฑ์เหล่านี้เสียเท่าไหร่ แต่หลังจากที่มาถึงโลกมนุษย์แล้ว สำนักเทียนไฮ่จะกำชับเหล่าสาวกเป็นอย่างดี”

หยางเฉินจึงพูดออกมาว่า “ช่วงเวลาหลังจากนี้จะต้องมีนักบูโดจากโลกบู๊โบราณกลางจำนวนมากที่เดินทางมาสู่โลกมนุษย์ และความแข็งแกร่งของนักบูโดเหล่านั้นก็เหนือกว่านักบูโดของโลกมนุษย์ หากพวกเขาไม่รักษากฎเกณฑ์ ทำสิ่งชั่วร้าย พวกเขาจะเป็นผู้นำหายนะอันยิ่งใหญ่มาสู่โลกมนุษย์”

“เงื่อนไขที่สองของฉันก็คือการ ฉันต้องการให้สำนักเทียนไฮ่เป็นผู้นำในการสร้างกลุ่มนักบูโดขนาดเล็กขึ้นมา ปฏิบัติตามกฎเกณฑ์แห่งโลกมนุษย์ ควบมีพฤติกรรมของเหล่านักบูโด หากฝ่าฝืนกฎ ไม่ว่าคนผู้นั้นจะเป็นใครล้วนต้องลงโทษตามสิ่งที่บัญญัติไว้ในกฎเกณฑ์ ”

เมื่อได้ยินเงื่อนไขดังกล่าว หลิวชิ่งไม่ได้ตอบรับกลับไป แต่ขมวดคิ้วขึ้นมาแทน

หยางเฉินเองก็ไม่ได้รีบร้อน เงื่อนไขที่สองของเขาสำหรับนักบูโดทุกคนแห่งโลกบู๊โบราณกลางถือเป็นปัญหาอย่างหนึ่ง ไม่ใช่ว่าพวกเขาไม่สามารถทำได้ แต่เป็นเพราะหากทำเช่นนั้นลงไป พวกเขาจะต้องขุ่นเคืองกับคนจำนวนมาก

แน่นอน หากมองในอีกมุมหนึ่ง มองมาที่ผลประโยชน์ของตนเอง นั่นคือนายสามารถขยายอิทธิพลของพลังนี้ต่อไปในโลกใหม่ใบนี้ได้

หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง หลิวชิ่งก็กล่าวออกมาว่า “แม้ว่าสำนักเทียนไฮ่จะเป็นขุมพลังอันยิ่งใหญ่ในโลกบู๊โบราณกลาง แต่ก็เป็นเพียงแค่หนึ่งในขุมพลังอันยิ่งใหญ่ พวกเราสามารถสร้างกลุ่มนักบูโดขึ้นมาได้ แต่กลุ่มดังกล่าวสามารถต้านทานได้เพียงนักบูโดทั่วไปที่ไม่ได้อยู่ในขุมพลังอันยิ่งใหญ่กลุ่มอื่น”

“แน่นอน เรื่องนี้ฉันจำเป็นต้องรายงานไปยังผู้อาวุโสของสำนัก ฉันเองก็มีข้อจำกัดเช่นกัน เรื่องบางเรื่องที่เกี่ยวกับสำนักเทียนไฮ่ ฉันก็ไม่อาจรับปากกับนายได้ทั้งหมด”

หยางเฉินพยักหน้า “เช่นนั้นก็รอคำตอบจากผู้อาวุโสทางสำนักของนาย”

หลิวชิ่งกล่าวออกมา “แล้วเงื่อนไขที่สามของนายคืออะไร?”

หยางเฉินกล่าวออกมาต่อว่า “เงื่อนไขสุดท้ายถือเป็นเงื่อนไขที่สำคัญที่สุด ในโลกมนุษย์ ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนต้องฟังคำสั่งของฉันเพียงผู้เดียว ต่อให้เป็นเจ้าสำนักเทียนไฮ่ก็ต้องฟังในสิ่งที่ฉันพูดเช่นกัน!”

เมื่อคำพูดดังกล่าวถูกพูดออกมา ใบหน้าของหลิวชิ่งก็เปลี่ยนไปอย่างชัดเจน เขาพูดออกมาด้วยความโกรธว่า “โอหัง! สำนักเทียนไฮ่อันสง่างามของฉัน ในโลกบู๊โบราณกลางเองก็ถือเป็นหนึ่งในขุมพลังอันยิ่งใหญ่ ท่านเจ้าสำนักเองก็เป็นถึงผู้แข็งแกร่งแดนนภาขั้นหกชั้นยอด นายมีสิทธิ์อะไรที่จะให้เขามาฟังในสิ่งที่นายพูด?”

แม้หลิวชิ่งจะรู้ว่าตนเองไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหยางเฉิน แต่เขาก็ไม่ยอมให้หยางเฉินอวดดีเช่นนี้

ในสายตาของเขา เงื่อนไขสุดท้ายของหยางเฉิน เป็นเงื่อนไขที่ต้องการให้อำนาจทั้งหมดของสำนักเทียนไฮ่อยู่ใต้อำนาจการปกครองของเขา

หากยอมรับปากกับเงื่อนไขนี้ สำหรับโลกบู๊โบราณกลางแล้ว มันคือเป็นความอับอายโดยหาที่สุดไม่ได้

ไม่เพียงเท่านั้น สำนักเทียนไฮ่อาจจะถูกกองกำลังอีกหลายกองกำลังในโลกบู๊โบราณกลางคว่ำบาตรอีกด้วย

หยางเฉินไม่ได้โกรธ เขามองหน้าหลิวชิ่งและพูดออกไปอย่างเฉยเมยว่า “นายคงไม่มีสิทธิ์ที่จะตัดสินใจหรือออกความเห็นกับเงื่อนไขดังกล่าวใช่ไหม?”

หลิวชิ่งกล่าวออกไปด้วยใบหน้าแห่งความโกรธ “ต่อให้ฉันไปบอกกับเจ้าสำนัก เจ้าสำนักก็ไม่มีทางเห็นด้วยเป็นแน่ ต่อให้เห็นด้วย ผู้อาวุโสคนอื่นในสำนักก็ไม่มีทางเห็นด้วย”

หยางเฉินยิ้มออกมาอย่างเหยียดหยาม เขากล่าวออกมาอย่างเยือกเย็น “นายยังไม่ทันกลับไปรายงาน นายจะรู้ได้อย่างไรว่าพวกเขาไม่เห็นด้วย? นอกจากนั้น ความหมายของฉัน ฉันไม่ได้ต้องการให้สำนักเทียนไฮ่ก้มหัวให้กับฉัน ด้วยพลังของฉันตอนนี้ ฉันยังไม่สามารถทำเช่นนั้นได้ ฉันเพียงแต่ต้องการร่วมมือกับสำนักเทียนไฮ่ ในฐานะของผู้ร่วมมือเท่านั้น”

“สำหรับฉันแล้ว ฉันเพียงต้องการสิ่งที่สามารถรับประกันได้ว่านักบูโดระดับล่างและคนทั่วไปจะไม่ถูกรังแก ให้พวกเขาสามารถมีชีวิตอยู่ต่อไปอย่างมีเกียรติ ส่วนเงื่อนไขสามข้อที่ฉันพูดไป ฉันเพียงต้องการเป็นตัวแทนของผู้ที่มีสิทธิ์ในการต่อรองของโลกมนุษย์เท่านั้น เพื่อมั่นใจว่าพวกเขาจะไม่ถูกข่มเหง”

“แน่นอน สำนักเทียนไฮ่เป็นเพียงหนึ่งในเป้าหมายที่ฉันต้องการร่วมมือด้วยเท่านั้น ต่อให้พวกนายรับปากเงื่อนไขทั้งสามข้อนี้ พวกนายก็เป็นเพียงหนึ่งในสมาชิกของผู้ให้ความร่วมมือ ฉันยังต้องการพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวกับขุมกำลังอันยิ่งใหญ่อื่น ๆ แห่งโลกบู๊โบราณกลางด้วย”

“”สุดท้าย ฉันจะสร้างสำนักกฎหมายขึ้นมาในโลกมนุษย์ โดยสำนักดังกล่าวเกิดขึ้นจากความร่วมมือกันของกองกำลังอันยิ่งใหญ่ เพื่อร่วมกันรักษากฎเกณฑ์แห่งโลกใหม่”

ดวงตาของหลิวชิ่งเต็มไปด้วยความตกใจ ตอนแรกเขาคิดว่าหยางเฉินเพียงต้องการร่วมมือกับสำนักเทียนไฮ่เท่านั้น คิดไม่ถึงว่าเขาต้องการร่วมมือกับกองกำลังชั้นนำอื่น ๆ ด้วย

หยางเฉินโบกมือ ค่ายกลที่ปิดกั้นพวกเขาทั้งสองจากคนภายนอกก็หายไป

เขาไม่สนใจหลิวชิ่งที่กำลังตกอยู่ในความงุนงง และเดินทางฝั่งของพันธมิตรพิทักษ์

ตู้อวี้ซานเป็นผู้ริเริ่มในการยุยงสมาคมผู้อาวุโส แน่นอนว่าหยางเฉินไม่มีทางปล่อยเขาไปง่าย ๆ

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *