The King of Warบทที่ 2242 คุณรออีกประเดี๋ยว

Now you are reading The King of War Chapter บทที่ 2242 คุณรออีกประเดี๋ยว at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

The king of War บทที่ 2242 คุณรออีกประเดี๋ยว

จอมคนของสำนักเทียนไห่ทั้งหมด ต่างก็โมโหเดือดดาลเป็นอย่างยิ่ง นึกไม่ถึงว่าหยางเฉินจะกล้าในอาณาเขตของพวกเขา ลงมือทำลายจุดตันเถียนของช่าวเหยียน

ช่าวเหยียนใบหน้าเต็มไปด้วยความดุร้าย กัดฟันกล่าว: “แกกล้าทำลายจุดตันเถียนของฉัน ฉันจะต้องทำให้แกมีชีวิตอยู่เหมือนตายทั้งเป็น!”

“เจ้าหนุ่ม แกกล้าหาญมากนัก นึกไม่ถึงว่าจะลงมือที่นี่”

“กล้าทำร้ายคนต่อหน้าท่านรองเจ้าสำนัก แกตายแน่!”

……

บรรดาจอมคนข้างกายของอู่หยางผิง ต่างก็โมโหเดือดดาลเป็นอย่างยิ่ง

หยางเฉินถูกทุกคนโอบล้อมอยู่ตรงกลาง บนใบหน้าไม่มีความตื่นตระหนกเลยแม้แต่น้อย หรี่ตาจ้องมองไปยังทิศทางของช่าวเหยียน กล่าวเสียงเย็นชา: “ทำลายจุดตันเถียนนับอะไร? ฉันยังกล้าฆ่าแกอีกด้วย เชื่อไหม?”

ในเวลานี้ ทั่วทั้งตัวของช่าวเหยียนหนาวเย็นเข้ากระดูก รู้สึกแค่เหมือนกับตนเองถูกอสูรร้ายบุพกาลตัวหนึ่งจ้องมองอยู่ สีหน้าซีดขาวทันที

เมื่อเห็นว่าช่าวเหยียนไม่พูดจา สายของหยางเฉินก็จดจ้องไปที่บนตัวของอู่หยางผิง กล่าวด้วยสีหน้าเรียบเฉย: “ท่านในฐานะเป็นท่านรองเจ้าสำนัก ต้อนรับแขกผู้มาเยือนแบบนี้เหรอ? หรือจะบอกว่า นี่คือประเพณีการต้องรับของสำนักเทียนไห่?”

อู่หยางผิงจ้องมองท่าทีที่สุขุมของหยางเฉิน ภายในใจมีความตื่นตระหนกอย่างประหลาด

ถีบครั้งเดียวก็สามารถทำลายจุดตันเถียนของช่าวเหยียน ต้องไม่ใช่บุคคลธรรมดาอย่างแน่นอน

อู่หยางผิงถามกลับ: “แกกล้าลงมือที่สำนักเทียนไห่ นับว่าเป็นแขกงั้นเหรอ?”

หยางเฉินหัวเราะเยาะทีหนึ่ง: “ดูเหมือนว่า ท่านรองเจ้าสำนักก็อยากจะลองชิมรสชาติของการถูกทำลายจุดตันเถียนเช่นกัน”

เมื่อได้ยินดังนั้น สีหน้าของอู่หยางผิงก็เปลี่ยนไปอย่างรุนแรง

ทันใดนั้นเขาก็มีความรู้สึกบางอย่าง ว่าเจ้าหมอนี่ที่มาจากโลกมนุษย์ ก็คือคนบ้าคนหนึ่ง กล้าที่จะลงมือทำลายเขาจริงๆ

“แกกล้าลงมือก็ลองดู?”

“แกนี่มันอวดดีจริงๆ อยู่ที่สำนักเทียนไห่กล้าข่มขู่ท่านรองเจ้าสำนักของพวกเรา?”

“ท่านรองเจ้าสำนักของพวกเราเป็นจอมคนบูโดอันดับหนึ่งของสำนักเทียนไห่ ต่อให้อยู่ที่ทั่วทั้งโลกบู๊โบราณกลาง นั่นก็คือจอมคนบูโดชั้นยอด แกเป็นลิงที่มาจากโลกมนุษย์ จะเข้าใจอะไร?”

…..

ทุกคนที่อยู่ข้างกายของอู่หยางผิงต่างพากันโห่ร้องขึ้นมาด้วยความโมโห

ยังมีคนพูดกับอู่หยางผิงอีกด้วยว่า: “ท่านรองเจ้าสำนัก เจ้าหมอนี่นึกไม่ถึงว่าจะกล้ายั่วยุท่าน ไม่ได้เห็นท่านอยู่ในสายตาเลยสักนิด ท่านจะต้องสั่งสอนมันให้ดีดีนะครับ ทำให้มันรู้ว่าอะไรคือฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ”

“ถูกต้อง ท่านรองเจ้าสำนัก ท่านลงมือเอง ทำให้มันเข้าใจ บูโดอัจฉริยะของโลกมนุษย์ อยู่ต่อหน้าท่าน ก็คือมด”

……

เมื่อได้ยินคำพูดของคนข้างกาย สีหน้าของอู่หยางผิงก็ดูไม่ได้อย่างสุดขีด

แทบอยากจะตบหน้าไอ้พวกโง่พวกนี้สักสองสามฉาด

ไม่เห็นหยางเฉินถีบทีเดียวก็ทำลายจุดตันเถียนของช่าวเหยียนได้หรือไง?

หลิวชิ่งที่อยู่ด้านข้าง ในเวลานี้ก็ร้อนใจเช่นกัน รีบกล่าว: “ท่านรองเจ้าสำนัก คุณหยางเป็นแขกคนสำคัญที่ท่านอาจารย์ของผมเชิญมาจริงๆ ยังไงก็ขอให้ท่านรองเจ้าสำนักเห็นแก่หน้าของท่านอาจารย์ของผมด้วย ให้คุณหยางไปกับผมเถอะครับ!”

ตอนนี้เขากลัวว่าระหว่างทั้งสองฝ่ายจะเกิดความขัดแย้งที่รุนแรงมากกว่าเดิม

จุดตันเถียนของช่าวเหยียนถูกทำลาย ก็หนักหนาสาหัสมากแล้ว ถ้าหากให้หยางเฉินทำลายจุดตันเถียนของอู่หยางผิงไปอีกคน ถ้าอย่างนั้นก็คงจะจบเห่แล้วจริงๆ

ไม่เพียงแค่เขาต้องได้รับผลกระทบไปด้วย แม้แต่ท่านอาจารย์ของเขาก็ยากที่จะหลีกหนีความผิด

อย่างไรก็ตาม หยางเฉินเป็นคนที่เขาพากลับมาจากโลกมนุษย์

หยางเฉินจ้องอู่หยางผิงด้วยใบหน้าที่ไร้ความรู้สึก ในดวงตามีแสงแห่งความเย็นยะเยือกเปล่งประกายระยิบระยับ

เขาไม่อยากจะก่อเรื่อง แต่ถ้าหากอีกฝ่ายยืนกรานที่จะมีเรื่อง เขาเองก็ไม่กลัวเช่นกัน

อย่างมากก็แค่ลงมือตีกันครั้งใหญ่ จากนั้นก็หนีออกจากสำนักเทียนไห่

“หุบปากให้หมด!”

ในเวลานี้เอง อู่หยางผิงตะโกนกล่าวด้วยความโมโห

ทุกคนถึงได้พากันหุบปาก อู่หยางผิงกระแอม มองไปทางหยางเฉินกล่าว: “ฉันคิดว่าที่หลิวชิ่งพูดมาไม่ผิด ในเมื่อนายเป็นแขกคนสำคัญที่ผู้อาวุโสสามเชิญมา แน่นอนว่าฉันจะไม่ทำให้นายลำบากใจอีก”

“สำนักเทียนไห่ เป็นสถานที่ที่หนึ่งที่พูดกันด้วยเหตุผล!”

“หลิวชิ่ง นายพาเขาไปเถอะ!”

เมื่อได้ยินคำพูดของอู่หยางผิง ลูกศิษย์ทุกคนของสำนักเทียนไห่ ต่างก็ตกตะลึงไปทั้งหมด

แม้แต่ตัวของหลิวชิ่งเอง ต่างก็นิ่งอึ้งอยู่กับที่ อู่หยางผิงให้เขาพาหยางเฉินไป?

อู่หยางผิงคุยง่ายขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่?

ต้องรู้ว่า อู่หยางผิงเป็นท่านรองเจ้าสำนักของสำนักเทียนไห่ ท่านเจ้าสำนักในอนาคต!

“หลิวชิ่ง นายมัวอึ้งอะไรอยู่? รีบพาเขาไปซิ!”

อู่หยางผิงหันหน้าไปตะคอกใส่หลิวชิ่งสุดเสียง หลิวชิ่งถึงได้สติกลับคืนมา รีบกล่าว: “ท่านรองเจ้าสำนัก ผมจะพาเขาไปเดี๋ยวนี้!”

พูดจบ หลิวชิ่งรับลากหยางเฉินออกไป

“ท่านรองเจ้าสำนัก ท่านปล่อยมันไปได้ยังไง? มันทำลายจุดตันเถียนของศิษย์พี่ช่าวเหยียนนะครับ!”

“ถูกต้อง ศิษย์พี่ช่าวเหยียนถูกทำลายจุดตันเถียนที่สำนักเทียนไห่ ถ้าหากแพร่งพรายออกไปแล้ว คนอื่นคงจะคิดว่าคนของสำนักเทียนไห่ของพวกเรารังแกได้ง่ายๆนะครับ!”

“ท่านรองเจ้าสำนัก ท่านควรจะลงมือด้วยตนเอง ทำให้มันรู้ถึงความเก่งกาจของท่าน!”

……

อู่หยางผิงขมวดหว่างคิ้ว จากนั้นก็เอ่ยกล่าวอย่างวางมาด: “พวกแกไม่ได้ยินคำพูดของหลิวชิ่งหรือไง? เจ้าหมอนั่นเป็นแขกคนสำคัญที่ผู้อาวุโสสามเชิญมา พวกเราทำอะไรมันจริงๆแล้วละก็ จะอธิบายกับผู้อาวุโสสามยังไง?”

“ไม่ว่าจะอย่างได้ ผู้ที่มาก็คือแขก เอาละ ทุกคนแยกย้ายได้กันไปได้แล้ว!”

พูดจบ เขาก็สะบัดแขนเสื้อเดินจากไป

บรรดาจอมคนของสำนักเทียนไห่ทั้งหมด งงเป็นไก่ตาแตกทั้งหมด

ช่าวเหยียนใบหน้าเต็มไปด้วยความผิดหวังและไม่พอใจ: “ท่านรองเจ้าสำนัก ไม่สนใจผมแล้วงั้นเหรอ?”

เมื่อคิดถึงความเป็นไปได้แบบนี้ เขาก็ลุกลี้ลุกลนไปโดยสิ้นเชิง

ที่สำนักเทียนไห่ ล้วนเป็นพรสวรรค์ด้านบูโดอยู่สูงสุดมาโดยตลอด พรสวรรค์ด้านบูโดของใครดี คนนั้นก็จะได้รับความสำคัญจากสำนัก

ตอนนี้จุดตันเถียนของเขาถูกทำลาย นับจากนี้เป็นต้นไปได้กลายเป็นคนไร้ประโยชน์แล้ว ไม่ต้องพูดถึงการได้รับการอบรมสั่งสอนที่สำคัญของสำนัก ต่อให้คิดอยากจะอยู่ที่สำนักต่อไป เกรงว่าก็ไม่มีความหวังแล้ว

ช่าวเหยียนตะโกนเสียงดัง: “ท่านรองเจ้าสำนัก ท่านไม่สนใจผมไม่ได้นะ!”

เพียงแต่ อู่หยางผิงได้เดินจากไปแล้ว จะได้ยินคำพูดที่เขาพูดได้อย่างไรกัน

และนักบูโดที่ติดตามอู่หยางผิงสองสามคนนั้น ก็เหมือนกับว่ากำลังหลบร่างแห จากไปอย่างรีบร้อน

ทิ้งช่าวเหยียนเอาไว้เพียงลำพัง

“พรวด!”

ช่าวเหยียนถูกธาตุไฟเข้าแทรก กระอักเลือดออกมา แล้วก็หมดสติไปในทันที

ในเวลาเดียว หลิวชิ่งได้พาหยางเฉินมาถึงภายในเรือนเล็กหลังเดี่ยวหลังหนึ่ง

หลิวชิ่งกล่าว: “คุณหยาง ที่นี่ก็คือที่อยู่ของท่านอาจารย์ของผม คุณรอประเดี๋ยว ผมจะไปบอกกับท่านอาจารย์ผม”

เขาพูดไป ก็มุ่งหน้าเดินไปที่เรือนหลังเล็กที่อยู่ตรงกลางด้านในลานเรือนหลังนั้น

ที่ประตูห้อง ยังมีลูกศิษย์ที่สวมชุดของสำนักเทียนไห่สองคน

หลิวชิ่งเตรียมที่จะเข้าไป ก็ถูกลูกศิษย์ทั้งสองคนขวางเอาไว้ที่ด้านนอกประตู

“พวกนายจะทำอะไร?”

หลิวชิ่งกล่าวตำหนิลูกศิษย์สองคนนั้น เห็นได้ชัดว่า ตำแหน่งของเขาสูงกว่าลูกศิษย์สองคนนี้

ลูกศิษย์คนหนึ่งเอ่ยปากกล่าว: “ศิษย์พี่หลิว ผู้อาวุโสสามมีคำสั่ง ผู้ใดก็ห้ามรบกวน!”

“หา?”

หว่างคิ้วของหลิวชิ่งขมวดเข้าหากัน เขารู้ว่า ศิษย์น้องสองคนไม่มีทางพูดจาส่งเดชอย่างแน่นอน ถ้าอย่างนั้นก็หมายความว่า เป็นผู้อาวุโสสามถ่ายทอดคำสั่งจริงๆ ว่าเข้าไปไม่ได้?

เขาหันหน้าไปมองด้านในห้องอย่างล้ำลึกแวบหนึ่ง จากนั้นก็กลับมาที่ข้างกายของหยางเฉิน กล่าวด้วยใบหน้าที่รู้สึกผิดและเสียใจ: “คุณหยาง ต้องขออภัยจริงๆ พวกเรายังคงต้องรออีกสักครู่!”

หยางเฉินขมวดหว่างคิ้ว เขารู้สึกได้ว่า ในห้องมีลมปราณกลุ่มหนึ่งที่แข็งแกร่งเป็นอย่างยิ่ง เห็นได้ชัดว่าเป็นของผู้อาวุโสสามแห่งสำนักเทียนไห่

“ครับ!”

เมื่อครุ่นคิดดู หยางเฉินก็ตอบตกลง

เป็นไปตามนี้ ผ่านไปครึ่งชั่วโมงแล้ว ผู้อาวุโสสามยังคงไม่ออกมาจากด้านในห้องเช่นเดิม

หลิวชิ่งจ้องมองห้องด้วยใบหน้าที่ตึงเครียด

บนใบหน้าของหยางเฉินมีความหมดความอดทนเพิ่มขึ้นเล็กน้อย เขามาที่สำนักเทียนไห่เการพูดคุยเรื่องความร่วมมือเป็นหนึ่งในนั้น สิ่งที่สำคัญกว่าคือก็เพื่อคิดหาหนทางช่วยเหลือฉินซีออกมาจากสำนักเหอฮวน

ถ้าหากก่อนหน้านี้ สามารถได้รับมิตรภาพของสำนักเทียนไห่ จะช่วยเหลือเขาได้มาก

เมื่อคิดถึงตรงนี้ หัวใจของหยางเฉินก็ค่อยๆสงบลง รอก็คือรอ งั้นก็หลับตามแล้วบำเพ็ญเพียรเสียเลย

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *